ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My Soul Love : รักนะ วิญญาณของฉัน (ยมทูตโมเอะ)

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : เช้าวันแรก

    • อัปเดตล่าสุด 2 มิ.ย. 54


    ผมพลิกตัวไปมาเมื่อเริ่มรู้สึกตัวมากขึ้นเรื่อยๆ มือของผมสัมผัสกับพื้นห้องแข็งๆ บริเวณที่ไม่มีผ้าห่มปูเอาไว้ พื้นห้องเย็นเฉียบ ทำให้ประสาทสัมผัสของผมตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย ผมตื่นแล้ว แต่ก็ยังหลับตาอยู่ ผมเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้ได้เวลาหกโมงเช้าแล้ว ผมสามารถกำหนดตัวเองให้ตื่นหกโมงเช้าได้ทุกวันโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกเลยด้วยซํ้า

    ผมลืมตาขึ้นเล็กน้อย ทำให้มองเห็นมือของตัวเองที่ยังจับพื้นที่เย็นเฉียบ และมองเห็นพื้นห้องใต้เตียงนอนของผม ผมรู้ได้ในทันทีว่าผมไม่ได้นอนบนเตียง แต่นอนบนพื้นห้อง ซึ่งหมายความว่า เหตุการณ์ที่ผมเจอกับยมทูตสาวเมื่อคืนนั้นเป็นความจริงนั่นเอง

    สรุปแล้วชีวิตฉันเหลือแค่เดือนเดียวเองเหรอเนี่ย ผมคิด ไม่สิ ต้องบอกว่าอีกยี่สิบเก้าวันมากกว่า เพราะมันผ่านมาแล้ววันนึงนั่นเอง

    สายตาของผมเลื่อนไปมองปลายเตียง ซึ่งมีผ้าห่มห้อยลงมาบ้าง บอกได้เลยว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นนอนดิ้นพอสมควร

    เอาเถอะ ในเมื่อดวงเราถึงฆาตจริงๆ แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกนะ ผมทำใจแอบมีอารมณ์สิ้นหวังเล็กน้อย แบบนี้ก็เท่ากับว่าเราต้องรีบทุกอย่างที่อยากทำให้เสร็จภายในยี่สิบเก้าวันสินะ

    ผมเอามือขยี้ตาตัวเอง ปัดขี้ตาออกจากเปลือกตาออกเพื่อที่จะลืมตาตื่นให้ได้เต็มที่

    งั้นคงต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลย เวลาเริ่มมีค่าขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ผมคิด แต่เมื่อผมลืมตาและเตรียมตัวลุกขึ้นนั่ง กลับต้องเจอกับภาพที่ผมแทบตกตะลึง

    พราะว่าข้างบนหน้าของผมนั้น สาวน้อยยมทูต เคียว ลำตัวส่วนบนครึ่งตัวยื่นออกมาจากขอบเตียง หัวห้อยลงมาเล็กน้อย และเตียงของผมก็ไม่ได้สูงอะไรนัก ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของเธอจ่อหน้าของผมเต็มๆ และมีระยะห่างกันนิดเดียวด้วยซํ้า

    แว๊กกกก อะไรเนี่ย ผมคิดอย่างตกอกตกใจ แต่ก็ไม่กล้าขยับตัว

    ดวงตาของผมจับจ้องมองดูใบหน้าของเด็กสาว ผิวของเธอผมก็ว่าขาวเนียนแล้วนะ แต่พอมองใกล้ๆ แบบนี้แล้วยิ่งทำให้ดูขาวเนียนมากยิ่งขึ้นไปอีก แทบไม่มีรอบตำหนิบนใบหน้าของเธอเลย ลมหายใจอุ่นๆ ลอยออกมาจากจมูกของเธอเป็นระยะๆ ปากของเธอปิดสนิท ทำให้ริมฝีปากของเธอดูจิ้มลิ้มมากขึ้น เปลือกตาที่ปิดลงทำให้ใบหน้าของเธอดูผ่อนคลายขึ้น และยิ่งมองแบบนี้ทำให้เธอดูน่ารักมากยิ่งขึ้น

