ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Benoname...แค่รักครับ ทำไมต้องตั้งชื่อ? (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #15 : Chapter:13rd Good Looking …Me or U

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 54


    Chapter:13rd  Good Looking

     

     

     

     

                ผมเปิดประตูข้างคนขับก็เห็นไอ้คน โทรมาท่วงสัญญานั่งเล่น iphoneของตัวเองอย่างสบายใจชำเลืองหางตามามองหน้าผมนิดนึง(นิดนึงจริงๆนะ)แล้วหันกลับไปสนใจ iphoneของตัวเองต่อ...ได้ข่าวว่ามึงโทรไปบังคับกู(นิดๆ)ให้ออกมาไม่ใช่เหรอ?...มึงช่วยหันมาสนใจกูบ้างไรบ้างเหอะ-_-!!

     

     

                พอผมนั่งลงแล้วปิดประตูเรียบร้อยไอ้คุณอัคก็ยัดiphone เข้ากระเป๋ากางเกงยีนส์ก่อนใส่เกียร์ขับรถออกไปโดยไม่พูดอะไร...ผมมองหน้ามันเซงๆ...หมั่นไส้ก็หมั่นไส้...ขัดใจก็ขัดใจ...แต่ก็ขี้เกียจทะเลอะเพราะหิวข้าว(เปลืองแรง เมื่อคืนก็ไม่ได้กินข้าว เหอะๆ)

     

     

                “ไปไหนดี?” หลังจากเงียบกันมาเกือบ10นาที อัคก็พูดขึ้น....มันยิ้มให้ผมนิดๆ...ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าเหมือนเมื่อกี้มันแกล้งผม - -;; เหอะๆ เริ่มระแวงมันนิดๆอ่ะครับ!!

     

     

    “เฮ้อ!” ผมถอนหายใจเบาๆ...เหมือนบรรยากศอึดอัดเมื่อกี้มันจะหายไปซะเฉยๆ ทำให้ผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย...ในที่สุดก็มีคนทำลายความเงียบลงซักที...บรรยากาศสบายๆตอนนี้ผมชอบมากว่าเมื่อกี้ตั้งเยอะ!!

     

     

                “แล้วแต่มึงดิ!” ไอ้อารมณ์คนมันหิวที่ไหนก็ได้เหมือนกันแหละครับ ขอแค่มันช่วยให้ท้องผมหยุดร้อง โครกกกก ครากก ซะที!!

     

     

    อัคหันมาเลิกคิ้วมองหน้าผมเหมือนบอกว่า... มึงแน่ใจนะ ผมก็จองหน้ามันตอบ...เออ!!  กูให้มึงเลือก

     

     

                “ไปที่นั่นแล้วค่อยเลือกแล้วกัน...กูให้เวลามึงคิด” ดูคำตอบกวนฝ่ามือฝ่าเท้าของมันดิครับ!!...แล้วยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาผิวปากด้วยท่าทางที่!!...โค-ตะ-ระ กวนอารมณ์คนหิวข้าวเลย ตกลงมึงอยากกินสุกี้หรืออยากแดกตีนกู ห๊ะ  ไอ้ประธานนักเรียน!!!!

     

     

                ถนนมีรถเยอะกว่าที่ผมคิดเอาไว้ตอนแรก  ก็ไม่ถึงขนาดที่เรียกว่า การจราจรติดขัดในเมืองกรุง' ก็เถอะครับ  เรียกว่าเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆมากกว่า แต่ไอ้การที่ท้องผมร้องครวญครางประท้วงอยู่ก็ทำให้ผมรู้สึก หิวมาก!!!’  มันทำให้ผมตระหนักว่า...กระเพาะผมอาจถึงวาระสุดท้ายแล้วก็ได้ -_-;;

     

     

                “คุณ!

     

     

                “หือ?” ผมหันไปมองหน้าด้านข้างของไอ้คนเรียก(ก็มีมันกะผมอยู่สองคน) ที่อยู่ๆก็เรียกชื่อผมขึ้นมาซะเฉยๆ...พอผมตอบมันก็ทำเป็นเงียบไม่พูดอะไร...หรือว่าเราจะหิวจนหูฝาด?

