ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟิคtwisted wonderland x oc ( To you...that I met in my dreams. แด่เธอ...ที่พบเจอในฝัน)

    ลำดับตอนที่ #11 : ความซวยที่นำไปสู่...สิ่งที่ปราถนา

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 65


    (ไอ้พวกเพื่อนพาซวยเอ้ยยยย!) 

    (ตอนที่7 มีการแก้ไขบทเล็กน้อยจะกลับไปอ่านก่อนก็ได้นะคะ ช่วงตอนที่ผีมาหลอก)

     

    "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!"

    โครม!!!


     

         หลังจากที่สิ้นเสียงร้องของเอซ และเสียงของความพังพินาศทุกอย่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยควันขโขมง

     

    "แค่กๆ! อะ! กริมม์!"

    "แง้ววว...."


     

    เซียอาน่าทั้งไอสำลักควันพร้อมกับโบกมือปัดๆควันไปมา ก่อนที่จะเดินไปหาเอซที่สามารถจับกริมม์ได้ แต่สภาพเขาตอนนี้นั้น ไม่ค่อยน่าดูเท่าไรเลย

     

    "แหวะ! แค่กๆ!! ไม่อยากจะเชื่อเลย!"

     

    เอซนอนหมดสภาพอยู่ที่พื้นโดยรอบๆตัวเขานั้นมีเศษซากที่ตกแตกกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด

     

    "นายยังพอลุกไหวไหม อ้าว ส่งมือมา"

     

     เซียอาน่ารีบเข้าไปดึงตัวกริมม์กลับมาจับเอาไว้เอง ก่อนที่จะยืนมือไปดึงตัวเอซให้ลุกขึ้นตามมาด้วย

    ถ้าเป็นปกติเอซอาจจะเล่นตัวว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ แต่จากสภาพตอนนี้ แค่จะลุกขึ้นมานั่งเองยังลำบากเลย เพราะงั้นเขาเลยยอมมองข้ามมันไป ก่อนที่จะจับมือของเซียอาน่า เธอจึงช่วยดึงเขาให้ลุกขึ้นมา

     

    "พวกนายปลอดภัยไหม!?"

    "หา!! นี้แกยังมีหน้ามาถามอีกหรอ!"

    "อ่า...โทษที ไม่ได้คิดถึงเรื่องตอนลงพื้นยังไงเนี่ยสิ"

    "แก......โง่ป่ะเนี่ย!!!???"


     

    ดิวซ์ตะโกนถามขึ้นพร้อมกับเดินมาหาพวกเธอ ก่อนที่เขาจะโดนเอซตะคอกใส่อย่างหัวเสีย ที่เขาถูกดิวซ์โยนขึ้นไป



         ให้ตายเถอะ!! เขาไม่ลอยไปหน้ากระแทกแชนเดอเลียร์หรือตกลงมาโดนทับ หรือคอหักตายนี้ดีแค่ไหนแล้วเนี่ย!


     

    "นี้....พวกนาย....ฉันว่าเรามีเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากกว่าเรื่องนั้นอีกนะ"


     

    เสียงของเด็กสาวเพียงคนเดียวเรียกให้พวกเขาทั้งคู่หันไปมองตามก่อนที่พวกเขาจะพึ่งรู้ตัว ว่าพึ่งได้ทำอะไรลงไป


     

         เศษซากที่มันตกอยู่ตามพื้นนั้นเป็นเศษซากของแชนเดอเลียร์ที่ตกลงมาเละไม่เหลือซาก….


     

          'ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมากันนะ '


     

    เด็กๆทั้งสามกับหนึ่งปีศาจที่ยังนิ่งสลบอยู่ ต่างเหงือกตกไปตามๆกัน เซียอาน่าเผลอกอดกริมม์แน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ในขนะที่ดิวซ์เองก็หน้าซีดไม่ต่างกัน ส่วนเอซนั้นเริ่มจะลนลานมากกว่าใครเพื่อน

     

    "แบบนี้แย่แน่ๆ เราซวยแล้ว ถึงจะจับกริมม์ได้แต่ถ้าผู้อำนวยการรู้ว่าเราทำแชนเดอเลียร์พังยับละก็....."


     

    "ถ้ารู้ละก็......อะไรงั้นหรอครับ"


     


     

    "ผะ...ผู้อำนวยการ....."


     

         น้ำเสียงทุ้มที่คุ้นๆหูดังขึ้นที่ข้างหลัง ทำให้พวกเขาหันกลับไปมองด้วยความสั่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็น ก็ปรากฎร่างของผู้อำนวยการ ยืนนิ่งจ้อมมองลงมาที่พวกเขาด้วยแววตาใต้หน้ากากที่กำลังโกรธสุดๆอยู่


     

    พวกเขาไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาราวกับว่าได้ทำเสียงของตัวเองหายไป......


     


     


     

    "พวก ~ คุณ ~ กำลัง~~~~ ทำอะไรกันอยู่ครับเนี่ย!!!!"

