ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Benoname...แค่รักครับ ทำไมต้องตั้งชื่อ? (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter:15th Short Film… [ Complete ]

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 54


    Chapter:15th  Short Film…(Full)

     

     

     

     

                ผมก้าวเท้ายาวๆตาก็มองนาฬิกาข้อมือไป...สายแล้วไงล่ะกู!!!

     

     

                ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้เพื่อนเวรกรีนล่ะก็ผมคงไปนั่งฟังประชุมทันเวลาแล้วล่ะ...ถ้าไม่เป็นเพราะเมื่อเช้ามันไม่ปล่อยตระเข้น้อยออกมาเดินเพ่นพล่านกลางโรงอาหารตอนอาจารย์อรนุชเดินผ่านมาพอดีล่ะก็  ผมคงไม่ต้องโดนทำโทษให้ไปจัดสมุดเวรประจำเดือนกับมันจนเลยเวลาเข้าประชุมมากกว่าชั่วโมงครึ่ง....

     

     

                ผมรีบเดินขาแทบขวิดจนถึงตึกอำนวยการ...รีบซะจนผมเกือบสะดุดขาตัวเองล้มหลายรอบแล้วล่ะครับ โชคดีที่ไม่ล้มลงไปจริงๆ...

     

     

                มีเสียงดังออกมากจากห้องประชุม...ทำผมเก้ๆกังๆไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปข้างใน...ผมยืนบิดไปบิดมาอยู่หน้าประตู

     

     

                ผมยืนลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปข้างในตอนนี้ดีหรือจะโดดประชุมเลยดี (ใจจริงอยากทำอันหลังมากกว่า)...ไอ้เราจะเข้าไปตอนนี้มันก็กะไรอยู่  เขาคงประชุมกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ...แต่ปัญหาอยู่ตรง แพท คนเดี่ยวเท่านั้นแหละครับ!!!

     

     

                คุณห้ามโดดประชุมเย็นนี้นะ...วันนี้พี่ปองบอกแพทว่าเค้าจะปรึกษากันเรื่องละครกัน..เลือกตัวละครแล้วก็เรื่องบทด้วย...ถ้าโดดเรามีเรื่องกันแน่!!!’ แพทพูดเตือนผมตอนเลิกเรียน...ความจริงมันก็ไม่ได้จริงจังอะไรหรอกครับ...แต่เพื่อความปลอดภัยของชีวิตผมในอนาคต ผมควรทำตามเธอดีกว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา...เรามีเรื่องกันแน่ -_-;;

     

     

                ไอ้คุณ...มึงมายืนทำไรตรงนี้วะ?เหมือนสวรรค์มาโปรดเลยล่ะครับ...ผมหันไปมองต้นเสียงทางด้านหลัง...ในที่สุดกูก็มีเพื่อน!!

     

     

                ไอ้ชายไมมาเอาป่านนี้วะ? ผมถามไอ้ชายที่เดินเข้ามาใกล้...แล้วก็นึกขึ้นมาได้กูก็สายเหมือนกัน เหอะๆ

     

     

                ไอ้ชายทำหน้าเซงๆ...อย่างงี้แมร่งต้องมีเรื่องไรแน่ๆ...เรดาร์อยากรู้อยากเห็นของผมตรวจจับคลื่นได้....

     

     

                กูเพิ่งโดนผู้อำนวยการเรียกไปรับเรื่องมาเนี่ย...แมร่งเซงวะ..อะไรกะพวกกูนักหนาวะ หน้าตาท่าทางไอ้ชายมันบ่งบอกระดับความเซงของมันได้อย่างชัดเจน....ท่าทางแมร่งเรื่องใหญ่หวะ...

     

     

                เรื่องไรวะมึง?ผมถามมัน...เราจะให้กำลังใจใครได้ไงล่ะครับถ้าเราไม่รู้เรื่องรู้ราว!!!...( เอาจริงๆก็คือ ผมเสือกอ่ะครับ เหอะๆ!!)

     

     

                มึงเข้าไปข้างในกะกูเดี๋ยวมึงก็รู้” หน้ามันบอกอารมณ์เซงโลก แต่แมร่งเสือกมีอารมณ์กวนตีน!!...