     

     

                “คุณ!

     

     

                “หืม?” ผมหันไปมองมันอีกครั้งนึง...ผมเห็นมุมปากมันยกขึ้นนิดนึงแต่ตามันมองไปข้างหน้า...ผมเลยมองตามสายตามัน แต่ก็ไม่เจออะไรที่น่าขำเลยสักอย่าง มีแต่ท้ายรถเบนท์คันที่อยู่ข้างหน้าก็แค่นั้น...ผมว่ามันบ้าไปแล้วล่ะ!!

     

     

                “คุณ!!

     

     

                “อะไรของมึง!!!” ผมหันไปตวาดไอ้คนขับที่แมร่งโครตจะกวนอารมณ์(คนกำลังหิว) จนผมฟิวล์ขาด...มึงจะเอาไงกะกู!!

     

     

                “เรียกไม? กลัวลืมชื่อกูหรือไง?” แต่ถึงมันจะทำให้ผมรู้สึกโกรธยังไงมันก็ยังมีหน้ายิ้มระรื้น...เหมือนผมร้องเพลงโอเปร่าให้มันฟังยังไงยังงั้น...ยิ่งเห็นแล้วยิ่งอารมณ์เสียโว้ย!

     

     

                “ขนมอยู่ในถุงบนเบอะหลัง เอามากินดิ!” ท่าทางตอนมันพูดไหล่มันสั่นนิดๆเหมือนคนกำลังกลั้นหัวเราะอย่างสุดความสามารถ...สัด!!

     

     

                “ไม่กิน!” ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรเลยพรั้งปากปฏิเสธแมร่งไปอย่างไม่ไยดี แต่ไอ้กระเพาะทรยศดัน.....

     

     

                “โครกกกกก!!!! T^T ทำไมหนูไม่เห็นใจพ่อล่ะลูก...ร้องดังขนาดนี้กะให้ได้ยินถึงซาอุเลยหรือ???ไงลูกพ่อ!!!

     

     

                ด้วยความที่ลูกผมประท้วงออกมาเป็นเสียงเซอร์ราวน์ยิ่งกว่าเครื่องเสียงของวงลูกทุ่งในงานวัด...เตะโด่งคำปฏิเสธของผมเมื่อกี้ จนมันกระเด็นไปไกลถึงปาปัวนิวกีนี...ทำไมลูกทำพ่อขายหน้าประชาชีขนาดนี้ล่ะครับ ถึงพ่อจะด้าน(?) แต่พ่อก็อายเป็นนะ -///-

     

     

                รถที่ติดไฟแดงพอดี(คุณตำรวจจราจรรู้เห็นเป็นใจกะมันปะครับ?) อัคก็เอื้อมไปหยิบถุงคุ๊กกี้ของร้านดังแถวๆสีลม(โอ้ว!!ของแพง) แล้วส่งให้ผม... “กินเหอะ” เสียงทุ้มๆ กับรอยยิ้มที่เปลี่ยนไป...มันอ่อนโยน...มันอบอุ่น...จนผมไม่อาจปฏิเสธได้

     

     

                แล้วไอ้ก้อนร้อนๆในอกผม...มันประหลาด...แต่ก็รู้สึกดีนะ

    *** 

     

     

     

                “พอแค่นี้แหละครับ” ไอ้อัคปิดเมนูแล้วส่งให้พี่พนักงานตามด้วยรอยยิ้ม ^-^...เท่านั้นแหละครับ พี่แกแทบลงไปกองกะพื้นเพราะแสงเจิดจ้าเป็นประกาย(อันนี้เว่อร์) เหอะๆ...

