ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Benoname...แค่รักครับ ทำไมต้องตั้งชื่อ? (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #23 : Chapter:19th sometime…something…someone [ Complete ]

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 54


    Chapter:19th  sometime…something…someone

               

     

     

    “เค้าไม่เป็นไรนะ?” ผมถามอัคด้วยความเป็นห่วง สีหน้ากังวลใจทำให้ผมพลอยเป็นห่วงมันไปด้วย...

     

                “ท่าทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่...แม่พิมพ์เข้าโรงพยาบาลน่ะ” น้ำเสียงนิ่งๆตอบกลับมา  ผมเดินไปหามันก่อนยกมือว่างบนบ่ากว้าง ไม่ว่าเมื่อไหร่...บ่าสองข้างนี้ก็รองรับเรื่องหนักๆเสมอ...ถึงเรื่องนั้น จะไม่เกี่ยวกับเจ้าของก็ตาม...

     

                “ไปหาเค้าตอนนี้มั๊ย? กูไปเป็นเพื่อน” ผมถาม  อัคส่ายหน้าก่อนยิ้มอ่อนๆให้ผม ฝ่ามืออุ่นทาบลงบนหลังมือผมก่อนเอาไปกุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง...

     

                “ไม่เป็นไร มึงนอนเถอะ เดี๋ยวกูไปหาเค้าพรุ่งนี้เช้า” อัคว่าก่อนจุงมือผมไปที่เตียงก่อนล้มตัวนอน ผมที่ตามมาก็นอนลงตามคนจุง...

     

                “เป็นห่วงเค้าก็ไปเถอะ” ผมที่เห็นท่าทางเป็นกังวลของอัค ทำให้ผมไม่สบายใจ อยากให้มันไปดูว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า ให้มันสบายใจ แต่มันก็ได้แต่นอนนิ่งๆไม่ขยับ ไม่ตอบรับ และ ไม่ปฎิเสธ

     

                “ไปหาเค้าเถอะเชื่อกู  มึงจะได้ไม่ต้องกังวล”ผมพยายามโน้มน้าวใจอัคให้ไปอยู่กับคนที่คงต้องการมันในเวลานี้ 

     

                “นอนเถอะนะครับคุณ  ไม่ต้องห่วงนะ ผมรู้ว่าพิมพ์ไม่เป็นไร เค้าแค่เคยชินกับการมีผมเท่านั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าไปหาเขาด้วยกันนะครับ” ผมพยักหน้าในความมืด  รับคำชวนของอัค...ถึงคำพูดมันจะดูสบายๆ ไม่ใส่ใจ  แต่ผมรู้ครับ ว่าเป็นอัคนี่แหละที่ไม่สบายใจที่สุด!

     

     

                “แม่เค้าเป็นอะไรมากมั๊ย?” ผมทำลายความเงียบด้วยการตั้งคำถาม...ถึงผมจะไม่รู้จัก แต่การที่คนๆหนึ่งต้องการที่พึ่งในเวลาแบบนี้...แสดงว่าคงร้ายแรงพอดู  ถึงอัคบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง  ตัวผมเองก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี...ใช่ว่าผมใจดี โอบอ้อมอารีย์...แต่ผมกลัวว่า  การที่เรานิ่งเฉยจะทำให้ อัคพลาดโอกาส บ้างอย่างไป... ไม่ใช่ว่าผมจะแช่งให้ใครเป็นอะไร!  แต่เพราะโอกาส...บ้างครั้งมันก็ไม่มีอีกเป็นครั้งที่ 2 !

     

                “ตอนนี้ถึงโรงพยาบาลแล้ว...ส่วนอาการ ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะพิมพ์เอาแต่ร้องไห้” อัคถอนหายใจ... ถึงห้องจะมืด  ถึงผมจะมองเห็นได้เลือนลาง  แต่ผมก็เห็น แววตากังวลของอัค ที่แสดงชัดถึงความเป็นห่วง...ถ้าเป็นผม ผมคงวิ่งแจ้นไปดูแลเธอทันที ที่ได้ยินเสียงเธอร้องไห้! แต่ในเมื่อผมไม่ใช่อัค! ผมก็จะเคารพการตัดสินใจของมัน...พรุ่งนี้เช้า!