     

     

                ไอ้ชายเลือนประตูเดินนำผมเข้าไปด้านใน ผมก็เดินตามหลังมันไปติดๆ กะจะแอบอยู่หลังมันแล้วแวบไปนั่งที่ว่างทำเนียนว่าผมอยู่ประชุมด้วยตั้งแต่ต้น!! แต่ความคิดก็หยุดชะงักเพราะเสียงห้าวๆของไอ้ประธานกิจกรรม...

     

     

                “ไอ้คุณอย่ามาเนียนครับ...สายนะครับท่าน!!” ผมได้แต่ยิ้มแหย ยอมรับความผิด...ไอ้เบลทำหน้าบึ้งกลับมา..ประธานกิจกรรมอย่างไอ้เบลเป็นคนตรงต่อเวลามากถึงมากที่สุดครับ เป็นเพราะมันต้องรับผิดชอบอะไรหลายๆอย่างทำให้เบลต้องรักษาเวลา เพราะไม่งั้นงานก็จะหยุดชะงักและล่าช้า เพราะงั้นมันเลยค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องเวลา  และผมก็เข้าใจเบลดีครับ เพราะไม่ใช่สายแค่ 10-15 นาที แต่นี่มันชั่วโมงครึ่ง...และถ้าเป็นผม ก็คงเคืองเหมือนกัน  ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เหอะ

     

     

                “ประชุมกันต่อเถอะ...มาครบกันแล้วนี่นะ!”เสียงขัดของประธานตัวจริงดังขึ้น

     

     

    “ชิ!! แตะต้องไม่ได้เลยนะมึง” ผมสะดุ้งกับคำพูดของไอ้เบล เข้าใจครับว่ามันไม่ได้จงใจจะพูดกับผม  แต่มันกระทบอย่างแรง!!  ผมมองหน้าไอ้อัคที่ทำท่าเหมือนไม่ได้ยินทั้งที่ไอ้เบลมันพูดใส่ไมค์ข้างหน้า -_-;;

     

     

    ไอ้เบลกรอกตาไปมาเหมือนเหนื่อยใจกับพฤติกรรมอันไม่น่าพึงประสงค์ของไอ้อัค (กวนตีนอย่างแรงครับ)...ก่อนที่จะเริ่มพูดเรื่องที่ค้างไว้ต่อ...ผมมองหน้าไอ้อัคที่ทำเป็นตั้งใจฟังอยู่...แต่ขอโทษเรื่องออกจะเครียด มึงยิ้มทำไมฟะ??

     

     

                “ทำไมนานจัง” แพทพูดกับผมเสียงกระซิบ...ผมนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆแพท(ผมว่าเธอต้องจองไว้ให้ผมแน่ๆ)

     

     

                “อ.อรนุชใช้ให้จัดสมุดเวรประจำเดือนอ่ะดิ เซงมากเลย” แพทพยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปฟังประชุมต่อ...

     

     

                “จากที่ผมไปรับฟังความคิดเห็นจากผอ. และ ท่านรองฯ เมื่อช่วงพักกลางวันที่ผ่านมานะครับ...พวกท่านมีความเห็นว่า พวกเราควรนำเอาอุปกรณ์ ฉาก และเสื้อผ้าของปีก่อนๆมาใช้ในการแสดงละครเวทีครั้งนี้ เพื่อจะได้ประหยัดงบประมาณของทางโรงเรียน..และเมื่อกี้ ผมก็ให้ชายไปสำรวจอุปกรณ์ที่ห้องอุปกรณ์กลางมา...ผมขอโอนหน้าที่ใช้ชายเป็นคนแจ้งนะครับ” เบลปิดสวิตส์ไมค์โครโฟนด้านหน้า หักคอไมค์ และนั่งลง...ชายที่กำลังง่วนกับเอกสารในมือยืนขึ้นและเปิดสวิตส์ไมค์ด้านหน้า...

