คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Mission 8 : ความจริงของการหายตัวไปของเด็กสาว
เมื่อผมเดินออกมาจากห้องเรียนนี้แล้ว ผมรีบเดินตรงไปยังโรงอาหารทันที และที่โรงเรียนนี้ก็มีป้ายบอกทางเอาไว้พร้อมแล้วด้วย ทำให้ผมสามารถรู้ได้ทันทีว่าโรงอาหารต้องไปทางไหน และขณะนี้ก็เป็นเวลาเรียน ดังนั้นนักเรียนคนอื่นๆ จึงอยู่แต่ในห้องเรียนกันเป็นแถบครับ ผมรีบเปิดสัญญาณในวิกผมเพื่อติดต่อหาพ่อผมทันที
"เมื่อกี้นี้คนของพ่อมองเห็นแว้บๆ ว่าเห็นคนร้ายอยู่แถวๆ โรงอาหาร" พ่อของผมบอก "เลยอยากให้ลูกไปตรวจสอบดูแถวนั้นหน่อยนะ"
"รับทราบครับ" ผมพยักหน้าตอบ
"ระวังตัวด้วยนะ" พ่อของผมเตือนผม
"แปบนะครับพ่อ มีคนตามมา" ผมรีบกระซิบบอกแล้วรีบทำทีเหมือนเดินตามปกติ แต่ก็แอบมองดูข้างหลังเพื่อดูว่าใครกันแน่ที่เดินตามผมมา และผมก็เห็นเด็กสาวที่นั่งข้างๆ ผมเมื่อกี้นี้เดินตามมานั่นเอง
ตามมาทำไมกันนะ ผมคิด เวรละสิ แบบนี้จะเดินไปที่โรงอาหารเพื่อตามหาคนร้ายได้ยังไงกัน
ผมรีบมองไปรอบๆ เพื่อหาสถานที่ที่ผมจะสามารถซ่อนตัวจากเธอได้สักพัก และผมก็มองเห็นห้องนํ้าพอดี
ซ่อนในนี้ก่อนก็แล้วกัน ผมคิด แล้วก็รีบเดินตรงเข้าไปในห้องนํ้าทันที ซึ่งคนที่เดินตามผมมานั้นรีบวิ่งตามผมมาทันที แต่ก็ไม่ได้เข้าไปในห้องนํ้า
เทียร์แอบอยู่หน้าห้องนํ้าเพื่อมองดูผมเดินเข้าไปข้างใน
มาเข้าห้องนํ้าจริงๆ เหรอเนี่ย เธอคิด หรือว่าเราจะคิดมากเรื่องของเธอหว่า ผู้ชายคงไม่เข้าห้องนํ้าหญิงหรอกมั้ง
ผมถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเข้ามาข้างใน ห้องนํ้าที่โรงเรียนนี้สะอาดกว่าที่คิดมาก ราวกับอยู่ในโรมแรมไม่มีผิด แต่ที่ผมเริ่มเอ๊ะใจและเริ่มหน้าถอดสีก็คือ ในห้องนํ้านี้มีนักเรียนหญิงจำนวนมากอยู่นั่นเอง และทุกคนก็มองดูผมกันหมดด้วย
ตายโหง ลืมไปเลยว่านี่มันโรงเรียนหญิงล้วน ผมเริ่มหน้าซีด
"อุ้ย กอร์ฟนี่นา" มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งชี้นิ้วมาทางผมแล้วก็ทักขึ้น
"กรี๊ดดดดดดด!!"
เสียงของสาวๆ กรีดร้องออกมาดังลั่น พร้อมกับวิ่งมาทางผมกันเป็นแถบ
ระหว่างนั้นเทียร์ก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง จึงรีบวิ่งเข้าไปดูในห้องนํ้าทันที
หรือว่าเป็นผู้ชายจริงๆ เธอคิด
แต่เมื่อเธอเข้าไปในห้องนํ้าแล้ว เธอกลับมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง เพราะว่าตอนนี้ตัวผมกำลังโดนสาวๆ รุมล้อม แถมโดนจับเนื้อต้องตัวกันเป็นแถบด้วย
"อ้ายยยยย ตัวจริงน่ารักโฮกง่า กรี๊ดดดดด" สาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามากอดขาผมแล้วก็เอาหน้าถูไถพร้อมกับพูดไม่หยุด
"ผิวก็นุ้มนุ่ม" ส่วนนักเรียนหญิงอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจับแขนผมได้รีบจับแถมลูบไปลูบมาอีกต่างหาก
"เอ่อ คือ" ผมพยายามที่จะหาทางสลัดหลุด แต่ตัวผมที่เรียนกับโรงเรียนชายล้วนมาตลอด ก็รู้สึกตื่นเต้นแปลกๆ ดีที่มันมีผู้หญิงมารุมล้อมแถมมาจับเนื้อต้องตัวมากขนาดนี้ จึงทำให้ผมทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว ใบหน้าของผมแดงออกมาแถมตัวรุ่มร้อนไปหมดแล้ว
"ว้าย กอร์ฟหน้าแดงด้วยแหละ น่ารักที่สุด" เด็กสาวอีกคนที่คว้าเอวผมได้ยิ่งทำหน้าคลั่งไคล้เข้าไปอีก
เห็นตูเป็นตุ๊กตารึไงฟะ ปล่อยซักทีซิ ผมอยากบอกแบบนี้แต่ปากมันพูดไม่ออก
"แหม๋ แต่น่าเสียดายนะ จอแบนไปหน่อย" นักเรียนหญิงอีกคนเอามือของเธอคว้าหมับเข้าที่หน้าอกแบนเรียบของผมทันที
"อ๊ายยย จับอะไรนะ" ผมเผลอร้องเสียงหลงออกมาโดยไม่รู้ตัว และยิ่งตัวสั่นมากขึ้นเมื่อผมโดนจี้จุดตรงหน้าอกผมอีก
"อุ้ย เสียงก็น่าหลงไหล ว้ายๆ" คุณเธอพูดไม่พอยังเอามือลูบไปมาบนหน้าอกผมอีกต่างหาก
"อะ อ้า อย่านะ อย่าไปจับตรงนั้น อย่า อ้ายยยย" ผมร้องออกมาแทบไม่เป็นภาษา ในหัวของผมโล่งคิดอะไรไม่ออกไปหมด แถมไอ้ความรู้สึกอัปยศนี่ทำให้ผมคิดว่าตัวเองกำลังโดนผู้หญิงลวมลามอย่างไรอย่างนั้น
เทียร์นั้นแอบมองดูผมห่างๆ เธอเอามือตนเองปิดปากเอาไว้ เธอจ้องมองดูใบหน้าของผมแทบไม่ละสายตา
นะ น่ารักโคตร ช่างน่ารักน่าแกล้งอะไรแบบนี้นะ เธอคิด
และเมื่อสาวๆ รุมขยํ้าผมซะจนหนำใจแล้ว ผมเดินโซเซไปมาและยืนทรงตัวแทบไม่อยู่ และต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะบังคับร่างกายยืนตัวตรงได้
"ได้จับขากอร์ฟด้วยแหละตัวเอง"
"มือข้างนี้ฉันจะไม่ล้างมันชั่วชีวิต"
จะให้เป็นขี้กากเลยรึไงกัน ผมคิดประชด แต่ก็เพิ่งสังเกตว่าทำไมสาวๆ ในห้องนํ้านี้ถึงมีเข้ามากันเยอะมาก ทั้งที่เป็นช่วงระหว่างคาบเรียนแท้ๆ
"แล้ว ห้องนํ้าที่นี่มีน้อยเหรอ" ผมถาม
"อ้าย น้องกอร์ฟพูดด้วยแหละ กรี๊ดๆ" เด็กสาวคนที่จับเอวผมกระดี้กระด้าพูดออกมา
ตอบคำถามตูก่อนสิเฟ้ย ผมคิดอย่างเดือดดาล
"ก็มีนะค่ะ แต่ที่ใกล้ๆ แถวนี้ก็จะมีที่ห้องนํ้าโรงอาหารนะ" หญิงสาวคนหนึ่งบอกออกมาด้วยนํ้าเสียงที่หวาดกลัว "แต่พวกเราไม่กล้าเข้านะค่ะ"
"ทำไมหละ" ผมถามต่อ
"มีนักเรียนหลายคนหายตัวไปตอนที่เข้าห้องนํ้าที่โรงอาหารนั่นนะค่ะ" เธอบอก เสียงของเธอเบาลงเรื่อยๆ "และหายไปแบบไม่มีบอกกล่าวด้วย ทั้งที่โรงอาหาร ลุงป้าที่ทำข้าวขายก็อยู่ใกล้ๆ ก็ยังไม่รู้ถึงความผิดปกติอะไรเลย แถมที่หายไปก็มีแต่ผู้หญิงด้วย พวกเรากลัวก็เลยมาเข้ากันที่นี่แทนนะค่ะ ถึงจะเดินไกลก็ตาม"
สาวๆ คนอื่นๆ เลิกทำสีหน้าคลั่งไคล้ผมแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
หายไปเฉพาะผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ ผมคิด แสดงว่าเบาะแสก็คือห้องนํ้าหญิงสินะ
