ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2
ท่ามกลางเสียงซ้อมรบของทหารวานรทั้งหลาย พวกเขาต่างตั้งใจฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้สามารถชนะศึกกับกรุงลงกา ซื่งต้นเหตุของสงครามก็มาจากผู้ปกครองกรุงลงกา พญายักษ์ษาทศกัณฐ์ ได้ช่วงชิงดวงใจอันเป็นที่รักของพระอวตาร อย่าง นางสีดาไป
ดวงเนตรของพระรามทอดสายตามองไปยังหล่าวทหารวานร ด้วยจิตรใจที่ยังคงเศร้าหมองการการที่ผลาดจากนางสีดาอันเป็นที่รัก
และพระองค์ก็ขอสาบานว่าจะพานางกลับมาให้ได้
"พระพี่รามเหตุไฉนท่านถึงยังคงทำหน้าตาเศร้าหมองอยู่เช่นนั้นกันเจ้าคะ"
พระรามผู้มีกายสีเขียวมรกหันกลับมาหาอนุชาของตนที่ได้รวมเดินทางมาด้วย พระลักษณ์บุรุษผู้มีกายสีเหลืองทองอร่าม เฝ้ามองพระเชษฐาของตนด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่นางสีดาถูกช่วงชิงไปนั้น พระเชษฐาก็มิมีจิตรใจจักทำอันใดเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงความเป็นเจ้าชายรัชทายาทผู้จักปกครองกรุงอโยธยาในภายภาคหน้าได้เป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เสียการปกครอง
"เจ้าคิดว่าข้าทำถูกรึปล่าวน้องลักษณ์....?"
"เรื่องอันใดรึ?"
"สงครามที่จักเกิดขึ้นนั้น เจ้าคิดว่ามันสมเหตุสมผลแล้วหรือ ทศกัณฐ์ มันบังอาจมาช่วงชิงน้องสีดาไปจากข้า เพราะเหตุนั้นสงครามถึงจักได้เกิดขึ้นมา!"
พระรามทรงพูดขึ้นมาด้วยแรงโทสะ และความสับสนในจิตรใจ ว่าสิ่งที่ทรงทำนั้นถูกต้องแล้วหรือ เพียงแค่ช่วงชิงสตรีอันเป็นที่รักกลับคืนมา จำเป็นต้องทำสงครามรบราฆ่าฟันกันเลยหรือ
เพียงแค่ทศกัณฐ์ ยอมคืนนางสีดากลับมาแต่โดยดี สงครามก็จะไม่เกิด และก็จะไม่มีใครต้องตายด้วย
"ถ้าถามจากความเห็นของข้า ข้าว่ามันเป็นสิ่งที่เราสมควรทำ และดีที่สุดในเพลานี้แล้วพระพี่"
พระลักษณ์ตรงเข้ามายืนเคียงข้างพระเชษฐาของตน ในความคิดของพระองค์นั้นการทำสงครามกัน ไม่ใช่เพียงเพื่อเอาชนะ แต่มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ต่างหากละ
พระลักษณ์จับลงบนบ่าของพระเชษฐา
"ท่านอย่าได้เป็นกังวลใจไปเลย ท่านมิได้ทำสิ่งใดผิด แต่ท่านทำสิ่งที่สมควรกระทำแล้ว"
พระรามมองหน้าอนุชาของตน ก่อนที่จะกลับมานึกคิดอีกครั้ง กับการตัดสินใจในครั้งนี้ของพระองค์
ถ้านี้เป็นชะตากรรมที่ไม่อาจเลี่ยงได้จริงๆ พระองค์ก็ไม่อยากให้ใครต้องรับคอร์ดไปด้วย แต่ในเมื่อทศกัณฐ์เป็นฝ่านเริ่มก่อนพระองค์ก็จะสนองให้
และเพื่อเกียรติ และศักดิ์ศรีของนางสีดาเองก็ด้วย
"จริงของเจ้า และข้าก็หวังว่าน้องสีดาจักปลอดภัย"
"ท่านทั้งสองชะตาเชื่อมกันอยู่ ต่อให้มีอุปสรรคอะไรเข้ามา สุดท้ายก็ต้องได้คู่กันอยู่ดี ข้าเชื่อว่าท่านทั้งสองคือคู่แท้ต่อกัน"
"อืม....ขอบใจเจ้ามากลักษณ์"
คำพูดของพระอนุชาทำให้พระรามเริ่มกลับมามั่นใจอีกครั้งว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่มันคือความถูกต้อง และเพื่อเกียรติ ศักดิ์ศรี
"ว่าแต่กับข้า แล้วเจ้าละลักษณ์?"
