ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mission CrossDress Spy : ปฏิบัติการเดือด สายลับหน้าหวาน

    ลำดับตอนที่ #9 : Mission 9 : ความรู้สึกของคิตตี้

    • อัปเดตล่าสุด 29 ธ.ค. 53


    เปรี้ยง!!

    ผมเหนี่ยวไกปืนออกไป และลูกกระสุนนั้นก็เข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ ผมกดเอาแม็กกระซีนออกแล้วก็ใส่แม็กกระซีนอันใหม่ทันที จากนั้นเมื่อผมขึ้นลำแล้ว ผมได้กระหนํ่ายิงปืนใส่เป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้าผมอย่างรวดเร็ว และกระสุนทุกนัดก็พุ่งไปโดนเป้าหมาย มีคลาดเคลื่อนไม่โดนบ้าง แต่ทุกนัดก็ไม่เคยหลุดจากเป้าเลยแม้แต่นัดเดียว

    เมื่อกระสุนไม่มีให้ยิงต่อไปแล้ว ผมถอดที่ครอบหูออกแล้วเอามือปาดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากผมออก พร้อมกับถอนหายใจและเงยหน้ามองดูจอทีวีเพื่อดูผลงานตนเอง และผมก็พึงพอใจมากที่ไม่มีกระสุนนัดไหนเลยที่หลุดจากเป้า

    ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ในสนามยิงปืนที่อยู่ใกล้ๆ โรงเรียนผม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสนามกีฬาขนาดย่อม จุดประสงค์ของการตั้งโรงเรียนชายล้วนขึ้นข้างๆ สนามกีฬานี้ก็เพื่อผลักดันกิจกรรมทางกีฬานั่นเอง แต่สนามกีฬาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะมีกีฬาทุกประเภท จะมีก็แค่สนามฟุตบอล , สระว่ายนํ้า , ที่ปีนผาจำลอง จะมีทีเด็ดหน่อยก็คือมีสนามยิงธนูและยิงปืนเนี่ยแหละ ดังนั้นแล้ว ข้อพิเศษของโรงเรียนผมก็คือ ในชั่วโมงชมรมนั้นผมสามารถมาทำกิจกรรมชมรมได้ที่สนามกีฬาแห่งนี้เลย และผมก็ได้เข้าชมรมยิงปืนเนี่ยแหละครับ ข้อเสียอย่างก็คือระยะทางจากโรงเรียนมาสนามกีฬาค่อนข้างไกลสักหน่อย น่าเสียดายที่ไม่ได้อยู่ในเขตโรงเรียนเลย แต่มันจะเหมือนโรงเรียนคิงฟอร์ดได้ยังไงหละ ได้ข่าวว่าที่โรงเรียนนั้นมีเป็นหมื่นๆ ชมรมเลยนิ สงสัยคนเรียนเยอะจัด

    "เก่งมากน้องกอร์ฟ" อาจารย์ที่ปรึกษาชมรมผมจดบันทึกคะแนนผมเดินมาเอ่ยชม "วันนี้ก็ทำคะแนนได้ดีอีกแล้ว"

    ทุกคนในชมรมนั้นปรบมือให้ผม ผมยิ้มหน้าบานด้วยความยินดี เพราะเนี่ยแหละคือสิ่งที่ผมชื่นชอบที่สุด

    "มีแต่เราคนเดียวนะที่ยิงได้แม่นที่สุด ครูถามหน่อย ไม่สนเข้าแข่งกีฬายิงปืนจริงๆ เหรอ" ครูถามผม

    "ไม่หรอกครับ" ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะการแข่งกีฬายิงปืน กับใช้ปืนจริงปฏิบัติภารกิจสายลับนี่ความรู้สึกมันแตกต่างกันสุดขั้ว และผมขอเลือกอันหลังดีกว่า

    "เฮ้อ น่าเสียดายนะ" ครูยิ้มให้กับผม "อย่างเราคงไประดับประเทศได้สบายๆ เลยนะเนี่ย"

    "ขอผ่านครับ" ผมเก็บกระบอกแม็กกระซีนและหูฟังไว้ในมือเพื่อที่จะเอาไปเก็บ

    "และน่าเสียดายอีกอย่างนะที่เราดันไม่ใช่ผู้หญิง แหม๋ น่ารักๆ แบบนี้ ยิงปืนก็เก่ง สเปคครูเลยแหละ" ครูชมรมมองผมด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม

