คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Mission 6 : ภารกิจที่สาม
หญิงสาวคนหนึ่งลุกขึ้นจากเตียงนอนของเธอ เตียงนอนนี้มีขนาดใหญ่และหรูหรามาก มีเสาขนาดใหญ่พร้อมหลังคาและผ้าสีชมพู ดูแล้วราวกับเตียงของเจ้าหญิงก็ไม่ผิด แถมห้องนอนของเธอก็ใหญ่ไม่แพ้กันอีกด้วย ราวกับว่าห้องนอนนี้สามารถให้มีคนมานอนร่วมยี่สิบกว่าคนก็ยังได้ แต่ทว่า นี่เธอนั้นนอนคนเดียว
เธอเอามือลูบผมตนเองให้หายยุ่ง เธอมองดูนาฬิกาปลุกข้างๆ เตียงของเธอ ซึ่งเธอตั้งเอาไว้โต๊ะเล็กข้างๆ เตียง อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องมีนาฬิกาปลุกก็ยังได้ เพราะเธอสามารถตื่นเช้าได้เองอยู่แล้ว เธอเอื้อมมือไปปิดนาฬิกาปลุกเพื่อกันไม่ให้มันดังขึ้น สายตาของเธอเหลือบไปมองสติ๊กเกอร์ผู้เข้าประกวดคนที่สิบสามที่เธอวางเอาไว้ใกล้ๆ นาฬิกาปลุกนั่นเอง เธอเริ่มถอนหายใจออกมา
เมื่อคืนนี้เธอได้เข้าร่วมการประกวดไอดอลสถานี แต่ก็พลาดให้กับสาวน้อยลึบลับ (?) ที่สามารถเอาชนะไปได้ ด้วยการแสดงออกที่น่ารัก (?) และการแสดงการต่อสู้ที่เร้าใจของเธอบนเวที ทำให้กรรมการทั้งหลายแห่ลงให้คะแนนเธอมืดฟ้ามัวดินจนไม่มีผู้เข้าประกวดคนไหนสามารถทำคะแนนได้เฉียดเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้เธอแพ้การประกวดทันที
เธอจ้องมองดูสติ๊กเกอร์แผ่นนั้นอย่างใจลอย ในหัวของเธอนั้นมีภาพของสาวน้อยคนนั้นปรากฎตัวออกมาและกันเธอให้ออกมาจากการต่อสู้ มือของเธอเริ่มเอื้อมไปจับหัวไหล่ของเธออีกครั้ง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอสะดุ้งพร้อมกับรีบวางตัวทำเป็นเหมือนเพิ่งตื่นนอนทันที
"เข้ามาได้" เธอบอก
ประตูห้องนอนบานใหญ่ของเธอเปิดออก สาวน้อยในชุดเมดฝาแฝดสองคนเดินเข้ามา ทั้งสองคนนี้ใบหน้าและชุดแต่งกายเหมือนกันเปี๊ยบ แถมไว้ผมทรงหางม้าเหมือนกันอีกด้วย เธอเดินเข้ามาพร้อมกับรถเข็นอาหารที่เข้ามาเสริฟถึงที่ กลิ่นไข่ดาวและเบคอนลอยออกมาแต่ไกล ทำให้สาวน้อยที่นั่งอยู่บนเตียงเริ่มนํ้าลายสอทันที
"อรุณสวัสดิค่ะคุณหนู" เมดสาวฝาแฝดก้มหัวก้มหัวและทักทายเธอพร้อมกัน "อาหารเช้าบนเตียงมาเสิร์ฟแล้วค่ะ"
"ขอบใจมาก แต่ฉันขออาบนํ้าก่อนดีกว่า" เธอพยักหน้าแล้วก็ลุกขึ้น เธอถอนหายใจเมื่อสายตาของเธอเหลือบไปมองเห็นว่าสาวใช้ของเธอทั้งสองคนทำท่าจะเข้ามา
"ฉันอาบนํ้าคนเดียวได้ ขอบใจ" เธอรีบบอกปัดก่อนที่สาวใช้ทั้งสองคนจะเอ่ยปากบอกอะไร
"รับทราบค่ะคุณหนู" ทั้งสองคนก้มหน้าตอบ
เธอลุกขึ้นออกจากเตียง แล้วหันหน้าไปทางห้องอาบนํ้าที่อยู่ในห้องนอนของเธอเอง