     

     

                ผมมองหน้าไอ้คนหล่อ(แต่ผมหล่อกว่า) ที่ดูจะสนอกสนใจกับใบความรู้ที่ใช้รองจานของร้านซะเหลือเกิน...ตอนเข้ามาในร้านผมเห็นพี่พนักงานสะกิดกันไป สะกิดกันมาให้มองมาทางพวกผมสองคนที่เดินตามพี่พนักงานผู้ชายที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าร้านเข้ามานั่งที่โต๊ะ...ไอ้ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ก็ดันไปเผลออ่านปากพี่สาวๆพวกนั้นเข้า

     

     

    น้องผู้ชายคนนั้นหล่อเนอะ พี่พนักงาน A

     

     

    คนสูงๆ เสื้อสีน้ำตาลใช่มะ? พี่พนักงานB

     

     

    สเปกฉันเลยอ่ะแกพี่พนักงานA

     

     

    อือๆ พี่พนักงานB

     

     

    เหอะๆ  ไอ้นี่แมร่งเสน่ห์แรงจริง...ผมมองสำรวจไล่ตั้งแต่...คิ้วเข้ม..ตาสองชั้น..ขนตายาว..จมูกโด่..ริมฝีปากสีอ่อนแบบคนสุขภาพดี...แล้วไอ้ส่วนสูงที่ใครเห็นก็ต้องอิจฉา...แมร่งดูดีว่ะ!!!

     

     

    “รับติ่มซำเพิ่มมั้ยคะ?” รถเข็นติ่มซำเลื่อนมาจอดตรงข้างโต๊ะที่เรานั่งอยู่...ถ้าผมไม่คิดไปเองเสียงพี่พนักงานเขาฟังดูหวานเชื่อมๆแปลกๆนะครับผมว่า...

     

     

    “คุณเอาไรมั้ย?” อัคสำรวจดูในรถเข็นแล้วหันมาถามผม...

     

     

    “หนมจีบกุ้ง กะ ฮะเก๋า” ผมบอก...พี่พนักงานหยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะพร้อมน้ำจิ้ม

     

     

    “แล้วน้องล่ะคะเอาอะไรเพิ่มมั้ย?” ไอ้อัคส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม(ไอ้นี่แมร่งยิ้มพร่ำเพรื่อ)...พี่พนักงานมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ส่งยิ้มกลับมาให้แล้วเดินเข็นรถออกไป...

     

     

    “มองหน้ากูแล้วอิ่มมั้ยมึง?” ผมทำเป็นไม่ได้ยินที่มันประชด(เหมือนเคยได้ยินประโยคแบบเดียวกันนี้มาก่อนแหะ-_-;;) แกะตะเกียบคีบฮะเก๋าเข้าปากอย่างสบายใจ...เคี้ยวหมดปากก็คีบขนมจีบกุ้งเข้าปากต่อ  ไอ้อัคมองผมขำๆ  -_-;; ไม่เข้าใจว่าแมร่งขำอะไรกับแค่ผมเคี้ยวหนมจีบกุ้ง  มองผมกินแล้วก็ยิ้ม..หรือกูทำน้ำจิ้มเปื้อนหน้า?!?!?!?!?!

     

     

    คิดได้แบบนั้นก็เอามือป้ายหน้าป้ายปากเพื่อกำจัดคราบน้ำจิ้มให้หมดไป  แต่เช็ดเท่าไหร่ก็ไม่เจอส่วนที่น่าจะเป็นน้ำจิ้มเลอะอยู่บนหน้าเลย  ไอ้อัคทำหน้างงๆว่าผมทำอะไร -_-? แต่ผมก็ไม่สนใจ(โอ๊ะ!! ไอ้นี่) เอามือเช็ดไปทั่วหน้า จนคิดว่ามันคงไม่มีอะไร ผมคงรู้สึกไปเอง ไอ้อัคมองผมด้วยสายตาที่มีแต่คำถาม มึงทำอะไรของมึง? เออใช่!! กูทำอะไรของกู -_-a ขนาดตัวกูเองยังไม่รู้เลย!!!

