คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Chapter:15th Short Film [ Complete ]
Chapter:15th Short Film
(Full)
ผมก้าวเท้ายาวๆตาก็มองนาฬิกาข้อมือไป...สายแล้วไงล่ะกู!!!
ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เพื่อนเวรกรีนล่ะก็ผมคงไปนั่งฟังประชุมทันเวลาแล้วล่ะ...ถ้าไม่เป็นเพราะเมื่อเช้ามันไม่ปล่อยตระเข้น้อยออกมาเดินเพ่นพล่านกลางโรงอาหารตอนอาจารย์อรนุชเดินผ่านมาพอดีล่ะก็ ผมคงไม่ต้องโดนทำโทษให้ไปจัดสมุดเวรประจำเดือนกับมันจนเลยเวลาเข้าประชุมมากกว่าชั่วโมงครึ่ง....
ผมรีบเดินขาแทบขวิดจนถึงตึกอำนวยการ...รีบซะจนผมเกือบสะดุดขาตัวเองล้มหลายรอบแล้วล่ะครับ โชคดีที่ไม่ล้มลงไปจริงๆ...
มีเสียงดังออกมากจากห้องประชุม...ทำผมเก้ๆกังๆไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปข้างใน...ผมยืนบิดไปบิดมาอยู่หน้าประตู
ผมยืนลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปข้างในตอนนี้ดีหรือจะโดดประชุมเลยดี (ใจจริงอยากทำอันหลังมากกว่า)...ไอ้เราจะเข้าไปตอนนี้มันก็กะไรอยู่ เขาคงประชุมกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ...แต่ปัญหาอยู่ตรง ‘แพท’ คนเดี่ยวเท่านั้นแหละครับ!!!
‘คุณห้ามโดดประชุมเย็นนี้นะ...วันนี้พี่ปองบอกแพทว่าเค้าจะปรึกษากันเรื่องละครกัน..เลือกตัวละครแล้วก็เรื่องบทด้วย...ถ้าโดดเรามีเรื่องกันแน่!!!’ แพทพูดเตือนผมตอนเลิกเรียน...ความจริงมันก็ไม่ได้จริงจังอะไรหรอกครับ...แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตผมในอนาคต ผมควรทำตามเธอดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา... ‘เรามีเรื่องกันแน่’ -_-;;
“ไอ้คุณ...มึงมายืนทำไรตรงนี้วะ?”เหมือนสวรรค์มาโปรดเลยล่ะครับ...ผมหันไปมองต้นเสียงทางด้านหลัง...ในที่สุดกูก็มีเพื่อน!!
“ไอ้ชายไมมาเอาป่านนี้วะ?” ผมถามไอ้ชายที่เดินเข้ามาใกล้...แล้วก็นึกขึ้นมาได้กูก็สายเหมือนกัน เหอะๆ
ไอ้ชายทำหน้าเซงๆ...อย่างงี้แมร่งต้องมีเรื่องไรแน่ๆ...เรดาร์อยากรู้อยากเห็นของผมตรวจจับคลื่นได้....
“กูเพิ่งโดนผู้อำนวยการเรียกไปรับเรื่องมาเนี่ย...แมร่งเซงวะ..อะไรกะพวกกูนักหนาวะ” หน้าตาท่าทางไอ้ชายมันบ่งบอกระดับความเซงของมันได้อย่างชัดเจน....ท่าทางแมร่งเรื่องใหญ่หวะ...
“เรื่องไรวะมึง?”ผมถามมัน...เราจะให้กำลังใจใครได้ไงล่ะครับถ้าเราไม่รู้เรื่องรู้ราว!!!...( เอาจริงๆก็คือ ผมเสือกอ่ะครับ เหอะๆ!!)
“มึงเข้าไปข้างในกะกูเดี๋ยวมึงก็รู้” หน้ามันบอกอารมณ์เซงโลก แต่แมร่งเสือกมีอารมณ์กวนตีน!!...
