ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adventure in Equestria (My Little Pony Fan-Fic)

    ลำดับตอนที่ #8 : Episode 8 : Magic Dual

    • อัปเดตล่าสุด 28 มิ.ย. 57




     

    เช้าวันต่อมา ผมได้เดินทางไปส่งเบ็บ ซี๊ด ที่สถานีรถไฟพร้อมกับแอปเปิ้ลแจ็คและเหล่าแก๊งคิวตี้มาร์ค ซึ่งเห็นว่าเจ้าตัวจะไปขยายสาขาคิวตี้มาร์ ครูเซเดอร์ที่เมืองเมนฮัตตันด้วย และดูเหมือนเจ้าตัวจะร่าเริงกว่าเมื่อวานขึ้นเยอะ แต่ก่อนกลับก็มีเรื่องกันอยู่ดี เมื่อม้าสาวตัวน้อยทั้งสองตัวที่ผมเห็นเมื่อวานซืนได้มาล้อเลียนที่กลุ่มคิวตี้มาร์คยังไม่มีคิวตี้มาร์คต่อหน้าแอปเปิ้ลแจ็คและต่อหน้าผม ก่อนที่ผมจะได้ว่า เบ็บ ซี๊ด ได้ไปสั่งสอนพวกนี้เสียก่อน เป็นการเอาคืนที่สะใจดีจริงๆ ผมว่านะ และผมว่าสองตัวนั้นคงจะเข็ดไปซักระยะหนึ่้งเลยทีเดียว

    หลังจากนั้น ผมก็ได้ไปพบกับกลุ่มคิวตี้มาร์คมากขึ้น เพราะพวกเขาทั้งสามตัวก็ได้เชิญให้ผมไปเข้าร่วมการประชุมของพวกเขาด้วย (แต่ถึงจะเรียกว่าการประชุม ส่วนใหญ่ก็คือคุยเล่นเสียมากกว่า) ซึ่งบางวันที่ผมไป ผมยังแอบคิดเลยว่าคิดถูกแล้วที่ไป เพราะบางครั้ง ทั้งสามสาวก็จะคิดกิจกรรมแปลกๆ เพื่อลองดูว่าทำแล้วจะได้คิวตี้มาร์คมาไหม เช่น กระโดดลงมาจากต้นไม้สูงแล้วลงแม่นํ้า หรือ จะลองไปล่อกระทิงออกมาจากป่าเอเวอร์ฟรีดี ซึ่งดีที่ผมอยู่ห้าม เพราะดูแล้วเหมือนทั้งสามตัวจะเอาจริงด้วย โดยเฉพาะเพกาซัสที่ชื่อสกูทาลูนั่นนะ ดูจริงจังกว่าใครเพื่อน

    ด้วยการที่ห้องประชุมของกลุ่มคิวตี้มาร์ค ครูเซเดอร์นั้นเป็นบ้านต้นไม้ และอยู่ไม่ไกลจากบ้านของแอปเปิ้ลแจ็คมากนัก ผมจึงได้แวะไปเยี่ยมแอปเปิ้ลแจ็คด้วย และที่นั่นก็ทำให้ผมได้รู้จักกับคุณยายแกรนสมิธ ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่สุดของบ้าน AJ และพี่ชายของเธอที่ชื่อ บิ๊กแม็คอินท็อช ซึ่งเจ้าตัวแทบไม่พูดอะไรอย่างอื่นเลย นอกจาก Yup อย่างเดียว (ก่อนที่เขาจะพูด ผมยังแอบคิดเลยว่าเขาเป็นใบ้รึเปล่า) และนั่นทำให้ผมได้ทานอาหารของบ้านแอปเปิ้ลหลายอย่างมาก แอปเปิ้ลแจ็คทำอาหารอร่อยทุกอย่าง

    ผมได้แนะนำวิธีการทำการเกษตรแบบหมุนเวียนให้กับแอปเปิ้ลแจ็คเพื่อเป็นการตอบแทนที่เธอเลี้ยงอาหารผม ตามแบบที่ผมได้เรียนรู้มาบ้างจากในโลกเดิมของผม เพื่อให้ทางบ้านของเธอใช้งบที่น้อยที่สุดและเกิดประโยชน์สูงสุด ปรากฎว่าบางอย่างมันไม่สามารถทำได้เพราะต้องรอฤดูปลูกแอปเปิ้ลเวทมนต์ ซึ่งจะเป็นฤดูหมุนเวียนที่ต้องทำทุกปี แต่เธอก็รับคำแนะนำจากผมแล้วสัญญาว่าจะลองเอาไปปรับใช้ดู ซึ่งผมเห็นว่าบ้านของเธอนอกจากปลูกแอปเปิ้ลแล้วก็ยังมีปลูกพืชบางอย่างและเลี้ยงสัตว์ด้วย ซึ่งน่าจะใช้ได้แหละ