"แล้วไม่มีพวกครูอาจารย์หรือคณะกรรมการนักเรียนไปตรวจดูเลยเหรอ" ผมถาม
"ตำรวจก็เข้าไปดูแล้วก็ไม่พบอะไรเลยค่ะ อาจารย์ก็เลยคิดกันว่าคนที่หายตัวไปน่าจะโดดเรียนแล้วก็โดนลักพาตัวไป แต่นู๋ว่ามันต้องมีผีอยู่แน่ๆ เลย" เธอพึมพำด้วยความหวาดกลัว
ผมพยายามนึกถึงสิ่งที่ผมอ่านในเอกสารก่อนที่ผมจะเดินเข้ามาในโรงเรียน เหตุการณ์ที่มีนักเรียนสาวหายตัวไปนั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อสองอาทิตย์ก่อน และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พวกผู้ก่อการร้ายนั้นเริ่มดำเนินแผนการด้วย นั่นก็คือผับโมเอะเป็นที่แรก จึงมีความเป็นไปได้สูง แต่ทำไมต้องลักพาตัวไปด้วยหละ นั่นแหละที่ผมสงสัย
"เข้าใจหละ ขอตัวก่อนนะ" ผมยิ้มบอกกับพวกเธอ
"ลาก่อนนะค่ะ" เด็กสาวหลายคนโบกมือลาผมโดยไม่มีการห้ามหรือเข้ามาทำอะไรผมอีก ประเด็นเรื่องของหญิงสาวหายตัวไปคงทำให้พวกเธอหวาดกลัวกันทันที
ผมเดินผ่านหน้าเทียร์ไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเด็กสาวเห็นผมแล้วจึงรีบสะกดรอยตามไปในทันที
ห้องนํ้าโรงอาหาร ผมคิดพร้อมกับรีบก้าวขาให้ยาวมากขึ้นโดยไม่สนใจว่ากระโปรงที่ผมใส่นั้นมันจะเปิดหวอออกยังไง เพราะตอนนี้ผมต้องรีบไปยังเบาะแสแรกของผมก่อน
โดยขณะนั้นเทียร์เองก็เร่งฝีเท้าเพื่อก้าวตามผมให้ทัน ในหัวของเธอเริ่มสงสัยแล้วว่าผมกำลังทำอะไร เพราะทิศทางที่ผมไปนั้นก็คือโรงอาหารนั่นแหละ
เนื่องจากขณะนี้ยังเป็นเวลาเรียน จึงทำให้โรงอาหารว่างไร้คน ยกเว้นพ่อครัวแม่ครัวที่กำลังเตรียมอาหารกันโดยไม่ได้สนใจผมนัก ผมเดินไปตามทางเพื่อหาห้องนํ้า และก็พบว่าทางเดินไปห้องนํ้านั้นห่างจากโรงอาหารราวๆ ห้าถึงสิบเมตร แถมอาคารของโรงอาหารก็อยู่ในทิศทางบังสายตาของเหล่าลุงป้าขายอาหารด้วย ไม่แปลกที่มันจะเป็นจุดอับสายตาเป็นอย่างดี และด้วยการเป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ทำให้ไม่ได้มีการติดกล้องวงจรปิดกันหน้าห้องนํ้าเลยแม้แต่น้อย ส่วนหลังห้องนํ้านั้นมีกำแพงของโรงเรียนอยู่ และนั่นอาจเป็นการโดดเรียนอย่างที่อาจารย์ที่นี่เข้าใจกันก็ได้
ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาความผิดปกติ แต่ผมก็ไม่พบอะไรอื่นอีกนอกจากห้องนํ้าและเสียงรถยนต์ที่แล่นผ่านไปมาหลังกำแพงนั้น พร้อมกับเสียงนํ้าจากท่อระบายนํ้าหลังกำแพง ผมเดินเข้าไปในห้องนํ้าทันที
ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครอยู่ก็ตาม แต่ห้องนํ้านั้นก็สะอาดเอี่ยม อุปกรณ์ทำความสะอาดห้องนํ้ายังวางกองเอาไว้ตรงมุมสุดในห้องนํ้า มีห้องสุขาทั้งหมดหกห้อง และเมื่อผมเปิดดูไล่ทีละห้อง ก็ไม่พบอะไรผิดปกตินอกจากซักโครกแบบนั่งรูปตัวยู ผมมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัยว่าแบบนี้แล้วเด็กสาวจะหายไปได้ยังไง
หรือว่าจะโดนตีหัวจนสลบไปนะ ผมคิด พร้อมกับลองเข้าไปห้องนํ้าห้องหนึ่งพร้อมกับปิดประตูห้อง แต่พื้นที่แคบที่ไม่ต่างอะไรจากห้องนํ้าทั่วไป ก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าจะมาตีหัวยังไง
ทันใดนั้น เหมือนผมได้ยินเสียงเครื่องจักรทำงาน และก่อนที่ผมจะหันหน้าไปมอง ก็รู้สึกเจ็บแปล็บที่คอผม และในหัวผมก็โล่งไปหมด แล้วก็หมดแรงลงเอาดื้อๆ โดยที่ผมไม่รู้สาเหตุ นัยน์ตาของผมปิดลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับความมืดมิด
End Golf Talk
------------
"ท่านครับ สัญญาณของน้องกอร์ฟหายตัวไปครับ"
เสียงของเจ้าหน้าที่ CIA คนหนึ่งเอ่ยขึ้น ตอนนี้พวกเขาอยู่ในรถตู้ที่ภายในถูกดัดแปลงเป็นห้องสังเกตการณ์ปฏิบัติการลับเฉพาะ มีจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่แสดงตำแหน่งพิกัดของแผนที่แถบนี้ผ่านระบบดาวเทียม ราวกับว่าในรถตู้คันนี้เป็นห้องบัญชาการขนาดย่อม ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ทั้งหมดสามคน แน่นอนว่ารวมไปถึงพ่อของกอร์ฟด้วย
"อะไรนะ" พ่อของกอร์ฟถามด้วยความตกใจ
"ครับ สัญญาณของน้องกอร์ฟหายไปตั้งแต่น้องกอร์ฟเดินเข้าไปในโรงอาหาร ตอนแรกทางเราคิดว่าเป็นที่เครื่องส่งสัญญาณมีปัญหา แต่ลองตรวจเช็ดดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ คาดว่าศัตรูอาจปล่อยคลื่นรบกวนครับ"
"แบบนี้ขืนเราพยายามติดต่อกอร์ฟ มันก็อาจติดตามสัญญาณมาถึงตัวเราได้สินะ" พ่อของเขากัดฟันด้วยความโมโห "เจ็บใจนัก นี่มันรู้ตัวแล้วรึเนี่ย"
"เอายังไงดีครับท่าน" เจ้าหน้าที่คนที่ติดตามมาตลอดถามอย่างร้อนรน ดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงมากเลยทีเดียว
"ให้ลอบสังเกตการณ์ระยะไกลรอบพื้นที่โรงอาหาร อย่าเข้าไปใกล้แถวนั้นเกินรัศมีสามสิบเมตร และระวังอย่าให้คนร้ายรู้ตัว"
"ครับผม" เจ้าหน้าที่คนนั้นพร้อมกับอีกคนหนึ่งรีบวิ่งออกไปทันที พ่อของเขากำหมัดแน่นด้วยความโมโหและเป็นห่วง
"กอร์ฟ หวังว่าลูกคงไม่เป็นไรนะ" พ่อของเขากัดฟันแน่น
-----------------
ระหว่างนั้น เทียร์ซึ่งแอบไล่ตามมาที่ห้องนํ้านั้น เธอได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ เหมือนมีใครเปิดปิดเครื่องอะไรสักอย่าง เธอจึงรีบเข้ามาดูทันที และเธอก็เห็นได้ว่ามีห้องนํ้าห้องหนึ่งที่ประตูเพิ่งจะค่อยๆ เปิดออก เธอจึงคิดว่าต้องเป็นห้องนั้นแน่ๆ
และเมื่อเธอเข้าไปในนั้น เธอก็ต้องตกตะลึง เพราะว่าตรงหน้าเธอนั้นมีเข็มฉีดยาขนาดจิ๊วจ่ออยู่ตรงหน้าของเธอ พร้อมกับสายต่อที่โยงมาจากด้านหลังของซักโครก
"นี่มันอะไรกันเนี่ย" เธอพึมพำ
ฉึก!!