ไอ้ชายเลือนประตูเดินนำผมเข้าไปด้านใน ผมก็เดินตามหลังมันไปติดๆ กะจะแอบอยู่หลังมันแล้วแวบไปนั่งที่ว่างทำเนียนว่าผมอยู่ประชุมด้วยตั้งแต่ต้น!! แต่ความคิดก็หยุดชะงักเพราะเสียงห้าวๆของไอ้ประธานกิจกรรม...
“ไอ้คุณอย่ามาเนียนครับ...สายนะครับท่าน!!” ผมได้แต่ยิ้มแหย ยอมรับความผิด...ไอ้เบลทำหน้าบึ้งกลับมา..ประธานกิจกรรมอย่างไอ้เบลเป็นคนตรงต่อเวลามากถึงมากที่สุดครับ เป็นเพราะมันต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างทำให้เบลต้องรักษาเวลา เพราะไม่งั้นงานก็จะหยุดชะงักและล่าช้า เพราะงั้นมันเลยค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องเวลา และผมก็เข้าใจเบลดีครับ เพราะไม่ใช่สายแค่ 10-15 นาที แต่นี่มันชั่วโมงครึ่ง...และถ้าเป็นผม ก็คงเคืองเหมือนกัน ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เหอะ
“ประชุมกันต่อเถอะ...มาครบกันแล้วนี่นะ!”เสียงขัดของประธานตัวจริงดังขึ้น
“ชิ!! แตะต้องไม่ได้เลยนะมึง” ผมสะดุ้งกับคำพูดของไอ้เบล เข้าใจครับว่ามันไม่ได้จงใจจะพูดกับผม แต่มันกระทบอย่างแรง!! ผมมองหน้าไอ้อัคที่ทำท่าเหมือนไม่ได้ยินทั้งที่ไอ้เบลมันพูดใส่ไมค์ข้างหน้า -_-;;
ไอ้เบลกรอกตาไปมาเหมือนเหนื่อยใจกับพฤติกรรมอันไม่น่าพึงประสงค์ของไอ้อัค (กวนตีนอย่างแรงครับ)...ก่อนที่จะเริ่มพูดเรื่องที่ค้างไว้ต่อ...ผมมองหน้าไอ้อัคที่ทำเป็นตั้งใจฟังอยู่...แต่ขอโทษเรื่องออกจะเครียด มึงยิ้มทำไมฟะ??
“ทำไมนานจัง” แพทพูดกับผมเสียงกระซิบ...ผมนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆแพท(ผมว่าเธอต้องจองไว้ให้ผมแน่ๆ)
“อ.อรนุชใช้ให้จัดสมุดเวรประจำเดือนอ่ะดิ เซงมากเลย” แพทพยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปฟังประชุมต่อ...
“จากที่ผมไปรับฟังความคิดเห็นจากผอ. และ ท่านรองฯ เมื่อช่วงพักกลางวันที่ผ่านมานะครับ...พวกท่านมีความเห็นว่า พวกเราควรนำเอาอุปกรณ์ ฉาก และเสื้อผ้าของปีก่อนๆมาใช้ในการแสดงละครเวทีครั้งนี้ เพื่อจะได้ประหยัดงบประมาณของทางโรงเรียน..และเมื่อกี้ ผมก็ให้ชายไปสำรวจอุปกรณ์ที่ห้องอุปกรณ์กลางมา...ผมขอโอนหน้าที่ใช้ชายเป็นคนแจ้งนะครับ” เบลปิดสวิตส์ไมค์โครโฟนด้านหน้า หักคอไมค์ และนั่งลง...ชายที่กำลังง่วนกับเอกสารในมือยืนขึ้นและเปิดสวิตส์ไมค์ด้านหน้า...