    เหลือเชื่อเลยว่าไอ้ที่อยู่ตรงหน้านี่มันยมทูต ดูยังไงก็เหมือนเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ผมคิด

    ผมเลื่อนสายตามองบนใบหน้าของเธอไปเรื่อยๆ ราวกับว่าผมกำลังมองดูสิ่งที่สวยงามมากที่สุดที่ผมเคยเห็น และนี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยที่ผมได้มองผู้หญิงใกล้ขนาดนี้ นอกจากแม่ของตัวเอง

    ดูๆ ไปก็น่ารักดีนะเนี่ย ผมคิดแอบเคลิ้มเล็กน้อย ใบหน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นผมรีบส่ายหัวทันที

    บ้าหน่า อย่าไปหลงเธอสิ เธอคือคนที่จะมาเอาชีวิตนายนะ ไอ้ริว ผมคิด ใช่แล้ว เธอคือยมทูต คือผู้นำดวงวิญญาณไปโลกความตายนะ

    แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดหรือวางแผนทำอะไรต่อ ปรากฎว่าเสื้อของผมที่เธอใส่นั้นค่อยๆ หลุดออกมาจากหัวไหล่เรื่อยๆ เมื่อเธอขยับตัวเล็กน้อย ทำให้หัวไหล่ขาวเนียนของเธอเผยออกมาให้ผมเห็น และนั่นทำให้ผมแทบสติแตก

    แว๊กกๆๆๆ จะหลุดแล้ว ผมอ้าปากค้าง แต่แล้วร่างของเธอก็ค่อยๆ เขยื้อนออกมาจากเตียงเล็กน้อย

    ตุ้บ!

    ร่างของเด็กสาวล้มกระแทกใส่ผมเต็มๆ แต่ด้วยการที่เธอมีร่างที่เล็กและนํ้าหนักที่เบาอยู่ ทำให้ผมรู้สึกไม่เจ็บเท่าไหร่ อย่างมากก็คือตรงแขนที่ซํ้าเพราะโดนกระแทกแรงเอาเรื่อง ผมหลับตาแน่นเพราะความเจ็บปวดแล่นเข้าร่างกายของผม และเมื่อผมลืมตาขึ้น ปรากฎว่าผมเผลอจ้องมองดูตรงตำแหน่งหัวไหล่ของเธอโดยไม่ตั้งใจ แถมเสื้อของเธอนั้นก็หลุดออกจนเห็นข้างในเกือบตรงคอแล้ว

    เจ็บแฮะ แค่ตัวเบาเหมือนกันวุ้ย ผมคิด แต่ผมก็ต้องเริ่มหน้าซีด เพราะว่าตอนนี้เธอตื่นแล้ว แถมนัยน์ตาสีแดงของเธอก็มองผมด้วยความโมโหและเจ็บแค้นสุดขีด

    "เจ้านะเจ้า" เธอเอ่ยเสียงสั่นออกมา

    "ค้าบ" ผมตอบรับเธอด้วยความเสียวสันหลังเล็กน้อย

    "เจ้าแอบทำอะไรข้าย่ะ" เธอตวาดออกมาดังลั่น

    "ไม่ได้ทำอะไรเล้ย" ผมรีบแก้ตัวออกไปตามความจริง

    "ไม่ได้ทำอะไรข้าแล้วข้ามา นะนะนะ นอน กับ จะจะ เจ้าได้ยังไงเล่า"

    "ก็เธอกลิ้งลงมาทับเองนะ"

    "ไอ้โกหก!"

