ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adventure in Equestria (My Little Pony Fan-Fic)

    ลำดับตอนที่ #9 : Episode 9 : Monster

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 57




    "เร็วเข้า! รีบยกบังลังค์ของฉันมาได้แล้ว!"

    เสียงออกคำสั่งของทริซซี่ดังขึ้น ซึ่งทำให้คุณและคุณนายเค้ก เจ้าของร้านขายเค้กซูก้าคิ้ว คอร์เนอร์ บ้านของพิงค์กี้พายนั้นต้องรีบลากเก้าอี้ที่ประดับเป็นบังลังค์ของทริซซี่เคลื่อนไปตรงใจกลางของหอประชุมเมืองโพนี่วิลด์ทันที

    ทริซซี่ได้สั่งดัดแปลงเมืองทั้งเมืองให้เป็นไปตามที่เจ้าตัวต้องการ โดยเริ่้มจากในหอประชุมกลางเมืองก่อน ป้ายธงประดับของเมืองรวมไปถึงของที่ใช้ต้อนรับองค์หญิงเซเลสเทรียต่างถูกปลดออก และถูกแทนที่ด้วยธงประดับที่เป็นรูปลายทริซซี่แทน ซึ่งผู้ที่ทำธงนั้นไม่ใช่ใครอื่นเลยนอกจากแรร์ริตี้ที่กำลังง่วงอยู่กับจักรเย็บผ้าของเธอ ในขณะที่เรนโบว์แดชและฟรัทเทอร์ชายต้องช่วยกันเอาธงที่แรร์ริตี้ทำเสร็จบินขึ้นไปประดับ ส่วนแอปเปิ้ลแจ็คนั้นถูกสั่งให้ทำซอสแอปเปิ้ลสำหรับบำรุงผิวหน้า (โดยการเหยียบแอปเปิ้ลในถัง แบบเดียวกันกับที่ทำนํ้าองุ่นแบบสมัยก่อน)

    "นี่เธอ เมื่อไหร่ซอสแอปเปิ้ลของฉันจะเสร็จซะที" ทริซซี่หันหน้าไปสั่งแอปเปิ้ลแจ็ค ซึ่งเจ้าตัวก็ทำหน้าตาไม่พอใจใส่เธอทันที

    "ลืมไปได้เลยทริซซี่ ฉันจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นจนกว่าเธอจะพาทไวไลท์กลับมา" สาวคาวบอยยืนด้วยสองขาหลังและกอดอกด้วยสางขาหน้า

    แต่ทว่า ทริซซี่นั้นกลับใช้พลังเวทมนต์ของเธอในการเสกขนนกมาจากไหนไม่รู้สองอันลอยกลางอากาศ และจับแอปเปิ้ลแจ็คลอยกลางอากาศพร้อมกับเอาขนนกสองอันนั้นจั๊กจี๋เจ้าตัวทันที

    "ฮ่าฮ่าฮ่า อะ โอเค โอเค ฉันจะทำ ฉันจะทำ ฮ่าๆๆๆ"

    โครม!

    หลังจากที่แอปเปิ้ลแจ็ครับปาก เธอก็จับเหวี่ยงแอปเปิ้ลแจ็คทุ่มใส่กล่องใส่แอปเปิ้ลที่เธอเตรียมมาไว้จนหกกระจัดกระจายไปทั่ว

    "ส่วนเธอ ฉันบอกให้เธอเต้นรำไง!!" ทริซซี่หันไปโวยใส่พิงค์กี้พายต่อ แล้วก็ใช้พลังเวทมนต์ของเธอเสกใส่พิงค์กี้ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายถูกบังคับให้เต้นท่าทางต่างๆ โดยที่้เจ้าตัวไม่สามารถโต้แย้งหรือปฏิเสธได้เลย เพราะเธอยังไม่ได้ปากคืนมา

    "โถ่ เวทมนต์ของทริซซี่กำลังทำลายเมือง.. อ๊าว!" แรร์ริตี้บ่นออกมา แต่เธอก็ร้องเสียงดังเพราะเธอเผลอใช้เข็มเย็บผ้าจิ้มโดยอุ้งเท้าของเธอเอง "ใครก็ได้ ช่วยพวกเราที"

    "ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย เพราะจะไม่มีใครมาช่วยพวกเธอได้" ทริซซี่เดินไปหาแรร์ริตี้พร้อมกับยิ้มเยาะ "ถ้าไม่ฟังคำสั่งฉันดีๆ ละก็ ฉันจะจับขังพวกเธอเหมือนกันสองตัวนั้น!"

    ทริซซี่ชี้ไปทางอีกด้านของหอประชุม มีกรงขังอยู่สองอันตั้งอยู่ อันหนึ่งเป็นกรงนกขนาดยักษ์และนายกเทศมนตรีท่านก็ถูกขังอยู่ในนั้น และอีกกรงหนึ่งที่้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผม ซึ่งผมยังคงนั่งท่าขัดสมาธิแล้วจ้องมองดูทริซซี่ด้วยความไม่พอใจเหมือนเดิม

    "ทีนี้... " ทริซซี่เอ่ยเมื่อเดินเข้ามาหาผมใกล้ๆ "มาคุยเรื่องของนายกันดีกว่า นายจะบอกฉันได้รึยังว่านายเป็นตัวอะไรกันแน่"

    "เรื่องสิ" ผมตอบปฏิเสธเธออย่างไม่เกรงกลัว

    "ดูเหมือนว่าพลังของสร้อยคออัลลิคอนจะมีความเกี่ยวพันกับเธอ ทำให้ฉันไม่สามารถใช้เวทย์ในการเสกให้นายเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากร่างเดิมของนายเอง" ทริซซี่เอาอุ้งเท้าหน้าตนเองลูบสร้อยคออัลลิคอนที่สวมอยู่อย่างถนุถนอม "ช่างน่าแปลกใจดีเหมือนกันนะท่านนายก ดูเหมือนว่าท่านจะเก็บสัตว์ประหลาดเอาไว้ในเมืองของท่านเสียแล้ว!"

    นายกเทศมนตรีมองมาทางผมด้วยสีหน้าทั้งเครียด ชวนสงสัย และหวาดกลัวในตัวผม ผมมองเธอกลับซึ่งทำให้เธอหลบหน้าผมทันที ตอนที่ผมพบกับนายกครั้งแรก พวกทไวไลท์ไม่ได้บอกว่าแท้จริงแล้วผมเป็นใคร บอกแค่ว่าผมมาจากเมืองแคทเทอร์ลอช ซึ่งไม่แปลกใจหรอกที่ท่านจะตกใจมากเมื่อรู้ว่าแท้จริงผมเป็นตัวอะไร

    "อย่ามาว่าเพื่อนของเรานะทริซซี่ นายจะทำอะไรกับฉันก็ได้ แต่ห้ามมาว่าเพื่อนฉันเป็นตัวประหลาดเด็ดขาด!" แอปเปิ้ลแจ็คที่เหมือนทำซอสแอปเปิ้ลเสร็จแล้วยกมาวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างๆ เก้าอี้ของทริซซี่ ก่อนที่จะโวยใส่เธอต่อ

    "ขอบใจแอปเปิ้ลแจ็คที่พูดปกป้องฉัน แต่เธอพูดถูก" ผมบอกด้วยนํ้าเสียงที่ยังไม่พอใจนัก "ฉันคือตัวประหลาดในสายตาของม้าทุกตัวอยู่ดี"

    ม้าทุกตัวที่อยู่ในหอประชุมต่างเงียบกริบและมองมาทางผมด้วยสายตาเดียว ซึ่งทริซซี่ยังคงมองผมด้วยสายตาประเมินอยู่

    "ยอมรับด้วยงั้นเหรอ งั้นฉันขอตั้งชื่อนายว่า ตัวประหลาด ละกันนะ" เธอเยาะผม

    "..." ผมเงียบ ไม่โต้ตอบอะไรเธอกลับ เธอเดินเข้ามาใกล้ลูกกรงผมมากขึ้นพร้อมกับจ้องมองผมโดยที่ตาของเธอแทบไม่กระพริบ

    "ฟังให้ดีนะไอ้ตัวประหลาด ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใครมาจากไหนและเป็นตัวอะไร แต่ดูเหมือนฉันจะใช้งานนายได้" เธอบอกกับผม

    "หมายความว่ายังไง" ผมหรี่ตาถาม

    "ถ้าร่างนี้ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของนายละก็ ฉันยินดีที่จะเสกให้นายกลับสู่ร่างเดิมให้ เอาไหมหละ" ทริซซี่ยื่นข้อเสนอให้ผม "แลกกับการที่นายจะต้องมาช่วยฉันครองอีเควสเทียร์ก่อนนะ"

    เป้าหมายของผมที่แท้จริงคือการที่จะถอนคำสาป กลับร่างเดิมแล้วก็กลับโลกของผม แต่จากที่ทริซซี่ใช้เวทมนต์เมื่อกี้นี้ผมรู้ทันทีว่ามันไม่มีทางคุ้มแน่นอน เพราะนอกจากจะเป็นการหักหลังทุกคนโดยเฉพาะทไวไลท์แล้ว โอกาสที่คำสาปจะเกิดขึ้นมันมีสูงมาก

    "ถ้าฉันปฏิเสธหละ" ผมยิงคำถามใส่เธอกลับ

    "ถ้างั้น นายก็ต้องมาเป็นข้ารับใช้ของฉัน นายทำให้ม้าทุกตัวกลัวได้ ดังนั้น นายน่าจะมาเป็นสัตว์ประหลาดคอยคุ้มครองฉันก็ไม่น่าเลวนะ" ทริซซี่เอ่ย

    "คำก็สัตว์ประหลาด สองคำก็สัตว์ประหลาด เธอยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเขาเจออะไรมาบ้างนะหา ทริซซี่!" เรนโบว์แดชที่กำลังบินอยู่เริ่มเคืองมากขึ้นเรื่อยๆ และทำท่าจะบินพุ่งใส่ทริซซี่ แต่ฟรัทเทอร์ชายกลับจับเธอเอาไว้