     

                “เค้าคงกลัว!” ผมว่า... พยายามเข้าใจความรู้สึกของเด็กผู้หญิง ที่คนที่รักที่สุดต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างฉุกเฉิน...แค่คิด! ผมก็อดกลัวแทนไม่ได้

     

                “อืม...รู้ไหมคุณพูดเหมือนอยากให้อัคไป?”น้ำเสียงเหมือนน้อยใจเล็กๆของอัค ทำเอาผมต้องกลั้นขำ...ไม่ใช่ว่าเรื่องที่เรากำลังพูดกันอยู่ตอนนี้จะเป็นเรื่องJoke  หรือ ตลกร้าย...แต่รู้อะไรไหมครับ? ผมเริ่มคิดว่า...นับวันผมกับอัคเรายิ่งแคร์กันมากขึ้น...หรืออาจเป็นเพราะเรา ใกล้กันมากขึ้นหรือเปล่าครับ?

     

                “แล้วอยากไปปะล่ะครับอัค?” ผมถามกลับ

     

                “อยากไปครับ!!!แต่ไม่ใช่ตอนนี้” อัคตอบ  ผมแบะปากเพราะคำตอบ ไอ้คุณอัค!

     

                “ตอริเย่จริงๆนะครับ...ใจนี่ไปถึงแล้วสินะครับ” ผมประชด “แล้วหยุดพูดค้ง ครับ สักที่ กูกระดากหูที่ต้องฟัง และกระดากปากที่ต้องพูด” เสียงหัวเราะเบาๆของอัคดังขึ้น

     

                “แปลกหวะ! พูดเพราะๆก็ไม่ชอบ ชอบแบบเถื่อนๆ สินะมึง” อัคพูด

     

                “เออ! กูชอบเถื่อนๆ ถ่อยๆ” ผมตอบรับ...ก็มันเป็นเรื่องจริงที่ผมไม่อาจปฎิเสธได้ 555+

     

                “โดยสันดาน!” มีแอบด่ากูสินะ!  แต่คิดว่ากูจะเจ็บด้วยคำแค่นี้เหรอ? แรงกว่านี้กูยังไม่สะท้านเลย -_-

     

                “ทำอย่างกะมึงสันดานดีนักนี่?” ผมประชด แต่ก็ครับ! คนสันดานเดียวกันถึงอยู่ด้วยกันได้  คำด่าแค่นี้มีหรือมันจะเจ็บ? ไอ้ราบนขนมปังเอ๋ย!!!!

     

                555+ กูเป็นคนดี” อัคว่า

     

                “เออครับ!  มึงเป็นคนดี  ดีที่สุดในโลกที่สามล่ะสิมึง!” เน้นนะครับดีที่สุดในโลกที่สาม  ไม่ใช่ในสามโลก :P

     

                “โลกที่สามนี่ที่มีคนแบบมึงอยู่เยอะๆใช่มั๊ย?” อัคว่า “สันดานเหอะ! โลกที่สามนี่มีมึงอยู่คนเดียวหรอก มึงเลยเป็นคนดีที่สุดแล้ว 555+” ผมระเบิดหัวเราะเมื่อนายอัครเดชอึ้งไป 5 วินาทีโดยประมาณ  ริอาจจะเถียงกับนายกานคุณ คงเร็วไปอีกสิบชาติครับคุณอัค...

     

                ผมหัวเราะแบบไม่ลืมหูลืมตา เหมือนไม่มีเรื่องไหนสะใจเท่ากับการได้แกล้งคนข้างๆผมอีกแล้ว..ขำไปขำมา พอรู้ตัวอีกที หลังผมก็ติดกับเตียง พร้อมมีไอ้อัคที่ขึ้นคร่อมผมอยู่ พระเจ้าแล้วไงครับ!!!! O-O;;

     

                “ไอ้สัด! สู้ไม่ได้ใช้กำลังเหรอมึง” ผมถาม  แต่กลับได้เพียงเสียงหัวเราะ หึ หึ! กลับมา  สถานการณ์ไม่น่าไว้ใจอย่างแรง...

