ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ชิ้นส่วนความทรงจำชิ้นที่ 1
วาดโดยไรท์
"เจ้านั้นออกมาแล้ว!!"
เสียงของเอซร้องตะโกนดังขึ้น เมื่อเขาเห็นว่าเจ้าสัตว์ประหลาดมันได้พังกำแพงหินที่ถล่มลงมาจนออกมาได้แล้ว และมันกำลังมุ่งเป้ามาที่พวกเขา
เอซ ดิวซ์ และกริมม์ ต่างวิ่งหนีออกมาจากเหมืองคนแคระ แต่เจ้านั้นก็ยังคงไล่ตามมา และมันยังคงพูดคำเดิมๆซ้ำๆอยู่ว่า จะไม่ยกอัญมณีให้ มันเป็นของข้า บ้างละ
"แล้วเซียละ!?"
กริมมที่เกาะอยู่ไหล่ของดิวซ์ร้องถามขึ้นมา เมื่อกี้พวกเขาเห็นกับตาว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าสัตว์ประหลาดนั้น ก่อนที่จะมีหินตกลงมาปิดทางพวกเขากับเธอเอาไว้ ในตอนที่เอซกับดิวซ์ตั้งใจจะรวมกำลังกันเสกคาถาทำลายหินที่ปิดทางอยู่ แต่จู่ๆเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นก็พังออกมาได้เเสียก่อน
ดวงตาสีฟ้าของกริมม์มองไปรอบๆอย่างร้อนรน มันมองไม่เห็นเด็กสาวเลยก่อนที่สายตาของมันจะไปหยุดอยู่ที่หัวของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้น
ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างพร้อมกับน้ำเสียงที่สั่นกลัว
"นะ...น...นั้นมัน...ของเซียไม่ใช้หรอ?....โบว์นั้นน่ะ..."
อุ้มเท้าหน้าเล็กๆของกริมม์ชี้ไปที่บริเวณหัวของเจ้าสัตว์ประหลาด มันมีโบว์สีขาวติดอยู่ในรอยแตกร้าวของโหลวแก้วที่เป็นหัวของมัน ซึ่งก่อนหน้านี้มันไม่มี และกริมม์ก็จำได้ดีว่า มันเป็นโบว์ผูกผมที่เด็กสาวใช้
"....อย่าบอกนะว่า...."
ดิวซ์เริ่มหน้าซีดกับความคิดของตัวเองในใจ เขารู้สึกกลัวจนไม่กล้าพูดออกมา เพราะกลัวว่ามันจะเป็นจริง ว่าเซียอาน่า อาจจะตาย หรืออาจถูกกินไปแล้ว
เอซเองก็เบิกตาโตกว้างด้วยความตกใจ ความไม่เข้าใจ และหวาดกลัวกับความคิดในหัว แต่โบว์ที่ติดอยู่ที่เจ้านั้น และตอนที่มันออกมาก็ไม่เห็นร่างของเด็กสาวเลย
จังหวะนั้นเองที่สายตาของเอซเหลือบไปเห็นของเหลวสีแดงที่ยังคงติดอยู่ที่พิคแอคในมือของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้น
ของเหลวสีแดง ของเลือด....
"เฮ้ย!...อย่ามาล้อเล่นกันนะเฟ้ย!!"
มือที่กำปากกาเวทมนต์แน่นขึ้นก่อนที่กระกายแสงสีแดงจะออกมาจากปากกา เอซร่ายคาถาไฟที่มีพลังทำลายมากกว่าเก่า ก่อนที่จะทำการเสกให้มันพุ่งใส่เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นด้วยความโกรธที่มี ที่ประทุออกมา
'ฉันเซียอาน่า ยูเมะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน'
'เธอเนี่ยชื่อแปลกๆดีแหะ'
'.....เชื่อเถอะนายไม่ใช่คนแรกที่พูด และอาจไม่ใช่คนสุดท้ายด้วย'
เขายอมรับ ว่าตอนที่เข้าไปทักทายนั้นก็แค่อยากหาเรื่องแกล้งเล่นๆ แต่พอยัยนั้นหันกลับมาสบตากับเขา ดวงตาสีฟ้าครามคู่นั้นมันสวยจนอดที่จะมองไม่ได้
และไหนจะชื่อนั้นอีก ชื่อแปลกๆ ที่เขาไม่เข้าใจความหมายของมันเลย เพราะอย่างนั้นเลยมีความคิดที่อยากถามเจ้าตัวอยู่ว่าความหมายของชื่อนั้นคืออะไร
เขาอยากรู้จริงๆ...
แต่การเจอกันครั้งแรกนั้นอาจไม่น่าจดจำเท่าไร ที่ยัยนั้นเกือนจะชกหน้าเขา และยังจะเอาไว้กวาดฟาดหัวเขาอีก.....ถึงเขาจะเป็นคนไปหาเรื่องก่อนก็เถอะ
'นายเป็นเด็กประถมรึไง?'
'ขอโทษมาซะ'
นอกจากแม่และก็พี่ชายของเขาแล้ว เขาไม่เคยถูกใครต่อว่าหรือสั่งสอนมาก่อน ยัยนั้นเป็นคนแรกเลยที่ทำให้เขารู้สึกกลัว และยอมเชื่อฟัง อาจจะเพราะเขารู้ตัวแล้วว่าไปหาเรื่องผิดคน ก็ยัยนั้นน่ะใช่คนที่จะแกล้งให้ร้องไห้ได้ง่ายๆซะที่ไหนกันละ
'นายยังพอลุกไหวไหม อ้าว ส่งมือมา'
แต่ยัยนั้นก็ใส่ใจคนอื่นเป็นอยู่เหมือนกัน ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นคนที่มาหาเรื่องตนเองก่อนก็ตาม...
'ถ้างั้นเรามาเริ่มกันใหม่นะ'
'เอาเป็นว่า นายได้รับอนุญาตให้เรียกฉันว่า เซีย เฉยๆได้ก็แล้วกันนะ เอซคุง'
ทั้งที่คิดว่าชีวิตในรั่วโรงเรียนต่อจากนี้คงจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปถ้าหากว่าเขาได้อยู่กับเด็กสาวผู้ไร้เวทมนต์คนนั้น เพียงเวลาไม่นานยัยนั้นทำให้เขากล้าที่จะขอโทษ กล้าที่จะยอมรับผิด การที่ต้องให้เด็กผู้หญิงคนเดียวมารับผิดกับสิ่งที่เขาทำนั้น เขายอมรับมันไม่ได้
และการที่ยัยนั้นจะมาตายมันก็จะเป็นเพราะเขาด้วยส่วนนึง แต่ส่วนลึกในใจมันก่อนร้องแย้งว่ามันไม่จริง
"ฉันไม่เชื่อหรอกว่ายัยนั้นจะตาย!"
ตราบใดที่ยังไม่เห็นร่างของยัยนั้นเขาไม่มีทางเชื่อหรอก ยัยนั้นน่ะถึงจะไม่มีเวทมนต์แต่ก็เก่งกว่าที่เห็น ดวงตาสีส้มแดงของเอซมีกระกายความเชื่อเช่นนั้น
และเพราะความเชื่อนั้น ทำให้เขาเห็นกรีบดอกไม้สีชมพูสองสามกรีบปลิวไปที่บริเวณหัวของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้น ในหัวของมันที่เป็นโหลวแก้วที่มีรอยแตกร้าว และของเหลวสีดำอยู่ข้างใน...
เอซเห็นร่างของเซีนอาน่าอยู่ในนั้น!
"พวกนายเห็นไหม! เซียอยู่ในนั้น!!"
เอซหันกลับมาหาดิวซ์และกริมม์พร้อมกับชี้ไปที่โหลวแก้วที่เป็นหัวของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้น ในตอนแรกทั้งสองคนนั้นไม่เห็นอะไรเลยนอกจากของเหลวสีดำ แต่พอสีหน้าและแววตาของเอซที่ดูจริงจังว่าเขาพูดจริง มันทำให้ทั้งสองคนมองกลับไปอีกครั้ง ก่อนที่พวกเขาจะเห็นกระกายแสงบางอย่างพร้อมกับเห็นกรีบดอกไม้สีชมพู
และร่างของเซียอาน่าก็อยู่ในนั้นจริงๆ...
นั้นคือความรู้สึกเดียวที่รู้สึกได้ ยิ่งคนที่พูดคำพูดพวกนั้นออกมาคือ "เธอคนนั้น" ด้วยแล้วมันยิ่งเจ็บปวด ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อและแม่ของเธอ ทั้งสิ่งที่เด็กสาวคนนี้พูด มันต่างทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของเธอ จนยากที่จะรับไหว
"ไม่...."
เสียงหวานเอ่ยออกมาเสียงเบา มือที่จับดาบอยู่นั้นยังคงแน่นไม่ปล่อย เด็กผู้หญิงคนนั้นเมื่อได้ยินก็ยกยิ้มขำอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันดูบ้าคลั่ง และบิดเบี้ยวเป็นอย่างมาก จนเซียอาน่าไม่อยากจะเชื่อว่า เธอคนนั้น จะทำหน้าตาแบบนี้ได้
เซียอาน่ายกมือขึ้นมากุมหัวของตัวเอง เธอรู้สึกปวดหัว สิ่งที่เด็กคนนั้นพูด สิ่งที่เธอเห็น และสิ่งที่เธอจำได้นั้น มันต่างติดกันมั่วไปหมดในหัวของเธอ เธอจำได้ว่าพ่อแม่ของเธอเสียชีวิตยังไง แต่อีกใจนึงมันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาแย้งว่ามันไม่จริง
ยิ่งนึงถึง ยิ่งมีเมฆหมอกมาบดบังมองไม่เห็นทางที่จะเดินต่อไป หาทางออกไม่เจอ หลงทางอยู่ในเมฆหมอง
'เจ็บปวดหรอ เจ็บใจสินะ เธอมันก็เป็นแบบนี้ตลอด ทั้งที่ตัวเองอ่อนแอแท้ๆแต่ก็ทำเป็นเก่ง จะปกป้องคนอื่นงั้นหรอ เหาะ! ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย'
เด็กคนนั้นยังคงพูดถากถาง ก่อนที่จะเอียงคอน้อยๆริมฝีปากก็ยกยิ้มแสยะออกมา ในสายตาของเซียอาน่าหากเป็นเมื่อครั้งอดีตมันจะเป็นรอยยิ้มที่สวยงาม และเธอก็ชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก แต่ ณ เวลานี้รอยยิ้มนั้นกลับเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุด และเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่อยากจะเห็นมัน
'คนที่มันน่าจะตายไปควรจะเป็นเธอ ไม่ใช่ฉัน'
ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างกับคำพูดนั้น สิ่งที่คอบตอกย้ำและตามหลอกหลอน ที่เธอพยายามหลอกตัวเองมาโดยตลอดว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นเรื่องที่เธอยอมรับมันไม่ได้
มือที่เคยกุมหัวตกลงมากุมจับดาบในมือเอาไว้เเน่นขึ้นกว่าแต่เก่า ริมฝีปากเม้นเข้าหากันแน่นขึ้น ในใจนั้นรู็สึกร้อนระอุด้วยความรู้สึกโกรธา
"ก็เพราะแบบนั้นฉันถึงได้พยายามอยู่นี่ไง...."