    "เอาอย่างนี้ดีกว่า นายมาช่วยฉันไม่กี่ครั้ง ฉันก็จะคืนร่างที่แท้จริงให้นายกลับไป แต่ถ้านายยังคิดปฏิเสธอยู่ละก็ ฉันจะใช้เวทมนต์นี้ในการล้างสมองนายให้มาเป็นพวกด้วยซะเลย" ทริซซี่ขู่ผม

    "ก็ลองดูซิ" ผมท้าทายเธอกลับ เพราะรู้อยู่แล้วว่าสร้อยคออัลลิคอนไม่สามารถทำสิ่งที่เป็นไปได้ให้เกิดขึ้นจริงได้อยู่แล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าการล้างสมองก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน

    "เฮ๊อะ อย่าดีกว่า ทริซซี่ไม่ชอบแบบนั้น มันไม่สนุก" เธอหมุนตัวกลับก่อนที่จะใช้เวทมนต์ของเธอยกซอสนํ้าแอปเปิ้ลขึ้นมาโดยที่ไม่จับมันด้วยอุ้งเท้าของเธอ

    "ฉันขอเตือนไว้อย่างนะทริซซี่ อย่าใช่เวทมนต์นั้นเสกอะไรฉันอีก เธอยังไม่รู้ว่าฉันเป็นตัวอะไร" ผมเตือนเธอ

    "ฉันยังไม่ทำหรอก... แค่ตอนนี้นะ ฮึฮึฮึ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"

    เธอหัวเราะเสียงดังลั่นออกมา และนั่นสร้างความแค้นเคืองใจให้กับทุกคนในหอประชุมอย่างมากโดยเฉพาะเรนโบว์แดชที่ทำท่าอยากจะพุ่งตัวตะบั้นหน้าทริซซี่เต็มแก่ ผมทำได้แค่จ้องมองเธอกลับ เพราะอยู่ในกรงแบบนี้ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย

     

    -----------------------------

     

    หกชั่วโมงผ่านไป

    ในหอประชุมตอนนี้ไม่เหลือใครอีกแล้ว ม้าทุกตัวได้ออกไปข้างนอกหมด แม้แต่กรงที่ขังนายก เทศมนตรีเองก็ถูกทริซซี่ยกย้ายไปไว้ที่อื่น ทิ้งเอาไว้ให้ผมอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดตามลำพัง ท้องของผมร้องเสียงดังลั่นเมื่อรู้ว่าผมยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย ผมนอนขดตัวบนพื้นแข็งๆ ที่เย็นเฉียบ นึกถึงเตียงอุ่นๆ ในบ้านของผมที่มีทั้งหมอนนุ่มๆ และผ้าห่มอุ่นสบาย ผมพยายามข่มตานอนให้หลับ แต่ไม่สามารถทำได้เลย

    ผมพยายามคิดหาทางจากสถานการณ์นี้ แต่ดูเหมือนว่ากรงขังอันนี้จะลั่นกุญแจเอาไว้ และกุญแจที่ว่าก็วางอยู่บนเก้าอี้ที่เป็นบังลังค์ของทริซซี่ ซึ่งดูเหมือนประตูหอประชุมเองก็ล็อคกุญแจเอาไว้เรียบร้อย และนั่นทำให้ผมไม่สามารถที่จะออกไปจากที่กรงขังนี่ได้เลย

    ทริซซี่ยังไม่รู้เรื่องเรา ไม่อย่างนั้นอาจหาเรื่องบุกไปยังโลกเราก็ได้ ผมคิด ถึงจะยังไม่รู้ว่าทริซซี่เอาสร้อยคออัลลิคอนมาได้ยังไงก็ตาม แต่ความเป็นไปได้ที่เธออาจจะร่วมมือกับควีนคริสซาลิสก็มีสูงเอาเรื่อง

    แต่ท้องที่ยังร้องอยู่นั้นทำให้ผมแทบคิดอะไรไม่ออก ผมหมุนพลิกตัวไปอีกด้านแก้อาการเมื่อย ผมลืมตาขึ้นมองดูประตูทางเข้าออกหอประชุม ว่ากันตามตรง ถ้าผมจะตะโกนขอให้ใครมาช่วยก็ย่อมทำได้ แต่ดึกป่านนี้แล้วใครจะมายืนอยู่หน้าหอประชุม แถมตอนนี้เองคงไม่มีใครอยากมาช่วยผมในฐานะที่ผมเป็น 'สัตว์ประหลาด' ในสายตาของม้าทุกตัวในเมืองนี้กันหละ

    ไม่มีทางที่จะเอาสร้อยคอออกมาจากทริซซี่เลยรึไงนะ ผมคิดด้วยความสงสัยข้อนั้น และพยายามข่มใจตนเองไม่ให้นึกถึงของกินเมื่อท้องของผมดังขึ้นอีก

    แกร๊ก!

    เสียงไขกุญแจดังขึ้นพร้อมกับประตูกรงขังที่เปิดออก และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบกับคนที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ นั่นก็คือเรนโบว์แดชนั่นเอง

    "เรนโบว์" ผมเรียกเธอก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกกรง เธอสวมกอดผมทันที ผมจึงกอดเธอกลับด้วยความโล่งอก

    "ทริซซี่ลืมไปว่าพวกฉันบินได้นะ" เรนโบว์แดชชูอุ้งเท้าให้ผมดูข้างบน ซึ่งทำให้ผมเห็นว่าหน้าต่างมันเปิดอยู่ "รีบไปเร็ว ก่อนที่ทริซซี่จะรู้ตัว"

    "แต่... ฉันยังบินไม่ได้นะ" ผมบอกเธอพร้อมกับกางปีกออกมา

    "ไม่ต้องห่วง เราออกทางนี้ได้" เรนโบว์แดชบอกก่อนที่จะบินนำทางผมไปยังประตูหลังของหอประชุม และเมื่อเรนโบว์แดชเคาะประตูราวกับส่งสัญญาณ ก็มีเสียงเวทมนต์ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก ซึ่งคนที่เปิดก็คือแรร์ริตี้นั่นเอง

    "แรร์ริตี้" ผมเรียกเธอด้วยความรู้สึกดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยูนิคอร์นสีขาวยิ้มกว้างให้ผม

    "ยังมีม้าที่ใช้เวทมนต์ได้อยู่ตรงนี้นะ อย่าลืมสิ" เธอบอก "มาเร็ว"

    ผมพยักหน้า ก่อนที่จะวิ่งตามเธอออกไปข้างนอก และนั่นทำให้ผมเห็นบรรยากาศในเมืองที่แตกต่างไปจากตอนกลางวันลิบลับเลยทีเดียว

    เมฆครื้มสีดำเกาะตัวแน่นอยู่เหนือเมืองราวกับฝนกำลังตกลงมาแต่ไม่ตก ธงประดับรูปทริซซี่แปะไปทั่วแทบทุกหลังเลยก็ว่าได้ แถมมีรูปปั้นทริซซี่วางตั้งเอาไว้ใจกลางเมืองอีกต่างหาก ราวกับว่าที่นี่ถูกปกครองโดยทริซซี่สมบูรณ์แบบไปแล้ว อารมณ์แบบนี้ทำให้ผมนึกถึงพวกพรรคนาซีไม่มีผิด และแน่นอนว่าไม่มีม้าโพนี่ตัวไหนออกมาเดินกลางถนนเลยแม้แต่ตัวเดียว

    แรร์ริตี้กับเรนโบว์แดชพาผมไปยังบ้านต้นไม้ ห้องสมุดของทไวไลท์ และเมื่อทั้งสองเปิดประตูให้ผมเข้าไป ผมก็พบกับแอปเปิ้ลแจ็ค พิงค์กี้พาย ฟรัทเทอร์ชาย และสไปค์กำลังง่วนอยู่กับการเปิดหนังสือตามชั้นหนังสืออยู่ ทุกตัวยิ้มกว้างเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา

    "เรารอนายอยู่เลย และคิดว่านายน่าจะปลอดภัยกว่าเมื่ออยู่ที่นี่นะ" แอปเปิ้ลแจ็คทักขึ้นพร้อมกับยกอุ้งเท้าไปบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ มีอาหารที่ทำจากแอปเปิ้่ลมากมายวางเอาไว้บนโต๊ะราวกับทำให้ผมล่วงหน้าแล้ว ผมเอ่ยขอบคุณเธอพร้อมกับเดินไปรับประทานอย่างรวดเร็วเพราะผมรู้สึกหิวมากจริงๆ

    "แล้ว ทริซซี่ยังไม่รู้ใช่ไหมว่าพวกเธออยู่ที่นี่นะ" ผมซึ่งกินพายแอปเปิ้ลหมดไปหนึ่งจานแล้วรีบถามด้วยความอยากรู้ทันที

    "ถ้าตอนนี้นะ ใช่" สไปค์ซึ่งแอบมองทางหน้าต่างแล้วบอก

    "เรามาหาวิธีการเอาสร้อยคออัลลิคอนออกมาจากทริซซี่นะ" แรร์ริตี้บอก "แต่เรนโบว์แดชอาศัยจังหวะที่ทริซซี่เผลอแล้วรีบไปช่วยนายออกมาก่อน"

    เรนโบว์แดชยืดอกกลางอากาศขณะที่เธอยังบินอยู่อย่างภาคภูมิใจ ผมซาบซึ้งนํ้าใจเธอมากที่ยังเป็นห่วงผมอยู่

    "ขอบคุณมากนะ ดูเหมือนว่าทริซซี่คิดจะใช้... ตัวฉันเป็นประโยชน์กับเธออยู่" ผมซึ่งกินอาหารบนโต๊ะหมดแล้วก้มหน้าลงบนโต๊ะด้วยความเคร่งเครียด เพราะคำว่าสัตว์ประหลาดยังคงวนเวียนดังก้องในหัวของผม แอปเปิ้ลแจ็คใช้อุ้งเท้าของเธอจับคางผมให้เชิดหน้าขึ้น

    "อย่าคิดมากพ่อหนุ่มนํ้าตาลก้อน ถึงนายจะเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาเธอ แต่สำหรับเราแล้ว นายคือเพื่อนที่ดีที่สุดเสมอ"

    ม้าทุกตัวยิ้มพร้อมกับพยักหน้าให้ผม และนั่นทำให้ผมผ่อนคลายอารมณ์ลงทันที

    "นั่นสินะ ก่อนอื่นเราต้องหาทางรับมือทริซซี่ก่อน" ผมยืนขึ้นและมองไปรอบๆ "เจออะไรบ้างไหม"