     

     

                ชายขยับแว่นตาไร้กรอบเล็กน้อยก่อนเริ่มพูด “จากที่ผมไปสำรวจดูอุปกรณ์มานะครับ...อุปกรณ์ที่เราพอจะใช้ได้ก็มีไม่มากนัก เพราะเกือบทุกชิ้นมันเป็นอุปกรณ์ที่ทำสำหรับใช้ครั้งเดียว จะมีก็แต่อันที่ทำสำรองเอาไว้ซึ่งมันก็มีไม่มากนัก...ส่วนฉาก  ก็เหลือแต่ของเมื่อปีที่แล้ว ...แต่เรื่องเสื้อผ้าผมว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะเก็บไว้ที่ห้องนาฏศิลป์ แต่จะติดปัญหาตรงที่ว่าเราคงจะต้องเลือกเรื่องที่จะแสดงซักหน่อย” บรรยากาศเริ่มเครียดขึ้นมาบ้าง...ทุกคนต่างก็เงียบฟังสิ่งที่ชายพูด 

     

     

    ผมเห็นแพททำหน้าไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่...ผมเข้าใจเธอนะครับ  ทั่งที่ตัวเองคิดมาเป็นอย่างดีแล้ว(ถึงปากบอกว่าต้องฟังความเห็นจากคนอื่น)แต่กลับต้องมาถูกจำกัดด้วยเงื่อนไขเรื่อง เงิน !!!

     

     

    “ ชาย...นายถ่ายรูปมาหรือเปล่า? ขอดูหน่อยได้มั้ย?” อัคที่ตั้งใจฟังถามชาย...ชายพยักหน้าก่อนเสียบสายUSB ต่อเข้ากับเครื่องPC ในห้อง

     

     

    “เสร็จแล้วเอาขึ้นโปรเจ็คเตอร์เลยนะ” อัคบอก... “ได้!! รอแปป” ชายที่ง่วนอยู่กับการรอโหลดรูปเปิดสวิตส์เครื่องโปเจ็กเตอร์...นีมส์เดินไปดึงจอผ้าสีขาวลงมาจนสุดก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่...

     

     

    ทุกคนรอได้สักพักรูปถ่ายก็ปรากฏอยู่บนจอผ้าสีขาว...รูปเลื่อนไปข้าๆอย่างที่ตั้งโปรแกรมอัตโนมัติเอาไว้...เป็นอย่างที่ชายว่าจริงๆแหละครับ อุปกรณ์แทบทั้งหมดเกือบจะเอามาใช้ไม่ได้ เพราะสภาพมันเหลือรับ...ฉากเก่าๆบางฉากก็พัง บางอันก็เละ ฉากเก่าที่ผมเห็นว่าพอจะใช้ได้ก็มีแต่ฉากเก่าของปีที่แล้ว และฉากหอคอยสูงอีกฉาก ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิด คงเป็นของเมื่อสองปีที่แล้ว...

     

     

    ทุกคนหน้าเริ่มเครียดกันเข้าไปใหญ่...เพราะเท่าที่ดูจากภาพแล้ว พวกเราไม่ต่างจากการต้องนำเอา ขยะ ที่ใช้แทบไม่ได้แล้วกลับมาใช้ใหม่  งานช้างจริงๆครับคราวนี้...

     

     

    “ไม่ต้องทำได้ไหมอัค? จำกัดกันขนาดนี้ไม่ต้องทำเลยจะดีกว่า” แพทพูดอย่างใส่อารมณ์...อัคส่ายหน้า บอกถึงคำตอบ...อัคคงลำบากใจกับท่าทางอารมณ์ขึ้นของแพท และคงเห็นใจเธอเช่นกันเพราะแพทคงหวังให้งานออกมาดีเมื่อถึงคราวรุ่นเธอที่เป็นประธานชมรมศิลป์ต้องทำงานละครร่วมกับคณะกรรมการนักเรียน...