'หือ?'
เด็กผู้หญิงแอบแปลกใจที่เซียอาน่าที่เงียบไปนานจู่ๆก็พูดแบบนั้นออกมา ดวงตาของเธอสังเกตเห็นกรีบดอกไม้สีชมพูที่ไม่รู้มาจากไหนค่อยๆปรากฎขึ้นรอบๆตัวของเซียอาน่า ก่อนที่ทุกอย่างที่ควรจะเป็นแต่ความมืด กลับปรากฎแสงสว่างขึ้นที่รอบๆตัวของเซียอาน่า
"รู้อยู่แล้วละ เพราะรู้อยู่แล้วฉันถึงได้พยายามที่จะพาเธอกลับมา ถึงความหวังมันจะริบหรี่หรือไม่มีโอกาสเลยถ้ามองจากความเป็นจริง"
แต่ผิดคาดเซียอาน่าไม่ได้กำลังสิ้นหวังหรือตัดพ้อกับตัวเอง ดวงตาสีฟ้าครามนั้นเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปที่ร่างของเด็กผู้หญิงคนนั้น มือบางที่จับดาบอยู่สะบัดไปรอบๆทำให้ข้าวของต่างๆรอบตัว รวมถึงร่างของพ่อกับแม่ได้หายไป ถึงในจังหวะที่หันไปสะบัดคมดาบใส่ร่างของท่านทั้งสอง เซียอาน่าไม่ได้คิดที่อยากจะทำเลย เธออยากเข้าไปกอดพวกท่าน อยากพูดคุย อยากได้ยินเสียง อยากได้รับอ้อมกอดของพวกท่านอีกสักครั้ง แต่เธอก็รู้ดีว่าที่อยู่ตรงหน้านั้นมันไม่จริงสักอย่าง รวมถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย
ถ้ามองจากความเป็นจริงแล้ววิธีที่จะพาเธอผู้เป็นที่รักกลับมานั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 และทั้งเหตุการ์ต่างๆที่ทำให้เธอมาอยู่ที่นี้ได้ เรื่องที่จะพาเธอคนนั้นกลับมามันก็คงไม่ยากเกินไป เธอเชื่ออย่างนั้น ยิ่งมีเฮดิสที่เป็นเทพแห่งโลกหลังความได้มายืนยันให้แบบนั้นมันก็น่าที่จะลองเสียงเชื่อดู
"เธอไม่เคยพูดแบบนั้นกับฉัน และฉันรู้ดีว่าเธอ ตัวจริง ก็ไม่มีทางคิดแบบนั้นด้วย"
ดวงตาสีฟ้าครามจับจ้องไปที่ร่างของเด็กผู้หญิงคนนั้น ในแววตาของเธอ ณ ตอนนี้มีความโกรธอยู่ในแววตา เธอโกรธ ที่เจ้าตัวปลอบนี่มันใช้ร่างของ เธอคนนั้น มาพูดแบบนั้น โกรธ ที่มันเอาพ่อกับแม่ของเธอมาปั่นหัวเธอ โกรธที่มันใช้น้ำเสียงและใบหน้าของ เธอคนนั้น.....
เธอยังจำได้ดีว่าหลังจากวันนั้น เธอคนนั้นพูดอะไรกับเธอ ถึงเธอจะจำไม่ได้ว่าหลังจากที่รถของครอบครัวเธอถูกชนจนผลิกคว้ำมันเกิดอะไรขึ้นต่อบ้าง เพราะพอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว และเธอคนนั้นก็อยู่ข้างๆด้วย
มือที่กอดกุมกัน อ้อมกอดที่ปกป้องเธอ คำพูดที่ปลอบประโลม และบอกข่าวร้ายเรื่องพ่อกับแม่ และคำสัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่มีทางที่เธอคนนั้นจะคิด และพูดแบบที่เจ้าตัวปลอมนี้พูดเป็นแน่!
คมดาบถูกชี้ไปที่เด็กสาวตรงหน้า ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่า สิ่งที่เธอสมควรต้องกำจัดนั้น อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
'ทำไมกัน...ทำไมถึงยังอยู่ในแสงสว่างได้อีก....'
ร่างที่นิ่งเงียบไปครู่นึงเอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงนั้นสั่นและกดต่ำ มือเรียบบางเล็กคู่นั้นยกขึ้นมาขยุ่มหัวตัวเอง ของแหลวสีดำนั้นก็ไหลออกมาจากดวงตาที่มองไม่เห็น เล็บบนนิ้วมือขูดไปบนใบหน้าของตัวเอง แต่สิ่งที่ไหลออกมาแทนเลือดนั้นกลับเป็นของเหลวสีดำ ภาพตรงหน้านั้นน่ากลัว และน่าขนลุก ใบหน้าของเธอคนนั้นเงยขึ้นมาจ้องมองมาที่เซียอาน่าด้วยความโกรธแค้น
'ไม่ยกให้หรอก ไม่ยกให้หรอก!! ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ไม่ยกให้เเกหรอก!! รวมถึง....จะไม่ยกโทษให้ด้วย!!'
ร่างของเด็กผู้หญิงเปล่งเสียงร้องตะโกนดังกึกก้องออกมา เมื่อเห็นว่าเด็กสาวที่มันพยายามพูดยุยงในจมสู่ความมืด และความผิดของตัวเอง แต่มันกลับไม่ได้ผล กลับกันแววตากลับมีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม มันเกลียดสายตาแบบนั้น และความเชื่อมั่นที่มีอยู่ในแววตาคู่นั้น
จากร่างของเด็กผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตา ตามร่างกายนั้นเริ่มมีของเหลวสีดำไหลออกมาเต็มไปหมดดูน่ากลัว รวมถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปราวกับเสียงของปีศาจ ก่อนที่ร่างกายของมันจะขยายใหญ่ขึ้น
'ไม่ยกให้หรอก! ไม่ยกให้หรอก!! ของข้า!! มันเป็นของข้าาาาาา!!!!'
ร่างใหญ่ยักษ์ของเจ้าสัตว์ประหลานนั้นพุ่งเข้ามาใส่เด็กสาวด้วยความโกรธที่มันมี มือใหญ่คู่นั้นยื่นออกมาหมายที่จะจับตัวเธอ ในจังหวะที่มือใหญ่นั้นจะพุ่งเข้ามา ก็ปรากฎเปลวไฟสีฟ้าพุ่งออกมาจากทางด้านหลังของเซียอาน่า
เปลวไฟสีฟ้าปรากฎออกมาจากความมืดหมุนวนกระโชก ราวกับพายุหมุด เข้าปะทะกับร่างสัตว์ประหลังนั้นเข้าเต็มๆ จนร่างของมันนั้นถูกไฟคลอก มันส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
"ไฟนั้น...กริมม์!"
เซียอาน่าหันหลังกลับไปยังทิศทางที่เปลวไฟนั้นพุ่งเข้ามา ในความมืดข้างหลังนั้นปรากฏแสงสว่าง ที่อยู่ไกลออกไป เธอได้ยินเสียงเรียกที่ดังมาจากทางนั้น
"ไอ้ปีศาจ! คายเซียออกมาเดียวนี้เลยนะ!!"
เสียเล็กแหลมๆที่คุ้นหูของเจ้าปีศาจแมว คู่หูของเธอดังออกมาให้ได้ยิน แสงสว่านั้นไกล้เข้ามา และเห็นภาพของอีกฝั่ง เป็นภาพของเด็กหนุ่มสองคน และหนึ่งปีศาจแมวกำลังใช้เวทมนต์ที่ตนมีโจมตีเข้ามา
"เป็นไงละ! ถึงไฟของกริมม์จะเล็กจ้อยร่อย แต่ถ้ารวมกับเวทลมของฉัน ก็ไม่ต่างจากเครื่องพ้นไฟหรอ!"
"เล็กจ้อยร่อยหรอ!? เจ้านี่ชอบเนียนด่า น่าโมโหจริงๆ!"
เสียงของเอซและกริมม์ดังจนได้ยินชัดเจน แปลว่าการโจมตีเมื่อกี้เป็นฝีมือพวกเขางั้นหรอ เซียอาน่าหันกลับไปมองที่เจ้าสัตว์ประหลาด มันมีท่าทางหวาดกลัว และพยายามดับไฟที่ติดอยู่ตามตัวของมัน
'การโจมตีเมื่อกี้ทำให้มันกลัว'
"ใจเย็นไว้...ค่อยๆ เล็ง... ขอที่มีขนาดใหญ่...และหนักที่เรารู้จัก..."
อีกฝั่งของแสงสว่างดิวซ์ถือปากกาเวทมนต์ และเล็งไปที่บริเวณหัวของเจ้าสัตวประหลาดนั้น ถ้าทำตรงส่วนนั้นแตกได้ละก็อาจะช่วยเด็กสาวออกมาได้ก็ได้เขาคิดแบบนั้น
"จงออกมา หม้อยักษ์!"