    "อื้ออื่อ อืออั๊นอันอั๊ยเอออาไอเอย" พิงค์กี้พายพูดออกมา ปากของเธอยังไม่ได้คืนมาเลย

    "ฉันรู้พิงค์กี้ ฉันก็ยังไม่เจออะไรเหมือนกัน" แอปเปิ้ลแจ็คพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงท้อเล็กน้อย "ครั้งนี้ทริซซี่เล่นใช้เวทมนต์ในการคุ้มกันสร้อยคออัลลิคอน จะให้เรนโบว์ไปคว้ามาเหมือนตอนควีนคริสซาลิสก็ไม่ได้อีก"

    "มันน่าจะมีอะไรบางอย่างสิ ทไวไลท์มีหนังสือเวทมนต์ทุกเล่มอยู่ในนี้นะ" สไปค์บอก

    "เอ่อ ดูเหมือนฉันเจออะไรบางอย่างนะ..." ฟรัทเทอร์ชายเอ่ยออกมาพร้อมกับหนังสือในอุ้งเท้าของเธอ แต่เสียงเธอเบามากจนไม่มีใครสังเกต

    "ดูเหมือนว่าเราจะต้องตกอยู่ใต้อาณัติการปกครองของทริซซี่แล้วรึไงเนี่ย" แรร์ริตี้ครํ่าครวญออกมา

    "เอ่อ มันฟังดูแย่นะ.." ฟรัทเทอร์ชายยังพูดออกมาอีก แต่เสียงเธอก็ยังคงเบาจนไม่มีใครได้ยิน

    "เธอต้องการให้ฉันปลูกแอปเปิ้ลโดยที่มันไม่มีเปลือก! แล้วฉันจะทำได้ยังไงละนั่น" แอปเปิ้ลแจ็คบอกด้วยนํ้าเสียงชวนสงสัย

    "เอ่อ... มันมีรูปเกี่ยวกับสร้อยคออัลลิคอน..." ฟรัทเทอร์ชายพยายามที่จะบอกกับม้าทุกตัวอีกเหมือนเดิม แต่แน่นอนว่าเสียงเธอเบาจนยังไม่มีใครได้ยิน

    "ถ้าเรารู้ข้อมูลอะไรส่งให้ทไวไลท์บ้างก็คงดี" เรนโบว์แดชที่กำลังบินไล่มองชื่อหนังสือจากสันปกเอ่ย

    "รู้ไหมว่าตอนนี้เธออยู่ไหนนะ" ผมรีบถามคำถามนี้ทันที

    "ยังเลย ไม่มีใครรู้เลยว่าเธออยู่ไหน ถ้าใครเข้าไปใกล้โถแก้วยักษ์ ทริซซี่จะรู้ทันที" แอปเปิ้ลแจ็คถอนหายใจออกมา

    "ไม่หรอก ถ้าเราอ่านตรงนี้..." ฟรัทเทอร์ชายพยายามพูดด้วยนํ้าเสียงค่อย แต่แล้วสไปค์ก็หยิบหนังสือมาจากเธอทันที

    "เฮ้ พวกเรา ดูนี่สิ หนังสือเล่มนี้มีบอกรายละเอียดของสร้อยคออัลลิคอนด้วยหละ" สไปค์รีบบอก ซึ่งทำให้ทุกตัวเดินไปใกล้ๆ เพื่อมุงดูทันที

    "รู้สึกมันเป็นหนังสือที่ทไวไลท์อ่านเป็นเล่มแรกๆ เลยนิ ใช่ไหม" ผมถาม เพราะผมเห็นเธอพยายามอ่านเล่มนี้หลายรอบเพื่อหาวิธีแก้คำสาปให้ผม แต่ก็ไม่เจอ

    "ถ้าเธอได้อ่านต่อ เธอก็จะเจอ..." ฟรัทเทอร์ชายซึ่งบินอยู่ข้างๆ บอกต่อด้วยนํ้าเสียงค่อยเหมือนเดิม

    "น่าจะใช่นะ นี่ไง สร้อยคออัลลิคอนสามารถใช้พลังเวทย์ในการคุ้มกันคนใส่ได้ และนอกจากคนใส่แล้ว จะไม่มีโพนี่ตัวไหนไปแย่งสร้อยคอมาจากเธอได้" สไปค์อ่านเนื้อหาให้ฟัง

    "แสดงว่าควีนคริสซาลิสไม่ได้เสกเวทมนต์คุ้มกันสร้อยคออัลลิคอนสินะ หรือเสกไม่ได้เพราะเจ้าตัวมัวแต่ใช้เวทมนต์ถล่มเมืองฉันอยู่" ผมแสดงความเห็น เพราะตอนที่พวกผมเห็นว่าเธอสวมใส่สร้อยคออัลลิคอนตอนนั้น เธอยังใช้พลังเวทมนต์สร้างบาเรียอยู่

    "ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราต้องทำอะไรซักอย่าง ในเมื่อเรายังไม่รู้ว่าทริซซี่เอาสร้อยคอมาได้ยังไง บางทีอาจจะร่วมมือกับควีนคริสซาลิสก็ได้" แรร์ริตี้แสดงความเห็นบ้าง

    "ไม่หรอก ถ้าทริซซี่ร่วมมือกับควีนคริสซาลิสจริง ป่านนี้คงทำมากกว่าไล่ทไวไลท์ออกนอกเมืองแล้ว" แอปเปิ้ลแจ็คสันนิษฐาน

    ผมยกอุ้งเท้าหน้าตนเองลูบคางเพื่อใช้ความคิด และผมก็มองเห็นปีกของฟรัทเทอร์ชายที่บินอยู่ และทำให้ผมนึกอะไรออกทันที

    "เราต้องรีบแจ้งข่าวนี้กับทไวไลท์ แจ้งให้เธอรู้เรื่องสร้อยคออัลลิคอน เธอต้องรู้แน่ว่าต้องทำยังไง" ผมเสนอความเห็น

    "ความคิดใช้ได้ ถ้างั้นเราก็ต้องมองหาใครซักคนที่เหมาะสมในการแอบออกไปนอกเมือง" แอปเปิ้ลแจ็คพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    "งั้นก็ต้องเป็นคนที่รู้เรื่องป่าดีที่สุด ฟรัทเทอร์ชายไง!" เรนโบว์แดชพุ่งบินไปทางฟรัทเทอร์ชายแล้วจับอุ้งเท้าของเธอชูขึ้นทันที

    "อะไรนะ!" เจ้าตัวร้องออกมาก่อนที่จะร่อนลงจนนั่งบนพื้นและรีบเอาหนังสือปิดหัวตัวเองด้วยความหวาดกลัวทันที

    "ใช่เลย! ฟรัทเทอร์ชายน่าจะเหมาะสมในการรับหน้าที่นี้ดีที่สุด" แอปเปิ้ลแจ็คยิ้มกว้าง

    "ฉันเห็นด้วยนะ ฟรัทเทอร์ชายสื่อสารกับสัตว์ได้ เธอน่าจะให้พวกสัตว์ช่วยตามหาทไวไลท์ว่าเธออยู่ที่ไหน" ผมเองก็เห็นด้วยที่จะใช้ฟรัทเทอร์ชายไป

    "ไม่...ไม่.... ฉันอยากจะเช็ดความดันก่อน" เธอครางออกมา

    "เยี่ยมมาก! ฟรัทเทอร์ชายจะเป็นคนแอบออกไปนอกเมืองแล้วไปตามหาทไวไลท์!" เรนโบว์แดชจับฟรัทเทอร์ชายให้ลอยกลางอากาศ ก่อนที่จะปล่อยให้เจ้าตัวร่วงลงพื้นห้องสมุดอีกรอบ และดูเหมือนทุกตัวจะลงมติเอกฉันท์ (โดยไม่ถามความเห็นเจ้าตัว) เรียบร้อย

    "ถ้างั้น เริ่มแผนการกันได้เลย" เรนโบว์แดชเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นอุ้งเท้าให้ทุกตัวแตะกัน แน่นอนว่าผมเองก็ยื่นไปบ้าง พอทุกตัวมองไปทางฟรัทเทอร์ชายที่ยังตัวสั่นอยู่ เธอก็ถอนหายใจแล้วก็หลับตาแน่นอน

    "ก็ได้" เธอยื่นอุ้งเท้าของเธอมาจับบ้าง

    "เอาหละ วางแผนกันเถอะ ดูเหมือนฉันจะได้ไอเดียในการออกแบบชุดใหม่ของฟรัทเทอร์ชายในการทำภารกิจนี้แล้วนะ" แรร์ริตี้พูดออกมาอย่างตื่นเต้น ส่วนฟรัทเทอร์ชายนั้นยังตัวสั่นด้วยความกลัวออกมาอยู่ดี

    ผมเสนอให้ซ่อนตัวฟรัทเทอร์ชายเอาไว้ในท่อนซุงขนาดใหญ่ แล้วให้พวกบีเวอร์เป็นตัวล่อให้ทริซซี่เปิดโถยักษ์ออก (ตามที่ฟรัทเทอร์ชายบอก ว่าในเมืองนี้มีตัวบีเวอร์ถูกขังเอาไว้ด้วย) ซึ่งทุกตัวก็เห็นด้วยกับแผนการนี้ทันที และจากนั้นม้าทุกตัวจึงได้เริ่มแผนการในการช่วยพาเธอในการแอบออกไปนอกเมืองทันที

     

    -------------------------------------------

     

    เช้าวันต่อมา หลังจากที่ฟรัทเทอร์ชายได้แอบออกไปนอกเมืองสำเร็จตามแผนที่วางไว้แล้ว (และดูเหมือนว่าทริซซี่จะฟังสัตว์บ่นใส่เธอไม่ออกจริงๆ ตามที่ผมคาดการณ์เอาไว้) ผมได้ซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุดของทไวไลท์กับสไปค์ บางเวลาผมต้องวิ่งลงไปซ่อนตัวในห้องทดลองใต้ดินเมื่อทริซซี่มาตรวจห้องสมุดเพื่อตามหาผม แต่ก็ยังดีกว่าผมถูกขังเอาไว้ในหอประชุมที่ไม่มีอะไรให้กินและอะไรให้ทำเลย เพราะอยู่นี่สไปค์ก็ทำอาหารให้ผมกินได้ตลอด ส่วนผมก็ช่วยทำความสะอาดห้องสมุดของทไวไลม์ไปพลางๆ แก้เบื่อ ในขณะที่ม้าตัวอื่นๆ ยอมออกไปทำงานตามที่ทริซซี่สั่งเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต

    หลังจากเลยมื้อเที่ยงได้ไม่นาน ฟรัทเทอร์ชายก็วิ่งกลับมาที่ห้องสมุดพร้อมกับตัวอื่นๆ (ลอบเข้ามาโดยใช้บีเวอร์อีกชุดหนึ่งขนท่อนซุงออกไป สลับจังหวะให้ฟรัทเทอร์ชายที่ซ่อนตัวในซุงอีกจุดหนึ่งลอบเข้ามา) เธอได้แจ้งว่าทไวไลท์ตอนนี้ได้ไปอยู่บ้านของซินโคร่าและสบายดี เธอได้นำจดหมายจากทไวไลท์ที่ระบุแผนการในการรับมือกับทริซซี่มาอ่านให้ทุกคนฟัง ซึ่งผมเองก็เห็นด้วยกับวิธีการของทไวไลท์ ซึ่งน่าจะหลอกทริซซี่ได้อยู่หมัด

    "โอเค ที่เหลือก็แค่อย่าให้ทริซซี่จับได้ว่าเรากำลังเริ่มแผนการนี้" ผมบอก ซึ่งทุกตัวก็พยักหน้า

    "งั้นเจอกันที่บ้านฉันนะ อุปกรณ์ฉันพร้อมเสมอ" แรร์ริตี้บอก

    ก่อนที่ม้าทุกตัวจะตอบรับ เสียงของทริซซี่ที่ดังอยู่ข้างนอกทำให้พวกเราเงียบกริบทันที โดยเฉพาะผม

    "ออกมาเดี๋ยวนี้นะไอ้สัตว์ประหลาด ฉันรู้ว่าแกยังอยู่ในเมืองนี้" สียงของทริซซี่ดังมากราวกับเธอใช้โทรโข่งในการประกาศเรียก ผมแอบมองไปนอกหน้าต่าง ซึ่งมองเห็นว่าทริซซี่ใช้โทรโข่งในการประกาศจริงๆ โดยที่มีม้าโพนี่ตัวอื่นๆ กำลังมุงดูเธออยู่ และดูเหมือนถูกบังคับเรียกตัวออกมามากกว่า

    "ตามจิกไม่เลิกจริงๆ แฮะยัยนี่" ผมวิจารณ์ สไปค์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    "ถ้าไม่คิดจะออกมาละก็ ฉันจะเริ่มเผาบ้านในเมืองนี้ทีละหลังเลยเป็นไง" ทริซซี่ยิ้มเยาะออกมา และนั่นทำให้ชาวเมืองโพนี่วิลด์หลายตัวจ้องมองเธอด้วยความไม่พอใจมากยิ่งขึ้น หลายตัวเริ่มเครียดและร้องไห้ออกมาทันที

    "มันจะมากเกินไปแล้วนะทริซซี่" แอปเปิ้ลแจ็คทำท่าจะเดินออกไปขวาง แต่ผมรีบยกอุ้งเท้ากันเธอทันที

    "เราจะให้ทริซซี่รู้แผนการของเราไม่ได้นะ รีบไปทำตามแผนเถอะ" ผมรีบบอกกับทุกตัวก่อนที่ผมจะเดินไปที่ประตูหน้าห้องสมุด

    "นี่นายจะออกไปจริงเหรอ" เรนโบว์แดชถามด้วยความเป็นห่วง เพราะทุกตัวรู้ว่าม้าในเมืองนี้รับรู้แล้วว่าผมไม่ใช่ม้าโพนี่

    "มันเป็นทางเลือกเดียวที่ฉันจะทำได้ ไม่ต้องห่วงหรอก ทำตามแผนเถอะ" ผมบอกกับทุกตัวโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามอง

    "แต่..."

    ผมไม่รอคำตอบจากเพื่อนผม ผมผลักประตูเดินออกไปนอกห้องสมุดทันที และเดินไปยังใจกลางเมืองที่ทริซซี่ยังคงประกาศเรียกตัวผม

    "ฉันรู้นะว่าแกได้ยิน เจ้าสัตว์ประหลาด ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ออกมาอีก ฉันจะเผาเดี๋ยวนี้แหละ!" ทริซซี่เสกคบเพลิงขนาดยักษ์เหนือบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ม้าทำงานตัวสีเขียวร้องไห้ออกมาทันที เพราะนั่นเป็นบ้านของเธอเอง

    "หยุดเดี๋ยวนี้ทริซซี่ ฉันออกมาแล้วไง"

    ผมตะโกนห้ามเธอ ซึ่งเมื่อทริซซี่หันมามองผม เธอเสกคบเพลิงนั้นหายวับกลางอากาศทันทีพร้อมกับยิ้มเยาะ ชาวเมืองโพนี่วิลด์ต่างซุบซิบทันทีเมื่อมองเห็นผม หลายตัวเดินถอยหลังด้วยความหวาดกลัว

    "แหม๋ แหม๋ แหม๋ มาจนได้นะเจ้าสัตว์ประหลาด เสียเวลาหาตั้งนาน" เธอพูดด้วยนํ้าเสียงกึ่งประชด

    "อยากพูดอะไรก็เชิญ" ผมจ้องมองเธอกลับอย่างไม่เกรงกลัว

    "โอ้! นี่แสดงว่ายอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอนะไม่ใช่โพนี่ แต่เป็นสัตว์ประหลาดนะ" ทริซซี่ผมผมด้วยความสะใจ และนั่นทำให้ม้าตัวอื่นๆ มองผมด้วยสายตาหวาดกลัวมากขึ้น

    "แล้วยังไง" ผมถามเธอ

    "ว่าอะไรนะ" อีกฝ่ายยักคิ้วถามด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

    "ฉันเป็นสัตว์ประหลาด แล้วยังไง" ผมเดินเข้าไปหาเธอเรื่อยๆ โดยฝืนทำใจกล้าไว้ "ถึงเธอจะรู้ว่าฉันเป็นสัตว์ประหลาด แต่เธอก็ไม่รู้อยู่ดีว่าฉันเป็นตัวอะไร และทำอะไรได้บ้าง ใช่ไหมหละ"

    ผมเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ซึ่งคำพูดสุดท้ายทำให้เธอผงะเล็กน้อย แต่เธอก็ปั้นหน้าใจกล้าและยิ้มเยาะเหมือนเดิม

    "แต่ถึงนายจะทำอะไรฉันได้ นายก็ไม่มีทางเอาชนะฉันที่มีพลังเวทย์สูงส่งได้หรอกหน่า" ทริซซี่อวดอ้าง

    ยัยขี้โกงเอ้ย ผมคิด แต่คำพูดของเธอก็ทำให้ผมสะดุด เพราะไม่รู้จะโต้ตอบอะไรมาเหมือนกัน

    "แล้วคำตอบหละ ว่ายังไง จะร่วมมือกับฉันไหม" เธอถามผม

    "ไม่มีวัน" ผมยืนยันคำตอบเดิม

    "ถ้างั้นก็ดี เพราะฉันจะได้เสกให้นายกลับร่างเดิม ไปยังร่างอัปลักษณ์นั่นและล้างความทรงจำให้นายมาเป็นทาสฉันตลอดกาล" ทริซซี่ประกาศเสียงดังลั่น และนั่นทำให้โพนี่หลายตัวร้องออกมาด้วยความตกใจ

    ผมมองไปยังนอกเมือง ทางเดียวกันกับที่ทไวไลท์โดนขับไล่ไปเมื่อวานซืน ถ้าตามเวลาในจดหมายที่เธอบอก เธอต้องกลับมาแล้ว

    "เตรียมตัวให้ดีละ เจ้าสัตว์ประหลาด บอกลาความทรงจำของนายซะ เพราะนับจากนี้ นายจะเป็นของฉัน ตลอดกาล!!"

    เธอเสกเชือกออกาแล้วก็มัดขาและตัวของผมเอาไว้ จนผมล้มลงนอนกองกับพื้นและขยับไปไหนไม่ได้ ก่อนที่ตัวของผมจะถูกเวทมนต์ของเธอลอยขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับแสงเวทย์สีแดงของเธอที่เปร่งแสงรอบตัวผมเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงโพนี่หลายตัวร้องออกมาเสียงดัง หลายตัวเริ่มวิ่งหนีออกไปจากพื้นที่นี้ และหลายตัวเริ่มร้องไห้ออกมา

    ลมหายใจของผมหนักและถี่ขึ้น ถึงผมจะไม่รู้ว่าท้ายสุดแล้วเธอจะล้างความทรงจำผมได้จริงรึเปล่า แต่ถ้าเธอใช้เวทมนต์อะไรใส่ผมอีก โอกาสที่ผมจะกลายร่างเป็น Changeling มีสูงมาก และนั่นทำให้ผมเริ่มหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นเมื่อผมมองเห็นว่าทริซซี่มันเอาจริงด้วย

    ฝากด้วยหละ ทุกคน ผมหลับตาแน่นเพราะรู้ว่าคงไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว

    แต่ทว่า เธอกลับปล่อยผมกลางอากาศจนผมตกกระทกลงกับพื้น และเมื่อผมลุกขึ้นมอง ปรากฎว่าทริซซี่นั้นใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจสุดขีด

    "ใครมันบังอาจคิดที่จะเข้ามาในเมืองนี้นะ" เธอเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจนัก ก่อนที่เธอจะเสกเตียงขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยทองคำ และดูเหมือนว่าม้าเกรียนสองตัวที่ชื่อสนิ๊ปกับสเนลนั้นจะถูกใช้เป็นม้าลากอยู่ข้างหน้า

    "สนิ๊ป สเนล รีบไปเดี๋ยวนี้ ส่วนนายเจ้าสัตว์ประหลาด ฉันจะมาจัดการกับนายทีหลัง" ทริซซี่มองมาทางผมพร้อมกับเอ่ย

