คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter:Special Talk With...Auk...I never hate U
Chapter:Special Talk With...Auk
I never hate U
“มึงบอกกูทีว่ากูเมา มึงไม่เห็นภาพที่อยู่ตรงนั้น มึงบอกกูที” ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า..จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในชีวิตของผม ผมมองคุณที่เอาแต่จ้องภาพที่พี่สาวผมกับพี่นิเคอิกอดกันอยู่ในสวนหลังบ้าน สีหน้าคุณดูแย่ลงกว่าตอนที่มันปฎิเสธผมว่ามันไม่เมาซะอีก!
คุณจ้องภาพนั้นอยู่อย่างนั้น ไหล่มันสั่นน้อยๆ ปากที่อมชมพูก็ถูกฟันขบจนห้อเลือด จากที่เคยเป็นสีอมชมพู ก็กลายเป็นสีม่วงช้ำ มือสองข้างกำแน่น จนผมกลัวว่านิ้วเล็กๆนั่นจะหักเพราะแรงบีบของตัวเจ้าของ
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า... ไอ้ผู้ชายที่วันๆเอาแต่วิ่งเล่นบาสอยู่ในโรงยิม คอยทำเสียงเอะอะโวยวายตรงระเบียงคอยทำลายการเรียนการสอนของอาจารย์ และ ทำลายสมาธิของเพื่อนร่วมชั้น คนที่ผมเห็นแต่รอยยิ้มกวนๆทุกครั้งที่อยู่ในห้องกรรมการนักเรียน คนที่คอยตะโกนสั่งเพื่อนๆให้ทำอย่างโน้น ทำอย่างนี้ ทุกครั้งที่มีกิจกรรมของโรงเรียน คุณที่ผมคิดว่าเป็นเหมือนกระดาษสายรุ้งในงานวันเกิดที่ให้ความรู้สึกสนุกสนาน ร่าเริงและสดใสทุกครั้งที่เห็น
แต่ตอนนี้...ตอนที่ผมกำลังมองคุณที่ยืนหันข้างให้ผมอยู่ในตอนนี้ สิ่งที่ผมได้เห็นไม่ใช่รอยยิ้มกวนตีน ไม่ใช่สีหน้าที่สนุกสนาน ไม่ใช่แม้กระทั้งสีหน้าตอนโกรธ ถ้าผมไม่เห็นกับตาผมคงไม่เชื่อแน่ๆว่าคนอย่างคุณ จะมีสีหน้าที่เจ็บปวดได้ขนานนี้...
ในที่สุดผมก็ดึงคุณมากอด...ผมกดหน้าคุณไว้กับบ่าของผม ผมไม่ต้องการให้เพื่อนคนนี้ของผมเห็นภาพที่ทำร้ายจิตใจ ผมรู้สึกโกรธพี่สาวตัวเองขึ้นมา...ผมรู้ว่าพี่สาวผมคงไม่ได้ต้องการให้ใครมาเห็นภาพนี้! แต่ผมก็โกรธพี่ที่ทำร้ายคนอื่น ถึงพี่จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม...
“ไอ้อัคมึงบอกกูมา ว่ากูตาฝาด ภาพตรงนั้นมันไม่จริง”เสียงแหบพร่าของคุณทำให้ผมตัดสินใจดึงตัวคุณเพื่อไปให้พ้นจากตรงนี้...ผมไม่ต้องการให้เพื่อนผมเห็น...สิ่งที่เขาไม่ต้องการเห็นอีกต่อไป!!
ผมก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็ว แต่ก็เหมือนยิ่งเร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งช้าเท่านั้น!! ผมรู้สึกถึงแรงต่อต้านเล็กๆจากมือที่จับอยู่ แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ! เพราะเมื่อเท้าของคุณก้าวพ้นจากบันไดขันสุดท้าย ผมก็เปิดประตูห้องแล้วผลักมันเข้าไป ผมดึงร่างนั้นเบาๆเข้ามากอดอีกครั้ง ผมไม่ชอบคุณตอนนี้เลย!!!!
“มึงไม่ต้องพูดแล้วไอ้คุณ” ผมพูดกระชับร่างนั้นแน่นขึ้น
“มึงร้องออกมาเถอะ กูรู้ว่ามึงอยากร้อง” เมื่อคนที่ผมกำลังปลอบอยู่ใกล้แค่นี้...ผมพูดเบาๆ ไหล่ที่เคยหยุดนิ่งไหวน้อยๆ จนสั่นเทา ผมกอดคุณไว้อย่างนั้น...
ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากผม ผมกลัวเหลือเกินว่าถ้าผมพูดอะไรออกไปจะเป็นการทำร้ายจิตใจคนในอ้อมกอดผมตอนนี้ ผมได้แต่ส่งคำปลอบโยนผ่านสัมผัสนี้...และผมก็หวังว่า ความรู้สึกผมจะส่งไปถึง!!
“กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึง จนกว่ามึงจะหยุดร้อง”นี่คงเป็นคำพูดเดียวที่สื่อถึงความรู้สึกของผมได้โดยไม่ทำร้ายจิตใจ และเป็นเพียงความต้องการเดียวของผม...ผมจะไม่ทิ้งไปไหน ผมไม่สามารถทิ้งคุณไปตอนที่มันกำลังเจ็บปวด!!!!
“อัคกูไม่ดีใช่มั้ยที่ทำให้มึงลำบาก?” ทั้งที่กำลังสะอื้นจนตัวโย แต่สมองคุณก็ยังสามารถคิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้! ผมอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก เพราะน้ำเสียงที่แหบแห้งนั่นที่ทำให้ผมได้แต่ส่ายหน้าปฎิเสธ...ผมยอมลำบากเพื่อให้คุณกลับมาเป็นกระดาษสายรุ้งเหมือนเดิม!!!!
***
คุณเป็นเพื่อน ของเพื่อนและของเพื่อนผมอีกทีหนึ่ง ความจริงผมกับคุณก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายหรอกครับ แทบจะไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำถ้าไม่มีเรื่องงานเข้ามาเกี่ยว...แต่ผมก็รู้สึกสนใจคุณทุกครั้งที่เห็นสีหน้ายุ่งๆของไอ้คุณ คุณเป็นคนที่มีสีสันในชีวิตมากครับ..และผมก็รู้สึกสนุกทุกครั้งที่เห็นท่าทางนักเลงโตของมัน! แถมด้วยรอยยิ้มจริงใจที่พอยิ้มที่ไรก็จะเห็นฟันครบทุกซี่
ความจริงผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเพื่อนคนนี้ของผมมากมายอะไรนัก เป็นเพราะผมต้องเอาเวลาเกือบทั้งหมดทุ่มกับการเรียนและงานในกรรมการนักเรียน เพราะผมไม่ต้องการให้ใครมาว่าผมได้ว่าทำงานไม่ได้เรื่อง ผมต้องการทำงานให้ดีที่สุด! ให้เป็นประธานนักเรียนอีกคนที่เป็นที่เชื่อมั่นของนักเรียน รวมถึงคณะอาจารย์ และเพื่อที่จะไม่ทำให้ใครผิดหวังที่ลงคะแนนเลือกผมเข้ามาทำงานในตำแหน่งหน้าที่ที่สำคัญนี้.. ผมไม่ชอบทำให้ใครผิดหวังเพราะมันทำให้ผมรู้สึกแย่กับตัวเอง
ตอนที่ผมวางคุณลงบนเตียง ผมก็ถามตัวเองว่า..ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย! แต่ก็ได้คำตอบว่าเป็นเพราะผมเป็นประธานนักเรียนที่ต้องทำหน้าทีคอยดูแลเพื่อนที่กำลังประสบปัญหาและกำลังลำบาก และก็เป็นเพราะว่า พี่สาวผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาของคุณผมจึงต้องนั่งเป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรื่องนี้..ผมไม่ได้สนใจอะไรคุณเป็นพิเศษ!! มันก็แค่บังเอิญผมประสบกับเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองและผมก็ไม่สามารถปล่อยเรื่องนี้ไปโดยไม่สนใจได้!!
ผมนั่งมองหน้าคุณ.. ตาโตๆนั่นกำลังปิดสนิท ขอบตาแดงกล่ำ ปลายจมูกก็แดงไม่แพ้กัน ผมจัดการเอาผ้าขนหนูผืนเล็กในห้องน้ำชุบน้ำอุ่นที่เปิดรองไว้ในอ่างล้างหน้าบิดหมาดๆ แล้วกับมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คุณที่กำลังนอนหลับอยู่ ผมเช็ดเบาๆเพื่อที่จะไม่เป็นการปลุกคุณให้ตื่นขึ้นมา ผมอยากให้คุณหลับอยู่อย่างนี้สักพักเผื่ออะไรๆจะดีขึ้นบ้าง ผมหวังไว้แค่นั้น!!!
***
เมื่อผมเห็นประตูห้องน้ำปิดสนิทผมก็เปิดประตูห้องนอน เดินลงบันไดไปด้านล่าง เพื่อดูเหล่าทหารผ่านศึกที่คงนอนตายกันเกลื่อนเต็มห้องนั่งเล่นบ้านผมไปแล้ว..
