คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ตอนพิเศษ - เที่ยวตะลุยเหนือ อีสาน ตอนสิบหก : ภูเรือ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น ผมนอนสลึมสะลือ ตายิงปิดอยู่ หือ เสียงอะไรละนั่น กวนใจจริงๆ คนจะนอน งึมงำๆ
"สาวๆ ตื่นได้แล้ว" เสียงของหัวหน้าห้องดังขึ้น "เช้าแล้วครับ มาดูวิวสวยๆกันเร็ว"
"เช้าแล้วเหรอ" ผมพึมพำออกมา และเมื่อผมรู้สึกตัวขึ้นเรื่อยๆ รอบกายผมอุ่นมาก เพราะเมื่อคืนหลังจากที่จับจองที่นอนกันแล้ว และหลังจากที่อาบนํ้ากันเสร็จ (งวดนี้เป็นนํ้าอุ่น) ผมก็ขดตัวกับผ้านวมของรีสอร์ทแล้วก็ไม่รู้สึกตัวอะไรอีกเลย ผมขยับตัวไปมาเพื่อบิดตัว แต่กลับชนกับอะไรบางอย่างที่ทั้งนุ่ม ทั้งนิ่ม ทั้งอุ่น แถมเมื่อผมรู้สึกตัวขึ้นเรื่อยๆ ปรากฎว่าผมรู้สึกเหมือนโดนกอดโดนรัดยังไงไม่รู้เลยแฮะ ถึงจะอุ่นดีก็เหอะ แต่ก็สงสัยอยู่ว่าเราติดกับอะไร ผมเลยลืมตาขึ้นเพื่อคลายความสงสัย
ใบหน้าของจ๋าอยู่เต็มหน้าของผม เธอยังคงหลับ ใบหน้าของเธอดูสงบและผ่อนคลาย ริมฝีปากของเธอเปิดอ้าเล็กน้อย เปลือกตาของเธอยังไร้ความรู้สึก ไออุ่นๆของเด็กสาวพ่นออกมาโดนหน้าของผมบ้าง เส้นผมของเธอยุ่งเหยิงและยาวออกมาทับกับเส้นผมของผมบ้าง มือของเธอก้าวก่ายเข้ามากอดร่างของผมเสียราวกับว่าผมเป็นหมอนข้างของเธอ ใบหน้าของเธอใกล้มากจนถ้าผมดันหน้าไปใกล้กว่านี้ก็จูบกันได้แล้ว ผมเหม่อมองหน้าเธอราวกับผมกำลังมองนางเอกสาว MV และ AV กำลังนอนหลับอยู่อย่างน่ารัก แต่เมื่อผมรู้ตัว ผมระงับอาการตกใจเอาไว้ แล้วก็ใช้มือตนเองพยายามดันมือของเธอออก แต่ปรากฎว่าดันมีมือนุ่มๆอุ่นๆมาคว้าที่ตัวของผมฝั่งขวาอีก และเมื่อผมหันไปมอง ก็คือฟ้านั่นเองที่เธอคว้ามือมานอนกอดผมเอาไว้
หน้าของฟ้าเองก็อยู่ใกล้ผมมาก เธอเองดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องเลยว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ ใบหน้าของเธอปราศจากคราบนํ้าลาย ทำให้เธอดูน่ารักเอามากๆ
ผมนอนหงายมองเพดานในบ้านพัก ฝั่งซ้ายก็มีจ๋านอนกอด ฝั่งขวาก็มีฟ้านอนกอด แถมลมหายใจอุ่นๆ ทั้งคู่ก็ดันหายใจรดต้นคอผมอีก อ๊ากกก มันชวนสยิวนะเว้ย
"ชาย" ฟ้าพึมพำออกมาแล้วก็เริ่มกอดรัดแน่นขึ้น อ๊ากกก เธอเป็นงูไงยะ "ฟ้า ฟ้าชอบชายนะ"
แล้วมาบอกอะไรฉัน ไปบอกชายเองเด้ ผมพยายามดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการของสองสาวนี้ ไอ้ฟ้าชอบชายจริงๆด้วย อ๊ากกก ปล่อยฉ๊านนนน
"ชายจ๋า" เสียงของฟ้าพึมพำออกมา "ฟ้ารักชายนะ"
"มิ้น" เสียงของจ๋าก็ดังขึ้นแล้วก็กอดผมแน่นขึ้น "มิ้นจ๋า"
"ชายจ๋า" ฟ้าก็เอ่ยออกมาอีกคน
แล้วไม่รู้อะไรดลใจ ทั้งสองสาวทั้งคู่ก็พร้อมใจกันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม แล้วก็ประทับริมฝีปากของทั้งคู่ไว้ที่แก้มของผมพร้อมกัน ผมรู้สึกถึงปากที่อุ่นของทั้งคู่สัมผัสกับแก้มของผม มันทั้งแผ่วบางและนุ่มนวลเพราะทั้งคู่แต่ปากมาชนกับแก้มผมเฉยๆ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้อุณหภูมิของใบหน้าของผมร้อนผ่าวไปทั้งหน้าได้ไม่ยาก ผมอ้าปากค้างเมื่อรู้ ตอนนี้ในใจของผมไม่รู้คิดเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนแล้ว อ๊ากกก ม่ายยยยยย
"หือ" จ๋าลืมตาขึ้นแล้วก็มองภาพที่อยู่ตรงหน้าของเธอ แล้วเธอก็ต้องตกใจและรีบคลายจากการกอดผมแล้วก็รีบลุกขึ้นหนีทันที
"ขะ ขอโทษนะมิ้น" จ๋ารีบพึมพำขอโทษผมเป็นการใหญ่ "คะ คือ เรานอนกอดตุ๊กตา...."
