คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Episode 6 : Too Many Pinkie Pies
พิงค์กี้พายจำนวนมากยังคงกระโดดโลดเต้นอยู่นอกร้านของแรร์ริตี้ ผมมองเห็นโพนี่หลายตัวรีบวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูทันทีราวกับป้องกันไม่ให้พิงค์กี้พายเข้าไปทำอะไรในบ้านพวกเขา
"พี่ค่ะ นั่นมันเรื่องอะไรเนี่ย" สวิตตี้เบลถามด้วยความตื่นตระหนก
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน สวิตตี้" แรร์ริตี้บอกด้วยสีหน้าที่ยังเต็มไปด้วยคำถาม
ผมมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนอกร้าน ซึ่งเห็นว่าพิงค์กี้พายจำนวนมากเหล่านี้ทำตัวรั่วผิดธรรมชาติ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำลายข้าวขาวต่างๆ โดยตรง แต่ก็เห็นเจ้าตัวกระโดดเหยียบข้ามแปลงดอกไม้ของโพนี่บางตัวเหมือนกัน ผมรีบมองไปที่ประตูร้านทันที
"แย่ละ รีบไปล็อคประตูเร็วเข้า!" ผมรีบตะโกนบอก
ผวั๊ะ!
แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะตอนนี้ประตูเปิดออก แล้วพิงค์กี้พายจำนวนมากก็ทะลักเข้ามาในร้านของแรร์ริตี้ พวกเธอนั้นเริ่มกระโดดไปมารอบๆ ร้านของแร์ริตี้ และชั่วพริบตา พวกนี้มารุมล้อมพวกเราเป็นวงกลมทันที
"อู้ ที่นี่เสื้อผ้าเต็มไปหมดเลย" พิงค์กี้พายตัวหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายของผมพูดขึ้น
"น่าสนุกจังเลย" พิงค์กี้พายอีกตัวสที่กระโดดข้างหลังสวิตตี้เบลพูดขึ้น
"สนุก! สนุก! สนุก! สนุก! สนุก! สนุก!" เหล่าพิงค์กี้พายจำนวนมากร้องขึ้นพร้อมกันราวกับเสียงก้องสเตอร์ริโอรอบตัวผมทันที
"ไม่ อย่านะ พิงค์กี้ อย่าเพิ่ง นั่นมันชุดที่ฉันเพิ่งตัดเสร็จนะ" แรร์ริตี้ร้องออกมาเมื่้อพิงค์กี้พายสองตัวกำลังเข้าไปใกล้และทำท่าจะเลียชุดเสื้อผ้าของแรร์ริตี้
"โอ้ โอ้ ตรงนั้นฉันเพิ่งทำเสร็จเมื่อคืนเอง" แรร์ริตี้ร้องต่อเมื่อพิงค์กี้พายอีกสี่ตัวกระโดดพุ่งไปชนราวแขวนเสื้อผ้าชุดหนึ่งล้มลง
"กรี๊ดดดดดด!" สวิตตี้เบลร้องลั่นเมื่อพิงค์กี้ตัวอื่นๆ ในร้านเริ่มวิ่งแข่งกันเองและวิ่งเป็นวงกลมรอบร้านของแรร์ริตี้ บางตัวก็พุ่งไปชนข้างของต่างๆ ภายในร้านของแรร์ริตี้จนล้มลงระเนระนาด ทำให้ตอนนี้ภายในร้านของแรร์ริตี้ที่จัดเอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยทุกอย่างดูปั่นป่วนและวุ่นวายในพริบตา
"ไม่นะไม่ ขอร้องพิงค์กี้ซักตัว หยุดเถอะ ตัวไหนก็ได้" แรร์ริตี้เริ่มวีนออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาทางออกจากสถานการณ์ตอนนี้ และผมมองเห็นห้องที่ผมเข้าไปช่วยเป็นแบบให้แรร์ริตี้ บนโต๊ะตัวนั้นยังมีแบบร่างชุดต่างๆ ที่แรร์ริตี้เพิ่งออกแบบเสร็จเมื่อกี้
"สวิตตี้เบล เธอรีบไปเอาแบบชุดของพี่สาวเรา แล้วรีบขึ้นไปข้างบนก่อน" ผมรีบออกคำสั่งเธอทันที
"แต่..แต่ว่า" เธอพูดออกมานํ้าเสียงลังเล
"เดี๋ยวจะคอยกันพิงค์กี้ให้!" ผมตะโกนเสียงดังลั่นออกมา ก่อนที่จะพุ่งตัวไปขวางพิงค์กี้พายที่กำลังวิ่งขวางทางห้องตัดเย็บชุดอยู่
พลั่ก!
แรงกระแทกทำให้ผมล้มลงไปกับพื้น กีบเท้าของพิงค์กี้พายตัวเหยีบบโดนปีกของผมข้างที่ยังบาดเจ็บอยู่ ผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาทันทีแต่ก็หุบปากเงียบไม่ให้เสียงผมร้องดังออกมา แต่นั่นก็ทำให้พิงค์กี้พายที่กำลังวิ่งอยู่นั้นต่างหยุดทันที และเปิดทางให้สามารถไปยังห้องนั้นได้
"ตอนนี้แหละ ไปเลย" ผมรีบบอกกับเธอ
สวิตตี้เบลรีบควบฝีเท้าเข้าไปในห้องนั้น แล้วเธอก็ออกมาพร้อมกับแบบร่างที่เธอคาบไว้ในปาก เธอรีบวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบนทันที
"แรร์ริตี้ เธอรีบเข้าไปในห้องนั้นแล้วล็อคประตูไว้ อย่าให้พิงค์กี้ตัวไหนสามารถเข้าไปได้ อุปกรณ์ตัดเย็บทั้งหมดอยู่ในนั้นใช่ไหม" ผมรีบถามเธอ
"ใช่จ๊ะ แต่อันที่จริงข้างบนก็มี" เธอบอกผม
"งั้นรีบไปเลย อันนี้นะของสำคัญ เราจะให้พิงค์กี้มาพังไม่ได้" ผมรีบบอกเธอ
"แล้วเธอหละ" เธอถามผม
"ฉันจะหาทางไล่พิงค์กี้เอง รีบไปก่อน" ผมบอกอย่างรวดเร็วเมื่อผมมองเห็นพิงค์กี้ตัวหนึ่งกำลังกระโดดไปทางห้องนั้น
แรร์ริตี้พยักหน้า ก่อนที่จะควบไปในห้องนั้น แล้วรีบปิดประตูทันทีก่อนที่พิงค์กี้ตัวนั้นจะเข้าไปในห้อง
"มีอะไรสนุกอยู่ข้างในงั้นเหรอ ขอเข้าไปหน่อยซิ" พิงค์กี้พายตัวนั้นยกอุ้งเท้าเคาะประตูห้องทันที
"สนุกงั้นเหรอ"
"ตรงไหนเหรอที่มีสนุก"
"สนุก! สนุก! สนุก! สนุก! สนุก! สนุก!"
เหล่าพิงค์กี้พายจำนวนมากเริ่มกระโดดไปรอบๆ ร้าน แล้วแต่ละตัวก็พยายามไปกับจุดตำแหน่งต่างๆ ของร้านกระจัดกระจายกันออกไป ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งไปขวางตรงบันไดทางขึ้นชั้นสองไม่ให้พิงค์กี้พายเดินขึ้นไปได้
"เอ๋ ข้างบนมีอะไรสนุกๆ ด้วยงั้นเหรอ" พิงค์กี้พายตัวที่อยู่ข้างหน้าผมถาม
"ไม่มีอะไรข้างบนหรอก มันน่าเบื่อจะตาย" ผมรีบยกอุ้งเท้าท้าวบนผนังทางขึ้นทั้งสองข้างเพื่อขวางเอาไว้ไม่ให้ขึ้น
"เอ๋ ไม่จริงอ่ะ ขอดูหน่อยสิ" พิงค์กี้พายอีกตัวร้องออกมา
"ใช่ๆ ขอดูหน่อย เราอยากสนุก" พิงค์กี้พายตัวข้างหลังรีบบอก
"สนุก! สนุก! สนุก! สนุก! สนุก! สนุก!"