"เอ่อ คุณหนูเทียร์ค่ะ ขอแสดงความเสียใจเรื่องการประกวดเมื่อคืนด้วยนะค่ะ" เมดคนทางซ้ายมือปลอบโยนเธอ "น่าเสียดายนะค่ะ ถ้าคุณหนูชนะการประกวดแล้วน่าจะทำให้คุณผู้ชายมาสนใจคุณหนูเทียร์สักที"
"ไม่เป็นไรหรอก" สาวน้อยลูกคุณหนูนาม 'เทียร์' หันกลับมาตอบพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับแล้วเดินเข้าไปในห้องนํ้าของเธอ
ภายในห้องนํ้านั้นก็ดูหรูหราไม่แพ้ห้องนอนของเธอเลยทีเดียว มีทั้งอ่างนํ้านํ้าธรรมดาและอ่างจากุชซี่ แถมยังมีฝักบัวพร้อมที่ทำนํ้าอุ่นแบบอาบยืนอีกด้วย แต่เช้านี้เธอขอเลือกที่จะยืนอาบด้วยฝักบัวดีกว่า ไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปโรงเรียนไม่ทัน เธอไม่รอช้าเลย ที่จะปลดชุดนอนของเธอออก แล้วก็เปิดฝักบัว นํ้าอุ่นหลายเกลลอนสัมผัสโดยร่างของเธอ เด็กสาวบรรจงการทำความสะอาดร่างกายอย่างประณีตและใจเย็น นํ้าที่ไหลหยดจากเส้นผมของเธอนั้นทำให้เธอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง
ไม่เป็นไรนะ เสียงของผู้เข้าประกวดคนนั้นดังก้องขึ้นมาในหัวของเธอ
เธอเป็นใครกันแน่นะ เทียร์คิดในใจขณะที่เธอเอามือตนเองกุมตำแหน่งหัวใจของเธอ แล้วทำไมใจของฉันถึงเต้นแรงแบบนี้นะ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงแท้ๆ
-----------------
(Golf Talk)
"ฮะ ฮ้าด กะ ชะ ระ เชร้ยยยยยยย!!" ผมจามออกมาเสียงดังลั่น
"โอโห ไอ้กอร์ฟ นี่แกกะทำลายสถิติคนที่อ้าปากจามนานที่สุดในโลกเหรอฟะ" นุ๊กเพื่อนผมล้อเลียนผม
"ใช่ซะที่ไหนเล่า" ผมเอามือปาดจมูก "ไข้ก็ไม่มีนี่หว่า จามได้ไงวะ"
"มีคนนินทาแกแหง" เพื่อนผมพยักหน้าตอบ
"ก็ว่างั้น" ผมพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตนเองตอบเพื่อนผม
เมื่อคืนนี้หลังจากที่ผมจับคนร้ายได้ ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวผมนั้นกลับชนะการประกวดไปซะอย่างนั้น แถมคนที่ดันมาสนับสนุนให้ผมตอบรับการแจ้งเกิดดาราวัยรุ่นหน้าใหม่ก็ดันเป็นพ่อผมอีก เพราะท่านเล่นคุยกับผู้บริหารสถานียังไงก็ไม่รู้ พวกเขาก็ตกลงยอมรับผมทันที แถมโดนหลายคน ทั้งพ่อผม ทั้งผู้บริหารสถานี และนักข่าว ทำให้ผมต้องจำใจเซ็นสัญญากับทางสถานีไปแล้วด้วย
"เอาหน่าลูก พ่อจะไม่ให้ความแตกหรอกน่า" พ่อของผมยิ้มแป้นพร้อมชูนิ้วโป้งหลังจากที่ผมกับพ่อสามารถหนีออกมาและมาอยู่ในห้องแต่งตัวได้สำเร็จ เพราะกองทัพนักข่าวแน่นหนามาก
"พ่อ ไหนบอกว่าการประกวดครั้งนี้แค่การแทรกซึมไง" ผมรีบโวยพ่อทันที "ชีวิตแบบนี้ผมไม่เอาหรอกนะ"
"ไม่เอาไม่ได้ลูก คิดดูซิ ค่าตัวลูกตอนนั้นมันกำลังพุ่งเฉียดจะเลขหลักเจ็ดหลักแล้วนะลูก" พ่อของผมทำหน้าตากระหายเงินอย่างมาก "ทีนี้แหละ ทั้งเงินทั้งกำไรไหลมาเทมาแน่นอน"