"เป็นประจำใช่ไหม" ผมถอนหายใจออกมาแล้วพยายามระงับอาการเขินอายออก "เธอบอกฉันตั้งแต่อยู่ที่เกาะกูดละ"
"หระ เหรอคะ" จ๋าก้มหน้าแล้วก็หน้าแดงออกมาด้วยความอาย
"แล้วเธออีกคนจะกอดฉันอีกนานไหมเนี่ย" ผมถามที่เริ่มสะลืมสะลือตื่นขึ้นมาบ้างแล้ว เธอรีบมองผมด้วยความตกใจแล้วก็รีบถอยออกมาในทันทีเหมือนกับจ๋า
"โทษทีนะมิ้น" ฟ้าก็รีบบอกขอโทษผมเหมือนกัน "เราเองก็นอนกอดตุ๊กตาเหมือนกันอะ"
"เอ้อๆ ช่างเหอะ" ผมส่ายหัวแล้วก็รีบลุกขึ้น พลางเอามือถูแก้มทั้งสองข้างที่โดนสองสาวนั่นเอาปากมาชนเข้า จ๋ามองที่แก้มของผมแล้วก็เอามือแตะปากของเธอเอง จากนั้นเธอก็หน้าแดงขึ้นมาปรู๊ดปร๊าด ซึ่งโชคดีที่ผมไม่สังเกตเห็น
"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ มิ้น" ฝนทักผม เธออยู่ในชุดเสื้อกันหนาว หน้าของเธอเป็นสีชมพูระเรื่อเพราะลมหนาวนั่นเอง พวกเรามาเจอลมหนาวกันบ่อยเลยทำให้มีสีที่ใบหน้ากันแทบทุกคน และซาระก็อยู่ข้างหลัง เธอกำลังเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้า ผมเดาว่าเธอคงเอาผ้าขนหนูไปจุ่มนํ้าแล้วก็บีบนํ้าหมาดๆมาเช็ดหน้าแน่ๆ และข้างหลัง แมวกำลังเอาอะไรก็ไม่รู้ทาปาก เหอๆ จะรักสวยรักงามไปถึงไหนพวกนี้
"เมื่อกี้เห็นอะไรรึเปล่าฝน" ฟ้ารีบถามฝนอย่างลุกลี้ลุกลน
"อ๋อเปล่าเลย" ฝนมองที่ฟ้าอย่างเจ้าเล่ห์ "เปล่า ไม่เห็นหรอก ไม่เห็นตอนที่ฟ้าละเมอเรียกชื่อชายแล้วก็จุ๊บแก้มที่มิ้นจังหรอก"
"ว้าย" ฟ้าหน้าแดงขึ้นฉับพลันราวกับมีคนเปิดสวิตซ์ให้เธอเปลี่ยนสีหน้าทันที
หา นี่ฝนเองก็เห็นเราโดนจ๋ากับฟ้าจุ๊บอย่างนั้นเรอะ ผมเผลอตัวเอามือตัวเองปิดที่แก้มฝั่งที่โดนฟ้าเอาปากมาชนทันที ซาระหัวเราะฮิฮิเมื่อเห็นผมทำอาการดังนั้น
"แหม๋ ฟ้า" ฝนลากเสียงยาวจนผมรู้สึกขนลุก "ชอบชายก็ไปบอกเขาตรงๆสิจ๊ะ"
"มะ ไม่ดีกว่ามั้ง" ฟ้าหน้าแดงขึ้นเมื่อเธอได้ยินคำว่าชายเเข้าเต็มสองรูหูของเธอ "พะ พูดอะไรก็ไม่รู้อะฝน"
"เอาเถอะ ระหว่างชายจะโดนคาบไปซะก่อนนะจ๊ะ" ฝนล้อเลียนฟ้าต่อ "ผู้ชายเดี๋ยวนี้ยิ่งหายากๆอยู่นะ"
นี่ คุณเธอ ผมคิดในใจ คนนะไม่ใช่กระดูก จะได้คาบไปมาได้
"พวกเราเตรียมตัวจะไปกินอาหารเช้ากันนะจ๊ะ" แมวบอก เมื่อเธอหันกลับมาผมก็พบว่าหน้าของเธอสวยเปร่งปรั่งราวกับคนละคนเลยทีเดียว เหมือนกับว่าหน้าของเธอเนียนขาวสวยขึ้นเยอะ "เมื่อตื่นกันแล้วก็ไปล้างหน้าแปรงฟันกันนะ แล้วเดี๋ยวพวกเราจะรอจ๊ะ"