     

     

    เท่าที่ผมรู้มา ชมรมศิลป์ถือกันมาเรื่องการทำละครประจำปี เพราะถือว่าเป็นงานช้างงานเดียวที่ชมรมศิลป์จะมีโอกาสโชว์ผลงานให้คนนอกได้ชม..และศักศรีของประธานชมรมแต่ละรุ่นก็ขึ้นอยู่กับงานละครในแต่ละปีด้วย

     

     

    “พูดตรงๆนะอัค...ถ้ามันจะออกมาไม่ดี แพทก็ไม่อยากทำ” ผมจับแขนแพทรั้งไม่ให้เธอลุกหนีไป...แพทมองหน้าผม เหมือนเธอจะใจเย็นลงมาบ้าง แต่ผมก็รู้ว่าเธอพร้อมที่จะลุกออกไปจากห้องประชุมได้ทุกวินาที

     

     

    “ผมเข้าใจแพทว่าอยากให้งานออกมาดี...ตัวผมเองก็คิดเหมือนแพท แต่เราจะไม่ทำได้ยังไง? มันเป็นงานประเพณีที่กรรมการนักเรียนกับชมรมศิลป์ต้องทำร่วมกันทุกปี...เราจะไม่ทำก็ได้ แต่รุ่นพี่รุ่นก่อนๆ พวกเค้าจะว่ายังไง? ไหนจะรุ่นน้องอีก...พวกเราจะมาเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเด็กๆ ไม่ได้ดั่งใจก็เลิก ไม่พอใจก็ไม่ทำ...แล้วคนที่เขารอดูผลงานของพวกเราอยู่จะรู้สึกยังไง?” ผมนั่งอยู่ข้างๆแพท มือที่จับแขนเธอไว้ก็เลื่อนขึ้นมาจับไหล่เธอแล้วบีบเบาๆ...

     

     

    แพทนั่งเงียบใช้ความคิดกับสิ่งที่ได้ฟัง...อัคมองผมอย่างขอความช่วยเหลือ...ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ...หนักใจ!

     

     

    “เอาอย่างงี้มั้ยแพท” ผมพูดเบาๆ...

     

     

    แพทหันมามองหน้าผม...สีหน้าเธอบึ้งตึงบอกถึงอารมณ์ได้ดี...ผมหันไปมองหน้าอัคอีกครั้ง...อย่าโกรธกูแล้วกันนะ!!

     

     

    “แทนที่เราจะสนใจเรื่องฉาก เรื่องอุปกรณ์...เรามาสร้างจุดสนใจอย่างอื่นแทนดีกว่ามั้ย?” ผมตัดสินใจพูดออกไป ทั้งที่ ไอ้จุดสนใจที่ว่าคืออะไร? ตัวผมเองยังไม่รู้เลย!!!

     

     

    “อย่างเช่น?” แพทมีทีท่าสนใจความคิดเห็นของผมมากขึ้น ทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยอย่างน้อยเธอก็ยอมฟังผม...

     

     

    “เราจัดโหวตหน้านักแสดงเป็นไง...เราว่าคงเป็นที่สนใจน่าดูนะ” สดๆร้อนๆเลยครับความคิดนี้!!!...

     

     

    แพททำท่ากอดอกเหมือนใช้ความคิด...ผมมองหน้าอัคอย่างขอความคิดเห็น และดูเหมือนว่ามันจะค่อนข้างเห็นด้วยกับผม ผมเลยค่อยโล่งใจหน่อย อย่างน้อยก็ยังมีคนเห็นด้วย!!!!

     

     

    “แพทวางตัวแสดงเอาไว้ในใจแล้วนะ  กลัวว่ามันจะได้ไม่ตรงกับที่แพทคิดอีกอ่ะดิ” แพทมีท่าทีลังเลใจอย่างเห็นได้ชัด...ผมหันไปส่งสัญญาณ SOS ขอความช่วยเหลือจากไอ้พวกกรรมการนักเรียนด่วน!...แต่แมร่งไม่มีผู้ใดสนใจผมเลยสักคน...ไอ้อัคแมร่งคุยกับนีมส์  ไอ้เบลเดินไปดูไอ้ชาย...ไอ้-วย!! ปล่อยภาระไว้ที่กูคนเดียวเลยนะพวกมึง!!!

     

     

    “เราขอเสนอความคิดเห็นอะไรหน่อยได้มั้ย?” มาริถามขึ้น...

     

     

    “ถ้าเราเปลี่ยนจากละครเวที เป็นหนังสั้นล่ะจะว่ายังไง?”

     

     

    ทุกคนในห้องมองหน้ากันอย่างชั่งใจ....หนังสั้น!!!  แทนละครเวที...

     

     

    “ลองทำเป็นหนังสั้นก็ดีเหมือนกันนะ!!!