"ข้ารึ?"
หนึ่งในคำพูดของพระอนุชาที่บอกกับพระองค์ มันทำให้พระองค์ทรงคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามกับอนุชาของตน
"จนถึงป่านนี้ เจ้ายังไม่คิดที่จะมีชายาอีกหรือ ไม่ว่าเสร็ดแม่จะพาหญิงใดมาให้เจ้าดูตัว หรือทำความรู้จัก เจ้าก็มิสนผู้ใดเลย"
พระลักษณ์หน้าขึ้นสีระรื่นเมื่อได้ฟังสิ่งที่พระเชษฐาทรงถามกับตน ก่อนที่จะตั้งสติแล้วตอบคำถามออกไปอย่างเขินอาย
"ก็...มิใช่ว่าข้ามิเคยคิดหรอกพระพี่ราม เพียงแต่ข้ายังไม่พบผู้ใดที่ถูกใจข้าสักคน ก็เท่านั้นเอง"
เมื่อได้ฟังคำตอบมันก็ทำให้พระรามรู้สึกขนขัน และเอ็นดูในตัวอนุชาของตน ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่พระองค์ก็พอรู้ว่านั้นไม่ใช่ความจริงซะทั้งหมด
"มิใช่ว่าเจ้ายังมิพบผู้ใดที่เจ้าถูกใจ เจ้าน่ะมีนางในใจอยู่แล้ว เพียงเเต่เจ้า กำลังรอคอยนางอยู่มิใช่หรือ?"
พระลักษณ์แอบสะดุ้งตกใจ เมื่อพระเชษฐารู้ว่าเขานั้นมีนางในใจอยู่แล้ว แต่ว่า.....
"..........."
พระลักษณ์ก้มหน้าลง และจมดิ่งสู่ความคิดของตนเอง เสียงหัวเราะ และใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆผู้มีเกศาสีโอรสที่พระองค์ทรงหลงไหลตั้งแต่แรกพบ ก็ปรากฎขึ้นมาให้เห็นต่อสายตา
มันเป็นเวลาที่ยาวนานมากที่พระองค์ทรงรอใครบางคนอยู่แบบนี้มาตลอด ช่วงเวลาที่ได้พบกันนั้นช่างแสนสั้น ราวกับได้พบเจอกันในฝันก็ไม่ปาน
"เจ้ายังยึดมั่นกับคำสัญญาของเจ้ากับนางผู้นั้นอยู่ และรอคอยนางมาตลอด โดยที่เจ้าไม่คิดบางรึว่าที่เจ้าพบนั้นอาจจักเป็นแค่ภาพหลอน หรือเจ้าแค่คิดไปเองกัน"
ครั้งยังเยาว์วัยอนุชาเคยเล่าให้พระองค์ฟังว่าพบเจอกับเด็กสาวผู้มีเกศาสีโอรส นางเป็นเด็กที่น่ารัก ถึงการพูดจาจะแปลกๆไปบ้าง รวมถึงการแต่งกายก็ด้วย แต่อนุชาของพระองค์ก็คิดว่านางอาจจะเป็นคนต่างถิ่น เพราะนางไม่รู้จักนครอน อโยธญาเลยสักนิดเดียว
"ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้คิดไปเองพระพี่ราม หลังจากวันนั้นนางก็กลับมาหาข้า....ก่อนที่นางจะหายไปอีกครา"
เรื่องนี้มีแค่พระรามเท่านั้นที่รู้ว่าในอดีดครั้งวัยเยาว์ของอนุชาของตนนั้น มักจะแอบหนีออกไปนอกวังเพื่อไปพบเจอกับเด็กสาวปริศนาอยู่หลายครั้ง แต่ว่าเพราะอะไรบางอย่าง ทำให้เด็กสาวคนนั้นได้หายตัวไป
แต่ก็ไม่ลืมที่จะทิ้งคำสัญญาที่ให้ไว้กับอนุชาของตนว่า จะกลับมาพบกันอีกครั้ง
"ข้าชื่นชมที่เจ้าจนถึงป่านนี้ ยังคงรักษาสัญญาแล้วรอคอยนางมาตลอดนะน้องลักษณ์ แต่ว่า เจ้าไม่คิดที่จะให้โอกาสตนเองแล้วมองหญิงอื่นบ้างหรือ"
"ข้าคงทำแบบนั้นมิได้"
โครม!!!