    "ไม่คิดจะขังฉันไว้อีกรึไง" ผมถามเธอไปแบบนั้น เพราะไม่เห็นเธอทำอะไรผมเหมือนเมื่อวาน

    "ไม่จำเป็นหรอก เพราะตอนนี้นายก็ถูกขังในเมืองนี้แล้วไง" ทริซซี่เยาะเย้ยออกมา ก่อนที่จะเสกแส้ขึ้นมากลางอากาศแล้วฟาดใส่สนิ๊ปกับสเนลจนทั้งสองตัวต้องลากพาเธอไปทันที แถมเตียงที่ว่าไม่มีล้ออีกต่างหาก ผมดูแล้วคงหนักหลายกิโลแน่ๆ ถึงจะเห็นใจทั้งคู่แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ซะด้วย

    แต่แทนที่ผมจะไปเห็นใจสองตัวนั้น ผมควรห่วงตัวเองมากกว่า เพราะตอนนี้ม้าในเมืองหลายตัวจ้องมองผมทั้งความสงสัย ทั้งไม่ไว้ใจและหวาดกลัว

    "มันหมายความว่ายังไงเหรอที่นายเป็นสัตว์ประหลาดนะ" โพนี่ที่ชื่อบอนบอน ถามด้วยความกลัวๆ กล้าๆ "นายเป็นใครกันแน่"

    ม้าโพนี่หลายตัวพึมพำออกมาอย่างเห็นด้วย ทุกตัวต้องการให้ผมบอกตำตอบออกมา ผมจ้องมองดูทริซซี่ที่ตอนนี้จากไปไกลแล้ว พร้อมกับมองไปทางบ้านของแรร์ริตี้ เพื่อให้ดูว่าแผนการทำเสร็จแล้วรึยัง

    "ทริซซี่พูดถูกอย่าง ฉันไม่ใช่โพนี่" ผมสารภาพความจริง และนั่นทำให้ทุกตัวฮือฮาด้วยความตกใจทันที

    "แต่ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำอะไรทุกตัวหรอก" ผมบอกต่อเมื่อมองเห็นใบหน้าของม้าทุกตัว "ไม่ว่าฉันจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม ตอนนี้ฉันก็คือพลเมืองของโพนี่วิลด์ แต่ตอนนี้เราต้องหาทางจัดการกับทริซซี่ให้ได้ก่อน เสร็จเรื่องแล้ว ฉันสัญญาว่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง"

    "จัดการงั้นเหรอ นายจัดการทริซซี่ยังไงไม่ทราบ" ยูนิคอร์นสีเขียวแผงคอสีเขียวอ่อนสลับขาวถามผม เธอเหมือนจะเป็นเพื่อนกับบอนบอน เพราะยืนข้างๆ กัน

    "ไม่ใช่ฉันตัวเดียวหรอก คอยดูละกัน" ผมยิ้มบอก ก่อนที่จะควบไปทางบ้านของแรร์ริตี้ ทิ้งคำถามข้อสงสัยให้ม้าทุกตัวเอาไว้ เพราะผมยังไม่สามารถบอกพวกเขาได้นั่นเอง

     

    ------------------------------------

     

    คนที่พยายามบุกเข้ามาในเมืองตามที่ทริซซี่สงสัยนั่นก็คือทไวไลท์นั่นเอง เธอได้มาพร้อมกับซินโคร่า โดยทไวไลท์ได้บอกว่าตนเองได้รับสร้อยคอพลังเวทย์วิเศษจากป่าเอเวอร์ฟรีมา ซึ่งน่าจะมีพลังมากกว่าสร้อยคออัลลิคอนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทริซซี่แรกๆ ย่อมไม่เชื่ออยู่แล้ว แต่หลังจากที่ทไวไลท์ยั่วทริซซี่เพื่อท้าให้ดวลเวทมนต์รอบที่สองต่อ ในที่สุด ทริซซี่จึงได้ถอนเวทย์โถยักษ์ที่ครอบเมืองเอาไว้เพื่อให้ทไวไลท์เข้ามาดวลกับเธอต่อทันที

    สถานที่นัดดวลกันก็คือ หน้าหอประชุมของเมืองเพื่อดวลกันต่อหน้าม้าทุกตัวในเมือง ซึ่งที่นั่น แผนการของทไวไลท์ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น

    "เริ่มจากเวทย์อายุขัยเป็นยังไง" ทริซซี่ท้า

    "ได้เลย" ทไวไลท์รับคำ เธอสวมใส่สร้อยคอที่มีหินแกะสลักสีเขียวเอาไว้บนคอของเธอ

    ทริซซี่ได้เสกให้สนิ๊ปและสเนลอยู่ในร่างเด็กทารกอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ถึงตาทไวไลท์ที่จะต้องใช้เวทมนต์ความสามารถนี้บ้าง โดยเธอได้เรียกให้แอปเปิ้ลแจ็คและแรร์ริตี้มาสาธิตพลังเวทย์ และเมื่อทไวไลท์เสกพลังเวทย์ใส่ ก็พบว่าแอปเปิ้ลแจ็คกับแรร์ริตี้ร่างผู้ใหญ่หายไป และมีร่างเด็กมายืนแทน และนั่นทำให้ทริซซี่อ้าปากค้างทันที

    "ดูเหมือนเธอจะใช้เวทย์อายุขัยได้แล้วสินะ ทำได้ดีนิ" ทริซซี่บอกโดยที่มีนํ้าเสียงแอบตะลึงเล็กน้อย

    แต่ดูเหมือนทไวไลท์จะทำได้มากกว่านั้น เพราะว่าเธอสามารถเสกให้ทั้งคู่กลับมาเป็นร่างผู้ใหญ่ และเสกให้ตัวใดตัวหนึ่งอยู่ทั้งร่างเด็กและร่างม้าแก่ได้เรื่อยๆ หลายครั้งจนทริซซี่เริ่มเอ๊ะใจในความสามารถของสร้อยคอที่ทไวไลท์ใช้

    "มันเป็นไปไม่ได้" เธอพูดด้วยนํ้าเสียงที่ไม่น่าเชื่อ

    "ไม่มีอะไรเล้ย" ทไวไลท์หันไปเสกใส่เรนโบว์แดชที่ยืนอยู่ข้างหลัง และจากนั้นก็ปรากฎว่ามีเรนโบว์แดชออกมาถึงสองตัวในคราวเดียวกัน และทั้งคู่ก็จ้องมองดูกันเองราวกับเงากระจกสะท้อนกันทีเดียว

    "นี่เธอทำได้ยังไง" ทริซซี่ยังคงอึ้งไม่หาย

    "ก็แค่เวทย์กอปปี้เอง" ทไวไลท์บอก "แล้วเคยเห็นม้าโพนี่ที่เคยเล่นเครื่องดนตรีสิบชิ้นในคราวเดียวกันมั้ย ?"

    เปรี้ยง!

    ทไวไลท์เสกไปทางพิงค์กี้พายบ้าง และปรากฎว่าทั้งตัวเธอก็มีอุปกรณ์เครื่องดนตรีหลากหลายชนิดอยู่บนตัวเธอ ทั้งกลอง แตร ทรัมเป็ด และอื่นๆ แถมเธอยังสามารถเล่นเครื่องดนตรีทั้งหมดพร้อมกันได้อีกต่างหาก

    "มัน.. มันไม่มีทางเป็นไปได้" ยูนิคอร์นสีฟ้ายังคงอึ้งไม่หาย

    "อู้ว แถมอีกนิ๊ส ฉันยังเสกให้ม้าสาวสลับเพศเป็นม้าหนุ่มได้ด้วยนะ" ทไวไลท์มองไปทางแอปเปิ้ลแจ็ค ดูเหมือนเจ้าตัวจะรีบโกยเท้าเพื่อหนีจากเวทย์ของเธอ

    เปรี้ยง!

    แต่ก็ไม่ทัน เพราะว่าทไวไลท์เสกไปก่อน และนั่นก็ทำให้แอปเปิ้ลแจ็คมีร่างเป็นม้าหนุ่มทันที รูปร่างหน้าตาของเธอคล้ายกับบิ๊ก แม็คอินทอช พี่ชายของเธอไม่มีผิด ก่อนที่ทไวไลท์จะเสกเวทย์ใส่เธอ และเมื่อม่านควันจางออก แอปเปิ้ลแจ็คก็กลับมาร่างม้าสาวเหมือนเดิมในสภาพที่เหนื่อยหอบเล็กน้อย

    "ทริซซี่ ดูเหมือนว่าสร้อยคอของฉันนี่จะมีพลังเหนือกว่าสร้อยคออัลลิคอนของเธอนะ... เฮ้! เอากลับมานะ!"

    ทไวไลท์ได้อวดสรรพคุณของสร้อยคอเธอให้ทริซซี่ฟัง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะใช้พลังเวทย์ดึงสร้อยคอจากทไวไลท์เอาไปซะก่อน

    "หึๆๆๆ ด้วยสร้อยคออันนี้ ฉันจะสร้างกฎใหม่ให้กับอีเควสเทรีย" ทริซซี่ใช้พลังเวทย์ของเธอแกะสร้อยคออัลลิคอนออก แล้วก็สวมสร้อยคอจากทไวไลท์ไปแทนที่ทันที

    "จงเป็นพยาน ชาวเมืองโพนี่วิลด์ จงมองดูทริซซี่ที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิม! ฮ่าฮ่าฮ่า" เจ้าตัวหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

    เฟี้ยวว!

    ทันใดนั้น เรนโบว์แดชได้ฉวยโอกาสที่ทริซซี่กำลังหัวเราะ บินโฉบเอาสร้อยคออัลลิคอนออกมาจากมือของเธอทันที

    "เฮ้! แต่ช่างเหอะ ฉันไม่ต้องการสร้อยคออัลลิคอนนั่นหรอก! เพราะฉันนี่แล้ว!"

    ทริซซี่พูดจบก็เสกเวทย์ใส่เรนโบว์แดชทันที แต่ดูเหมือนเรนโบว์แดชจะไม่ได้เป็นอะไรมากเลยนอกเสียจาก...