สิ้นคำพูดหม้อปรุงยาขนาดใหญ่แบบเดียวกับตอนที่ตกลงมาทับร่างของเอซ ปรากฎขึ้นมาตกใส่หัวของเจ้าสัตว์ประหลาด มันส่งเสียงร้องแล้วลงไปนอนกับพื้น จังหวะนั้นเองหัวที่เป็นโหลแก้วนั้นก็เริ่มมีรอยร้าว
เช่นเดียวกับปีศาจข้างในจิตใจร่างของมันลงไปนอนกับพื้น แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงไม่ลดละความพยายามมันหมายจะลุกขึ้นมาจัดการกับเด็กสาวตรงหน้าของมันให้ได้
นี้ถือเป็นสัญญาณที่ดี มือบางยกดาบในมืดขึ้นสูง ถ้าเป็นตอนนี้ต้องจัดการมันได้แน่ มือเรียวบางแกว่งคมดาบไปข้างหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่ใบหน้าของเจ้าสัตว์ประหลานนั้นเงษขึ้นมาพอดี ใบหน้าของ....เธอคนนั้น
จังหวะนี้แหละ!"
ฉับ!!!
"ฟูน๊า!? อะไรอ่ะ!?"
กริมม์ร้องตกใจจู่ๆหัวของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นก็ถูกตัดผ่าครึ่งเป็นแนวนอน ของเหลวสีดำไหลทะลักออกมา เช่นเดียวกับร่างของเด็กสาวที่ไหลตกลงมาด้วย
"เซีย!!">>>3
ทั้งสามเอ่ยเรียกชื่อเด็กสาวพร้อมกัน ดิวซ์ที่อยู่ไกล้ที่สุดรีบวิ่งเข้าไปดึงตัวของเธอออกมาจากของเหลวสีดำพวกนั้น
"แค่ก! แค่ก! แฮก แฮก..!"
เซียอาน่าที่ถูกดิวซ์ประคองเอาไว้ไอออกมาไม่หยุด กริมม์รีบวิ่งมาหาเธอทันที พวกเขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้เธอไม่ได้ยิน หูมันอื้อไปหมดตาก็รู้สึกหนักๆ เอซวิ่งมาหมายที่จะเข้ามาหาเธอ แต่ก็ไม่ลืมไปว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นมันยังอยู่ ในตอนที่เขายกปากกาเวทมนต์ขึ้นหมายที่จะร่ายเวทใส่มัน
แต่ร่างของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นกลับค่อยๆสลายหายไปเอง ของเหลวสีดำที่อยู่ตามพื้น และบนร่างของเซียอาน่าก็หายไปแล้วด้วยเช่นกัน
"สำ... เร็จ?"
เอซเอ่ยเสียงเบา แต่มันก็ดังพอให้อีกสองคนได้ยิน ดิวซ์กับกริมม์หันหน้ากลับมาก็พบว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นสลายไปแล้ว
"ชะ ชนะแล้ว... พวกเราชนะแล้ว"
"เยี่ยม!"
ผลัก!!
กริมม์ตาลุกวาว เช่นเดียวกับดิวซ์ ก่อนที่สามคนจะหันกลับมากอดกันตัวกลมโดนที่มีเซียอาน่าอยู่ตรงกลาง ตรงอกมีกริมม์กอดอยู่ และโดนประกบข้างด้วยสองหนุ่ม ตอนนั้นเองที่หูของเธอหายอื้อพอดี แต่เรียวแรงยังไม่กลับมา
"กริมม์....ร้องไห้..เหรอ?"
เสียงของเด็กสาวเอ่ยเสียงเบา แต่ก็เอ่ยออกไปให้ได้ยินกันหมด เธอรู้สึกเปียกๆที่บริเวณอกที่กริมม์กอดอยู่จนก้มไปมองก็เห็นหัวเล็กๆของกริมม์มันกำลังสั่น
"ใครบอก ข้าไม่ได้ร้องสักหน่อย!"
พูดทั้งๆที่ยังซุกหน้ากับอกของเธออยู่เหมือนเดิม แต่น้ำเสียงที่สั่งแบบนั้นยังมาโกหกเธออีกหรอว่าไม่ได้ร้องไห้น่ะ ส่วนสองหนุ่มที่รู้สึกตัวเเล้วว่าเผลอเข้าไปกอดเด็กสาวก็ค่อยๆผลักตัวออกอย่างเขินๆกันทั้งคู่ แต่ดิวซ์ที่ยังเห็นว่าเซียอาน่าดูยังไม่มีเรียวแรง เขาจึงไม่ผลักตัวออกไปไกล ยังอยู่ข้างๆช่วยประคองหลังเธออยู่
มือข้างขวายกขึ้นมากอดและลูบหลังของกริมม์เพื่อปลอยประโลม ถึงจะไม่รู้ว่ามันร้องไห้เรื่องอะไร แต่ถ้าทางท่าแบบนั้นของมัน ดูเหมือนต้องการคนปลอบเป็นอย่างมาก ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นน้อยๆกับภาพที่เห็น
"เฮ้! ยังทำหน้าสบายใจแบบนั้นได้อีกหรอเธอน่ะ!"
แปะ!
"อ๊ะ!...ทำอะไรเนี่ย?"
เธอขมัดคิ้วด้วยความเจ็บก่อนจะมองกลับไปที่เอซ ที่จู่ๆก็ยกมือมาดีดหน้าผากเธอ คนยิ่งไม่มีแรงอยู่มาทำอะไรแบบนี้ เธออยากจะว่าเขาแต่พอเห็นสายของเขาที่มันดูจริงจัง และดูเศร้าแปลกๆมันทำให้เธอเลือกที่จะเงียบและรอฟังเขา
"รู้ไหมตอนนั้นฉันกลัวมากเลยนะ"
เอซเอ่ยขึ้นมาด้วยความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็น ตอนนั้นที่เซียอาน่าหายไปต่อหน้าต่อตา เพราะมีหินตกลงมาปิดทางเขากับเธอเอาไว้ และไหนจะตอนที่เห็นเธออยู่ในหัวของเจ้าสัตว์ประหลานนั้นอีก เขาทั้งดีใจที่เห็นเธอ และก็กลัวไปในเวลาเดียวกันว่าเธอจะเป็นอะไรไปรึเปล่า
มันน่ากลัวมากเลยในตอนนั้น
"ขอโทษ...."
"รู้ตัวก็ดี ทั้งที่ไม่มีเวทมนต์แท้ๆ ทำอะไรระวังตัวและห่วงตัวเองซะบ้างสิ"
เซียอาน่าเอ่ยคำขอโทษออกมาเบาๆ เพราะเธอไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่าคำนี้ได้อีกแล้ว และเธอก็รู้สึกว่าเธอควรจะขอโทษพวกเขาที่ทำให้เป็นห่วง
"พอเเล้วน่าเอซ เซียก็ปลอดภัยแล้วนายจะดุเธอให้ได้อะไรขึ้นมาละ"
"ก็ยัยนี้ทำอะไรเกินตัว จะไม่ให้ฉันดุได้ไงเล่า!"
เอซบ่นอย่างหัวเสียก่อนที่จะกอดอกแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น เขาน่ะมันคนปากเสียแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นห่วงเซียอาน่าจริงๆ ติดแต่ว่าปากมันดื้อพูดไม่ตรงกับที่ใจคิด มันเลยกลายเป็นว่าเขาดุเธอแทน และคำพูดของเขาก็อยากจะแทงใจดำเธอด้วยก็ได้ท่าเกิดว่าเธอเกิดคิดมากขึ้นมา
"ไม่หรอก...ครั้งนี้ฉันผิดเอง ครั้งหน้าจะระวังตัวมากกว่านี้นะ"
ใช่ ครั้งหน้าเธอจะไม่ยอมถูกเล่นงานง่ายๆแบบนี้อีกแน่....
"กริมม์ เลิกร้องไห้สักทีนะ"
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ร้องอ่ะ!"
หลังจากที่ขอโทษทั้งสองหนุ่มไปจนเอซเลิกงอนก็ต้องมาปลอบกริมม์ต่ออีก เจ้าปีศาจแมวก็ยังเสียงแข็งว่าไม่ได้ร้องไห้ ทั้งๆที่ยังมีน้ำตาลองอยู่ที่ตาอยู่เลย มันงอนพวกเธอก่อนที่จะเดินหนีไปอีกทาง
"ขอโทษ กลับไปเดียวเอาทูน่ากระป๋องให้กินนะ"
"จริงนะ!"
"อืม!"
กริมม์หันกลับมาทันทีพร้อมทำหน้าดีใจ ก่อนที่มันจะรู้สึกท้องร้องเพราะใช้พลังเวทไปเยอะ และกว่าจะกลับไปกินทูน่ากระป๋องได้มันจะสลบก่อนแน่ มันจึงจะหาอะไรกินรองท้องแถวนี้ไปก่อน นั้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เอซพูดบางอย่างออกมา จนทุกคนไม่ได้สนใจกริมม์อีก
"เซีย อะไรในมือเธอน่ะ?"
เอซที่สังเกตุเห็นว่าที่มือข้างซ้ายของเซียอาน่ากำบางอย่างเอาไว้อยู่ ด้วยความสงสัยเขาจึงถามออกไป เซียอาน่าที่พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองกำอะไรเอาไว้อยู่จึงได้ยกมันขึ้นมาให้ทุกคนได้ดูพร้อมกัน เมื่อแบมือออกก็ปรากฎเป็นอัญมณีสีรุ้งแสนสวยส่องแสงประกายวิบวับ
"นะ...นี้หรือว่าจะเป็นอัญมณีเวทมนต์ที่เราตามหาอยู่น่ะ!"
"มันอยู่ในตัวปีศาจนั้นเองหรอ?"
เอซกับดิวซ์ที่รู้สึกได้ถึงพลังเวทที่อยู่ในอัญมณีก้องนี้ก็รู้ได้ในทันทีว่านี้คือสิ่งที่พวกเขานั้นตามหา งั้นการที่เซียอาน่าถูกกินเข้าไปอยู่ในตัวของเจ้าปีศาจนั้นก็ไม่ศูยร์ปล่าวน่ะสิ ถึงมันจะบังเอิญหรือเป็นวิธีที่โครตจะเสี่ยงเกินไปก็เถอะ แต่ไหนๆก็ได้มาแล้วนิน่า
"รีบเอามันกลับไปให้ผู้อำนวยการกันเถอะ"
ดิวซ์พูดขึ้นก่อนที่เขาจะลุกขึ้นและส่งมือมาช่วยพยุงเซียอาน่าให้ลุกขึ้น จังหวะนั้นเองที่ทั้งสามคนได้ยินเสียงเหมือนเคี้ยวกุบกับ พอหันไปมองก็เห็นว่ากริมม์กำลังกินอะไรบางอย่างอยู่
"กริมม์? กินอะไรอยู่น่ะ?"