    เธอรีบใช้มือของเธอดันที่หน้าอกของผมเพื่อยันตัวเองขึ้นมานั่ง หางปีศาจของเธอชี้ตั้งเด่แต่แล้วเสื้อของผมนั้นก็หลุดออกมาเรื่อยๆ จนเกือบเผยให้เห็นหน้าอกของเธอแล้ว และเมื่อเด็กสาวรู้ตัวดังนั้น เธอหน้าแดงขึ้นมาทันที หางของเธอลู่ลงอย่างรวดเร็ว

    "กรี๊ดดด! อย่ามองนะ"

    เธอตะโกนออกมาดังลั่นด้วยความอับอาย และรีบถอยหลังออกไปจากตัวของผมจนหลังชนตู้เสื้อผ้า และรีบเอามือดึงเสื้อของผมสวมหัวไหล่ทันที หน้าของเธอแดงขึ้นเรื่อยๆ มือของเธอทั้งสองข้างรีบจับคอชุดนอนของผม ราวกับว่ากำลังป้องกันร่างกายตัวเองอย่างเต็มที่ เหมือนๆ กับว่าที่ตาของเธอจะมีนํ้าตาไหลออกมาด้วยเล็กน้อยด้วยนะ ใบหน้าของเธอแสดงท่าทางออกมาราวกับเด็กสาวที่น่าสงสารสุดขีด ซึ่งต่างจากใบหน้าที่ดุร้ายเมื่อกี้ลิบลับ

    "นี่ เคียว" ผมเรียกเธอ

    "อะ อะ อะ อะไรเล่า" เธอถามผมด้วยนํ้าเสียงแผ่วเบาและเอียงอายเล็กน้อย

    ผมลุกขึ้นนั่งขัดสมาธแล้วก็มองดูเธอ

    "นี่เธอ... มีหน้าอกกับเขาด้วยเหรอ" ผมถามด้วยนํ้าเสียงชวนสงสัยไร้เดียงสา

    ผวั๊ะ!!

    "โอ้ย เจ็บนะโว้ย หยิบถังขยะขว้างใส่มาทำไมเนี่ย"

    "ไอ้ลามก ไอ้บ้ากาม ไอ้โรคจิต"

    "เดี๋ยวๆๆๆ อย่ายกเก้าอี้นะ"

    ย๊ากกกก!!"

    เหวอออออ!!"

    โครมมม!!

    ไม่ต้องบรรยายมากคิดว่าคงนีกภาพกันออกนะครับ ผมรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนของผมอย่างรวดเร็ว แล้วรีบปิดประตูทันที และเมื่อผมปิดประตูเสร็จ ปรากฎว่ามีเสียงดังลั่นพร้อมกับบานประตูสั่น พร้อมกับเสียงวัตถุขนาดใหญ่ตกกระทบพื้นห้องนอนผม ผมอ้าปากหอบหายใจ และค่อยๆ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นและพิงบานประตู ยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผากของผม

    ไหงแรงเยอะขนาดนั้นฟะ มือข้างเดียวยกเก้าอี้เหล็กขึ้นมาได้เนี่ยนะ ผมคิดอย่างตกตะลึง แล้วที่สำคัญ ทำไมต้องคิดมาทำร้ายเราด้วยล่ะ ก็แค่ถามเรื่องหน้าอกเท่านั้นเองนะ


    ---------------------

    ยี่สิบนาทีต่อมา ผมอาบนํ้าและแต่งตัวเสร็จผมก็ได้มาอยู่ในห้องครัวทันที พอดีว่าผมตากเสื้อนักเรียนเอาไว้ที่ระเบียงพอดี ก็เลยหยิบมาเปลี่ยนชุดโดยไม่ต้องเสี่ยงเข้าไปในห้องนอนของผมขณะนี้นั่นเอง

    ผมกำลังทำอาหารเช้า นั่นก็คืออาหารเช้าแบบอเมริกันง่ายๆ ไข่ดาว ไส้กรอกและขนมปังปิ้ง เพราะทำได้ไวและสะดวกดี ผมวางจานอาหารเช้าบนโต๊ะพร้อมรินนํ้าส้มใส่แก้วเสร็จพอดี เคียวก็เดินมาที่ห้องครัว