"อืม" ผมพยักหน้าแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องนอน โดยที่ฟ้ากับจ๋าเองก็เดินตามมาติดๆ จ๋าเองท่าทางเธอจะโล่งใจมากที่ฝนไม่ล้อเลียนเธอเหมือนฟ้า
บ้านพักของพวกเรานั้นจะมี 2 ห้อง นั่นก็คือห้องนอนกับห้องนํ้า เราจะนอนเตียงขนาดใหญ่ซึ่งนอนได้ 7 - 8 คนเลยทีเดียว แน่นอนว่าผมนอนตรงกลางเหมือนตอนที่ไปเกาะกูดไม่มีผิด (เลยโดนจ๋ากับฟ้าทำแบบนี้ไง เหอๆ) โดยห้องนํ้าจะมีเครื่องทำนํ้าอุ่นให้พร้อม ภายในบ้านพักนั้นจะทำด้วยไม้ ทำให้มองแล้วสบายตา พื้นห้องพักเย็นเฉียบราวกับแช่เย็น โชคดีที่มีพื้นพรมปูเอาไว้ทำให้พวกเราอุ่นเท้ากันเยอะ ผมกับอีกสองสาวใช้เวลาในการล้างหน้าและแปรงฟันไม่นานก็เดินออกไปสมทบกับคนอื่นๆเพื่อออกไปนอกบ้านพัก
"อรุณสวัสดิ สาวๆ" หัวหน้าห้องทักทายพวกผมเมื่อพวกเราเดินออกมานอกบ้านพักกัน ทำให้พวกผมตะลึงในความงามของรีสอร์ทในเชิงเขาตอนเช้า
ราวกับว่าหมอกในตอนเช้ากำลังค่อยๆจางและสลายหายในในอากาศ พระอาทิตย์สาดส่องแสงสว่างมาให้พวกเราเห็นบรรยากาศตอนเช้า สวนดอกไม้เมืองหนาวที่ทางรีสอร์มปลูกเอาไว้ประดับเอาไว้อย่างสวยสดงดงามและมีหลากสี พื้นสนามหญ้าที่ผมทุ่มต้าไปเมื่อคืนนั้นตัดเรียบเนียนจนน่าไปนอนเล่น บ้านบังกะโลแต่ละหลังนั้นทำให้ผมนึกถึงบ้านพักทรงยุโรปในแถบประเทศที่มีหิมะตก อากาศเย็นพัดเข้าสู่ปอดพวกผม ผมสูดหายใจนำกลิ่นบรรยากาศยามเช้าเข้าเต็มปอด พร้อมกับซุกมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ถึงลมจะหนาวแต่ผมก็ชื่นชอบ บนราวระเบียงและต้นไม้ดอกข้างๆบ้านพักนั้นผมมองเห็นหยดนํ้าค้างชัดเจน เสียงนกร้องต้อนรับบรรยากาศยามอาทิตย์อัสดงเพราะเสนาะหู ผมมองไปรอบๆราวกับว่าผมเป็นเจ้าของที่นี่ได้ก็คงดี
"ตื่นแล้วเหรอมิ้น" ชายเดินมาพร้อมกับปอกับปลาที่ดูเหมือนปอจะตื่นก่อนพวกเรา พวกเขาใส่เสื้อกันหนาวกัน มีไม่กี่คนที่ใส่หมวก แน่นอนว่าปอกับปลาเองก็ไม่ได้ใส่
"เป็นไงบ้างชาย" ต้าเดินมาทักทายเขา "พาพี่น้องแฝดคนนี้ไปเดินเล่นมาเหรอ"
"อืม ไปเดินเล่นออกกำลังกายตอนเช้านะ" ชายตอบพลางเหวี่ยงแขนไปมารอบๆ "อยู่ที่เมืองหลวง หาอากาศดีๆแบบนี้ยากนะ"
"นั่นสิ" ซาระเอ่ยขึ้นมาบ้าง "ขนาดบ้านของซาระทั้งในไทยและในญี่ปุ่น ยังไม่สดชื่นเท่าที่นี่เลย"
โหย มีบ้านอยู่ในญี่ปุ่นด้วยเรอะ ผมคิดในใจอย่างตะลึง อิจฉาจังเลยวุ้ย อยากไปเหยียบเหมือนนอกมั่งงะ
"เอาหละ" หัวหน้าห้องบอก "เราไปกินอาหารเช้ากันเถอะ วันนี้เรามีโปรแกรมขึ้นไปเที่ยวภูเรือด้วยนะ"
"อืม" แมวพยักหน้า แล้วพวกเราก็เดินตามชายไป ยกเว้นเทรนที่ยืนมองปอเสียจนตาค้าง