เข็มฉีดยานั้นพุ่งใส่ตัวเธอทันที เธอรีบเอียงหัวหลบแล้วใช้มือจับมันหักกลางอากาศอย่างง่ายดาย แขนกลที่เหมือนต่อติดกับเข็มฉีดยาและหลังซักโครกนั้นกระตุกไปมา เธอรีบยื่นหน้าไปมองทันที และก็พบว่ามันมีเครื่องจักรอะไรสักอย่างซ่อนอยู่ในนั้น เธอจึงรีบดึงมันออก
และก็มีฝุ่นควันกมาเล็กน้อย ซักโครกนั้นเคลื่อนหายไปเบื้องล่าง พร้อมกับเส้นทางหนึ่งที่เหมือนจะมีการเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า และช่องนั้นก็เปิดออกจนทำให้เธอสามารถเข้าไปได้จริงๆ
หรือว่ากอร์ฟจะเข้าไปในนี้ เธอคิด พร้อมกับเหยียบโถซักโครกเพื่อก้าวเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล และเมื่อเธอเข้ามาได้แล้ว ประตูทางเข้าออกที่เหมือนทำจากเหล็กก็ปิดทันที เธอจึงเดินเข้าไปข้างใน รอบข้างนั้นเหมือนเป็นท่อประปาขนาดใหญ่ กลิ่นเหม็นเน่าจากท่อระบายนํ้าโชยเข้าจมูกเธอจนทำให้เธอต้องเอามืออุดจมูก และเมื่อเธอเดินมาตามทางเรื่อยๆ เธอก็พบกับท่อระบายนํ้าใต้ดิน และข้างๆ เธอทั้งซ้ายขวานั้นก็มีท่อประปาแบบเดียวกันแถมมีจำนวนครบตามห้องสุขาทั้งหมดหกห้องด้วย
เหมือนมีใครมาแอบสร้างอะไรเอาไว้เลย เธอคิด พร้อมกับมองไปรอบๆ และก็พบว่ามีกลุ่มคนในชุดดำกำลังอุ้มตัวกอร์ฟไปอยู่ ทำให้เธอเบิกตาโพลงทันที
ลักพาตัวงั้นเหรอ เธอคิด แต่ แบบนี้เนี่ยนะ
ชายชุดดำอุ้มกอร์ฟเข้าไปในห้องๆ ห้องที่มีแสงไฟลอดออกมาโดยไม่ปิดประตู เธอจึงไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งไล่ตามไปในทันที แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะก้าวขาตามไปเบาๆ เพื่อให้เกิดเสียงน้อยที่สุด
และเมื่อเธอเดินเข้าไปในประตูบานนั้นแล้ว เธอก็ต้องแทบตกตะลึง เพราะว่านี่คืออดีตของห้างใต้ดินที่ตอนนี้ปิดกิจการไปแล้ว และเธอก็เคยมาเดินที่นี่ตอนเด็กๆ เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าตามห้างร้านต่างๆ จะปิดประตูและทิ้งเอาไว้ แต่ก็มีหลอดไฟมาติดเอาไว้ตามทางใหม่เอี่ยม และเธอก็ต้องแทบช็อกเมื่อเธอพบกับเหล่านักเรียนที่หายตัวไปอยู่ในร้านที่อดีตเป็นร้านขายเตียงนอน
เหล่านักเรียนที่หายตัวไปนั้น ทุกคนถูกบังคับให้นอนอยู่ในห้องนี้ แต่ละคนถูกสวมใส่ชุดสีขาวราวกับชุดโรงพยาบาล จะมีบางคนเท่านั้นที่มีเส้นอะไรก็ไม่รู้ติดเอาไว้อยู่ตามดแขนและหัว เธอมองดูเพื่อนร่วมโรงเรียนของเธอจนแทบอยากกรีดร้อง แต่เธอก็ตั้งสมาธิและสะกดอารมณ์ตนเองเอาไว้ ประตูทางเข้านั้นถูกล็อคอย่างแน่นหนาด้วยแม่กุญแจ และเธอก็ไม่รู้วิธีการแกะสลัก เธอจึงรีบเดินไปทางข้างในเพื่อที่จะมองหากอร์ฟและมองหากุญแจมาเปิดเพื่อช่วยเพื่อนของเธอทันที
เธอแอบเข้าไปข้างในเรื่อยๆ และทำให้เธอพบกับแสงสว่างส่องออกมา และเมื่อเธอแอบมองจากระยะไกล เธอพบว่าแสงนั้นส่องมาจากพื้นที่ใจกลางห้างร้างแห่งนี้ พื้นที่แบ่งออกเป็นสองชั้น โดยที่เธอแอบอยู่นั้นอยู่ใกล้กับบันไดเลื่อน และใจกลางของแสงสว่างนั้นมีโต๊ะคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากตั้งอยู่ พร้อมกับเตียงนอนคนไข้และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งคลื่นวัดชีพจร จอภาพพร้อมโปรเจคเตอร์และเครื่องวัดคลื่นสมอง รวมไปถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่เธอไม่รู้จัก ราวกับว่าที่นี่ถูกดัดแปลงให้ทำการทดลองอะไรสักอย่าง และตรงแถวนั้นได้มีผู้ชายหลายคนในชุดดำเดินขวักไขว่ราวๆ หกคน แถมยังมีคนที่ใส่ชุดกาวด์สีขาวอีกสามคนในนั้นด้วย
ที่นี่มันอะไรกันเนี่ย เธอคิดพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ
และเธอก็เห็นคนที่เธอแอบตามมาตลอด ตอนนี้คนๆ นั้นถูกจับอุ้มวางลงบนเตียงอยู่ และเมื่อวางลงเสร็จแล้ว คนที่ใส่ชุดกาวด์สีขาวเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอามือจับๆ ลูบๆ ตามตัวและใบหน้า และเขาก็เดินถอยหลังออกมาทันที
"เวร ผู้ชายนี่หว่า" เขาตะโกนดังลั่นออกมา
"อะไรนะ" คนพวกนั้นพึมพำออกมาด้วยความสงสัยและเดินไปรุมล้อมเตียงนั้นทันที
เทียร์เอามือปิดปาก เธอมองดูภาพเบื้องหน้าราวกับไม่เชื่อสายตาตนเอง แต่สิ่งที่เธอคิดมาตลอดก็คิดถูก นั่นก็คือ เขาคนนั้นเป็นผู้ชายจริงๆ ด้วย
"ผู้ชายแน่เหรอว่ะ ตูดูยังไงมันก็ผู้หญิงนะเว้ย" ชายชุดดำคนที่อุ้มเขามาถาม
"ลองดูตรงเป้าสิ" ชายในชุดกาวด์พึมพำออกมา "เวรเอ้ย แบบนี้จะเอาไปทำอะไรได้วะ"
"ก็ไม่ต้องทำอะไรสิจ๊ะ"
มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังออกมาจากพื้นที่นั่น เทียร์รีบมองดูทันทีเมื่อเธอรู้ว่ามีผู้หญิงคนอื่นอีก เธอตัวสูงและสวมใส่ชุดสีดำ พร้อมแว่นตาดำที่อยู่บนหน้าและซองปืนพกที่คาดเอวเอาไว้
"ฉันคิดว่าฉันรู้จักคนๆนี้ดี" เธอยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย "เพราะว่าเด็กคนนี้เป็นสายลับ"
"ว่าไงนะ" ชายชุดดำคนหนึ่งตะโกนดังลั่น เทียร์มองดูเหตุการณ์ตรงหน้าตาแทบไม่กระพริบ