     

                “ไม่ต้องห่วงมึงไม่ตายหรอก” !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                “ไอ้เชี่ย!! ปล่อยกูเลยนะมึง” ผมสั่ง...แต่ท่าทางเหมือนผมสั่งน้ำมูก เช็ดขี้ตา เพราะไอ้อัคก็ยังคงหัวเราะสยองขวัญ สั่นประสาทผมต่อไป โดยไม่มีท่าทีจะปล่อยผมแต่อย่างใด!!!

     

                “เชี่ย! กูกลัวจริงจังนะโว้ย!!!” ผมว่า...ใครจะหาว่าผมอ่อน ผมป๊อด ก็ไม่เป็นไรครับ! ถ้าคุณไม่ได้มาอยู่ในสถานการณ์เดียวกับผม คุณคงไม่เข้าใจ...แล้วอีกอย่าง ผมถือคติว่า  รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี!!! เพราะฉะนั้น ในสถานการณ์ที่ดูท่าแล้วจะไม่รอดก็ต้องยอมจำนน!!!!!

     

                555+ ไม่ปล่อยจนกว่ากูจะสำเร็จโทษมึงจนพอใจ // ฮา!! ไอ้เชี่ยอัค ปล่อยกู!  555555+ ไอ้ควาย  กู 555+  ยอมแล้ว ฮา!!!!  โอ๊ย!!! ฮา!!!!” พูดยังไม่จบดี ไอ้อัคก็เริ่มจี้เอวผม...ไอ้เชี่ย!!!!!เล่นไม้นี้กูจะไปสู้มึงได้ไง?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!?!

     

                “คำพูดมึงทำกูเจ็บลึกทุกที!! // 555+ กู ฮา!!! กูขอโทษ 5555+ ปล่อยกูได้ยัง  5555+ กูขอโทษษษษ!!!!  ผมอ้อนวอนทั้งที่ตัวเองยังขำน้ำตาเล็ด...ไอ้เชี่ย!!! ทรมานชิบหาย

     

                “มึง !...จำ...ไว้ ...เลย...นะ” ผมพูดทั้งที่ตัวเองยังหอบหายใจ...เหนื่อยมาก!!!  ไอ้อัคได้แต่หัวเราะผมที่นอนหอบอยู่บนเตียง ไอ้ควายเอ้ย!!!  ผมพักหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดสักพักก่อนจะดันตัวเองลุกขึ้น...

     

                วย!! มึงไม่รู้เหรอ! หัวเราะมากๆทำให้คนตายได้” ผมกระแทกเสียงใส่หน้าไอ้อัค...แต่มีหรือครับมันจะสะท้าน...ไอ้อัคก็ยังคงหัวเราะต่อไป!!  สาธุ! ขอให้มึงเป็นอีกคนที่หัวเราะจนตาย!

     

                “มึงไม่ใช่คน! จะหัวเราะจนตายได้ไง!  5555+” บาดลึกครับคำนี้!!

     

                “สาด!!! กูไม่ใช่คน มึงก็ซาลาเมนเดอร์ในอเมซอนแล้ว!!!!” ผมด่ากลับ  แต่ก็ครับมันก็ไม่สะท้านตามเดิม  อัคได้แต่หัวเราะ!! และผมก็ไม่เห็นว่ามันจะขำตรงไหน?

     

                “กูไม่ยุ่งกะมึงแล้วจะนอนโว้ย!” ผมโวยวายก่อนคลุมโปง ผมได้ยินเสียงหัวเราะ หึ หึ! ก่อนที่นอนจะยุบ อัคเอาแขนมารวบผมไว้ตามเดิม!

     

                “ไม่กวนแล้ว! นอนเถอะ...เจอกันพรุ่งนี้เช้าครับ” ผมค่อยๆหลับตาลง  เป็นเพราะเพลียจากการหัวเราะเมื่อกี้นี้แน่ๆครับ...ทำไมผมจะไม่รู้! ที่อยู่ๆอัคก็ลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆแบบนี้เพราะอะไร? คุณสมบัติข้อนึ่งของมันคือ  คิดถึงความรู้สึกของคนรอบตัวเสมอ...ถึงความรู้สึกของตัวเองจะเป็นยังไง...ก็ไม่สำคัญ!