"อ้าว เทรน ไม่ไปเรอะ" แมนถามเขา ซึ่งทำให้เจ้าตัวสะดุ้ง แล้วก็รีบวิ่งตามไปทันที
พฤติกรรมทั้งหมดของเทรนนั้น ปอไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย แต่ตรงกันข้าม ปลากลับจับจุดสังเกตนี้ได้ตลอด และเฝ้าจับตามองดูเทรน
พวกเราเดินตามชายไปที่ล็อบบี้ของรีสอร์ทเพื่อไปทานอาหารเช้า และเมื่อซาระกับหัวหน้าห้องให้ตั๋วอาหารเช้าและพวกเราก็เข้าไปในร้านอาหารแล้ว ผมมองดูตรงที่เขาจัดอาหารอย่างแปลกใจ อาหารเช้าของรีสอร์ทนั้นเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มีถาดใส่อาหารขนาดใหญ่วางเรียงกัน โดยมีไข่ดาว ไข่คน ไส้กรอกแบบต่างๆ แฮมชิ้นใหญ่ เบคอน วางเรียงกันอยู่มุมหนึ่ง อีกมุมนึงก็เป็นข้าวผัด ข้าวสวย มีกับข้าวหลายอย่าง เรียกได้ว่า ไม่อั้นเลยทีเดียว ผมไม่รอช้า หยิบจานมาแล้วก็คว้าเอาของดีๆไปกิน แน่นอนว่าไม่พ้นไส้กรอก แฮม และเบคอนชัวร์ และเมื่อถึงโต๊ะ ผมสวาปามอย่างรวดเร็วจนคนอื่นๆมองผมด้วยความแปลกใจ
"อดอยากที่ไหนมาเหรอมิ้น" ฝนล้อผม อาหารของเธอที่ตักมานั้นมีทั้งแบบอเมริกันเฟรชฟัดซ์และข้าวสวยกับดับข้าวธรรมดา แต่จานของผมนั้นมีแต่ไส้กรอก แฮม และเบคอนยัดมาเต็มจานราวกับผมใส่เอามาเผื่อกินอีก 3 - 4 คน
"คือ ของพวกนี้ฉันไม่เคยกินอะ" ผมตอบแล้วก็โช้ยต่อ ถึงจะเคยกินมาแล้วตอนไปเกาะกูดก็ตาม แต่ก็ไม่เคยกินเยอะแบบนี้เลย อร๊าง ของแพงมันอร่อยอย่างนี้นี่เอง มีความสุข
"กินเยอะๆระวังจะอ้วนนะ" ต้าเตือนผมด้วยสีหน้าที่เหมือนเป็นห่วงมาก "โดยเฉพาะเบคอนอะ ไขมันอื้อเลย"
"ไม่สน งํ่าๆๆๆๆๆ" ผมกินเบคอนต่อทันที อาหย่อย
"เวรกรรม แฟนในอนาคตของฉัน" ต้างึมงำออกมาแต่ทว่าฝนได้ยินเขาพูดทุกคำ
"เมื่อกี้ว่าอะไรนะ" ฝนเหล่ตาถามเขา
"ปะ เปล่าๆๆๆๆๆๆ" ต้าพึมพำตอบอย่างร้อนรนจนหูของเขาแดง แมวเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยานี้จนเธอหัวเราะคิกคัก
"ซาระกินจนเบื่อแล้วอะ" ซาระบอก ในจานของเธอมีข้าวกับกับข้าวเต็มจาน "ลุงพ่อบ้านทำให้กินทุกเช้าเลย"
พวกเราทั้งโต๊ะแทบจะพยายามสะกดอาการอิจฉาเอาไว้
"ปอ" เทรนถามสาวน้อยหมาป่า "เอาอะไรบ้างหละ เดี๋ยวฉันไปตักให้"
ผมมองดูปอกับปลาบ้าง ทั้ง 2 คนยังไม่ได้ตักอะไรมากินเลย นั่นเพราะทั้งคู่เองก็ไม่เคยเห็นร้านอาหารแบบนี้มาก่อน ทำให้ทั้งสองคนเอาแต่ยืนมองกันอย่างตะลึง
"คือฉัน...." ปอเริ่มตอบ
"ฉันตักเองดีกว่า" ปลาพูดขัดปอ สายตาของเขามองดูเทรนอย่างไม่ไว้วางใจ