     

     

    "แง้วววว....รู้สึกเวียนหัวชะมัด~~"


     

    เสียงอันมึนงง?ของกริมม์เป็นสิ่งเดียวที่ทำลายความเงียบงัมนั้น หลังจากที่ผู้อำนวยการพึ่งจะตะโกนถามใส่พวกเธอ แล้วพอมันหันไปเห็นใบหน้าที่ดูโกรธจัดสุดๆของผู้อำนวยการ กริมม์ก็สะดุ้งตกใจจนเข้ามากอดคอของเซียอาน่าพร้อมกับแอบมีน้ำตาคลอเบ้า

     

    แต่มันก็คงไม่รู้หรอกว่า เด็กสาวที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียวของมันเอง ก็แอบสั่นกลัวอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

     

     

    "แค่เผารูปปั้นของผู้หยิ่งใหญ่ทั้ง7ยังไม่พอ ยังทำข้าวของอันล้ำค่าของทางโรงเรียนเสียงหายอีก...."


     

         ผู้อำนวยการหมดความอดทนเต็มทีแล้ว....


     

    "ยกโทษให้ไม่ได้แล้วครับ ทุกคน ถูกไล่ออกตอนนี้เลยครับ!"


    คำประกาศพร้อมกกับความอดทนทั้งหมดได้ขาดลง และนั้นก็ตามมาด้วยความตกใจของพวกเธอทั้งสามกับอีกหนึ่งตัว แต่คนที่ดูร้อนรนที่สุดดูเหมือนจะเป็นดิวซ์


    "มะ ไม่นะ! ยกโทษให้ด้วยเถอะครับผมยังมีเรื่องที่ต้องทำที่โรงเรียนนี้อีกมากมายเลยนะ"

    "โทษตัวเองที่ทำอะไรไม่คิดเถอะครับ"


    เขาพยายามขอร้องแต่ผู้อำนวยการเอกก็เหมือนจะไม่ยอมง่ายๆ เพราะเรื่องที่พวกเธอสามคนพึ่งทำลงไปนั้นมันหนักหนาเอาการอยู่เหมือนกัน มันไม่ใช่เรื่องที่แค่เอ่ยขอโทษแล้วจะยกโทษให้ง่ายๆได้เลย


    "ขอร้องละครับผมยอมทำทุกอย่างเลย จะชดให้"

    "แชนเดอเลียร์นี่ไม่ใช่ของธรรมดานะครับ แต่มันเป็นแชนเดอเลียร์ที่อาศัยอัญมณีเวทมนต์เป็นแหล่งพลังงานในการจุดเทียนซึ่งไม่มีวันดับ เป็นของที่นายช่างอุปกรณ์เวทมนต์ในตำนานสรั้างขึ้นมา ทั้งที่รับสืบทอดมาตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนแท้ๆ...."


    ดิวซ์ยังคงไม่ลดละความพยายาม เขาพยายามขอร้องว่าจะชดใช้ให้ แต่คำตอบที่ได้รับจากผู้อำนวยการนัhนก็คือ แชนเดอเลียร์ที่พึ่งจะพังไปนั้นมันมีอัณมญีประดับ ที่มีความเก่าแก่มาตั้งแต่ก่อนก่อตั้งโรงเรียน แล้วถ้าคิดคำนวนค่าตามประวัติศาสตร์ดูแล้ว มีค่ามากกว่าพันล้านมาดอลเลย


    ซึ่งเซียอาน่าก็ไม่รู้ว่า "พันล้านมาดอน" นี้ถ้าตีเป็นค่าสกุล "เยน" มันจะเป็นเท่าไร แต่เมื่อมีคำว่า "พันล้าน" เธอพอเดาได้เลยว่ามันคงมีค่ามากถึงที่ว่าเธอทำงานใช้หนี้ทั้งชีวิตก็ไม่มีวันใช้หมดแน่ๆ


         หรือต่อให้เธอเอาเงินของที่บ้านมาใช้หนี้ได้ก็คงใช้ไม่หมดเช่นกัน ถึงบ้านเธอจะมีฐานะก็เถอะ เอซที่ได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยถามว่าผู้อำนวยการสามารถใช้เวทมนต์ซ่อมมันได้ใช่ไหม แต่คำตอบที่ได้มานั้นมันไม่ได้ดีขึ้นเลย ต่อให้ซ่อมได้ แต่อัญมณีที่แตกไปแล้วไม่สามารถซ่อมได้ และไม่สามารถหาแบบที่เหมือนกันได้อีก


          แชนเดอเลียร์นี่จะไม่ส่องแสงอีกต่อไป


    'ทำยังไงดี....ฉันควรจะทำยังไงดี'


    เซียอาน่าเริ่มคิดมาก เพราะว่าถ้าเธอโดนไล่ออกจากที่นี้ เธอก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนในโลกมิตินี้ที่เธอไม่รู้จัก แถมเธอยังไม่มีเวทมนย์อีก และถ้าไม่ได้อยู่ที่นี้คงจะหาทางกลับบ้านไม่ได้ด้วย และเหนือสิ่งอื่นใด เป้าหมายที่เธอได้รับมานั้น มันจะเป็นยังไงถ้าเธอทำไม่สำเร็จ เธออาจจะไม่ได้ เธอคนนั้น กลับมาอีกเลย....


