คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : Chapter:24th What ? [Complete] 100%
Chapter:24th What
?
ผมเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางอิดโรย...เพราะไม่กี่นาทีที่ผ่านมาผมเพิ่งสะดุ้งตื่นหลังจากเผลอหลับไปเมื่อตอนเกือบๆหกโมงเช้าของวันนี้
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมเป็นแบบนี้มาก่อน มันไม่ใช่เรื่องคุ้นเคยที่อยู่ๆผมจะเห็นหน้าใครสักคนตลอดเวลา ทั้งที่พยายามไม่คิด ข่มตาให้หลับจะได้ไม่ต้องคิด ไม่ต้องสนใจ แต่พอหลับตา ภาพเหตุการณ์ตอนนั้นกลับชัดเจนขึ้น
ถึงจะผ่านมาหลายชั่วโมงแต่คำพูด แววตา สัมผัสทุกๆอย่างมันชัดเจน ชัดมากจนผมรู้สึก ‘กลัว’
ไม่ใช่ว่าผมกลัวการกระทำของอัค แต่ที่ว่า ‘กลัว’ คือตัวผมเองต่างหาก กลัวการกระทำตัวเอง กลัวความคิดตัวเอง กลัวความรู้สึกตัวเอง ง่ายๆคือ ผม ‘กลัว’ ใจตัวเอง
ถ้าตอนนั้นไม่มีสิ่งใดมารบกวน...ผมก็ไม่มั่นใจว่า ตัวผมเองจะทำยังไงต่อ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง...
จะขัด...หรือ จะยอม...
ผมไม่สามารถตอบคำถามตัวเองได้ด้วยซ้ำ สามัญสำนึกของผมมันรั้งเอาไว้ แต่บางอย่าง ที่ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร กลับผลักดันให้ผมอยากรู้ ว่าถ้ามันเกิดขึ้น...มันจะเป็นยังไงต่อไป
สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะว่า บรรยากาศ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เราพลั้งเผลอ อะไรก็ตามที่ผมสามารถเอามาเป็นข้ออ้างให้การกระทำของเราทั้งสองคนได้
แต่บางสิ่งที่มันอยู่ในสายตาคู่นั้น...
เป็นสิ่งเดียวที่ผมยังไม่สามารถ หาข้ออ้างใดๆมาขัดได้
หลังจากที่ผมหลบฉากขึ้นไปห้องนอน ความกังวลก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่รู้จะทำยังไงถ้าเวลาที่ต้องอยู่ด้วยกันสองคนมาถึง ผมตัดสินใจข่มตานอน เพื่อลดความตึงเครียดระหว่างผมกับอัคลง
แต่ผ่านไปเป็นชั่วโมง ก็ไม่มีวี่แววว่า อัคจะขึ้นมาข้างบน ทำให้ผมกังวลว่า อัคจะคิดอะไรไม่เข้าท่า ทำให้ผมต้องคอยฟังเสียงรถยนต์ เพราะกลัวว่ามันจะแอบหนีกลับบ้านตอนกลางดึก
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงทำให้ผมคลายกังวลเรื่องที่อัคจะขับรถออกไป หรือแม้กระทั่งการที่ต้องเผชิญหน้ากันในเวลานี้ ผมไม่รู้ว่าอัคกำลังทำอะไรอยู่ด้านล่าง แต่จะให้ผมเดา อัคก็คงกำลังกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน เหมือนที่ผมกำลังอยู่ในพะวัง ของตัวเอง
ผมเคยรู้สึกแบบนี้บ้างไหม? ผมบอกได้เลยว่าไม่เคย กับแพทที่คลอเคลีย เกาะแขน กอด จับมือ หรือกับไอ้กรีน ที่ชอบเล่นกันแบบถึงเนื้อถึงตัว หรือแม้กระทั่งกับพี่อันอัน ผู้หญิงที่ผมรู้สึกดีๆด้วย ผมก็ยังไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้
เคลิบเคลิ้ม อ่อนไหว ตื่นเต้น ทุกอย่างมันผสมปนเปกันไปหมดจนผมแยกแยะไม่ออก
รวมถึงเสียงตะโกนว่า ไม่ได้ ไม่ใช่ ทั้งความหวาดกลัว ที่คอยขัดแยงกันอยู่ในหัว
มันยากที่จะยอมรับ...แต่ความรู้สึกดีมันมีมาก...มากจนผมประหลาดใจ...