    "ไปก่อนนะครับ" ผมพยายามไม่หันไปมองดูสายตาชวนอ้วกแบบนั้น แล้วเมื่อคืนอุปกรณ์เสร็จแล้วผมไม่สนใจเดินไปเก็บเป้าที่ผมยิง แล้วรีบเดินออกจากสนามยิงปืนทันที

    นี่เป็นสิ่งเดียวที่ผมเกลียดที่สุด ซึ่งแม้แต่อาจารย์ชมรมคนนี้ตอนผมเข้าชมรมแรกๆ ก็ดันคิดว่าผมเป็นผู้หญิง ถึงขนาดมาโอบเนื้อโอบตัวสอนผมระยะประชิดตอนผมยิงปืนครั้งแรกทันที แถมทำให้แฟนครูเข้าใจผิดคิดว่าครูพยายามจีบผม เลยอัดครูโชว์นักเรียนในชมรมตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าชมรม พอแฟนครูรู้ว่าผมเป็นผู้ชาย ก็ถึงกับยอมปล่อยให้ครูมาสอนต่อได้ปกติเลย คิดแล้วอยากจะบ้าตาย

    "ไงกอร์ฟ" นุ๊กเพื่อนผมโบกมือทักผมเมื่อผมเดินออกมาจากสนามยิงปืน นุ๊กเองเขาเข้าชมรมปีนผา จึงออกมารอผมทุกครั้งเมื่อจบวิชาชมรมเพื่อเดินไปเรียนคาบต่อไปด้วยกัน

    "ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่าโดนครูชมรมลวมลามมาอีกแล้วอะเด๊ะ" เพื่อนผมถามราวกับอ่านใจผมออก

    "แค่เกือบนะ" ผมตัวสั่นด้วยความขนลุก "ทำไมฉันต้องเกิดหน้าตาสวยด้วยฟะ"

    "เอาหน่าเพื่อน เป็นอาหารตาสักหน่อยไม่มีคำว่าเสียหาย" เพื่อนผมล้อเลียน ผมเบ้ปาก "เอางี้สิกอร์ฟ ถ้าเอ็งไม่อยากโดนใครเขามาจีบเอา เอ็งก็ไปจีบซะเองสิ"

    "หมายความว่าไงว่ะ" ผมถาม

    "เอ๋า กิ๊กไงเพื่อน กิ๊ก" นุ๊กทำท่าทางเหมือนอาจารย์ประจำชั้นกำลังสอน "เอ็งไปมีแฟนสาวซะ ก็จบ จะได้ไม่ต้องมีใครพยายามมาจีบด้วย คุ้มไหมหละ"

    "ไม่หละ ขอผ่าน" ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธ

    "ทำไม หรืออยากได้แฟนหนุ่มแทน" นุ๊กล้อเลียนผม

    "ไม่ใช่แบบนั้น" ผมตอบแบบไร้อารมณ์ "ฉันแค่... ไม่อยากผิดหวังอีก"

    ใช่ครับ ผมไม่อยากจีบใครอีกต่อไปแล้ว เพราะผมกลัวว่ารักของผมมันจะผิดหวังเหมือนเมื่อครั้ง ม.สอง ผมไม่อยากเสียใจอีก แต่สำคัญ ในหัวผมตอนนี้นอกจากเรื่องเรียนแล้วมีแต่เรื่องผู้ก่อการร้ายเท่านั้น ผมยังสงสัยเลยว่าผ่านมาอาทิตย์นึงแล้ว พ่อผมรีดคำตอบมาจากพวกมันได้รึยัง

    นุ๊กถอนหายใจอย่างน่าเบื่อหน่าย

    "แบบนี้เอ็งจะยังอยากเป็นผู้ชายอยู่เปล่าวะ ผู้ชายมันต้องหาผู้หญิงมาเป็นเมียนะเว้ย ไม่ใช่เป็นง่อยไปจนแก่ตาย" เพื่อนผมบอก

    "ไม่เห็นเกี่ยวเลย" ผมพึมพำบอก

    เมื่อพวกผมสองคนเดินเข้าไปในรั้วโรงเรียน เส้นทางเดินนั้นจะมีรั้วตาข่ายกั้นเอาไว้อยู่ราวกับรั้วสนามเทนนิส ตอนนั้นเองมีนักเรียนสาวๆ เดินมามุงดูผมสองคนเป็นจำนวนมาก

    "นี่ๆ เธอ ดูคนนี้สิ โคตรเท่เลยอ่ะ"

    "คนข้างๆ ผู้ชายคนนั้นป่ะ"

    "กรี๊ด!!!!"