"อะไรน่ะ?!"
"เกิดกระไรขึ้น!"
อยู่ดีๆก็เกิดเสียงเหมือนเสียงระเบิดดังขึ้นมา พอก้าวออกมาจากที่พำนับ ก็เห็นพวกทหารวานรกำลังแตกตื่นอะไรสักอย่าง ก่อนที่บุรุตผู้มีเกศาสีแดงชาดมีหางแบบวานรจะเดินหน้าเครียดเข้ามารายงานถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
"ท่านสุครีพนี่มันเกิดกระไรขึ้นกัน แล้วเสียงเมื่อสักครู่มันคืออะไร?"
"เรียนพระรามเกิดเหตุขึ้นที่ศาลาของข้าพเจ้าเอง พวกหนุมานได้ไปพบหญิงสาวนางนึงที่บาดเจ็บเข้าในป่าจึงพานางมาให้ข้ารักษา แต่พอนางได้สติก็เกิดอาการตื่นกลัว และพยายามที่จักหนี ตอนนี้หนุมาน องคตและชมพูพานกำลังรีบไปพานางกลับมาอยู่พระเจ้าค่ะ"
พญาวานรสุครีพทหารเอกของพระรามได้เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟังอย่างละเอียด เมื่อทั้งสองพระองค์ได้ยินแบบนั้นก็เกิดความสงสัยเข้าไปอีก แต่พระลักษณ์นั้นรู้สึกแปลกใจกับคำที่บอกว่า หนุมานพบหญิงสาวในป่า
ในป่าลึกที่อยู่ห่างไกลจากเมืองแบบนี้เนี่ยนะ...?
"เเล้วเสียงที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้เล่า?"
"เออ...ข้าพเจ้า..เออ มิรู้จักพูดเยี่ยงไรดี...คือ.."
"ว่ามาเถิด"
สุครีพลังเลใจที่จะพูด เพราะมันเป็นสิ่งที่...แบบว่าจะหน้าละอายใจหรืออะไรดี เเต่เขาก็ต้องบอกไปตามความจริง
5นาทีก่อน
ร่างบางของหญิงสาวผมสีโอรสกำลังหลับใหลไม่ได้สติ ตามแขน และบริเวณแผ่นหลังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้อยู่
ที่ๆเธออยู่ตอนนี้ก็คือศาลาของพญาวานรสุครีพผู้เป็นทหารเอกของพระราม และเป็นน้าของวานรเผือก
"พระน้านางเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?"
หนุมานทหารเอกของพระรามได้คลายเข่าเข้ามาไกล้ๆผู้เป็นน้าของตนหลังจากที่พึ่งรักษาบาดแผลตามตัวให้กับหญิงสาวไป
พญาสุครีพละสายตากลับไปมองหญิงสาวก่อนที่จะหันกลับมาตอบคำถามหลานของตน และวานรมรกต องคตกับวานรโอรส ชมพูพานที่พยายามชโงกหน้าไปดูหญิงสาวอยู่ไกล้ๆ จนสุครีพต้องกระแอมเสียงเพื่อให้อยู่ในอาการสำรวม จนวานรทั้งสองต่างพากันสะดุ้งกลับมานั่งตัวตรงกันในทันที
"อ่ะแฮ่ม! จากที่ข้าดูเหมือนร่างกายของนางจักได้รับการกระทบกระเทือนจากอะไรสักอย่าง จนทำให้มีแผลภายใน แล้วก็รอยขีดข่วนจากกิ้งไม้ใบไม้ตามตัว แต่ก็อย่างที่พวกเจ้าเห็นว่านางปลอตภัยแล้ว แค่ให้นางนอนพักสักกระหน่อยเดียวก็คงจักฟื้น"
เมื่อได้ยินแบบนั้นวานรทั้งสามก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หนุมานเขยิบเข้าไปดูใกล้ๆหญิงสาวที่นอนหลับบอยู่ เลยถือวิสาสะสำรวจใบหน้าของหญิงสาวไปด้วย ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับสร้อบคอของนางเข้า รูปทรงคล้ายพระจันทร์เสียวสีทอง และมีอัญมณีสีโอรสเช่นเดียวกับเกศาของนาง
"ว่าแต่ พวกเจ้าไปพบนางได้เยี่ยงไรกัน?"