    เธอเปลี่ยนชุดไปเป็นชุดยมทูตเหมือนเมื่อคืน ใบหน้าของเธอบ่งบอกได้เลยว่าเธอไม่พอใจสุดขีด แต่ไม่พอใจเหมือนเด็กตัวเล็กๆ ทำหน้างอนมากกว่า เพราะเธอเล่นทำแก้มป่องซะอย่างนั้น แต่ดูไปก็น่ารักอยู่ดีวุ้ย

    "ชุดแห้งแล้วเหรอ" ผมถามเธอ

    "ไอ้โรคจิต" เธอด่าใส่ผมอีกครั้ง

    "เอ้า ยังไม่หายโกรธอีกเหรอนั่น" ผมยกมือเกาหัว

    "ไม่ นี่เจ้าไม่รู้เลยเหรอว่าสำหรับผู้หญิงนะ เจ้าไม่ควรถามนะ" เธอว่ากล่าวราวกับกำลังสั่งสอนผม

    "ผู้หญิงที่ไหน เธอเป็นยมทูตไม่ใช่เหรอ" ผมชี้ไปที่เธอ

    "อยากตายใช่ไหม" เธอยกเคียวเหนือหัวของเธอ ซึ่งผมไม่รู้ด้วยว่าเธอไปเอามาจากไหน

    "ไม่มีอะไรค้าบ" ผมรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

    "ยังไงก็ช่าง เจ้าก็ไม่ควรถามอยู่ดี" เธอมองไปทางอื่นด้วยสายตาที่ไม่พอใจ

    "ทำไมล่ะ ทีกับแม่ฉัน ฉันยังถามได้เลย แม่ฉันก็เป็นผู้หญิง" ผมตอบตามความจริง

    "ไอ้บ้า! ไอ้อย่างนั้นมันถามได้ย่ะ" เธอโวย

    "แล้วมันต่างกันยังไงเหรอ" ผมถามเธอด้วยความสงสัยอีกครั้ง

    "ข้าอยากจะบ้าตาย บื้อไอ้อีกนะเจ้าเนี่ย" เธอทำหน้าเบื่อหน่าย

    "ช่างเรื่องไร้สาระนั่นเถอะ มากินข้าวเช้าก่อน ฉันไม่รู้นะว่ายมทูตของเธอจะมีวันหิวไหม แต่ก็ทำเผื่อให้แล้ว" ผมหันหลังกลับแล้วก็นั่งลงบนโต๊ะอาหาร

    ยมทูตสาววางเคียวลงข้างๆ พร้อมกับพ่นลมออกมาจากจมูก

    อีตาบ้า เธอคิด ก่อนที่จะเดินมานั่งที่โต๊ะด้วยความไม่เต็มใจนัก

    ผมลงมือทานอาหารโดยไม่รอให้เธอกินก่อน เหตุผลไม่ใช่เพราะผมไร้มรรยาทอะไรหรอกนะ แต่เพราะว่าอีกครึ่งชั่วโมงจากนี้ผมต้องรีบไปโรงเรียนยังไงหละ ปกติผมจะใช้เวลากินข้าวราวๆ ห้านาทีก็หมดแล้ว ถ้าอาหารนั้นเป็นของที่กินง่ายๆ แต่มันมียมทูตโผล่มาอีกคน ผมอาจต้องเสียเวลาอะไรอีกก็ได้ เลยรีบกินก่อน

    ผมก็เป็นแบบนี้แหละครับ เป็นคนชอบจัดตารางเวลาในใจเอาไว้เสมอ เช่น ผมต้องกินข้าวให้ได้ห้านาที ต้องเดินไปป้ายรถเมล์สิบนาที ใช้เวลาไปโรงเรียนอีกสิบห้านาทีอะไรทำนองนี้ จะหาว่าผมเป็นพวกเคร่งเครียดในชีวิตก็ได้นะ แต่หลังจากที่ผมใช้ชีวิตตัวคนเดียวก็กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้วนะครับ