    และพวกสาวๆ ก็มารุมเกาะตาข่ายเพื่อมาดูผมมากขึ้น ทำเอาผมเริ่มดีอกดีใจขึ้นมาบ้าง

    "เอาวะ อย่างน้อย นี่ก็ครั้งแรกที่มีสาวๆ เห็นตูเป็นผู้ชาย" ผมเดินยืดอกอย่างสง่าผ่าเผย

    "ว้า จอแบนงะ"

    "ช่ายๆ ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ โคตรสวยเลย"

    "ยิ่งใส่ชุดผู้ชายแล้วยิ่งเท่ กรี๊ด"

    พรืดดดดดดด!

    ผมสะดุดล้มลงหน้าคะมำกับพื้นและไถลไปข้างหน้าเล็กน้อย หน้าของผมเสียดสีกับพื้นเปื้อนฝุ่นไปทั่ว เพื่อนผมที่ยืนข้างๆ หัวเราะก๊ากดังลั่น

    "ฮือ ตูอยากตาย" ผมพึมพำ เพื่อนผมยังหัวเราะไม่หยุด

    "อยู่กับเมิงนี่มีเรื่องฮาตลอดเลยวะ ตูขออยู่เป็นเพื่อนเมิงตลอดชีวิตได้เปล่าว่ะ" นุ๊กช่วยฉุดให้ผมลุกขึ้น

    "อย่าหวังเลย" ผมบอกปัดพร้อมกับเอามือปาดฝุ่นบนหน้าตัวเอง

    "เอ้า"

    มีคนยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ผม และเมื่อผมเงยหน้าขึ้น ก็พบกับเทียร์กำลังยืนอยู่ข้างหน้าผม มือข้างหนึ่งของเธอแนบตรงไปกับข้างลำตัว

    "เอาไปเช็ดซะ" เธอบอกผม

    ผมก้มลงมองดูผ้าเช็ดหน้าที่เธอยื่นให้ ผมไม่คาดคิดนะว่าเธอจะทำตัวดีกับผมแบบนี้ เพราะหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมมา เธอเอาแต่แอบมองผมตลอด สงสัยยังไม่หายโกรธผมละมั้ง

    "อะ เอ่อ ขอบใจนะ" ผมบอกกับเธอแล้วก็หยิบผ้าเช็ดหน้าของเธอมาเช็ดหน้าผมทันที กลิ่นผ้าเช็ดหน้าหอมนํ้ายาปรับผ้านุ่มมาก แต่ผมไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่นัก ได้มาผมเช็ดมันทุกซอกทุกมุมนะแหละ

    "เป็นไรไหม" เธอถามผม

    "ห๊ะ อะไรนะ ?" ผมถามเธอกลับด้วยความสงสัย เพราะเสียงของเธอเบามาก จนผมอาจคิดได้ว่าเธออาจล้อเลียนผมที่ผมโดนสาวๆ พวกนั้นเข้าใจผิดที่ผมเป็นผู้หญิง

    "ฉันหมายถึง เอ่อ.." เธอพึมพำ มือของเธอกุมด้วยกัน ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อมากขึ้น "เอ่อ ที่ล้มนะ แบบ เจ็บมากไหม"

    ผมมองเธออย่างไม่เข้าใจกับอาการของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าทำไมเธอต้องบิดตัวไปบิดตัวมา แถมหน้ายังแดงอีก สงสัยแดดคงร้อนมั้ง เลยหน้าแดง บ้านรวยเลยอยู่ที่ร่มมากไปมั้ง แต่ที่ผมสงสัยก็คือ เธอพูดอะไรผมได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เหตุเพราะผมไม่ค่อยสนใจฟังเธอนั่นเอง