         ไม่...เรื่องนั้นยอมไม่ได้เด็ดขาด!



    "ถ้าสามารถหาอัญมณีอันใหม่มาได้ ก็จะสามารถซ่อมแชนเดอเลียร์ได้ใช่ไหมคะ?"


         เซียอาน่าที่เงียบไปนาน ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาในที่สุดท่ามกลางความเงียน ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธออย่างแปลกใจ


    "อ่า....ถ้าสามารถหาแบบที่เหมือนกันมาได้ ก็สามารถซ่อมได้ครับ ที่เหมืองคนแคระตอนนี้ถึงจะปิดไปแล้ว แต่ก็สามารถเข้าไปได้อยู่ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหาอัญมณีแบบที่เหมือนกันได้รึปล่าว"

    " ถ้าไม่ลองดูก็ไม่รู้หลอกคะ ฉันจะไปหามันเอง!"



         สิ้นคำพูดทั้งสี่คนรวมกริมม์ด้วยนั้นต่างเบิกตาและอุทานออกมาด้วยความแปลกใจ ที่เด็กสาวผู้ไม่มีเวทมนต์นั้นพูดอะไรออกมาแบบนั้น


    "ขอแค่ไม่โดนไล่ออกฉันยอมทำค่ะ จะรีบไปเอามาให้ ขอโอกาสให้ด้วยเถอะค่ะ"


    สายตามุ่งมั้นไม่ยอมแพ้ และไม่มีแววของความล้อเล่น พร้อมกับโค้งหัวขอร้องกับผู้อำนวยการ จนเจ้าตัวที่ถูกเด็กสาวขอร้องนั้น แอบตกใจไปแวบนึง ก่อนที่จะกลับมาทำท่าทางปกติ และเอ่ยกับเด็กสาวไป


    "....ก็ได้ครับ ผมจะให้เวลาคืนหนึ่งก็แล้วกัน"

    "ขอบคุณคะ!"










    "เซีย! รอข้าด้วยสิ!"


    เจ้าเหมียวกริมม์ที่กำลังลอยตามเด็กสาวไปอยู่นั้น ตั้งแต่ได้รับอุญาตให้ไปเอาอัญมณีนั้นโดนการเดินทางผ่านกระจกแห่งความมืดไปที่โถงกระจก เด็กสาวก็รีบวิ่งออกมาโดยไม่ได้สนใจสองหนุ่มและเจ้าแมวปีศาจอีกเลย จนกริมม์ที่โดนทิ้งเอาไว้นั้นต้องรับบินตามมา 


         แต่ต่อให้มันจะเรียกเด็กสาวมากแค่ไหนเธอก็ไม่ยอมหันกลับมาหามันเลย จนมันเริ่มรู้สึกแปลกๆ ก่อนที่จะพยายามเรียกอีกครั้ง เด็กสาวก็ยังคงไม่ยอมหันกลับมา


    "ข้าบอกให้รอข้าก่อนไงเซีย!!"


    กริมม์เริ่มตะโกน ก่อนที่จะเร่งความเร็ว บินมาขวางหน้าเด็กสาวเอาไว้ จนเซียอาน่านั้นต้องหยุดชะงัก แล้วกลับมาได้สติอีกครั้ง เธอมองใบหน้าของกริมม์สลับกับมองไปรอบๆ ตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่สวนกลางแล้วกำลังจะมุ่งหน้าตรงไปที่โถงแห่งกระจก


    "เป็นอะไรของเจ้าน่ะ ข้าเรียกก็ไม่ตอบแถมยังเดินออกมาโดยไม่รออีก"

    "....พอดีคิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ"


    เธอเอ่ยสั้นๆกอ่นที่จะเริ่มเดินอีกครั้ง เธอเดินผ่านกริมม์ไปโดยไม่พูดอะไรต่อ จนเจ้าแมวปีศาจที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของเด็กสาว มันก็รู้สึกไม่ค่อยดีที่เธอมีท่าทางแบบนั้น มันค่อยๆลอยตามเธอไปอย่างช้าๆ


         ทั้งคู่เดินมาจนถึงบริเวณบ่อน้ำกลางสวน ถ้าผ่านไปอีกหน่อยก็จะไปถึงโถงกระจก เซียอาน่าจมกับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ถ้าเธอไม่สามารถหาอัญมณีนั้นกลับมาได้ละก็ เธอก็ต้องโดนไล่ออกจากที่นี้ โดยที่ยังทำสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 มอบหมายมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และข้อตกลงก็อาจจะถูกยกเลิกถ้าเธอพลาด


         ใบหน้าของหญิงสาวคนสำคัญฉายชัดขึ้นมา เธอคืนคนสำคัญของเซียอาน่า ที่เคยเสียไปแล้ว การที่เธอมาอยู่ตรงนี้ก็เพื่อเธอคนนั้นที่ต้องพากลับมาให้ได้ ไม่ว่าต้องทำอะไรเธอก็จะทำ


    ต่อให้มันจะอันตราย หรือต้องแลกด้วยชีวิตของเธอก็ยอม


    "ข...ข้าขอโทษ!"