"มัดมันไว้ แล้วปลุกมันขึ้นมา" เธอสั่ง จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างหน้า โดยที่ชายชุดดำหลายคนช่วยกันเอาเชือกมามัดตัวเอาไว้ และเมื่อมัดเสร็จแล้ว ชายในชุดกาวด์สีขาวเดินเอาหลอดฉีดยาอะไรสักอย่าง ฉีดใส่ต้นแขนของเขาทันที และไม่นานนัก ตัวของเขาก็ครางออกมา
Golf Talk
ผมรู้สึกมึนๆ หัวอย่างบอกไม่ถูก
ผมพอจำได้ว่าโดนอะไรทิ่มที่คอเท่านั้นเอง จากนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรอีก แต่แล้วผมก็กลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อผมพบว่าตัวเองกำลังโดนมัดอยู่
ทั้งตัวของผมโดนเชือดจับมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา ทั้งมือและเท้าของผมไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ ผมสบถในใจด้วยความโมโหที่รู้ตัวแล้วว่าผมพลาดท่าศัตรูซะแล้ว
"ไงจ๊ะ รู้สึกตัวแล้วงั้นเหรอ"
เสียงผู้หญิงที่ผมคุ้นหูดังขึ้น และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมอง ผมก็แทบช็อก เพราะว่าผมเจอกับผู้หญิงที่สุดแสนจะซาดิสต์แถมน่ากลัวที่สุดในชีวิตของผม ตอนนี้เธอนั่งอยู่เก้าอี้ข้างหน้าผม พร้อมกับกำลังจุดบุหรี่ที่อยู่ในมือขึ้นสูบ
ผมพยายามดิ้นเพื่อหนีให้หลุดออกมาจากสถานที่ที่ผู้หญิงคนนี้อยู่ทันที แค่ผมมองหน้าเธอผมก็ขนลุกจะตายอยู่แล้ว
"ดิ้นยังไงก็ไม่หลุดหรอกน่าที่รัก" เธอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ "แต่ก็ขอชื่นชมนะว่ากล้าหาญมากที่กล้ารับภารกิจนี้ต่อ ทั้งๆ ที่วันนั้นฉันทำกับเธอแบบนั้นไปแล้ว"
เธอแลบลิ้นออกมาอย่างเสียวไส้ ซึ่งทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงทันที
"ก็เพราะว่าภารกิจนั้นมันล้มเหลวยังไงหละ ฉันเลยต้องทำอีก" ผมทำใจกล้าโต้กลับไป
"อ๋องั้นเหรอ แต่สงสัยครั้งนี้ก็คงล้มเหลวอีกละมั้ง" ผู้หญิงคนนั้นหยิบบุหรี่ออกมาจากปากพร้อมกับพ่นควันออกมา "เพราะว่าโดนจับมาแบบนี้ไงหละ"
ผมออกแรงให้มากขึ้นเพื่อพยายามดิ้นให้หลุดออกมาจากพันธนาการนี้ แต่ผมทำยังไงก็ไม่สามารถหลุดออกมาได้เลย แถมเชือกก็รัดแน่นมากขึ้นไปอีก ทำเอาผมอึดอัดจนเหน็บจะกิน
"ออกแรงอีกก็ดีนะ ดูเซ็กซี่ดีออก" เธอจ้องมองผม "แม้ว่าจะเป็นผู้ชายก็เถอะ"
"บอกมาดีกว่า ว่าเธอมีแผนทำอะไรกันแน่" ผมตะโกนด่าใส่กลับไปด้วยความโมโห
"โอ๊ะโอ๋ จะบอกก็ได้นะ เพราะยังไงครั้งนี้ฉันก็ไม่กะเก็บเธอเอาไว้อยู่แล้วหละ" ผู้หญิงคนนั้นลุกขึ้นแล้วก็เดินไปข้างๆ ผมมองตามเธอไปแล้วก็เพิ่งสังเกตว่าที่นี่ก็มีผู้ชายในชุดดำและชุดกาวด์หลายคนยืนล้อมรอบตัวผม แถมแต่ละคนนั้นถือปืนพกจ่อผมเอาไว้ด้วย
"ถ้าเธอมาที่นี่เพื่อสืบหาเรื่องของเด็กผู้หญิงที่หายตัวไปละก็ ใช่" เธอยิ้ม "ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวก่อนละกันนะ ฉันมีชื่อว่า เร้ด เป็นมือซ้ายขององค์กรก่อการร้ายระดับโลก สิบห้าคํ่าเดือนสิบเอ็ด แล้วนี่ก็คือ มือขวาขององค์กรของเรา... มิสเตอร์ วูฟ"
เธอผายมือให้ผมมองดูตามเธอ และผมก็พบกับชายในเอกสารที่หน้าตาเหมือนกันมาก เพียงแค่ตัวจริงหน้าตาดูโหดกว่าและเถื่อนกว่าหลายเท่า แถมสายตาของเขาจับจ้องมองดูผมอย่างไม่ไว้วางใจด้วย
"โชคไม่ดีที่เขาพูดไม่ได้ทั้งไทยทั้งอังกฤษหละนะ" เธอถอนหายใจ "แต่ก็ช่างเถอะ เพราะยังไงเธอก็คงไม่มีเวลาฝึกภาษารัชเชียเพื่อคุยกับเขาหรอกเนอะ"
ผมจับจ้องมองดูเธออย่างเคียดแค้น มือของผมที่โดนจับมัดอยู่นั้นพยายามหันด้านที่มีนาฬิกาข้อมือให้หงายขึ้น
"เราได้แอบเข้ามาที่นี่เพื่อตามล่าเด็กนักเรียนหญิงเข้ามา เพื่อล้างสมองพวกเธอยังไงหละ" เธอพูดพลางยิ้ม "แน่นอนว่าถึงจะประสบความสำเร็จไม่ถึงครึ่ง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เลยนะ"
"ล้างสมองอย่างนั้นเหรอ ทำแบบนั้นไปทำไมกัน" ผมถาม โดยที่พยายามหงายนาฬิกาข้อมือให้ได้
"จุดประสงค์นอกเหนือจากนั้นคงบอกไม่ได้หรอกนะ" เธอบอก
"แล้วทำไมต้องเป็นที่นี่ด้วยหละ" ผมถามต่อด้วยความโมโห
"เพราะอะไรนะเหรอ" เธอเริ่มหัวเราะอย่างสะใจ "ก็เพราะว่าเป็นความโง่เง่าของพวกตาแก่ทั้งหลายในโรงเรียนแห่งนี้ที่คิดว่าโรงเรียนตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี นักเรียนต้องเป็นคุณหนูและไม่มีวันทำผิดกฎอะไน ถึงได้ไม่มีการวางกล้องวงจรปิดให้แน่นหนาและทุกจุด และแถบนี้ก็มีห้างที่นี่เชื่อมต่อกับท่อระบายนํ้าอีกด้วย" เธอชูไม้ชูมือไปรอบๆ "ทำให้เราง่ายมากที่จะแอบมาสร้างฐานที่นี่พร้อมกับแอบลักพาตัวสาวๆ พวกนี้มายังไงหละ"
เธอดีดนิ้วหนึ่งครั้ง มีแสงไฟเปิดขึ้น และนั่นทำให้ผมต้องอ้าปากค้าง
เพราะว่ามันมีห้องกระจกห้องหนึ่ง ที่มีเด็กสาวจำนวนมากที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในชุดสีดำสนิททั้งตัว พร้อมใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