เอซเอ่ยถาม ก่อนที่กริมม์จะหันกลับมา ปรากฎสิ่งที่อยู่ในมือนั้นเป็นของประหลานที่ไม่น่าจะเป็นของกินได้เลย มันดูเหมือนแร่ ถ่าน หรือไม่ก็อัญมณีสีดำ
"ไอ้นี้โครตอร่อยเลย! ข้าเจอมันตกอยู่ตรงนี้ กลิ่นก็หอมน่ากินมากเลย!"
"หา? ไอ้ของแบบนั้นน่ะนะ?"
เอซมองกลับไปอย่างไม่เชื่อสายตาว่าของแบบนั้นมันจะกินได้ หรืออร่อยอะไรขนาดนั้น แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ากริมม์น่ะเป็นมอนสเตอร์การจะกินของแบบนั้นได้คงไม่แปลก และต่อมการรับรสของมนุษย์กับมอนสเตอร์ก็คงไม่เหมือนกัน
"ไอ้นั้นมัน....เศษเสี้ยวของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นไม่ใช่หรอ กินของแบบนั้นไปจะดีหรอ?"
ดิวซ์เอ่ยขึ้นมา พื้นที่ตรงนั้นเป็นตรงที่เจ้าสัตว์ประหลาดน้ำหมึกสลายหายไป เป็นไปได้ว่ามันจะเป็นเศษเสี้ยว หรือชิ้นส่วนที่หลงเหลืออยู่ของมันก็เป็นได้
"ของแบบนั้น...กินเข้าไปได้ไงน่ะ คายออกมาเถอะ"
"ทำไมอ่ะ มันอร่อยจริงๆนะนี้ไง ง่ำๆ"
เซียอาน่าที่รู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ เธอไม่ไว้ใจไอ้เจ้าแร่สีดำนั้นถ้ามันเป็นของที่เหลือรอดหรือชิ้นส่วนของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้นจริงๆ มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธอบอกให้กริมม์คายมันออกมา แต่กริมม์ก็ดื้อไม่ทำตามแถมยังกินโชว์จนหมด
เชื่อเถอะถ้าสภาพร่างการเธอดีกว่านี้ เธอจะเดินไปเขย่าคอกริมม์ให้คายออกมาเลย....
"เชื่อเขาเลย ไอ้ตัวกินไม่เลือกเ่อ๊ย!"
"เอาเถอะ อย่างน้อยๆเรื่องก็จบลงด้วยดีละนะ"
เอซกับดิวซ์พูดคุยกันเล็กน้อย เซียอาน่าที่มองภาพของทั้งสามคนอยู่เงียบๆนั้นก็ยิ้มออกมาเบาๆ ที่อย่างน้อย ทุกคนก็ปลดดภัยกันดี
"นี่ เรากลับกันเถอ-"
ในตอนที่กำลังจะบอกว่าให้กลับกันได้แล้ว ดวงตาสีฟ้าครามของเธอก็เกิดตาลายขึ้นมา เรี่ยวแรงก็หมดลงไปด้วย พอก้มมองลงมาเธอก็สังเกตเห็นเลือดสีแดงที่ไหลออกมาที่ขาข้างซ้าย
'จริงสิ..เรามีแผลด้วยนิ...น่า'
ตึง!
ภาพทุกอย่างดับวูบลงในทันที ก่อนที่ร่างของเธอจะฟุบลงไปกองกับพื้น ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นต่อจากนั้นคือเอซที่วิ่งเข้ามาหาเธอ เขามีสีหน้าตกใจและวิตกกังวลแบบสุดๆ และเหมือยพยายามจะพูดอะไรสักอย่างกับเธออย่างร้อยรน แต่หูของเธอนั้นไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป
ห้องพยาบาล
ร่างของเด็กสาวเพียงคนเดียวนอนนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ในเตียงของห้องพยาบาล ผมสีกรมทาปลายยาว ชุดที่ส่วนใส่อยู่นั้นก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นชุดนอนกระโปรงยาวสีขาว เปลี่ยนชุดของเธอโดยใช้การร่ายเวทมนต์เปลี่ยนให้ บนใบหน้ามีแผ่นพลาสเตอร์ปิดแผลสีขาวติดที่ข้างแก้มซ้าย ที่คอที่มีรอยแดงจางๆเหมือนโดนรัดก็ถูกปิดด้วยผ้าพันแผล เช่นเดียวกับขาข้างซ้ายที่ถูกพันเอาไว้เช่นกันเพื่อห้ามเลือด และปิดแผลที่ใหญ่ที่สุด
โดยรวมอาการของเด็กสาวตอนนี้นั้นปรอดภัยแล้ว แต่ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ดี
"พวกเธอกลับหอของตัวเองกันได้แล้ว ตอนนี้สาวน้อยคนนี้ไม่เป็นไรแล้ว"
เดวิส ครูเวล อาจารย์สอนวิชาปรุงยาของโรงเรียนแห่งนี้เอ่ยขึ้นมากับเด็กนักเรียนสองคนจาก หอฮาร์ตสลาบิวล์ ที่ยังคงนั่งเฝ้าร่างของเด็กสาวไม่ไปไหน รวมถึงเจ้าปีศาจแมวนั้นด้วย มันนั่งอยู่บนเตียงข้างๆร่างของเด็กสาว หูและหางของมันนั้นตกลงแววตาดูเศร้ามากๆ
ครูเวลเป็นชายหนุ่มใบหน้าคมหล่อเหลา มีผมสองสีคือสีดำและสีขาว เช่นเดียวกับเสื้อกักของเขา ผูกเน็กไทและถุงมือสีแดง สวมทับด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่สีขาวสลับดำ ดูนุ่มนิ่ม อบอุ่น น่ากอด
"ให้พวกผมนอนเฝ้าเธอไม่ได้หรอครับ"
ดิวซ์เอ่ยขึ้นมาอย่างขอร้อง จะให้พวกเขากลับไปโดยที่เด็กสาวยังเป็นแบบนี้อยู่งั้นหรอ แบบนั้นพวกเขาก็ทำใจนอนให้หลับไม่ได้หลอก
ภาพที่เธอนอนหมดสติพร้อมกับบาดแผลโดยเฉพาะที่ขาแล้วมีเลือดไหลออกมาอีก ภาพตอนนั้นยังติดตาเขาอยู่เลย ตอนนั้นที่ร้อนรนใจมากๆไม่รู้จะทำยังไงดี ได้แต่ใช้คาถาเสกผ้าออกมาพันแผลที่ขาของเซียอาน่าเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ ตอนนั้นเขาลืมแม้กระทั้งคาถารักษาไปเลย
เอซเป็นคนอุ้มเซียอาน่าขึ้นก่อนที่จะตะโกนบอกให้เขาและกริมม์รีบพาเธอกลับมาที่โรงเรียน ตลอดทางกริมม์เกาะเธอไม่ยอมปล่อย แววตาเหมือนจะร้องไห้อีกรอบอยู่ตลอดเวลาเลยด้วย
เมื่อกลับมาถึงเอซรีบพาเธอไปที่ห้องพยาบาล ส่วนดิวซ์ก็รีบไปที่ห้องของผู้อำนวยการพร้อมกับเอาอัญมณีนั้นไปด้วย
เมื่อไปถึง เขาทำตัวเสียมายาทแบบสุดๆคือเปิดประตูเข้าไปอย่างแรงโดยไม่ขออนุญาต ภายในห้องมีทั้งผู้อำนวยการและครูเวลอยู่ด้วย พวกเขากำลังปรึกษาคุยกันเรื่องไล่พวกเขาออกอยู่พอดี แต่ดิวซ์ไม่สนใจ เขาตะโกนบอกว่าเซียอาน่าได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับชูอัญมณีในมือเขาให้ผู้อำนวยการดู และขอร้องเขาว่า เซียอาน่าหามันมาได้ เพราะงั้นอย่างไล่พวกเขาออกเลย และช่วยรักษาเธอที
เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองได้ยินแบบนั้นคนที่ดูตกใจที่สุดก็ไม่พ้นผู้อำนวยการ เขาเข้ามาถามดิวซ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเด็กสาวเป็นอะไรมากรึเปล่า ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนั้นได้?