         เสียงของกริมม์เรียกให้เซียอาน่ากลับออกมาจากความคิดของตัวเอง ดวงตาสีฟ้าครามหันหลังกลับไปมองเจ้าเหมียวกริมม์ที่ตอนนี่ลงไปยืนกับพื้นทั้งหูและหางที่ตกลง แววตาดูสั่นเครือราวกับจะร้องไห้ยังไงอย่างนั้น


    "ขะ ข้าขอโทษที่ก่อเรื่อง! ยอมรับก็ได้ว่าที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะข้าด้วย! ข้ายอมรับผิดแล้วนะ เพราะงั้นเจ้าเลิกทำหน้าเศร้าแบบนั้นสักทีสิ!"


         กริมม์ตะโกนพูดขึ้นเหมือนระบายทุกอย่างออกมา มันยอมรับผิดแล้วว่าที่เรื่องในวันนี้มันวุ่นวายไปหมดมันก็มีส่วนผิดด้วยแบบเต็มๆเลย แต่เด็กสาวที่ไม่ได้มีความผิดอะไรเลยกลับกำลังจะหางทางแก้ไขทุกอย่าง สีหน้าของเด็กสาวที่มันเห็นนั้นดูกดดัน และดูเศร้าสร้อยราวกับกำลังแบกโลกเอาไว้ทั้งใบ มันรู้สึกไม่ดีที่เด็กสาวมีสีหน้าแบบนั้น และมันก็คิดว่าที่เธอแบบนั้นก็เพราะมัน


    "พวกเราก็ขอโทษครับ!"


    เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาที่ข้างหลัง ก่อนจะปรากฎว่าเป็นดิวซ์ที่เป็นคนพูด ข้างๆกันนั้นเอซก็ตามมาด้วย ทั้งคู่วิ่งมายืนข้างๆกับกริมม์ สีหน้าของดิวซ์นั้นดูสำนึกผิดแบบสุดๆราวกับลูกไก่จะโดนต้ม เอซนั้นกุมท้ายท้อย และหลบสายตา แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของเขาก็ดูไม่ได้ร่าเริ่งหรือดูรู้สึกดีเลยสักนิด


    "ผมเองก็ผิด ถ้าไม่รีบร้อนแบบนั้นคงจะไม่ทำแชนเดอเลียร์พัง แล้วจะมาให้เซียรับผิดชอบคนเดียวแบบนี้ไม่ได้หลอก ผมจะไปด้วย แต่ก่อนอื่นช่วยรับคำของโทษของพวกเราทีเถอะนะ ค ครับ!"

    ดิวซ์พูดออกมาเสียงดัง และสีหน้าก็รู้สึกผิดอย่างที่พูดจริงๆ ก่อนที่สายตาของเขาจะหันไปหาเด็กหนุ่มผมส้มแดงที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ จนคนที่ถูกจ้องนั้นทำหน้าเหมือนเด็กโดนขัดใจ ก่อนที่จะหันหน้ามามองเด็กสาวตรงๆ


    "ฉันขอโทษ พอเห็นเธอที่พยายามแก้ปัญหาโดยที่ไม่ได้คร่ําครวญ อะไรเลยมันทำให้ฉันรู้สึกแย่ และถ้าต้องปล่อยให้เธอไปเอาอัญมณีนั้นคนเดียวอีกละก็ ชาตินี้ฉันคงไม่ยกโทษให้ตัวเองแน่ มันไม่เท่เลยสักนิดที่ต้องให้เธอมารับผิดชอบเองทุกอย่างแบบนี้"


    เอซกลั้นใจพูดความในใจออกมา ถึงในตอนแรกเขาจะไม่อยากยอมรับผิด แต่พอเห็นความกระตือรือร้นและสีหน้าที่ดูจริงจังของเด็กสาว เขาก็รู้สึกอายตัวเองขึ้นมา เรื่องวันนี้มันคงไม่เกิดขึ้นถ้าเขาไม่เข้าไปหาเรื่องเธอกับเจ้าแมวปีศาจ แชนเดอเลียร์คงไม่พัง ถ้าเข้าไปหนีการลงโทษมาตั้งแต่แรก


    "พวกเราขอโทษ">>>3


    ทั้งสามคนเอ่ยขอโทษออกมาพร้อมกัน ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แต่ที่ดูจะรู้สึกเศร้าจนจะร้องไห้อยู่แล้วดูเหมือนจะเป็นกริมม์ มันไม่อยากโดนเด็กสาวโกรธ ในตอนนี้คนที่ดูจะเข้าใจมันมากที่สุดก็คือเด็กสาว ถ้าเกิดเธอไม่สนใจมันขึ้นมา มันก็จะกลับไปโดดเดียวอีกครั้ง


    "ไม่คิดว่าพวกนายจะคิดมากขนาดนี้"


         เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เงียบไปนาน เธอมองทั้งสามคนสลับกันไปมาตอนนี้พวกเขาราวกับเด็กที่ทำความผิดแล้วมาสาระภาพกับคุณแม่ยังไงอย่างนั้น พอคิดแบบนั้นแล้วมันดูน่ารักดี เธอจึงหลุดขำออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม


         'ถ้าฉันเป็นแม่พวกนายฉันคงดีใจจนร้องได้เลยละ ที่ลูกได้เรียนรู้ความรับผิดชอบ และโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นขนาดนี้'


    เซียอาน่าได้แต่คิดในใจไม่พูออกมา เพราะถ้าพูดออกมาละก็สามคนนี้ได้โวยวายกลับมาแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกดีขึ้นจริงๆ จนลืมเรือนความคิดที่กดดันตัวเองก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น


    "ฉันรับคำขอโทษ แต่จะดีมากถ้าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกละนะ"


    รอยยิ้มของเด็กสาวนั้นเป็นสัญญาณที่ดี จนกริมม์เมื่อเห็นแบบนั้นก็ดีใจพุ่งตัวเข้าไปกอดเด็กสาวทันที จนคนที่โดนกอดนั้นเผลอแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาครู่นึง ก่อนที่จะยกยิ้มออกมาเบาๆแล้วกอดกริมม์ตอบ


    "ถ้างั้นเรามาเริ่มกันใหม่นะ"


    เอซพูดขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปตรงหน้าเด็กสาวก่อนที่จะยื่นมือไปหาเธอ ด้วยสีหน้าขัดเขิน มีหลบสายตาอยู่บ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ยอมมองมาที่เธอตรงๆ เซียอาน่ามองท่าทางแบบนั้นของเอซแล้วอดยิ้มขำไม่ได้ แต่เธอก็ยอมยื่นมือไปจับมือกับเขา


    "เอาเป็นว่า นายได้รับอนุญาตให้เรียกฉันว่า เซีย เฉยๆได้ก็แล้วกันนะ เอซคุง"




    โถงกระจก



          ทั้งสามคนกับหนึ่งปีศาจได้มาถึงที่โถงแห่งกระจก และจุดมุ่งหมายเดียวของพวกเขานั้นก็คือเหมืองคนแคละ เซียอาน่ามองไปรอบๆครั้งก่อนที่มาตอนนั้นคนมันเยอะเต็มไปหมด จนไม่ได้ดูอะไรๆเลย ลองมองดูแล้วห้องนี้เป็นห้องโถงกว้างมืดๆ ดูโล่งไปหมดจะมีก็แค่กระจกแห่งความมืดที่อยู่ตรงกลางนั้น


    "เราต้องหาอัญมณีนั้นให้พบก่องรุ่งสาง ไม่งั้นเราจะถูกไล่ออกแน่"


    เซียอาน่าพูดขึ้น โดยสองข้างของเธอนั้นมีเอซแล้วก็ดิวซ์ยืนประกบข้างอยู่ และในอ้อมแขนของเธอนั้นอุ้มกริมม์อยู่ ตอนแรกที่เธอคิดว่าจะไปหาอัญมณีคนเดียวนั้นไม่ได้คิดถึงมันเลยว่ามันจะอันตรายหรือยากมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอมีเพื่อนไปด้วยแบบนี้แล้วมันคงไม่ยากเกินไป และพวกเธอจะต้องทำให้ได้


    "ต้องหามันให้เจอ ข้าจะไม่ยอมออกจากโรงเรียนนี้จนกว่าจะได้กลายเป็นจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่หรอก!"


         กริมม์เองก็ไม่ยอมแพ้เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่มันปรารทนา มันจะไม่ยอมมาจบลงตรงนี้โดยที่ยังไม่ได้เริ่มหรอก


    "ผมเองก็มีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมายเลย จะไม่ยอมให้คุณแม่เสียใจอีกแล้ว"


         ดิวซ์มีสายตามุ่งมั้น แต่ในประโยคหลังของเขานั้นเขาพูดเสียงเบาราวกกับพูดอยู่กับตัวเอง


    "ถ้าต้องถูกไล่ออกด้วยเรื่องแบบนั้นพี่ได้ล้อฉันตายแน่ๆ"


         เอซดูเหมือนจะไม่ได้เดือดร้อนเท่าไรถ้าต้องถูกไล่ออก แต่ถ้าจะให้ดีข้อไม่เอาดีกว่า เพราะเขารู้สึกว่าชีวิตต่อจากนี้ในรั้วโรงเรียนคงจะไม่น่าเบื่อ ถ้าไปอยู่กับเด็กสาวผู้ไร้เวทมนต์แล้วก็เจ้าปีศาจแมวนี่ ตอนนี้เขาขอแค่นั้น


         'ฉันต้องทำภาระกิจให้สำเร็จ รอฉันก่อนนะ...'


    "กระจกแห่งความมืดเอ๋ย จงนำทางเราไปยังเหมืองครแคระ!"


