คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : โชคชะตาหรือความซวย 30 เปอร์จ้า
วันนี้เป็นวันที่ฝนตกหนัก มันตกมาได้ร่วมๆสองชั่วโมงแล้วฉันได้แต่บ่นในใจด้วยความเซ็งสุดขีด หนึ่งวันมียี่สิบสี่ชั่วโมงและในหนึ่งวันเราอยู่โรงเรียนสิบชั่วโมงและรอยต่อระหว่างเวลาเลิกเรียนกับเวลากลับบ้านนั้นไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำไป แต่ทำไมฝนมันต้องตกตอนฉันจะกลับบ้าน ถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำและหยดน้ำทียังตกลงมาจากฟ้าทำให้การจราจรติดขัด ถึงฉันจะเป็นคนที่รอบคอบเพราะพกร่มมาในช่วงหน้าฝนแต่ก็ไม่ได้ชอบที่จะใช้งานมันเสียหน่อย ฉันชื่อปลายฟ้าค่ะ เป็นเด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ห้า ตอนนี้กำลังประสบปัญหารองเท้าหนังมีน้ำเข้าไปขังในนั้นทำให้รู้สึกว่าเท้าเริ่มเปื่อย มีบทความว่ามันอาจก่อให้เกิดเชื้อราหรือทำให้พยาธิตัวเล็กๆเข้าไปในร่างกายเราได้ แต่ให้ทำไงได้ล่ะในเมื่อถ้าไม่ออกไปหน้าโรงเรียนก็คงหารถกลับบ้านไม่ได้นี่นา การที่ต้องถ่อออกไปรอรถเมล์ที่ป้ายใกล้ๆจึงเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะฉันเองก็อยากกลับบ้านไปอ่านนิยายเล่มใหม่ที่เพิ่มซื้อมาใจจะขาดอยู่แล้วแค่การเสี่ยงเป็นเชื้อราในง่ามเท้าถือเป็นเรื่องเล็กมากเลยทีเดียว ถนนในวันฝนตกดีอยู่อย่างตรงที่ไม่มีคนเดินพลุกพล่านเท่าไหร่ ปกติในกรุงเทพมักมีคนเดินเต็มไปหมด โดยเฉพาะตามโรงเรียนหรือสถานที่ท่องเทียวเรียกได้ว่าแทบจะอัดกันจนเป็นปลากระป๋องเลยก็ว่าได้ ความจริงมันก็คงจะไม่เดินลำบากมากนักถ้าไม่ติดตรงที่ว่าทางเดินนั้นเต็มไปด้วยเหล่าแม่ค้าพ่อค้าที่ตั้งร้านริมถนนกันเต็มไปหมด มันไม่ได้เลวร้ายหรอกถ้าพวกเขาจะจัดร้านกันแต่พอดีเสียหน่อย แต่บางร้านนั้นก็กินพื้นที่อย่างไม่เกรงใจคนเดินจนฟุตบาทที่กว้างพอจะเดินได้สี่คนเหลือแค่ครึ่งคนแบบนี้ เอาเถอะเขาเองก็ต้องทำมาหากิน จะให้ไปบ่นหรือวิจารณ์อะไรมากก็ไม่ได้ อย่างน้อยๆมันก็เป็นงานสุจริตเพียงแค่สร้างความลำบากเล็กๆแก่คนอื่นเท่านั้นเอง ถนนมันเป็นของสาธารณะนี่นาจะต้องแบ่งกันใช้บ้างก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว ขณะที่ฉันกำลังก้าวเดินอย่างช้าๆไปตามทางเดิน จู่ๆก็มองเห็นหญิงชราท่าทีลุกลี้ลุกลนที่ทางม้าลายข้างหน้า ดูเหมือนยายแกจะต้องการความช่วยเหลือนะ ด้วยความที่คิดว่าเราเองก็เป็นคนดีในสังคมคนหนึ่งเพราะฉะนั้นการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือยายแกก็คงไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เดือนร้อนอะไร
“ยายจะข้ามฝั่งรึเปล่าคะ หนูช่วยมั้ย” ฉันเดินเข้าถามพร้อมรอยยิ้ม ยายแกหันหน้ามามองก่อนส่ายหน้าไปมา