    "ฮ่าฮ่าฮ่า อย่านะ มันจั๊กจี๊" เจ้าตัวหัวเราะลั่นกลางอากาศ

    "จั๊กจี๋เหรอ ? เธอควรที่จะเจ็บปวดทรมานสิ! สร้อยคอนี่มันคือความผิดพลาด! เอามันคืนมา!!" ทริซซี่เริ่มทวงสร้อยคออันเก่าของเธอ แต่เรนโบว์แดชรีบบินห่างจากเธอทันที

    "เสียใจด้วยนะ มันจะต้องถูกเก็บซ่อนไว้แล้วหละ" เรนโบว์แดชเก็บสร้อยคออัลลิคอนไว้ในหีบที่ซินโคร่าเตรียมเอามาเอาไว้

    "อ้อ อีกอย่างนะทริซซี่ สร้อยคอที่เธอสวมเนี่ย มันก็แค่ทำมาจากของประดับชิ้นหนึ่งของบ้านซินโคร่านะ" ทไวไลท์เดินเข้าไปเฉลยความจริงกับเธอ ซึ่งเมื่อพูดจบ หินสลักสีเขียวก็หลุดจากสร้อยคออย่างง่ายดายราวกับแต่ติดมันไว้เฉยๆ

    "แต่... ทำไมเธอใช้เวทย์เยอะขนาดนั้นได้หละ ? ไม่มีใครทำได้ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ" ทริซซี่ถามด้วยความสงสัยและยังอึ้งต่อเมื่อรู้ว่าที่ทไวไลท์โชว์เมื่อกี้นี้ไม่ได้มาจากพลังของสร้อยคอเก๊

    "ถูกต้อง ไม่แม้แต่ฉัน" ทไวไลท์ยิ้ม

    เธอได้เฉลยคำตอบว่า เธอไม่มีทางที่จะเพิ่มความสามารถพลังเวทย์ได้ในระยะเวลาอันสั้นและไม่มีสร้อยคออัลลิคอน ดังนั้นจึงต้องใช้สิ่งอื่นมาทดแทน นั่นก็คือ เวทมนต์แห่งมิตรภาพ เธอได้ให้เพื่อนๆ ของเธอช่วยปลอมตัวกันและกันเพื่อตบตาทริซซี่ แอปเปิ้ลบลูม น้องสาวของแอปเปิ้ลแจ็ค และสวิตตี้เบล น้องสาวของแรร์ริตี้ ได้ปลอมตัวเป็นพี่สาวของตนเองในร่างเด็ก ส่วนคุณยายแกรนสมิธ และบิ๊ก แม็คอินท็อช ก็ได้ปลอมตัวเป็นแอปเปิ้ลแจ็คตอนแก่และเป็นม้าหนุ่ม ส่วนฟรัทเทอร์ชายก็ปลอมตัวเป็นเรนโบว์แดชร่างแยกนั่นเอง

    "แล้ว... ที่้โพนี่เล่นเครื่องดินตรีสิบชิ้นพร้อมกันนั่นหละ" ทริซซี่ถามไปยังพิงค์กี้พายที่ยังเล่นเครื่องดนตรีของเธออยู่

    "นั่นมันไม่ใช่เวทมนต์หรอก นั่นมันก็แค่พิงค์กี้พาย" ทไวไลท์เฉลยต่อ และนั่นทำให้ชาวเมืองหลายตัวร้องเฮลั่นออกมาด้วยความยินดี เมื่อทริซซี่แพ้หมดรูป

    ส่วนตัวผมเองนั้นก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อแผนการสำเร็จ ผมมองไปยังแอปเปิ้ลบลูม , สวิตตี้เบล , คุณยายแกรนสมิธ และบิ๊ก แม็คอินทอช ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผม ผมหลบอยู่หลังรูปปั้นทริซซี่ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัวของพวกเรา แล้วคอยให้สัญญาณตามลำดับเวทย์ที่ทไวไลท์จะใช้หลอกทริซซี่ตามในกระดาษที่เธอลิสต์ออกมานั่นเอง และเมื่อพวกเขาได้เดินออกไปร่วมแสดงความยินดีแล้ว ผมเองก็กำลังจะเดินออกไปด้วย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงม้าตัวที่ชื่อ บอนบอน ทักขึ้น

    "เดี๋ยวก่อนนะ ถึงเราจะจบเรื่องทริซซี่ได้ แล้วเจ้าตัวประหลาดนั่นหละ" เธอถามทไวไลท์

    "ตัวประหลาดอะไรเหรอ" ทไวไลท์ยักคิ้วถาม

    "ก็เพื่อนเธอไง ทริซซี่ได้ใช้เวทย์อะไรไม่รู้ทำให้เขากลายร่างเป็นตัวประหลาด และเจ้าตัวก็บอกพวกเราเองด้วยว่าเขาก็ไม่ใช่โพนี่ งั้นเขาเป็นใครมาจากไหนหละ" บอนบอนถามต่อ ซึ่งนั่นทำให้ม้าตัวอื่นๆ ได้เข้ามารุมถามเธออย่างรวดเร็ว

    "เอ่อ ฉันคิดว่าเราควรที่จะไปถามทริซซี่ก่อนนะ ว่าเธอได้สร้อยคออัลลิคอนมาได้ยังไง" ฟรัทเทอร์ชายที่ยังอยู่ในร่างเรนโบว์แดชบินลงมาบอกกับทุกคน

    ทไวไลท์มองไปทางทริซซี่ที่ตอนนี้ดูเหมือนเจ้าตัวจะหนีไปไหนไม่ได้เพราะโดนม้าผู้ชายหลายตัวมายืนขวางเอาไว้เพื่อสนับสนุนคำพูดของฟรัทเทอร์ชายเต็มที่ ยูนิคอร์นสาวถอนหายใจออกมาก่อนที่จะพยักหน้า

    "ฉันเองก็คิดแบบนั้น เอาหละทริซซี่ เรามีเรื่องต้องคุยกัน" เธอบอก ก่อนที่จะนำทางทริซซี่ไปยังห้องสมุดของเธอโดยที่มีม้าตัวอื่นๆ มุงดู บางตัวยังเรียกร้องให้ทไวไลท์เล่าเรื่องของผมให้ทุกตัวฟัง

    ผมซึ่งยังยืนอยู่หลังรูปปั้นได้ยินคำพูดของม้าหลายตัว และก็เข้าใจได้ทันทีว่าม้าหลายตัวในเมืองนี้ยังคงหวาดกลัวและไม่ไว้ใจผม ผมก้มลงมองดูกีบเท้าของตนเองโดยที่ไม่เดินออกไปปรากฎให้พวกเขาเห็น และยังคงหลบซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นนั้นเอาไว้

     

    ------------------------------------

     

    "ฉันสาบานได้ ฉันได้สร้อยคอนี่มาจากร้านในแคทเทอร์ล็อชจริงๆ" ทริซซี่ตอบยืนยันเมื่อถูกทไวไลท์ชักถามเรื่องที่เธอได้สร้อยคอมายังไง

    "อ้อเหรอ น่าเชื่อตายหละ" เรนโบว์แดชกอดอกตัวเองขณะที่้เธอยังบินอยู่กลางอากาศ

    "เรนโบว์แดช" ทไวไลท์เตือนเธอ ซึ่งทำให้เพกาซัสแผงคอสีรุ้งทำหน้าเซ็งทันที

    "เล่ามาทั้งหมดซิ แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าสร้อยคออยู่ที่ไหน" ทไวไลท์ชักต่อ

    "ก็ ในช่วงเวลาที่ฉันทำงานในฟาร์มหิน ฉันได้ยินข่าวลือเรื่องของควีนคริสซาลิสบุกไปอีกโลกหนึ่งจากการที่เจ้าของฟาร์มคุยกับลูกค้านะ" ทริซซี่เล่า "ตอนแรกๆ ฉันก็ไม่เชื่อหรอก เพราะเรื่องของอีกโลกหนึ่งมันเป็นแค่เรื่องเล่า แต่หลังจากที่มีข่าวว่ามีกองทหารองค์รักษ์ของแคชเทอร์ลอชไปประจำการที่อาณาจักรคริสตัล รวมไปถึงได้มีการสร้างบาเรียคุ้มกันเมืองเหมือนตอนงานอภิเษกสมรสในเมืองแคชเทอร์ลอช มันก็เลยน่าเชื่อไปอีก ซึ่งมีข่าวลือมาด้วยว่า เหตุผลที่ควีนคริสซาลิสกลับมาได้ เพราะไอ้รับพลังเวทย์จากสร้อยคออัลลิคอน

    "ต่อจากนั้น ลูกค้าคนนั้นก็มาซื้อหินที่ฟาร์มบ่อยขึ้น และก็เริ่มเล่าเรื่องที่ว่ามีคนค้นพบสร้อยคออัลลิคอนแล้วในแคชเทอร์ล็อช แน่นอนว่าเจ้าของฟาร์มไม่ได้สนใจหรอก แต่หลังจากที่ฉันทำงานจนมีเงินเก็บมากพอแล้ว ฉันจึงมุ่งหน้าไปที่นั่น ตามร้านที่ลูกค้าตัวนั้นบอก แล้วฉันก็พบกับสร้อยคออัลลิคอนจริงๆ ฉันยังแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าของร้านเขาขายให้ฉันง่ายจัง แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกนอกจากเอามาใช้แก้แค้นเธอเนี่ยแหละ" ทริซซี่อธิบายต่อจนจบ

    "เธอจำได้ไหมว่าลูกค้าตัวนั้นเขามีหน้าตายังไง" แอปเปิ้ลแจ็คถาม

    "ไม่รู้เหมือนกัน อีกฝ่ายใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้าและลำตัวตลอดเวลา ไม่รู้ด้วยซํ้าว่าเป็นม้าเผ่าอะไรด้วย" ทริซซี่บอก ซึ่งแอปเปิ้ลแจ็คจ้องมองดูตาของทริซซี่ตลอดเวลา

    "ฉันว่าทริซซี่ไม่โกหกหรอก แววตาของเธอมีแต่ความจริง" แอปเปิ้ลแจ็คบอก ซึ่งทริซซี่พยักหน้าทันที

