คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Chapter:9th Reconcile
Chapter:9th Reconcile
“คุณ!! ไปช่วยยกลังน้ำที่ห้องกิจกรรมนักเรียนกับเราหน่อยสิ” ผมหยุดงานที่กำลังทำอยู่แล้วหันไปมองทางต้นเสียง มาริสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นคนเดียวของระดับชั้นและหนึ่งเดียวของคณะกรรมการนักเรียนยื่นอยู่ข้างหลังผม เธอยืนอยู่ห่างจากพื้นที่ที่ผมทำงานอยู่พอสมควร อาจเป็นเพราะเธอไม่กล้าเดินเข้ามาเรียกผมกลางดงสิงห์สาราสัตว์แถวนี้ และผมก็คงเป็นคนเดียวที่เธอรู้สึกสนิทด้วยที่สุด
“ไอ้กรีนเดี๋ยวกูไปช่วยมาริก่อน มึงเช็คข้าวไปก่อนแล้วกัน” ไอ้กรีนพยักหน้าตอบรับและจัดการนับจำนวนข้าวกล่องและขนมที่จัดเอาไว้สำหรับผู้ปกครองและน้องม.1 รวมถึงแบ่งเอาไว้ให้อาจารย์ และคณะกรรมกรนักเรียน(ความหมายตรงตัวครับ กรรมกรนักเรียน)อย่างพวกผมด้วย
“ไอ้ห่าคุณ!! สาวมาตามแล้วทิ้งเพื่อนหรือไง?” ทันทีที่ผมหันหลัง เสียงเห่าของไอ้ชาก็ดังขึ้นขัดซะก่อน ผมหันกลับไปส่งนิ้วกลางให้มันอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากทะเลาะกับมันให้งานล่าช้า และผมก็ไม่อยากให้มาริเธอเสียเวลาไปกับพวกผมด้วย
“ไปเหอะมาริ!” เมื่อเธอได้ยินดังนั้น มาริก็ออกเดินทันทีโดยที่ผมเร่งฝีเท้าเดินตามเธอมาเรื่อยๆ จนถึงห้องกิจกรรมนักเรียน ผมเห็นลังน้ำเปล่า4ลังที่อยู่ด้านหน้าตรงทางเดิน ผมยกลังด้านบนมาอุ้มไว้ในมือ น้ำหนักของลังหนักพอสมควร และผมก็คิดว่ามาริคงยกไม่ไหวแน่
“เราว่ามาริไปเอารถเข็นมาดีกว่า จะได้เข็นไปทีเดียว”ผมเสนอความคิด เพื่อจะได้เอาไอ้เจ้าลังหนักๆพวกนี้ไปในคราวเดียวโดยไม่ต้องเหนื่อยมากนัก และมาริจะได้ไม่ต้องแบกของที่เกินกำลังผู้หญิงพวกนี้
“พวกเบลใช้ขนเครื่องเสียงอยู่อ่ะ!! เดี๋ยวเราไปตามคนอื่นมาช่วยคุณแล้วกัน เพราะเราต้องไปช่วยพวกที่เวทีอีกอ่ะ!”มาริว่า ผมเอากล่องในมือวางลงทีเดิมเพราะเริ่มรู้สึกว่ามันหนักเกินไปที่จะถือไว้อย่างเดิม ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของมาริ ไอ้จะให้ผู้หญิงมาแบกของพวกนี้มันก็ดูจะเกินกำลังเธอเกินไป ผมว่าทางที่เธอคิดดีที่สุด แล้วอีกอย่างเธอจะได้เอาเวลาไปช่วยงานส่วนอื่นด้วย
“งั้นเดี๋ยวเรายกไปเอง มาริไปช่วยที่เวทีเถอะ!!”ผมยกลังน้ำขึ้นอีกครั้ง เตรียมเดินกลับไปเต็นท์สวัสดิการเพื่อเอาน้ำไปร่วมไว้กับอาหาร
“งั้นเราไปตามคนมาให้ แต่คุณยกไหวป่าว?”มาริเดินตามผมมา เธอทำหน้าชั่งใจเล็กน้อย ผมส่ายหน้าปฎิเสธแล้วรีบเร่งเดินเพื่อให้ถึงเต็นท์โดยเร็วเพราะไอ้ลังน้ำในมือผมมันหนักมากอ่ะครับ!!