“ยายยังไม่อยากข้ามตอนนี้หรอก กำลังตื่นเต้นกับไอ้ไฟแดงๆเขียวนี่อยู่ ทำไมรถมันถึงต้องหยุดตอนไฟมันเป็นสีแดงด้วย มองมาหลายทีแล้ว” ปัจจุบันนี้ยังไม่มีคนรู้จักไฟเขียวไฟแดงอีกเหรอเนี่ย ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะพอได้อยู่หรอกนะ แต่คนแก่ๆเดี๋ยวนี้ก็เห็นเล่นเฟสบุ๊คกันตั้งเยอะไป ขนาดยายของเธออายุจะเจ็ดสิบยังมีเฟสเป็นของตัวเองเลย หรือยายเขาจะอยู่ในชุมชนลับแลจริงๆถึงไม่รู้จัก ดูจากภายนอกแล้วน่าจะอายุอย่างมากก็แค่เจ็ดสิบต้นๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาคิดนี่นา เอาเป็นว่าอธิบายให้ยายเข้าใจก็พอแล้วดีกว่า
“มันเป็นสัญญาณของไฟจราจรค่ะยาย สีแดงคือให้รถหยุดเพื่อให้สำหรับคนเดินข้ามหรือให้รถจากอีกฝั่งขับไปได้ส่วนสีเขียวคือให้รถขับไปได้สีเหลืองคือการเตือนว่าให้เตรียมหยุดรถเพราะไฟแดงกำลังจะมา” ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่เหมือนเห็นประกายบางอย่างในดวงตาของยายเลย
“เหมือเวทย์สะกดจิตน่ะเหรอ มนุษย์สร้างของแบบนี้ได้ด้วยสินะ” แฟนตาซีมากค่ะยายเพิ่งเคยเจอคนพูดแบบนี้ครั้งแรกนี่แหละค่ะ หรือบางทีฉันควรโทรหาโรงพยาบาลใกล้ๆมารับตัวยายแกไปดีไหมนะ แกอาจมีอาการหลงอยู่ก็ได้ แต่ก่อนจะทำอะไรแบบนั้นบางทีแกอาจจะแค่เล่นมุขก็ได้นะ จะให้ด่วนตัดสินก่อนไม่ได้หรอก
“มันไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกค่ะ นี่มันเรียกว่ากฎจราจร ถ้าใครฝ่าฝืนก็ต้องมีบทลงโทษซึ่งมันมีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง เพราะมนุษย์ไม่มีเวทย์มนต์ก็เลยต้องสร้างกฎขึ้นมาเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์สินะ” ฉันว่าควรโทรหาคนมารับยายไปหาหมอได้แล้วล่ะ ว่าแต่แกมีคนที่บ้านรึเปล่านะ โทรเรียกให้คนที่บ้านเขามารับน่าจะดีกว่า แต่สภาพอย่างนี้แกจะรู้เบอร์ของที่บ้านตัวเองรึเปล่านะ ไม่ใช่แกบอกว่าติดต่อทางบ้านด้วยนกฮูกส่งจดหมายล่ะ
“ยายหลงทางอยู่รึเปล่าคะ ให้หนูโทรตามคนที่บ้านให้ดีกว่านะ พอจะมีเบอร์ของคนในบ้านมั้ยคะ” ฉันควักโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา และยายก็จ้องมันตาไม่กระพริบราวกับพบสิ่งมหัศจรรย์ที่ไม่เคยเห็นจากไหนมากก่อน
“อันนี้มีไว้ติดต่อกันกับพวกเธอเหรอ เป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีหลายรูปร่างจริงๆ ฉันได้ยินมาว่ามันรวมข้อมูลที่พวกมนุษย์มีไว้ในนี้ได้ด้วยน่าอัศจรรย์จริงๆทั้งที่มันเล็กกว่าหนังสือเวทย์มนต์อีกแต่กลับมีข้อมูลมากขนาดนั้น” ยายแกคงไม่มีทางรู้เบอร์คนในบ้านแน่นอนฟันธง!! เพิ่งเคยเจอคนแก่หลงหนักเป็นครั้งแรกด้วยสิ เบอร์ของพวกหน่วยกู้ภัยก็ไม่เคยเม็มไว้ งั้นเราก็คงต้องหาทางพาไปส่งตำรวจดีกว่าสินะ หรือจะลองหาทางไปส่งแกที่บ้านดี ถึงจะเสียเวลากลับบ้านไปบ้างแต่ก็น่าจะดีกว่าการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นล่ะนะ ยิ่งหลงๆแบบนี้ทิ้งไว้คนเดียวสงสัยคงเสยกับรถดับอนาถแน่นอน
ความคิดเห็น