    "ฉันว่ามันน่าสงสัยเกินไปนะ ลูกค้าตัวนั้นนะ" ทไวไลท์ทำท่าครุ่นคิด "แต่ตอนนี้เราก็ได้สร้อยคอมาแล้ว ฉันจะส่งมอบให้เจ้าหญิงเมื่อท่านเสด็จมาที่โพนี่วิลด์ แต่ตอนนี้เราต้องเตรียมงานเพื่อต้อนรับเสด็จองค์หญิงก่อน พระองค์จะมาคืนนี้แล้ว ซินโคร่า คุณช่วยเก็บสร้อยคอไว้หน่อยนะ และพิงค์กี้ จับตามองดูทริซซี่ไว้ อย่าให้เข้าใกล้ซินโคร่าหละ"

    ซินโคร่าพยักหน้าตอบทันที ส่วนพิงค์กี้นั้นจ้องมองดูทริซซี่ทันทีจนทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัด

    "ถ้างั้น เรารีบเตรียมงานเถอะ ก่อนที่องค์หญิงจะมา" ทไวไลท์ใช้พลังเวทย์ของเธอเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปทันที ทิ้งเอาไว้ให้ทริซซี่อยู่กับพิงค์กี้พายที่ยังคงจ้องมองเธออยู่ตามลำพัง เจ้าตัวยิ้มแหะๆ ให้พิงค์กี้ แต่เธอก็ยังจ้องมองดูทริซซี่ต่อไม่ละสายตา

     

    --------------------------------------

     

    การแสดงโชว์ความบันเทิงเพื่อต้อนรับองค์หญิงเซเลสเทรียและผู้แทนจากเมือง Saddle Arabia ด้วยการเสกให้สัตว์เลี้ยงของฟรัทเทอร์ชายลอยกลางอากาศประสบความสำเร็จอย่างงดงาม (พร้อมกับความกลัวของฟรัทเทอร์ชาย) ซึ่งหลังจากที่องค์หญิงได้พาผู้แทนเมือง Saddle Arabia ไปที่พักแล้ว ทริซซี่ก็ได้มาหาทไวไลทฺทันทีเพื่อกล่าวขอโทษ

    เธอช่วยทำให้ฉันได้รับรู้พลังที่น่ากลัวของสร้อยคออัลลิคอน เธอจะให้อภัยฉันได้ไหม” ทริซซี่เอ่ยถาม เธอสวมใส่ชุดประจำของเธอ แทนที่จะเป็นผ้าคลุมสีดำที่สวมใส่ครั้งแรก

    ก็ได้” ทไวไลท์ตอบ เพราะท่าทางทริซซี่เองก็สำนึกผิดแล้วจริงๆ

    แล้วก็อย่าคิดว่าทริซซี่ผู้ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจจะยอมแค่นี้ง่ายๆ ละกัน” เธอยิ้มบอก ก่อนที่จะวิ่งจากไป

    หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อองค์หญิงเสด็จกลับมาแล้ว ทไวไลท์ได้นำสร้อยคออัลลิคอนส่งมอบคืนให้องค์หญิงเซเลสเทรียทันที

    "ขอบใจมากจ๊ะทไวไลท์ ฉันเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าสร้อยคอตกอยู่ในนํ้ามือของควีนคริสซาลิสต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว" องค์หญิงตรัสพลางใช้พลังเวทย์ของพระองค์หยิบสร้อยคอเก็บไว้ในหีบ ซึ่งทหารองค์รักษ์เพกาซัสสองตัวได้นำมันไปทันที ซินโคร่าซึ่งเป็นผู้ส่งมอบก้มหัวถวายความเคารพด้วยความยินดี

    "เพค่ะองค์หญิง หม่อมฉันคิดว่าเราอาจจะหาทางแก้คำสาปให้เขาได้ด้วย" ทไวไลท์ทูล

    "แล้ว พ่อหนุ่มต่างโลกคนนั้นอยู่ไหนหละ เขาเองก็ช่วยเอาสร้อยคอคืนมาใช่ไหม ? ฉันอยากจะขอบคุณเขาหน่อย" องค์หญิงตรัสถามพร้อมทอดพระเนตรไปรอบๆ แต่ไม่เจอม้าตัวที่ว่าเลย

    "จะว่าไป เขาก็หายไปตั้งแต่เราได้สร้อยคอมาแล้วนะ" ทไวไลท์ครุ่นคิด ก่อนที่เรนโบว์แดชจะพุ่งมาด้วยความเร็วสูง

    "ทไวไลท์! เร็วๆ รีบหน่อย เขาจะไปแล้ว" เรนโบว์แดชบอกด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

    "เขา ? ไปไหน ?" ทไวไลท์ถาม

    "ไม่รู้ แต่เขากำลังเก็บของ แล้วเขากำลังจะออกไปจากเมืองแล้วด้วย! รีบไปเร็ว!" เรนโบว์แดชบอก ซึ่งนั่นทำให้ทไวไลท์ใช้เวทย์หายตัวเพื่อวาร์ปไปทันที

     

    ----------------------------------------

     

    ที่บ้านพักของผม

    ผมมองไปรอบๆ ที่พักของผมเพื่อเช็ดดูว่าไม่มีอะไรแล้ว เพราะตอนนี้ผมเก็บของหมดใส่กระเป๋าหมดแล้ว ซึ่งมันแทบไม่มีอะไรอยู่แล้ว อยู่ในร่างของโพนี่มันก็ไม่จำเป็นต้องใช้เสื้อผ้าอะไรด้วย ผมกัดเชือกเพื่อดึงกระเป๋าให้รัดตัวผมแน่น ก่อนที่จะหันไปทางประตูและเปิดประตูออก แต่ก็ต้องสะดุ้งเพื่อเจอทไวไลท์ยืนดักอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก

    "เอ่อ หวัดดีทไวไลท์ โชว์การแสดงถวายองค์หญิงเป็นไงบ้าง" ผมรีบถามเธอทันที

    "จบลงแล้ว แล้วนายหละจะไปไหน" เธอยักคิ้วถามผม

    "ก็..." ผมหันหลังไปมองดูห้องของบ้านผม "... ไปซักที่หละนะ"

    "ซักที่เนี่ยนะ" เธอยักคิ้วถามผมอีกครั้ง

    "ไม่รู้สิ อาจจะเป็นป่าเอเวอร์ฟรีก็ได้ มันห่างจากม้าตัวอื่นดี" ผมก้มหน้าลงมองพื้นโดยที่ไม่สบตากับเธอ

    "นี่นายเป็นอะไรไปเนี่ย! แล้วนายจะไปทำไม" เธอถามผม

    ผมถอนหายใจ ก่อนที่จะเงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    "ตอนเธอถูกทริซซี่ขับไล่ไปนะ ทริซซี่ได้พยายามเสกฉันให้เป็นอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนพลังเวทย์ของสร้อยคออัลลิคอนมันจะไปกระตุ้นคำสาปของควีนคริสซาลิส มันเลยทำให้ฉันกลับร่างเดิมได้ชั่วคราวก่อนที่จะกลับมาเป็นม้าโพนี่อีกครั้ง" ผมเล่าให้เธอฟัง ซึ่งเจ้าตัวอ้าปากค้าง "ประเด็นคือมันต่อหน้าม้าทุกตัวในเมืองด้วย พวกเขาไม่รู้นิว่าฉันไม่ใช่โพนี่แต่แรก พวกเขากลัวฉันมากเลยนะทไวไลท์ ฉันยังจำสายตาของทุกตัวที่จ้องมองฉันได้เลย"

    "แต่... เราก็ไปบอกพวกเขาก็ได้นิ" ทไวไลท์บอก แต่ผมส่ายหัว

    "หลังจากที่ฉันกลับมาร่างโพนี่ได้ซักพัก คำสาปของควีนคริสซาลิสทำงานด้วยทไวไลท์" ผมบอก ซึ่งทำให้เธอตกใจทันที "แม้ว่ามันจะกลับมาเป็นปกติ แต่ฉันไม่มั่นใจว่ามันจะทำงานอีกครั้งตอนไหน อีกอย่าง ทริซซี่เรียกฉันว่า 'สัตว์ประหลาด' และดูเหมือนชาวเมืองจะคิดแบบนั้น ฉันเองก็ไม่ใช่ม้าโพนี่แต่แรกด้วยทไวไลท์ ไม่ใช่แม้แต่ประชากรบนโลกนี้ด้วยซํ้า ฉัน... ฉันเลยคิดว่า ฉันน่าจะไปดีกว่า พวกเขาจะได้ไม่ต้องกลัวฉัน ฉันก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะต้องกลายร่างอีกตอนไหนด้วย ฉันไม่รู้ด้วยซํ้าว่าถ้าฉันกลายร่างแล้วฉันจะยังคงสติได้อยู่ไหม ซึ่ง.. น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วหละ"

    "แต่..." ทไวไลม์เอ่ย

    "เชื่อฉัน ทไวไลท์ สุดท้าย ความมันก็ต้องแตกซักวัน" ผมหลับตาบอกกับเธอ ซึ่งทำให้ยูนิคอร์นสาวทำหน้าเข้มขรึมทันที

    "ถ้างั้น ก็ให้มันแตกตอนนี้เลยสิ" เธอบอก

    "อะไรนะ" ผมเงยหน้าถามเธอด้วยความสงสัย

    ชิ้งงงง!!