     

                จะทำให้ผมเลิกคิด!’ แต่มันจะรู้มั๊ยครับ?!?!  ว่าที่ผมยอม....เพราะพยายามทำให้มันหยุดคิดเหมือนกัน!!!

     

                แค่ไม่กี่นาทีที่มันมีผมอยู่...ผมก็อยากให้มันลืมเรื่องน่ากังวลไปบ้าง!  แค่ไม่กี่นาทีก็ยังดี...

     

     

    ***

     

     

                ผมนั่งอยู่เบาะหลังของรถมินิฯอย่างเกรงๆ...บรรยากาศภายในรถอึดอัดพิกล...

     

                ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงผมกับอัคเท่านั้น...ที่เบาะหน้าข้างคนขับ มีผู้หญิงตัวเล็ก น่ารักนั่งอยู่...เธอดูซึมเศร้า กังวลใจ และ น่าเป็นห่วง... เธอให้ความรู้สึกควรถูกปกป้อง  เป็นครั้งแรกที่ผมอยากกอดผู้หญิงสักคนที่ผมรู้จักเพียงแค่ชื่อ!  ไม่ใช่ความรู้สึกของผู้ชายที่อยากกอดผู้หญิงสักคน...แต่เพราะมันมีเหตุผลมากกว่านั้น  อาจเป็นเพราะเธอตัวสั่นเหมือนหวาดกลัวอะไรตลอดเวลา...อาจเป็นเพราะหน้าขาวซีดที่ผมเห็นตอนแรกคิดว่าเธอควรที่จะเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกคน...อาจเป็นเพราะตากลมโตที่อาจมีน้ำใสๆไหลออกมาได้ทุกเมื่อ...

     

                “พิมพ์จะทานอะไรก่อนมั๊ย? เดี๋ยวอัคแวะร้าน...ให้เอามั๊ยครับ? เป็นนมสดปั่นดีมั๊ยพิมพ์ดูไม่สดชื่นเลย” ผมนั่งฟังบทสนทนาเงียบๆ...

     

                “ไม่ค่ะ  พิมพ์อยากไปหาแม่เร็วๆ”เสียงแผ่วเบาของพิมพ์ตอบกลับมา

     

                “ทานอะไรก่อนเถอะนะครับ! ถ้าพิมพ์เป็นอะไรอีกคนแล้วใครจะดูแลคุณแม่ล่ะครับ?” น้ำเสียงที่แสดงถึงความห่วงใยของอัคแผ่วเบา...พิมพ์ครุ่นคิดสักครู่ก่อนพยักหน้าตกลง 

     

                อัคขับรถมาเรื่อยๆ  จนมาจอดเทียบฟุตบาทหน้าคอฟฟี่ช็อปแห่งหนึ่ง.....

     

                “เดี๋ยวอัคเข้าไปซื้อนมปั่นให้นะครับ  พิมพ์อยากได้อะไรเพิ่มหรือเปล่า? เป็นโรลทูน่าอย่างที่พิมพ์ชอบทานดีมั๊ยครับ?” อัคถาม...ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ...

     

                “อะไรก็ได้ค่ะ” เธอตอบ...อัคพยักหน้าเบาๆก่อนเปิดประตูรถและเดินเข้าไปในร้าน...บรรยากาศในรถดูน่าอึดอัดยิ่งขึ้น...เมื่อไม่มีคนที่เรารู้จัก... เมื่อมีคนสองคนที่ไม่รู้จักกันมากไปกว่าชื่อ...

     

                ผมนั่งไม่รู้จะทำตัวอย่างไง?...อยากทำลายความเงียบด้วยการชวนเธอคุย แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นประโยคจากเรื่องไหน?...กลัวตัวเองจะพูดอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายสะเทือนใจ...ทำให้ผมได้แต่นิ่งเงียบ ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจแบบนี้...

     

                ไม่นานนัก...อัคกลับมาพร้อมของเต็มสองมือ...

     

                “นมปั่น กับ โรลทูน่าของพิมพ์ครับ ส่วนสองถุงนี้ ของคุณป้าเดี๋ยวพอไปถึง เราเอาไปให้คุณป้าทานกันนะครับ  ของอร่อยทั้งนั้นเลย” อัคยิ้มสดใส ให้กำลังใจพิมพ์ที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้...