ชายขยับแว่นตาไร้กรอบเล็กน้อยก่อนเริ่มพูด “จากที่ผมไปสำรวจดูอุปกรณ์มานะครับ...อุปกรณ์ที่เราพอจะใช้ได้ก็มีไม่มากนัก เพราะเกือบทุกชิ้นมันเป็นอุปกรณ์ที่ทำสำหรับใช้ครั้งเดียว จะมีก็แต่อันที่ทำสำรองเอาไว้ซึ่งมันก็มีไม่มากนัก...ส่วนฉาก ก็เหลือแต่ของเมื่อปีที่แล้ว ...แต่เรื่องเสื้อผ้าผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะเก็บไว้ที่ห้องนาฏศิลป์ แต่จะติดปัญหาตรงที่ว่าเราคงจะต้องเลือกเรื่องที่จะแสดงซักหน่อย” บรรยากาศเริ่มเครียดขึ้นมาบ้าง...ทุกคนต่างก็เงียบฟังสิ่งที่ชายพูด
ผมเห็นแพททำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่...ผมเข้าใจเธอนะครับ ทั่งที่ตัวเองคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว(ถึงปากบอกว่าต้องฟังความเห็นจากคนอื่น)แต่กลับต้องมาถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขเรื่อง ‘เงิน’ !!!
“ ชาย...นายถ่ายรูปมาหรือเปล่า? ขอดูหน่อยได้มั้ย?” อัคที่ตั้งใจฟังถามชาย...ชายพยักหน้าก่อนเสียบสายUSB ต่อเข้ากับเครื่องPC ในห้อง
“เสร็จแล้วเอาขึ้นโปรเจ็คเตอร์เลยนะ” อัคบอก... “ได้!! รอแปป” ชายที่ง่วนอยู่กับการรอโหลดรูปเปิดสวิตส์เครื่องโปเจ็กเตอร์...นีมส์เดินไปดึงจอผ้าสีขาวลงมาจนสุดก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่...
ทุกคนรอได้สักพักรูปถ่ายก็ปรากฏอยู่บนจอผ้าสีขาว...รูปเลื่อนไปข้าๆอย่างที่ตั้งโปรแกรมอัตโนมัติเอาไว้...เป็นอย่างที่ชายว่าจริงๆแหละครับ อุปกรณ์แทบทั้งหมดเกือบจะเอามาใช้ไม่ได้ เพราะสภาพมันเหลือรับ...ฉากเก่าๆบางฉากก็พัง บางอันก็เละ ฉากเก่าที่ผมเห็นว่าพอจะใช้ได้ก็มีแต่ฉากเก่าของปีที่แล้ว และฉากหอคอยสูงอีกฉาก ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด คงเป็นของเมื่อสองปีที่แล้ว...
ทุกคนหน้าเริ่มเครียดกันเข้าไปใหญ่...เพราะเท่าที่ดูจากภาพแล้ว พวกเราไม่ต่างจากการต้องนำเอา ‘ขยะ’ ที่ใช้แทบไม่ได้แล้วกลับมาใช้ใหม่ งานช้างจริงๆครับคราวนี้...
“ไม่ต้องทำได้ไหมอัค? จำกัดกันขนาดนี้ไม่ต้องทำเลยจะดีกว่า” แพทพูดอย่างใส่อารมณ์...อัคส่ายหน้า บอกถึงคำตอบ...อัคคงลำบากใจกับท่าทางอารมณ์ขึ้นของแพท และคงเห็นใจเธอเช่นกันเพราะแพทคงหวังให้งานออกมาดีเมื่อถึงคราวรุ่นเธอที่เป็นประธานชมรมศิลป์ต้องทำงานละครร่วมกับคณะกรรมการนักเรียน...