"เหตุง่ายๆ ผู้หญิงเป็นเพศที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย เราจึงใช้ประโยชน์จากจุดนี้เอามาล้างสมองพวกเธอได้อย่างง่ายดาย" เร้ดบอก "ถ้าเป็นผู้ชายละก็ทำได้ยากมาก ส่วนพวกที่เหลือหละก็ ว่าจะเอาไปจับขายซะให้หมดนะ"
"ขายงั้นเหรอ ไอ้สารเลว" ผมสบถออกมาดังลั่น
"ทำไม ก็มันได้ราคาดีนี่นา" เธอยิ้มเยาะ "เด็กสาวน่ารักๆ แบบนี้นะ ตลาดมืดต้องการเป็นจำนวนมากเลยนะ โดยเฉพาะพวกถ่ายทำวีดีโอโป๊กันนะ"
ผมแกล้งทำเป็นจะดิ้นให้หลุดออกมาให้ได้ แต่ที่แท้จริงแล้วผมดิ้นไปมาเพื่อบังคับให้นาฬิกาข้อมือหงายออกมาให้ได้
"เปล่าประโยชน์ที่รัก" เธอดีดนิ้วอีกครั้ง และกลุ่มสาวๆ ในห้องกระจกนั้นก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินออกไปอีกทาง "ธุระของเราหมดลงแล้ว เป็นเพราะว่าเธอเข้ามาจุ้นจ้านไม่เป็นเรื่อง ถ้างั้นก็ต้องตอบแทนซะหน่อยแล้ว" เธอเล็งปืนพกที่อยู่ในมือของเธอใส่ผม "คงต้องให้เธอตายที่นี่ซะละมั้ง น่าเสียดายนะ"
บ้าที่สุด ผมหันมองไปรอบๆ พบว่าลูกน้องของมันทั้งหมดนั้นต่างคนต่างมีปืนกันทุกคน ถ้าผมต้องการตัดเชือกนี่ออกผมก็ต้องส่งเสียงบอก แบบนั้นพวกมันก็จะรู้ตัวพอดี
"แต่... ฉันเองก็ไม่อยากเปลืองกระสุนโดยใช่เหตุ" เธอยกปืนขึ้น "ถ้าอย่างนั้น หนุ่มๆ ฝากจัดการทีนะ"
เร้ดเดินจากไปพร้อมกับมือขวาชาวรัชเชีย และกลุ่มเด็กสาวชุดสีดำที่โดนล้างสมองไปแล้ว ส่วนตอนนี้ตรงหน้าผมนั้นมีชายในชุดดำเอาปืนมาจ่อหน้าผากผม
"ฉันหละเกลียดไอ้พวกกระเทยอย่างแกที่สุด" มันเอ่ยออกมา "ตายไปซะก็ดี"
"กระเทยงั้นเหรอ" ผมหัวเราะเยาะ "เฮอะ ยังกับฉันอยากแต่งหญิงนักนะ"
"หุบปาก!!"
เพี๊ยะ!!
มันเอาด้ามปืนฟาดใส่หน้าผมเต็มแรง ผมพยายามไม่อ้าปากร้องออกมา ผมกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด แต่ก็มองตาขวางใส่มัน
"ตูไม่มีอะไรจะพูดกับแกอีกแล้ว" มันยกปืนขึ้นแล้วชักแม็กก่อนที่จะเอาปืนจ่อหัวผมอีกครั้ง "ตายซะ"
ระหว่างนั้น สาวน้อยเทียร์ที่แอบมองดูตลอด เธอแทบจะร้องไห้กับภาพที่เธอเห็นตรงหน้า
ทำยังไงดี เธอคิดอย่างลนลาน จะทำยังไงดี
เธอรีบลุกขึ้นเพื่อหวังว่าจะวิ่งออกไปหาคนช่วย แต่เธอก็ต้องกับชายชุดดำอีกคนที่มายืนดักเธอเอาไว้
"จะไปไหนจ๊ะสาวน้อย" ชายคนนั้นยิ้มอย่างเหี้ยมโหด
เธอตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว พร้อมกับก้าวถอยหลังมาเรื่อยๆ
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!"
เธอกรีดร้องออกมาดังลั่น และทำให้เรียกร้องความสนใจจากลูกน้องทุกคนหันไปมองต้นเสียง
"เสียงอะไรวะนั่น" ชายชุดดำพึมพำถาม
"จะไปรู้เหรอ" ผมเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
"หา?"
"นาฬิกา ใบมีด" ผมพูดออกมาเสียงดังฟังชัด
กลไกนาฬิกาข้อมือปรับเปลี่ยนเข็มเป็นมีดทันทีและก็เฉือนเชือกที่มัดผมอยู่อย่างรวดเร็ว และไม่ถึงวินาที เชือกก็ขาดและหลุดผวั๊ะออกมา มันมองดูผมด้วยความตกตะลึงที่ผมสามารถหลุดออกมาจากการถูกมัดเอาไว้ได้ และผมไม่รอช้าเลยที่จะยกขาขึ้นทั้งสองข้างแล้วก็ถีบที่หน้าของมันเต็มแรง
ผวั๊ะ!!
และเมื่อผมถีบมันไปแล้ว ผมไม่รอช้าที่จะเอามือล้วงเข้าไปในแขนเสื้อตนเอง แล้วก็คว้าอาวุธสุดโปรดของผมออกมา แล้วผมไม่รอช้าเลยที่จะหยิบมันฟาดใส่พวกของมันอีกคนที่กำลังจะยกปืนขึ้นมาจัดการกับผม
เพี๊ยะ!
ผมหวดอาวุธของผมใส่มันอย่างจัง จากนั้นผมก็รีบกระโดดออกมาจากเตียง แล้วก็กระโดดเตะใส่พวกของมันอีกคนที่อยู่ใกล้ที่สุด พร้อมกับยกอาวุธของผมฟาดใส่มันซํ้าอีกครั้ง มันร้องออกมาเสียงดังลั่น และผมก็คว้าจานใส่ขวดยาอะไรไม่ทราบที่วางอยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะข้างๆ ขว้างใส่พวกของมันที่ใส่ชุดกาวด์ทันที และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมองดูรอบๆ ปรากฎว่าผมเห็นพวกของมันคนหนึ่งหยิบปืนขึ้นมาเล็งผม
"อุ้ย.." ผมอ้าปากค้าง
เปรี้ยง!!
กระสุนหนึ่งนัดพุ่งออกมาจากปลายกระบอกปืนของมันทันที ผมรีบก้มหัวหลบ พร้อมกับเสียงกระสุนพุ่งไปโดนกำแพงข้างหลังผมอย่างฉิวเฉียด ผมไม่รอช้าเลยที่จะรีบวิ่งไปข้างหน้าเพราะว่ามันเริ่มกระหนํ่ายิงใส่ผมอีกครั้ง ผมรีบหลบหลังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ กระสุนไม่ได้ผ่านทะลุเข้ามาทำให้ผมวางใจขึ้นมาได้
รู้งี้น่าจะเอาปืนมาด้วยก็ดี ผมคิดอย่างเจ็บใจ แต่ชุดนักเรียนสั้นจู๋แบบนี้เราจะเอามาได้ยังไงกันละ
ผมแอบมองดูเมื่อมันหยุดยิงแล้วเพื่อดูว่ามันถือปืนอะไรอยู่
บาเร็ตต้า ขนาด .22 LR สินะ ผมคิด เมื่อกี้มันยิงมาแล้วห้านัด ถ้างั้นก็เหลืออีกสี่นัด
ผมมองไปรอบๆ เพื่อมองหาสิ่งที่ทำให้ผมได้เปรียบขึ้นมาบ้าง แล้วก็พบเห็นแผ่นใส่ CD เปล่าอยู่ ผมมองมันพร้อมกับยิ้มกว้าง
"ออกมาซิ ไอ้กระเทย" มันเล็งปืนไปมารอบๆ เพื่อที่จะกำจัดผม และมันก็รีบชูปืนขึ้นทันทีเมื่อมันเห็นอะไรลอยขึ้นไปข้างบน
เปรี้ยง!!