     

                พิมพ์รับของจากอัคไปไว้บนตัก...อัคเอี้ยวตัวเอาของอีกถุงมาส่งให้ผม...ผมรับมาอย่างงงๆ แต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร...

     

                ไม่กี่นาทีเราก็มาถึงโรงพยาบาลที่คุณแม่ของพิมพ์รักษาตัวอยู่...ผมเดินตามอัคกับพิมพ์ที่เดินคู่กันอยู่ด้านหน้า...ทำให้ผมเกิดความรู้สึกเหมือนส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้ เหอะๆ

     

                คุณแม่ของพิมพ์ยังคงอยู่ในห้องฉุกเฉิน...ผมขอไม่บอกว่าคุณแม่ของเธอเป็นอะไร  เพราะมันคงเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเท่าไรนัก เอาเป็นว่า  อาการหนักพอสมควรแล้วกันนะครับ...พิมพ์กับอัค กำลังคุยกับคุณหมอที่ดูแลคุณแม่ของพิมพ์อยู่ และระหว่างที่สองคนกำลังฟังคำบอกเล่าจากคุณหมอ มือของคนทั้งสองกุมกันไว้แน่น...ผมเป็นคนเดียวที่ได้แต่นั่งมอง ไม่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้... ไม่ใช่ว่าตัวผมเองอยากนั่งอยู่เฉยๆ...แต่ผมรู้สึกว่า  ถ้ามีผม ทุกอย่างจะยิ่งอึดอัด...

     

                ผมมาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันนะ???

     

    ***

     

                “กลับกันนะ!!” เกือบสองชั่วโมงที่ผมนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน...อัคเดินมายืนตรงหน้าผม ผมเงยหน้าขึ้นพบรอยยิ้มบ้างๆของอัค...เหนื่อยสินะ!

     

                “แล้วพิมพ์ล่ะ?” ผมถามเมื่อไม่เห็นเธออยู่ด้วย...อัคนั่งลงข้างๆผม พิงหลังกับพนักเก้าอี้

     

                “พิมพ์ จะอยู่กับคุณป้าก่อนน่ะ” อัคอธิบายสั้นๆ...ผมพยักหน้าเข้าใจ

     

                “หิวหรือป่าว?” อัคถาม  เพราะเมื่อตื่นขึ้นมา ก็ออกจากบ้านไอ้กรีนมารับพิมพ์เลย ไม่มีใครได้กินอะไรทั้งนั้น  “ถามตัวเองเถอะว่าหิวหรือเปล่า!” ผมย้อนถาม ... อัคหัวเราะเบาๆกลับมา

     

                “งั้น คงต้องพึง Cafe’ ตรงร็อบบี้ซะแล้วล่ะมั้ง” ผมไม่ว่าอะไร ลุกขึ้นเดินโดยมีอัคเดินอยู่ข้างๆ...เราเดินมาจนถึง Cafe’ ที่กินบริเวณเล็กๆของชั้น  คนมีไม่มากนัก...ผมกับอัคเลือกนั่งโต๊ะติดริมกระจก...

     

                “กินอะไรดีคุณ?” อัคถาม  ผมมองบอร์ด เมนู แล้วตัดสินใจเลือก โกโก้ปั่น...อัคเดินไปสั่งก่อนที่จะกลับมานั่งที่โต๊ะตามเดิม

     

                “อึดอัดหรือป่าว?” อัคถามขึ้น...

     

                “นิดหน่อยหวะ!  กูอยากปลอบพิมพ์นะ แต่กูไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน”ผมว่า...

     

                “อืม...กูเข้าใจ!” ผมมองหน้าอัค... “กลัวพิมพ์สะเทือนใจจนพูดอะไรไม่ออกล่ะสิ” อัคว่าต่อ

     

                “อือ” ผมได้แต่ยอมรับเบาๆ  ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไอ้อัคก็เหมือนมองผมออกเสมอ...