ไม่รู้ว่าเช้านี้จะเป็นยังไง...แต่มันก็คงไม่เลวร้ายอะไร ผมภาวนาอย่าให้ถึงขนาดที่เราสองคนจะเข้าหน้ากันไม่ติด เพราะผมคงทำใจไม่ได้ถ้าอยู่ๆเราสองคนจะไม่คุย และเฟดออกจากกัน จนกลายเป็นแค่คนเคยรู้จัก
แค่คิด ผมก็รู้สึกโหวงในอก... แค่คิดว่าต่อไปทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม ต่อไปข้างหน้าเราจะแค่ยิ้มให้กันเมื่อเจอหน้า แล้วเดินแยกกันไปคนละทาง ผมคงทำไม่ได้...
มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่ผมจะสนิทกับใคร...ผมไม่เคยยอมให้ใครเข้าใกล้ผมได้ขนาดนี้ในเวลาแค่นี้
ทั้งกรีน เอ็ม ชา หรือแม้กระทั่งแพท ทุกคนล้วนใช้เวลานานเป็นเดือนเป็นปี
แต่กับอัค...มันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอันดับต้นๆของผมตลอดชีวิตที่ผ่านมาเลยหละ!
‘ก็โสดโสด อยู่ทางนี้ ยังโสดโสด อยากเอารัก....’
“ว่าไง”
“คุณเป็นไงบ้าง? ดีขึ้นหรือยัง” เสียงใสๆของแพทดังมาตามสาย ผมยิ้มให้โทรศัพท์ คงเป็นยิ้มแรกของวันนี้ล่ะมั้งครับ?
“ดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก” ผมตอบ
“จะไม่ให้ห่วงได้ไง! เมื่อวานอยู่ๆก็ล้มไป รู้มั้ยว่าใจไม่ดี” ผมยิ้มให้กับน้ำเสียงดุๆของแพท นี่ผมคงมีแม่อีกคนแล้วสินะ
“ไปโรงพยาบาลมาเรียบร้อยแล้ว หมอบอกว่าเป็นไข้หวัดเฉยๆ ตอนนี้คุณก็มียามากินอีกถุงใหญ่ ถ้ากินหมดนี่ พอหายจากหวัดก็คงเป็นโรคตับต่อ ฮะ ฮะ!”
“ยังมีน่ามาล้อเล่นอีก! แล้วก็ไม่คิดจะโทรมาบอกกันบ้าง ปล่อยให้คนอื่นเป็นห่วงอยู่ทั้งคืน” ขี้น้อยใจเป็นที่หนึ่งล่ะครับคนนี้ รูปประโยคกับน้ำเสียงแบบนี้...ชัวร์ว่า ถ้าไม่ง้อ มีงอนยาว ไม่มีการบ้านลอกสามวันเจ็ดวันแน่ๆ! (อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นกันสิครับ คุณ)
“ก็พอกลับบ้านก็ดึกแล้ว เลยไม่อยากโทรฯไปกวน นี่ถ้าแพทไม่โทรฯมา เราก็โทรฯไปอยู่แล้วหล่ะ”
“อ้อ! ตกลงนี่ความผิดแพทสินะเนี่ย?” อ้าว!?!?!?!?!?!?!?!?!...ไหง๊ งานเข้ากว่าเดิม?
“ป่าว!! ความผิดคุณเองแหละที่ไม่โทรฯก่อน ดูสิเนี่ย!! แพทเลยต้องเปลืองค่าโทรศัพท์ โทรฯมาหาคุณเลย ผมนี่มันแย่ ที่แพ้เด็กประถมฯจริงๆเลย”
“ไม่ต้องมาทำเสียงสูง แล้วแกล้งรู้สึกผิดเลย!! ทำให้คนอื่นเป็นห่วงนี่ รู้สึกดีใช่มั๊ย??” แล้วหนูแพทก็วกกลับมาเรื่องเดิม...