"ไม่เป็นไรหรอกพลอย" เทรนยิ้ม ดูท่าทางเขาจะไม่ใส่ใจสายตาของปลาเลย "ฉันตักให้พวกเธอสองคนก็ได้ เป็นผู้หญิงทั้งคู่ก็ต้องบริการหน่อยสิ"
"คิดว่าข้าเป็น...."
"อ้าๆๆๆๆ" ชายรีบเดินลุกไปห้าม "เอาหน่า พลอย ให้เทรนไปตักก็ดี จะได้ไม่เหมื่อย"
"หระ เหรอ" ปลามองดูชายจนอารมณ์ของเขาเย็นลง ส่วนปอเองก็มองดูปลาด้วยความกังวลเล็กน้อย ในขณะที่เทรนยืนมองสองพี่น้องคู่นี้อย่างสงสัย
"ก็ได้" ปลาพึมพำบอก แล้วเขาก็สารธยายรายการอาหารที่เขากับปออยากกิน ซึ่งเทรนก็พยักหน้าแล้วก็เดินไปตักอาหารมาให้อย่างกระตือรือร้น ปลาเดินเข้ามานั่งข้างๆผม ถึงเขาจะเก็บอารมณ์ทางสีหน้าแต่ผมดูก็รู้แล้วว่าเขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
"มีอะไรเปล่าปลา" ผมถามเขาอย่างสงสัย "ทำไมถึงเผลอหลุดตัวตนเออกมาหละ ความแตกยุ่งเลยนะ"
"อ๋อเปล่า" ปลายักไหล่ตอบผมด้วยเสียงเบา เพื่อไม่ให้ฝนที่กำลังเม้าท์อยู่กับแมวได้ยิน "ข้าไม่ค่อยไว้ใจเท่านั้นเอง"
"เทรนอะนะ" ผมถามเขาอย่างไม่น่าเชื่อ "เทรนเป็นคนดี ฉันยืนยันได้"
ปลาไม่ตอบผม เขามองดูเทรนที่ยื่นจานมาให้เขา แล้วเขาก็ยื่นจานไปบริการปอ พร้อมนํ้าดื่มทั้งนํ้าเปล่าและนํ้าผลไม้อีก 4 อย่าง โดยที่ปลาได้แค่นํ้าเปล่าแก้วเดียว
หลังจากกินอาหารเช้ากันเสร็จ พวกเราก็ขึ้นรถตู้เพื่อไปเที่ยวกันบนภูเรือ ซึ่งขับออกจากรีสอร์ทไปทางซ้ายก็เป็นทางขึ้นไปบนยอดภูแล้ว งวดนี้ชายขอร้องให้เทรนไปนั่งรถคันเดิมแล้วก็ให้ผมมานั่งคันเก่า (ต้าดีใจระริกระรี้เพราะคิดว่าชายช่วยพูดกล่อมให้ผมมานั่งรถคันเดียวกับเขาได้) ซึ่งเทรนก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงให้เขาไปนั่งคันเดิม แต่เขาก็ยินยอมไปนั่งรถอีกคันโดยดี
รถขับเคลื่อนขึ้นไปตามภูเขาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงด่านทางเข้าอุทยานแห่งชาติภูเรือ ซึ่งพวกเราก็จ่ายค่าธรรมเนียมกันเล็กน้อยแล้วก็ขับรถไปต่อ ตอนนี้ผมกำลังนั่งข้างๆกับชาย โดยชายได้ถามสาเหตุผมเรื่องที่ปลาของขึ้นจนความเกือบแตกถ้าชายไม่ไปช่วยพูด
"เหรอ" ชายถามผมเมื่อผมเล่าถึงความสัมพันธ์ของปอกับเทรน "ไอ้เทรนอะนะมันแอบชอบปอ"
"จริงๆฉันพอจับความรู้สึกได้ แต่ก็มามั่นใจก็เพราะฝนเนี่ยแหละ" ผมตอบเขา "รู้อยู่นิ ว่าฝนมีเซนส์เรื่องความรักขนาดไหน"
"แล้วนายบอกว่านายจับความรู้สึกได้ มันคืออะไร" ชายถามผมอย่างสงสัย
"ก็เหมือนกับผู้หญิงไง ที่มองออกได้อย่างง่ายดายว่าใครแอบชอบใครอยู่" ผมส่ายหัวอย่างไม่สบอารมณ์ "ให้ตายเดะ นับวันฉันยิ่งมีความคิดแบบผู้หญิงเข้าไปทุกทีๆ"
