คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Mission 2 : สายลับชุดเมด
ที่ผับโลลิ สถานบันเทิงเริงรมย์แห่งหนึ่งในเมืองหลวง โดยสถานที่แห่งนี้ได้เปิดตัวขึ้นมาใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ โดยนอกจากมีบริการ แล้ว ยังมีบริการพิเศษอีกอย่างที่ทำให้ผับแห่งนี้สมชื่อโลลิและขึ้นชื่ออย่างมาก นั่นก็คือ การที่สาวเสิร์ฟนั้นจะแต่งชุดสาวใช้เมด ตามสไตล์ญี่ปุ่นนั่นเอง และความน่ารักของสาวเสิร์ฟนั้นลือชื่อมากๆ จนเรียกร้องแสวงหาให้นักเที่ยวกลางคืนทั้งชายและหญิงเข้าไปพักผ่อนและสนุกสนานกัน แต่ ณ คืนนี้ สิ่งที่แตกต่างไปกว่าทุกวันก็คือ วันนี้จะมีสาวเสิร์ฟคนใหม่มานั่นเอง
"เอาหละค่ะทุกท่านค่ะ ขอต้อนรับสู่ผับโลลิค่ะ" สาวเสิร์ฟในชุดเมดผมยาวนัยน์ตาสีม่วงคนหนึ่งที่เหมือนจะรับหน้าที่พิธีกรได้กล่าวผ่านไมค์กับแขกที่มาในผับ "วันนี้นอกจากสาวน้อยน่ารักที่จะมาบริการทุกท่านอีกหนึ่งท่านค่ะ และเธอคนนี้ก็เพิ่งจะมาสมัครงานที่นี่เป็นครั้งแรกด้วยค่ะ ขอต้อนรับสาวเสิร์ฟคนใหม่ของผับโลลิ น้องกอร์ฟค่า!!"
เสียงปรบมือดังลั่นทั่วทั้งร้าน และก็ได้มีแสงไฟส่องลงไปกลางร้าน และบุคคลที่เดินออกมาจากกลางไฟนั่นก็คือ..
ผมเองนะแหละ
ผมได้สวมใส่ชุดเมดสีดำขอบสีขาวประจำร้าน มีโบว์สีแดงประจำเอาไว้กลางอก พร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีขาวน่ารักประดับไว้ข้างหน้า พร้อมกับถุงน่องสีนํ้าตาลและรองเท้าส้นสูงสีดำ โบว์สีขาวขนาดใหญ่ประดับไว้ที่เอวข้างหลัง ส่วนหัวของผมนั้น มีที่คาดผมสีขาวประดับเอาไว้ และด้วยแสงไฟที่ส่องมาทับตัวผมนั้น ทำให้ผิวที่ขาวนวลของผมนั้นส่องประกายไปทั่ว ทำให้ผิวดูนุ่มนิ่มและอ่อนช้อยมากขึ้น แถมใบหน้าของผมนั้นก็แดงซ่านไป ทำให้มันดูน่ารักเข้าไปอีก
เหตุเพราะว่าผมทั้งขยะแขยง ทั้งอาย ทั้งเครียด ทั้งหวาดกลัวไปในตัว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมแต่งหญิงด้วย
แต่ก็เอาเถอะ เราก็แค่เข้าแฝงตัวเข้ามาเท่านั้นเอง จะไปมีใครเขาชอบผู้ชายแต่งหญิงอย่างเรากันหละ ผมคิดอย่างกังวลเล็กน้อย เหอะๆ ความคงได้แตกไม่นาทีนี้ก็นาทีหน้าเนี่ยแหละ
"นะ น่ารักจัง" เสียงของแขกท่านหนึ่งพึมพำออกมา
ห๊ะ ? ผมเงยหน้ามองดู
"น่ารักที่สุดเลย"
"สุโก่ยยยยย!!"
"น่ารักกว่าเมียตูอีก"
"โมเอะโคตร!"
"น้องกอร์ฟคร้าบบบบ!"
"น้องกอร์ฟจ๋าาา!!"
แล้วไม่ทันไร เสียงเชียร์ เสียงผิวปาก และเสียงเรียกชื่อผมก็ดังไปทั่วทั้งร้าน แถมเสียงนั้นก็ดังไปเรื่อยๆ จนทำให้แขกที่เข้ามาในร้านนั้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
"น้องกอร์ฟเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเลยคร้าบบบบ!" แขกคนแรกที่พึมพำออกมาตะโกนออกมาเสียงดัง
ไอ้ตาถั่ว ดูยังไงฟะว่าตูเป็นผู้หญิง ผมด่ามันในใจด้วยความไม่ชอบใจ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าของผมบิดเบี้ยวด้วยความน่ารักไปโดยไม่รู้ตัว
"อ๊ายยยยย น่าร้ากกกกกกก!"