พิงค์กี้พายจำนวนมากเริ่มพยายามกระโดดและเบียดเสียดผมเพื่อให้ผมเปิดทางให้พวกเธอทะลักขึ้นไปข้างบนให้ได้ ผมพยายามยันตัวเองกับผนังทั้งสองข้างเพื่อกันไม่ให้พิงค์กี้ฝ่าผมขึ้นไปข้างบนได้ แต่จำนวนพิงค์กี้ที่เริ่มมาเบียดกับผมเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเท้าผมเริ่มล้าและจะล้มลงอยู่แล้ว
เอาไงดี เอาไงดี ผมคิดอย่างรวดเร็ว ผมมองไปรอบๆ ร้าน ซึ่งเอาแค่ตอนนี้พิงค์กี้มาเบียดผมไม่ถึงครึ่งผมเองก็เริ่มจะยันไม่อยู่ ตัวที่เหลือยังคงกระโดดโลดเต้นและบางตัวเริ่มวิ่งแข่งเป็นทางวงกลมอีกรอบ และตอนนี้ประตูร้านก็ยังเปิดอ้าเอาไว้อยู่ แต่สำคัญคือ เหล่าพิงค์กี้ยังคงพูด 'สนุก สนุก' ออกมาอยู่เรื่อยๆ
ต้องลองดูแล้วสินะ ผมกัดฟันแน่นเพื่อพิงค์กี้ตัวหนึ่งกระโดดพุ่งตัวมาชนผมเพื่อบังคับให้ผมเปิดทางออก
"เฮ้! ดูนั่นสิ มีเรื่องสนุกๆ รออยู่ข้างนอกนะ" ผมตะโกนลั่นและหันหน้าไปทางประตูร้าน
"สนุกงั้นเหรอ" พิงค์กี้ตัวหนึ่งที่กำลังวิ่งได้หยุดแล้วถามตาโตทันที
"ใช่ สนุกโคตรๆ โคตรสนุก สนุกกว่าในนี้หลายเท่าด้วย รีบออกไปหาอะไรๆ สนุกข้างนอกได้เลย ไป๊ ชิ้วๆ" ผมรีบบอก
ฟิ้วววว!!
พิงค์กี้พายทุกตัวในร้านนั้นได้พุ่งตัวออกไปข้างนอกด้วยความรวดเร็วจนตอนนี้ในร้านไม่เหลือพิงค์กี้พายตัวอื่นๆ ในร้านเลย ผมรีบวิ่งไปที่ประตู ปิดประตูแล้วล็อคมันด้วยปากของผมอย่างรวดเร็ว และเมื่อผมมองดูทางหน้าต่าง ก็พบว่าพิงค์กี้พายเหล่านั้นได้กระโดดมุ่งข้ามสะพานไปยังทาวน์สแควเรียบร้อยแล้ว
"โอเค ปลอดภัยแล้ว ออกมาได้" ผมหันหลังกลับไปบอก ซึ่งต่อมาทั้งสวิตตี้เบลและแรร์ริตี้ก็ได้เปิดประตูแล้วเดินออกมาหาผม
"โถ่ ดูร้านฉันสิ" แรร์ริตี้มองไปรอบๆ ซึ่งผมก็พอเข้าใจความรู้สึกของเธออยู่ จากเดิมที่ร้านเป็นระเบียบเรียบร้อย ตอนนี้ข้าวของต่างๆ กระจัดกระจายเต็มพื้นราวกับเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่แปบนึงเลยก็ว่าได้
"พี่ไม่เป็นอะไรนะ" สวิตตี้เบลถามผม
ผมหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะความเจ็บจากที่พิงค์กี้พายตัวหนึ่งเหยียบปีกผมยังเจ็บอยู่ ถึงจะไม่เจ็บมากเมื่อเทียบกับครั้งก่อนก็ตาม ผมพยักหน้าเพื่อให้เธอสบายใจ
"ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพิงค์กี้กันแน่เนี่ย" แรร์ริตี้ซึ่งเริ่มใช้เวทมนต์ของเธอหยิบราวเสื้อผ้าที่ล้มลงขึ้นมาตั้ง
"ไม่รู้เหมือนกัน" ผมส่ายหัว แต่ผมก็นึกถึงทไวไลท์ที่เธอบอกว่าถ้ามีอะไรให้ไปหาเธอที่ร้านอาหาร
"ทไวไลท์จะต้องรู้อะไรแน่ รีบไปหาเธอเถอะ" ผมบอกกับแรร์ริตี้
"เอาสิ" เธอพยักหน้า ก่อนที่จะเดินมาที่ประตูทันที
"สวิตตี้เบล พอฉันกับแรร์ริตี้ออกไปแล้ว ล็อคประตูแล้วปิดผ้าม่านให้หมดนะ อย่าให้พิงค์กี้มองเห็นในร้านเด็ดขาด คิดว่าพอไม่เห็นอะไรคงไม่เข้ามาเองหรอก" ผมรีบบอกเธอ
"อืม ระวังด้วยด้วยนะพี่" สวิตตี้เบลพยักหน้า
แรร์ริตี้เดินเข้าไปที่เธอใกล้ๆ ก่อนที่จะก้มลงแล้วเอาหน้าของเธอซบกับหัวไหล่ของน้องสาวเธอเบาๆ ภาพความผูกพันธ์ระหว่างสองพี่น้องทำให้ผมเจ็บแปร็บในใจเล็กน้อย
"เอาหละ ไปกันเถอะ" แรร์ริตี้หันมาหาผม
ผมพยักหน้า ก่อนที่จะให้เธอใช้เวทมนต์เปิดประตู จากนั้นทั้งผมและแรร์ริตี้ก็ควบออกไปข้างนอกทันที พร้อมกับเสียงประตูร้านที่ปิดลงตามหลัง
"แยกทางไปหาทไวไลท์ละกันนะ ฉันจะไปหาเธอที่ร้านอาหาร ส่วนเธอไปหาที่ห้องสมุด" ผมบอกกับเธอหลังจากที่วิ่งข้ามสะพานไปแล้ว
"ได้จ๊ะ" แรร์ริตี้พยักหน้า ก่อนที่ผมจะเลี้ยวไปทางซ้าย และแรร์ริตี้จะเลี้ยวไปทางขวา
ทั่งทั้งเมืองรอบๆ ตอนนี้มีพิงค์กี้พายยังคงกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ เมืองพร้อมกับเสียง 'สนุก! สนุก! สนุก!' ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ จากเดิมที่มีโพนี่ออกมาเดินเล่นทักทายกัน ตอนนี้หลายตัวหลบอยู่ในบ้านตัวเอง พยายามกันไม่ให้พิงค์กี้พายเข้าไปในบ้านของพวกเขา
"จะตัวจริงตัวปลอมไม่รู้หละ รีบเข้าดีกว่า" ผมพึมพก่อนที่จะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น
"อู้ จะวิ่งแข่งกับฉันเหรอ" พิงค์กี้พายตัวหนึ่งที่วิ่งข้างๆ ผมทักขึ้นทันที
"ไม่ใช่พิงค์กี้ ฉันไม่ได้วิ่งแข่งกับเธอ" ผมตอบเธอด้วยนํ้าเสียงไม่พอใจนัก โดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวจริงตัวปลอม
"จะวิ่งแข่งกับตัวเองใช่ไหม น่าสนุกจัง ฉันเอาด้วย!" พิงค์กี้ตัวนั้นกระโดดโลดเต้น
"ฉันด้วย!!" พิงค์กี้อีกตัววิ่งมาข้างๆ ผมอีกข้างร้องออกมา
"ฉัน ฉัน ฉัน!" อีกตัวก็ดังขึ้นข้างหลังผม
หลังจากนั้นพิงค์กี้พายอีกเกือบโหลไดวิ่งตามผมมาทันที ผมมองไปบ้านที่อยู่รอบๆ และมองเห็นโพนี่หลายตัวจ้องมองดูผม ราวกับว่าตอนนี้ผมกำลังวิ่งล่อพิงค์กี้พายให้ออกไปห่างๆ บ้านพวกเขา
"ให้มันได้อย่างนี้สิ!" ผมสบถออกมาก่อนที่จะเร่งความเร็วให้มากขึ้น เพราะผมต้องสลัดพิงค์กี้จำนวนมากเหล่านี้ให้หลุด
"อู้ววว รอด้วยซี่!" พิงค์กี้พายจำนวนมากร้องออกมาด้วยนํ้าเสียงตื่นเต้น และนั่นทำให้พวกนี้วิ่งไล่ตามผมมามากขึ้น
ผมมองไปรอบๆ เพื่อมองหาอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมสามารถสลัดพวกนี้ให้หลุด และก็มองเห็นรถเข็นของใครก็ไม่รู้วางขวางบนถนน ดูเหมือนเจ้าตัวจะทิ้งของแล้วหนีไปก่อน ผมกระโดดข้ามรถเข็นคืนนั้นทันที มีพิงค์กี้พายบางตัวกระโดดไม่ทันและพุ่งชนกับรถเข็นนั้น แต่ตัวที่้เหลือก็ยังคงกระโดดข้ามและวิ่งไล่ตามผมมาได้ ผมหันหลังไปมองแล้วก็พบว่าวิธีนี้มันได้ผล ผมจึงมองหาทางในการสลัดตัวอื่นๆ ให้หลุดต่อ