    หลายวันต่อมา ในที่สุด ผมก็สามารถถอดเฝือกออกมาจากปีกของผมได้สำเร็จหลังจากที่รำคาญมันมาหลายวันเสียจนรู้สึกคันไปหมด เพียงแต่หมอยังไม่อนุญาติให้ผมบินได้จนกว่าจะรออีก 2 - 3 วัน แต่ก็ทำให้ผมสามารถขยับปีกไปมาได้ และมันทำให้ผมคลายความอึดอัดได้ดีจริงๆ เรนโบว์แดชดูตื่นเต้นมากที่ปีกผมหายดี เธอสัญญากับผมว่าเมื่อผมพร้อมบินเมื่อไหร่เธอจะสอนผมบินทันที ผมจึงตอบตกลงด้วยความยินดี เพราะผมเชื่อว่าคงไม่มีเพกาซัสตัวไหนบินเก่งเท่าเธออีกแล้ว เพราะเจ้าตัวดันเล่นบินแทบตลอดเวลา

    วันหนึ่ง ทไวไลท์ชวนผมไปบ้านฟรัทเทอร์ชายเพื่อไปดูเธอลองหัดใช้เวทมนต์บทใหม่ เพราะเห็นว่าองค์หญิงเซเลสเทียร์จะพาผู้แทนจากเมือง Saddle Arabia มาเยี่ยมชมเมืองโพนี่วิลล์ ("เป็นเมืองแถบทะเลทรายนะ" สไปค์อธิบาย) จึงได้มอบหมายให้ทไวไลท์เป็นคนจัดงานบันเทิงเพื่อเป็นการต้อนรับ ซึ่้งนั่นก็คือเธอจะใช้เวทมนต์จับพวกสัตว์เลี้ยงของฟรัทเทอร์ชายลอยขึ้นราวกับใช้มายากล ผมหัวเราะก๊ากทันทีเมื่อเห็นว่าฟรัทเทอร์ชายขี้กังวลความปลอดภัยของพวกสัตว์แค่ไหน แต่เรื่องก็เกิดขึ้นเมื่อเรนโบว์แดชพุ่งตัวด้วยความเร็วสูงจนชนกับทไวไลท์ล้มลงพื้น

    "ทไวไลท์ เธอต้องรีบหน่อย มีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้น" เจ้าตัวรีบบอกขณะที่ยังคร่อมตัวทไวไลท์อยู่เลย

    "มีเรื่องอะไรกัน" ผมเดินไปถาม

    "รีบไปเถอะ เดี๋ยวก็รู้เอง" เรนโบว์แดชซึ่งถอยหลังให้ทไวไลท์ลุกขึ้นแล้วรีบบอกด้วยหน้าตาตื่นทันที ก่อนที่จะรีบนำพวกผมให้ไปยังเมืองโพนี่วิลล์

    ผม ทไวไลท์ สไปค์ และฟรัทเทอร์ชายใช้เวลาไม่นานในการควบไปยังเมืองโพนี่วิลล์ และที่นั่นผมก็เห็นโพนี่หลายตัวกำลังมุงดูอะไรบางอย่างตรงหน้าหอประชุมใจกลางเมือง และก็มีเสียงแรร์ริตี้ร้องออกมาด้วย ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วหละ

    "นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย" ทไวไลท์ที่วิ่งไปถึงแล้วถามพร้อมกับมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย

    "โฮ่ โฮ่ โฮ่ นี่มันทไวไลท์ สปาร์คเคิล ไม่ใช่เหรอ ?" เสียงของบุคคลแปลกหน้าดังขึ้น และเมื่อทั้งผม ทไวไลท์ และสไปค์หันไปมอง ก็พบกับม้าตัวหนึ่งที่มีผ้าคลุมปกปิดหน้าตัวเอง แต่เมื่ออีกฝ่ายเลิกผ้าคลุมขึ้น และนั่นทำให้พวกผมมองตาโตทันที

    อีกฝ่ายนั้นเป็นม้ายูนิคอร์นสาว ลำตัวสีฟ้าเข้ม มีแผงคอสีฟ้าอ่อนเกือบขาวสลับกับสีฟ้าอ่อน หน้าตาดูหยิ่งยะโสและไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก เธอจ้องมองดูทไวไลม์ด้วยสายตาเคียดแค้น

    "ทริซซี่... " ทไวไลท์เรียกชื่อมันตัวนั้นด้วยความไม่ชอบใจนัก เสียงซุบซิบของม้าหลายตัวที่มามุงดูดังขึ้นเรื่อยๆ

    "เธอมาทำอะไรที่นี่" สไปค์เองก็ถามด้วยความไม่ชอบใจเช่นกัน ผมมองไปรอบๆ ดูเหมือนม้าตัวอื่นๆ ในเมืองน่าจะรู้จักเธอดีด้วย

    "นั่นใครเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย เพราะผมไม่เคยเห็นม้าสาวตัวนี้มาก่อนในโพนี่วิลล์เลย

    "ศัตรูต่างหากหละ" สไปค์บอกพร้อมกับกอดอก "ครั้งก่อน ยัยนี่มาที่โพนี่วิลล์ แล้วก็โอ้อวดว่าตัวเองมีพลังเวทย์สูงส่ง ทั้งๆ ที่สู้ทไวไลท์ไม่ได้ครึ่้งนึงเลย แถมเออร์ซ่า ไมเนอร์ก็ยังมาอาลาวาดในเมืองก็เพราะยัยนี่ด้วย"