    เคียวมองดูอาหารในจานของผมที่เตรียมไว้ให้เธอ หางปีศาจของเธอแกว่งไปมาราวกับว่าเธอกำลังตื่นเต้นกับอาหารที่อยู่บนจาน ผมกำลังเคี้ยวไส้กรอกอยู่พอดี เลยเงยหน้าขึ้นมองดูเธอและก็เพิ่งสังเกตเห็นอาการแบบนี้

    "มองอะไรหละ เดี๋ยวอาหารก็เย็นกันพอดี" ผมบอกเธอ

    "นี่.. เรียกว่าอาหารหรอกเหรอ" เธอถามผม

    "ก็ใช่ดิ" ผมตอบ

    "ว้าว" เธอพึมพำออกมา สีหน้าของเธอนั้นมองดูเหมือนกับว่าเธอกำลังมองดูอาหารที่หรูหราที่สุดในชีวิตของเธอ ซึ่งเหมือนกับเด็กที่เพิ่งเห็นอาหารเช้าแบบอเมริกันครั้งแรกเลยแฮะ

    เธอรีบนั่งลงอย่างกระตือรือร้น แล้วก็หยิบส้อมด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ แล้วค่อยๆ จิ้มลงบนไส้กรอกอย่างระมัดระวัง ราวกับว่าต้องการให้ปลายส้อมทั้งสามอันนั้นจิ้มลงบนไส้กรอกให้มิดไปเลย แล้วจากนั้นเธอก็ยกมันขึ้นมาดูในระดับสายตา เอียงมันดูอีกฝั่งหนึ่งของไส้กรอก แล้วก็เอียงดูอีกด้านของมัน ก่อนที่จะยกมันเข้ามาใกล้ๆ กับดมกลิ่นของไส้กรอกนั้น และก็ค่อยๆ เอาลิ้นเลียที่ขอบไส้กรอกอย่างระมัดระวัง

    จะกินได้ยังฟะเนี่ย ผมคิดโดยที่อดรำคาญไม่ได้

    และเมื่อเธอเริ่มค่อยๆ กัดไส้กรอก นัยน์ตาของเธอเบิ่งโตอย่างตื่นเต้น เธอรีบกัดคำต่อไปและเคี้ยวอย่างรวดเร็วทันที

    อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ แค่ไส้กรอกถูกๆ เนี่ยนะ ผมคิด เพราะว่าไส้กรอกที่ผมซื้อมานั้นก็เป็นไส้กรอกถูกๆ จริงๆ ผมไม่อยากซื้อไส้กรอกแพงๆ มากิน จะถูกหรือแพงยังไงก็อิ่มเหมือนกันนะแหละ

    และเมื่อเธอเขมือบไปจนหมดจานอย่างรวดเร็ว สายตาของเธอเผลอสบตากับผมโดยบังเอิญ เธอรีบเบือนหน้าหนีผมไปทันที

    "อยะ อย่าเข้าใจผิดนะย่ะ ข้า ข้าไม่ได้บอกว่าอาหารของเจ้าอร่อยสุดๆ ซะหน่อย อย่าได้ใจไปหน่อยเลยยะ" เธอรีบทำหน้าบึ้งทันที

    ไม่ได้ถามให้บอกเล้ย ผมคิด แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยละนั่น

    "งั้นก็ดีแล้ว มีมามี่อยู่ในตู้นะ อยากทำก็หยิบมาทำเองเลยนะ" ผมลุกขึ้นหลังจากที่กินเสร็จ แล้วก็เอาจานไปแล้ว

    "แล้วเจ้าจะไม่อยู่ที่นี่เหรอ" ยมทูตสาวถามอย่างสงสัย

    "จะอยู่ได้ไงเล่า ฉันต้องไปโรงเรียนนะ" ผมบอก

    "โรงเรียน..." เธอเอียงคอถามผมอย่างไร้เดียงสา

    "อะไรกันเนี่ย เป็นยมทูตแท้ๆ รับวิญญาณมาน่าจะเยอะ ไม่รู้จักสถานที่บนโลกเลยเหรอ" ผมถามตรงๆ กับเธอ