     

     

    ผมจ้องตากับอัคอยู่แปปนึง(แค่จ้องตาครับ ไม่มีความหมายลึกซึ้งและไม่มี นัย ใดๆทั้งสิ้น)ออร์เดอร์ที่เราสั่งไปก็มาอยู่จนเต็มๆโต๊ะ!! ไอ้เชี่ยอัค มึงสั่งมาเลี้ยงพลทหารทั้งกองร้อยหรือไง...ทำไมมันเยอะแยะขนาดนี้ แล้วกูจะมีปัญญาจ่ายมั้ย?!?!?!?!?!?!?!?!

     

     

    “มึงจะเลี้ยงคนทั้งกองทัพหรือไง สั่งมาไมเยอะแยะ?” ผมจ้องอาหารบนโต๊ะอย่างประเมินราคา...2พันจะเอาอยู่ปะวะเนี่ย?  กูจะกินแกบเพราะเลี้ยงมึงมั้ยเดือนนี้?

     

     

    “ป่าวนิ  กูมากะมึงสองคนจะกินกันทั้งกองทัพได้ไง?...มึงกินสาหร่ายนี้ปะวะ?” ไอ้อัคเอาถาดสาหร่ายสีเขียวๆ ขึ้นมาก่อนเอาลงไปในหม้อ...ไม่ทราบว่าจะถามกูทำเพื่อ? ในเมื่อมึงจะใส่ลงไป -_-;;

     

     

    “กิน” ในที่สุดผมก็ตอบมันอยู่ดี เหอะๆ บ่นไปงั้นแหละครับความจริงก็กินทุกอย่างที่มันใส่ลงไปนั่นแหละ...ยกเว้น

     

     

    “อัค...กูไม่แดก!!”ยังไม่ทันจบประโยค ตับหมูก็ลงไปรวมกันกับทุกอย่างในหม้อซะแล้ว!!...เวรล่ะ...ผมล่ะโคตรเกลียดเครื่องในหมูทุกประเภทเลย(ยกเว้นหัวใจ)...ไอ้อัคตกใจกับเสียงห้ามของผมจนมันทำหน้าเหวอ...อยากจะขำนะครับ แต่ขำไม่ออก -_-;;

     

     

    “มึงไม่กินตับเหรอวะ?...โทษทีวะไม่รู้” น้ำเสียงสำนึกผิดของมันทำเอาผมปลงกะชีวิต...จะทำไรได้ในเมื่อมันลงไปรวมกันแล้ว  ก็คงต้องช่างมัน! เท่านั้นแหละครับ

     

     

    “ไม่เป็นไรวะ  ช่างมัน ช่างมัน” ไอ้อัคพยักหน้าเข้าใจ มันก็ทำหน้าที่ใส่ของสดลงหม้อต่อไป ส่วนผม ก็มองมันอยู่เฉยๆ รอแดกอย่างเดียว เหอะๆๆ(เลว)...ผมมองไอ้คนขี้บริการ อารมณ์แบบว่า มีคนใช้ส่วนตัวยังไงยังงั้น(อย่าบอกมันนะครับ) 555+ ขอเป็นชายคุณสักวันเหอะครับ

     

     

    “เพ้อไร?” ผมยิ้มค้างให้ไอ้อัค...ผมคงเพ้อจริงๆแหละครับ ผมว่า!

     

     

    “กินได้ยังวะ” ผมว่า ชะเง้อคอมองลงไปใจหม้อที่ดูเหมือนน้ำจะยังไม่เดือดอย่างสนใจและคาดหวัง...

     

     

    “เปลี่ยนเรื่อง!” เสียงไอ้อัคพูด...ผมก็ทำหน้าลั่นล้า ไม่สนใจ  มันส่ายหัวปลงๆเหมือนรู้แน่ว่าไม่มีทางได้คำตอบจากผม...เรื่องไรผมต้องบอกมันล่ะ ความลับระดับโลกเลยนะเนี่ย!