สุครีพเอ่ยถามขึ้นถึงสิ่งที่คาใจมาตลอดเวลาที่ทำแผลให้กับหญิงสาว ในตอนที่พวกหนุมานมาตะโกนเรียกเขาที่อยู่บนศาลาให้ช่วงมารักษานาง เขาตกใจแทบแย่ว่าเจ้าวานรทั้งสามเนี่ยไปฉุดลูกสาวบ้านไหนมารึปล่าวกัน
แต่วานรทั้งสามก็ไม่ได้พูดอะไรให้เขากระจ่างเลย นอกจากลากเขากลับขึ้นศาลาแล้วหนุมานก็วางหญิงสาวลงกับแถนบรรทม แล้วเจ้าวานรอีกสองตัวก็วิ่งวุ่นไปหยิบอุปกร์มาให้ โดยที่เขาไม่ต้องสั่งการอะไรเลยนอกจากรักษานางอย่างเดียว
"คืออย่างนี้จ้ะท่านสุครีพ พวกข้ากับพระพี่หนุมานเราไปเดินในป่าหาเสบียง แล้วองคตก็ไปพบนางเข้า พวกข้าคิดว่าถ้าปล่อยนางไว้แบบนั้นนางต้องตายแน่ๆก็เลยพานางมาให้ท่านรักษาเนี่ยละเจ้าคะ"
ชมพูพานเป็นคนตอบทุกอย่างให้พญาสุครีพเข้าใจ ในขนะที่องตคก็พยักหน้าเป็นการบอกในๆว่า จริงอย่างที่ชมพูพานพูด
พญาสุครีพเมื่อได้ฟังดังนั้นจึงพยักหน้าเข้าใจ
เจ็บจัง
ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บแบบนี้กันนะ อา.....จริงด้วยเราจำน้ำตายไปแล้วนิน่า
"หนุมานเจ้าเลิกจับต้องนางอย่างถือวิสาสะสักที!"
เสียงใครน่ะ?
"ข ข้าปล่าวน่ะพระน้า! ข้าก็แค่ตรวจสอบดูนิดหน่อยเองว่า นางมีอาวุธอะไรติดตัวบ้างรึปล่าว ถ้าเกิดเราพลาดเอาศัตรูเข้ามาในค่ายขึ้นมา นางอาจจะทำอะไรพวกเราก็เป็นไปได้นะเจ้าคะ"
หนวกหูจริง.......แล้วอะไรน่ะไอคำพูดแบบนั้นน่ะ
"ตอนข้าทำแผลให้นางข้าตรวจดูแล้วตัวนางไม่มีอาวุธอะไรทั้งนั้น เพราะงั้น เลิกจับนู่นจับนี้ได้แล้ว!!"
"เหอว!"
"ท่านสุครีพโปรตใจเย็นก่อนเจ้าคะ!"
ใครมันมาทะเลาะอะไรกันเนี่ย....ว่าแต่....นี่เราอยู่ไหนกัน....สวรรค์หรือว่า นรก?
"หนุมาน! ข้าคงจักต้องดัดนิสัยเจ้าเรื่องผู้หญิงซะบ้าง ไม่ใช่มาทำตัวเป็นลิงมือไวแบบนี้!"
"พระน้าข้าไม่ได้คิดอันใดแบบนั้นในเพลานี้จริงๆนะเจ้าคะ!"
"........."
ทำไมเสียงมันอยู่ไกล้ๆเราเลยละเนี่ย โอ้ย...หนักตาจัง....แล้วอะไรมันมากดอยู่ที่อกเรากันละเนี่ย....
"งั้นถ้าเป็นในเพลาอื่นเอ็งคงจักคิดสินะ....."
"ก็อาจจักทำมากกว่าที่คิ-"
เจี๊ยก!!
เสียงลิงที่ไหนมาร้องกันละเนี่ย.....J เอ็ะ? เหมือนจะขยับตัวได้แล้ว...
"ไอ้หนุมาน!!!"