    แต่ผมไม่ได้ยินเสียงเธอตอบ แต่เหมือนได้ยินเธอพึมพำออกมาเบาๆ ว่า ครั้งแรก อะไรเนี่ยแหละ ช่างเถอะ อย่าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนี้เลย จะตายโดยไม่รู้ตัว

    "งั้นฉันไปโรงเรียนละนะ" ผมบอกกับเธอแล้วก็คว้ากระเป๋านักเรียนที่ผมวางเอาไว้ล่วงหน้าแล้วก็ไปทันที พร้อมกับล็อคประตูบ้านเรียบร้อย โดยปล่อยให้เด็กสาวอยู่คนเดียวในบ้าน

    อะไรกันย่ะ อีตาบ้า ทิ้งข้าไว้ที่นี่คนเดียวเลยอย่างนั้นเหรอ เธอคิดอย่างน้อยใจ

    จากนั้นเมื่อทุกอย่างในบ้านเงียบสงบลง เธอเริ่มมองไปรอบๆ อย่างสนอกสนใจ

    ไส้กรอก ไส้กรอก ไส้กรอก ไส้กรอก เธอคิดพร้อมกับรีบเดินหารอบๆ อย่างรวดเร็ว

    -------------------------

    ผมไปถึงโรงเรียนทันเวลาที่เขาเข้าแถมเคารพธงชาติพอดี ซึ่งตามกำหนดเวลาที่ผมวางแผนเอาไว้เป๊ะ และหลังจากที่เข้าแถวเคารพธงชาติเรียบร้อยแล้ว ผมเดินขึ้นไปบนห้องเรียนประจำทันที เพื่อที่จะโฮมรูมก่อนที่จะเข้าเรียนวันนี้

    "ไงเพื่อน ยังไม่ตายอีกเหรอวะ" อาร์ม เพื่อนของผมทักทายผมเป็นคนแรกหลังจากที่ผมวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้แล้ว เนื่องจากตำแหน่งที่เข้าแถวตอนเคารพธงชาตินั้นอยู่คนละฟาก ทำให้ผมกับเขาไม่ได้ทักทายกันนั่นเอง

    "แค่เกือบๆ นะ" ผมตอบตามความจริง

    "เดี๋ยวนี้รู้จักประชดตูแล้วเหรอไอ้เพื่อนเกลอ" อาร์มเดินเข้ามาแล้วขยี้หัวผมเล่น

    "ช่างฉันเถอะหน่า" ผมยกมือปัดมือของเขาออก

    "ว่ายังไงนะ ริวคุงเกือบตายเลยเหรอ"

    เสียงของเพื่อนสาวสมัยเด็กของผมดังจนเกือบลั่นไปทั้งห้อง ผมเอามือปิดหน้าตัวเองพร้อมกับส่ายหัวด้วยความเหนื่อยหน่าย

    นี่ทำอะไรไม่เคยคิดที่จะอายชาวบ้านเขาบ้างเลยใช่ไหมเนี่ย ผมคิดเมื่อมองดูเธอลอดผ่านระหว่างนิ้วของมือผม

    เอริรีบเข้ามาหาผมอย่างร้อนรน ก่อนที่จะวิ่งเข้ามาจนแทบจะชนผมให้ได้

    "ไหนๆ ริวคุง รีบเล่าให้เอริฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น" เด็กสาวผมหางม้าถามผมจนไม่รู้คิดเองไหมว่าเหมือนนํ้าตาเธอจะคลอออกมาเล็กน้อยด้วย

    "ไม่มีอะไรหรอกหน่า" ผมโกหกเธอ ขืนผมบอกว่ามียมทูตมานอนค้างบ้านผมด้วย มีหวังเธอคงได้สติแตกก่อนแน่ๆ

    "แง้ ริวคุง ใจร้ายอ่า" เธอทำท่างอนใส่ผม

    "ฉันไม่เป็นไรหรอกหน่า เอริ แล้วก็เลิกตัวเป็นเด็กๆ ซักทีจะได้ไหม โตได้แล้วหน่า" ผมเตือนเธอด้วยความหวังดี