     

     

    “หิวมากป่ะเนี่ย?” ผมสั่นหน้า...อัคยิ้มเมื่อผมตอบ -_-‘’ ไอ้นี่แมร่งยิ้มทั้งวันหรือไงวะ

     

     

    “กูแดกคุ๊กกี้ กับติ่มซ่ำไปแล้ว ไม่หิวมากเท่าไหร่หรอกแล้วมึงอ่ะหิวยัง?” ผมชวนมันคุยต่อ... “หิวดิ!! แต่ไม่เป็นไรหรอก กูรอได้” มันทำหน้าไม่ใส่ใจก่อนเปิดฝาหมอ ควันขาวๆลอยฟุ้ง...เข้าหน้ากูนะสัด!!  ผมด่าไอ้คนเปิดฝาหม้อในใจ ไม่กล้าด่ามันซึ่งๆหน้าเพราะกลัวแมร่งโกรธเอาฝาหม้อทุ่มหัวเอา ดูจากระดับความหนาของฝาหม้อแล้ว ไม่เลือดคลั่งในสมองก็ปัญญาอ่อนอ่ะครับ!!

     

     

    ไม่มีใครพูดอะไรอีก เพราะมันแต่ยุ่งกับอาหารการกิน ลูกชิ้น เนื้อปลา สาหร่าย ปลาหมึกสด กุ้งสด ปลาหมึกกรอบ เต้าหู้ปลา ปลาสายฝน ปลาสวรรค์ สาหร่ายทรงเครื่อง เห็ดเข็ม ฯลฯ ที่ลอยยั่วยวนอยู่เต็มหม้อกันเลยทีเดียว...แล้วใครมันจะไปทนไหวล่ะครับ!

     

     

     

    ***

     

     

                “ขอแก้วน้ำด้านในด้วยค่ะ” ผมมองแก้วน้ำตัวเองที่พร่องลงไปยังไม่ถึงครึงแก้วอย่างเซงๆ  ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้วที่พี่พนักงานวนเวียนคอยมาเติมน้ำ เติมน้ำจิ้ม คอยถามว่าจะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ย! ตอนแรกก็คิดว่าทางร้านคงบริการดี แต่ไปๆมาๆเริ่มรู้สาเหตุที่พี่ๆพนักงานคอยวนเวียนบริการโต๊ะผมกับไอ้อัคจนโต๊ะอื่นคงคิดว่าผมกับมันเป็นอะไรกับเจ้าของร้านหรือเปล่า?...แต่เปล่าเลยครับ ทุกครั้งที่พี่ๆเข้ามาถึงอย่างแรกที่พี่เขาทำคือ มองหน้าไอ้อัค แล้วทำท่าเขิน -_-;; เออ! พี่ๆเป็นไรกันปะครับ ทำไมแค่มองหน้าไอ้อัคแล้วต้องเขินด้วย ผมสงสัย?

     

     

                “ที่นี่เค้าบริการดีเนอะ?” อัคเงยหน้าขึ้นจากถ้วยที่มีลูกชิ้นมากมายที่โกยไปจากหม้อ...แล้วไอ้นี่ก็ทำผมขัดใจอย่างที่สุด เพราะมันเป็นคนสั่งชุดผัดมา แต่เสือกไม่แดก กลับกินลูกชิ้นผมหมดเลย พอด่าแมร่งกูพูดว่า กูสั่งผักมาให้มึงแดก กูกลัวมึงอ้วน เชี่ยเหอะครับ! ผมอ้วนที่ไหน แค่สมส่วน น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตราฐาน(พอดีอย่างฉิวเฉียด) ไม่เหมือนมันหลอกครับ! ขี้กางชัดๆ

     

     

                “เข้ามามองหน้ามึงต่างหาก...ไม่รู้เหรอไงวะ?” ผมถาม  ไอ้อัคไม่ตอบ กินของในถ้วยต่อ  ในเมื่อมันไม่ตอบ ผมก็ไม่เซ้าซี้หาคำตอบ เลยสนใจคุ้ยหาปลาสวรรค์ในหม้อต่อ

     

     

                “...” รู้สึกแปลกๆ ผมเงยหน้าขึ้นจากหม้อ เห็นไอ้อัคจองผมอยู่ ผมมองหน้ามันแบบสงสัย ไอ้อัคก็ยิ้ม