    "โทษทีนะ เสียงเบามากเลย ขออีกทีได้ไหม" ผมถามเธอ

    เด็กสาวเงยหน้ามองดูผม สีหน้าจากที่แดงระเรื่อกลับบึ้งตึงมากขึ้น เธอฉกผ้าเช็ดหน้าของเธอมาจากมือของผม แล้วก็หันหลังกลับเดินฉับๆ ไปอย่างรวดเร็ว ไม่หันกลับมามองผมอีก

    ผมมองดูเธอแล้วไม่เข้าใจการกระทำของผู้หญิงจริงๆ เลย แถมผมยังงงไม่หายด้วย

    นุ๊กซึ่งมองดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น เขารีบเดินมาขวางหน้าผมแล้วกอดอกทันที

    "อะไร" ผมถามเขา

    "ไอ้กอร์ฟ นายมันโง่เปล่าว่ะเนี่ย ผู้หญิงให้ท่านายขนาดนี้แล้วยังทำตัวแบบนั้นอีก" นุ๊กเหมือนจะสั่งสอนผม

    "ทำตัวแบบนั้น ยังไงอ่ะ ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย" ผมถามเขา

    เพื่อนผมเอามือตบหน้าตัวเอง แล้วก็มองหน้าผมด้วยสายตาผิดหวัง

    "ช่างเห๊อะ ลืมไป ว่านายมันบื้อ" นุ๊กบอกก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินนำผมไปอย่างรวดเร็ว เหมือนเทียร์ไม่มีผิด

    "นี่ เดี๋ยวซี่" ผมรีบก้าวขายาวๆ เพื่อตามเขาให้ทัน "มาบอกว่าตูบื้อได้ไงวะ ตูสอบไม่เคยตกนะเว้ย เทอมที่แล้วยังได้สี่มาตั้งหกวิชา"

    "ไอ้บ้า ตูไม่ได้หมายถึงเรื่องเรียนเว้ย" นุ๊กหันหน้ากลับมาด่าผม

    "แล้วเรื่องอะไรว่ะ" ผมถามต่อ

    "นี่เมิงนี่ไม่รู้จริงๆ เหรอเนี่ย" นุ๊กถามผม ซึ่งผมได้แค่ส่ายหน้าตอบ เขาจึงทำหน้าเอื่อมระอาตอบกลับผมแทน

    "ไปเรียนเหอะ" เขาบอกแล้วก็เดินนำหน้าผมไปแต่ไกล

    "อ้าวเฮ้ย บอกกันมั่งซิว่ะ แบบนี้มันค้างคานะเว้ย" ผมบอกเสียงดังก่อนที่จะวิ่งไล่ตามเพื่อนผมไป

    End Golf Talk

    ระหว่างนั้น คิตตี้ ซึ่งเธอมาจากชมรมว่ายนํ้า เธอก็เดินออกมาจากสนามกีฬาเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเธอไม่ได้เดินเข้าไปหาเท่านั้น เธอแอบมองดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เธอเริ่มถอนหายใจ

    "คิตตี้จ๋า" เพื่อนสาวของเธอคว้าหมับที่หัวไหล่ของเธอ ทำเอาเด็กสาวสะดุ้งโหยง

    "ว้าย ตกใจหมด" เธอโวยกับเพื่อนของเธอ

    "เป็นไรไปจ๊ะ เหม่อเชียวนะตัวเอง" เพื่อนสาวผมเปียอีกคนทักทายเธอ

    คิตตี้แอบมองดูทางที่ผมเดินจากไป ก่อนที่จะหันหน้าไปมองม้านั่งที่อยู่ใกล้ที่สุด พร้อมกับมองดูเพื่อนของเธอทั้งสองคน

    "ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาหน่อยนะ" คิตตี้ชี้ไปทางม้านั่ง ซึ่งเพื่อนสาวทั้งสองคนของเธอก็พยักหน้าแล้วก็เดินตามเธอไป

    และเมื่อสามสาวนั่งลงบนม้านั่งแล้ว เพื่อนของเธอไม่รอช้าที่จะถามเธอทันที

    "แล้วเรื่องที่จะปรึกษาเนี่ย คืออะไรเหรอ" เพื่อนสาวผมเปียถามอย่างรวดเร็ว

    "คือ ยังไงดีอ่ะ ฉันแอบชอบผู้ชายคนนึงนะสิ" คิตตี้บอกด้วยนํ้าเสียงแผ่วเบา

    "จริงเหรอเธอ ว้ายๆๆๆ แล้วถึงไหนแล้วอะ A ? B ? หรือว่า C ?" เพื่อนของเธออีกคนถามตาแป๋ว