มันยิงออกไปหนึ่งนัด และปรากฎว่าที่มันยิงโดนนั้น ก็คือแผ่น CD เปล่าแผ่นหนึ่งนั่นเอง
"อะไรกันนะนั่นนะ" มันพึมพำ
"อีกสามนัด" ผมเอ่ยขึ้นมา
และเมื่อมันมองมาที่ผม ก็ต้องโดนแผ่นซีดีอีกแผ่นหนึ่งที่ผมเขวี้ยงใส่หน้ามันจนมันเซไปเล็กน้อยและเผลอยิงปืนทิ้งไปหนึ่งนัด ซึ่งนั่นทำให้ผมรีบกระโจนออกมาจากที่ซ่อน พร้อมแผ่น CD อีกสองแผ่นในมือ และจากนั้นผมก็ขว้างแผ่น CD ใส่หน้าของมันอีกครั้ง แล้วก็พุ่งตัวเอาหมัดเข้าไปชกหน้ามันเต็มๆ อีกหนึ่งหมัดก่อนที่มันจะตั้งตัว มันร้องลั่น และจากนั้นผมรีบเอาศอกตัวเองกระแทกเข้าไปที่หน้าท้องของมัน แล้วรีบคว้าปืนออกมาจากมือของมันทันที แล้วก็รีบใช้ด้ามปืนนั้นทุบไปที่หัวของมันจนมันสลบลงอย่างรวดเร็ว
ผมมองไปรอบๆ ก็พบว่าพวกของมันอีกเจ็ดคนเริ่มเล็งปืนมาทางผมแล้ว ตอนนี้ผมถือปืนพกเอาไว้ในมือซ้าย และอาวุธของผมในมือขวา กระสุนก็เหลือสองนัดและผมก็ไม่ต้องการใช้ปืนฆ่าคนด้วย ดังนั้นผมจึงรีบคิดเพื่อหาทางกู้สถานการณ์นี้ให้ได้
"ตายซะ" มันคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิงปืนใส่ผม
ผมรีบก้มหัวหลบกระสุนไอ้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด ก่อนที่ผมจะรีบวิ่งไปหาพวกของมันที่ใกล้ที่สุด พร้อมกับชูปืนขึ้นแล้วก็เล็งยิงที่มือของมันอย่างแม่นยำ การยิงปืนทำให้ตัวผมเซไปบ้างเพราะแรงดีดของปืน แต่กระสุนที่ผมยิงออกไปนั้นยิงโดนปืนของมันพอดี และผมรีบอาศัยจังหวะที่มันกำลังตกใจ เอาอาวุธผมในมือขวาหวดไปที่หน้าของมันอย่างรวดเร็ว จากนั้นผมรีบใช้อาวุธโจมตีอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ กัน แล้วรีบฟาดใส่หัวของมันเต็มแรงก่อนที่มันจะตั้งตัวทัน จากนั้นผมเตะปืนที่อยู่ในมือของมันออกไปให้ไกลๆ แล้วก็รีบวิ่งไปหาพวกของมันอีกคน ผมกระโดดเอียงมาทางขวาเผื่อว่ามันจะยิงปืนใส่ผม และผมก็คิดถูก เพราะว่ามันยิงปืนใส่ผมจริงๆ กระสุนปืนพลาดไปโดนข้างหลังผมพอดิบพอดี ผมชูปืนแล้วก็ยิงไปที่มือของมันทันที คราวนี้ผมยิงพลาดเพราะมันไปเฉี่ยวโดนมือของมัน แต่ก็ทำให้มันปล่อยปืนทิ้งพร้อมกับร้องออกมาดังลั่น ผมรีบใช้จังหวะนี้หวดอาวุธของผมฟาดใส่หน้าของมันทันที แล้วจากนั้นผมก็เห็นว่าอีกคนกำลังวิ่งเข้ามาทางผม ผมรีบเขวี้ยงปืนที่อยู่ในมือซ้ายใส่หน้าของมัน พร้อมกับวิ่งเข้าไปแล้วก็เอาอาวุธของผมแทงเข้าไปที่หน้าท้องของมันอย่างรวดเร็ว มันร้องออกมาดังลั่นก่อนที่ผมจะเอาหัวตัวเองโขกกับหัวของมันเพื่อไม่ให้มันตั้งตัวทัน และเมื่ออีกคนยิงปืนใส่ผม ผมรีบก้มหัวหลบก่อนที่จะรีบวิ่งออกมา พร้อมกับเอาอาวุธของผมขว้างใส่มันที่หัว แล้วผมก็รีบวิ่งเข้าไปพร้อมกับกระโดดเตะเสยคางมัน ผมเสียหลักเล็กน้อยเพราะตัวของมันค่อนข้างสูง ทำให้ผมล้มลงและกลิ้งตัวไปกับพื้น
กริ๊ก!
ปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่หัวของผม ทำเอาหัวใจผมแทบหยุดเต้น เพราะว่าพวกของมันคนสุดท้ายเล็งปืนจ่อหัวของผมแล้ว
"หึๆ เก่งไม่เบาเลยนี่นา" มันยิ้มเยาะพร้อมกับอ้าปากหอบหายใจเพราะความเหนื่อย "น่าเสียดายนะที่แกเป็นผู้ชายนะ ไม่งั้นหน้าตาแบบนี้ขายได้ราคางามๆ ละ ดังนั้น ตายไปเสีย"
เปรี้ยง!! เก๊ง!!
มันยิงปืนใส่ทันที แต่กระสุนนั้นกลับกระเด้งออกไปและไม่ทะลุหัวของผม มันมองดูด้วยความตกตะลึง
"อะไรว่ะเนี่ย" มันพึมพำ
"โทษทีนะ" ผมหันหน้ายิ้มให้มัน "วิกผมอันเนี้ย กันกระสุนได้วะ"
ผวั๊ะ!!
ผมเสยหมัดใส่หน้าของมันอย่างรวดเร็ว พร้อมกันกระหนํ่าหมัดใส่หน้าท้องของมัน ก่อนที่ผมจะยกขาขึ้นพร้อมกับเตะมันจนมันหงายหลังเซไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบเดินเข้าไปโดยการก้าวขายาวๆ แทนเพราะว่าต้องรีบมือกับคนทั้งแปดคนนี่ทำเอาผมจะหมดแรงอยู่แล้ว และเมื่อผมเข้าไปใกล้ๆ มัน ผมรีบเตะปืนของมันให้ออกไปไกลๆ จากมันทันที และเมื่อผมเห็นว่ามันยังไม่หมดสติ ผมรีบกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาแล้วตะคอกใส่มันทันที
"ที่ซ่อนองค์กรของพวกแกอยู่ที่ไหน" ผมรีบถาม
"คิดเหรอว่าฉันจะบอกแกง่ายๆ นะหา" มันหัวเราะเบาๆ ทั้งๆ ที่หน้าของมันก็มีเลือดไหลจากจมูกกลบปากของมัน
"นาฬิกา ปืนความร้อน" ผมออกคำสั่งกับนาฬิกาข้อมือของผม และเมื่อเข็มเวลากลายสภาพเป็นปืนควรามร้อนแล้ว ผมรีบเอามันจ่อที่หน้าของมันทันที
"ทีนี้จะบอกมะ" ผมถามมันต่อ
"แหะๆๆๆ" มันหัวเราะอีกครั้ง "โดนสาวดุ้นอย่างแกกระทืบเอานี่ก็สนุกใช่ย่อยเลยวะ"
"ว่าไงนะ" ผมเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อมันปั่นหัวผมเล่น
"อีกไม่ช้า องค์กรของเราก็จะเริ่มดำเนินตามแผนการ ตอนนี้พร้อมกว่าครึ่งทางแล้ว เวทีของเราก็คือประเทศไทยเนี่ยแหละ ง่ายดี เฮะ เฮะ เฮะ" มันบอก
"แผนการอะไร" ผมเอาปืนจ่อที่หน้าของมันมากขึ้น พร้อมกับกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาสูงขึ้น "ตอบมา!!"
"..."