แต่ครูเวลก็มาห้ามเอาไว้ก่อน ว่ามันไม่ใช่เวลามาถาม เขาหันมาถามดิวซ์ว่าเด็กสาวคนนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหน ดิวซ์จึงรีบนำพาทั้งสองคนมาที่ห้องพยาบาล
เมื่อมาถึงครูเวลก็ตรงไปหาร่างที่นอนไร้สติอยู่ที่เตียง โดยที่ข้างๆกันนั้นเอซและกริมม์ที่ยังคงพยายามเรียกชื่อเธออยู่แต่เธอก็ไม่ฟื้นขึ้นมาสักที ครูเวลบอกให้สองคนนั้นถอยออกไปก่อน พร้อมกับใช้เวทรักษากับเธอ
ส่วนผู้อำนวยการถึงเขาจะดูร้อนรนเช่นกันที่เห็นสภาพของเด็กสาวเป็บแบบนั้น เขาได้เรียกเด็กหนุ่มทั้งสองและเจ้าปีศาจแมวมาคุยเพื่อถามความจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เมื่อได้ทราบเรื่องผู้อำนวยการดูเหมือนจะซึมไปเลย เขาโทษตัวเองด้วยว่าเขาส่งนักเรียนไปเจอกับอันตรายแท้ๆ
แล้วหลังจากนั้นเขาก็เข้าไปดูอาการของเด็กสาวสอบถามสภาพอาการของเธอจากครูเวล ก่อนที่เขาจะเดินออกไปพร้อมกับอัญมณีที่เด็กทั้งสามหามาได้ จนตอนนี้เขายังไม่กลับมาเลย
"พรุ่งนี้พวกเธอมีเรียนแต่เช้า อุส่าลบโทษของตัวเองจนไม่โดนไล่ออกได้แล้วแท้ๆ อย่าทำให้ความพยายามของพวกเธอ และเด็กคนนี้เสียเปล่าสิ อีกอย่างมีเจ้าเหมียวนี้เฝ้าอยู่แล้วทั้งคนนะ"
ครูเวลเขาก็เข้าใจความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนของสองคนนี้ แต่จะให้พวกเขามาเสียการเรียนเพราะมานั่งเฝ้าเด็กสาว หรือตื่นสายเพราะเธอไม่ได้ ไม่งั้นความตั้งใจและความพยายามของพวกเขามันจะเสียเปล่า
เอซกับดิวซ์มองหน้ากัน ก่อนที่พวกเขาจะยอมกลับไป แต่พรุ่งนี้ก่อนเข้าเรียนคาบแรกพวกเขาจะมาเยี่ยมเธออีก แต่ถ้าเธอยังไม่ฟื้นตอนพักเที่ยงพวกเขาก็จะมาอีก
"กริมม์ ฝากเซียด้วยนะ"
เอซหันไปพูดกับกริมม์ก่อนที่เขาและดิวซ์จะเดินออกไปจากห้องพยาบาลเพื่อกลับหอของตัวเอง ถึงจะกลับดึกขนาดนี้มันอาจจะผิดกฎของหอ แต่อาจารย์ครูเวลบอกว่า เขาได้แจ้งเรื่องและสาเหตุให้หัวหน้าหอได้รู้ไปแล้ว พวกเขาอาจจจะไม่ถูกลงโทษ
"เซียปลอดภัยแล้วจริงๆใช่ไหม?"
หลังจากที่เด็กหนุ่มทั้งสองออกไปแล้ว กริมม์ที่นั่งเงียบมานานได้เอ่ยถามกับครูเวลด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ มันรู้สึกกลัวจับใจเลยตอนที่เห็นสภาพของเด็กสาว ถึงตอนนั้นตัวมันจะหันไปสนใจอย่างอื่นอยู่บ้าง แต่พอเห็นร่างที่ล้มตึงลงไป มันก็รีบตามไปเกาะร่างของเด็กสาวไม่ยอมปล่อย พร้อมกับพยายามตะโกนเรียกสติ แต่เด็กสาวก็ไม่ฟื้น
มันกลัว...
ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นาน และตอนเจอกันครั้งแรงจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเลย แต่พอได้คุยและใช้เวลาร่วมกัน มันทำให้กริมม์รู้สึกชอบ และผูกพันกับเด็กสาวมากขึ้น ราวกับรู้จักกันมานาน
เวลาอยู่กับเด็กสาวมันไม่รู้สึกเหงาดั่งเช่นแต่ก่อน ถึงจะมีเถียงกันบ้าง แต่เด็กสาวก็เป็นคนที่เข้าใจมันที่สุด และเป็นคนแรกที่ยอมรับมัน และตามใจมันด้วย บางครั้งน่ะนะ
"สบายใจได้เจ้าเหมียว อาการตอนนี้ปกติดีแล้ว อย่างที่ฉันบอกก่อนหน้านี้ เธอแค่เหนื่อยและเสียเลือด คือนี้ให้นอนพักที่นี้ พรุ่งนี้ก็ดีขึ้น คืนนี้ก็ช่วยเฝ้าเธอด้วยนะ"
"แน่นอนอยู่แล้ว! ข้าเป็นลูกพี่ที่ดีต้องดูแลลูกน้องอยู่แล้ว!"
"good boy"
ครูเวลเอ่ยชมกริมม์ ก่อนที่จะก้มลงมาห่มผ้าให้ปิดถึงคอของเด็กสาวเพื่อกันอากาศเย็นในตอนกลางคืนให้ ตอนที่เขาได้ยินมาว่ามีเด็กผู้หญิงถูกกระจกแห่งความมืดอัญเชิญมา แถมยังไม่มีเวทมนต์อีก เขาสงสัญจริงๆว่าจะเป็นเด็กแบบไหน
แต่ดูจากอาการเป็นห่วงของเด็กหนุ่มสองคน และหนึ่งปีศาจแมว ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นเด็กดีและเป็นที่รักอย่างแน่นอน และจากเรื่องที่ได้ฟังมาจากเด็กหนุ่มโพดำคนนั้น เธอดูจะมีอะไรมากกว่าเด็กสาวผู้ไร้เวทมนต์ซะอีก
ยิ่งเจ้าอีกานั้นสนใจ และดูใส่ใจเธอขนาดนี้คงไม่ธรรมดาเป็นแน่
ครูเวลเดินออกไปจากห้องพยาบาล พรุ่งนี้ตอนเช้าเขาจะมาดูอาการของเธออีกครั้ง ตอนนี้ในห้องจึงเหลือแต่กริมม์ที่ยังนั่งเฝ้าเด็กสาวอยู่
กริมม์หันกลับมาจ้องหน้าที่ยังคงหลับไม่ได้สติของเด็กสาว ก่อนที่จะขยับตัวมุดไปใต้ผ้าห่มแล้วโผล่หัวออกมาซุกหน้าลงที่คอของเด็กสาวพร้อมกับกอดคอเธอเอาไว้
"สัญญาว่าจะให้ทูน่ากระป๋องข้าไม่ใช่หรอ รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆสิ งืออ"
มันเอ่ยเสียงเบาพร้อมกับสูดน้ำมูลให้กลับเข้าไป มันรู้สึกอยากจะร้องไห้อีกแล้ว ตั้งแต่ได้รู้จักกับเด็กสาวรู้สึกว่ามันจะอ่อนไหวง่ายน้ำตาแตกอยู่บ่อยๆเวลาที่เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ
ดวงตาสีฟ้าของกริมม์เงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของเด็กสาว ที่คอพันผ้าพันแผลเอาไว้เพราะรอบคอนั้นมีรอยแดงเหมือนโดนรัดมา ที่แก้มข้างซ้ายก็มีรอยแผลยาวแต่ไม่ลึกมากจนทำให้เป็นแผลเป็นได้ แต่เอาแผ่นพลาสเตอร์สีขาวมาแบะปิดเอาไว้เท่านั้นก็พอ
อุ้มเท้าเล็กๆของกริมม์ยกขึ้นไปแบะเบาๆพร้อมกับลูบไปบนแผ่นพลาสเตอร์ เวลามีแผลให้ลูบเบาๆแล้วมันจะหายเร็วขึ้น มันเองก็ไม่รู้ว่าไปได้วิธีนี้หรือรู้มาจากไหน แต่มันเคยรู้สึกว่ามีคนเคยทำแบบนี้ให้มันเมื่อนานมาแล้ว แต่ก็จำไม่ได้ว่าเมื่อไร
ในขณะที่ลูบไปนั้นหนังตาก็รู้สึกหนักอึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆปิดลงและจมสู่ห่วงนิทราไปอีกคน....
'เซีย..ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว'
เสียงหวานของคนอายุมากกว่าเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ ก่อนที่จะวิ่งมาเกาะขอบเตียงที่ร่างของเด็กสาวตัวน้อยนอนอยู่ ที่มือซ้ายนั้นมีสายเจาะให้น้ำเกลืออยู่ ภาพของห้องสีขาว และกลิ่นยาที่พอจะเดาได้ว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลเป็นแน่
'เซียรู้สึกยังไงบ้าง?'
'.......'
ดวงตาสีฟ้ามองกลับไปยังคนถาม ภาพของหญิงสาววัยมอ.ต้น ผมสีดำ กำลังจับขอบเตียงที่มีราวกั้นตกมองมายังเธอด้วยน้ำเสียงดีใจปนเป็นห่วง
แต่ใบหน้านั้นเธอกลับมองไม่เห็นมันอยู่ดี ใบหน้าที่มีแต่สีดำ
เซียอาน่าดูเหมือนอยากจะพูดบางอย่าง แต่ไม่สามารถออกเสียงได้ คนอายุมากกว่าเห็นท่าทางแบบนั้นก็พอเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เดินไปหยิบแก้วน้ำและหลอดมาให้ เธอคนนั้นค่อยๆประคองให้ร่างของเด็กสาวลุกขึ้นมาช้าๆ และถือแก้วน้ำให้และให้เธอดูดน้ำจากหลอดแทน
เมื่อมีน้ำไหลผ่านคอที่แห้งเหือดก็ทำให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้น เธอไอเล็กน้อยก่อนที่จะเอาหลังพิงหัวเตียงแล้วมองกลับมายังคงอายุมากกว่า
'คุณพ่อกับคุณแม่ไปไหน....?'
นั้นคือคำแรกที่เธอเอ่ยถามขึ้นมากับคนตรงหน้า ต่อให้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่จากท่าทางและการที่เงียบไปก็พอจะเดาไว้ว่าต้องรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก
มือเรียวบางคู่นั้นยื่นมากุมมือของเธอเอาไว้ มือคู่นั้นมันสั่งและบีบแน่นขึ้น ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเธอ
'พวกท่าน....ไม่อยู่แล้ว'
น้ำเสียงนั้นเอ่ยออกมาดังกึกก่องเข้ามาในใจของผู้ที่ได้ยิน ต่อให้ยังเป็นเด็กแต่เธอก็รู้ความมากพอที่จะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นได้กัน
'ทำไมละ....'
เธอเอ่ยออกมาด้วยใบหน้านิ่ง แต่คนตรงหน้าก็ไม่ยอมตอบเอาแต่เงียบ จนเธอนั้นทนไม่ไหวยกมือขึ้นไปจับแขนของคนตรงหน้าและเอ่ยถามอีกครั้ง
'ทำไมละ?!'
เธอเอ่ยออกมาเสียงดังกว่าเดิม แต่สิ่งที่ได้กลับมายังคงเป็นความเงียบ ในตอนที่ตั้งใจจะถามอีกครั้งก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นมากุม มันทั้งปวดและก็เจ็บราวกับจะระเบิดออกมา คนตรงหน้าเมื่อเห็นแบบนั้นก็พุ่งเข้ามากอดเธอเอาไว้
'เพราะหนู....'