    "ไอ้บ้า ไม่ใช่แบบนั้น" คิตตี้ตอบกลับด้วยนํ้าเสียงไม่พอใจนัก หน้าของเธอแดงแป้ด "คือ ยังไงดีอ่ะ ฉันคงได้แค่หลงรักเขาข้างเดียวแล้วมั้ง"

    "แล้วเขามีอะไรทำให้เธอถึงไปแอบชอบเขาได้เหรอ" เพื่อนสาวผมเปียถาม

    "ยังไงดีอ่ะ" คิตตี้บอกด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น "แบบ ตั้งแต่แรกที่เห็น เขาก็ไม่เหมือนผู้ชายทั่วๆ ไป แถมดูน่าสนใจด้วย"

    เพื่อนสาวของเธอทั้งสองคนหันหน้ามองกันพร้อมกับทำสีหน้าตกตะลึง

    "นี่คิตตี้ เธอชอบแบบนั้นจริงๆ เหรอ" เพื่อนสาวของเธอตาโต

    "นะ นี่เธอรู้เหรอว่าฉันชอบใคร" คิตตี้ถาม หน้าของเธอแดงไปทั้งหน้า

    "นี่เธอแอบชอบครูประจำชั้นเหรอเนี่ย" เพื่อนผมเปียถามด้วยสีหน้าตกตะลึง

    "จะบ้าเหรอ ไม่ใช่ย่ะ" เธอโต้

    "แล้วผู้ชายแบบนั้นเป็นคนยังไงเหรอ" เพื่อนสาวอีกคนถามด้วยนํ้าเสียงอยากรู้อยากเห็น

    จะบอกว่าเขาหน้าตาเหมือนผู้หญิงดีไหมนะ คิตตี้คิด แต่เมื่อเธอเห็นสายตาของเพื่อนทั้งสองคนที่อยากรู้ข้อมูลยังกับสัตว์ล่าเนื้อ ทำให้เธอพูดไม่ออกทันที

    "คือ แบบว่ายังไงดีล่ะ ไม่ใช่แค่เขาไม่เหมือนคนอื่น แต่เขายังดู น่าลึบลับ และน่าค้นหาด้วย" เธอบอก

    และก็เป็นไปอย่างที่เธอคิดจริงๆ เพราะว่าเธอสงสัยอยู่เลยว่าผู้ชายที่ชื่อกอร์ฟเหมือนมีอะไรปิดบัง แถมเมื่อเธอดูหนังสือพิมพ์ที่ปรากฎดาราคนใหม่ที่ชื่อว่ากอร์ฟแล้ว ทำให้เธอมีความรู้สึกเหมือนมองกอร์ฟเพื่อนร่วมชั้นหน้าสวยคนนี้เลย ถึงแม้ว่าหน้าตาของทั้งสองคนจะแตกต่างกันเป็นคนละคน แต่ส่วนสูงและโครงหน้าเหมือนกันมาก

    เมื่อเพื่อนสาวผมเปียเห็นปฏิกิริยาของคิตตี้ เธอหัวเราะลั่นพร้อมกับเอามือตีหลังของเธอ

    "ว้าย นี่เธอตีหลังฉันทำไมเนี่ย" คิตตี้ถาม

    "เอางี้สิคิตตี้ ทำไมไม่พิสูจน์ความรู้สึกของเธอไปเลยหละ" เธอแนะนำ

    "ยังไงล่ะ?"

    "รุกไปเลยซิจ๊ะ สารภาพรักไปเลยยิ่งดี" เพื่อนสาวผมเปียรีบบอกด้วยแววตาเป็นประกาย

    "จะ จะบ้าเหรอ ระ เรื่องน่าอายแบบนั้น" คิตตี้หน้าแดงฉ่า

    "นี่ สมัยนี้ผู้ชายจะหมดโลกอยู่แล้วนะย่ะ กลายพันธุ์ก็เยอะ ก่อนที่เขาจะโดนผู้หญิงคนอื่นงาบไปนะ เธอต้องรีบไปงาบก่อน" เพื่อนเธออีกคนบอก