    "มันคือตัวอะไร เออร์ซ่า ไมเนอร์เนี่ย" ผมถามด้วยความสงสัย

    "หมียักษ์นะ แต่ทริซซี่ไม่ได้เป็นคนเรียกมา สองตัวนั้นต่างหาก" ทไวไลท์เลิกคิ้วไปทางม้าเด็กสองตัวที่ตัวนึงอ้วนเตี้ย อีกตัวก็ผอมสูง ทั้งสองตัวหลบหน้าทไวไลท์และมองไปทางอื่นทันที

    "นั่นเธอเรียกมันว่า ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ งั้นเหรอ" เรนโบว์แดชพุ่งตัวบินลอยอยู่หน้าพวกผมพร้อมกับเผชิญหน้ากับยูนิคอร์นสาวสีฟ้า

    เปรี้ยง!

    ฉับพลัน แสงเวทมนต์สีแดงที่ออกมาจากเขาของทริซซี่ได้พุ่งไปหาเรนโบว์แดชทันที และเมื่อผมลืมตาขึ้นมอง ผมก็ต้องอ้าปากค้างเพราะว่าปีกข้างหนึ่งของเรนโบว์แดชใหญ่มากจนผิดปกติ และทำให้เรนโบว์แดชทรงตัวไม่อยู่และเริ่มบินเซไปเซมาทันที

    "โอ้ว เธอกลายเป็นเรนโบว์โย้ไปแล้ว" เจ้าม้ายูนิคอร์นจิ๋วตัวที่สไปค์บอกว่าก่อเรื่องคราวก่อนพูดออกมาอย่างขบขัน แต่แล้วทั้งตัวมันและเพื่อนเจ้าตัวก็ต้องรีบวิ่งหนีเพราะเรนโบว์แดชบินโฉบไปหาพวกเขาจนม้าหลายตัววิ่งหนีกันแตกตื่น

    "เวทย์เจ๋งมาก ทริซซี่ผู้ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ" ยูนิคอร์นตัวสีเหลืองเพื่อนมันก็พูดยกยอทริซซี่ทันที

    "แกทั้งคู่ หุบปาก!" ทริซซี่เอ่ยออกมาด้วยนํ้าเสียงเย็นชาก่อนที่จะเสกเวทมนต์ของเธอใส่ทั้งคู่ทันที และนั่นทำให้ทั้งคู่หัวติดกันราวกับมีกาวสองหน้าติดกันเอาไว้ ทั้งคู่พยายามวิ่งหนีเพื่อให้หลุดออกจากกัน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลย

    "หยุดหาเรื่องเพื่อนฉันได้แล้วทริซซี่" ทไวไลท์โต้ไปทางทริซซี่ด้วยความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ

    "เธอกับฉันมีเรื่องต้องสะสางกัน" ทริซซี่ยิ้มเยาะออกมา "เวทมนต์ของฉันแข็งกล้ากว่าตอนที่เราเจอกัน และฉันขอท้าเธอ...มาดวลเวทมนต์กับฉัน"

    ผมเหลือบตามองดูทไวไลท์ทันที ซึ่งเจ้าตัวก็ยังจ้องมองดูอีกฝ่ายด้วยความไม่ชอบใจ

    "ผู้ชนะจะต้องอยู่ ผู้แพ้จะต้องออกจากเมืองโพนี่วิลด์.. ตลอดกาล" ทริซซี่เอ่ยท้า

    "ลืมไปได้เลย ฉันจะไม่ดวลกับเธออย่างแน่นอน" ทไวไลท์ตอบปฏิเสธทันที ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะดูจากสถานการณ์ เราก็ไม่ควรไปเล่นด้วย

    "เธอเลือกเองนะ" ทริซซี่เอ่ยก่อนที่จะร่ายเวทมนต์โจมตีต่อ และเป้าหมายของเธอก็คือสไปค์ ซึ่งตอนนี้ร่างกายเจ้าตัวถูกมัดติดกับจนกลายเป็นลูกบาสไปแล้ว

    "ทริซซี่ วางเขาลงเดี๋ยวนี้!" ทไวไลท์รีบบอก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจ แต่กลับโยนสไปค์ไปถังเก็บของอันหนึ่งที่ก้นรั่ว ราวกับโยนลูกบาสเข้าห่วงอย่างไรอย่างนั้น

    "ทำไมเธอถึงทำแบบนี้" ยูนิคอร์นสาวถามด้วยนํ้าเสียงที่อดทนอดกลั้นเต็มที่

    "ทำไมงั้นเหรอ ? ก็เพราะเธอทำให้ฉันขายขี้หน้ายังไงหล่ะ!" ทริซซี่พูดออกมาในที่สุด ก่อนที่จะใช้พลังเวทย์ของเธอฉายภาพกลางอากาศข้างๆ เธอ ซึ่งเป็นภาพเหตุการณ์ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับว่าเธอกำลังฉายภาพทีวีให้ดู เมื่อดูแล้วราวกับเป็นเทคโยโลยีอนาคตเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ใช้พลังงานเวทมนต์เท่านั้นเอง

    "หลังจากที่เธอโชว์ฉันเรื่องเออร์ซ่า ไมเนอร์ ฉันกลายเป็นตัวตลก! และต้องถูกหัวเราะเยาะและขับไล่เมื่อฉันไปที่ไหนก็ตาม ทำให้ฉันต้องทำงานอยู่ในฟาร์มหินนั่น! ในฟาร์มหิน!!"