     

     

     

    ***

     

     

     

    สีหน้าทุกคนดูแจ่มใสหลังเดินออกมาจากห้องประชุมหลังเสนอแผนงานละครประจำปี ที่ตอนนี้เปลี่ยนจากละครเวทีเป็น หนังสั้นไปแล้วเรียบร้อย ^-^;

     

     

    แพทเดินข้างผมฮัมเพลงสบายใจ ทั้งที่เมื่อวานเธอแทบจะล้มเลิกกิจกรรมประจำไปไปซะดื้อๆ...โชคดีที่มีมาริมาช่วยไว้ ไม่งั้นทุกเรื่องคงไม่ลงเอยแบบนี้...ผมล่ะโล่งอกที่สถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว...

     

     

    “ยัยตัวแสบอารมณ์ดีมากจากไหน เดินยิ้มหน้าบานมาเชียว?” เฮียปองก้าวออกมาจากห้องวิชาการทักแพทพร้อมร้อยยิ้มอ่อนโยน...เห็นแล้วผมล่ะหมั่นไส้!! ได้ข่าวว่าผมเป็นน้องชายที่คลานตามกันมา  แม้แต่สายตามันยังไม่แลผมเลย -_-;;

     

     

    “พี่ปอง!!” แพทที่ดูเบิกบานอยู่แล้ว ยิ่งสดใสยกกำลังสิบสองวิ่งเข้าไปใกล้เฮียปองทันที...นี่ก็ได้ข่าวว่าเพื่อนห้องเดียวกัน...ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญเท่าไหร่เลยนะ -_-;; รู้สึกเหมือนไส้ติ่งที่จะตัดทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ยังไงไม่รู้สิ เฮ้อ!!~

     

     

    “ครับ! ว่าไง?มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังมั้ย? ^-^” ผมเดินมาสมทบคนทั้งสองที่หยุดคุยกันตรงทางระเบียงทางเดินหน้าตึกอำนวยการโดยไม่มีใครหันมาสนใจเหมือนผมเป็นธาตุอากาศที่มีตัวตนแต่ไม่มีใครใส่ใจ...เฮ้อ!!

     

     

    “ก็หนังสั้นที่แพทเล่าให้ฟังเมื่อวานผ่านแล้วล่ะค่ะ!! แถมอัคยังตอกหน้ารองพนิดาในห้องประชุมอีก...แบบว่าแอบสะใจนิดๆ อิอิ” แพทตอบเฮียปองเสียงเจื้อแจ้ว

     

    “ก็รองมัวแต่ขัดโน่น ตินี่ จนอัคของขึ้น แล้วถามรองฯว่า แล้วเงินที่พ่อผมบริจาคให้โรงเรียนไปไหนซะหล่ะครับ  ผมว่าเงินจำนวนนั้นมันมากเกินกว่าเครื่องฉายสไลด์สองเครื่องที่ทางโรงเรียนซื้อมาซะอีกนะครับ พออัคพูดจบรองก็นั่งเงียบเลยล่ะค่ะ”  แพทเล่าเหตุการณ์อันเป็นที่ประทับใจของคณะกรรมการทุกคนเป็นอย่างมาก  ก็อย่างนี้แหละครับ ที่เรียกว่า ผู้ม่อิทธิพล

     

     

    “พวกเรานี่ร้ายใช่เล่นนะเนี่ย แต่อย่าทำแบบนี้บ่อยๆนะ รู้มั้ย!” เฮียปองยิ้มบางๆให้แพท  ดูอ่อนโยนจนผมอยากจะวิ่งไปห้องน้ำแล้วอ้วกเอาของเก่าออกมาให้หมด -_-  ถ้าผมไม่ใช่น้องชายมันล่ะก็ผมคงหลงเชื่อว่ามันเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ  แต่เนื่องจากผมอยู่กับมันมาตลอด 17 ปี ทำให้ผมดูออกว่ามัน สร้างภาพ (ความจริงอีกคำมันแรงกว่านี้ แต่เนื่องจากมันเป็นพี่ ผมเลยไม่อยากจะใช้ -_-)

     

     

    “ค่า ค่า! ไม่ทำแล้วล่ะค่ะ 555” แพทตอบ 

     