     

     

                “มึงรู้สึกใช่ปะล่ะ?” ไอ้อัคถาม

     

     

                “ที่มึงจ้องกูอ่ะนะ” ผมถามมันตอบ แล้วมันก็พยักหน้า แต่ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ามันจะจ้องผมทำไม จ้องซะขนาดนั้นใครก็รู้อยู่แล้ว

     

     

                “กูก็รู้เหมือนกัน ก็พี่ๆเขาจ้องกูซะขนาดนั้น” ไอ้อัคทำหน้าเฉยๆเหมือนมันถูกจ้องเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว คิดแล้วมันก็จริงครับ ขนาดผมไม่ได้ถูกมองยังรู้สึกเลย แล้วไอ้คนถูกจ้องจนแทบจะพลุนมันจะไม่รู้สึกได้ไง 555+ คิดแล้วขำแทนมัน

     

     

                “ไม่รำคาญเหรอวะ?” ผมถาม มันสั่นหน้าปฏิเสธ “แล้วมึงล่ะรำคาญป่าว?” มันถามผม  จะว่าไงล่ะครับ? ไม่ได้รำคาญ แต่เขินมากกว่า...

     

     

                “ไม่รำคาญว่ะ แค่รู้สึกเหมือน ช่วงช่วง กับ หลินฮุ้ย” คำตอบผมเล่นเอาไอ้อัคฮาครืนจนแทบสำลัก ผมเลยรีบส่งแก้วน้ำให้มัน  มันรับไปดื่มพอมันดื่มเสร็จผมก็ส่งกระดาษทิชชู่ส่งให้มันอีก มันก็รับไปเช็ดปาก

     

     

                “เทียบซะกูเห็นภาพเลย 55+  มันหัวเราะออกมาอีกรอบ...ทำให้ผมหัวเราะตาม

     

     

                “หรือมึงเห็นว่าไม่จริง มองซะเหมือนตัวอะไรสักอย่าง...ตัวกูสึกหมดแล้วเนี่ย!” ผมลูบเนื้อลูบตัวตัวเอง ทำเป็นสำรวจความสึกหรอ เหมือนตัวเองเป็นคนที่โดนมองแทนไอ้อัค พอมันเห็นแบบนั้นมันก็ฮาแตกอีกรอบ ก่อนรับมุก

     

     

                “พี่เค้ามองมึงจนกูพรุนแล้วเนี่ย...มองมึงเหมือนจะกินกูเข้าไปทั้งตัวเลย” ไอ้อัคว่า  ผมก็ขำไปกับมันด้วย 

     

     

    เรากินกันไปเรื่อยๆจนของที่สั่งมาหมด  ไอ้อัคเห็นขี้กางแบบนี้แอบกินจุเหมือนกัน เพราะอาหารที่ผมว่าเหมือนสั่งมาเลี้ยงกองทัพหายเข้าไปในท้องไอ้อัคจนหมด จนผมสงสัยว่ามันกินแล้วเอาไปเก็บไว้ที่ไหน?  ผมกับมันตัดสินใจเช็คบิน  คราวนี้มันไม่ตัดหน้าผมจ่ายเงินเหมือนเดิม ราคาอาหารก็หลักพันนิดๆ(หลังหักส่วนลด 5% ของบัตรเครดิตแล้ว) ผมกับมันก็เดินออกมาจากร้าน พร้อมสายตาละห้อยของพี่ๆพนักงานทั้งหลาย รวมกับสาวๆโต๊ะใกล้ๆ (ที่ผมแอบเห็นว่าเธอมองโต๊ะเราเหมือนกัน) เหอะๆ เพื่อนผมมันเสน่ห์แรงครับ

     

     

    “เดินย่อยก่อนกลับบ้านมะมึง?” ไอ้อัคพูด ความจริงก็ดีเหมือนกัน ผมอยากดูการ์ตูนเล่มใหม่พอดี เลยชวนมันไปซื้อการ์ตูนร้านประจำตรง 99 พลาซ่า ฝั่งตรงข้ามMBK ตอนแรกมันบ่นนิดๆว่าเดินไกล แต่มันก็เดินตามผมมาอยู่ดี เหอะๆ!