         เมื่อทุกคนพร้อมแล้วดิวซ์จึงเป็นคนเอ่ยปากพูดถึงสถานที่ที่พวกเขาจะไปกับกระจกแห่งความมืดได้รู้ กระจกแห่งความมือปรากฎใบหน้าสีขาวที่มีลวดลายสีดำขึ้นมาจ้องมองมาที่เด็กทั้งสามกับหนึ่งปีศาจก่อนที่ภาพในกระจกจะกลายเป็นอีกสถานที่นึง พวกเขาทั้งสี่ได้ก้าวเท้าเดินผ่านมันไป สัมผัสแรกเมื่อผ่านมานั้นเซียอาน่ารู้สึกราวกับผ่านทะลุผิวน้ำขึ้นมา เมื่อผ่านมาได้แล้วภาพทิวทัศน์รอบๆกลายเป็นป่าหนาทึบตอนกลางคืน






    "หว่าาาา ที่นี้มืดๆน่ากลัวชะมัดเลย"


    กริมม์มองไปรอบๆด้วยเสียงสั่นกลัว แสดงออกผ่านแววตาอย่างชัดเจนว่ากำลังกลัวอยู่ มันกระโดดมาเกาะไหล่ของเด็กสาวแน่น


    "ตรงนั้นมีบ้านด้วย ลองไปดูกันเถอะ"


    เซียอาน่าสังเกตเห็นบ้านที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำผ่านความมืด ที่นั้นมีอะไรให้ไปค้นหามากว่าจะมายืนอยู่กลางป่าแบบนี้ ทั้งสี่คนตัดสิ้นใจเดินไปที่บ้านหลังนั้นโดนข้ามสะพานไม้เล็กๆข้ามไป


    "บ้านปิดไฟเงียบสนิทเลย บ้านร้างแน่ๆ"

    "ประตูไม่ได้ล็อกด้วย สวัสดีครับ!...."


    เซียอาน่ามองสำรวจตัวบ้าน และมองผ่านหน้าต่างที่ข้างในนั้นมืดสนิท และไม่มีเสียงอะไรเลย ไร้ล่องลอยของผู้อยู่อาศัยมานาน ดิวซ์ที่ลองจับลูกบิดประตูดูแล้วว่ามันไม่ได้ล็อกเขาเลยลองเปิดเข้าไปพร้อมกับเอ่ยทักเผื่อว่าจะมีคนอยู่ 

         แต่สิ่งที่ได้กลับมายังคงเป็นความเงียบ และเมื่อเปิดประตูกว้างมากขึ้นให้แสงจันทร์ส่องเข้าไปได้ก็พบกับสภาพบ้านที่โทรมมากๆ ทั้งฟุ่นทั้งใยแมงมุมเต็มไปหมด


    "บ้านร้างจริงๆด้วยนะเนี่ย"

    "อุ๊บ!? ใยแมงมุมติดหน้าอ่ะ ถุยๆ!"


    ดิวซ์มองไปรอบๆด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กๆ เขาแอบคิดว่าจะยังมีคนอยู่เพื่อจะได้ถามอะไรได้แต่ดูเหมือนที่นี้จะถูกทิ้งร้างมานานแล้ว กริมม์ที่ยอมโผล่ออกมาจากไหล่ของเซียอาน่าแล้วลอยไปดูรอบๆ หน้าของมันก็ไปโดยใยแมงมุมเข้าพอดีก่อนที่จะเอาอุ้มเท้าหน้าพยายามดึงออกไป


    "มีโต๊ะกับเก้าอี้ตัวเล็กด้วย อย่างกับของเด็กเลยแนะ"

    "เด็กหรอ? ถ้าที่นี่เป็นเหมืองคนแคระตามชื่อ นี้ก็น่าจะเป็นบ้านของคนแคระนะ"


    เอซที่เดินตามเข้ามาที่หลังนั้นมองไปที่โต๊ะกับเก้าอี้กลางบ้านที่มันมีขนาดเล็กกว่าปกติราวกับพวกเก้าอี้เด็ก แต่เซียอาน่าที่จำได้ว่าถ้าที่นี่เป็นเหมือนคนแคระ ถึงเธอจะไม่เคยเจอหรือเคยเห็นคนแคระตัวเป็นๆ แต่ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าต้องตัวเล็กแน่ๆ เพราะงั้นทั้งข้าวของในบ้านนี้ และบ้านหลังนี้ที่ประตูทางเข้านั้นเล็กกว่าปกติ ก็เป็นไปได้ว่าที่นี่ต้องเป็นบ้านของคนแคระแน่นอน


    "หนึ่ง สอง.....7 คนเลยหรอ! เยอะจัง!"

    "ดูท่าสมัยที่เหมืองคนแคระยังเฟื่องฟูที่นี้คงคึกคักน่าดูเลย"


    เอซลองนับเก้าที่ตัวเล็กๆพวกนั้นดู แล้วมันมีอยู่ทั้งหมด 7 ตัวด้วยกัน เซียอาน่ามองตามถ้าหากว่านี้เป็นบ้านปกติละก็มันก็ดูจะเล็กเกินไปสำหรับ 7 คน แต่เมื่อรู้ว่าเป็นบ้านคนแคระเธอก็ไม่แปลกใจแล้วละ ดิวซ์เองก็เสนอความเห็นว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนที่นี้ก็คึกคักน่าดูเลยทีเดียว


    "ที่นี้ดูจะไม่ได้อะไรเลย เราลองไปที่เหมืองกันเถอะ ถ้าจะหาอัญมณีเราก็ต้องไปที่นั้น"