     

    “แล้วนี่จะขึ้นเรียนกันเลยใช่มั้ย?” เฮียปองถามแพท 

     

     

    “ค่ะ! แต่ว่าจะไปช้าๆหน่อย  ขี้เกียจอ่ะ” แพทพูดทีเล่นทีจริง  คงกลัวเฮียปองดุ  แต่ผมรู้  เฮียปองไม่มีทางดุแพทจริงจังนักหรอกครับ  รักออกขนาดนี้! อุ๊บ! OxO!!  ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย? 555+ รู้แล้วอย่าบอกใครนะครับ ^o^ (ดูไร้ความจริงจังสิ้นดี -_-)

     

     

    “ซนใหญ่แล้วนะเรา...งั้นเฮียไปก่อนแล้วกัน ต้องเอาเอกสารไปให้ผอ.เซ็นอีก” เฮียปองเอ่ยลา  แล้วหันมาทางผม

     

     

    “ดูแพทดีๆล่ะ คุณ” พอสั่งเสร็จก็เดินผ่านไป... -_-; คุยกันเกือบห้านาที มันพูดกับผมแค่นี่แหละครับ...เหอะๆ น้องชาย กับ น้องสาว มันต่างกันขนาดนี้แหละครับ!

     

     

    “เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเซงๆ  ทำไมรอบตัวผมมีแต่บรรยากาศสีชมพู -_- (แอบอิจฉาอ่ะครับ)

     

     

    “คุณขึ้นห้องกันเหอะ”เสียงแพทดังขึ้น  ผมเลยเดินตามเธอไป...สองคนนี้จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ย?  เฮียปองน่ะชัดเจน  แต่ แพทนี่สิ! ผมจะเรียกว่า ไม่รู้ตัว...หรือพยายามไม่รู้ตัวดีนะ?

     

     

     

     

    ***

     

     

               

                “คุณ!!” ผมหันไปตามเสียงเรียก ก็เห็นพี่พาสกำลังเดินมาหา  ผมเลยหันไปมองหน้าไอ้กรีน ไอ้ชา ไอ้เอ็ม ไอ้นาย และ ไอ้โอ๊ค เป็นเชิงขอตัว  แล้วเดินไปหาพี่พาสที่หยุดเดินห่างจากกลุ่มผมเล็กน้อย

     

     

                “เย็นนี่ว่างมั้ย?” พี่พาสเปิดประเด็น  ผมพยักหน้าก่อนจะตอบเธอ

     

     

                “ว่างครับ!

     

     

                “พอดีบ่ายนี้พี่ต้องไปธุระกับนิน่ะ!  พี่เลยอยากให้คุณเข้าชมรมหน่อย ผอ.กับรองฯพนิดาจะเข้ามาดูการซ้อมของชมรม...ผอ.น่ะไม่เท่าไหร่ ปัญหาก็ติดที่รองฯน่ะ ประธานชมรมไม่อยู่เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก” พี่พาสพูดอย่างหัวเสีย  เป็นเพราะความเรื่องมาก(จุ่นจ้าน+วุ่นวาย) ของรองผู้อำนวยการพนิดาที่ชอบจับผิดนักเรียนทุกคนในทุกๆที่ ที่เธอก้าวผ่าน -_-;

     

     

                “ครับ!!  เดี๋ยวผมจะเข้าให้” ผมมองหน้าพี่พาสอย่างเห็นใจ...ความจริงผมไม่อยากจะเผชิญหน้ากับรองฯพนิดาเท่าไหร่หรอกครับ  แต่เพราะพี่พาสมีธุระจริงๆเลยจำใจ...ยอม  เฉียดใกล้ท่านรองฯ อีกครั้ง หลังจาก อยู่รวมประชุมแผนงานกันเกือบสองชั่วโมง เมื่อตอนเช้าที่ผ่านมา

     

     

                “แล้วผมอยู่คนเดียวจะไม่มีปัญหาเหรอครับ...”