     

                “แต่เมิงพยายามได้ดีแล้วนะ...ขอบใจที่มาเป็นเพื่อนกูหวะ”อัคพูดต่อ

     

                “มาขอบใจไรกันว้า!!...กูรับปากมึงแล้วว่าจะมา” ผมเตะขามันใต้โต๊ะ...ไอ้อัคหัวเราะ และไม่ตอบโต้อะไร!!  บรรยากาศระหว่างเรากลับมาเหมือนเดิมในช่วงเวลาสั้นๆที่เราอยู่ด้วยกันสองคน...ผมค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย!!!!

     

                “แต่มึงกับพิมพ์สนิทกันดีนะ!!” ผมพูดออกไปตามที่คิด...อัคขมวดคิ้วเหมือนสงสัยว่าทำไม ผมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา...แต่อย่าสงสัยเลย กูก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ว่าทำไม?

     

                “พิมพ์  เป็นแฟนเก่ากูเอง” คำตอบของอัค ไม่ทำให้ผมช็อคสักเท่าไหร่... นี่เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ผมคาดการณ์เอาไว้แล้ว จากหลายๆคำตอบที่อยู่ในหัวผม  ผมคิดมากเกินไปหรือเปล่าครัยเนี่ย?...

     

                “เป็นผู้หญิงที่กูรักที่สุดรองจากแม่กู เลยหละ” อัคยิ้ม... และคำตอบนั้นก็ทำให้ผมหัวใจกระตุกเล็กๆ  เป็นอะไรมากไปหรือเปล่าวะกู...ทั้งที่รู้อยู่แล้ว ทำมาเป็นตกใจ!!! ทำตัวเหมือนแฟนใหม่รู้เรื่องแฟนเก่าจากปากแฟนตัวเองไปได้!! ผมด่าตัวเองอยู่ในใจ...

     

                “รัก... แล้วทำไมเป็นแฟนเก่าวะ?” ผมถาม ทั้งที่ตัวเองหัวใจกระตุก ท่าจะเป็นเอามาก  กูอยู่กับมันมากเกินไปป่าววะ  สัด!

     

                “เพราะตอนนี้ พิมพ์เค้าเป็นแฟนเพื่อนกูน่ะสิ” อัคพูดเรื่อยๆ...แต่คำตอบมันทำเอาผมสะอึก...ผมถามเรื่องที่ไม่ควรถามไปใช่ไหมครับ??.... “ขอโทษหวะ!” ผมกล่าวขอโทษที่ไปสะกิดโดนเรื่องนี้เข้า อัคยิ้ม...

     

                “ไม่เป็นไร!!!  มันไม่ได้เจ็บอะไรแล้วหละ...กูทำใจได้จะเป็นชาติแล้ว”อัคพูด  หน้าตาดูไม่มีอะไรจริงๆ...ผมมองหน้ามันอย่างสงสัย...ไม่มีอะไร!!! แต่ทำไมมันต้องวิ่งแจ้นมาหาพิมพ์ด้วย...ดูเหมือนมันจะขัดแย้งกันอยู่นะ คำพูดกับการกระทำน่ะ!!!

     

                “สงสัยกูใช่มั๊ย!” ไอ้อัคว่า หลังเห็นผมจ้องหน้ามันอยู่นาน...

     

                “มึงน่าสงสัย!!” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆมัน เพื่อคาดคั้นความจริง... แต่ไอ้อัคก็ยังคงอมยิ้มอยู่เหมือนเดิม... -_-;;; ผมควรเชื่อมันดีไหมครับเนี่ย??

     

                55+  ไม่มีไรแล้วจริงๆ...เป็นมึง มึงทิ้งเค้าลงป่ะล่ะ?? มีผู้หญิงโทรมาร้องไห้กะกูกลางดึก!!! มึงคิดว่ากูจะปล่อยเค้าได้เหรอ??” อัคว่า...มีเหตุผลอยู่พอสมควรครับ!!  คณะลูกขุนว่าควรปล่อยให้คดีนี้อัคชนะไปปะครับ?!?!?!?!?!?!?!?!