    ภาพฉายเหตุการณ์นั้นทำให้ผมพอเข้าใจได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเคียดแค้นทไวไลท์นักหนา แต่ดูเหมือนมันก็สมควรโดนเองไม่ใช่เหรอในเมื่อทำตัวอวดดีแบบนั้น

    "เฮ้! เธอนะโชคดีนะที่ได้ทำงานในฟาร์มหิน รู้ไหม!" พิงค์กี้เดือดขึ้นมาแล้วต่อว่าทริซซี่ทันที ซึ่งแน่นอนว่าผมเองก็ไม่เคยเห็นพิงค์กี้พายโมโหขนาดนี้มาก่อน

    "พ่อแม่ของเธอทำงานในฟาร์มหินนะ" ทไวไลท์เอียงหัวมาอธิบายให้ผมฟังราวกับเธออ่านใจผมได้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่

    แต่ทว่า ทริซซี่กลับใช้เวทมนต์ของเธอในการตัดปากของพิงค์กี้พายทิ้งราวกับใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ทำ และนั่นทำให้พิงค์กี้พายไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ทันที และนั่นทำให้ผมเริ่มไม่พอใจอีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

    "ตอนนี้ ฉันจะได้แก้แค้น และฉันจะใช้เวทเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะตอบตกลงนะ.." ทริซซี่เอ่ยด้วยความสะใจก่อนที่เธอจะเริ่มใช้เวทมนต์อีกครั้ง

    ครืน!!

    ครั้งนี้ทริซซี่ใช้เวทที่ใหญ่กว่าเดิมในการดึงห้องสมุด บ้านต้นไม้ของทไวไลท์ลอยขึ้นกลางอากาศทั้งรากไม้ และจับมันกลับหัวและเขย่าจนหนังสือหลายเล่มร่วงออกมาจากห้องสมุดของเธอ ผมมองเห็นนกฮูก สัตว์เลี้ยงของทไวไลท์พยายามบินเก็บหนังสือที่ร่วงหล่นลงมา และนั่นทำให้ผมเริ่มจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

    "เฮ้ย! มันสนุกมากรึไงที่ทำตัวอันธพาลแบบนี้นะ หา!" ผมตะเบ็งเสียงด่าใส่อีกฝ่ายพร้อมกับเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

    "ทำไม จะทำอะไรฉันงั้นเหรอ อย่างนายคิดจะทำอะไรฉันได้" ทริซซี่ท้าทายผม

    ผมทำท่าจะพุ่งตัวเอาหัวไปชนอีกฝ่ายซักตั้ง แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงก็ตาม แต่ทไวไลท์กลับยกอุ้งเท้าห้ามผมเอาไว้ พร้อมกับมองดูเพื่อนของเธอที่โดนผลกระทบจากเวทมนต์ของทริซซี่ เธอส่ายหัวให้ผมก่อนที่จะเดินเข้าไปหาทริซซี่ที่อยู่ตรงหน้า

    "ก็ได้ทริซซี่ มาดวลกัน" เธอตอบรับทำท้าจากอีกฝ่าย

    "ยอดเยี่ยม!" อีกฝ่ายพูดอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะคลายเวทมนต์ทั้งหมด ซึ่งทำให้บ้านต้นไม้ของทไวไลท์กลับมาตั้งเหมือนเดิม และเวทมนต์ที่เธอโจมตีใส่ทั้งเรนโบว์แดชและสไปค์ก็หายไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเฉพาะพิงค์กี้พายที่ปากยังไม่กลับมา

    "ถ้าฉันแพ้ ฉันจะไม่มาเหยียบที่โพนี่วิลด์อีก แต่ถ้าเธอแพ้ เธอจะต้องถูกเนรเทศออกไปจากเมืองนี้" ทริซซี่เอ่ย ซึ่งดูเหมือนทไวไลท์จะจ้องมองอีกฝ่ายแบบไม่หวั่นไหว ม้าตัวอื่นๆ ได้เดินเข้ามาใกล้ผมเพื่อดูการดวลของทั้งสองตัวห่างๆ

    เอาชนะมันให้ได้นะทไวไลท์ ผมคิด อุ้งเท้าของผมจิกลงพื้นถนนเพราะพยายามเก็บอาการสุดชีวิตเอาไว้

    เปรี้ยง!