"เหวอ! ท่านสุครีพใจเย็นๆก่อนเจ้าค่าาาาา!!
เปลือกตาของฉันค่อยๆลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ สิ่งแรกที่ฉันเห็นก็คือเพดานไม้ และก็ความรู้สึกปวดๆที่บริเวณหลัง พอไล่สายตาลงมาก็พบว่าแขนทั้งสองข้างมีผ้าพันแผนพันอยู่ นิ้วมือก็ยังปวดๆ แต่ฉันก็พยายามขยับมันดู ใช้เวลาแปบเดียวฉันก็ขยับมือได้
"ลิงอย่างเอ็งนี่มัน! จักต้องให้ข้าสั่งสอนเรื่องนี้อีกกี่ครั้งกัน!"
เสียงการดุติเตือนดังขึ้นมาจนฉันต้องหันกลับไปมอง
"ข้าแค่พูดเล่นน่าพระน้า ข้าไม่ได้คิดเยี่ยงนั้นจริงๆนะ"
"ขอให้จริงอย่างที่เอ็งพูดก็แล้วกัน เพราะข้ารู้สึกว่าน้ำเสียงเอ็งมันสูงผิดปกติ"
"จริงๆเจ้าคะ ข้าไม่ได้คิดเยี่ยงนั้นเลย ฮ่ะฮ่ะ J"
ชายหนุ่มผมแดงกำลังดุชายผมขาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ และแสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนว่าเหนื่อยใจสุดๆ ในขนะที่ชายอีกสองคนทำได้แค่ยิ้มแห้งๆ
คนพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย....หรือว่า โจรหรอ!?...ต้องหนีแล้ว.....
"หือ?...อ่า! แม่นางฟื้นแล้ว!"
ชายหนุ่มที่มีผมสีเขียวเขาหันกลับมาเห็นฉันพอดี จนทำให้อีกสามคนหันกลับมามองด้วย
"เฮือก!"
ตึง!
ฉันตกใจรีบลงมาจากเตียงแต่ว่าขามันกลับไม่มีแรงจนฉันล้มไปนั่งกับพื้นห้อง ทำให้ชายหนุ่มทั้งสี่ตกใจ และพยายามจะเข้ามาไกล้ฉัน
"แม่นางอย่างพึ่งขยับตัวเลยเจ้ายังบาดเจ็บอยู่หนา"
ชายผมแดงเขาเดินเข้ามาไกล้ฉัน ฉันเห็นมือของเขาจะเข้ามาจับฉัน ฉันรีบถอยกลุไปจนหลังติดกับกำแพงเต็มๆจนเจ็บบริเวณท้องจนต้องยกมือขึ้นมากุม
"ไม่ๆ ไม่เป็นไรหนา พวกข้าไม่ได้ทำอันใดเจ้า อย่าได้ตื่นกลัวไปเลย"
ชายผมแดงยกมือขึ้นเหมือนจะบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรฉันจริงๆอย่างที่พูด แต่ใครจะไปเชื่อกันละ
นี่มันเรื่องอะไรกัน คนพวกนี้เป็นใคร!?
"แม่นางใจเย็นๆก่อนนะ"
"เจ้าอย่าขยับสิเดียวแผลก็เปิดหรอก"
ชายผมเขียวกับผมชมพูทำหน้าตาเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะพยายามเขยิบเข้ามาไกล้ๆเพื่อไม่ให้ฉันขยับ
"ย อย่าเข้ามา....."
"ที่นี่ไม่มีใครทำร้ายเจ้าหรอกมิต้องกลัว"
ฉันหันไปมองชายผมสีขาว ฉันสะดุ้งตกใจที่เขาเข้ามาไกล้ฉันได้ขนาดนี้ได้ยังไงกันโดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัว และก็มือของเขาที่ยื่นมาจับมือของฉัน
เขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากเลยทั้งผมสีขาว และดวงตาสีเขียวคู่นี้มันช่างเหมาะกับเข้ามาก จนฉันเผลอจ้องมองมัน และเหมือนเขาจะรู้เขายิ้มมุมปากก่อนที่จะยื่นมือมาลูบที่แก้มของฉัน ตาของเราสบกับจนฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา แต่ก็กลับมารู้สึกตัวได้อีกครั้งเมื่อใบหน้าของเขาเข้ามาไกล้
"อ๊าย!"