"เอาหน่า" ชายตบไหล่ผม "เรื่องนั้นพอนายกลับไปเป็นผู้ชาย เดี๋ยวฉันสอนให้นายกลับมาเป็นชายเอง โอเคนะ"
ผมยิ้มขอบคุณชาย พลางกลืนนํ้าลายเพื่อแก้อาการหูอื้อ เนื่องจากรถของพวกเราขึ้นๆลงๆและเลี้ยวไปหลายโค้งบนทางภูเขา ความดันของพื้นที่ต่างระดับเลยทำให้พวกเราหูอื้อกัน ผมมองดูวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างเพลินตา เพราะมีทั้งต้นไม้หลากต้นและเห็นวิวของป่าเขตนี้โดยรอบ ลมเย็นๆที่ต้าเปิดให้เข้ามาในรถก็ทำให้ผมถึงกับอยากนอนหลับตาสบายๆไปเลย ถ้ามันไม่มีควันรถจากรถที่สวนทางมาอะนะ
"แล้วเราจะเอาไงดี" ชายถามผม "เราควรบอกให้เทรนเลิกยุ่งกับปอดีไหม ขืนเจ้าตัวรู้ว่าปอไม่ใช่คน มิซวยเหรอวะ"
"ตอนแรกๆฉันก็คิดที่จะบอกปลาอยู่แล้ว" ผมบอกกับเขา "แต่ดูเหมือนปลาเองก็จะรู้แล้วหละว่าเทรนคิดอะไรกับปอ"
"มิน่า" ชายพึมพำ "ทำไมตอนกินข้าวเขาถึงหงุดหงิดใส่เทรน"
"เอาเป็นว่า ตอนนี้เรากันๆไม่ให้เทรนมันทำอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ก่อนแล้วกัน" ผมแนะชาย "แล้วเดี๋ยวคืนนี้ฉันคุยกับปลาเอง"
"อืม" ชายพยักหน้า เราทั้งสองคนคุยกันโดยไม่ได้สังเกตเลยว่า ฝนกับต้าเองก็กำลังแอบมองอยู่ ต้าไม่ได้ยินที่ผมกับชายคุยกัน แต่ก็สงสัยถึงลักษณะการคุยที่สนิทสนม ส่วนฝนนั้นมองดูผมคุยกับชายอย่างสงสัย
รถของพวกเราขับไปตามทาง จนกระทั่งถึงที่กั้นเพื่อให้เลี้ยวไปที่จอดรถ นั่นหมายถึงว่าพวกเรามาถึงยอดภูกันแล้ว ต้านำรถเข้าไปจอดได้ไม่ยากเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว เลยไม่มีรถของนักท่องเที่ยวมาเยอะมาก
และเมื่อรถพวกเราจอดกันเรียบร้อยแล้ว พวกผมออกมายืนสูดอากาศภายนอกรถ ถึงเวลานี้จะเป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว แต่ลมก็ยังพัดแรงเข้ามาทำให้สู้กับแดดร้อนได้สบายๆ ผมยืนบิดตัวรับลมเย็นๆแบบนี้จนคิดอยากเอากลับไปที่เมืองหลวงบ้าง รถของหัวหน้าห้องก็มาจอดอีกคัน และเทรนก็เดินลงมา แล้วก็มองหาปอทันที
"ปอๆ เราเดินไปดูยอดภูกันดีไหม" ผมรีบชวนปอทันทีก่อนที่เทรนจะอ้าปากชวนเธอ "ไปตรงนั้นอะ"
"อืม ไปสิ" ปอพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ผมไม่รอช้า รีบพาปอไปทันทีโดยทำทีไม่สนใจเทรน ซึ่งเจ้าตัวมองเห็นผมแต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไร เขาก็ยักไหล่แล้วก็เดินตามพวกเรามาแต่โดยดี โดยปลายังคงจับจ้องดูเทรนตลอดเวลา