“งั้นเราไปนะ” มาริว่า แล้ววิ่งไปทางเวที ส่วนผมก็ได้แต่รีบเดินก่อนที่ตัวเองจะหน้าคว่ำลงกับพื้นเพราะไอ้น้ำหนักเกินมาตราฐานของไอ้ลังน้ำเจ้าปัญหานี่ซะก่อน มันคงดูไม่ดีแน่ครับถ้าคนหล่อเกิดล้มลงไปแล้วใครมาเห็นเข้า!! เสียภาพพจน์หนุ่มป๊อบของโรงเรียนหมด!!(เขามั่นใจค่ะ:โทรเลขด่วน)
ผมเดินลัดสนามหญ้าเพื่อจะได้ลดระยะทางในการกลับไปเต็นท์สวัสดิการให้สั้นลง ‘ขออย่าให้อาจารย์ไพโรจน์เห็นผมเดินย่ำบนผืนหญ้าที่แกรักแกหวงอย่างกับลูกกับหลานเลยครับ สาธุ!!’ ผมเดินออกมาจากสนามได้อย่างปลอดภัยโดยไร้วี่แววของอาจารย์ไพโรจน์ถือไม้เรียวไล่ฟาดมา ผมตัดสินใจวางไอ้ลังอันหนักบรรลัยลงกับพื้นเพราะมือผมเริ่มเจ็บเล็กน้อย พักสักนิดแล้วค่อยยกต่อ!!
“คุณมึงมาอยู่ไรแถวนี้วะ? มึงสตาฟสวัสดิการไม่ใช่เหรอมึง?” ไอ้พลูทักผม ผมมองกลุ่มคนที่เดินมาแล้วรู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดหน่อย เพราะนอกจากไอ้พลูแล้ว ผมยังเห็นไอ้อัคที่เดินมากับไอ้พลูด้วย ไอ้อัคมองผมเฉยๆ ไม่มีคำทักทายใดๆหลุดออกมาจากปาก ไม่มีแม้แต่การยิ้มเพื่อทักทาย และการกระทำแบบนั้นมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันกำลังเมินผมอยู่!!
“มาริมาตามกูให้ไปขนน้ำที่ห้องกิจกรรมน่ะ”ผมบุ้ยหน้าไปทางหลักฐานบนม้าหิน ไอ้พลูหันไปมองตาม ส่วนไอ้คนที่เมินผมอยู่มันก็ชำเลืองตาดูเล็กน้อย มันไม่พูดอะไร! และดูท่ามันจะไม่สนใจอะไรกับขนาดของลังที่มันเห็นเลยสักนิด!! ปกติเวลาเห็นใครเขาถือของหนักต้องถามว่ามีอะไรจะให้ช่วยมั้ย? ไม่ใช่เหรอครับ!
“มึงให้กูช่วยปะวะไอ้คุณ? ดูท่ามันหนักนะนั่น” ไอ้พลูว่า ผมเลิกสนใจไอ้คุณชายไร้น้ำใจข้างไอ้พลู แล้วหันมาสนใจคนที่มีน้ำใจมากกว่าไอ้คนนั้นเป็นไหนๆ!!
“มึงไปช่วยขนที่หน้าห้องกิจกรรมแล้วกัน เหลืออีกสามลัง! เดี๋ยวอันนี้กูแบกไปเอง อีกนิดเดียวก็ถึงเต็นท์แล้ว”ผมบอกไอ้พลู
“งั้นเดี๋ยวกูกับไอ้อัคไปขนมาแล้วกัน มึงก็เดินดีๆล่ะ” ไอ้พลูพูด มันเดินไปทางห้องกิจกรรม ผมยกลังขึ้นมาไว้ในมืออีกครั้ง หลังจากได้พักแล้วมือผมก็เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยที่มันแดงเถือกเมื่อกี้ก็จางลงแล้ว แต่พอผมจะเดิน กล่องในมือผมก็ลอยไปอยู่ในมือไอ้คนที่เมินผมซะงั้น!! ผมมองตามร่างที่เดินนำหน้าผมไป ผมมองมันอย่างอึ้งๆ ตกลงมันจะเอายังไงกับผมกันแน่เนี่ย??
พอไอ้อัคมันทักทายทุกคนในเต็นท์ด้วยรอยยิ้มเสร็จ มันก็เดินไปทำหน้าทีอื่นต่อ โดยปล่อยให้ผมยื่นงงกับปฎิกิริยาของมัน ที่ดูเหมือนมันตั้งใจจะเมินผม และเปิดสงครามเย็นกันซึ้งๆหน้า ทำเอาผมรู้สึกเลือดขึ้นหน้า ชีวิตนี้ผมยังไม่เคยถูกใครเมินมาก่อนเลย!! แล้วมันเป็นใครถึงกล้ามาเมินผม? และผมก็ไม่ยอมให้มันเมินผมอย่างงี้หรอก วันนี้ผมต้องพูดกับมันให้รู้เรื่องว่ามันเมินผมเพราะอะไร?