    "งะ งาบเลยเหรอ" เธอเหลือบตามองเพื่อนเธออย่างเอียงอาย

    "ผู้หญิงจีบผู้ชายไม่ใช่เรื่องน่าอายแล้วนะคิตตี้" เพื่อนของเธอบอกด้วยสีหน้าจริงจัง "ถ้าคนที่เธอเล็งไว้น่าสนใจจริงๆ ก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจโดนผู้หญิงคนอื่นเล็งไว้เหมือนกัน ก่อนที่จะโดนแย่ง เธอต้องไปแย่งเขามาก่อนให้ได้ จากนั้นก็งาบเขาซะ"

    เมื่อเพื่อนของเธอพูดจบ ก็หัวเราะดังลั่นราวกับเป็นนางร้ายในละคร คิตตี้เริ่มคิดในสิ่งที่เธอบอก เพราะว่าเธอก็รู้สึกเหมือนกันว่า เทียร์ นักเรียนสาวคนใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจะแอบมองและสนใจกอร์ฟมากเป็นพิเศษด้วย

    "สงสัยจะเป็นแบบนั้นจริงๆ" เธอพูดด้วยนํ้าเสียงเศร้าสร้อย

    "ถ้าแบบนั้น รุกให้ได้นะย่ะ แล้วจะรอฟังคำตอบ ฮี่ๆๆๆ" เพื่อนสาวผมเปียยิ้มแฉ่ง พร้อมกับเอามือตีหลังคิตตี้อีกครั้ง คิตตี้มองดูอาคารเรียนที่เธอจะขึ้นเรียนคาบต่อไป

    รุกงั้นเหรอ แต่ จะรุกยังไงหละ เธอคิดอย่างว้าวุ่น

    ---------------------

    (Golf Talk)

    ฮะ ฮั่คกะเช้ย!!”

    ผมจามออกมาเสียงดังลั่น จนนุ๊กมองผมพร้อมกับทำหน้ารังเกียจ

    หวัดมาเหรอวะเพื่อน” เพื่อนผมถาม

    ไม่มีนี่หว่า” ผมเอามือบีบจมูกพร้อมกับนึกสงสัยว่าทำไมผมถึงจามได้

    ระหว่างนั้นที่ห้องเรียน ผมกับนุ๊กเดินขึ้นมาถึงแล้ว แต่เนื่องจากยังไม่หมดคาบชมรม จึงยังไม่มีอาจารย์เดินเข้ามา และไม่นานนัก มือถือผมดัง และเมื่อผมหยิบมาดู ปรากฎว่าพ่อผมโทรมาหา

    ขอตัวนะเว้ย” ผมบอกกับนุ๊ก แล้วก็เดินออกไปนอกห้องเรียน

    เออๆ” นุ๊กตอบโดยไม่ใส่ใจนัก

    เมื่อผมเดินออกมาริมระเบียงนอกห้องเรียนแล้ว ผมกดรับสายทันที

    "ว่าไงครับพ่อ" ผมถามพ่อทางโทรศัพท์

    "พวกมันไม่ยอมเปิดปากบอกอะไรเราเลยนี่สิ" พ่อของผมบอกด้วยนํ้าเสียงหนักใจ "ทำยังไงได้ ตอนนี้เลยได้แค่ส่งมันไปยังเรือนจำพิเศษแล้วเพื่อรอการสอบสวนต่อไป ช่างเรื่องนั้นเถอะ เดี๋ยวพ่อจะจัดการให้ พ่อมีข่าวเรื่องภารกิจใหม่มาแจ้งให้ลูกทราบ"

    "พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้วเหรอครับ" ผมถาม

    "ใช่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้" พ่อผมบอก "ภารกิจใหม่จะเริ่มให้ทำในอีกสี่วันข้างหน้า อีกสามวันพ่อจะพาเราไปที่ปฏิบัติภารกิจ ตกลงนะ"

    "ก็ได้ครับ" ผมหันหน้าไปมองดูปฏิทินที่วางอยู่บนโต๊ะอาจารย์หน้าห้อง ซึ่งอีกวันพรุ่งนี้ตรงกับวันหยุด และจะมีวันหยุดยาวไปอีกรวมหกวันเต็มๆ เลยทีเดียว