     

     

    หนังสือการ์ตูนเล่มใหม่ๆออกเยอะเหมือนกัน ผมหยิบเรื่องที่ตัวเองอย่างได้3เล่มแล้วเอาไปจ่ายเงิน ไอ้อัคยืนรอผมอยู่หน้าเคาเตอร์ชวนลุงเจ้าของร้านคุยเหมือนรู้จักกันมานาน -_-;;  พอผมจ่ายเงินเสร็จ ไอ้อัคก็ล่ำลาลุงเจ้าของร้าน เดินออกมาผมกับผม

     

     

    “ซื้อไรมาบ้างเนี่ย?”

     

     

    “ก็มี รีบอร์น เนกิมะ กับ โคนัน”ผมตอบ  ไอ้อัคพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปสนใจร้านขายของตามทางต่อ พอมันถูกใจร้านไหนก็หยุดดู พอผมเดินผ่านร้านที่โดนก็หยุดแวะ เป็นอย่างงี้อยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง จนของในมึงผมกับมันเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ(มันขาช็อปเหมือนกันนะเนี่ย) พอท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี  ผมกับมันก็ตัดสินใจกลับกัน 

     

     

    เราสองคนนั่งอยู่ในรถ รถติดพอสมควร  ผมนั่งรื้อของตัวเองที่ซื้อมาออกมาดูที่ละถุง  ได้เสื้อยืดมาสี่ตัว กางเกงยีนส์ฟอกตัวนึ่ง กับรองเท้าผ้าใบอีก 1 คู่(อย่างหลังที่โครตแพงเลยอ่ะครับ แต่ก็ยังจะซื้อมา) รื้อไปรื้อมาก็เริ่มหิว (อีกแล้ว)  

     

     

    “มีไรกินปะวะ?” ผมถาม สายตาก็เริ่มมองหาของกิน (ผมนี่มันอยู่เพื่อกินจริงๆ)

     

     

    “ไม่มีแล้ว...หิวอีกเหรอมึง?”อัคถามผม ผมส่งเสียงอืออาตอบมันไป...เดินสองชั่วโมงสุกี้ที่กินเข้าไปก็ย่อยจนไม่เหลือแล้วล่ะครับ  เด็กวัยกำลังโตก็กินเยอะเป็นธรรมดา(ข้ออ้าง) 555+

     

     

    “แถวนี้หาซื้อยากนะมึง” ไอ้อัคพูด ผมก็พยักหน้าเห็นด้วย ถึงแม้ไอ้อัคมันจะมองแค่ถนนก็เหอะ  ผมมองข้างทางไม่มีอะไรที่พอจะกินได้เลยสักนิด

     

     

    “มึงทนไหวปะวะ?” อัคถามผม เหมือนมันกังวนนิดๆ 

     

     

    “ไหว! เดี๋ยวกูกลับไปกินบ้านก็ได้มึง”ผมว่า...

     

     

    “เดี๋ยวกูแวะร้านพี่คริสให้”อัคพูด ผมรีบปฎิเสธทันที “เฮ้ย! ไม่ต้องแวะ เดี๋ยวกูกลับไปกินที่บ้านได้” แต่ก็เท่านั้นแหละครับ มันไม่ตอบรับ ไม่ปฎิเสธ แต่ก็ขับรถต่อไปเรื่อยๆ  ผมเลยไม่รู้ว่ามันจะเอายังไง  แต่มันก็คงขับรถไปส่งผมที่บ้านนั้นแหละครับคงไม่มีอะไรหรอก แต่กว่าจะถึงบ้านผม ขอหลับสักหน่อยแล้วกัน...ก็ช่วยไม่ได้แอร์รถมันก็เย็นได้ใจ เบาะรถมันก็อยากนุ่มเองทำไมล่ะ!!

     

     

               

     

    To  Be  Continued

     

    Edit 17 April 2011

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×