เดินออกจากลานจอดรถไปก็จะเป็นทางเดินขึ้นไปบนยอดภู ซึ่งจะเดินผ่านป้อมยามไปอีกป้อม ก็จะถึงทางที่ขึ้นไปโดยมีป้ายเขียนว่า "ผาโหล่นน้อย" ถนนทางเดินนั้นจะเล็กเท่าถนนเลนส์เดียว ดูท่าทีแล้วคงเป็นถนนสำหรับรถของเจ้าหน้าที่อุทยานเสียมากกว่า มีนักท่องเที่ยวเดินมากับพวกเราประปราย และเมื่อพวกเราไปทางขึ้นผาโหล่นน้อย เส้นทางก็คับแคบลงจนมีขนาดแค่มีรถมอเตอร์ไซด์ผ่านได้เท่านั้น จากพื้นถนนเริ่มกลายเป็นพื้นดิน รอบข้างพวกเรามีต้นไม้และหญ้าขึ้นจนพวกผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินบุกฝ่าป่าไปเลยทีเดียว ถนนเส้นทางนั้นเขาตัดและมีป้ายชี้บอกทางตลอด มีป้ายบอกให้รักษาความสะอาดเป็นระยะ และมีป้ายบอกถึงลักษณะต้นไม้ต่างๆที่พวกเราเดินผ่าน และพวกเราเดินลุยกันไม่นาน ก็มีป้ายเขียนติดเอาไว้ว่า 'ชมพระอาทิตย์ขึ้น' ทำให้พวกเราเห็นศาลาซึ่งนั่นหมายถึงจุดหมายที่เราจะไปถึงนั่นเอง
เมื่อพวกเราไปถึงแล้ว ลมเย็นๆพัดโจมตีกระหนํ่าพวกเราไม่ขาดสาย เส้นผมของแต่ละคนปลิวสยายไปตามลม โดยเฉพาะผมกับพวกผู้หญิง จนผมนึกเสียวในใจว่าโบว์ที่ผูกเอาไว้มันจะหลุดรึเปล่านะ อ๊ะๆ ไม่ได้คิดหวงแหนโบว์อะไรนักหนาหรอกนะ แต่มันมีเรดาห์ติดอยู่ ทำหายหละยุ่งเลย
บนศาลานั้นทำให้เรามองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจน ผมมองดูภูเขาลูกต่างๆราวกับดูหุบเขาเบื้องล่าง ต้นหญ้าและใบหน้าปลิวสะบัดไปตามลมที่พัดมาแรง ผมมองดูวิวรอบๆจนสังเกตเห็นบ้านคนที่อยู่ข้างล่างด้วย
"นั่นใช่ลาวรึเปล่า" ฟ้าถามชายอย่างสนุกสนาน
"ไม่รู้สิ" ชายเบ้ปากบอก
เมื่อพวกเรายืนถ่ายรูปอะไรกันแล้วก็เดินทางต่อไปยังทางซ้าย ซึ่งเส้นทางเดินจะคับแคบกว่าทางที่พวกเรามา โดยเส้นทางนี้แหละจะเป็นเส้นทางไปยังยอดภูเรือที่แท้จริง รอบข้างมีแต่ต้นไม้ที่ขึ้นสูงจนราวกับว่าเรากำลังเดินเข้าไปในป่าจริงๆ เอาจริงๆมันก็เป็นป่านะแหละ ทางขึ้นๆลงๆ ประกอบกับมีกิ่งไม้ขนาดยักษ์มาขวางทางบ้างจนพวกเราถึงกับต้องเดินๆกระโดดกันอย่างสนุกสนาน เทรนเองก็พยายามเข้ามาประชิดตัวปออยู่เรื่อย แต่งานนี้ชายก็ช่วยพาปอไปเอง
พวกเราเดินมานานสมควร ระยะทางทั้งหมดนั้นตั้งแต่เดินมาจากตรงผาโหล่นน้อยเมื่อกี้นี้นับได้ประมาณ
มีเสียงระฆังดังประกอบการเดินทางของพวกเราในครั้งนี้ ซาระมองดูรอบๆอย่างตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นๆเลย วิวทิวทัศน์จากตรงนี้เรามองเห็นบริเวณโดยรอบได้กว้างกว่าผาโหล่นน้อยเมื่อกี้นี้