ผมวิ่งซิกแซกเข้าไปในซอยหนึ่งทางซ้าย ซึ่งพิงค์กี้พายตัววิ่งเลยไปบ้างแต่ส่วนตัวอื่นๆ ได้วิ่งตามผมเข้ามา ผมวิ่งควบไปตามซอยแคบซึ่งทะลุออกไปถนนอีกฝั่งหนึ่งของเมือง โพนี่หลายตัวที่กำลังเดินอยู่ถนนเส้นนั้นได้ร้องออกมาแล้วรีบถอยหลังหลีกทางให้ผมทันที เมื่อสิ้นสุดซอยแล้วผมเลี้ยวไปข้างๆ แล้วหลบหลังกำแพง ทำให้พิงค์กี้พายจำนวนมากที่ไล่ตามมามองไม่เห็นว่าผมไปทางไหน แล้วก็สะดุดล้มลงกลางถนนกันเป็นจำนวนมาก แต่ตัวที่ล้มลงไปแล้วซักพักก็ลุกขึ้นแล้วกระโดดไปรอบๆ แทนจนเหมือนลืมเป้าหมายที่ไล่ตามผมไปแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกสามสี่ตัวที่ไม่สะดุดล้ม ผมรีบวิ่งควบต่อทันที และทำให้ตัวที่เหลือยังวิ่งไล่ตามผมมา
ผมอ้าปากหอบหายใจออกมาเพราะเริ่มเหนื่อยแล้ว จนกระทั่งผมมองเห็นโพนี่ชายสองตัวกำลังแบกป้ายประกาศที่ทำจากไม้ขึ้น เขาร้องลั่นออกมาทันทีเมื่อเห็นผมวิ่งมาทางพวกเขาโดยมีม้าทำงานสีชมพูอีกสี่ตัวไล่ตามผมมา
"อย่าขยับ!" ผมตะโกนบอกพวกเขาแล้วก็เร่งความเร็วให้เพิ่มขึ้นทันที ก่อนที่จะใช้ขาหน้าสไลด์ทางไปข้างหลังและหงายหน้าขึ้นมองฟ้า
ป้ายประกาศที่พวกเขาถืออยู่นั้นลอยอยู่เหนือพื้นดินเล็กน้อย ระยะความห่างของช่องที่น่าจะลอดได้นั้นจะพอดีกับโพนี่หนึ่งตัวพอดี ผมสไลด์ตัวไปข้างหน้าโดยที่ไม่ลดความเร็วลง ตัวผมสามารถลอดใต้ป้ายประกาศได้พอดิบพอดีโดยที่ขอบล่างของป้ายประกาศเฉียดจมูกผมไปเล็กน้อย และเมื่อผมลอดสำเร็จ ผมหมุนตัวกลิ้งกับพื้นหลายตลบก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งและมองไปข้างหลังอย่างรวดเร็วโดยพยายามกัดฟันความเจ็บที่แผลของปีกตัวเอง พิงค์กี้กายที่วิ่งไล่ตามผมมานั้นต่างหยุดวิ่งทันทีเมื่อรู้ว่าไม่สามารถลอดสไลด์มาได้พยายามไม่ชนกับป้ายโฆษณา ตัวที่วิ่งผ่านมาไม่ได้นั้นทำหน้าเศร้าลงแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแล้วกระโดดโลดเต้นไปทางอื่นทันที
"เกือบไปแล้วไหมหละ" ผมยกอุ้งเท้าหน้าเพื่อปาดเหงื่อบนหน้าผากตัวเอง ก่อนที่จะวิ่งไปข้างหน้าต่อและใช้เส้นทางเพื่อไปยังร้านอาหาร ซึ่งปรากฎว่ามันอยู่ไม่ไกลมากนัก
แต่เมื่อผมวิ่งไปจนถึงร้านอาหารแล้ว ผมไม่เห็นทไวไลท์อยู่เลย ที่สำคัญคือ ไม่มีโพนี่ตัวไหนอยู่ที่ร้านอาหารด้วย ผมเห็นยูนิคอร์นตัวหนึ่งที่น่าจะเป็นบริกรร้านกำลังใช้เวทย์ของเขาเก็บผ้าคลุมโต๊ะ ราวกับว่าเขารีบปิดร้านอยู่
"ขอโทษนะครับ คุณเห็นทไวไลท์ไหม" ผมควบไปถามเขาทันที
"มาดามทไวไลท์นะเหรอ ? เพิ่งไปเมื่อกี้เอง เห็นว่ากลับไปที่ห้องสมุดนะ" เขาบอกกับผมโดยที่ยังไม่หยุดใช้เวทย์ยกเก้าอี้ขึ้นลอยบนอากาศและเอามันเข้าไปในร้านของเขา
"คลาดกันเหรอเนี่ย" ผมพึมพำพร้อมกับอ้าปากหายใจเพราะความเหน็ดเหนื่อย
"อู้ ไม่หรอก เธอยังไม่คลาดกับฉันซะหน่อย"
เสียงของพิงค์กี้พายดังขึ้นข้างๆ เมื่อผมหันไปมอง ผมมองเห็นพิงค์กี้พายตัวหนึ่งกำลังยิ้มกว้างให้ผมอยู่
"อู้ อู้ แบบนี้ฉันชนะสินะ เพราะฉันไล่ตามเธอมาทันไงหละ ฮิฮิ สนุกจังเลย" เธอกระโดดขึ้นลงพร้อมกับส่งเสียงดีใจ
"โอ้ยยยย พิงค์กี้มากไปแล้วโว้ยยยย!" ผมร้องออกมาเสียงดังลั่น ก่อนที่จะเดินกลับไปทางทาวน์สแควเพื่อลัดไปยังห้องสมุดเพื่อไปหาทไวไลท์
"มีเยอะสิยิ่งดี เพราะฉันจะได้สนุกเป็นเท่าตัวไง วี้!!" พิงค์กี้พายตัวนั้นกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ
-----------------------
ผมใช้เวลาไม่นานในการควบไปยังห้องสมุดของทไวไลท์ ซึ่งสังเกตได้ไม่ยากเลยเพราะนอกจากเป็นบ้านต้นไม้เพียงหลังเดียวในเมืองแล้ว ณ ตอนนี้มีม้าโพนี่หลายตัวกำลังชุมนุมอยู่หน้าห้องสมุด ดูเหมือนพวกเขาจะคิดแบบเดียวกับผมที่จะมาถามทไวไลท์ หลายตัวยังคงบ่นพึมพำเรื่องของพิงค์กี้พาย และแรร์ริตี้เองก็ยืนตรงนั้นด้วย
"ทไวไลท์อยู่ไหม" ผมถามเธอเมื่อเข้าไปใกล้ๆ
"กำลังหาวิธีช่วยพิงค์กี้พายอยู่ในนั้นนะ" แรร์ริตี้บอกกับผม
"คลาดกันจริงๆ ด้วย" ผมบอกออกมาและเดินเข้าไปยืนข้างๆ เธอ และหลังจากนั้นไม่นาน ทไวไลท์ก็เดินออกมาจากห้องสมุดของเธอทันที
"เอาหละ มีใครรู้บ้างว่าเราจะแยกพิงค์กี้พายตัวจริงกับตัวปลอมออกได้ยังไง" ยูนิคอร์นสาวสีม่วงถาม
ม้าโพนี่หลายตัวทำท่าครุ่นคิด ดูเหมือนไม่มีใครซักตัวรู้เลยว่าจะแยกพิงค์กี้พายตัวจริงกับตัวปลอมออกได้ยังไง
"เดี๋ยว ทไวไลท์! ฉันต้องขอคุยกับเธอ ฉันต้องการให้เธอช่วย!!" เสียงพิงค์กี้พายตัวหนึ่งดังออกมาจากข้างๆ ผม ซึ่งเมื่อผมกันไปมอง ก็พบพิงค์กี้พายตัวหนึ่งแทรกฝูงชนมาอยู่ด้านหน้า
"โทษนะ ไม่ว่าเธอเป็นใครก็ตาม แต่ฉันไม่คุยกับพิงค์กี้ทุกตัว ถ้าเธอไม่ใช่พิงค์กี้ตัวจริง" ทไวไลท์ถาม แต่ทว่า ข้างๆ เธอนั้นกลับมีพิงค์กี้พายอีกตัวมายืนข้างๆ แล้วทำท่าเลียนแบบทไวไลท์พูดได้เหมือนเด๊ะมากจนราวกับเป็นร่างแยกเลยทีเดียว
"แต่... คือพิงค์กี้พายตัวจริงนะ" พิงค์กี้พายตัวนั้นรีบบอกด้วยนํ้าเสียงเคร่งเครียดเล็กน้อย
"เธอไม่ใช่! ฉันสิคือพิงค์กี้พายตัวจริง" พิงค์กี้พายตัวที่สามปรากฎมาข้างๆ พิงค์กี้พายตัวนั้นแล้วรีบบอกออกมาทันที
"ไม่ ฉันคือพิงค์กี้พายตัวจริง" พิงค์กี้พายอีกตัวปรากฎขึ้นข้างๆ ทไวไลท์แล้วบอกทันที