“ไอ้คุณมึงอย่ามาอู้!! งานแมร่งเยอะแยะ ไอ้นี่เสือกยืนเฉย!! มาช่วยพวกกูเลย” เสียงไอ้กรีนตะโกนออกมาทำให้ผมต้องกลับไปช่วยพวกมันในเต็นท์สวัสดิการ สงสัยผมต้องพักปฎิบัติการลับของผมเอาไว้ก่อนแล้วล่ะครับ!!
***
“สีเขียวสู้ๆ สีเขียวสู้ตาย!!!”
“สีม่วงน่ารัก คึกคักเวลาลงเล่น!!!”
“กรี๊ดดดดด!!!”
บรรยากาศงานกีฬากระชับมิตรเต็มไปด้วยสีสันของกองเชียร์และความมันของเพลงเชียร์ที่น้องๆเขางัดมาร้องสร้างความครื้นเครงให้กับงานเป็นอันมาก ขนาดผมที่นั่งดูอยู่เฉยๆยังรู้สึกสนุกไปด้วยเมื่อเห็นบรรดาพ่อๆแม่ๆออกมาเต้นตามเพลงเชียร์ลูกๆสุดฤทธิ์ 555+
“ไอ้คุณไปแดนซ์กันเพื่อน!!” ไอ้กรีนที่อดรนทนไม่ไหวลุกมาฉุดแขนผมเพื่อออกไปร่วมแจมกับกองเชียร์ที่กำลังเมามันเพราะเสียงกลองที่เร่งจังหวะขึ้นรั่วและเร็ว!!
“ไอ้ชามันตีกลองอยู่โน่น มึงไปดิ้นใกล้ๆมันไป!” ผมบุ้ยหน้าไปข้างแสตนสีเขียวที่ไอ้ชาโดนวานให้ไปตีกลองแทนไอ้โอ๊คที่ตีนานจนมือหงิกขอไปพักมือก่อน!!
“ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย!” ไอ้กรีนยังไม่ละความพยายามที่จะลากผมไปเต้นกับมันด้วย ผมมันเป็นคนไม่ชอบลงมือทำ แต่ ชอบดูมากกว่าครับ แล้วอีกอย่างอากาศตอนสิบนาฬิกาของไทยก็คงรู้ๆกันอยู่นะครับ!!
“ไม่เอากูร้อน!! มึงไปลากไอ้เอ็มไป มันนั่งแดกน้ำในถังจนจะหมดอยู่แล้วนั่น” ไอ้กรีนหันไปมองไอ้เอ็มที่นั่งอยู่บนถังใส่น้ำแข็งสีน้ำเงินถือกระบอกน้ำพลาสติกในมือ และผมก็เห็นประกายวิบวับในตาของไอ้กรีนทันที!! มันได้เป้าหมายใหม่แล้วล่ะครับ!!
“ไอ้เอ็ม!! มึงออกไปแดนซ์กะกูเลย” ไอ้กรีนวิ่งไปฉุดไอ้เอ็มแล้วลากมันออกจากเต็นท์สวัสดิการไป โดยที่ไอ้เอ็มไม่มีโอกาสได้ปฎิเสธด้วยซ้ำ!! 555+ ไอ้เอ็มทำหน้าเหวอมากครับ!! แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่สามารถต้านทานแรงบัฟๆของไอ้กรีนได้
และผมก็ได้เห็นสภาพอัน!! เอ่อ! ลำบากลำบนของไอ้ชาที่มือสองข้างก็ตีกลอง ตาก็ดูไอ้เอ็มที่พยายามหลบด้านหลังมันเพื่อให้พ้นจากสภาพบ้าคลั่งของไอ้กรีน ส่วนไอ้ชาปากก็ด่าไอ้กรีนที่คอยฉุดกระชากไอ้เอ็มเพื่อมาเต้นสนองตัณหามัน!! ผมคิดว่าผมโชคดีที่ไม่ต้องตกเป็นเหยื่ออาการคลั่งของไอ้กรีน!! อาเมน
“คุณ!! ขอน้ำให้เราหน่อยดิ” มาริเดินเข้ามาในเต็นท์ ในมือเธอมีพัดลมรูปแมวสีชมพูอันเล็กหนึ่งอัน ไรผมชื้นเพราะเหงื่อ ส่วนแก้มของเธอก็แดงขึ้นเพราะอุณหภูมิของอากาศที่สูงขึ้นของเมืองไทย
“รอแปป!!” ผมบอกเธอ ก่อนที่จะขยับตัวจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่เพื่อลุกไปหยิบน้ำเย็นจากในถังน้ำแข็งให้
“ขอน้ำแข็งด้วยนะคุณ!!”