"นั่นไง ลาว" ชายชี้ให้ผมดู ทำให้ผมมองเห็นบ้านเรือนกลุ่มเล็กๆอยู่ลับๆ ว้าว ถ้านี่เดินเลยไปนิดหน่อยนี่ก็เป็นต่างประเทศแล้วสิเนี่ย แต่จะให้ลงจากภูเขาที่มีความสูงกิโลมเตรกว่าๆนี่ ขอบายดีกว่า
"วิวสวยไหมครับ ปอ" เทรนเดินมาข้างๆชายซึ่งปอยืนอยู่ข้างๆ ผมสะดุ้งเพราะตั้งตัวไม่ทันเลยว่าเทรนโผล่มาตอนไหน ระหว่างนั้นปลาตัวแข็งทันทีเมื่อเห็นเทรนเดินไปคุยกับปอ
"อืม วิวสวยจริงๆ" ปอมองดูทิวทัศน์อย่างตื่นเต้น แล้วเขาก็ดันตัวผมให้เขยิบไปข้างๆ อะไรของเขานะ
"อืม ปอครับ" เทรนเอ่ยเสียงนุ่มนวลออกมา "จะรังเกียจไหมครับ ถ้าผม...."
"หือ" ปอมองเทรนจนตาแป๋ว ทำให้เจ้าตัวกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ผมรู้สึกถึงบรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านมาจากตัวของเทรน เฮ้ย อย่าบอกนะว่า
"ปอครับ" เทรนถามหมาป่าสาวอีกรอบ "ผมนะ ชะ ชะ ชะ"
"เฮ้ยๆ เทรน" ชายพยายายามรีบห้าม แต่ดูเหมือนทั้งปอกับเทรนจะไม่ได้สนใจฟังทั้งคู่เลย ต่างฝ่ายต่างจ้องมองดูอีกคนราวกับมนต์สะกด ฝนรีบเดินไปข้างๆปลาแล้วก็จับมือเขาเอาไว้ทำไม
"จับมือฉันทำไมเนี่ย" ปลาถามฝนอย่างสงสัย
"เอาเถอะหน่า" ฝนยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน
"ชะชะ ชอบ ชอบ" เทรนยังพูดติดอ่างเมื่อเขาพยายามพูดออกมา ปอตั้งใจรับฟังอย่างสนอกสนใจ
ว้าว แมวคิดในใจอย่างตื่นเต้น เทรนชอบปอจริงๆด้วยแหละ
สารภาพรักเลย ฝนใช้มือจับแขนของปลาแน่นจนเจ้าตัวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เอาเลยๆ บรรยากาศเป็นใจแล้ว กรี๊ดๆ
เฮ้ย แย่แล้ว ผมคิดในใจอย่างตื่นกระหนก ผมรีบมองดูปลาผ่านหางตา อย่านะเฟ้ย ไอ้เทรน
งานเข้าแล้วววววว ชายอ้าปากค้าง
"ชอบวิวนี้มาก ปอชอบไหมครับ" เทรนชี้ไปยังวิวทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าพวกเรา จนชายกับผมเกือบหัวทิ่ม
"อ๋อ" ปอพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น "ชอบสิ วิวสวยมากเลย"
ผมกับชายค่อยๆเดินออกมาจากตรงนั้นเล็กน้อย แล้วก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง
"เฮ้อ นึกว่าจะสารภาพรักไปแล้วเสียอีก" ชายพึมพำออกมา
"แหงแซ๊ะ" ผมตอบอย่างเห็นด้วย ระหว่างนั้นฝนกับแมวยืนมองด้วยความเสียดาย
ปลาจ้องมองดูเทรนที่ทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย นัยน์ตาของเขาหรี่ลง จากนั้นเขาก็แสยะยิ้มออกมาอย่างประหลาด โชคดีที่ไม่มีใครเห็น
ความคิดเห็น