"สุดท้ายมันก็เรื่องเงินไม่ใช่เหรอไงครับพ่อ" ผมเริ่มโวยวาย "เอาลูกชายตัวเองมาขายแบบนี้ มีที่ไหนกันเนี่ย"
"โอ้ ต้องรีบทำตารางเวลาแล้วสิ จัดลำดับคิวให้ลูกด้วยนะ เอ ดูก่อนนะ เล่นหนังก่อนดีไหมเอ่ย หรือแสดงละครก่อนดี" พ่อของผมรีบคว้าสมุดจดขึ้นมาแล้วรีบเอาปากกาตีตารางทันที
"พ่อครับ ฟังผมพูดบ้างสิครับ!!" ผมตะโกนออกมาดังลั่น แต่พ่อของผมนั้นกลับทำเป็นไม่ได้ยินซะอย่างนั้น ผมเริ่มหันไปมองดูเจ้าหน้าที่ CIA คนหนึ่งที่จ้องมองดูผมเงียบๆ ตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องนี้เพื่อที่จะขอความช่วยเหลือเขา แต่เขานั้นกลับจ้องมองผมด้วยสายตาแปลกๆ ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่าคงขอความช่วยเหลืออะไรเขาไม่ได้หรอกมั้งแบบนี้
ดังนั้น ตัวผม (ซึ่งไม่ได้เต็มใจสักนิด) จึงได้แจ้งเกิดเป็นดาราหน้าใหม่ในวงการบันเทิงไปเสียแล้ว
"อ้อ ใช่กอร์ฟ เมื่อคืนนายได้ดูทีวีเปล่าวะ" นุ๊กถาม "ที่มีรายการประกวดไอดอลสถานีนะ"
"มะ ไม่วะ ทำไมเหรอ" ผมถามเพื่อนโดยพยายามไม่แสดงอาการลนลานออกมา
"สาวน้อยคนที่ชนะนะเว้ย โคตรน่ารักเลยวะ" เพื่อนผมรีบบอกอย่างตื่นเต้น "ขนาดพ่อตูยังจ้องมองทีวีอ้าปากนํ้าลายเยิ้มเลยนะ โดนแม่ตูเฉ่งไปหลายตลบด้วยแหละเมื่อคืนนี้"
ถึงผมจะโล่งใจที่การแปลงโฉมเมื่อคืนทำให้เพื่อนของผมหรือคนอื่นๆ จับไม่ได้ว่าเป็นผมก็ตาม แต่ก็เริ่มรู้สึกขยะแขยงเมื่อรู้ว่ามีคนจ้องมองผมในทีวีแล้วนํ้าลายเยิ้มแบบนี้เนี่ย
"แถมนี่นะเว้ย หนังสือพิมพ์ได้ลงข่าวหน้าหนึ่งด้วยวะ" นุ๊กรีบหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะนักเรียนอย่างรวดเร็ว "ดูภาพตรงนี้สิ เจ๋งยิ่งกว่าหนังโคตรสู้โคตรสูอีกวะ"
ผมหันไปมองด้วยความไม่เต็มใจนัก ซึ่งภาพนี้เล่นทำเอาผมอึ้ง เพราะว่าเป็นภาพตอนที่ผมกระโดดแล้วก็เอาอาวุธของผมฟาดใส่พวกคนร้าย ซึ่งมุมกล้องสวยเอามากๆ แถมยังกับดูโปสเตอร์ภาพยนต์อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งผมมองแล้วผมจะดีใจกว่านี้ถ้าภาพนั้นมันเป็นตัวผมในร่างผู้ชาย สำคัญที่ผมตะลึงก็คือ มีภาพผมตอนที่โดนนักข่าวรุมล้อมถ่ายลงเต็มๆ ด้วยอีกหนึ่งหน้า ซึ่งปรากฎว่าภาพใบหน้าของผมตอนโดนถ่ายนั้นแม้ว่าจะมีอาการอึ้งอยู่บ้าง แต่ไม่เคยคิดเลยว่าใบหน้านั้นมันจะดูน่ารักราวกับผมไม่ได้มองดูตัวเองซะอย่างนั้น แถมไม่มีการแสดงออกมาเลยว่ากล้องมันจะเปิดเผยให้เห็นว่าผมมีใบหน้าผู้ชายสักนิด ไม่รู้ว่าโดนแต่งหน้าเนียนหรือช่างกล้องจงใจตกแต่งกันแน่นะ
"ถึงจะชื่อกอร์ฟเหมือนกันแกก็เหอะ แต่ความน่ารักมันคนละชั้นเลยวะ" เพื่อนผมรีบฉกหน้าหนังสือพิมพ์หน้านั้นขึ้นาแล้วเอาขึ้นมากอด "อยากเจอตัวจริงจังเลยน้า"