“อืม”ผมตอบรับคำขอของมาริ เปิดฝาถังขึ้นและหยิบแก้วน้ำพลาสติกซีนปิดป้องกันน้ำที่อยู่ด้านในกับตักน้ำแข็งใส่แก้วเปล่าให้มาริตามที่เธอขอ
“ขอบคุณมาก!” มาริรับแก้วน้ำและแก้วน้ำแข็งในมือผมไปถือเอาไว้ เธอรีบดูดน้ำจากแก้วทันทีที่เธอรับมันเอาไว้ ท่าทางเธอคงกระหายน้ำอย่างที่ว่าจริงๆ
“ค่อยๆดูดดิเดี๋ยวก็สำลักหรอก”ผมพูด เพราะห่วงมาริที่ดูดน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เธอก็ไม่สนใจคำเตือนของผมเลยเมื่อเธอยังดูดน้ำต่อไป และผมก็มองจนเธอดูดน้ำจนหมดแก้ว!!
“เป็นไงบ้างล่ะ?”ผมถามมาริ หลังจากรับแก้วน้ำในมือเธอมาทิ้งในถุงขยะแล้ว
“ก็ดีขึ้นกว่าเมื่อกี้แล้วล่ะ!! แดดแรงมากจนหน้าเราแสบไปหมด” ผมมองออกไปนอกเต็นท์ อย่างที่มาริพูดล่ะครับ แดดตอนนี้แรงมากทีเดียว!! โชคดีที่ผมเป็นฝ่ายสวัสดิการ(ที่ต้องคอยอยู่เฝ้าเต็นท์)ทำให้ไม่ต้องออกไปเจอแดดข้างนอกเหมือนมาริ!!
“มานั่งในเต็นท์ก่อนดิ!! เดี๋ยวมีคนมาเรียกค่อยออกไป” ผมดึงเก้าอี้ตัวใกล้ๆให้เธอ มาริดึงเก้าอี้จากมือผมไปนั่ง ผมเห็นเธอแล้วต่อมสงสารก็เกิดทำงานขึ้นมา ดูเธอเอาผ้าเช็ดหน้ามาห่อน้ำแข็งสองสามก้อนแล้วเอาประคบแก้ม!! ผมว่าเธอคงแสบจริงๆล่ะครับ! แก้มเธอแดงมากจนผมกลัว
เธอประคบน้ำแข็งจนหน้าเธอเกือบเป็นปกติ!! ดูแล้วมาริคงดีขึ้นมาก ผมเลิกสนใจเธอและกลับมาสนใจการแข่งขันเชียร์ของแต่ละสีกันต่อ และผมก็ต้องขำอีกครั้งที่เห็นไอ้กรีนลากไอ้เอ็มออกมาเต้นเป็นเพื่อนมันได้สำเร็จ!! ส่วนไอ้ชาก็กำลังเข้าถึงศาสตร์แห่งการตีกลองขั้นสูง 555+
แล้วสายตาของผมก็ไปหยุดอยู่ที่ไอ้ประธานนักเรียนที่ตอนนี้กลายเป็นช่างภาพจำเป็น ผมเห็นไอ้อัคสะพายกระเป๋ากล้องถ่ายรูปใบโตไว้บนบ่า ส่วนมือมันก็ถือกล้อง ถ่ายรูปกองเชียร์ของทุกคณะสี หน้ามันยิ้ม ดูมันสนุกกับการเก็บภาพกลางแดดเปรี้ยงๆตรงขอบสนามจริงๆ
“คุณจะไปไหนอ่ะ?” มาริถามเมื่อเธอเห็นผมเดินออกจากเต็นท์
“เดี๋ยวเรามา!! ฝากเต็นท์ไว้ก่อนนะ”ผมบอกมาริ แล้ววิ่งออกจากเต็นท์ทันที จุดมุ่งหมายคือขอบสนามที่ๆไอ้คุณชายอัคยื่นอยู่ ผมว่าถึงเวลาที่ผมต้องคุยกับมันแล้ว!!