"ไม่! ฉันคือพิงค์กี้พายตัวจริง" พิงค์กี้พายตัวที่สี่โผล่มาจากหมวกของยูนิคอร์นหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง
"ฉันต่างหากหละคือพิงค์กี้พายตัวจริง!" และพิงค์กี้พายตัวที่ห้าก็โผล่ออกมาจากหมวกของยูนิคอร์นตัวนั้นและยืนทับพิงค์พี้พายตัวที่สี่อีกด้วย
เข้าไปได้ยังไงฟะ ใช้ไฟฉายย่อส่วนเรอะ!! ผมคิดในใจด้วยความสงสัย
"สนุก! สนุก! สนุก! สนุก!" จากนั้น พิงค์กี้พายจำนวนมากก็แห่มาที่บริเวณหน้าห้องสมุด ซึ่งทำให้โพนี่หลายตัวเริ่มรำคาญและแยกย้ายออกไป บางตัวถึงกับวิ่งหนีพิงค์กี้พายออกไปให้ไกลๆ ทันที ทำให้ตอนนี้ทุกอย่างดูเละเทะมากกว่าเดิมอีก
"แบบนี้เราจะหาพิงค์กี้่พายตัวจริงได้ยังไงเนี่ย" แอปเปิ้ลแจ็คเดินไปถามทไวไลท์ทันที
"ฉันยังไม่รู้เลย" ทไวไลท์บอกด้วยนํ้าเสียงไม่สู้ดีนัก
"ฉันเองยังไม่รู้เลย... พวกเขามีหางที่น่ารักเหมือนกัน.... มีแผงคอที่น่ารักเหมือนกัน... มีกีบเท้าที่น่ารักเหมือนกัน..แล้วจะพาพิงค์กี้พายตัวจริงเจอได้ยังไง ถ้าฉันไม่บอกด้วยตัวเอง แล้วใครจะทำได้!!" พิงค์กี้พายตัวแรกร้องครํ่าครวญออกมาพร้อมกับซบหน้าลงกับพื้น
ผมมองดูพิงค์กี้พายที่ยังคงกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ ตัวผม บางตัวก็ทำหน้าทะเล้น บางตัวก็หมุนตัวไปรอบๆ และบางตัวก็เล่นทำท่าแปลกๆ อยู่ มันทำให้ผมนึกถึงตอนผมเจอเธอครั้งแรกเลยก็ว่าได้
"ฉันว่าฉันพอมีไอเดียละ น่าจะมีแต่พิงค์กี้ตัวจริงที่รู้" ผมบอกออกมา และนั่นทำให้ทุกตัวที่ยังยืนอยู่ด้วยมองผมด้วยความสนใจ
"ฉันเป็นใครมาจากไหนพิงค์กี้!" ผมถามพิงค์กี้พาย โดยไม่เจาะจงว่าตัวไหน
"ไม่ใช่เพกาซัส แต่เป็นมนุษย์" พิงค์กี้พายตัวไหนก็ไม่รู้ยกอุ้งเท้าตอบ
"และมาจากโลกที่เรียกว่าโลกมนุษย์ด้วย" พิงค์กี้พายตัวที่ยืนข้างๆ ยกอุ้งเท้าตอบเช่นกัน
"ทำไมฉันเป็นโพนี่ได้" ผมถามอีก
"เพราะควีนคริสซาลิสสาปเธอ" พิงค์กี้พายตัวที่ยืนข้างๆ สไปค์ยกอุ้งเท้าตอบ
"ทไวไลท์ก็เลยพาเธอมาที่นี่เพื่อหาทางถอนคำสาปไงล่ะ" พิงค์กี้ตัวที่ยืนข้างๆ แรร์ริตี้ตอบ
"มีคำถามอีกมั้ย ? มีคำถามอีกมั้ย ? ฉันตอบถูกมั้ย ? ฉันตอบถูกมั้ย ?" พิงค์กี้พายตัวไหนอีกก็ไม่รู้กระโดดขึ้นลงพร้อมถามผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"อ๊ากกกก! ทำไมพิงค์กี้ตัวปลอมถึงรู้ได้ฟะ!! จะกอปปี้เนียนไปมั้ยยยย!!" ผมร้องออกมาด้วยความเครียดจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
"สนุก! สนุก! สนุก! สนุก!" พิงค์กี้พายจำนวนมากที่อยู่รอบๆ ยังคงกระโดดโลดเต้นไปมา หลายตัวเริ่มจับกลุ่มเป็นขบวนแล้ววิ่งเข้าไปในใจกลางเมืองแล้ว แต่บางตัวก็ยังกระโดดโลดเต้นอยู่แถวหน้าห้องสมุดอยู่
"ฉันกลับไปดูร้านฉันก่อนนะ ฉันเองก็เป็นห่วงสวิตตี้เบลด้วย" แรร์ริตี้บอก ก่อนที่ผมจะพยักหน้าแล้วเธอก็ควบจากไปทันที ส่วนฟรัทเทอร์ชายนั้นหายไปตอนไหนแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน ทไวไลท์พร้อมสไปค์เดินมาหาผมใกล้ๆ ก่อนที่จะถอนหายใจ
"ไม่เป็นไรหรอก ฉันเองก็หมดปัญญาเหมือนกัน" เธอปลอบผม ก่อนที่เธอจะเดินผ่านผมเข้าไปใจกลางเมือง ซึ่งผมก็เดินตามเธอไปด้วย
"นี่มันเลวร้ายสุดๆ" เธอบ่นพึมพำออกมา ผมมองไปรอบๆ จนมองเห็นพิงค์กี้พายที่วิ่งเป็นขบวน
"แต่ดูเหมือนพิงค์กี้ตัวนั้นอาจเป็นตัวจริงนะ" สไปค์ชี้ไปยังพิงค์กี้พายตัวหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าร้านเครื่องดื่ม เธอแตกต่างจากพิงค์กี้พายตัวอื่นๆ ตรงที่ว่าเธอมีสีหน้าที่เศร้าโศกมาก
"โถ่ สไปค์ พิงค์กี้พายตัวจริงไม่มีวันเศร้าเด็ดขาด" เธอส่ายหน้าและยืนยัน
"ฉันเองก็ไม่เคยเห็นพิงค์กี้พายทำหน้าเศร้าเหมือนกัน" ผมแสดงความเห็น ซึ่งเหมือนกับว่าพิงค์กี้พายตัวนั้นกำลังฟังอยู่ด้วย
"ฉันจะลองไปถามดูนะ" สไปค์บอกก่อนที่จะเดินไป
"เอาเถอะ ยังไงเจ้าตัวก็ต้องบอกว่าเป็นตัวจริงอยู่แล้ว ลองดูเลย" ทไวไลท์บอก
"ขอฉันลองหน่อยนะ เอ่อ เธอเป็นพิงค์กี้พายตัวจริงไหม" สไปค์ถามพิงค์กี้ตัวนั้น ผมกับทไวไลท์เดินเข้าไปดูใกล้ๆ เพื่อรอดูคำตอบ
"ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นพิงค์กี้พายตัวจริง พวกเธอก็คงไม่เชื่ออยู่ดีนะแหละ ฉะนั้น ได้โปรดทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวเถอะ ฉันอยากจะเขี่ยพื้นเล่น" พิงค์กี้พายพูดด้วยนํ้าเสียงเศร้าที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ก่อนที่จะเดินหันหลังคอตกจากไปฃ
"โถ่... สไปค์...เราจะทำยังไงดี ฉันไม่สามารถส่งพิงค์กี่ตัวจริงเข้าไปในสระกระจกได้นะ" ทไวไลท์พูดด้วยเสียงเครียด
"ฉันคิดถึงพิงค์กี้พายตัวจริงจัง" สไปค์บอกด้วยนํ้าเสียงเศร้าเล็กน้อย
"พิงค์กี้พายตัวจริงก็คิดถึงพวกเธอเหมือนกัน เธอเองก็คงทำทุกอย่างเพื่อเป็นเพื่อนกันอีกครั้ง" เสียงของพิงค์กี้ตัวนั้นดังตามหลังพวกผมมา
"ฉันเองยังคิดไม่ถึงเลยว่าขนาดตัวปลอมยังมีความทรงจำของพิงค์กี้พายด้วย แล้วเราจะแยกตัวจริงตัวปลอมออกมาได้ยังไงละเนี่ย" ผมเอาอุ้งเท้าตัวเองแตะที่คางเพื่อครุ่นคิด
"เดี๋ยวนะ ถ้าเธอจับทั้งหมดมาทดสอบบางอย่างหละ!" พิงค์กี้พายตัวนั้นบอกออกมาอย่างรวดเร็ว "ทดสอบอะไรก็ได้ที่มันยากที่พิงค์กี้ทำไม่ได้ บางอย่างที่ไม่สนุก พิงค์กี้ตัวที่ทำไม่ได้ ก็จับกลับไปที่สระนํ้าได้เลย แต่ถ้ามีตัวไหนที่ยังทดสอบได้อยู่ พิงค์กี้ตัวนั้นแหละคือตัวจริง!"