ฉันผลักเขาออกไป แต่เจ้าตัวก็เหมือนจะไม่สะทกสะท้านเลย แถมเขายังดูตกใจด้วยที่ฉันผลักเขาไปแบบนั้น
'เป็นครั้งแรกเลย....ที่มีสตรีปฏิเสธข้าแบบนี้'
ฉันเขยิบถอยออกไปอีกคนพวกนี้มันอะไรกัน ถ้าหากเป็นปกติฉันคงจะถามอยู่หรอกว่าที่นี่ ที่ไหนแล้วฉันมานี่ได้ยังไง
แต่กับคนพวกนี้มันไม่ใช่!
การแต่งตัวแบบนั้นมันอะไร แต่ว่าเดียวก่อนชุดที่ฉันใส่อยู่เนี่ยมันอะไรกัน! แล้วไหนจะวิธีการพูดนั้นอีกละ และสิ่งนึงที่ทำให้ฉันรู้ได้ในทันทีเลยว่าพวกเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
หาง....
คนพวกนี้มีหาง และมันก็กำลังขยับอยู่เลยน่ะ!
"หนุมานเจ้าทำให้นางกลัว"
"เอ๊ะ? ข้าหรอ?!"
หนุมาน?
ฉันหันกลับไปมองชายผมขาวอีกครั้งที่ตอนนี้เขาหันกลับไปหาชายผมแดง แล้วชี้ตัวเองอยู่ว่าเป็นเพราะเขาหรอที่ทำให้ฉันกลัว...
แต่ว่าเดียว นั้นไม่ใช่ประเด็น! หนุมาน? หมายความว่ายังไง ทำไมเขาถึงเรียกชายผมขาวว่าหนุมานละ หนุมานทหารเอกของพระรามในรามเกียรติ์เป็นวานรเผือกไม่ใช่หรอ?!
แต่...เดียวก่อนสิ....
"พระน้าข้าปล่าวนะข้าพยายามให้นางไว้ใจเราต่างหากละ"
น้า?
ชามผมแดงคนนี้เป็นน้าของเขางั้นหรอ แต่ถ้าคนผมขาวคือหนุมาน ถ้างั้นคนคนนี้ก็คือ....
พญาวานรสุครีพ?
"อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ว่าสักครู่เจ้าคิดจักทำอันใดนางนะ"
"เอ่อนั้นน่ะคือ...."
"ท่านสุครีพใจเย็นๆก่อนเจ้าคะ"
ใช่จริงๆด้วย!!!
"แม่นางมิต้องกลัวนะ พวกข้าไปพบแม่นางนอนมิได้สติอยู่ในป่า และก็บาดเจ็บอยู่ด้วย พวกข้าเลยพากลับมารักษาที่ค่าย"
"อืมๆ มิต้องกลัว พวกข้าน่ะไว้ใจได้มากกว่าพระพี่หนุมานอีกนะ"
"อ่าวเห้ย! พวกเอ็ง!"
พระ...พี่?
ฉันไล่สายตามองสองหนุ่มที่มีคนนึงผมสีเขียวกับชมพู...ถ้าคนที่ถูกเรียกว่าหนุมานเป็นพี่ ตามเนื้อเรื่องในรามเกียจติ์แล้วสองคนนี้ก็น่าจะเป็น...
คนผมเขียวคือ องคต คนผมชมพูคือ ชมพูพาน
นี่มันเรื่องอะไรกัน ฉ ฉันกำลังฝันอยู่งั้นหรอ! ฝันว่าได้เข้ามาในโลกวรรรณคดีเรื่องรามเกียจติ์.......
อีกแล้วหรอ!
หนุมานเริ่มหันกลับไปเอาเรื่องกับน้องๆทั้งสอง ในขนะที่สุครีพหันกลับมาทำเสียงดุเพื่อให้ทั้งสามหยุด ตอนนี้เหตุการณ์มันเริ่มจะชนละมุนแล้วสิ ถ้าเป็นตอนนี้ละก็
ฉันหันกลับไปมองที่หน้าต่างที่เปิดอยู่ก่อนที่จะค่อยๆย่องไปอย่างเงียบๆสามคนนั้นยังคงเถียงกันอยู่ แต่ดูเหมือนน้องๆทั้งสองจะดูไม่ร้อนรนอะไรเลยมีแต่หนุมานเท่านั้นที่ดูจะหัวร้อยอยู่คนเดียว และคนที่ต้องห้ามก็ไม่ใช่ใครนอกจากสุครีพ
ฉันค่อยๆย่องมาจนมือจับขอบหน้าต่างได้ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นไปเกาะที่ขอบหน้าต่าง แต่พอก้มลงไปมองฉันก็ถึงกับแอบกลืนน้ำลายดังอึก
นี่มันบนบ้านไม้หรือศาลาแบบโบราณรึไงกันถึงได้สูงแบบนี้!