     

    -----------------------------------

     

    ที่ลานกิจกรรมการแสดงโชว์ถวาย ทไวไลท์ได้ปรากฎตัวออกมาพร้อมกับผม ดูเหมือนว่าเธอจะใช้เวทย์เทเลพอร์ตเพื่อย้ายให้ผมมาที่นี่ทันที และนั่นทำให้ชาวเมืองโพนี่วิลด์ทุกตัวที่มาอยู่ที่นี่จ้องมองผมพร้อมกับเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที แน่นอนว่าเสียงส่วนใหญ่ยังคงเป็นเสียงที่หวาดกลัวและหวาดระแวงตัวผม ผมก้มหน้าไม่มองม้าตัวไหน แม้แต่องค์หญิงเซเลสเทรียที่ทอดพระเนตรมาทางผม ก่อนที่จะทอดพระเนตรไปรอบๆ ด้วยความสงสัยถึงปฏิกิริยาชาวเมือง

    "ชาวโพนี่วิลด์ทุกตัว ฟังทางนี้! ฉันมีเรื่องจะชี้แจง" ทไวไลท์เอ่ยกับม้าโพนี่ทุกตัว ซึ่งทำให้ทุกตัวเงียบลงเพื่อฟังเธอทันที "เกี่ยวกับม้าที่ยืนข้างๆ ฉันตรงนี้ ที่พวกคุณเรียกเขาว่าสัตว์ประหลาด"

    ม้าทุกตัวซุบซิบเรื่องของผมทันที ผมรู้สึกได้ถึงแรงกดดันทางสายตาที่จ้องมองมาทางผมโดยที่ผมไม่ต้องมองดูพวกเขาเลย

    "แต่เขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด ฉันยืนยันได้ เพราะเขาเป็นเพื่อนของฉัน" เธอยิ้มและเริ่มอธิบายให้ทุกตัวฟัง

    เธอเล่าเรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น และผมเป็นใคร มาจากไหน และบอกตรงๆ เรื่องที่ว่าผมโดนควีนคริสซาลิสสาปเอาไว้พลังของสร้อยคออัลลิคอน ม้าทุกตัวเงียบกริบเพื่อฟังเธอเล่าทันที องค์หญิงเซเลสเทรียเองก็ทอดพระเนตรมาทางทไวไลท์เพราะพระองค์ก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเจ้าตัวจะเล่าเรื่องผมให้ทุกตัวฟังด้วย

    "ดังนั้น ฉันขอยืนยันเลยว่า เขาเป็นมิตรกับทุกคนแน่นอน เขาช่วยเหลือฉันถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น และเรื่องในวันนี้ก็ประสบความสำเร็จได้ก็เพราะเขา ไม่มีเขา เราทำไม่ได้แน่ๆ" ทไวไลท์กล่าวต่อ

    "ถูกต้อง" แอปเปิ้ลแจ็คเอ่ยพร้อมกับก้าวมายืนข้างๆ ผม "ฉันรับประกันได้เลยว่า พ่อหนุ่มนํ้าตาลก้อนตัวนี้คือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย"

    "ฉันขอยืนยันด้วยอีกเสียง" แรร์ริตี้มายืนข้างๆ ผมด้วยเช่นกัน "ถ้าไม่มีเขา ป่านนี้ชุดที่ฉันตัดเย็บคงจะทำไม่ได้ตอนที่พิงค์กี้พายหลายตัวบุกเข้ามาในร้านฉัน"

    "และเขาเป็นมิตรกับสัตว์มากด้วย ตอนที่ฉันแนะนำให้เขาฟัง" ฟรัทเทอร์ชายซึ่งเดินมาข้างๆ ผมก็บอกด้วยเช่นกัน

    "แถมปีกของเขาเพิ่งจะหาย ฉันว่าฉันจะสอนให้เขาบินอยู่แล้วเชียว" เรนโบว์แดชพุ่งมาบินอยู่เหนือหัวผม

    "ฉันสนุกมากๆ เลยนะเมื่อมีเขา งานปาร์ตี้ที่ฉันจัดต้อนรับเขามันช่างวิเศษมาก ฉันอยากทำอีกบ้างจังเลย นายช่วยมาเมืองนี้อีกรอบได้ไหม" พิงค์กี้พายซึ่งตอนนี้ได้ปากคืนมาแล้วรีบจ้อใส่ผมทันที

    ผมเผลออมยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นพิงค์กี้พายพูดออกมาแบบนั้น ทไวไลท์เดินออกมาข้างหน้าเล็กน้อย

    "ดังนั้น ฉันขอร้อง ถึงเขาจะไม่ใช่โพนี่แต่กำเนิด แต่เขาก็คือโพนี่ และเป็นชาวเมืองโพนี่วิลด์เหมือนกับพวกฉัน โปรดเข้าใจเขาด้วย" ทไวไลท์บอกอีกครั้ง

    เสียงซุบซิบพูดคุยดังมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีแรงกดดันมากกว่าเก่า แต่ผมก็ไม่ได้กังวลเมื่อเทียบกับตอนก่อนหน้านี้ อาจเป็นเพราะทุกตัวได้มายืนเคียงข้างและปกป้องผม และนั่นทำให้ผมสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

    "ดูเหมือนว่าฉันคนหนึ่งแหละที่ตัดสินเธอผิดไป" นายกเทศมนตรีก้าวออกมาข้างหน้า "และฉันจะต้องขอบอกอีกครั้งว่า ยินดีต้อนรับสู่โพนี่วิลด์ และขอโทษด้วยที่เข้าใจเธอผิดไป"

    ผมยิ้มกว้างก่อนที่จะก้มหัวให้กับนายกเทศมนตรี

    "ขอบคุณมากครับท่านนายก" ผมเอ่ยกับเขา

    เสียงเฮดังลั่นออกมาจากรอบๆ ตัวผมทั่วอัฒจันทร์ที่เหล่าโพนี่นั่งกัน ดูเหมือนม้าทุกตัวจะยอมรับตัวตนของผมแล้ว ม้าเด็กหลายตัวทำท่าอยากจะวิ่งเข้ามาคุยกับผม แต่ทุกตัวเหมือนจะถูกห้ามเอาไว้เพราะองค์หญิงเซเลสเทรียเสด็จเข้ามาใกล้พวกผม ผมรีบก้มหัวถวายความเคารพทันที

    "ดูเหมือนพลังแห่งมิตรภาพจะทำให้เธอผ่านการทดสอบแล้วนะ" ท่านตรัสกับผม "นับจากวันนี้ เธอก็คงไม่ต้องกังวลใดๆ อีกต่อไปแล้วสินะ"

    "พะยะค่ะ องค์หญิง" ผมทูลตอบ "เพราะผมเองก็คงอยู่ไม่ได้ ถ้าขาดเพื่อนๆ ของผม พวกเขาเป็นทั้งมิตรและสหายที่ดีมากสำหรับผมเลยครับ"

    เหล่าม้าทั้งหกตัวที่ยืนข้างๆ ผมต่างยิ้มออกมาทันที

    "ถ้าเธอเรียนรู้เรื่องราวของมิตรภาพละก็ เธอจะเขียนจดหมายมาให้ฉันอ่านก็ได้นะ ฉันยินดีเสมอ" องค์หญิงตรัส

    "แน่นอนครับ หากกระหม่อมเรียนรู้เรื่องราวของมิตรภาพ กระหม่อมจะถวายรายงานให้ทราบทันที" ผมพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ก่อนที่จะหันไปมองดูเพื่อนผมทั้งหกตัว

    "ขอบคุณมากนะ ขอบคุณจริงๆ" ผมบอกด้วยความปิติในใจแทบจะเอ่อล้นออกมา

    "ยินดีเสมอ พ่อหนุ่มนํ้าตาลก้อน" แอปเปิ้ลแจ็คเอ่ยบอก

    "เพราะพวกเราคือเพื่อนกัน" ทไวไลท์ยกอุ้งเท้าของเธอชูให้ผมค้างกลางอากาศ และผมรู้ดีเลยว่าต้องทำยังไง ผมยกอุ้งเท้าของผมแล้วก็แตะกับอุ้งเท้าของเธอทันที

    "BroHoof!" พิงค์กี้พายตะโกนเสียงดังลั่น และทำให้ทุกตัวหัวเราะอย่างสนุกสนานทันที

     

    -------------------------------

     

    ขณะเดียวกัน ถํ้าแห่งหนึ่งในป่าลึก ม้าตัวที่เราคุ้นเคยกันดีกำลังอารมณ์เสียจากรายงานของลูกน้องเธอ

    "ล้มเหลวงั้นเรอะ!" เจ้าของเสียงตวาดดังลั่นออกมา

    "ขอรับนายหญิง ดูเหมือนว่าทริซซี่จะล้มเหลวในการขับไล่ทไวไลท์และยึดเมืองโพนี่วิลด์เอาไว้" ลูกน้องของม้าตัวนั้นก้มหัวรายงานบอก ซึ่งเจ้าตัวยังสวมใส่ผ้าคลุมอยู่

    "ชิ ถ้างั้นที่เจ้าไปปลอมตัวเป็นเจ้าของร้านขายของเพื่อหลอกขายสร้อยคออัลลิคอนนั่นก็เปล่าประโยชน์สิ นึกว่ายัยนั้นจะใช้ประโยชน์ได้แล้วเชียว" เจ้าของเสียงเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ

    "แต่ดูเหมือนทริซซี่จะประสบความสำเร็จในการร่ายเวทย์ใส่ม้าตัวนั้นขอรับ ถ้าตาข้าไม่ฝาด คำสาปของนายหญิงเริ่มทำงานขึ้นมาหน่อยหนึ่้งแล้วด้วย" ม้าลูกน้องตัวนั้นรายงานต่อ

    "โฮ่ งั้นเหรอ งั้นก็ไม่เสียเวลาไปหมดซะทีเดียว" เจ้าของเสียงเอ่ยด้วยนํ้าเสียงพึงพอใจ

    "แล้วท่านจะเอาอย่างไรดีขอรับ นายหญิง" ลูกน้องตัวนั้นถาม

    "พลังของเวทย์แห่งความปรองดองนั่นทำให้ข้าสูญเสียพลังไปมาก แต่อีกไม่นานหรอก สหายข้า" เจ้าของร่างเอ่ยเสียงอันดังออกมา "เมื่อพลังข้าฟื้นระดับหนึ่ง ข้าก็จะทำตามแผนใหม่ของข้าต่อทันที"

    เสียงเฮร้องลั่นดังรอบๆ ในถํ้าแห่งนี้ ม้าลูกน้องตัวนั้นเลิกผ้าคลุมออกมา ซึ่งนั่นทำให้เราเห็นว่าภายใต้ผ้าคลุมนั่นก็คือ Changeling นั่นเอง!

    "แบบนี้สิ นายหญิงของพวกเขา ท่านควีนคริสซาลิส!"

    ควีนคริสซาลิสฉีกยิ้มออกมา แววตาของเธอมองไปรอบๆ Changeling ลูกน้องของเธอนับร้อยตัวที่ยังคงโห่ร้องออกมาดังรอบๆ ถํ้า

    "คอยก่อนเถอะ ข้าไม่ยอมเลิกราง่ายๆ แน่ หึๆๆๆๆ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!"

    ...

    ..

    .

    .

     

    To Be Contined

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×