    เซียอาน่าเสนอความเห็น ที่นี้ไม่มีอะไรเลยมันเป็นแค่บ้างร้างเปล่าๆ ทั้งสี่จึงเดินออกมาจากที่นั้นก่อนที่ดิวซ์จะเป็นคนเดินนำไปก่อนเซียอาน่าและกริมม์เดินตรงกลางตามหลังด้วยเอซ


    "เดินยากชะมัด"

    "ก็เพราะประโปรงยาวๆนั้นนั้นแหละ"


    ระหว่างที่เดินๆไปกันอยู่ชายกระโปรงของเซียอาน่าก็ไปเกี่ยวกับกิ่งไม้แหลมตามพื้น เอซที่เดินตามมาอยู่นั้นช่วยดึงออกให้ เขาว่าเธอคิดผิดที่ยังใส่ชุดแม่บ้านมาเดินในป่าแบบนี้


    "เลือกได้ก็ไม่อยากใส่หรอก แต่มันเป็นงานและผู้อำนวยการก็บอกว่าอยากให้ใส่ อีกอย่างฉันไม่มีเวลากลับไปเปลี่ยนด้วยไม่งั้นจะเสียเวลามากเกินไป"

    "แต่ผมว่ามันดูเหมาะกับเซียดีนะ แต่อีกใจนึงใส่แบบนี้มาเดินในป่ามันก็ไม่เหมาะจริงๆนั้นแหละ"

    "ดีจริงๆที่ข้าไม่ต้องใส่อะไรแบบนี้ด้วย"


    ดิวซ์ที่เดินนำหน้าอยู่นั้นหันมาบอกความคิดของตัวเอง เขาพูดจริงๆนะว่าชุดนี้มันดูเหมาะกับเธอ แต่มาใส่เดินในที่แบบนี้มันก็จะลำบากหน่อย กริมม์ก็ไม่วายที่จะพูดออกมาด้วย แค่ต้องทำงานทำความสะอาจก็ว่าแย่แล้ว ถ้าต้องมาใส่อะไรแบบที่เด็กสาวใส่อีกมันจะช้ำใจตายแน่ๆ



         ทั้งสี่เดินมาจนถึงปากทางเข้าเหมือง บรรยากาศช่างดูหลอนๆน่ากลัว และทางข้างในก็มืดมากด้วย จนเด็กๆทั้งสามกับหนึ่งตัวเสียวสันหลังขึ้นมาในทันทีเมื่อมีลมพันมา


    "จะ..จะเข้าไปที่มืดตึ๊ดตือแบบนั้นจริงๆหรอ?"

    "อะไร กลัวหรอ? เห่ยว่ะ"

    "ว่าไงนะ! ม ไม่ได้กลัวสักหน่อย! ข้าคนนั้นจะเป็นหัวหน้าหน่วยเอง ทุกคนตามมา!"

    " กริมม์เดียว! อย่าวิ่งเข้าไปคนเดียวสิ!"


         กริมม์ที่มีท่าทางหวาดกลัวในตอนแรก พอได้ยินคำยุยงของเอซก็ไฟลุกแสร่งว่าไม่กลัว รีบวิ่งนำเข้าไปก่อน จนเซีนอาน่านั้นอดเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นอีกจึงรีบตามเข้าไป โชคยังดีที่กริมม์วิ่งไปได้ไม่ไกล และแสงไฟจากใบหูนั้นก็ทำให้เห็นชัด เธอจึงตามมันเข้ามาทันก่อนที่จะจับกริมม์ขึ้นมาอุ้มเอาไว้เสียเอง สองหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเมื่อเห็นเด็กสาววิ่งเข้าไปแล้วพวกเขาก็ไม่รีรอรีบตามเข้าไปทั้นที



    ฮิฮิฮิฮิฮิๆ......



    เพียงก้าวเท้าเข้ามาไม่นานทั้งเซียอาน่าและก็กริมม์ก็ได้ยินเสียงแปลกๆที่รู้สึกคุ้นหู เหมือนเหตุการเดจาวู ว่าเคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อนแล้ว


    "นายคิดแบบที่ฉันคิดรึเปล่ากริมม์?"

    "ข้าก็คิดแบบที่เจ้าคิดเซีย..."


    "ทั้งสองคน? เป็นอะไรไปน่ะ?"


         สองคู่หูแห่งหอโกโรโกโสรู้ได้ในทันที่เลยว่ากำลังจะเจอกับอะไร แต่คงไม่ใช่กับเอซแล้วก็ดิวซ์ที่ไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนนั้นกำลังคิดอะไรกันอยู่ แต่จากสีหน้าของพวกเธอแล้ว ดิวซ์คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดี


    "ฮี้ฮิฮิ...มีแขกมาเยือนในรอบ 10 ปีละ"

    "ผ่อนคลายกันตามสบายเลย ตลอดกลานน่ะนะ!"