"จะได้ผลเร้อ" ผมถามทไวไลท์ด้วยความสงสัย
"รู้อะไรไหม มันไม่เลวเลยนะ" ทไวไลท์ยิ้มกว้างออกมา
ทไวไลท์รีบพาผมควบออกไปตรงใจกลางของเมืองที่เป็นหอกิจกรรมของเมืองทันที
"นายช่วยไปหาแอปเปิ้ลแจ็ค ไปขอให้ครอบครัวเธอช่วยกันต้อนพิงค์กี้พายทุกตัวเข้ามาในหอประชุมนี้ทีนะ ส่วนฉันจะไปตามหาทุกตัวเพื่อมาช่วยตามแผน" เธอบอกกับผม
"ได้เลย" ผมพยักหน้า
"ฝากด้วนนะ" ยูนิคอร์นสาวบอก ก่อนที่สไปค์จะกระโดดขึ้นขี่หลังแล้วเธอก็ควบออกไปแล้ว ผมจึงควบไปทางบ้านของแอปเปิ้ลแจ็คที่เป็นฟาร์มแอปเปิ้ลทันที
--------------------------------------------
ผมพบแอปเปิ้ลแจ็คกับบิ๊กแม็กอินทอร์ช พี่ชายของเธอกำลังเก็บกวาดกองไม้ที่น่าจะเป็นโรงนามาก่อนแต่สภาพปัจจุบัน ราวกับถูกสุมกองกันไว้ หลังจากที่ผมอธิบาย แอปเปิ้ลแจ็ค , บิ๊กแม็คอินทอชและแอปเปิ้ลบลูม น้องสาวของเธอก็พร้อมที่ช่วยกันต้อนพิงค์กี้พายทันที พวกเราทั้งสี่ตัวได้วิ่งต้อนพิงค์กี้พายที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ เมืองให้มาชุมนุนกับเป็นขบวนเดียวกัน โดยมีสุนัข วิโนน่า สัตว์เลี้ยงของแอปเปิ้ลแจ็คมาช่วยด้วย พวกเราใช้เวลาไม่นานก็สามารถต้อนพิงค์กี้พายได้เกือบหมด แล้วเริ่มไล่เข้าไปในเขตเมืองโพนี่วิลล์ทันที
"พวกเธอรู้วิธีการต้อนมาจากไหนเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย พลางวิ่งขนาบข้างทางซ้ายเพื่อป้องกันไม่ให้พิงค์กี้พายหลุดออกมาจากแถว
"เพราะพวกเราคือครอบครัวแอปเปิ้ลไงหละพ่อหนุ่ม เรื่องต้อนสัตว์เราถนัดอยู่แล้ว" เธอบอกโดยไม่หันมามอง เพราะเธอคุมอยู่ข้างหลังและสอดส่องสายตาพิงค์กี้พายอยู่นั่นเอง
แต่เปลี่ยนจากต้อนสัตว์มาเป็นต้อนม้าแทนอะนะ ผมคิด
"พี่! ยังมีพิงค์กี้เหลืออีกข้างบนนั่น!" แอปเปิ้ลบลูม ม้าน้อยสีเหลืองที่ผูกโบว์สีแดงและวิ่งนำหน้านั้นได้ตะโกนบอก และพอผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็พบว่ามีพิงค์กี้พายตัวหนึ่งกำลังหมุนตัวรอบเสาระเบียงชั้นสองของบ้านหลังหนึ่ง และก็มีโพนี่ทำงานตัวสีเขียวที่เหมือนเจ้าของบ้านพยายามจะทำท่าไล่แบบกลัวๆ กล้าๆ อยู่
"แย่ละสิ ฉันออกไปจากตรงนี้ไม่ได้ด้วย เราอาจต้องวิ่งวนกลับมาใหม่" แอปเปิ้ลแจ็คตะโกนบอก
"งั้นฉันทำเอง" ผมตะโกนอาสาตอบ แล้วก็วิ่งไปทางบ้านหลังนั้นทันทีเพราะมันอยู่ทางซ้ายจากผมพอดี
"ฝากด้วยหละ" เธอตะโกนบอก
"อู้ว เรากำลังเล่นไล่จับกันอยู่เหรอ ? สนุกจุงเบย" พิงค์กี้พายตัวหนึ่งพูดด้วยหน้าตาชวนระรื่นและไหลออกมาจากแถวเล็กน้อย จนแอปเปิ้ลแจ็คต้องผลักให้เข้าไปในแถวเหมือนเดิม
ผมวิ่งไปตามทางถนน ซึ่งทำให้ผมเห็นว่ามีรถเข็นที่จอดทิ้งไว้ใกล้ๆ กับร้านขายผลไม้ร้านหนึ่งที่ตอนนี้ตัวเจ้าของและของที่ขายไม่อยู่แล้ว ผมรีบวิ่งไปบนรถเข็นคันนั้นแล้วก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาร้านนั้น ก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนระเบียงชั้นสองของบ้านหลังนั้นทันที ซึ่งปกติถ้าผมอยู่ในร่างคนไม่มีทางทำได้แน่เพราะมันต้องใช้แรงมหาศาลนั่นเอง เมื่อผมกระโดดขึ้นไปแล้ว ผมรีบใช้หัวพุ่งชนกับพิงค์กี้พายตัวนั้นจนร่วงลงไปข้างล่างซึ่งเป็นจังหวะที่พิงค์กี้พายจำนวนมากกำลังถูกต้อนมาพอดี ทำให้พิงค์กี้พายตัวนั้นต้องวิ่งร่วมไปกับตัวอื่นๆ จนเลือกไม่ได้ เมื่อผมเห็นว่าพิงค์กี้พายตัวนั้นเข้าไปในกลุ่มแล้ว ผมมองหาทางลงทันที
"กรี๊ดดดดดด!"