    ทริซซี่เสกเวทมนต์โจมตีใส่รถเข็นขายผลไม้คันหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ เวทมนต์ของเธอทำให้รถคันนั้นปลิวลอยและทำท่าจะตกใส่ม้าตัวอื่นๆ ที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่ แต่ทไวไลท์ก็ได้ใช้เวทมนต์ของเธอหยุดมันเอาไว้ก่อนที่มันจะไปทับม้าสาวตัวหนึ่ง ก่อนที่เธอจะจับมันกลับเข้าที่พร้อมแอปเปิ้ลหลากหลายลูกเอาไว้ที่เดิม แต่แล้วเมื่อทไวไลท์ปาดเหงื่อเมื่อทำเสร็จ ทริซซี่ได้ใช้พลังเวทย์เสกพายมาจากไหนไม่รู้ครึ่งโหลโจมตีใส่ทไวไลม์กลางอากาศ และทไวไลท์ก็ได้โต้ตอบโดยการเสกตัวอะไรก็ไม่รู้ตัวสีกลมๆ น่ารักบินได้ แต่เจ้าตัวที่ว่ากลับอ้าปากเขมือบพายเข้าไปหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะแบ่งออกเป็นสองตัว และนั่นทำให้ทไวไลท์รีบเสกทำให้มันหายไปทันที

    "ตัวบ้าอะไรฟะนั่น" ผมอ้าปากด้วยความตกใจ เพราะพายมันใหญ่กว่าตัวเล็กๆ นั้นเกือบสามเท่า แต่กลับกินเข้าไปได้เฉย

    "พาราสไปค์นะ พวกตัวหายนะที่จะเขมือบทุกอย่าง แสดงว่าทไวไลท์เรียกมันมาจากป่าเอเวอร์ฟรีนะเนี่ย" แรร์ริตี้ตอบผมแทนพิงค์กี้พายที่ทำท่าอยากอธิบายให้ผมฟัง

    แผละ!

    เสียงของบางอย่างตกลงมา และเมื่อพวกผมมอง ก็พบหิมะมาจากไหนไม่รู้ถล่มใส่ทไวไลท์และทำให้พื้นที่แถบนั้นเป็นสีขาวโพลนไปหมด ทไวไลท์ใช้เวทย์ความร้อนเพื่อละลายหิมะจำนวนมาก และใช้เวทย์โจมตีใส่ทริซซี่บ้าง และนั่นทำให้ทริซซี่มีหนวดยาวเฟื้อยออกมาเหมือนผู้ชายทันที และนั่นทำให้ผมหัวเราะก๊ากออกมาทันที เพราะมันดูเหมือนกระเทยไม่มีผิด อีกฝ่ายเสกกรรไกรออกมาตัดหนวดทิ้ง ก่อนที่จะมองไปยังกลุ่มม้าที่กำลังดูอยู่ ซึ่งม้าเด็กเกรียนตัวแสบสองตัวนั้นยืนอยู่หน้าสุด

    "สนิ๊ป สเนล ก้าวออกมาข้างหน้า" เธอออกคำสั่ง ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เดินออกมาข้างหน้าตามคำสั่งของเธอทันที

    "มะ มะ มีอะไรเหรอ ทริซซี่ ผู้ยะ ยะ ยิ่งใหญ่" ม้าเกรียนตัวที่น่าจะชื่อสนิ๊ปถามเสียงสั่น

    เปรี้ยง!

    ทริซซี่เสกเวทมนต์โจมตีใส่สองตัวนั้น และทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อขึ้นมา นั่นก็คือ ทำให้สนิ๊ปกลายร่างเป็นเด็กทารก และสเกลเป็นม้าแก่ไปแล้ว! และนั่นทำให้ผมอ้าปากค้างทันที

    "เวทย์อายุขัยงั้นเหรอ ? เธอทำได้ยังไง ? มันมีแต่ยูนิคอร์นชั้นสูงเท่านั้นที่จะทำได้นี่นา!"

    "จะยอมแพ้เหรอ ทไวไลท์" ทริซซี่เยาะเย้ย

    อย่าไปยอมมัน ทไวไลท์ ผมเชียร์เธอในใจ

    ดูเหมือนว่าเธอเองก็คิดแบบเดียวกับผม เธอได้ใช้เวทย์มนต์ใส่ม้าสองตัวนั้นเพื่อที่จะให้พวกเขากลับคืนมามีอายุเหมือนเดิม แต่ใบหน้าของทไวไลท์ก็ล้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ไม่ไหว! เธอไม่สามารถใช้เวทย์มนต์เพื่อทำให้สองตัวนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เสียงหัวเราะของทริซซี่ดังขึ้นทันที

    "ทริซซี่เป็นยูนิคอร์นระดับสูงแล้ว" ทริซซี่หัวเราะเยาะ "และตอนนี้ ก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องออกไปจากโพนี่วิลด์ ตลอดกาล!"

    "พอได้แล้วทริซซี่!" แอปเปิ้ลแจ็ควิ่งเข้ามาขวางทริซซี่กับทไวไลท์ทันที ผมกับตัวอื่นๆ เองก็วิ่งไปขวางด้วยเช่นกัน

    "เธอพิสูจน์พอแล้ว แต่เธอไม่มีทางพาทไวไลท์ออกไปจากเมืองโพนี่วิลด์ได้หรอกนะ!" แรร์ริตี้โต้ใส่อีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจเช่นกัน

    "เจ้าโง่! เธอพร้อมที่จะไปแล้วยังไงหล่ะ" ทริซซี่เอ่ย พร้อมกับร่างเวทมนต์ของเธอจับทไวไลท์ยกขึ้นกลางอากาศ แล้วโยนเธอออกไปข้างนอกเมืองทันที

    "ทไวไลท์!" ผมตะโกนเสียงดังลั่นก่อนที่จะวิ่งตามเธอไป แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเข้าถึงตัวเธอ ผมวิ่งชนอะไรบางอย่าง และเมื่อผมมองดู มันกลับเป็นกระจกขนาดยักษ์ ไม่ใช่สิ มันไม่ใช่กระจก มันเป็นโถแก้วขนาดยักษ์ปิดกั้นเมืองโพนี่วิลด์ทั้งเมืองเอาไว้ ผมพยายามยกอุ้งเท้าเตะกระจกข้างหน้าผมให้แตก แต่ดูเหมือนมันจะหนามากจนผมทำอะไรมันไม่ได้เลย!