มันเงียบลงมันที และเมื่อผมดูแล้วพบว่ามันหมดสติไปแล้วเรียบร้อย ผมรีบปล่อยคอเสื้อให้มันกลับลงไปนอนเหมือนเดิมอย่างไม่พอใจนัก และเมื่อผมมองไปรอบๆ เพื่อนับดูจำนวนคนของพวกมันอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้ผมคิดได้ว่า มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องออกมาจนเบี่ยงเบนความสนใจของพวกมัน
"แย่แล้ว" ผมรีบสั่งนาฬิกาให้เก็บปืนความร้อน แล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อไปยังต้นเสียงทันที
ระหว่างนั้น เทียร์ที่กำลังวิ่งหนีพวกของมันอีกคนหนึ่ง เธอมาแอบอยู่ตรงหน้าประตูห้องที่กักขังตัวประกันนักเรียนสาวที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงอยู่ เธอหอบหายใจแรงด้วยความหวาดกลัวและเหน็ดเหนื่อย
"จ๊ะเอ๋ อยู่นี่เอง" พวกของมันโผล่หน้าออกมาหาเธอ ทำให้เด็กสาวกรีดร้องดังลั่น
"อยู่นิ่งๆ ซิจ๊ะ อู้ววววว!!" มันร้องออกมาดังลั่นเมื่อเด็กสาวยกขาขึ้นเตะเข้าที่หว่างขาของมัน หน้าของมันซีดอย่างรวดเร็ว และพร้อมกันที่เธอรีบเตะซํ้าอีกครั้งแม้ว่ามันจะเอามือมากุมเป้าเอาไว้ ทำให้เจ้าตัวล้มลงหมดสติทันที เธอหอบหายใจแรงขึ้นและยืนดูผลงานของตัวเอง
"หนังสือที่บอกระวังพวกโรคจิตนี่ใช้ได้ผลดีเหมือนกันแฮะ" เธอยิ้ม แต่แล้วเมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากข้างหลังของเธอ เธอไม่รอช้าเลยที่จะรีบยกขาขึ้นแล้วหันหลังกลับไปพร้อมกับเตะเข้าที่หว่างขาทันที
"โอ้วววววว!! เจ็บนะเฟ้ย!" ผมร้องออกมาดังลั่น เพราะว่าไอ้คนที่เธอเตะนะ มันก็ผมนี่หว่า
"อุ้ย ตายแล้ว" เธอรีบเอามือปิดปากพร้อมกับมาดูอาการผมทันที "เจ็บมากไหม"
"ไม่...เจ็บ...มั้ง" ผมกัดฟันตอบเธอไป ความรู้สึกจุกเสียดแน่นแล่นไปทั่วร่าง ทำเอาแขนขาผมชาจนขยับตัวไม่ได้ แถมหายใจติดขัดอีกต่างหาก
"แต่เธอก็ เอ่อ... เป็นผู้ชายจริงๆ สินะ" เธอมองผม
"ก็ใช่นะซี่" ผมโวยกลับไป แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเพราะว่ายังไม่หายจุก "เตะมาด้ายยยย"
"เชอะ โรคจิต" เธอบอก
"อะไรนะ?" ผมถาม
"เป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมาแต่งเป็นตุ๊ดซะงั้น แถมยังมาสมัครเป็นดาราไอดอลอีก โรคจิตตัวพ่อเลยนะเนี่ย" เธอบอก
"ช่วยไม่ได้ มันเป็นงานนี่หว่า" ผมบอก "ใช่ว่าฉันจะชอบทำอะไรแบบนี้นะ"
"งานอะไร อย่าบอกนะว่าพวกนี้นะ" เธอถามผม
"ใช่" ผมพยายามยืนตัวตรงให้ได้ แต่ก็ต้องฝืนตัวเองเพราะว่ายังไม่หายจุกเลย "ฉันมีชื่อว่ากอร์ฟ เป็นสายลับฝึกหัดของ CIA เพื่อจะมาปราบผู้ก่อการร้ายและเข้ามาสืบคดีเรื่องของนักเรียนหญิงที่หายตัวไปนั่นแหละ"
"ถ้างั้น ที่เธอเข้ามาถ่ายทำมิวสิควีดีโอในโรงเรียนนี้ก็.." เธออ้าปากค้างเล็กน้อย
"ใช่ เพื่อที่จะเข้ามาสืบได้อย่างง่ายๆ ไงหละ" ผมบอก แต่ก็ต้องกัดฟันด้วยความทรมาน "อูย... ยังไม่หายจุกเลย"
ผมทรุดตัวคุกเข่าไปกับพื้น เทียร์มองดูผม ทำท่าเหมือนอยากเข้ามาดูอาการ แต่กลับทำหน้าหยิ่งออกมา
"เชอะ ช่วยไม่ได้ อยากเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวเอง" เธอบอก
"ก็เพราะเป็นห่วงเธอนะสิ เลยรีบมานะ" ผมพึมพำบอกเธอไปอย่างไม่พอใจนัก
เธอรีบหันหลังให้ผม พร้อมกับเอามือปิดปากตนเอง เธอเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที แต่แล้วเธอก็รีบปั้นหน้าทำเป็นไม่สนใจต่อทันที
ส่วนตัวผมนั้น อาการจุกเสียดแน่นนั้นเริ่มบรรเทาลงเรื่อยๆ และยืนตัวตรงได้ในที่สุด ผมมองเธอที่ยังยืนหันหน้าให้ผมอยู่อย่างไม่เข้าใจเลย ว่าทำไมเธอถึงทำท่าแบบนั้น และเมื่อเธอทำตัวแบบนั้นผมก็คงไม่สนใจเธออีกต่อไป ผมหันหน้าไปมองดูห้องข้างๆ ที่ยังมีตัวประกันโดนขังอยู่ พร้อมกับเดินไปค้นตัวคนร้ายที่เธอเพิ่งล้มไปได้ และผมก็เจอกุญแจอยู่พวงหนึ่ง ผมรีบหยิบมันขึ้นมาทันที
เสียงคลื่นวิทยุดังขึ้นจากในวิกของผม จากที่ไม่ค่อยชัดก็เริ่มชัดขึ้น และเมื่อผมรีบ ก็พบว่าพ่อของผมติดต่อเข้ามา
"กอร์ฟ เป็นไงบ้างลูก เราเพิ่งจับสัญญาณของลูกได้ ไม่เป็นไรนะ" พ่อของผมถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรครับพ่อ บุกเข้ามาได้เลย ตัวประกันเกือบทุกคนปลอดภัยดีครับ" ผมบอกพลางเอากุญแจดอกหนึ่งไขเพื่อเปิดห้องเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน
------------------------------
หลังจากนั้น ทางทีมของพ่อผมพร้อมกับตำรวจในเขตนั้นก็ได้บุกเข้าไปจับกุมคนร้ายทั้งหมดที่ทั้งยังหมดสติอยู่และกำลังฟื้นสติพอดีได้ทันเวลา ส่วนตัวประกันทั้งหมดนั้น ถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อเช็ดอาการเพิ่มเติม หลายคนต้องเข้าบำบัดรักษาทางจิตเพราะทนไม่ไหวที่โดนสะกดจิตเพื่อล้างสมองจนเกือบจำตัวเองไม่ได้ แต่ทางโรงพยาบาลยืนยันมาว่าจะสามารถรักษาพวกเขาให้หายขาดแน่นอน ข่าวที่รายงานออกไปนั้นถูกปิดข่าวเรื่องผู้ก่อการร้าย ทั้งนี้เพราะทางทีม CIA และตำรวจก็ไม่ต้องการทำให้ประชาชนแตกตื่น จึงรายงานข่าวไปแค่ว่าจับคนร้ายที่ลักพาตัวเด็กได้แล้ว แต่ไม่ทุกคนก็เท่านั้นเอง โดยคนที่เหลือนั้นในข่าวก็ได้รายงานแค่ว่าจะสืบสวนเพื่อค้นหาและช่วยเหลือต่อไป
ผมรายงานเหตุการณ์ทุกอย่างให้พ่อของผม โดยพ่อของผมนั้นทำหน้าตาเครียดเพราะว่าเด็กสาวคนนั้นรู้ความลับของผมแล้ว หมายความว่าผมจะไม่สามารถแทรกซึมทำภารกิจต่อไปได้โดยการใช้ชื่อดาราอีกต่อไป