เสียงม้าเด็กผู้หญิงร้องดังลั่น และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่าบ้านทางขวามือนั้นมีม้าเด็กผู้หญิงสองตัวกำลังกอดกันอยู่เพราะมีพิงค์กี้พายตัวหนึ่งกำลังสวาปามของกินบนโต๊ะอาหารในบ้านหลังนั้น และดูเหมือนน่าจะเป็นขนมของทั้งสองตัว แต่ท่าทางพวกเขาจะกลัวพิงค์กี้พายมากกว่าที่เธอมาขโมยอาหารกินเสียอีก
ผมมองหาทางที่จะไปได้ และผมก็พบว่ามีเชือกที่ผูกกับธงประดับติดเอาไว้พอดี ผมจึงรีบพุ่งไปที่เชือกอันนั้น แล้วก็กระโดดและใช้ปากกัดที่เชือกอย่างรวดเร็ว ตัวของผมไหลไปตามเชือกตามความสูงอย่างรวดเร็ว ผมกัดเชือกเอาไว้แบบหลวมๆ โดยไม่ให้แน่นเกินไปเพื่อให้สามารถไหลไปตามเชือกได้ แม้ว่ามันจะสีฟันผมจนปวดกรามไปหมด แต่ฟันของม้าแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ จึงไม่น่าเป็นปัญหาอะไร แต่เอาจริงๆ ผมบอกตรงๆ เลยว่าไม่ได้คิดถึงเลยว่าฟันตัวเองจะหลุดรึเปล่า เพราะในเมื่อผมไม่มีมือ นี่จะเป็นทางเดียวที่สามารถไปได้
แต่เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ผมใช้ฟันในการไต่เชือกลงมา ทำให้ผมทนไม่ไหวและเผลออ้าปากปล่อยเชือกออกมาก่อน ทำให้ผมร่วงหล่นลงมากลางอากาศ เสียงโพนี่บางตัวที่กำลังแหงนหน้ามองดูผมอยู่ร้องออกมาด้วยความตกใจ ผมรีบยื่นอุ้งเท้าไปข้างหน้าเพื่อที่จับหลังคาของบ้านนั้นทันที
พรึ่บ! พรึ่บ!
ผมรีบออกแรงเพื่อไปให้ถึงหลังคาบ้านหลังนั้น แต่ในที่สุดอุ้งเท้าของผมก็สามารถจับล็อคตรงหลังคาได้ก่อนที่ผมจะร่วงลงไปพอดี และเมื่อผมปีนขึ้นไปยืนบนหลังคาได้ ผมรู้สึกได้ว่าปีกข้างหนึ่งของผมกางออก แต่เมื่อผมหันไปมองก็พบว่าปีกตัวเองหุบลงทันที
เมื่อกี้เราใช้ปีกข้างหนึ่งบินงั้นเหรอ ผมคิด แต่ผมไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่นเพราะผมต้องไล่ให้พิงค์กี้พายตัวนั้นเข้าไปรวมกลุ่มกับพิงค์กี้ตัวอื่นๆ ก่อนที่แอปเปิ้ลแจ็คจะต้อนจนเลยไปไกล
"เฮ้! พิงค์กี้!" ผมรีบตะโกนเรียกชื่อเธอ
"อะไรเหรอ" เธอหันมาหาผมโดยที่มีครีมเต็มปาก
พลั่ก!
ผมพุ่งเข้าไปแล้วก็ใช้หัวกระแทกกับพิงค์กี้ตัวนั้นจนกระเด็นตกจากรั้วระเบียงบ้านชั้นนั้นพอดี แต่เจ้าตัวกลับหมุนตัวกลางอากาศหนึ่งรอบก่อนที่ขาจะแตะพื้นโดยที่เจ้าตัวไม่เป็นอะไรเลย
"วี้! จะเล่นไล่จับเหรอ แล้วทำไมไม่บอก" เธอเงยหน้าตะโกนถามผม
ตุ๊บ!
ผมกระโดดลงตามเธอมาบ้าง แต่ก็เหมือนกับตอนที่ผมกระโดดลงมาในโลกของผม คือขาทั้งสี่ข้างชาทันทีเพราะแรงกระแทก ถึงในร่างนี้จะไม่ชาเท่ากับโลกนั้นก็ตาม แต่ผมก็ต้องกัดฟันด้วยความเจ็บที่แล่นเข้ามาทั้งร่างอยู่ดี ผมมองดูพิงค์กี้พายตัวนั้นที่ยังกระโดดขึ้นลงจนอดสงสัยไม่ได้ว่าร่างกายเธอทำด้วยอะไร ถึงทนจังเลย
"ใช่ๆ เล่นไล่จับ วิ่งไปตรงนู้นเลยนะ" ผมรีบวิ่งไล่ต้อนเธอ ซึ่งเธอก็วิ่งนำหน้าผมไปทันที
"ได้เลย เรื่องสนุกๆ ชอบอยู่แล้ว" เธอบอกด้วยนํ้าเสียงร่าเริง
แต่ตูเนี่ยหอบจะแดกับแหรกอยู่แล้ว ผมคิดในใจ
ผมเร่งฝีเท้าให้มากขึ้นเพื่อวิ่งตามแอปเปิ้ลแจ็คให้ทัน ซึ่งดูเหมือนครอบครัวแอปเปิ้ลจะเร่งฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อรอผม และเมื่อผมไล่ไปทัน แอปเปิ้ลแจ็คก็เบี่ยงออกไปข้างๆ เล็กน้อยเพื่อให้ผมต้อนพิงค์กี้พายตัวนั้นเข้าไปในกลุ่มของพวกเธอ
"ดีมากพ่อหนุ่ม คิดว่ายังเหลืออีกไหม" เธอถามผม
"ไม่แล้วนะ เท่าที่ดู" ผมเงยหน้ามองไปรอบๆ ซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะเหลือพิงค์กี้พายตัวไหนที่ยังหลงเหลืออีก
"ดี งั้นจับเข้าไปในที่หมายเลย" เธอบอก ซึ่งมันก็อยู่ตรงหน้านั่นเอง
บิ๊กแม็กอินท็อช กับแอปเปิ้ลบลูมได้วิ่งนำหน้าไปแล้วเปิดประตูเพื่อต้อนพิงค์กี้พายให้เข้าไปข้างใน และพอพิงค์กี้พายเข้าไปข้างในหมดแล้ว แอปเปิ้ลแจ็คกับผมก็ชะลอฝีเท้าลงทันที
"เฮ้อ น่ารำคาญเอาเรื่องเลยแฮะ" เธอบ่นพึมพำก่อนที่จะควบเหยาะๆ เข้าไปข้างในโดยที่ผมเดินตามไปทีหลัง
ทันทีที่ประตูปิดลง ผมก็มองไปรอบๆ ทำให้ผมมองเห็นสถานที่ข้างในเป็นครั้งแรก มันเป็นอาคารทรงกลมแบบเดียวกับบ้านของแรร์ริตี้ เพียงแต่ว่ามีความสูงโล่งจนถึงเพดานเลยทีเดียว มีระเบียงยื่นออกมาตามชั้นสองราวกับเป็นที่นั่งตามโรงละคร โดยมีเวทีอยู่ตรงกลาง เหล่าพิงค์กี้พายยังคงกระโดดโลดเต้นไปทั่้วโดยที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเท่าไหร่นัก ผมมองไปตรงเวทีซึ่งก็เห็นทไวไลท์กับสไปค์เดินมาตรงกลางเวที
"ยินดีต้อนรับ ขอต้อนรับพิงค์กี้พายทุกตัว นั่งได้ตามสบายเลยนะ" เธอบอก
ผมเดินไปยืนข้างๆ แอปเปิ้ลแจ็คแล้วก็มองดูทไวไลท์ที่รับหน้าที่สานต่อ แต่ดูเหมือนไม่มีพิงค์กี้พายตัวไหนฟังเธอเลยแม้แต่น้อย พวกเธอยังคงกระโดดโลดเต้นไปเรื่อยๆ
"เอ่อ ถึงฉันบอกให้ทำตัวตามสบาย แต่นั่งลงหน่อยได้ไหม" ทไวไลท์เอ่ยถามอีกรอบ แน่นอนว่ายังไม่มีพิงค์กี้พายตัวไหนฟัง
"นั่งลง!" เธอพูดเสียงดังออกมา และนั่นทำให้พิงค์กี้พายทุกตัวรีบนั่งลงกับพื้นทันทีด้วยความเป็นระเบียบ
"เยี่ยม ดีขึ้นหน่อย" ยูนิคอร์นสาวยิ้มออกมา "เอาหละ ฉันเดาว่าพวกเธอคงสงสัยว่าทำไมฉันถึงรวมพวกเธอในวันนี้"
"เพื่อความสนุกเหรอ" พิงค์กี้พายตัวหนึ่งถาม
"ไม่. ที่จริงแล้ว ตรงกันข้ามเลย" ทไวไลท์ตอบ