จนมาถึงห้องนั่งเล่น สภาพสนามรบไม่ต่างอะไรจากที่ผมคิดไว้มากนัก แต่ก็ดีหน่อยที่ไม่มีกองอ้วกของใครบนพื้น เพราะไม่งั้นคงต้องทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่แน่ๆเลยล่ะครับ ผมสำรวจไปรอบๆ มีแต่เพื่อนของผมกับกลุ่มเพื่อนของคุณเท่านั้นที่นอนกองกันอยู่ในห้อง พี่ชายผมคงขึ้นไปนอนที่ห้องตั้งแต่เมื่อคืน ส่วนพี่นิคงกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง และคงเอาพี่ปองไปด้วย
‘ขึ้นไปดูคุณก่อนดีกว่า’ แต่ก่อนที่ผมจะเดินขึ้นไปดูคุณที่กำลังอยู่ในห้องผม ผมเดินไปเปิดตู้แช่แข็งเอาถุงเจลสีฟ้าใสๆ ออกมาอันนึ่ง เพราะตอนที่ตื่นนอนเต็มตา ผมเห็นตาคุณบวมมาก จนผมคิดถึงปลาทองในตู้เลี้ยงปลาที่บ้านคุณย่า แถมไม่โปนธรรมดา ขอบตายังช้ำมากด้วย ผมต้องห้ามตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมาต่อหน้าคุณ...ผมดูเป็นคนดีใช่มั้ยครับ! แต่ขอยอมรับความจริงว่าผมหัวเราะเสียงดังๆในใจไปตั้งนานแล้ว! รู้แล้วเหยียบไว้นะครับ..ยังไงผมก็อยากรักษาภาพพจน์เด็กดีต่อไป เพื่อเป็นการไถ่โทษที่หัวเราะเยาะเพื่อนในใจผมควรเอาเจลนี่ประคบตาให้ตาคุณจะได้หายบวมซะที..และเป็นการดีที่ผมไม่ต้องกลั่นหัวเราะตอนเห็นตาปลาทองของคุณอีกครั้ง 555+
“ก๊อก ก๊อก!!” ผมเคาะประตูห้องตัวเอง ก่อนตัดสินใจเปิดเข้าไปด้านใน
ประตูห้องน้ำที่ยังปิดสนิทอยู่ทำให้ผมรู้ว่าคนที่อยู่ในห้องน้ำยังไม่เสร็จธุระ ทำให้ผมต้องวางเจลเย็นๆในมือไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่เอาไว้เช็ดเหงื่อออกมาวางไว้กับถุงเจลบนโต๊ะ เดินไปหยิบปากกาเขียนลงในกระดาษโน๊ตก่อนเอามันไปวางรวมกันไว้บนโต๊ะ
‘เอาเจลมาให้ ประคบตาซะจะได้หายช้ำ’ แค่นี้คุณคงรู้แล้ว ผมตัดสินใจไม่รอจนคุณออกมาจากห้องน้ำ ผมสละห้องให้คุณเพื่อที่จะได้ทำธุระส่วนตัวของตัวเองได้สะดวกกว่าถ้าผมไม่อยู่ในห้อง
เมื่อจัดการล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อย(ผมไปจัดการที่ห้องน้ำในห้องนอนพ่อกับแม่น่ะครับ ส่วนแปรงสีฟันก็แกะใหม่เพราะอันที่ผมใช่อยู่ตอนนี้ก็สำควรเปลี่ยนแล้วเหมือนกัน) ผมเดินลงมาชั้นล่างอีกครั้ง เดินเข้าไปในห้องครัว เพราะท้องผมประท้วงเพราะถึงเวลาต้องส่งอาหารลงไปแล้ว
ผมหยิบแก้วกระเบื้องที่ตัวเองใช้ประจำ จัดการเสียบปลั๊กกาน้ำร้อน เปิดตู้ด้านบนหยิบกล่องช็อกโกแลตสำเร็จรูปที่มักจะดื่มทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนลงมา เปิดกล่องแล้วดึงซองด้านในออกมา2ซอง ของผมหนึ่งซอง และอีกซองหนึ่งของคุณ
“อัค!! ทำอะไรแต่เช้ากันเนี่ย?” พี่อันเดินเข้ามาในห้องครัว พี่สาวผมดูอารมณ์ดีในเช้านี้ เป็นเพราะเรื่องเมื่อคืนรึเปล่า?ที่ทำให้พี่ผมดูมีความสุขขนาดนั้น...ตรงข้ามกับคนที่อยู่ในห้องนอนผมลิบลับ!