เท่าที่ผมรู้มา ชมรมศิลป์ถือกันมาเรื่องการทำละครประจำปี เพราะถือว่าเป็นงานช้างงานเดียวที่ชมรมศิลป์จะมีโอกาสโชว์ผลงานให้คนนอกได้ชม..และศักศรีของประธานชมรมแต่ละรุ่นก็ขึ้นอยู่กับงานละครในแต่ละปีด้วย
“พูดตรงๆนะอัค...ถ้ามันจะออกมาไม่ดี แพทก็ไม่อยากทำ” ผมจับแขนแพทรั้งไม่ให้เธอลุกหนีไป...แพทมองหน้าผม เหมือนเธอจะใจเย็นลงมาบ้าง แต่ผมก็รู้ว่าเธอพร้อมที่จะลุกออกไปจากห้องประชุมได้ทุกวินาที
“ผมเข้าใจแพทว่าอยากให้งานออกมาดี...ตัวผมเองก็คิดเหมือนแพท แต่เราจะไม่ทำได้ยังไง? มันเป็นงานประเพณีที่กรรมการนักเรียนกับชมรมศิลป์ต้องทำร่วมกันทุกปี...เราจะไม่ทำก็ได้ แต่รุ่นพี่รุ่นก่อนๆ พวกเค้าจะว่ายังไง? ไหนจะรุ่นน้องอีก...พวกเราจะมาเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆ ไม่ได้ดั่งใจก็เลิก ไม่พอใจก็ไม่ทำ...แล้วคนที่เขารอดูผลงานของพวกเราอยู่จะรู้สึกยังไง?” ผมนั่งอยู่ข้างๆแพท มือที่จับแขนเธอไว้ก็เลื่อนขึ้นมาจับไหล่เธอแล้วบีบเบาๆ...
แพทนั่งเงียบใช้ความคิดกับสิ่งที่ได้ฟัง...อัคมองผมอย่างขอความช่วยเหลือ...ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ...หนักใจ!
“เอาอย่างงี้มั้ยแพท” ผมพูดเบาๆ...
แพทหันมามองหน้าผม...สีหน้าเธอบึ้งตึงบอกถึงอารมณ์ได้ดี...ผมหันไปมองหน้าอัคอีกครั้ง...อย่าโกรธกูแล้วกันนะ!!
“แทนที่เราจะสนใจเรื่องฉาก เรื่องอุปกรณ์...เรามาสร้างจุดสนใจอย่างอื่นแทนดีกว่ามั้ย?” ผมตัดสินใจพูดออกไป ทั้งที่ ‘ไอ้จุดสนใจ’ ที่ว่าคืออะไร? ตัวผมเองยังไม่รู้เลย!!!
“อย่างเช่น?” แพทมีทีท่าสนใจความคิดเห็นของผมมากขึ้น ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยเธอก็ยอมฟังผม...
“เราจัดโหวตหน้านักแสดงเป็นไง...เราว่าคงเป็นที่สนใจน่าดูนะ” สดๆร้อนๆเลยครับความคิดนี้!!!...
แพททำท่ากอดอกเหมือนใช้ความคิด...ผมมองหน้าอัคอย่างขอความคิดเห็น และดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างเห็นด้วยกับผม ผมเลยค่อยโล่งใจหน่อย อย่างน้อยก็ยังมีคนเห็นด้วย!!!!
“แพทวางตัวแสดงเอาไว้ในใจแล้วนะ กลัวว่ามันจะได้ไม่ตรงกับที่แพทคิดอีกอ่ะดิ” แพทมีท่าทีลังเลใจอย่างเห็นได้ชัด...ผมหันไปส่งสัญญาณ SOS ขอความช่วยเหลือจากไอ้พวกกรรมการนักเรียนด่วน!...แต่แมร่งไม่มีผู้ใดสนใจผมเลยสักคน...ไอ้อัคแมร่งคุยกับนีมส์ ไอ้เบลเดินไปดูไอ้ชาย...ไอ้-วย!! ปล่อยภาระไว้ที่กูคนเดียวเลยนะพวกมึง!!!
“เราขอเสนอความคิดเห็นอะไรหน่อยได้มั้ย?” มาริถามขึ้น...
“ถ้าเราเปลี่ยนจากละครเวที เป็นหนังสั้นล่ะจะว่ายังไง?”
ทุกคนในห้องมองหน้ากันอย่างชั่งใจ....หนังสั้น!!! แทนละครเวที...
“ลองทำเป็นหนังสั้นก็ดีเหมือนกันนะ!!!”