"เดี๋ยวก่อน! ฉันเจอพิงค์กี้พายอีกตัว เธอกำลังนั่งวาดรูปบนพื้นเป็นรูปตัวเธอทำหน้าเศร้าอยู่นะ"
เรนโบว์แดชบอกพร้อมกับเปิดประตูเข้ามา เธอกำลังอุ้มพิงค์กี้พายซึ่งกำลังทำหน้าเศร้าอยู่
ตัวนั้นที่แนะนำวิธีการทดสอบนี่นา ผมคิด
"ดี จับโยนเธอเข้าไปในกลุ่มเลย" ทไวไลท์บอก ซึ่งทำให้เรนโบว์ปล่อยเธอลงทันที
"เอาหละพิงค์กี้พายทุกตัว ต่อจากนี้เราจะทดสอบอะไรบางอย่างหน่อย" เธอบอกกับพิงค์กี้พายทุกตัวในห้อง
"พิงค์กี้ เธอถูกพามาที่นี่เพื่อทดสอบ" ทไวไลท์อธิบายต่อ ซึ่งนั่นทำให้พิงค์กี้พายหลายตัวทำเสียงครวญครางออกมาทันที
"ไม่ต้องห่วง มันเป็นการทดสอบง่ายๆ พิงค์กี้พายตัวไหนที่ผ่านจะได้รับอนุญาติให้อยู่ต่อ" ทไวไลท์บอก
ผมจับตามองดูพิงค์กี้พายตัวสุดท้ายที่เรนโบว์แดชอุ้มเข้ามา ดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มทำหน้าตาจริงจังมากขึ้น ซึ่งผิดกับม้าสาวสีชมพูตัวอื่นๆ ที่ยังทำท่าสงสัยกันอยู่
บางทีนั่นอาจจะเป็นตัวจริงก็ได้ ผมคิด
"เปิดม่านหน่อย" ทไวไลท์บอก ซึ่งเมื่อสไปค์เดินไปเปิดม่าน ก็พบกับสีนํ้าเงินบนไม้กระดาน สีนั้นกำลังไหลย้อยลงมาราวกับสียังไม่แห้งและรีบทาสีด้วยปริมาณมากไป
"การทดสอบก็คือ ให้จ้องมองดูสีที่แห้งแล้ว" เธอบอก ซึ่งฟรัทเทอร์กับแรร์ริตี้ซึ่งเหมือนเพิ่งจะทาสีเสร็จพอดี ได้ดันไม้กระดานเลื่อนมาข้างหน้า และนั่นทำให้พิงค์กี้พายหลายตัวทำหน้าตาตกใจกันมาก
ตกใจอะไรกันนักหนาฟะ ผมคิด แต่ก็มองดูพิงค์กี้พายตัวสุดท้ายที่ทำหน้าตกใจเหมือนกัน แต่ไม่เท่ากับตัวอื่นๆ เท่านั้นเอง
"เตรียมตัว! เริ่มได้!" ทไวไลท์ให้สัญญาณ และนั่นทำให้พิงค์กี้พายทุกตัวเริ่มจ้องมองสีโดยทันที
"ว้าว งานนี้ต้องตื่นเต้นแน่ๆ" สไปค์ที่อยู่ข้างๆ เวทีนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมกับกินป็อบคอร์นในมือทันที
ผมใช้ขาข้างขวาไขว่ห้างมาทางซ้าย ซึ่งปกติแล้วผมจะยืนกอดอก แต่ในเมื่อผมเป็นม้า ผมจึงใช้ขาไขว่ห้างมาแทนเพื่อเปลี่ยนท่ายืนและจับตามองดูสถานการณ์
หวังว่ามันจะได้ผลนะ ผมคิด
(10 นาทีผ่านไป)
"โอเค บางทีมันไม่ตื่นเต้นเลยแหละ" สไปค์บ่นพึมพำออกมาเมื่อตัวเองกินป็อบคอร์นชิ้นสุดท้ายหมดแล้ว
ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะดูแล้วไม่มีพิงค์กี้พายตัวไหนเสียสมาธิเลย ผมเองก็ยืนสลับท่าไขว่ห้างจนเริ่มเมื่อยขาแล้ว แรร์ริตี้กับเรนโบว์แดชเองก็คงคิดแบบเดียวกับผมเพราะทั้งคู่ก็เปลี่ยนท่ายืนไปเรื่อยๆ เหมือนกัน
"โอ้! เฮ้! ดูนกนั่นสิ" พิงค์กี้พายตัวหนึ่งทักขึ้นเมื่อเธอหันไปมองดูนกตัวหนึ่งที่บินมาเกาะกิ่งไม้นอกหน้าต่าง
เปรี้ยง!
เสียงเวทมนต์พุ่งใส่พิงค์กี้พายตัวนั้นทันที ซึ่งเมื่อผมมองไปตรงเวทีก็พบว่าทไวไลท์ยิงเวทย์ออกมาจากเขาของเธอใส่พิงค์กี้ตัวที่พูด และพิงค์กี้พายตัวนั้นก็ลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมกับตัวที่ขยายออกราวกับลูกโป่งยักษ์หน้าตายู่ยี่ ก่อนที่จะสลายกลายเป็นควันสีชมพูปนแดงและลอยออกนอกหน้าต่างไป
นั่นคือตัวปลอมสินะ ผมคิด
"ลองดูฉันกระโดดให้ถึงเพดานนะ!" พิงค์กี้พายตัวหนึ่งพูดแล้วกระโดดขึ้นทันที และพิงค์กี้พายตัวข้างๆ ก็แหงนหน้ามองดูด้วยความสนใจ
เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงเวทมนต์ยิงออกมาสองครั้ง เพราะมีพิงค์กี้พายเสียสมาธิแล้วสองตัวนั่นเอง และทั้งคู่ก็ลอยขึ้นพร้อมกับตัวบวมป่องก่อนที่จะสลายกลายเป็นควันไปพร้อมกัน
"ฉันมีนิ้วด้วยนะ ลองดูซิ"
"อู้ๆ นั่นมันกบส้มนี่นา!"
"ไหน ?"
"ไหนๆ"
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
"ดูสิ่งที่ฉันจะทำกับกีบเท้าของฉันน้าาา" พิงค์กี้พายตัวที่อยู่ข้างหน้าบอก พร้อมกับเอาปากเป่ากับตัวเองยังกับเป่าลูกโป่ง แล้วก็มีนิ้วปรากฎออกมาสี่นิ้ว พิงค์กี้พายตัวข้างๆ มองดูด้วยความประหลาดใจทันที
เปรี้ยง!
จากนั้นทั้งคู่ก็ลอยตุ๊บป่องก่อนที่จะสลายกลายเป็นควันพร้อมกัน
"นี่ เธอคงแปลกใจใช่ไหม ถ้าฉันทำหน้าแบบ... เน้!!" พิงค์กี้พายอีกตัวปั้นหน้าตัวเองออกมายังไม่ทราย ออกมาเป็นหน้าม้าจริงๆ จนผมทำหน้าเหวออกมาเหมือนกัน
หน้าเห้อะไรฟะ ผมคิด
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! และ เปรี้ยง!
เสียงเวทมนต์ดังขึ้นต่อเนื่อง ทไวไลท์ใช้เวทมนต์ของเธอยิงใส่พิงค์กี้ตัวที่ไม่จ้องมองดูสีตรงเวทีราวกับยิงปืน และแล้วพิงค์กี้พายจำนวนมากก็เริ่มหายไปทีละตัวสองตัวเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหลือพิงค์กี้พายสองตัวสุดท้ายที่ยังจ้องมองดูสีหน้าห้อง ผมเองก็รอเสียจนอยากให้เรื่องจบไวๆ แต่ดูเหมือนพิงค์กี้พายทั้งสองตัวนี้ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเสียสมาธิกันเลย
"โถ่... ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้วนะ" เรนโบว์แดชบอกออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เธอออกบินทันทีพร้อมกับพูดว่า "โพนี่บางตัวกำลังทำลูกโป่งรูปสัตว์อยู่ด้วยน้า!"
เมื่อเธอพูดขึ้น ตอนแรกๆ พิงค์กี้พายยังไม่สนใจ แต่แล้วก็มีตัวหนึ่งเสียสมาธิและหันมองไปทางที่เรนโบว์แดชชี้ทันที
"จริงเหรอ ไหนๆ" เธอบอก
เปรี้ยง!