ผมเดินผ่านห้องนั่งเล่น แต่ก็ไม่เห็นใครอยู่ข้างใน... ผมเลยเดินไปที่หน้าต่าง
ไม่อยู่แล้ว...
“คุณ!!” เสียงเรียกชื่อผมดังเต็มรูหู
“อะ...อืม” ผมตอบเสียงเบา... หัวใจเบาหวิว โหวงในอก
ไปแล้ว...
อัค...ไปแล้ว...
“รู้สึกไม่ดีเหรอ? ปวดหัวหรือเปล่า??” น้ำเสียงห่วงใยของแพทดังมาตามสาย...
“อืม.. ขอวางก่อนได้มั๊ยแพท”
“อือ กินข้าวกินยาแล้วนอนพักนะคุณ เย็นๆแพทไปหา...” เสียงแง่วๆของแพททำให้ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ได้แต่อือออ ตอบรับไป
“งั้นแค่นี้นะ บาย” แพทบอกลา ผมก็งืมงำลา แล้วเอาไอโฟนวางบนโต๊ะเตี้ยหน้าทีวี
“เชี่ย!...” ผมได้แต่สบถเพื่อระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจผมให้มันออกมาบ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้ช่วยให้ความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อในอกผมลดลง
“แม่งเอ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
***
“เฮียคุณ!! ตวงกินขนมบนโต๊ะได้ป่าว?” เสียงตวงดังมาจากห้องครัว มันชั่งขัดจังหวะการใช้ความคิดของผมซะจริงๆให้ตายเหอะ
“ไม่รู้หวะ? ไม่ใช่ของเฮีย” ผมตะโกนบอกไอ้ตวง ทั้งที่ตัวเองยังนั่งจิ้มรีโมตโทรทัศน์ไปมา มืออีกข้างก็จับไอโฟนไปด้วย กลัวใครบางคนโทรมาแล้วจะพลาด... ผมมีคำถามหลายคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่ไอ้คนที่จะตอบคำถามผมได้ ก็ดันไม่รับโทรศัทพ์
หงุดหงิดจนหาย...แล้วก็กลับมาหงุดหงิดใหม่...พับผ่าสิ!
“แต่โน๊ตมันของเฮียนะ” ตวงตะโกนกลับมาทำเอาผมแปลกใจ... โน๊ตของผมเหรอ?
ผมเดินตามเสียงไอ้น้องชายตัวดี ที่พอกลับถึงบ้านก็กระโจนเข้าห้องครัวหาอะไรมาเข้าปากตามประสาคนตะกละ แถมยังกวนสมาธิในการใช้ความคิดของผม...
“ขนมไหน?” ผมถามตวงที่ยินหันหลังพิงเคาเตอร์ในมือถือกระป๋องโค้ก ไอ้น้องชายตัวดีก็ยื่นหน้าไปทางโต๊ะกินข้าวที่มีถุงพลาสติกถุงใหญ่วางอยู่...
กระดาษแผ่นเล็กๆที่ถูกทับด้วยกล่องกระดาษทิชชู ทำให้ผมขมวดคิ้ว...
มันเป็นของผมเหรอ?...
‘กินเยอะๆนะคุณ :) ‘
???
“ตกลงตวงกินได้ปะ?” เสียงตวงทำเอาผมสะดุ้ง ผมหันไปผลักหัวไอ้ตัวดีก่อนที่จะปาขนมปังในถุงให้มันสองสามชิ้นเป็นเครื่องปิดปากให้มันเงียบๆไปซะ และมันก็เหมือนจะรู้ว่าผมเริ่มอารมณ์ไม่ดีจึงไม่พูดอะไร แล้วเดินเลี่ยงออกไปข้างนอก
ผมยืนอ่านโน๊ตแผ่นนั้นไปมา เหมือนตัวหนังสือพวกนี้จะบอกให้ผมรู้ถึงความรู้สึกของคนเขียนมันได้...