“ก็มาหาอะไรกินแก้หิวนิดหน่อยน่ะ!..พี่อันจะเอาอะไรมั้ยเดี๋ยวทำให้”ผมยิ้มตอบพี่สาวตัวเอง...อ่อนใจนิดหน่อยเมื่อคิดถึงคุณ แต่ผมก็ดีใจกับพี่สาวตัวเองที่เห็นพี่มีความสุข...และก็ดีใจที่พี่อันสมหวังในความรัก...ถึงจะทำให้ใครอีกคนต้องเจ็บปวด
“ไม่ล่ะ! เดี๋ยวพาสจะมาทำข้าวต้มกุ้งให้ทุกคนทานกัน พี่คงรอทานฝีมือพาสดีกว่า”ผมพยักหน้ารับ
“ฟู่~”เสียงไอน้ำในกาไฟฟ้าดังบอกว่าผมควรกลับมาสนใจมันได้แล้ว ผมเติมน้ำลงในแก้วที่มีผงช็อกโกแลตนอนรออยู่ เติมน้ำผึ้งลงไปนิดเพื่อเพิ่มความหวานให้น้ำสีน้ำตาลเข้มในแก้ว ค่อยๆคนให้เข้ากัน ผมเดินไปเปิดประตูตู้เย็นหยิบเอาเดนนิสในตู้ออกมาอุ่นไมโครเวฟ ทานเป็นอาหารเช้า
“มาอยู่นี่กันเองเหรอ? เราหาตั้งนาน”พี่พาสเดินนำเข้ามาในครัว ส่วนคนที่เดินตามหลังมาคือคนที่ผมยังไม่อยากให้เขามาอยู่ในบ้านของผม ตอนที่คุณกำลังมีปัญหาและกำลังอยู่ชั้นสองของบ้านหลังนี้! ผมยังไม่อยากให้คุณเผชิญหน้ากับ...เขาสองคน!
“พาสๆ เรามาทำข้าวต้มกันเถอะ เดี๋ยวน้องๆตื่นมาจะได้ทานกัน”พี่อันฉุดมือพี่พาสไปทางตู้เย็น รื้อของสดในตู้ออกมา... และก็เหลือแต่ผมกับพี่นิสองคน
ผมสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ พี่นิยืนพิงขอบประตูมองพี่สาวสองคนที่กำลังรื้อค้นครัวอย่างสนุกสนาน! ผมจะผิดไหมถ้าผมรู้สึกโกรธ...ทั้งที้เขาสองคนไม่รู้เรื่องอะไรเลย!
***
“คุณมึงมาอยู่ไรแถวนี้วะ? มึงสตาฟสวัสดิการไม่ใช่เหรอมึง?” คุณจ้องผมที่ยืนอยู่ข้างไอ้พลู ในสายตามีแต่คำถาม...แต่ผมทำเป็นไม่สนใจ! ไม่ใช่ว่าผมโกรธคุณ หรือ มีความรู้สึกอะไรทำนองนั้นหรอกนะครับ...แต่ผมกำลังพยายามไม่เห็นมันสำคัญเกินไป!!
ผมกลับนั่งคิดเกี่ยวกับความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณ ข้อสรุปที่ผมได้ก็คือ
ผมคงรู้สึกผิดแทนพี่อันอันที่ทำให้คุณเจ็บปวด แล้วก็คงรู้สึกว่าตัวเองต้องชดใช้ที่ทำให้คุณเสียใจ...และผมคงผูกติดกับความรู้สึกแบบนี้เกินไปจนทำให้.. ผมใส่ใจมันมากเกินไป!!
พลูกับคุณคุยกันต่อ2-3ประโยคก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ความจริงผมก็อยากจะเข้าไปช่วยคุณถือไอ้ลังบ้าๆนั่นอยู่หรอกครับ!! แต่ผมก็อดนึกถึงเรื่องในร้านอาหารญี่ปุ่นไม่ได้! เลยตัดสินใจให้เขาถือของเขาเอง เดี๋ยวกลายเป็นว่าผมไปยุ่งไม่เข้าเรื่องอีก ให้เขาตัดสินใจเองคงดีกว่า
“งั้นเดี๋ยวกูกับไอ้อัคไปขนมาแล้วกัน มึงก็เดินดีๆล่ะ” ผมมองสองคนคุยกันเงียบๆ และข้อสรุปก็คือผมต้องไปช่วยขนน้ำกับพลูที่ห้องกรรมการนักเรียน คุณเดินไปที่โต๊ะหินที่มีลังวางอยู่ ก่อนยกมือโบกไล่พวกผมไป!!