และในที่สุด พิงค์กี้พายตัวนั้นก็ละลายกลายเป็นควันและลอยออกไปนอกหน้าต่าง ทำให้ตอนนี้เหลือพิงค์กี้พายตัวเดียวที่ยังจ้องมองสีอยู่ และนั่นก็หมายความว่า ตัวนี้นะแหละคือตัวจริง
"พิงค์กี้ ตอนนี้เธอมองไปรอบๆ ได้แล้ว" ทไวไลท์ยิ้มบอก
"ฉันผ่านเหรอ" พิงค์กี้่พายตัวจริงมองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย
"ใช่ เธอเป็นพิงค์กี้พายตัวเดียวที่จ้องมองสีได้นานที่สุด" ทไวไลท์อธิบาย
"ฉันทำได้ ฉันทำได้สินะ ? ฉันไม่อยากจากเพื่อนฉัน ฉันทำไม่ได้ แต่ฉันหวังว่าบางครั้งฉันจะต้องเลือกพวกเขา" พิงค์กี้พายตัวจริงบอกด้วยนํ้าเสียงตื้นตัน
"รู้ไหม เธอนี่มันท้าทายดีนะ" ทไวไลท์ยิ้มตอบ ผมเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ฉันเอง! ฉันเอง! ฉันเอง!" แต่.... ฉันคือตัวจริงใช่ไหม ?" เธอกระโดดโลดเต้น ก่อนที่จะรีบเอาอุ้งเท้าของเธอจับหน้าตัวเองไปรอบๆ ราวกับทดสอบดูว่าเธอคือตัวจริงรึเปล่า "ใช่ ฉันแน่ใจว่าใช่ฉันแน่ๆ"
ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะในที่สุด นอกจากเราจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมดแล้ว เรายังได้เพื่อนตัวจริงของเรากลับมาอีกด้วย
"จบเรื่องซะทีนะ" ผมยิ้มออกมา และนั่นทำให้ทุกตัวยิ้มกว้างทันที
---------------------------------------------
หลังจากนั้น เห็นว่าทไวไลท์ได้เดินทางเข้าไปในป่าเอเวอร์ฟรี ตรงบริเวณที่พิงค์กี้พายเจอสระกระจก ซึ่งเธอได้เข้าไปเพื่อปิดทางเข้าออกมันโดยสมบูรณ์ และหลังจากนั้นก็เห็นว่าพิงค์กี้พายได้ชดเชยเวลาที่ทำให้เรนโบว์แดชกับแอปเปิ้ลแจ็คเดือดร้อนซึ่งผมไม่รู้ว่าตัวปลอมไปทำอะไรบ้าง
ในครั้งนี้สไปค์ได้ไปพิงค์กี้ในการเขียนจดหมายให้พิงค์กี้ส่งไปถึงเจ้าหญิงเซเลสเทียร์ ('เป็นจดหมายที่ทุกคนจะเขียนเรื่องราวของมิตรภาพนะ' ทไวไลท์อธิบาย) ทำให้ผมจึงมาเขียนจดหมายถึงน้องสาวด้วยตนเอง ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าผมเขียนได้ช้ามาก ไม่ใช่แค่เอาปากคาบปากกาแล้วเขียนอย่างเดียว แต่เพราะยังไม่เขียนไม่สวยเนี่ยแหละเลยต้องเขียนช้าๆ เพราะผมก็ไม่อยากให้น้องสาวหงุดหงิดเพราะอ่านไม่ออกเหมือนกัน ผมได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด และเล่าถึงสวิตตี้เบลที่เอ่ยด้วยว่าอยากเจอน้องสาวผมด้วย
ถ้าสองคนนี้มาเจอกันได้ก็คงดีนะ ผมคิด
หลังจากผมเขียนเสร็จ ผมได้เอาม้วนจดหมายใส่กระเป๋าสะพายสำหรับม้า (ของอภินันทนาการที่ช่วยปกป้องร้านของแรร์ริตี้เอาไว้) ซึ่งวิธีสะพายนั้นไม่ยาก เพียงแต่ผมต้องรัดสายรัดกับหลังของผมเอาไว้เหมือนเข็มขัด ซึ่งกระเป๋านั้นจะสะพายอยู่สองด้านและมีที่ล็อคคล้ายๆ กับแม่เหล็กเอาไว้อยู่ จากนั้นผมก็เดินออกไปจากบ้านเพื่อไปหาสไปค์ที่ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ร้านทำขนม สถานที่ที่พิงค์กี้พายอาศัยอยู่ และนั่นทำให้ผมเจอกับทุกคนโดยบังเอิญ
"เขียนจดหมายเสร็จแล้วเหรอ" เธอถามผม
"อืม เลยว่าจะฝากให้สไปค์ส่งให้นะ" ผมตอบเธอ "แล้วมาทำอะไรกันเหรอ"
"เราจะมาชวนพิงค์กี้พายไปสนุกกับนะสิ" เรนโบว์แดชตอบ ซึ่งเมื่อทุกตัวมองไปยังหน้าร้าน ก็พบสไปค์นั่งอยู่หน้าร้านและพิงค์กี้พายยืนอยู่พอดี
"พิงค์กี้ สนใจจะไปฉลองกับพวกเราไหม" ทไวไลท์ถาม
"เธอสนใจจะมาแข่งรถเข็นไหมหละ" แอปเปิ้ลแจ็คชวน
"หรือจะแข่งบนเมฆแทนหละ" เรนโบว์แดชถามต่อ
เอ่อ เพกาซัสเท่านั้นที่ขี่เมฆได้ไม่ใช่เรอะ ผมคิด
"หรือจะมาจัดงานปาร์ตี้นํ้าพั้นกับแซนวิสแตงกวาไหมหละ" แรร์ริตี้ชวนด้วย
พิงค์กี้พายมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออก เธอมองมาทางผมด้วย แต่ผมส่ายหัวเพราะไม่ได้วางแผนจะชวนเธอไปไหน
"ทุกคน... รู้ใช่ไหมว่าฉันรู้สึกยังไงกับเรื่องแบบนี้นะ" พิงค์กี้พายพูดด้วยนํ้าเสียงไม่ค่อยดีนัก ก่อนที่เจ้าตัวจะนอนหงายหลังกับพื้นแล้วกรนเสียงดังทันที
"นั่นก็ดูสนุกเหมือนกันนะ" ฟลัทเทอร์ชายแซว
"สงสัยจะเข็ดกับเรื่องนี้แล้วหละครับ" ผมหัวเราะออกมา และนั่นทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน ก่อนที่ทไวไลท์จะใช้เวทมนต์ของเธอปิดประตูเพื่อให้เจ้าตัวนอนพักผ่อน (บนพื้น) ตามลำพัง
"บางครั้ง เรื่องสนุกมากเกินไปมันก็ไม่เวิร์คอะนะ" ผมพูดออกมา
"ใช่ แต่ไม่ว่ายังไง พิงค์กี้พายก็ทำเพราะหวังดีทั้งนั้นแหละนะ" ทไวไลท์บอกออกมาด้วยเช่นกัน
"แต่รอบนี้ออกมาเยอะไปหน่อยก็เหอะ" เรนโบว์แดชซึ่งยังบินตลอดเวลาพูดออกมาบ้าง และนั่นทำให้ทุกตัวหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน และดีใจที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว
"เอ่อ จะว่าไป ลืมเลยแฮะว่าต้องเอาจดหมายให้สไปค์ส่งนะ" ผมนึกขึ้นได้เมื่อเดินออกมาจากร้านขายขนมห่างพอสมควร "แล้วสไปค์หละ"
ผมหันไปถามทุกคน ดูเหมือนทุกตัวจะนึกไม่ออกเลยว่าเจ้าตัวอยู่ไหน
"เฮ้! ฉันอยู่นี่!" สไปค์กระโดดข้างๆ ผม "อย่าลืมกันซิโถ่"
"มันก็ลืมจริงๆ อะนะ" ผมหัวเราะลั่นออกมาพร้อมกับคาบจดหมายส่งให้สไปค์ ซึ่งเจ้าตัวรับมาด้วยสีหน้างอนเล็กน้อยก่อนที่จะส่งจดหมายไปถึงน้องสาวผมให้โดยใช้ไฟมังกรของเขา
สุดท้ายนี้ น้องรัก โลกใบนี้มันมีอะไรให้เจอหลายอย่างมากจริงๆ และพี่หวังว่าเราจะสนุกไปกับสิ่งที่พี่เจอนะ ผมคิดเมื่อจดหมายม้วนนั้นสลายหายไปในอากาศพร้อมกับไฟของสไปค์ ซึ่งหมายความว่าจดหมายส่งตรงถึงน้องสาวผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
...
..
.
.
To Be Contined
ความคิดเห็น