ก็อยู่ต่อหน้าแกแล้วนี่ไง ผมเริ่มคิดอย่างสะอิดสะเอียดกับการทำท่าทางของมัน
"อึ้ยยยย น่ารักง่า เค้าจาเอากลับบ้าน" นุ๊ตพูดออกมาด้วยนํ้าเสียงเคลิบเคลิ้ม แถมยังไม่พอ เอาหน้าหนังสือพิมพ์ตำแหน่งรูปผมขึ้นมาถูกับใบหน้าตนเองอีกต่างหาก
"ไอ้บ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะเฟ้ย" ผมตะโกนออกมาด้วยความโมโหพร้อมขยะแขยง จนทำให้คนทั้งห้องหันมามองดูผมด้วยความสงสัย
"ทำไมเหรอกอร์ฟ" เขาถาม
สายตาของคนทั้งห้องเริ่มมองผมด้วยความสงสัย ผมฉุดคิดได้ว่าถ้าผมห้ามมันไปอาจทำให้ความแตกก็ได้ จึงรีบคิดหาทางกลบเกลื่อน
"อะ ก็ นายชอบมากไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวมันก็ขาดหมดหรอก" ผมบอกอย่างรวดเร็ว "จริงไหม"
"นั่นสิ" เพื่อนของผมเริ่มเห็นด้วย "แบบนี้ต้องตัดออก ใส่กรอบแล้วบูชาไว้ที่บ้าน"
เห็นรูปตูเป็นพระพุทธรูปไงฟะ ไม่จุดธูปเทียนด้วยเลยหละ ผมคิดอย่างไม่ชอบใจ ก่อนที่เดินกลับไปยังที่นั่งตนเองแล้วนั่งลงบนโต๊ะ
คิตตี้ เพื่อนสาวของผมนั้นจับตามองผมไม่ละสายตา ใต้โต๊ะของเธอก็มีหนังสือพิมพ์เช่นเดียวกัน แต่เป็นคนละฉบับ และพาดหัวข่าวนั้นก็ขึ้นว่า 'ดาราสาวหน้าใหม่แจ้งเกิดวงการบันเทิง' เธอก้มลงมองดูใบหน้าของผมในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นแล้วก็เงยหน้ามองดูผมด้วยสายตาราวกับจับผิดและสงสัยไปในตัว
"น้องกอร์ฟ อยู่นี่เอง"
มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากประตูหลังห้อง และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบเห็นเจ้าหน้าที่ CIA คนนั้นเดินเข้ามาในห้องเรียน
"มีอะไรเหรอครับ" ผมถามด้วยความสงสัย
"เก็บของใส่กระเป๋าได้เลย เราต้องไปงานศพญาติเธอนะ ลืมแล้วเหรอ" เขาตอบผม
"ลากิจเหรอค่ะ" หัวหน้าชั้นสาวของผมเดินมาถาม
"ใช่ หนังสือลากิจอยู่นี่แล้ว" เขายื่นซองจดหมายให้กับหัวหน้าห้องของผม ซึ่งเธอรีบแกะเอามาเปิดดูทันที ผมเห็นแว้บๆ ในเนื้อความของจดหมายนั่นด้วยว่ามีลายเซ็นของพ่อผมเอาไว้ด้วย
"ขออภัยนะค่ะ แต่เป็นงานศพของญาติฝ่ายไหนเหรอค่ะ" หัวหน้าชั้นถาม
"อ๋อ ก็ญาติห่างๆ หดเขาตอบเธอ
"ฝ่ายไหนเหรอค่ะ" หัวหน้าชั้นสาวถามอีกครั้ง
"ฮะฮะ" ผมหัวเราะแห้งๆ เบาๆ เพราะหัวหน้าชั้นห้องผมนั้นเป็นคนบ้าเรียนและบ้าระเบียบวินัยขนาดไหน ถ้าใครเป็นหวัดแค่นิดเดียวเธอจะไม่ยอมให้มีใครลาเด็ดขาด ถึงกับเคยมีการไปฟ้องครูที่ปรึกษาด้วยแหละว่าเจ้าตัวไม่ได้ป่วยจริงแต่แกล้งป่วยเพื่อหาเรื่องลาหยุด ผลก็คือทำให้เจ้าตัวโดนหักคะแนนจิตพิสัยไปในทันที
"ฝั่งพ่อของเขานะ" เขาตอบโดยไม่มีอาการสะทกสะท้านอะไรเลยที่หัวหน้าห้องคนนี้ถาม "เป็นลูกพี่ลูกน้องของป้าของหลานที่เป็นภรรยาของปู่ทวดและญาติเป็นพี่แล้วก็ของพ่อของลุงและเพื่อนของพ่อของปู่ของน้าของแม่สะไภ้ของย่านะ"