    สิ่งไม่มีชีวิตสีขาวที่สวมผ้าคลุมบนหัวลอยไปลอยมา รอบๆตัวทั้งสี่คน สองหนุ่มที่พึ่งเคยตกมาอยู่ในสถานการณ์โดนผีรุมแบบนี้ก็ตกใจไปตามๆกัน แต่ก็ไม่ใช่กับสองคู่หูแห่งหอโกโรโกโสที่ผ่านเหตุการณ์คล้ายๆแบบนี้มาแล้ว


    "พวกน่ารำคาญโผล่มาอีกแล้ว!"

    "คนยิ่งรีบๆอยู่ด้วย วิ่งฝ่าไปเลยเถอะ!"


    กริมม์กระโดดมาเกาะไหล่ของเด็กสาวแน่นและมองไปที่พวกผีด้วยสายตากลัวปนรำคาญ เซียอาน่าหันกลับมาบอกกับสองหนุ่มก่อนที่จะจับแขนของพวกเขาทั้งคู้แล้ววิ่งลากพวกเขาหนีผีพวกนั้นไป สองหนุ่มที่โดนลากนั้นก็ตกใจอยู่ครู่นึง แต่พวกเขาไม่มีเวลามาคิดอะไรมากแล้วตอนนี้ต้องรีบหนีผีพวกนั้น เพราะพวกเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว


    "มันยังตามมาอยู่เลย!"


         กริมม์ที่มองกลับไปข้างหลังก็ยังคงเห็นผีที่กำลังไล่ตามมาอยู่ไม่เลิก


    "แฮก...แฮก!..ช้าๆ...กันหน่อยสิ...!"



    "ผีเหนื่อยได้ด้วยหรอ!?"

    "เป็นผีแท้ๆ! ไหนถึงหอบได้เนี่ย!!?"

    "วิญญาณมีปอดด้วยเหรอ!?"


    "เรื่องนั้นไม่ต้องไปสนใจหรอก วิ่งต่อไปปปป!!"


         ทั้งเซียอาน่า กริมม์ และก็ดิวซ์ แทบจะพูดออกมาพร้อมๆกันเมื่อเห็นท่าทางที่ดูเหนื่อยหอบของผีที่กำลังไล่ตามมา ซึ่งมันจะว่าดูแปลกหรือดูตลกดีละเนี่ย ส่วนเอซที่ไม่อยากจะคิดอะไรมากอีกแล้วบอกให้ทั้งสองคนวิ่งต่อไปอย่าไปสนใจ ถ้าผีมันเหนื่อยเป็นเดียวก็เลิกตามมาเอง


    เซียอาน่าที่วิ่งนำหน้าอยู่นั้นกำลังคิดกับตัวเองอยู่ว่า ตนพาตัวเองมาเจอกับอะไรอยู่กันเนี่ย ถึงจะบอกว่าที่ยอมทำทุกอย่างอยู่เนี่ยก็เพื่อ เธอคนนั้น แต่ต้องมาตกระกำลำบากแบบนี้มันดีจริงๆแล้วหรอ!?


    "วันนี้มันเป็นวันซวยจริงๆเลย!!"










    แปะ...แปะ...



         เสียงของของเหลวที่ตกลงกระทบกับพื้น สีของมันเป็นสีดำสนิทรามกับน้ำหมึก ของเหลวนั้นไหลออกมาจากแนวหิว ตกลงมาเรื่อยๆจนก่อรวมตัวกัน เป็นรูปร่างของบางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ ของเหลวสีดำรวมตัวกันจนกลายเป็นคนยักษ์ที่ไม่มีใบหน้า หัวของมันเป็นขวดแก้วที่มีรอยแตกร้าว ที่มีน้ำหมึกสีดำอยู่ข้างใน ลำตัวของมันนั้นดูเหมือนคนที่ใส่ชุดคนเหมืองสีแดงเลือด มือสีดำขนาดใหญ่ที่ถือพิกแอคพังๆเป็นอาวุธ


         มันถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากบางสิ่งที่กำลังไกล้เข้ามา บางสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้มันลืมตาตื่น เพื่อกลืนกินสิ่งนั้น....




         "อัญ..มณี...เป็นของข้า....."



    น้ำเสียงน่ากลัวน่าขนลุกของมันดังกึกก้องออกมาจากในเงามืด ก่อนที่มันจะเริ่มออกเดินไปข้างหน้าเมื่อมันรู้สึกได้ว่าบางสิ่งที่ปลุกมันขึ้นมานั้นกำลังไกล้เข้ามา ภายในขวดแก้วที่เป็นหัวของมัน นอกจากของเหลวสีดำแล้ว ยังมีบางสิ่งปนอยู่ในนั้นด้วย....ก่อนที่มันจะจมหายเข้าไปในของเหลวสีดำ


    ________________________________________________________________


    ยังยืนยันไม่ได้ว่าจะมาต่อให้อีกเมื่อไร แต่จะพยายามมาต่อให้นะ อยากน้อยๆก็อยากให้เนื้อเรื่องเกมมันเฉลยออกมาให้หมดก่อนว่าบทสรุปมันเป็นยังไง

    ตัวผู้ดูแลจริงๆแล้วเป็นใครกันแน่ ไรท์จะได้เอามาปรับเปลี่ยน แต่งตามแบบของไรท์ได้ถูก

    SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×