***
สีหน้าทุกคนดูแจ่มใสหลังเดินออกมาจากห้องประชุมหลังเสนอแผนงานละครประจำปี ที่ตอนนี้เปลี่ยนจากละครเวทีเป็น หนังสั้นไปแล้วเรียบร้อย ^-^;
แพทเดินข้างผมฮัมเพลงสบายใจ ทั้งที่เมื่อวานเธอแทบจะล้มเลิกกิจกรรมประจำไปไปซะดื้อๆ...โชคดีที่มีมาริมาช่วยไว้ ไม่งั้นทุกเรื่องคงไม่ลงเอยแบบนี้...ผมล่ะโล่งอกที่สถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว...
“ยัยตัวแสบอารมณ์ดีมากจากไหน เดินยิ้มหน้าบานมาเชียว?” เฮียปองก้าวออกมาจากห้องวิชาการทักแพทพร้อมร้อยยิ้มอ่อนโยน...เห็นแล้วผมล่ะหมั่นไส้!! ได้ข่าวว่าผมเป็นน้องชายที่คลานตามกันมา แม้แต่สายตามันยังไม่แลผมเลย -_-;;
“พี่ปอง!!” แพทที่ดูเบิกบานอยู่แล้ว ยิ่งสดใสยกกำลังสิบสองวิ่งเข้าไปใกล้เฮียปองทันที...นี่ก็ได้ข่าวว่าเพื่อนห้องเดียวกัน...ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญเท่าไหร่เลยนะ -_-;; รู้สึกเหมือนไส้ติ่งที่จะตัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ยังไงไม่รู้สิ เฮ้อ!!~
“ครับ! ว่าไง?มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังมั้ย? ^-^” ผมเดินมาสมทบคนทั้งสองที่หยุดคุยกันตรงทางระเบียงทางเดินหน้าตึกอำนวยการโดยไม่มีใครหันมาสนใจเหมือนผมเป็นธาตุอากาศที่มีตัวตนแต่ไม่มีใครใส่ใจ...เฮ้อ!!
“ก็หนังสั้นที่แพทเล่าให้ฟังเมื่อวานผ่านแล้วล่ะค่ะ!! แถมอัคยังตอกหน้ารองพนิดาในห้องประชุมอีก...แบบว่าแอบสะใจนิดๆ อิอิ” แพทตอบเฮียปองเสียงเจื้อแจ้ว
“ก็รองมัวแต่ขัดโน่น ตินี่ จนอัคของขึ้น แล้วถามรองฯว่า ‘แล้วเงินที่พ่อผมบริจาคให้โรงเรียนไปไหนซะหล่ะครับ ผมว่าเงินจำนวนนั้นมันมากเกินกว่าเครื่องฉายสไลด์สองเครื่องที่ทางโรงเรียนซื้อมาซะอีกนะครับ’ พออัคพูดจบรองก็นั่งเงียบเลยล่ะค่ะ” แพทเล่าเหตุการณ์อันเป็นที่ประทับใจของคณะกรรมการทุกคนเป็นอย่างมาก ก็อย่างนี้แหละครับ ที่เรียกว่า ‘ผู้ม่อิทธิพล’
“พวกเรานี่ร้ายใช่เล่นนะเนี่ย แต่อย่าทำแบบนี้บ่อยๆนะ รู้มั้ย!” เฮียปองยิ้มบางๆให้แพท ดูอ่อนโยนจนผมอยากจะวิ่งไปห้องน้ำแล้วอ้วกเอาของเก่าออกมาให้หมด -_- ถ้าผมไม่ใช่น้องชายมันล่ะก็ผมคงหลงเชื่อว่ามันเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ แต่เนื่องจากผมอยู่กับมันมาตลอด 17 ปี ทำให้ผมดูออกว่ามัน ‘สร้างภาพ’ (ความจริงอีกคำมันแรงกว่านี้ แต่เนื่องจากมันเป็นพี่ ผมเลยไม่อยากจะใช้ -_-)