ทั้งห้องเงียบกริบเมื่อเขาพูดถึงความสัมพันธ์ของญาติคนที่ผมต้องไปงานศพ ขนาดผมฟังเองยังมึนๆ งงๆ เลยว่าตกลงแล้วเป็นญาติฝั่งไหนกันแน่
"เอ่อ ขอโทษนะค่ะ รบกวนขออีกทีได้ไหมค่ะ" หัวหน้าชั้นถาม
"ไม่ได้แล้วครับ เดี๋ยวมันจะไม่เหมือนเดิม" เขาตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง "ไปเถอะกอร์ฟ เดี๋ยวเราจะไปสาย เดี๋ยวเจ้าคุณปู่ของลุงของป้าและของน้าเขาจะรอนาน"
ผมพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่จินตนาการถึงความสัมพันธ์สลับซับซ้อนนี้ พลางยัดหนังสือลงกระเป๋าแล้วก็ลุกเดินตามเขาออดไปนอกห้องทันที สายตาของผมเหลือบไปมองเห็นใบหน้าของหัวหน้าห้องที่เริ่มทำหน้าบึ้งใส่ผม
ตูโดนหักคะแนนจิตพิสัยแหงเลย
---------------------
เจ้าหน้าที่ CIA พาผมขึ้นรถที่จอดที่เดิม ซึ่งพ่อของผมนั่งรออยู่แล้ว
"โทษทีนะ ที่พ่อต้องทำเรื่องลาให้ลูกกระทันหันแบบนี้" พ่อของผมบอก "พอดีมีเรื่องด่วนให้ลูกนะ"
"เรื่องอะไรเหรอครับพ่อ" ผมถาม
"ลูกจะต้องไปถ่ายทำมิวสิควีดีโอเรื่องใหม่ของค่ายจีแอนด์เอมแกรมม่านะ" พ่อของผมบอก
"อะไรนะ!! กะไอ้เรื่องแค่นี้เล่นทำเอาผมต้องโดนหักคะแนนจิตพิสัยเชียวเหรอครับ แล้วพ่อครับ ผมขอปฏิเสธในการไปร่วมการแสดงอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ" ผมรีบโวยวายทันที
"น่า ก็ลูกเซ็นสัญญาไปแล้วนี่" พ่อของยิ้มแป้นพร้อมชูเอกสารการเซ็นสัญญาฉบับสำเนาขึ้นให้ผมดู
"พอเลย ผมขอลง จะกลับไปเรียน" ผมรีบคว้ากระเป๋าเพื่อที่จะซิ่งหนีทันที
"อันที่จริง เหตุที่พ่อต้องให้เราไปถ่ายทำมิวสิควีดีโอนั้น เหตุง่ายๆ ลูก เพราะมีภารกิจมาแล้ว" พ่อของผมบอก
"จริงงะ" ผมถามพ่อผมราวกับไม่น่าเชื่อ
พ่อของผมหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมา แล้วเมื่อเปิดออก ก็มีกระดาษหลายแผ่นอยู่ และพ่อผมหยิบให้ผมแผ่นหนึ่ง ซึ่งมีตราประทับของ CIA เหนือหัวกระดาษ
"สายของเราแจ้งมาว่า ได้มีพรรคพวกของผู้ก่อการร้ายสิบห้าคํ่าเดือนสิบเอ็ด ได้วางแผนทำอะไรสักอย่างในโรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นที่ที่เราจะพาลูกไป" พ่อของผมหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมาให้ผมดู มันเป็นรูปถ่ายของโรงเรียนดังกล่าว และโรงเรียนนั้นก็คือสาขาที่สองของโรงเรียนหญิงล้วนที่ได้มาผนึกรวมกับโรงเรียนผมจนเป็นโรงเรียน สห นั่นเอง "โดยคนร้ายคนนี้แทรกซึมเข้าไปในโรงเรียน จะวิธีไหนพ่อก็ไม่รู้ แต่มีคนพบเห็นเขาอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว..."