    แต่เด็กสาวกลับแสดงปฏิกิริยาที่ตรงกันข้ามอย่างที่ผมคิดเอาไว้ เธอไม่ได้ทำหน้าสำนึกผิด แต่เธอทำแก้มป่องเหมือนไม่พอใจอะไรผมสักอย่าง ถึงจะดูน่ารักก็เถอะ แต่ควรจะโตได้แล้วนะนั่น

    "นี่ ไอ้ริว ขอคุยอะไรหน่อยเด๊ะ" อาร์มยกแขนพาดหลังคอผมก่อนที่จะลากให้ผมเข้าไปใกล้ๆ เขา "ทำไมแกทำตัวเย็นชาแบบนี้ว่ะ"

    "เย็นชาอะไร ฉันก็อยากเตือนเธอหน่อยนะ ไม่เห็นเหรอ เอริเล่นทำตัวแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เจอฉันเลยนะ ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนา" ผมบอก

    อาร์มถอนหายใจออกมาราวกับว่าผิดหวังอะไรสักอย่างมาก

    "ไอ้ริว แกอุตส่าห์มีสาวๆ เป็นห่วงเป็นใยแกขนาดนี้ยังไม่แคร์เธออีกเหรอไง" เขาถามผม

    "สาวอะไร เอริเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันนิ" ผมตอบตามที่ผมคิด

    "แกทำยังกับแกกำลังจะเป็นพระเอกในการ์ตูนฮาเร็มเลยนะแก" อาร์มส่ายหัว

    "ฮาเร็ม...อะไรเหรอ" ผมถามเขา

    "เอาหละ เด็กๆ นั่งที่ได้แล้ว"

    เสียงอาจารย์ประจำห้องของผมพูดขึ้น ทำให้อาร์มปล่อยผมให้เป็นอิสระ ก่อนที่จะเดินไปหาเอริ เหมือนกับว่าเขาจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ ซึ่งเด็กสาวมองผมด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินไปนั่งที่ตัวเอง

    ผมมองดูเอริเพื่อนสมัยเด็กของผม เธอเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็กๆ ทำตัวเหมือนเด็กประถมตลอด จนกระทั่งขึ้น ป.ห้า แล้วก็ย้ายโรงเรียนไป พอมาเจอกันอีกที ม.สี่ ก็ยังทำตัวแบบนี้อีก จริงๆ โตแล้วน่าจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ได้แล้วนะ

    "ก่อนที่เราจะเริ่มโฮมรูม ครูมีเพื่อนใหม่อยากแนะนำให้เรารู้จักนะ" อาจารย์ประจำชั้นบอก ทั้งห้องเริ่มซุบซิบกันทันที เพราะเรียนกันมาจนจะครึ่งเทอมแล้ว ไม่น่าที่จะมีนักเรียนย้ายมาใหม่ ผมก้มลงไปหยิบปากกาในกระเป๋าขึ้นมาเสียบเอาไว้กับกระเป๋าเสื้อนักเรียนโดยไม่ได้สนใจอะไรนัก

    และเมื่อมีคนเดินเข้ามาในห้อง เล่นทำเอาทั่วทั้งห้องมองดูนักเรียนใหม่ด้วยความตกตะลึง เสียงซุบซิบนั้นก็เงียบลงในทันที และเมื่อผมเงยหน้ามองบ้าง เล่นทำเอาผมแทบช็อก

    เพราะว่านักเรียนใหม่ที่ยืนอยู่หน้าห้องนี้นั้น กลับเป็นเคียว ยมทูตสาวที่เตรียมมาเอาวิญญาณของผมนั่นเอง แถมยังอยู่ในชุดนักเรียนหญิงของโรงเรียนผมซะเรียบร้อย และยังมัดผมทรงทวิลเทลอีกอีกต่างหาก

    "เธอชื่อว่าเคียวนะ เธอเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน จะมาเรียนอยู่กับเราเดือนนึง" อาจารย์แนะนำ "เอาหละหนูเคียว แนะนำตัวกับเพื่อนๆ หน่อยซิ"