     

                “แล้วแฟนพิมพ์ เค้าอยู่ไหนซะล่ะวะ? ทำไมพิมพ์ถึงโทรมาหาเมิงตอนดึก” ผมถามข้อข้องใจต่อ...ก็จริงนี่ครับ?? แทนที่จะโทรหาแฟน  แต่กลับโทรหาแฟนเก่า...มันน่าสงสัยน้อยเสียที่ไหน??? แล้วที่สำคัญ แฟนเก่าดันเป็นเพื่อนแฟนตัวเอง!  ไม่เท่ากับทำให้เพื่อนสองคนแตกคอกันเองหรอกเหรอ?????

     

                “พี่เค้าเรียนอยู่เมืองนอก!”อัคตอบ

     

                “อย่างงี้ก็เท่ากับปล่อยปลาย่างไว้กับ หมาดิวะ!!!” ผมว่า...

     

                “ทำไมพูดเชี่ยๆอย่างนี้ล่ะครับคุณ?? ผมไม่ใช่หมานะครับ” อัคว่า... ผมขำที่ด่ามันได้สำเร็จ...ไอ้อัคส่ายหน้าไปมา ขัดใจกับสิ่งที่ผมทำ... อารมณ์ดีจริงจังที่แอบได้ด่าคน 5555+

     

                555+ โอกาสเป็นของมึงแล้วนะโว้ย! แย่งเค้ากลับมาเลย...รักแท้แพ้ใกล้ชิด!” ผมยังว่าต่อ...แอบยุให้เพื่อนฆ่าเพื่อนซะแล้วกู

     

                “รักน่ะรัก!... แต่ให้กลับไปคบกันกูก็ไม่เอาแล้วหวะ” อัคว่า

     

                “ทำไมวะ??”ผมถามต่อ...รู้สึกต่อมเสือกทำงานเป็นปกติ

     

                “โกโก้ปัน กับ ลาเต้ได้แล้วค่ะ” พี่พนักงานเดินมาขัดจังหวะคำถามของผม... ผมกับอัคหันไปยิ้มขอบคุณ ก่อนพี่เค้าจะเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์...

     

                “ทำไมวะ?” ผมถามคำถามเดิมหลังพี่พนักงานเดินพ้นออกไปจากบริเวณโต๊ะของเราแล้ว

     

                อัคยกลาเต้ขึ้นดื่ม...เลี่ยงที่จะตอบคำถาม

     

                “ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ” ผมที่ขี้เกียจเค้นคนปากหนัก ก็ถอดใจ... ไม่อยากบังคับอะไรอัคมาก... แต่สิ่งที่ได้กลับมา คือใบหน้าอมยิ้มของอัค... -_-;;; มึงจะเอาไงกันแน่?

     

                “ให้มึงทายว่าทำไม” ไอ้อัคว่า...

     

                “จะไปรู้เหรอ!! กูไม่ใช่หมอดูนะที่จะทาย แต่เรื่องในอดีตกับปัจจุบันถูกหนะ” ผมว่าต่อ .... ไอ้อัคหัวเราะออกมาหลังจากได้ยินคำตอบผม ก็มันจริงนี่ครับ!!! หมอดูส่วนมาก ทายแต่เรื่องในอดีตและเรื่องในปัจจุบันแม่นยำเหมือนตาเห็น...แต่พอเป็นเรื่องในอนาคต กลับทายไม่ค่อยจะถูก...

     

                “แฟนพิมพ์ที่กูว่า เขาเป็นรุ่นพี่พิมพ์ที่โรงเรียน” อัคพูดต่อ... ผมก็ได้แต่งง  เกี่ยวอะไรกับแฟนพิมพ์ด้วย...แค่ยุให้มันตีท้ายครัวตอนพี่เค้าไม่อยู่เท่านั้นแหละครับ(เลวเนอะ)

     

                “แล้วไง?” ผมขมวดคิ้ว

     

                “แล้วมึงรู้มั๊ยว่าพิมพ์เรียนโรงเรียนอะไร?” ผมยังคงงงต่อไป...

     

                “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับโรงเรียนพิมพ์ด้วยวะ?? กูแค่ให้มึงจีบเขาใหม่”ผมพูด... เท่านั้นแหละครับไอ้อัคก็ฮาแตก...มึงบ้าเหรอ?????