"...ชื่อของคนร้ายในคดีนี้ก็คือ เป็นชาวรัชเชีย" พ่อของผมบอก "ต้องคดีก่อการร้ายในสหรัฐและถูกสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางระเบิดรถไฟใต้ดินในแมนฮันตันอีกด้วย ยังตามล่าจับไม่ได้ เราสงสัยว่ามันต้องอาศัยโรงเรียนดังกล่าวในการทำอะไรสักอย่าง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ผลดีแน่นอน ดังนั้นแล้ว ภารกิจของลูก แทรกซึมเข้าไปในโรงเรียน แล้วตามหามันให้เจอ แล้วดูว่ามันกำลังแอบทำอะไร"
ผมหยิบรูปของคนร้ายขึ้นมา ซึ่งหน้าตาของมันก็ดูเถื่อนเต็มที่ คิดว่าผู้ชายหน้าตาแบบนี้คงหาได้ไม่ยากหรอกมั้งในโรงเรียนหญิงล้วนแบบนี้"
"แล้วแบบนี้ทีมของพ่อก็สามารถแทรกซึมเข้าไปได้ไม่ใช่เหรอครับ" ผมถาม "ทำไมต้องเป็นผมด้วยหละ"
"ข้อแรก เพราะว่าทางโรงเรียนยังไม่รู้ว่ามีคนร้ายเข้าไป" พ่อของผมบอก "ข้อสอง เพราะที่นี่เป็นโรงเรียนหญิงล้วนที่มีกฎระเบียบเข้มงวดเรื่องผู้ชาย ถ้าไม่ใช่ครูอาจารย์ นักการหรือผู้ปกครองจริงๆ จะไม่ยอมให้เข้าไปกันเลย แถมการสมัครเข้าทำงานที่นี่เข้มงวดกับผู้ชายมากด้วย ลูกไม่สังเกตเหรอว่า ทำไมโรงเรียนหญิงล้วนสาขาแรกถึงรวมกับโรงเรียนลูกได้ แต่ทำไมสาขาสองถึงไม่ยอม"
ก็จริงแฮะ ผมคิด
"และสำคัญนะ" พ่อของผมยิ้มกริ่ม "ลูกจะได้ถ่ายทำมิวสิควีดีโอเรื่องแรกของลูกด้วยนะ"
"นี่สินะสาเหตุนะ" ผมคิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ
"เอาหน่า แสดงวันเดียวก็ได้เงินมาแล้วตั้งล้านกว่า แหล่มมะลูก" พ่อของผมพูดด้วยนํ้าเสียงที่ตื่นเต้นที่สุด
"ไม่แหล่มเลยครับ" ผมหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำภารกิจนี้ อยากทำเหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากโดนบังคับไปถ่ายมิวสิควีดีโอเหมือนกัน
"ภารกิจนี้สำคัญกว่าสองครั้งที่ผ่านมานะลูก" พ่อของผมบออกด้วยสีหน้าจริงจัง "เพราะเรายังไม่รู้ว่าคนร้ายมีแผนอะไร อาจมีคนของมันปะปนเข้าไปในโรงเรียนแล้วก็ได้ และถ้ามันรู้ตัว มันอาจจับนักเรียนทั้งโรงเรียนเป็นตัวประกันก็ได้ ภารกิจนี่ลูกต้องแทรกซึมให้เนียนๆ และอย่าให้คนร้ายรู้ตัวเด็ดขาด" พ่อผมบอก
ผมเริ่มตระหนักในหน้าที่ของผม เพราะภารกิจครั้งนี้ ผมมีหน้าที่ที่ปกป้องชีวิตของนักเรียนในโรงเรียนให้ได้ และต้องจับกุมคนร้ายให้ได้โดยไม่ให้มีใครบาดเจ็บ งานนี้ดูแล้วน่าจะท้าทายกว่าทุกครั้ง
"ตกลงครับพ่อ ผมรับภารกิจนี้" ผมพยักหน้าตอบ
"ดีเลย ไปถ่ายทำมิวสิควีดีโอกันเต๊อะ" พ่อผมพูดด้วยนํ้าเสียงร่าเริง
เอิ่ม เปลี่ยนใจทันไหมเนี่ยตู ผมเริ่มคิดหนัก
ความคิดเห็น