    "โอเค แค่นี้ก่อนนะ ตั้งใจเรียนนะลูก" พ่อผมบอกก่อนที่พ่อผมจะวางสายลง

    ผมมองดูหน้าจอโทรศัพท์มือถือตนเอง พร้อมกับเริ่มคิดแล้วว่าภารกิจต่อไปของผมนั้นจะเป็นที่ไหน ผมระงับความตื่นเต้นตนเองเอาไว้ ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องเรียน

    เมื่อผมเข้าไปในห้องเรียนแล้ว ผมก็เห็นเทียร์ที่นั่งข้างๆ ผมหันหน้าหนีผมตลอด ผมยักไหล่ก่อนที่จะนั่งที่ตนเอง แล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ และไม่นาน อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้อง

    "เดี๋ยวครูจะสั่งงานกลุ่มนะ" อาจารย์บอกเมื่อหัวหน้าชั้นบอกทำความเคารพแล้ว "หลังจากแบ่งกลุ่มกันแล้ว นั่งตามกลุ่มแล้วปรึกษากันนะว่าจะทำงานกันยังไง เอาหละ นี่คือรายชื่อที่ครูแบ่งกลุ่มไว้แล้ว"

    อาจารย์แบ่งกลุ่มตามเลขคี่และเลขคู่แบบสุ่ม และกลุ่มผมนั้นก็มีนุ๊ก เทียร์ คิตตี้ และหัวหน้าห้องด้วย พวกผมนั่งจับกลุ่มกันโดนหันหน้าเป็นวงกลม

    "หัวข้อในการทำงานกลุ่มนี้ไม่ยาก ครูจะให้พวกเราไปสำรวจกิจการอะไรก็ได้มาสักอาชีพ แล้วเขียนรายงานมาว่ากิจการเหล่านั้นต้องทำอะไรบ้าง และสัมพันธ์กับวิชาของครูยังไง ถ้ากลุ่มไหนมีข้อมูลคณะในมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง ก็จะได้คะแนนเพิ่ม" อาจารย์บอก "รายงานนี้ครูมีเวลาให้เดือนหนึ่ง จับกลุ่มคุยกันแปบเดียวแล้วนั่งที่ตนเองด้วยนะ ครูจะเริ่มสอนต่อ"

    คนอื่นๆ ในกลุ่มรีบจับกลุ่มคุยกันทันที ต่างฝ่ายต่างรีบเสนอความเห็นกันอย่างรวดเร็ว แต่ก็น้อยกลุ่มที่จะมีความเห็นตรงกัน เพราะต่างคนต่างเสนอมาคนละความคิด และเมื่อผมมองไปยังหน้าห้อง ก็พบว่าอาจารย์เริ่มเขียนเนื้อหาที่จะสอนบนกระดานดำแล้ว หมายความว่าคงได้เวลาเรียนต่อแล้ว คุยกันตอนนี้ไม่ทันหรอก อาจารย์คนนี้ยิ่งเข้มงวดเรื่องการเรียนอยู่ด้วย

    คิตตี้นั้นมองดูผมตลอดเวลา ในหัวของเธอนั้นมีเสียงของเพื่อนเธอดังก้องสะท้อนไปมาราวกับเทปที่เปิดแล้วกลอกลับเรื่อยๆ ไม่รู้จบ

    'เธอต้องรุกแล้วนะ แล้วคาบมาซะ'เสียงของเพื่อนเธอดังก้องในหัวราวกับออกคำสั่ง 'แล้วคาบมาซะ'

    เธอมองดูกระดานดำหน้าห้องเรียนเช่นเดียวกับผม และตอนนั้นเธอก็ได้ไอเดียขึ้นมา

    "มาบ้านฉันสิ" เธอบอก

    "หือ?" ผมหันหน้าไปหาเธอ นั่นยิ่งทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย แต่ผมไม่ได้สนใจอาการของเธอมากนัก

    "กะ ก็ เดี๋ยวจะคุยกันไม่ทันใช่ไหมหละ คะ คิดว่าไปที่บ้านฉันน่าจะคุยสะดวกกว่า จะได้มีเวลาด้วย" คิตตี้บอกไปพร้อมกับเหลือบตามองผม "ดะ ดีไหม"

    ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจะต้องพูดติดๆ ขัดๆ แต่ผมคิดว่าเป็นความคิดไม่เลว แต่จะให้ไปที่บ้านผู้หญิงนี่มันจะดีเหรอ

    "จะดีเหรอคิตตี้" ผมถามเธอ

    "ดะ ดีสิ จะได้ มะ ไม่มีใครรบกวนด้วย" เธอพึมพำตอบผมอย่างเอียงอาย และนั่นทำให้หัวหน้าห้องสาวและเทียร์หันมองเธออย่างรวดเร็วทันที

    แย่ละสิ ถ้ากอร์ฟไปบ้านของยัยนี่ จะโดนทำอะไรก็ไม่รู้ เทียร์คิดอย่างไม่ไว้วางใจ ถ้าแบบนั้นละก็...