เธอเอ่ยออกมาเสียงสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา มือจิกลงไปที่แขนของคนที่เขามากอดอย่างไม่รู้ตัว อีกข้างยกขึ้นมากุมหัวของหัวเองที่ยังรู้สึกปวดอยู่ ภาพอะไรบางอย่างที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไรกำลังไหลเข้ามาไม่หยุด และปนกันมั่วจนจับใจความไม่ได้ว่ามันคืออะไร
'มันเป็นเพราะหนู..คนเดียว....'
น้ำตาใสไหลอาบแก้มลงมาไม่ขาดสาย ก่อนที่จะกอดตอบคนที่กอดตัวเองอยู่ แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดังสนั่น เด็กน้องรู้ดีว่าที่ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ
ห่างออกไปจากเตียงผู้ป่วย เซียอาน่าในวัย 16 ปี ในชุดนอนสีขาวกระโปรงยาวกำลังยืนจ้องมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
เธอจำเหตุการตอนนี้ไม่ได้.....สิ่งเดียวที่เธอพอจะจำได้ก็คือ....
'ไม่เป็นไร ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง'
คำพูดนั้น น้ำเสียงนั้น อ้อมกอดที่คอยปลอยประโลมเธอนั้น น้้นคือสิ่งเดียวที่เธอจำได้
ภาพตรงหน้า หญิงสาวผมดำที่กำลังกอดแล้วกำลังลูบหลังเธออยู่นั้น มือเรียวบางยกขึ้นมาลูบหัวเธอ แต่จู่ๆมือนั้นก็เลืองแสงสว่างสีขาวอมชมพู จนเซียอาน่าที่ยืนมองดูอยู่นั้นเบิกตากว้างอย่างตกใจ และไม่เข้าใจว่า เธอคนนั้น จะทำอะไร
สักพักเสียงร้องให้ก็เงียบลง พร้อมๆกับแสงสว่างที่มือคู่นั้น แต่เธอก็ยังคงลูบเด็กน้อยอยู่ไม่ยอมปล่อย
'ทุกอย่างมันเป็นอุบัติเหตุ เซียไม่ได้ผิด มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น เมื่อลืมตาตื่นจงหายจากความเศร้านี้'
เสียงนั้นเอ่ยอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะค่อยๆกดให้ร่างของเด็กน้อยลงไปนอนกับเตียงดีๆ จัดการห่มผ้าให้เรียบร้อย มือบางยื่นมาลูบหัวของเธออีกครั้งอย่างอ่อนโยน
'จะไม่มีอะไรทำอะไรเธอได้ ถ้าฉันยังอยู่.....'
เซียอาน่าจากที่ยืนดูเงียบๆมานานค่อยๆก้าวเท้าจะเข้าไปหาร่างนั้น แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปถึงรอบๆข้างก็มีหมอกหนาที่ไม่รู้มาจากไหนค่อยๆมาปิดบังภาพตรงหน้า เธอพยายามจะวิ่งไปหาร่างนั้นแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ภาพตรงหน้าถูกหมอกหนาปิดบังเอาไว้จนหมดสิ้น
ภาพสุดท้ายที่เธอเห็นคือ ริมฝีปากที่เอ่ยคำๆนึงออกมา....
'พี่จะอยู่กับเธอเสมอ'
3
‘ที่พูดว่าจะอยู่ด้วยกัน แล้วจะไม่ทิ้งกันไปไหนน่ะจริงใช่ไหม?’
2
‘อืม…แน่นอน เราจะอยู่ด้วยกัน ตลอดไปสัญญา’
1
‘ห้ามผิดสัญญาละ……พี่==’
แชะ!!
'ถ้าเป็น พี่== ละก็คงจะ--'
'ซีม่อล!'
'อยู่ด้วยกันตลอกไปเลยนะ พี่=='
'เซีย...พี่...จะต้องช่วยเธ-' ' พี่==....ทำไมละ...ทำไมถึง..ทิ้งกัน....'
‘แล้วจะให้ฉันทำอะไรละ ฉันถึงจะได้ พี่สาว ของฉันคือ'
เออร์ซูล่ายกยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะชี้นิ้วไปที่แท่นพิธีตรงกลางที่ขั้นระหว่างพวกเธอสองคน….
'สิ่งที่เธอต้องการได้คืนกลับมา มากที่สุดไงละ'
'พี่คะ'
'จริงด้วยสิ ที่ฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เพราะเธอคนนั้น เพราะอยากได้เธอคืนมา ฉันเลยต้องมาเจอกับเรื่องพวกนี้.....'
'เจ็บ...เจ็บมากเลย....หนูเจ็บ....ช่วยด้วย....พี่'
พี่
พี่!! พี่==
พี่คะ พี่
พี่คะ
พี่==!
พี่==!
พี่==!! พี่คะ!!
พี่!! พี่คะ! พี่!!
พี่==!! พี่==!!
พี่==!!!
พี่คะ! พี่!!
พี่!! พี่!!
พี่!!!
"พี่คะ....."
ดวงตาสีฟ้าคราวลืมตาตื่นขึ้น แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามา ภาพของเพดานห้องที่ไม่คุ้นตา แต่บรรยากาศที่จำได้ดี ว่าเธอยังคงอยู่ในโลกแห่งเวทมนต์ ทวิสเตดวันเดอร์แลนด์ ดวงตาสีฟ้าครามกระพริบสองสามทีเพื่อปรับสายตาให้ทนกับแสงแดดได้ ก่อนที่จะค่อยลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ทำไม่ได้มากนักเมื่อรู้สึกตัวว่ามีอะไรบางอย่างกอดคอเธอเอาไว้
"คอก...ฟิว....คอก..ฟิว.....งือออ"
เสียงกรนดังปนเสียงงึมงับของเจ้าปีศาจแมวสีเทาหูไฟสีฟ้า ดังระงมข้างๆหูจนต้องหันหน้าไปมอง ก็พบกับใบหน้าของกริมม์ที่ซุกอยู่ตรงคอ กำลังหลับสบายโดยที่ยังกอดคอเธอเอาไว้
"ความฝัน....งั้นหรอ...."
เสียงของเธอเอ่ยออกมาเบาๆ ภาพที่เธอเห็นก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ความฝัน จะเรียกว่าฝันร้ายได้ไหมนะ เพราะในช่วงท้ายของความฝันนั้นมันมีคำพูดมากมายที่ไหลเข้ามาปนกันเต็มไปหมดจนเธอรู้สึกหลอน เรื่องของเธอคนนั้น หรือที่เธอพึ่งจะมานึกได้เอาป่านนี้ว่านั้นคือพี่สาวของเธอเอง
ที่ผ่านๆมาเธอเหมือนหลงลืมมันไปว่าพี่สาวนั้นเป็นใคร ที่รู้เพียงอย่างเดียวก็คือเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต เธอลืมแม้กระทั้งหน้าตา เพราะแบบนั้นในความทรงจำถึงมองไม่เห็นหน้าของพี่เลย
สิ่งที่คอยย้ำเตือนไม่ให้ลืมใบหน้าของพี่สาว ก็มีเหลือเพียงรูปถ่ายใบนั้นเพียงรูปเดียว แต่ตอนที่มาโลกนี้มันกลับถูกกริมม์เผาจนไหม้ไปแล้ว ถึงเธอจะพยายามดับไฟแล้วแต่ใบหน้าของพี่สาวนั้นก็ถูกไฟเผาจนดำมืดมองไม่เห็นอีกเลย
ตอนนั้นเธอถึงเสียใจมาก และก็โกรธมากเลยด้วย แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว โกรธกริมม์ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร แต่ยิ่งนานวันเข้าเธอก็หลงลืมใบหน้าของพี่สาวไปอย่างสมบูรณ์
แต่ที่น่ากลัวก็คือ เซียอาน่าลืมแม้กระทั่งชื่อ ลืมแม้กระทั่ง..เธอคือพี่สาวของตัวเอง...
เวลาที่ใครหรือแม้แต่ตัวเองเอ่ยชื่อนั้นออกมา ราวกับมีเสียงมารบกวนในหัวทำให้ไม่ได้ยินหรือฟังไม่ออกว่าชื่อนั้นคือชื่ออะไร
เธอเคยเขียนชื่อนั้นใส่สมุด มันอยู่ในกระเป๋าเป้สีขาวของเธอ แต่ตอนที่ตื่นขึ้นมาที่นี้มันก็ไม่มีอยู่แล้วร่วมถึงมือถือและกระเป๋าตังของเธอด้วย มันจึงทำให้เธอจำไม่ได้อีกแล้วว่าชื่อของพี่สาวคืออะไร
ราวกับมีคนไม่ต้องการให้เธอจำได้ หรือจะเป็นตัวพี่สาวเองกันน่ะที่ไม่อยากให้เธอจำ
เพราะภาพเหตุการ์ที่โรงพยาบาลในวันนั้นหลังจากที่พ่อแม่เสียไป พี่สาวดูเหมือนจะทำอะไรกับหัวของเธอด้วย ซึ่งมันน่ากลัวมากเพราะเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร และทำไมพี่สาวถึงมีพลังแบบนั้นได้
ฉับพลับเธอก็เหมือนจะนึกอะไนขึ้นมาได้ จึงค่อยๆลุกขึ้นนั่งโดยที่ประคองกริมม์ไปด้วยอย่างช้าๆ เธอไม่อยากให้มันตื่นขึ้นมาตอนนี้
ดวงตาสีฟ้ามองไปรอบๆตัวเพื่อมองหาของๆเธอ เธอพึงรู้ตัวว่าตัวเองอยู่ในห้องพยาบาลเพราะรอบๆตัวนั้นต่างมีเตียงมากมายแล้วก็ฉากกั้นเต็มไปหมด มันดูจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลยนอกจากห้องพยาบาลในโรงเรียน เธอมองซ้ายมองขวา ก่อนที่จะพบว่าที่โต๊ะข้างหัวเตียงมีดาบปากกาของเธอวางอยู่ตรงนั้น
"ฮิเมะซึรุ..."