“อ่ะ!!” ไอ้อัคมองหน้าผม แล้วกับไปมองแก้วน้ำที่ไอเย็นจับในมือผม และมันก็หันกลับไปสนใจกล้องในมือมันต่อ โดยใบหน้าเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มที่ผมเห็นก่อนหน้านี้บนใบหน้ามัน!!
‘ไอ้ห่า!! ง้อแล้วเล่นตัวเหรอเมิง’ ความจริงผมอยากจะด่ามันออกไปอย่างนี้มากกว่าที่จะต้องยืนปั้นหน้ายิ้มใส่มันทั้งที่มันทำเป็นไม่สนใจผม แต่ทำไงได้ล่ะครับ!! ก็ผมต้องง้อมันนี่
ความจริงผมก็พอจะรู้สาเหตุว่าทำไมมันถึงเมินผมในวันนี้ เหตุมันสืบเนื่องมาจากเมื่อวานที่เราไปเอาวารสารของโรงเรียนแน่ๆ เพราะหลังจากที่มันตัดหน้าผมาจ่ายค่าอาหารญี่ปุ่นมื้อนั้นไป และเราก็มีปากเสียงกันนิดหน่อย! แต่ผมก็ไม่นึกว่ามันจะโกรธผมมากขนาดเมินผมในวันนี้
“มึงโกรธกูเหรอ?”เป็นคำถามที่โง่เง่ามาก! แต่ผมก็ไม่รู้จะเริ่มพูดกับมันยังไงดี ไอ้อัคชะงักเล็กน้อย!!
“ผมไม่ได้โกรธ” ปากบอกว่าไม่ แต่การกระทำมันสื่อชัดเจนว่าไอ้ประธานมันโกรธอย่างแน่นอน คำพูดของมันสุภาพเกินไปจนเหมือนประชดเล็กๆ แต่ก็ยังดีที่มันยอมพูดกับผมจนได้!!
“ไม่โกรธก็รับน้ำไปดิ! ยืนมองทำไม”ผมยื่นน้ำไปตรงหน้ามันอีกครั้ง มันมองผมนิ่งๆ โดยไม่ขยับและไม่ยื่นมือออกมารับแก้วน้ำในมือผม ผมเลยจัดการยัดแก้วน้ำใส่มือมันซะเลย!! ไอ้อัคดูจะตกใจเล็กๆ แต่มันก็ไม่ขยับอีกเช่นกัน
“เอาคืนไปเถอะผมไม่อยากเป็นหนี้คุณ” ไอ้อัคยื่นน้ำในมือคืนให้ผม แต่เรื่องอะไรผมจะรับล่ะครับ นายกานคุณมีนโยบายให้แล้วไม่รับคืนครับ!!
ผมเอามือสองข้างซ่อนเอาไว้ข้างหลัง และถอยห่างจากไอ้อัคอีกหนึ่งก้าวเพื่อกันวิธีการยัดใส่มือ ที่ผมทำกับมันเมื่อกี้ พอเห็นผมทำแบบนี้ดูไอ้อัคจะหัวเสียนิดหน่อย!!
“กรี๊ดดดด!!”เสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นทำให้ไอ้อัคเลิกสนใจผมและกลับไปสนใจการแข่งขันต่อ มันถือกล้องถ่ายรูปโดยที่ไม่ยอมวางแก้วน้ำที่ผมให้ไว้กับพื้น ทำให้การถ่ายรูปดูลำบากขึ้นหน่อย ผมเห็นเป็นโอกาสอันดีที่จะดำเนินแผนการต่อไป!!
“ชึ้บบบ!! ใส่ซะแล้วหายโกรธได้แล้ว!!” ผมมองหน้าไอ้อัคที่หันมามองผมค้าง ก่อนที่ผมวิ่งหนีมันหลบเข้าไปในเต็นท์อีกครั้ง ถ้าหูผมไม่แว่วไปเอง ผมว่าผมได้ยินเสียงหัวเราะดังๆตามหลังผมมานะ
‘งงล่ะสิครับว่าผมทำอะไร!! อยากรู้ใช่มั้ยล่ะ? แต่เรื่องอะไรจะบอกล่ะครับ เรื่องส่วนตัวขนาดนี้คงบอกไม่ได้หรอก ถ้าอยากรู้จริงๆ ก็Commentมาเยอะๆแล้วกัน บางทีผมอาจจะใจอ่อนบอกทุกคนก็ได้นะ 555+’ ลงชื่อ นายกานคุณ หัวหน้าระดับ
To Be Continued
Edit 24 March 2011
ความคิดเห็น