    "งั้น ฉันขอไปด้วย" เทียร์บอกอย่างรวดเร็ว ทำให้คิตตี้เผลอมองเธอด้วยความตกใจ "ก็พวกเราอยู่กลุ่มเดียวกันใช่ไหมหละ จะได้คุยด้วยกันเลย"

    "ตะ แต่ แต่ว่า" คิตตี้บอกด้วยนํ้าเสียงลนลาน เธอแอบเหลือบตามองผมเป็นระยะ แต่ผมไม่ได้สนใจเพราะว่ากำลังเขียนชื่อตัวเองลงบนกระดาษที่หัวหน้าห้องยื่นมาให้ผมเขียน เพราะต้องส่งชื่อกลุ่มให้อาจารย์ด้วย

    "มีปัญหาอะไรเหรอ" เทียร์มองหน้าราวกับจะกินหน้าเธอให้ได้

    "ไม่มีค่า" คิตตี้บอกราวกับว่าเธอหดหัวได้ เธอทำไปแล้ว

    "งั้นฉันขอไปด้วยคน" หัวหน้าห้องสาวบอก

    "เธอด้วยเหรอ" ผมถามเธอ

    "เอ๋า ในฐานะที่ฉันเองเป็นหัวหน้ากลุ่ม ก็ต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคนอยู่แล้ว และก็คงจะดี ถ้าพวกเราจับกลุ่มคุยกัน" เธอขยับแว่นตาพร้อมกับยิ้มให้ผม "จริงไหม"

    ผมเอามือเกาหัว ก็จริงอยู่ว่ามันไปได้ทั้งกลุ่มเพื่อคุยงานกัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมผมมีความรู้สึกว่าเหมือนสามสาวนี้กำลังก่อสงครามขนาดย่อมก็ไม่รู้สิ

    นุ๊กมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้วจึงรีบลุกมาคุกเข่าข้างๆ ผมอย่างรวดเร็ว

    "วิ้วๆๆ ไอ้กอร์ฟเอ้ย น่าอิจฉาชะมัด จะเนื้อหอมไปถึงไหนว้า" เพื่อนผมแซว

    "เนื้อหอม ยังไง? ฉันไม่ได้ใส่นํ้าหอมมานะ จะเนื้อหอมได้ยังไง" ผมถามเขา "บ้าเปล่า"

    เพื่อนผมทำหน้าเหมือนอยากเอาหัวโขกกับโต๊ะซะให้ได้

    "ตูละหน่าย เมิงนี้จะบื้อเอาโล่เลยใช่ไหมเนี่ย" เขาถามผม

    "เรื่องอะไรเหรอ" ผมถามต่ออย่างสงสัย

    ก่อนที่เพื่อนผมจะบอกต่อ อาจารย์ก็เริ่มตบมือสามครั้งเพื่อเรียกให้ทุกคนหันไปหาท่านแล้ว

    "เอาหละ หมดเวลาแล้ว ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ มาเรียนกันก่อน" อาจารย์บอกทุกคนพลางหยิบไม้เรียวขึ้นเป็นไม้สอนเพื่อชี้ให้ทุกคนให้ห้องมองดูเนื้อหาบนกระดาน

    ทั้งชั้นต่างคนต่างลุกขึ้นแล้วก็เดินกลับไปนั่งที่ตนเอง ผมนั่งลงบนที่ของผมเริ่มกับเปิดสมุดมาเพื่อลอกเนื้อหาที่อาจารย์เขียนบนกระดานดำทันทีง

    เราเนี่ยนะบื้อ บ้าเปล่าว่ะไอ้นุ๊ก เราไม่เคยเรียนอ่อนสักวิชานี่หว่า ผมคิดโดยแอบเคืองเล็กน้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×