     

                “พิมพ์เรียนคอนแวนต์...มึงรู้ใช่มั๊ยว่าคอนแวนต์มันเป็นโรงเรียนแบบไหน?”อัคขำต่อ

     

                “ทำไมกูจะไม่รู้วะ  คอนแวนต์ก็โรงเรียนหญิงล้วนไง? มึงถามไร ไร้สาระหวะ”ผมว่าต่อ

     

                “แล้วมึงรู้เหตุผลที่กูไม่กลับไปคบกับพิมพ์ยัง?” ผมคิดย้อนกับไป....หมายความว่า OoO!!!!!!

     

                !!!!!!

     

                “แฟนพิมพ์เป็นผู้หญิง!!  ไอ้อัคเฉลย....

     

                “จริงดิ!!” ผมถาม...ตกใจสิครับ   ไอ้อัคพยักหน้ายิ้มระรื่น....

     

                “มึงแพ้ทอมเหรอวะ!! เสียเชิงชายหมด”ผมว่าต่อ...ไอ้อัคคงขำต่อไป

     

                “ไม่ได้เรียกว่าแพ้...เค้าเรียกรสนิยมของคนเราต่างกัน 555+” เป็นข้อแก้ตัวที่ดีมากครับ...รสนิยมคนเรามันต่างกันนนนนนนนนนน

     

                “แล้วไม่บอกกูตั้งแต่แรก...เสียเซลฟ์เลยกู” ผมว่า....ทำไมผู้หญิงน่ารักๆ ถึงต้องไม่คบกับผู้หญิงด้วย คุณไม่เข้าใจจจจจจจจจจจ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                “แล้วกูมีอีกเหตุผลนึ่งนะ!” ไอ้อัคพูดขึ้นมาลอยๆ....อะไรของมันอีกแหละคราวนี้....

     

                “อะไร???” ผมถาม... ไอ้อัคยิ้มๆก่อนที่จะยกแก้วลาเต้ขึ้นมาดื่มอีก....ลีลานักนะมึง! -_-**

     

                “ตอนนี้กูมีคนที่กูต้องดูแลมากกว่าพิมพ์แล้วไงล่ะ!!” อัคพูดหลังวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ...คำตอบของมันทำเอาผมสงสัย...ส่วนไอ้อัคยิ้มสดใส...วันนี้มันยิ้มเยอะเกินไปป่าววะ!!  หรือเพราะอากาศสดใส???  เลยทำไอ้อัคยิ้มได้เหมือนคนบ้า....บางทีผมควรติดต่อแผนกจิตเวชของทางโรงพยาบาลดู!!

     

                “ใครอีกละวะคราวนี้?” ผมถาม....

     

                “ก็มึงไง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

    To Be Continued

     

    Talk

     

     

    ดูเหมือนงานจะเข้าแต่ก็ไม่เข้าเนอะ 555+  จบตอนนี้ลากเลือดทีเดียว  555+ รู้สึกมันหวานติดกันหลายตอนเกินไปแล้ว -_-;;;  มีใครคิดเหมือนเค้าบ้าง?

     

    Ps. ยังไม่ได้แต่งตอนต่อไปเลยขอสารภาพความผิดค่ะ เหอะๆๆ  หยุด 1 สัปดาห์ก็เหมือนไม่ได้หยุด แล้วเค้าจะเอาเวลาที่ไหนมาหาคุณกับอัคล่ะ เหอะๆๆ  ตอนนี้เร่งแก้ตอนเก่าๆอยู่ค่ะ  รีดเดอร์ทนรำคาญ มันขึ้นเตือนอัพเดท ไปก่อนแล้วกันนะคะ  ขออภัยมาไว้ ณ ที่นี้ค่ะ...

    Ps2. Comment A. ช่วงที่เราหายมานาน  ขอยกไปไว้ตอนหน้าแล้วกันนะคะ  ไม่ใช่ว่าลืมหรือไม่อ่าน  ขอบอกว่าเราอ่านทุกคอมเมนท์ค่ะ  อ่านหลายรอบด้วย  แต่ยังไม่ได้ตอบสักที  เอาไว้ตอนหน้าดีกว่า เริ่มจากคอมเมนท์ที่ 221 แล้วกันนะคะ  สำหรับคอมเมนท์เก่าๆ  ขอเก็บไว้ในใจแทนแล้วกัน  อย่าน้อยใจเค้านะ....

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×