จากดาบคาตานะแบบญีปุ่น มันกลับมาอยู่ในสภาพของดาบปากกาแฟนตาซีสีขาวเหมือนเดิมอีกครั้ง ตอนที่ตื่นขึ้นมาที่โลกนี้เธอก็แอบคิดในใจว่าทำไมมันถึงตามมาด้วย นอกจากขวนแก้วจากบ่อน้ำเลเธกับรูปถ่ายใบนั้นก็มีเจ้านี้ที่มากับเธอด้วย
แต่จากเหตุการเมื่อคืนเธอว่าเธอหายขอสงสัยแล้ว แต่มันกลับมีข้อสงสัยขึ้นมาใหม่
"ฉันรู้ว่านายได้ยิน ตอบกลับมาหน่อย"
ถ้าใครมาเห็นก็คงอาจจะดูแปลกที่เธอคุยกับปากกา แต่เธอไม่ได้บ้าหรือคิดไปเองแน่ๆ ทั้งเหตุการณ์ตอนที่ได้เจอกับยัยราชินีหลงตัวเองนั้น ตอนผู้อำนวจการ และเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่
เจ้าสิ่งนี้ต้องรู้อะไรแน่...
เธอรออยู่ครู่นึงดาบปากกาในมือก็เริ่มขยับ จากนั้นมันก็ลอยตัวขึ้นมีประกายกรีบดอกไม้สีชมพูออกมาจากตัวของมันด้วยในขณะที่มันลอยไปลอยมา
"นาย.....รู้ใช่ไหม ว่าพี่สาวของฉันปิดบังอะไรเอาไว้"
เธอเอ่ยออกไปอย่างจริงจัง และต้องการคำตอบ เธอรู้สึกคาใจตั้งแต่เมื่อคืนแล้วตอนที่ฮิเมะซึรุปรากฎตัวออกมาในรูปร่างของมนุษย์ เขาพูดถึงใครสักคนที่เขาเรียกว่า 'นายท่าน' และถ้าเธอเดาไม่ผิดนายท่านที่ว่านั้นก็คือพี่สาวของเธอเป็นแน่
ฮิเมะซึรุที่อยู่ในรูปร่างของดาบปากกาลอยนิ่งๆอยู่ครู่หนึ่งเหมือนใช้ความคิด ก่อนที่มันจะถอดด้ามจับที่เป็นฝาปิดตรงปาก ปากกาออกแล้วเริ่มเขียนอะไรบ้างอย่างลงบนอากาศ
อยู่ในสภาพนี้เขาพูดไม่ได้งั้นหรอ? นั้นคือสิ่งที่เซียอาน่าคิด เพราะเขาไม่พูดหรือปรากฎตัวออกมาเป็นคนเหมือนเมื่อคืน แต่เขาเลือกใช้การเขียนแทน
ตัวอักษรคันจิที่คุ้นตาปรากฎขึ้นมาบนอากาศ เป็นตัวคันจิสีทอง...
[นายท่านเพียงต้องการปกป้องเจ้า]
นั้นคือคำแรกที่ปรากฎออกมา ก่อนที่ตัวคันจิสีทองจะสลายหายไป แล้วเมื่อได้รู้แบบนั้นเซียอาน่าก็แสดงสีหน้าไม่เข้าใจออกมา ที่เขาบอกมันหมายความว่ายังไง ปกป้องเธองั้นหรอ
"ปกป้อง? จากอะไร?"
ฮิเมะซึรุเริ่มต้นเขียนข้อความอีกครั้ง...
[ความผิดที่เจ้าไม่ได้ก่อ]
ยิ่งได้รู้เธอยิ่งไม่เข้าใจ และความรู้สึกในใจนั้นมันก็บีบรัดจนเธอรู้สึกเครียด ที่คนสำคัญในชีวิตของเธอย่างพี่สาวนั้นปิดบังอะไรเธอเอาไว้ ถึงจะบอกว่าทำเพื่อปกป้องเธอ แต่มันจากอะไรกันละมันน่ากลัวมากหรืออันตรายมากถึงขั้นที่พี่ต้องเสียสระตัวเองเพื่อเธอเเลยงั้นหรอ...
แอบคิดไม่ได้เลยว่าญาติผู้น้องที่สนิทกับราวกับน้องสาวแท้ๆอย่างโคโคโระ ที่เป็นคนให้ดาบปากกานี้กับเธอมาเมื่อวันเกิดตอนอายุ 15 เมื่อปีที่แล้วจะต้องรู้เห็นชอบด้วยเป็นแน่
แล้วทำไมถึงแม่แต่เธอที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยละ
[ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังสับสน และไม่เข้าใจ]
[แต่เชื่อข้าเถอะ มันดีต่อตัวเจ้าถ้าจะลืมมันไปซะ]
"อย่ามาพูดบ้าๆนะ"
เสียงหวานเอ่ยออกมาเสียงกดต่ำ ดวงตาสีฟ้าครามจ้องมองไปที่ดาบปากกาด้วยความขุ่นเครือในใจ ที่ตัวเองนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย แล้วมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นทำไมพี่ถึงต้องทำแบบนั้น ทำไมต้องให้เธอลืมด้วย
"ฉันไม่สนว่าพี่กับนายหรือใครก็ตามทำอะไรกับหัวของฉัน จนทำให้ฉันลืมแม้กระทั่งพี่สาวตัวเอง หรือจะเพื่อปกป้องฉันจากอะไรก็ตาม แต่ฉันจะไม่หยุดหรอ"
เธอเอ่ยอย่างเด็ดขาดพร้อมกับเขยิบหน้าเข้าไปไกล้ฮิเมะซึรุจนเขาต้องลอยถอยออกมา
"ต่อให้ฉันพยายามเอาความจริงจากนายก็คงไม่ยอมบอกสินะ"
เขาเงียบไม่ตอบหรือเขียนอะไรตอบกลับมา แค่ลอยอยู่นิ่งๆแล้วเหมือนกำลังจ้องมองมาที่เธอเช่นกัน เซียอาน่าทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ แต่เธอก็ไม่ได้เข้าไปหาเรื่องเขาแต่อย่างใด
"ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาคำตอบเอง!"
เมื่อพูดไปแบบนั้นฮิเมะซึรุก็มีประติกริยาขยับตัวนิดนึงเหมือนคนสะดุ้ง แต่ก็ยังคงนิ่งไม่ตอบอะไรกลับมา ปล่อยให้เด็กสาวตรงหน้าได้พูดต่อไป......
"ฉันว่าฉันพอจะรู้วิธีที่จะทำให้ฉันจำอะไรขึ้นมาได้บ้างแล้ว ถึงมันจะแลกมาด้วยการที่ฉันอาจจะต้องเจ็บตัว หรือ.....ต้องตายก็ตาม"
ภาพในฝันก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งในความทรงจำที่เธอลืมไป และเธอก็พึ่งจะมาจำมันได้ก็หลังจากที่เธอกำจัดเจ้าสัตว์ประหลาดน้ำหมึกสีดำนั้น และเธอยังเชื่ออีกด้วยว่ามันยังมีอีก มันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว มันคงกำลังซ่อนตัวหรือหลับไหลอยู่ที่ไหนสักที่ในโรงเรียนแห่งนี้ แล้วถ้าเธอสามารถจัดการมันได้มากเท่าไร เธอก็จะได้ความทรงจำของเธอคืนมามากเท่านั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นวิธีที่เสี่ยงที่เธออาจจะตายสูงมาก เพราะขนาดตัวเมื่อคืนเธอยังเอาตัวแทบไม่รอด แต่มันมีทางเลือกอื่นให้เธออีกไหมละ คนที่รู้ความจริงก็ไม่ยอมบอก พี่สาวที่เธอรักก็เป็นคนทำให้เธอลืม
เธอไม่อยากจะเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลย คนรอบๆตัวเธอนั้นกำลังแบกรับอะไรกันไว้อยู่ พวกเขาต้องเจอกับอะไรบ้างในขณะที่เธอใช้ชีวิตปกติสุขโดยที่ไม่รู้อะไรเลย
และที่สำคัญที่สุด อะไรที่เป็นสาเหตุ ที่ทำให้พี่สาวของเธอต้องตาย....
ถ้าหากว่าเธอทำตามเป้าหมายที่ผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง7 ต้องการได้สำเร็จ พวกเขาจะคืนพี่สาวกลับมาให้เธอ ถึงตอนนั้นเธออาจจะรู้อะไรมากขึ้น หรือไม่ถ้าเธอทำสำเร็จ เธอจะเป็นคนถามพี่ด้วยตัวของเธอเอง
[เหมือนกันจริงๆ...]
ฮิเมะซึรุที่นิ่งไปนานจู่ๆ ก็ขยับพร้อมกับเขียนตัวคันจิลงบนอากาศเป็นคำพูดนั้นออกมา....
[ถ้ามินับเรื่องที่เจ้าเป็นเด็กปากเสีย....]
[ความดื้อดึงนี้ และความพยายามมิยอมแพ้ของเจ้า]
[ ช่างเหมือนกับนายท่านยิ่งนัก]
ภายในจิตของดาบ ชายหนุมผมสีทองอ่อนนัยน์ตาสองสีจ้องมองมาที่เด็กสาวตรงหน้า นางช่างเหมือนกับนายท่านของข้าจริงๆ ถึงแม้ว่าข้าจะถูกสร้างขึ้นมาแตกต่างจากศาสตราเล่มอื่นๆ ทั้งเป้าหมายที่ได้รับ และการกำเนิดขึ้นมานั้นไม่เหมือนใคร และมีเวลาอยู่กับนายท่านมิได้นานเท่าศาสตราตนอื่นๆ แต่ข้าก็พอจะรู้นิสัยของนายท่านดีว่านางเป็นคนเช่นไร
แอบมีความดื้ดดึง มีความพยายาม มีความเป็นผู้นำ เป็นคนอ่อนโยน มีมารยาท เป็นที่รัก
ซึ่งในหลายๆปัดใจที่เด็กสาวคนนี้มีความเหมือนผู้เป็นพี่สาวยิ่งนัก มันจึงทำให้ข้าอดคิดมิได้ว่าตนกำลังคุยกับผู้เป็นนายอยู่รึเปล่า แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นก็ต้องตัดใจทิ้ง เพราะยังไงซะเด็กสาวคนนี้ก็มิใช่นายของข้า
และเพื่อตอบรับความปราถนา และคำขอร้องสุดท้าย ที่ขอให้อยู่เคียงข้าง และปกป้องเด็กสาวคนนี้ และอย่าได้บอกความจริง ข้าก็อยากจะตอบรับความปราถนานั้น
[แต่ข้ายังยืนยันคำเดิมว่าไม่สามารถบอกเจ้าได้]
[การที่ลืมมันไปซะ อาจจะดีกว่า]
เมื่อได้อ่านประโยคนี้เซียอาน่าก็ไม่ได้นึกแปลกใจหรือคาดหวังอะไรอยู่แล้ว เพราะถ้าเขายอมบอกง่ายๆเธอก็ไม่ต้องมาลำบากขนาดนี้หรอก
แต่ประโยคต่อไปของเขากลับทำให้เธอต้องหันกลับมามองใหม่อย่างแปลกใจ...