"น่าเสียดายเนอะ เงินทั้งนั้นเลย" พ่อผมพึมพำ “แถมถ้าผู้หญิงคนนั้นเกิดแฉความจริงออกไป มีหวังงานเข้าแน่แหละ”
"ไม่เป็นได้ซะก็ดีละ" ผมบ่น แต่ก็กังวลเหมือนกัน เพราะว่าถ้าเธอคนนั้นบอกความจริงเรื่องของผมไป มีหวังผมคงไปเรียนไม่ได้แน่เลย
"แต่ที่พ่อสงสัยนะลูก" พ่อของผมบอก "เราบอกว่าพวกของมันได้บอกมาใช่ไหมว่ามันกำลังทำแผนการอะไรอยู่นะ"
"ใช่ครับ" ผมบอก
"ทีมของพ่อสอบสวนพวกมันแล้ว แต่มันกลับไม่ปริปากบอกอะไรทั้งนั้นเลย" พ่อของผมลูบคางพร้อมครุ่นคิด "มันกำลังวางแผนทำอะไรอยู่กันแน่น้า"
ผมมองดูเอกสารที่อยู่โต๊ะข้างๆ และเมื่อผมหยิบมันขึ้นมาดู ก็พบเห็นใบหน้าของผู้หญิงคนที่ชื่อเร้ดอยู่ ผมกำหมัดแน่นที่โดนเธอดูถูกผมเอามากๆ ตอนที่เกิดเหตุ
"พ่อครับ บอกผมล่วงหน้าด้วยนะครับ" ผมบอก
"บอกอะไรเหรอ" พ่อผมถาม
"ถ้ามีภารกิจต่อไป บอกผมได้เลยนะครับ" ผมยิ้ม "ผมไม่ยอมปล่อยให้พวกของมันทำอะไรได้ตามใจชอบอีกแล้ว"
พ่อของผมยิ้ม พร้อมกับเอามือลูบหัวผม
"แหม๋ แต่คงยากนะ เพราะสงสัยลูกต้องลาวงการดาราจริงๆ ซะละมั้ง"
"แทรกซึมด้วยวิธีอื่นไม่ได้รึยังไงครับ" ผมถามด้วยความไม่พอใจ
"ไม่เอาอ่ะ พ่อชอบนิ" พ่อผมยิ้มกว้าง
คิดถูกหรือคิดผิดว่ะเนี่ยตู ผมคิด
------------------
และวันต่อมา ผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ สิ่งแรกที่ผมเจอก็คือ หัวหน้าห้องยืนมองผมตาเขม็ง
"ไปงานศพที่ไหนมาค่ะ" เธอถามผมอย่างรวดเร็ว
"อะเอ่อ คือ" ผมอ้าปากเพื่อที่จะแก้ตัว แต่ก็นึกไม่ออกเลยว่าจะให้ผมไปงานศพที่ไหนดี"
"คราวหน้าบอกล่วงหน้านะค่ะ อย่ามาบอกกันกระทันหัน" หัวหน้าห้องขยับแว่นให้สูงขึ้นพร้อมกับมองผมตาไม่กระพริบ "ไม่งั้นฉันจะส่งรายงานให้อาจารย์ลำบาก"
ว่าแล้วหัวหน้าห้องสาวก็หันหลังเดินจากไป ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดูเหมือนครั้งนี้ผมจะไม่โดนหักคะแนนจิตพิสัย แต่ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า ว่าเมื่อกี้เหมือนหัวหน้าห้องแอบมองผมด้วย
"อาจารย์มาแล้วเว้ย" นุ๊ก เพื่อนผมรีบตะโกนบอกทุกคนในห้อง จนทำให้ตอนนี้เกือบเป็นจราจลย่อมๆ เพราะต่างคนต่างรีบวิ่งเข้าไปนั่งที่กันอย่างรวดเร็ว และเมื่อทุกคนนั่งที่เรียบร้อยก็แกล้งฟอร์มทำเป็นอยากเรียนเต็มแก่ และเมื่ออาจารย์เดินเข้ามา ก็มองไปรอบห้องทันที
"ก่อนจะเริ่มชั้นเรียน วันนี้เราจะมีเพื่อนมาเรียนใหม่อีกคนนะ" อาจารย์บอก ซึ่งทุกคนในห้องหันหน้าคุยกันทันทีว่าใครกันนะที่มาเรียนเอาตอนเรียนจะครึ่งเทอมอยู่แล้ว "เข้ามาสิ"
เสียงฝีเท้าดังขึ้นหน้าห้องเรียน และเมื่อผมหันไปมอง ก็ต้องตกตะลึง
เพราะว่า เด็กสาวคนเมื่อวาน มายืนอยู่ตรงหน้าผม แถมใส่ชุดยูนิฟอร์มหญิงโรงเรียนผมด้วย
"เอาหละ แนะนำตัวเองหน่อยซิ" อาจารย์บอก เด็กสาวคนนั้นพยักหน้า
"สวัสดีค่ะ ชื่อเทียร์ค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ" เธอยิ้มบอกกับพวกเราทุกคนห้อง และท่าทางที่น่ารักของเธอนั้นเล่นทำเอาเพื่อนชายผมในห้องทำตัวยังกับลงแดงทันที
"สวยสุดยอดว่ะ"
"เฮ้ย นั่นมันคุณหนูเทียร์ที่เข้าประกวดไอดอลนี่หว่า"
"น่ารักโว้ย"
เสียงพึมพำพูดคุยกันขึ้นไปทั่ว ผมมองเธอแล้วไม่เข้าใจเลยว่าเธอจะย้ายโรงเรียนมาเรียนห้องเดียวกับผมทำไม
"เอาหละ งั้นน้องเทียร์ ไปนั่งตรง..." อาจารย์ทำท่าจะชี้ไปที่นั่งว่างๆ แต่เทียร์นั้นกลับยิ้มให้อาจารย์ ก่อนที่จะรีบยกกระเป๋าเป้นักเรียนแล้วเดินมานั่งโต๊ะข้างๆ ผมทันที เล่นทำเอาทุกคนในห้องมองดูเธอไม่กระพริบ โดยเฉพาะผู้ชาย
“ทำไมต้องไปนั่งข้างๆ ไอ้กอร์ฟด้วยว่ะ”
“ไอ้กอร์ฟ แกนะแก จำไว้เลย”
ผมพยายามไม่สนใจเสียงพวกเพื่อนผมคุยกัน แต่รีบถามเธอทันทีเมื่อเธอนั่งลงแล้ว
"นี่เธอ ย้ายมาทำไมเหรอ" ผมรีบถามด้วยความสงสัย "เอ่อ เทียร์ใช่ไหม"
"อย่าเข้าใจผิดนะ" เธอรีบบอกอย่างรวดเร็ว "ฉันย้ายมาก็แค่อยากจับตาดูคนโรคจิตอย่างนายก็เท่านั้น ดูซิว่าจะแต่งหญิงอีกไหม"
"อะไรนะ" ผมถามอย่างไม่พอใจนัก
"เอาเถอะ เรื่องที่กอร์ฟคนนี้กับดาราไอดอลสาวกอร์ฟเป็นคนเดียวกันนั้นฉันจะช่วยเก็บเป็นความลับก็ได้" เธอยิ้มให้ผม "ไม่ต้องห่วงหรอก"
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะผมก็กังวลอยู่ว่าถ้าเธอแฉความลับนี้ออกไปชีวิตปกติผมก็คงล่มไปแล้ว"
"ขอบใจนะ เทียร์" ผมยิ้มให้กับเธอ
เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที พร้อมกับรีบหันหน้าหนีผมอย่างรวดเร็ว ผมมองเธอแล้วไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องหันหน้าหนีผมด้วย สงสัยยังโกรธอยู่มั้ง
ผมก้มลงเพื่อหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ โดยผมไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้ผมกำลังโดนจับตามองอยู่ ทั้งคิตตี้ และหัวหน้าห้อง
ได้ข่าวว่าเธอเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วนสาขาสองไม่ใช่เหรอนั่น หัวหน้าห้องสาวคิดพร้อมกับเอานิ้วขยับแว่นตาให้ขึ้นไปบนดั้งจมูก แล้วย้ายมาทำไมกันนี่
ทำไมต้องไปนั่งข้างๆ กอร์ฟด้วยนะ คิตตี้คิด
ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนใครจับตามองยังไงชอบกล แต่เมื่อผมมองไปรอบข้าง ก็ไม่เจอใครมองผมเลยสักคน ผมเกาหัวด้วยความสงสัย
คิดไปเองมั้งเรา ผมคิด พร้อมกับเปิดหนังสือเพื่อที่จะเรียนต่อทันที
ความคิดเห็น