    "บ้าเอ้ย!" ผมสบถเสียงดังลั่นออกมา แอปเปิ้ลแจ็คยกอุ้งเท้าจับที่หัวไหล่ผม และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่าม้าทุกตัวก็วิ่งตามผมมาหมด

    "ไม่เป็นไรเพื่อน ฉันจะหาทางทำอะไรบางอย่าง แต่คอยดูแลและจับตามองทริซซี่เอาไว้ มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น"

    ทไวไลท์บอกผมราวกับสั่งเสีย ก่อนที่เธอจะหันหลังและวิ่งเข้าไปในเขตของป่าเอเวอร์ฟรี สไปค์เอาหัวโขกโถยักษ์ด้วยความท้อใจ

    และนั่นทำให้ผมฉุนขาดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับตั้งแต่ผมถูกควีนคริสซาลิสสาปให้ผมเป็นม้าโพนี่ ผมหันหลังแล้วก้าวไปข้างหน้าไปยังใจกลางเมือง และเท้าของผมก็ควบเร็วขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้น แอปเปิ้ลแจ็ครีบวิ่งควบตามผมมา

    "นี่นายคิดจะไปทำอะไร" เธอถามผม แต่ผมไม่ตอบทันที ผมจ้องมองดูทริซซี่ที่ยังคงหัวเราะเยาะด้วยความสะใจพร้อมกับม้าโพนี่ตัวอื่นๆ ที่จ้องมองเธออย่างหวาดกลัว

    "ขอไปตะบั้นหน้ามันซักทีไง" ผมเอ่ยเสียงเคียดแค้นออกมา และยังไม่ทันที่แอปเปิ้ลแจ็คจะร้องห้ามผม ผมกระโดดพุ่งตัวไปหาอีกฝ่ายทันที

    "ทริซซี่!" ผมตะโกนเรียกเธอ ก่อนที่จะพุ่งอุ้งเท้าไปข้างหน้าเพื่อหมายจะต่อยเธอ

    เปรี้ยง!

    ก่อนที่ผมจะถึงตัวเธอ ผมถูกอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นดีดตัวผมกระเด็นออกมา ผมร้องออกมาเสียงดังลั่นก่อนที่จะหมุนคว้างกลางอากาศและตกลงกระแทกพื้นที่อยู่ห่างออกไป ผมร้องออกมาอีกครั้งเมื่อลำตัวของผมครูดไปกับพื้น ปีกข้างที่กำลังจะหายดีปวดระบมไปทั่ว ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ผมกลับมองเห็นอีกฝ่ายมายืนประจันหน้ากับผมแทน นั่นก็คือทริซซี่นั่นเอง

    "นายนี่กล้าดีนะ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วเวทย์มนต์ของทริซซี่ทำอะไรได้บ้าง" เธอเอ่ยออกมาด้วยนํ้าเสียงเย็นชา ก่อนที่เธอจะใช้เวทมนต์ของเธอยกตัวผมขึ้นกลางอากาศ ทุกตัวที่วิ่งตามผมมาร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ

    "เอาหละ จะเสกให้นายเป็นอะไรดีนะ" เธอยิ้มเยาะก่อนที่แสงเวทมนต์สีแดงของเธอจะเปร่งแสงมากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นทำให้ผมมองไปทางเธอด้วยความโกรธแค้นอย่างที่สุดฃ

    "วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะทริซซี่!" ผมสั่งเธอ แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจฟังผม กลับกัน เธอกลับแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามออกมาแทน

    "มันเป็นไปไม่ได้" เธอพึมพำออกมา

    เปรี้ยง!

    ผมร่วงลงกระแทกกับพื้นด้วยสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไป และเมื่อผมลืมตาขึ้นมอง ผมกลับรู้สึกในสิ่งที่ผมไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว ผมกะจะใช้อุ้งเท้าตัวเองยันตัวเองขึ้น แต่ผมสัมผัสได้ว่าผมมีนิ้วมืออยู่ และเมื่อผมก้มลงมอง ผมก็พบว่าผมมีนิ้วมือจริงๆ นิ้วมือของมนุษย์!