“ค่า ค่า! ไม่ทำแล้วล่ะค่ะ 555” แพทตอบ
“แล้วนี่จะขึ้นเรียนกันเลยใช่มั้ย?” เฮียปองถามแพท
“ค่ะ! แต่ว่าจะไปช้าๆหน่อย ขี้เกียจอ่ะ” แพทพูดทีเล่นทีจริง คงกลัวเฮียปองดุ แต่ผมรู้ เฮียปองไม่มีทางดุแพทจริงจังนักหรอกครับ รักออกขนาดนี้! อุ๊บ! OxO!! ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย? 555+ รู้แล้วอย่าบอกใครนะครับ ^o^ (ดูไร้ความจริงจังสิ้นดี -_-)
“ซนใหญ่แล้วนะเรา...งั้นเฮียไปก่อนแล้วกัน ต้องเอาเอกสารไปให้ผอ.เซ็นอีก” เฮียปองเอ่ยลา แล้วหันมาทางผม
“ดูแพทดีๆล่ะ คุณ” พอสั่งเสร็จก็เดินผ่านไป... -_-; คุยกันเกือบห้านาที มันพูดกับผมแค่นี่แหละครับ...เหอะๆ น้องชาย กับ น้องสาว มันต่างกันขนาดนี้แหละครับ!
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเซงๆ ทำไมรอบตัวผมมีแต่บรรยากาศสีชมพู -_- (แอบอิจฉาอ่ะครับ)
“คุณขึ้นห้องกันเหอะ”เสียงแพทดังขึ้น ผมเลยเดินตามเธอไป...สองคนนี้จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย? เฮียปองน่ะชัดเจน แต่ แพทนี่สิ! ผมจะเรียกว่า ไม่รู้ตัว...หรือพยายามไม่รู้ตัวดีนะ?
***
“คุณ!!” ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็เห็นพี่พาสกำลังเดินมาหา ผมเลยหันไปมองหน้าไอ้กรีน ไอ้ชา ไอ้เอ็ม ไอ้นาย และ ไอ้โอ๊ค เป็นเชิงขอตัว แล้วเดินไปหาพี่พาสที่หยุดเดินห่างจากกลุ่มผมเล็กน้อย
“เย็นนี่ว่างมั้ย?” พี่พาสเปิดประเด็น ผมพยักหน้าก่อนจะตอบเธอ
“ว่างครับ!”
“พอดีบ่ายนี้พี่ต้องไปธุระกับนิน่ะ! พี่เลยอยากให้คุณเข้าชมรมหน่อย ผอ.กับรองฯพนิดาจะเข้ามาดูการซ้อมของชมรม...ผอ.น่ะไม่เท่าไหร่ ปัญหาก็ติดที่รองฯน่ะ ประธานชมรมไม่อยู่เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก” พี่พาสพูดอย่างหัวเสีย เป็นเพราะความเรื่องมาก(จุ่นจ้าน+วุ่นวาย) ของรองผู้อำนวยการพนิดาที่ชอบจับผิดนักเรียนทุกคนในทุกๆที่ ที่เธอก้าวผ่าน -_-;
“ครับ!! เดี๋ยวผมจะเข้าให้” ผมมองหน้าพี่พาสอย่างเห็นใจ...ความจริงผมไม่อยากจะเผชิญหน้ากับรองฯพนิดาเท่าไหร่หรอกครับ แต่เพราะพี่พาสมีธุระจริงๆเลยจำใจ...ยอม เฉียดใกล้ท่านรองฯ อีกครั้ง หลังจาก อยู่รวมประชุมแผนงานกันเกือบสองชั่วโมง เมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา
“แล้วผมอยู่คนเดียวจะไม่มีปัญหาเหรอครับ...”