[แต่ถ้าเจ้ารู้ด้วยตัวเอง นั้นก็อีกเรื่องนึง]
นายท่านสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้ข้าบอก แต่ก็มิได้ห้ามให้กีดกัน และสั่งให้ค่อยอยู่ดูแล และปกป้องนางจากอันตรายทั้งปวง แต่ถ้านางจะดื้อดึงจะเข้าไปหาอันตรายเสียเอง ข้าที่มีหน้าที่ปกป้องก็ต้องตามไปอยู่ดี ข้ามิอาจห้ามนางได้หรอก
ก็นางดื้อดึงเหมือนท่านซะขนาดนั้น ใครจะไปห้ามไหว
[อย่าทำอะไรเกินตัว ข้ามาช่วยเจ้าตลอดไม่ได้]
[ข้าขอแค่นี้...]
อ่านจบดาบปากกาก็ตกลงมาอยู่ที่ตักของเธอในทันที โดยที่ยังไม่ทันจะได้ตอบหรือถามอะไรไปมากกว่านั้นอีกแล้ว และสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เจ้าปีศาจแมวในอ้อมแขนของเธอได้ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว
"หาว.....!...อยากกินทูน่าอีกจังเลย....งือออ....!"
เหมือนยังไม่หายเมาขี้ตากริมม์ขยับพลิกตัวในอ้อมแขนของเซียอาน่าสองสามทีก่อนที่จะลืมตาขึ้นช้าๆ มันยังมีอาการงัวเงียอยู่ ยกอุ้มเท้าขึ้นมาขยี้ตาตัวเอง ซึ่งท่าทางน่ารักนั้นอดไม่ได้ที่เซียอาน่าจะยกยิ้้มเอ็นดูก่อนที่จะลูบหัวมันเบาๆ
"ฟูน๊า!?"
จนกริมม์ที่รู้สึกตัวว่าโดนลูบหัวก็สะดุ้งแล้วเงยหน้ากลับมามอง
"เซีย! เจ้าฟื้นแล้ว!!"
ตึง!
ใบหน้าของเจ้าปีศาจแมวมีประกายของความดีใจก่อนที่จะกระโดดตัวขึ้นพุ่งตัวใส่หน้าของเด็กสาว จนคนที่โดดพุ่งเข้าใสตั้งตัวไม่ทัน และด้วยน้ำหนังของกริมม์ทำให้เธอนั้นหงายหลังกลับลงไปนอนหัวติดหมอนอีกครั้ง โดยที่มีกริมม์เกาะอยู่ที่หน้า
"เจ้าฟื้นแล้ว! ในที่สุดก็ฟื้น! เจ้าทำข้าใจหายใจคว่ำว่าเจ้าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้วอ่ะ!"
กริมม์กอดแน่นไม่ปล่อย พร้อมกับสายหน้าถูไปถูมา แววตาก็เหมือนจะร้องไห้แต่ตอนนี้มันดีใจมากกว่าที่ในที่สุดเด็กสาวก็ฟื้นเสียที เมื่อคืนตอนที่มันเห็นเลือดที่ขาของเด็กสาวหัวใจของมันแทบจะหยุดเต้น มันกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ว่าเด็กสาวนั้นจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก
เซียอาน่าค่อยๆดึงกริมม์ออกจากหน้าของตัวเอง พอเห็นสายตาที่ดูเหมือนเด็กงอแงร้องไห้ของมัน ก็ทำให้เธอรู้สึกผิดขึ้นมาเลยที่ทำให้มันเป็นห่วง
"ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะฉัน-"
แอ๊ดดด! ปึง!
ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ประตูห้องพยาบาลก็เปิดออกขึ้นมากระทันหัน เซียอาน่าหันกลับไปมองที่ประตูก็พบกับร่างของเด็กหนุ่มสองคนที่ร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันกับเธอเมื่อคืนเดินเข้ามา
คนที่เดินเข้ามาก่อนนั้นคือเอซ ตามหลังมาด้วยดิวซ์ที่ในมือของเขานั้นถือตระกล้าอาหารมาด้วย เอซที่เดินนำหน้าอยู่นั้นหันมาที่เตียงเขาก็หยุดชะงักพร้อมกับใบหน้าตกใจ ดิวซ์ที่เดินตามมานั้นก็ต้องหยุดไปด้วย เขาสงสัยว่าเอซหยุดทำไม เมื่อเงยหน้ามามอง เขาเองก็มีอาการไม่ต่างจากเอซเลย
เด็กทั้งสามมองหน้ากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จะมีก็แต่เสียงสะอื่นของกริมม์ที่ยังดังอยู่ ก่อนความเงียบที่เกิดขึ้นนั้นจะหายไปเมือเด็กสาวเป็นคนเอ่ยพูดออกมาก่อน พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ อย่างกล้าๆกลัวๆเพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว
"อา........กลับมาแล้วจ้า"
ผู้อำนวยการ ไดร์ โครวลีย์ ที่กำลังเดินไปที่ห้องพยาบาลเพื่อไปดูอาการของเด็กสาวที่ต่อไปนี้จะอยู่ในการดูแลของเขา ในมือของเขานั้นได้เตรียมของมาให้เพื่อเป็นการขอโทษที่ส่งให้เธอต้องไปเจอกับอันตรายมาเมื่อคืน ในฐานะผู้ใหญ่คนนึง และผู้อำนวยการของโรงเรียนนี้เขาก็มีส่วนผิด และต้องรับผิดชอบ
มือที่สวมถุงมือหนังสีดำมีกรงเล็บสีทองจับลูกบิดประตู แล้วได้เปิดเข้าไป แต่พอเปิดไปได้เพียงนิดเดียวเขาก็ต้องหยุดเอาไว้ก่อน เมื่อเห็นว่าภายในห้องไม่ได้มีแค่เด็กสาวและหนึ่งปีศาจแมวอีกแล้ว
เสียงพูดคุย และสะอื่นไห้ของเด็กสามคนและหนึ่งปีศาจดังออกมาให้ได้ยิน
เด็กสาวเอ่ยขอโทษทุกคนที่ทำให้เป็นห่วง เด็กหนุ่มผมแดงอมส้มเองก็ไม่รู้จะบ่นหรือดุอะไรเธออีกดีแล้ว ตอนนี้เขาดีใจมากกว่าที่เธอฟื้นขึ้นมาสักที เขายิ้มทั้งน้ำตาที่จะไหลออกมาแต่ก็พยายามไม่ให้มันไหล มือนึงก็จับมือของเด็กสาวเอาไว้เพื่อปลอบประโลมทั้งตัวเธอและตัวเขาเองด้วย เพราะมืออีกข้างของเธอนั้นไม่ว่าง เพราะกำลังลูบหลังกอดเจ้าปีศาจแมวอยู่
เด็กหนุ่มผมน้ำเงินเอง ถึงตามจริงแล้วเขาจะยังไม่ได้สนิทอะไรกับเด็กสาวแล้วเจ้าปีศาจแมวมากนัก แต่เขาก็ดีใจที่เธอฟื้น เมื่อคืนเขาแทบนอนไม่หลับ พอเช้ามาเขาได้ไปขอให้รุ่นพี่ที่รู้จักเตรียมของมาเยี่ยมเธอเอาไว้เผื่อว่าเธอฟื้นแล้วเธอจะหิว แต่พอได้มาเจอเธอจริงๆมันทั้งรู้สึกดีใจ และเบาใจไปในเวลาเดียวกันราวกับยกภูเขาออกจากอก รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็จะไหล
ไดร์ โครวลีย์ คิดว่าตอนนี้เขายังไม่ควรเข้าไป ควรปล่อยให้เด็กๆได้พูดคุยกันไปก่อนดีกว่า เพื่อความสบายใจของพวกเขาเอง เขาที่เป็นผู้ใหญ่ที่ใจดีนั้นรอได้อยู่แล้ว...
ขออนุญาตใช้ภาพ และขอขอบคุณภาพจาก...
_________________________________________________________________
ชื่อผู้อำนวยการไรท์เปลี่ยนเป็น ไดร์ โครวลีย์ แล้วนะ ดูเหมือนตอนแรกไรท์จะเขียนผิด
บทนี้ให้เอซกับกริมม์ และฮิเมะซึรุเด่นละกัน ส่วนเจ้าลูกเจี๊ยบค่อยไปเด่นต่อทำทาร์ต
ไม่รู้ว่าจะสนิทกันเร็วไปรึเปล่า แต่บางนี้ก็คงดีเรื่องจะได้ไปเร็วๆหน่อย
รอเนื้อเรื่องบท7 ออกมาเฉลยอะไรหน่อย โดนเฉพาะพี่หัวเงินที่ดูจะมีซัมติงอะไรสักอย่างกับตัวเอก น่าจะเอามาเขียนได้
ห่างการเขียนเรื่องนี้ไปสักพักเพราะทำงาน พอกลับมาเขียนมันก็อาจจะงงๆหน่อยต้องขอโทษด้วยนะคะ
หวังว่าคงไม่เบื่อกันก่อน หรือไม่สนุกนะ
ไรท์แต่งดราม่าไม่เก่ง เรื่องนี้จึงอาจไม่ปวดตับแน่นอน
ไม่ดราม่าแน่นะวิ?
ไม่! ไม่เเน่นอน! แค่น้ำตาซึมเอง จิบๆสบายๆ อยู่แล้วคนอ่านน่ะ!
เจอคำผิดต้องขอโทษด้วยนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น