     

     

                “ไม่หรอก..พี่ไปบอกเบลให้เข้าชมรมแล้ว แต่พี่ก็อยากให้คุณอยู่ด้วยอย่างน้อยจะได้ช่วยกันรับมือ” พี่พาสหัวเราะทำให้ผมหัวเราะตามเธอไปด้วย

     

     

                “แล้วพี่พาสจะไปไหนกันเหรอครับ?” ผมถาม

     

     

                “ความลับจ๊ะ” พี่พาสยิ้มแล้วเดินจากไป...ผมก็ขำกับท่าทางของพี่เค้าไม่ได้ ก็ได้ท่าขยิบตา ปิ้งๆ มันไม่เข้ากะพี่เค้าเลยสักนิด..แต่ดูไปก็น่ารักดีอ่ะครับ 555

     

     

                “ไรวะมึง! ยินยิ้มคนเดียว” ไอ้โอ๊คเดินเข้ามาตบไหล่ผม

     

     

                “ป่าว! เข้าห้องเหอะมึง จารย์มาและ” ผมเดินกอดคอไอ้โอ๊คเข้าห้องเรียน

     

     

     

     

    โทรเลข

     

     

                หลายคนคงบอกว่าหายไปตั้งนานได้มาแค่นี้!!....ก็จะตอบว่า ค่ะ! ได้มาแค่นี้จริง Y-Y ขอโทษเพื่อนๆนักอ่านทุกคนด้วยค่ะ  พอดีช่วงเวลาที่หายไปเป็นเดินนี่แบบว่าเกเรมากมาย...ไปนู่นไปนี่ตลอด และสุดท้ายก็เพิ่งกลับมากจากอังกฤษมา(อันนี้ไปเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องที่เรียนอยู่ที่โน้นค่ะ)แบบว่าอยากจะใช้เวลาแต่งนิยายให้เพื่อนได้อ่านเหมือนกันค่ะ แต่ พี่สาวดันใช้ Mc เป็นภาษาเยอรมัน(พอดีเจ๊แก่เคยเรียนที่เยอรมันแล้วย้ายมาเรียนโท(อีกใบ)ที่อังกฤษ) ไอ้เราก็โง่..ใช้ไม่เป็น จะใช้Pc ก็ไม่มีเลยอดไปตามระเบียบ -_-;; แถมจะใช้wifi ตามร้านกาแฟ มันก็แพง..แบบว่าจนมากมายอ่ะค่ะ จะกิน จะดื่มอะไรที นี่อยากเอามาม่าไปต้มกินให้รู้แล้วรู้รอด...ถ้าเจ๊ไม่เลี้ยงนี่แทบไม่กินกันเลยทีเดียว(เสียดายตังค์)...พอกลับมาก็ยุ่งกะAdmission และตอนนี้ก็ติดแล้วล่ะค่ะ!!  ปุ่ง ปุ่ง ปุ่ง!!! (เสียงพลุ)  ติดที่เลือกไว้เป็นอันดับ 1 แบบว่าช็อกไปห้านาที (กูติดได้ไงวะ)...ตอนนี้ก็ได้มหาลัยฯรัฐที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง 555!  แต่พอมาดูคะแนนจุฬาแบบว่า -_-;; รู้งี้กูเลือกจุฬาอันดับแรกซะก็ดี แบบว่าคะแนน คณะที่เลือกเอาไว้ค่อนข้างต่ำกว่าที่คิด และคณะแนนตัวเองก็เกินเป็นเท่าตัว(แอบเลว)...แต่มาคิดดูอีกที ถ้าเรียนไปแล้วต้อง ถูกเชิญออก ก็คงไม่ดี -_-;; เพราะฉะนั้น คณะและมหาลัยที่เราได้ก็ดีแล้ว(ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมี)...ตอนนี้รอกิจกรรมของม.อยู่  ไม่รู้จะมีการเลื่อนอะไรหรือเปล่า...แบบว่ายิงกันสนั่นเมือง -_-;;  ทุกคนก็ดูแลตัวเองแล้วกันนะคะ  ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องออกไปไหน อยู่บ้านล่ะปลอดภัยที่สุดแล้วล่ะค่ะ  ก็ขอฝากไว้เท่านี้แล้วกันนะคะ  บายค่ะ

     

    Ps.ตอนใหม่จะมาเร็วๆนี้ล่ะค่ะ  อดใจรอกันอีกหน่อยนะ

     

     

    Coming Soon

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×