“ไม่หรอก..พี่ไปบอกเบลให้เข้าชมรมแล้ว แต่พี่ก็อยากให้คุณอยู่ด้วยอย่างน้อยจะได้ช่วยกันรับมือ” พี่พาสหัวเราะทำให้ผมหัวเราะตามเธอไปด้วย
“แล้วพี่พาสจะไปไหนกันเหรอครับ?” ผมถาม
“ความลับจ๊ะ” พี่พาสยิ้มแล้วเดินจากไป...ผมก็ขำกับท่าทางของพี่เค้าไม่ได้ ก็ได้ท่าขยิบตา ปิ้งๆ มันไม่เข้ากะพี่เค้าเลยสักนิด..แต่ดูไปก็น่ารักดีอ่ะครับ 555
“ไรวะมึง! ยินยิ้มคนเดียว” ไอ้โอ๊คเดินเข้ามาตบไหล่ผม
“ป่าว! เข้าห้องเหอะมึง จารย์มาและ” ผมเดินกอดคอไอ้โอ๊คเข้าห้องเรียน
โทรเลข
หลายคนคงบอกว่าหายไปตั้งนานได้มาแค่นี้!!....ก็จะตอบว่า ค่ะ! ได้มาแค่นี้จริง Y-Y ขอโทษเพื่อนๆนักอ่านทุกคนด้วยค่ะ พอดีช่วงเวลาที่หายไปเป็นเดินนี่แบบว่าเกเรมากมาย...ไปนู่นไปนี่ตลอด และสุดท้ายก็เพิ่งกลับมากจากอังกฤษมา(อันนี้ไปเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่เรียนอยู่ที่โน้นค่ะ)แบบว่าอยากจะใช้เวลาแต่งนิยายให้เพื่อนได้อ่านเหมือนกันค่ะ แต่ พี่สาวดันใช้ Mc เป็นภาษาเยอรมัน(พอดีเจ๊แก่เคยเรียนที่เยอรมันแล้วย้ายมาเรียนโท(อีกใบ)ที่อังกฤษ) ไอ้เราก็โง่..ใช้ไม่เป็น จะใช้Pc ก็ไม่มีเลยอดไปตามระเบียบ -_-;; แถมจะใช้wifi ตามร้านกาแฟ มันก็แพง..แบบว่าจนมากมายอ่ะค่ะ จะกิน จะดื่มอะไรที นี่อยากเอามาม่าไปต้มกินให้รู้แล้วรู้รอด...ถ้าเจ๊ไม่เลี้ยงนี่แทบไม่กินกันเลยทีเดียว(เสียดายตังค์)...พอกลับมาก็ยุ่งกะAdmission และตอนนี้ก็ติดแล้วล่ะค่ะ!! ปุ่ง ปุ่ง ปุ่ง!!! (เสียงพลุ) ติดที่เลือกไว้เป็นอันดับ 1 แบบว่าช็อกไปห้านาที (กูติดได้ไงวะ)...ตอนนี้ก็ได้มหาลัยฯรัฐที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง 555! แต่พอมาดูคะแนนจุฬาแบบว่า -_-;; รู้งี้กูเลือกจุฬาอันดับแรกซะก็ดี แบบว่าคะแนน คณะที่เลือกเอาไว้ค่อนข้างต่ำกว่าที่คิด และคณะแนนตัวเองก็เกินเป็นเท่าตัว(แอบเลว)...แต่มาคิดดูอีกที ถ้าเรียนไปแล้วต้อง ถูกเชิญออก ก็คงไม่ดี -_-;; เพราะฉะนั้น คณะและมหาลัยที่เราได้ก็ดีแล้ว(ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมี)...ตอนนี้รอกิจกรรมของม.อยู่ ไม่รู้จะมีการเลื่อนอะไรหรือเปล่า...แบบว่ายิงกันสนั่นเมือง -_-;; ทุกคนก็ดูแลตัวเองแล้วกันนะคะ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกไปไหน อยู่บ้านล่ะปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะค่ะ ก็ขอฝากไว้เท่านี้แล้วกันนะคะ บายค่ะ
Ps.ตอนใหม่จะมาเร็วๆนี้ล่ะค่ะ อดใจรอกันอีกหน่อยนะ
Coming Soon
ความคิดเห็น