ตูจะบ้าตาย ผมคิดโดยที่พยายามสะกดอารมณ์ตนเองให้เต็มที่
"เชอะ มีมารคนใหม่โผล่มาแย่งคะแนนความนิยมแล้วหละเธอ" สาวเสิร์ฟคนข้างๆ แอบซุบซิบนินทากับเพื่อนพนักงานข้างๆ
"ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย หน้าอกก็แบนเรียบ สู้ฉันไม่ได้สักนิด ทำไมพวกผู้ชายถึงหลงมันนักหนานะ" พนักงานสาวในชุดเมดข้างๆ ก็นินทาผมเช่นกัน
ฮือ ตูเป็นผู้ชายนะเว้ย ผมคิดอย่างไม่ชอบใจ
"แหมๆๆ กอร์ฟเอ้ย ก็ลูกมันโมเอะขนาดนี้ ที่แท้ลูกก็ชอบใช่ม้า อย่ามาซินเดเระ" เสียงพ่อของผมดังออกมาจากหูฟังขนาดจิ๊วที่เสียบกับหูของผมเอาไว้ โดยมีเส้นผมที่ยาวของผมปิดเอาไว้
"ซินเดเระอะไรละพ่อ ผมอายจะตายอยู่แล้วนะครับ" ผมแอบกระซิบบอกกับพ่อของผม ผ่านไมค์ขนาดจิ๋วที่ถูกซ่อนอยู่ในโบว์กลางอกผม "แล้วอีกอย่างนะครับ พนักงานเสิร์ฟชายก็มีไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องให้ผมมาแต่งเมดหญิงด้วยเล่า"
ผมมองไปข้างๆ ซึ่งก็มีพนักงานเสิร์ฟชายในชุดพ่อบ้านยืนเรียงรายเหมือนกัน แถมทุกคนก็จ้องมองดูผมตาเป็นมัน บางคนหน้าแดงออกมาด้วย เล่นทำเอาผมเสียวสันหลังวูบ
"อ้าวเหรอ เอ ทำไมไม่มีในรายงานเลยน้า" พ่อตอบด้วยนํ้าเสียงลากยาวไม่น่าไว้วางใจ
"ไม่ต้องมาเหลเลยนะพ่อ" ผมแอบกระซิบตอบกลับ "อายจะตายอยู่แล้วเนี่ย"
"อันที่จริง ตำแหน่งชุดเมดนั้นนะเหมาะที่สุดแล้วหละลูกเอ้ย" พ่อของผมอธิบาย "เหตุเพราะว่าพนักงานหญิงที่ได้รับความนิยมนั้น จะสามารถเข้าๆ ออกๆ ส่วนในของผับได้ตามใจชอบ แน่นอนว่าในส่วนลึกที่สุดนั้นก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป ถ้าลูกได้รับความนิยมมากๆ เข้า การที่ลูกจะเข้าไปในส่วนข้างในของผับนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยด้วยแหละ"
"มันก็จริงนะครับ" ผมพึมพำอย่างเห็นด้วย
"ดังนั้น โชว์ความน่ารักของลูกเรียกคะแนนออกมาเล้ย" พ่อของผมเชียร์ออกมาด้วยนํ้าเสียงที่สนุกสนานพอสมควร
นี่พ่อตูเป็นตูเป็นคนยังไงเนี่ย ผมคิดราวกับสิ้นหวัง พร้อมกับมองไปยังข้างหน้า ที่มีแขกมากมายหลากหลายทั้งเพศและวัยกำลังจับจ้องมองดูผมอยู่ แล้วจะให้ฉันเนียนเป็นหญิงยังไงดีละเนี่ย ไม่เคยทำซะด้วยสิ
ผมเริ่มหน้าร้อนผ่าวเมื่อคิดที่จะทำท่าทางที่น่าอับอายไว้
เอาว่ะ เพื่องาน ผมคิดพร้อมกับเงยหน้าแล้วก็ยิ้มให้แขก
"สวัสดีค่า ขอต้อนรับสู่ผับโลลิของเรานะค่ะนายท่าน ที่นี่เราบริการด้วยใจและรอยยิ้ม และขอให้นายท่านผ่อนคลายความเหนื่อยล้าให้หมดสิ้นนะค่ะ นายท่านขา..."
ผมทำท่าแอ่นสะโพกข้างหนึ่งและแอ่นอกข้างหนึ่ง มือข้างหนึ่งท้าวเอวเอาไว้ และอีกข้างชูสองนิ้วยกมาไว้ข้างๆ หัว พร้อมกับหลับตาข้างหนึ่งแล้วก็ยิ้มอย่างน่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้
และนั่นไม่รู้ตัวเลยว่า ไอ้การกระทำของผมเมื่อกี้ เล่นทำเอาแขกท่านหนึ่งเลือดกำเดาไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว
"น้องกอร์ฟคร้าบบบบบ น่ารักจังเลยคร้าบบบบบบ"
"วิ๊ดวิ้ววว!"