ไม่ต้องคิดมากนักผมก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของแผ่นกระดาษและถุงขนมนี่...
มีคนเดียวเท่านั้น...ที่ชอบทำอะไรแบบนี้
เหมือนคนบ้าที่ต้องมาจ้องตัวหนังสือไม่กี่ตัวแล้วยืนยิ้มแก้มแทบปริอยู่คนเดียว...ถ้าใครมาเห็นผมตอนนี้คงเดินเข้ามาโบกกระบาลผมแน่ๆ...
แต่ให้ทำไงล่ะครับ...ก็ตอนนี้ผมบังคับตัวเองให้หุบยิ้มไม่ได้หนิ!!!
ผมสั่งตัวเองให้นั่งลงแล้วลงมือเปิดดูขนมในถุง ถ้าผมเดาไม่ผิดตอนที่ผมยังไม่ตื่น อัคคงแอบเอาขนมพวกนี้มาให้ เพราะวันที่ผลิตมันระบุชัดเจนว่าเป็นของวันนี้
ไม่ยอมรับโทรศัพท์ทั้งที่ผมกดโทรหามันไอโฟนแทบพัง...
แต่เป็นมันที่ ย่องเอาขนมมาให้ผมถึงบ้าน!!
คิดแล้วมันน่าฆ่าให้ตาย... ทำให้คนอื่นเป็นกังวล เป็นห่วงว่าจะรู้สึกยังไง...ทำเป็นหลบหน้า ไม่ยอมคุยกัน แต่กลับเป็นตัวเองที่แอบย่องเอาขนมมาให้คนอื่น!
มันดูขัดกันเกินไปหรือเปล่า??
แต่ก็เอาเถอะครับ...อย่างน้อยผมก็รู้ว่ามันไม่เป็นอะไรอย่างที่ผมนึกกังวล บางทีอัคอาจมีเหตุผลของตัวเอง เหตุผลบางอย่างที่ทำเป็นเฉยชา และไม่ยอมรับโทรศัพท์...เหมือนกับเหตุผลส่วนตัวที่ยังเป็นห่วง และเอาขนมมาให้ผม
เหตุผลที่บางที...คนอื่นๆอาจไม่เข้าใจ
‘ถ้าไม่โทรมาภายใน 10 นาที จะไม่กินยา!!!’ ผมจัดการส่งข้อความข่มขู่ แบบขำๆ เป็นครั้งแรกที่ผมทำอะไรแบบนี้ แอบหวังเล็กๆว่าข้อความของผมจะได้ผล แต่ก็นะครับ!!...ผมแค่หวังเล็กๆเท่านั้น
ผมนั่งแกะขนมกินไปพราง นั่งรอเวลาไปพราง ถึงอัคจะไม่โทรฯกลับมาผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร... ก็ไอ้คำขู่ปัญญาอ่อนแบบขำๆของผมมันน่ากลัวเสียเหลือเกิน ฮา!
กินไปกินมาชักเลอะเทอะ...ผมเลยลุกไปล้างมือที่อ่างล้างจาน ฮ้า!! บางทีผมก็ขัดใจตัวเองที่จู่ๆก็อารมณ์ดีขึ้นมา ทั้งที่เกือบทั้งวันผมงุ่นง่านตลอด... อารมณ์ขึ้นๆลงๆจนผมตามตัวเองไม่ทัน ถ้าไม่คำนึงถึงว่าตัวเองไม่มีมดลูก ผมคงนึกว่าประจำเดือนกำลังจะมา เหอะๆ
‘ก็โสดโสด อยู่ทางนี้ ยังโสดโสด อยากเอารักมาโหลดโหลด เธอใช่ไหมที่ฟ้ามาโปรด ฟ้ามาโปรด~’ ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ ไอโฟนผมก็ร้องขึ้นมาทันที
ผมมองชื่อที่ปรากฏขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนกดรับสาย
“ไปกินยาเดี๋ยวนี้เลย!!!!!!!”
To Be Continued
ความคิดเห็น