    อะ อะ อะ ผมถึงกับขนาดจะคิดยังต้องติดอ่างเลยด้วยความตกตะลึง

    เคียวยิ้มให้กับทุกคนในห้อง ก่อนที่จะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม

    "สวัสดีค่ะ ชื่อเคียวนะค่ะ อาจจะไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่นัก แต่ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ" เธอพูดด้วยนํ้าเสียงไพเราะเพราะพริ้ง ราวกับเป็นนางเอกสาวจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อดังอย่างไรอย่างนั้นเลย แถมจะบอกว่านํ้าเสียงและวิธีการพูดของเธอนั้นมันผิดกับที่อยู่กับผมที่บ้านอย่างลิบลับอีกต่างหาก

    "น่ารักวะสาด"

    "ดอกไม้งามมาประดับอีกดอกแย้ว"

    "น่ารักจังเลยอ่ะ ดูผมของเธอซี่"

    เสียงชื่มชมของเธอดังไปทั่วห้องของผม ไม่เว้นแม้แต่นักเรียนหญิงที่ยังชื่นชมเธอ

    อะ อะไรว่ะเนี่ย ผมคิดด้วยความตกตะลึง และสำคัญ ยมทูตมาเรียนที่โรงเรียนฉันได้ยังง้ายยยยย

    "อาจารย์ค่ะ ขอหนูนั่งข้างๆ คนนั้นได้ไหมค่ะ" เคียวถามอาจารย์ด้วยสายตาใสซื่อ และก็ชี้มาตรงที่นั่งข้างๆ ผมที่ยังว่างอยู่

    และเมื่อเธอพูดจบ ทั้งห้องของผมหันมามองผมกันพรึบ แถมสายตาพวกผู้ชายนั้นมองผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อผมเลยทีเดียว ส่วนเอรินั้นมองดูผมด้วยความตกอกตกใจอย่างที่สุด

    งานเข้าแล้วตรู ผมคิด

    และเมื่ออาจารย์อนุญาติ เธอเดินเข้ามาอย่างสง่างามราวกับลูกผู้ดี แล้วก็มานั่งข้างๆ ผมทันที แต่จะว่าไปก็เพิ่งสังเกตจะว่าปีกและหางปีศาจของเธอหายไปแล้ว

    "เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย แล้วมาเรียนที่นี่ได้ยังไงกัน" ผมรีบยิงคำถามใส่เธออย่างรวดเร็ว

    "อุ้ย สวัสดีค่ะ ยังไงฝากตัวด้วยนะค่ะ" เคียวหลับตายิ้มแย้มตอบผม แต่เมื่อเธอตอบเสร็จ เธอลืมตาขึ้น และนัยน์ตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ก่อนที่จะทำหน้าประมาณขู่ผมว่า 'ถ้าไม่อยากตาย อยู่เฉยๆ ซะ' อย่างไรอย่างนั้น

    ซึ่งเล่นทำเอาผมหน้าซีดในทันที

    อาร์มรีบเดินมาหาผมอีกข้างหนึ่งในทันที และก็รีบกอดคอผมกระซิบอย่างรวดเร็ว

    "สงสัยนายคงได้เป็นพระเอกฮาเร็มจริงๆ ซะแล้วว่ะ" อาร์มบอกผมด้วยความหมั่นไส้ "แล้วทำไมต้องเป็นแกด้วยวะ"

    "..." ที่รู้ๆ ผมพูดไม่ออก

    และเมื่ออาร์มเดินกลับไปนั่งที่ตัวเองแล้ว เด็กสาวเคียวหยิบหนังสือเรียนที่ผมเองยังไม่รู้เลยว่าเธอเอามาจากไหนขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ พร้อมกับมองหน้าผมและยิ้มด้วยใบหน้าที่สดใส

    ยัยปีศาจเอ้ย ผมคิดด้วยอาการเสียวสันหลัง






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×