เอาว่ะ!
"ฮ่าๆ! พระพี่มิยอมรับละสิว่- หวาย!! แม่นาง!!"
องคตหันกลับมาเห็นหญิงเข้าพอดีที่นางกำลังจะกระโดดหน้าต่างออกไป เพราะเสียงร้อง และมือที่ชี้มาที่นางทำให้สามคนที่เหลือ รีบหันกลับมามอง และพวกเขาก็ต้องตกใจไปตามๆกันกับภาพที่เห็น
หญิงสาวคนนั้นกระโดดออกหน้าต่างไปแล้ว!!
โครม!!!
หนุมานรีบพุ่งออกไปที่หน้าต่างจนมันทำให้กำแพงศานาตรงนั้นพังเป็นรูใหญ่ เพื่อจะตามหญิงสาวแต่ก็ไม่ทั้นซะแล้ว หญิงสาวกระโดดลงไปก่อนที่จะวิ่งออกไปแล้ว
"เดียวก่อนแม่นาง! นั้นเจ้าจักไปที่ใดกัน!!"
หนุมานรีบวิ่งตามหญิงสาวออกไปโดยไม่ได้สนใจอีกสามคนที่เหลืออยู่เลย โดนเฉพาะพญาสุครีบที่ยืนอึ่งเป็นรูปปั้นไปแล้วที่ศานาของตนนั้นเกิดความเสียหายจนเป็นรูขนาดใหญ่ขนาดนี้ เพราะความรีบร้อนของเจ้าหลานตัวดีของตน
องคตกับชมพูพานเองก็แอบเหงือตก และเริ่มรู้สึกถึงแรงโทสะออกมาจากพญาวานร ก่อนที่จะรีบย่องออกไปจากศาลานี้ ทางประตู ตามพระพี่ของตนไป แต่ลงจากศาลาได้ไม่เท่าไรก็ต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูแถบไม่ทัน
"ไอ้หนุมาน!!! นี่เอ็งถึงขั้นพังศาลาข้าเลยรึ!!!!"
สุกัญญากับหนุมานก็ประมาณนี้
________________________________________________________
ตอนนี้พระลักษณ์มีบทแล้วเย้! ไรท์ก็คิดเหมือนพระรามนะว่าสงครามที่จะเกิดขึ้นมาเนี่ยเพียงเพราะเเย่ตัวนางสีดากัน จนทำให้มีคนตายไปมาก แต่ส่วนมากจะเป็นฝ่านยักษ์ซะมากกว่าที่ตาย แต่ว่ามันก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้เพราะไม่งั้นพระนารายณ์คงไม่อวตารลงมาเกิดเป็นพระรามเพื่อสู้กับทศกัณฐ์หรือนนทกในชาติที่แล้วหรอก
จากตอนที่แล้วคงคิดว่าสุกัญญากับพระลักษณ์เจอกันครั้งเดียวละสิ ขอบอกก่อนเลยว่าไม่ใช่ เพราะถ้าเจอกันแค่นั้นมันไม่น่าสร้างสายสำพันธ์อะไรได้เลย จนพระลักษณ์รอคอยมาตลอดหรอก เพราะงั้นติดตามดูต่อไปว่าพวกเขาเจอกันอีกได้ยังไงก่อนที่สุกัญญาจะหายไปและทิ้งคำสัญญาเอาไว้ อย่างที่พระลักษณ์บอก
ถ้าไรท์ใช้คำอะไรผิดไปก็ต้องขอโทษด้วยนะค่ะเพราะว่าพึ่งเคยแต่งอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก และบางทีอย่างคำง่ายๆก็มักจะพิมพ์ผิดตลอดเลยJ
หนุมานหล่อมากกกกกกกกกกกกกก!!!
ไม่แปลกใจแหละทำไมเมียเยอะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น