    "นี่มันอะไรกัน..." ผมพึมพำออกมาพร้อมกับมองดูร่างกายตัวเอง

    ลำแขนสีเนื้อพร้อมนิ้วมือทั้งห้านิ้วครบ พร้อมกับขาทั้งสองข้าง ปีกทั้งสองข้างที่หายไปแล้ว และเส้นผมที่งอกออกมาจากบนหัว ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ยืนขึ้นเพราะรู้ว่าตัวของผมเปลือยเปล่า แต่ผมก็รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพอะไร ม้าทุกตัวจ้องมองผมด้วยความตกตะลึง บางตัวกรี๊ดร้องออกมาด้วยความตกใจ

    "นี่แก... เป็นตัวอะไรกันแน่" ทริซซี่พึมพำออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อ

    ผมมองดูร่างกายตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะหันไปมองดูเพื่อนผม ซึ่งทั้งหมดยังคงมองดูผมด้วยสายตาที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี

    ผมคืนร่างเป็นมนุษย์แล้ว!

    "อึ๊ก...!"

    ผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่มีอยู่ในตัวขึ้นมาทันที จะมีควันปรากฎรอบๆ ตัวผม และเมื่อผมลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นิ้วมือทั้งห้านิ้วและเส้นผมของผมก็หายไปแล้ว ผมมีอุ้งเท้าสีนํ้าตาลอ่อนพร้อมปีกกลางหลังงอกออกมาเหมือนเดิม และดูเหมือนอาการที่ยังไม่หายดีก็ยังเหมือนเดิมด้วย และดูเหมือนผมจะกลับมาเป็นเพกาซัสเหมือนเดิมแล้ว

    "ทริซซี่สาปให้เขาเป็นสัตว์ประหลาด สาปให้เขาเป็นสัตว์ประหลาด!" ม้าโพนี่ที่น่าจะชื่อเดซี่ร้องออกมา และนั่นทำให้ม้าโพนี่หลายตัวร้องเสียงดังลั่นและวิ่งหนีให้ห่างจากเธอทันที แต่ดูเหมือนทริซซี่จะไม่ได้สนใจม้าโพนี่ตัวอื่นและยังคงมองดูผมด้วยความตกตะลึงอยู่เหมือนเดิม

    "เมื่อกี้ นายกลับร่างเดิมของนายแล้วเหรอ" เรนโบว์แดชที่ยังบินกลางอากาศอยู่ถามออกมาด้วยความสงสัย "ร่างมนุษย์ของนายนะ"

    ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ผมพยักหน้าตอบเธอเพราะไม่รู้จะพูดว่าอะไร แต่แล้วความเจ็บปวดที่ปลายขาของผมก็พุ่งออกมาจากผมร้องเสียงหลง และเมื่อผมก้มมอง ปรากฎว่าปลายเท้าของผมเริ่มมีรูและมีสีดำปรากฎขึ้นทันที

    "นั่นมันอะไรกัน!" ฟรัทเทอร์ชายร้องเสียงดังออกมา

    ผมอ้าปากร้องลั่นออกมาเมื่อความเจ็บปวดจากเท้าของผมพุ่งขึ้นมาราวกับมีอะไรมากรีดแทงเท้าของผม ความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนกับตอนที่ผมกำลังจะกลายร่างเป็น Changeling ไม่มีผิด แต่เจ็บปวดมากกว่า แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นนานนัก เมื่อไม่มีความเจ็บปวดเกิดขึ้นอีก ผมมองดูขาของผม มันกลับไปเป็นอุ้งเท้าสีนํ้าตาลเหมือนเดิมและไม่มีรูเกิดขึ้นแล้ว

    "เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย" แรร์ริตี้ถามด้วยความสงสัย สีหน้าของเธอยังตกใจไม่หาย

    ผมอ้าปากหอบหายใจราวกับผมวิ่งมาหลายวันโดยไม่พัก และเมื่อผมเลื่อนสายตามองไปทางทริซซี่ที่ยังอยู่ในอาการมึนงงอยู่ ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่างใต้ผ้าคลุมของเธอ และนั่นพอทำให้ผมเข้าใจคำตอบแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    "มันอยู่กับเธอได้ยังไง" ผมเอ่ยถามเธอ

    "อะไรนะ" ทริซซี่ถามผมด้วยสีหน้าที่ทั้งหวาดกลัวและสงสัย

    "ฉันถามว่า สร้อยคออัลลิคอน มันอยู่ที่เธอได้ยังไง!" ผมตะเบ็งเสียงถามดังลั่น

    ลมพัดเข้ามาวูบหนึ่ง ทำให้ชายผ้าคลุมที่ทริซซี่สวมอยู่นั้นเปิดออกมาเล็กน้อย และนั่นทำให้มองเห็นสร้อยคออัลลิคอนที่เธอสวมใส่อยู่บนคอปรากฎขึ้นต่อสายตาของพวกเรา ทุกตัวยกเว้นพิงค์กี้ที่ไม่มีปากร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ

    "เพราะแบบนี้เองสินะ ทำให้เธอมีพลังเวทย์สูงผิดปกติได้นะ" เรนโบว์แดชตัวสั่นเมื่อรู้ว่าอะไรทำให้ทริซซี่มีพลังอำนาจมากขึ้น

    "เธอไปได้มันมาได้ยังไง ตอบมาเดี๋ยวนี้นะ" ผมร้องถามเธอด้วยความสงสัยและไม่พอใจมากขึ้น

    เคร็ง!

    ลูกกรงทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นรอบๆ ตัวผมพร้อมกับประตูกรงที่ปิดล็อคทันที ผมยกอุ้งเท้าตัวเองเขย่ากับประตูกรงเพื่อที่จะเปิดมันออก แต่มันกลับไม่ได้ผล บัดนี้ผมถูกกรงขังขนาดใหญ่ขังผมเอาไว้แล้วเรียบร้อยด้วยพลังเวทมนต์ของทริซซี่

    "ปล่อยฉันออกไปนะ!" ผมเขย่าลูกกรงเพื่อที่จะกระซากมันออก แต่มันแข็งแกร่งมากราวกับเหล็กจริงๆ ผมจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย

    "แกนี่มันตัวอันตราย ปล่อยเอาไว้ไม่ได้" ทริซซี่เดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นพร้อมกับจ้องมองผมด้วยความไม่ไว้ใจ "และดูเหมือนฉันมีเรื่องต้องคุยกับนายเหมือนกัน"

    ลูกกรงถูกยกขึ้นจนมันมาชนกับหลังผม บีบบังคับให้ผมต้องเดินตามเธอไป ทริซซี่เดินนำผมพร้อมกับเสกให้ลูกกรงที่ขังผมลอยตามเธอไป และนั่นทำให้ผมต้องจำใจเดินตามเธอไปอย่างช่วยไม่ได้

    "พวกเธอทุกตัว ตามฉันมา ฉันจะเริ่มต้นครองเมืองนี้ และถ้าไม่อยากให้เพื่อนพวกเธอเป็นอะไร อย่าได้ขัดขืนเด็ดขาด" ทริซซี่ออกคำสั่งไปยังเพื่อนผม และทำให้ทุกตัวมองด้วยความไม่พอใจมากขึ้น

    ผมพยายามใช้เท้าของผมยกกรงขึ้นเพื่อหวังจะลอดออกไปได้ แต่ดูเหมือนความสูงเพียงแต่ไม่กี่เซ็นและความหนักราวกับแท่งเหล็กหลายตัน ทำให้ผมยกมันไม่ขึ้นเลย ทางกลับกัน ลูกกรงนั้นก็ลอยเคลื่อนตามทริซซี่ไปเรื่อยๆ จนทำให้ผมต้องก้าวขาตามเธอไปตลอด ผมจึงไม่สามารถหาจังหวะในการยกลูกกรงขึ้นได้เลย

    บ้าเอ้ย ผมกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้ พร้อมกับคำถามมากมายที่อยู่ในหัวผม

    "ทริซซี่ได้สร้อยคออัลลิคอนมาได้ยังไง" แรร์ริตี้ถามด้วยความสงสัย

    "จะยังไงก็ไม่สำคัญ แต่แบบนี้เราไม่มีทางสู้เธอได้แน่" แอปเปิ้ลแจ็คที่เดินตามทริซซี่กับผมไปบอกออกมาด้วยนํ้าเสียงไม่ชอบใจ "หวังแค่ว่าเธอคงไม่ร่วมมือกับควีนคริซซาลัสละกัน"

    "ถ้าฉันพุ่งไปฉกสร้อยคอมาจากเธอได้นะ" เรนโบว์แดชทำท่าจะพุ่งไปข้างหน้า แต่แอปเปิ้ลแจ็คอ้าปากงับหางสายรุ้งของเธอเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เรนโบว์แดชพุ่งตัวไปจริงๆ

    "เดี๋ยวก่อนเพื่อน ไม่เห็นเหรอ ตอนเขาพุ่งตัวไปหาทริซซี่ มันมีอะไรบางอย่างกันเธอเอาไว้ไม่ให้ใครเข้าไปใกล้" แอปเปิ้ลแจ็ครีบเตือนสติเรนโบว์แดช "ฉันสังหรณ์ใจว่าตอนนี้ทริซซี่ร่ายเวทย์คุ้มกันตัวเองอยู่"

    "ชิ" เรนโบว์แดชเบ้ปากด้วยความไม่พอใจนัก

    "แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงดี" ฟรัทเทอร์ชายถามด้วยความสงสัย

    "อื้อ อื้อ อา อื่อ อือ อื๊อ" พิงค์กี้พายพยายามพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่เธอนั้นไม่มีปาก ทำให้เธอสื่อสารออกมาไม่ได้

    "ฉันไม่รู้หรอกว่าเธอจะพูดอะไรนะพิงค์กี้ แต่ม้าตัวเดียวที่จะช่วยเราได้ตอนนี้กลับอยู่นอกเมืองแล้ว"

    แอปเปิ้ลแจ็คหันหน้ามองไปทางนอกเมือง ที่ตอนนี้มีโถแก้วยักษ์ขวางกั้นเอาไว้ ม้าหลายตัวได้วิ่งเข้าไปในบ้านตัวเองและล็อคประตูราวกับต้องการป้องกันตัวเองและทรัพย์สินเอาไว้

    "ทไวไลท์" สไปค์เอ่ยชื่อม้าตัวนั้นออกมา และมองดูทางที่เธอวิ่งเข้าไปในป่าเอเวอร์ฟรี

    ...

    ..

    .

    .

     

    To Be Contined

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×