“ชึบ!!” คุณมองผมงง...แต่ผมก็ไม่สนใจเดินนำไปก่อน ท่าทางผมคงใจแข็งกับคนๆนี้ไม่ได้นานจริงๆ แค่ผมเห็นมือคุณเป็นรอยแดงๆ ผมก็...อดช่วยไม่ได้!
คุณเดินตามผมมาเงียบๆ ไม่มีการยื้อยุดฉุดกระชากกล่องในมือผมไปถือเอง เกินคาดหมายเล็กน้อย ตอนแรกผมนึกว่าคุณจะทำเก่งซะอีก! แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นผมคงไม่ขัดใจเขาหรอก ในเมื่ออยากถือ ก็ให้ถือครับ ผมไม่ขัดใจใคร(โดยไม่จำเป็น)อยู่แล้ว
ผมวางลังน้ำไว้ในเต๊นท์สวัสดิการ เจอกลุ่มเพื่อนๆของคุณนั่งอยู่ กรีนทักผมเป็นคนแรก และผมก็ทักกลับไป และทุกๆคนก็เริ่มทักผมจนผมต้องรีบเดินออกมาเพราะไม่งั้นคงมีติดลมคุยกันอีกยาว
“ไอ้คุณมึงอย่ามาอู้!! งานแมร่งเยอะแยะ ไอ้นี่เสือกยืนเฉย!! มาช่วยพวกกูเลย” ผมหันกลับไปมองตามเสียง แอบเห็นตัวยุ่งสะดุดขาตัวเอง จนเกือบล้ม แล้วใครจะอดขำได้ล่ะครับ!
“ไอ้อัค! กูหามึงอยู่เลย” ผมหันไปมองหน้านัท ที่วิ่งมาพร้อมของพะลุงพะลัง
“มีไรวะ? นัท”
“มึงช่วยงานฝ่ายโสตทีดิวะ! คนไม่พอ” และผมก็กลายร่างเป็นช่างภาพประจำงานโดยไม่ได้ตั้งใจ ของทุกอย่างที่ไอ้นัทขนมา อยู่บนตัวผมเกือบทั้งหมด ทั้งกล้อง ทั้งกระเป๋า ทั้งขาตั้งกล้อง
บรรยากาศของงานดูสนุกขึ้นมากเพราะเสียงกลองและเสียงเชียร์ของบรรดาน้องๆและผู้ปกครอง ผมก็สนุกไปด้วยภาพที่ผมเห็นผ่านเลนท์กล้อง อากาศก็เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ ผมว่าอีกสักพักผมคงต้องเข้าไปหลบอยู่ในร่มสักนิด ก่อนที่ตัวเองจะหน้ามืดไปซะก่อน
“อ่ะ!!” ผมหันไปมองที่มาของเสียงข้างตัว ก็เจอมือที่ยื่นแก้วน้ำมาให้ผม
“มึงโกรธกูเหรอ?” ผมสะอึกเล็กน้อยกับคำถามนี้ ผมโกรธคุณเหรอ...คำตอบคือ ไม่! ผมไม่ได้โกรธ แต่...
“ผมไม่ได้โกรธ” โกรธมาก
“ไม่โกรธก็รับน้ำไปดิ! ยืนมองทำไม” ผมมองคุณนิ่ง! และน้ำแก้วนั้นก็มาอยู่ในมือผมโดยไม่ทันตั้งตัว ผมมองคุณอย่างอึ้งๆ กับวิธีมีน้ำใจแกมบังคับเมื่อกี้
“เอาคืนไปเถอะผมไม่อยากเป็นหนี้คุณ” ผมยื่นน้ำแก้วนั้นส่งคืนให้ แต่คนให้กลับถอยไปสองก้าวแล้วเอามือไปหลบไว้ข้างหลัง แบบนี้มันน่านัก!
“กรี๊ดดดด!!” เสียงกรี๊ดเตือนสติผมให้กลับไปสนใจเกมส์ข้างหน้า ผมเริ่มถ่ายรูปต่อโดยไม่สนใจคนข้างๆ ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ทั้งที่ผมคิดว่าจะไม่สนใจ...แท้ๆ แต่ทำไม ผมถึงไม่มีสมาธิถ่ายรูปเลยนะ
ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มีอะไรบางอย่างมาอยู่บนหัวผม ก่อนจะได้ยินประโยคที่ว่า
“ใส่ซะแล้วหายโกรธได้แล้ว!!” ผมจับหมวกผ้าที่อยู่บนหัว เจอแบบนี้ถ้าไม่ใจอ่อนก็บ้าแล้วล่ะครับ!
To Be Continued
Edit 31 March 2011
ความคิดเห็น