"ทำท่าเมื่อกี้อีกทีได้ไหมครับ"
"น่ารักกว่าเมียตูอีกโว้ยยยยย!!"
เฮ้ย ได้ผลเกินคาดด้วยเว้ย ผมคิดอย่างตกตะลึง และเมื่อผมมองไปดูหัวหน้าพยักงานผมยาวที่เป็นพิธีกรนั้น เธอชูนิ้วโป้งและยิ้มมาให้ผมอย่างดีอกดีใจ
"น่าหมั่นไส้จริงๆ เลยนะเธอว์" สาวเสิร์ฟข้างๆ ผมคนเดิมเริ่มนินทา
"ใช่ๆ ทำท่าน่ารักแบบนั้น หวังเรียกคะแนนนิยมตั้งแต่วันแรกเลยนะย่ะ เชอะ!"
ช่วยไม่ได้ ถึงจะน่าอายและเหมือนจะไม่ดีกับพนักงานก็เถอะ แต่นี่มันเป็นงาน ขอโทษด้วยนะ ผมหลับตายิ้มแล้วก็เริ่มยิ้มให้แขกอีกครั้ง
"ขอต้อนรับอีกครั้งนะค่ะ!!"
"คร้าบบบบบบบ!!"
ระหว่างนั้น ห่างออกไปสองช่วงตึก เจ้าหน้าที่ CIA คนหนึ่ง กำลังนอนหมอบควํ่ากับดาดฟ้าตึก พร้อมกับส่องมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในผับด้วยลำกล้องสไนเปอร์ โดยเขากำลังมองดูการกระทำของผมทุกอย่าง
"เอ่อ หัวหน้าครับ มั่นใจนะครับว่าลูกชายท่านเป็นผู้ชายนะครับ" เจ้าหน้าที่คนนั้นถามหัวหน้าของตนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
"นั่นแหละลูกชายของฉัน" พ่อของผมยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ พลางถอดหูฟังออก
"ช่าง... น่ารักซะจริงๆ" เจ้าหน้าที่คนนั้นเริ่มหน้าแดงออกมา
"เฮ้ยๆๆ นั่นลูกชายตูจะเว้ย อย่ามาไม้ป่าเดียวกันตอนนี้ ขอร้อง" พ่อของผมเริ่มขู่
"เจ้ย ขอประทานโทษครับ" เจ้าหน้าที่คนนั้นเริ่มตั้งสมาธิและแอบมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในผับต่อด้วยท่าทางที่ลนลาน
"หึๆๆ ใช้ได้เลยนี่นา" พนักงานสาวในชุดเมดที่เหมือนจะเป็นหัวหน้านั้นเดินมากล่าวชมกับผม
"เอ่อ ขอบคุณคระ เอ้ย ค่ะ" ผมรีบตอบรับ แต่ก็เกือบเผลอหลุด 'ครับ' ไปเหมือนกัน
"งั้นเหรอ งั้นก็พยายามหน่อยนะ ท่าทางแขกอยากจะจับจองตัวเราใจจะขาด" เธอแอบกระซิบกับผม เล่นทำเอาผมขนลุกด้วยความอายที่มีผู้หญิงมาพูดกระซิบใกล้หูผมเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วเธอก็เดินลงจากเวทีแล้วไปรวมกลุ่มกับพนักงานคนอื่นๆ
เป็นคนดีจริงๆ เลยนะ น่าเสียดายที่ต้องมาทำงานกับร้านที่มีผู้ก่อการร้ายใช้เป็นที่กบดาบแบบนี้นะ ผมคิด จากนั้นก็เดินลงบันไดหลังเวทีไปรวมกลุ่มกับสาวเสิร์ฟคนอื่นๆ บ้าง
"ผับโลลิเปิดบริการแล้วนะค่ะ ขอเชิญทุกท่านสนุกสนานให้เต็มที่เลยนะค่ะ" เสียงประกาศดังออกมาจากลำโพง จากนั้น เสียงดนตรีดังๆ ก็เปิดดังทั่วร้าน
ถึงที่นี่จะชื่อว่าผับโลลิ แต่ก็มีอาหารและเครื่องดื่มบริการด้วย ดังนั้นสำหรับตำแหน่งของผมนั้นก็คือเป็นพนักงานเสิร์ฟทั่วไปนั่นเอง ผมเริ่มทำงานโดยการหยิบสมุดโน๊ตที่จดรายการอาหารและเมนูไปบริการลูกค้านั่นเอง
โต๊ะที่หนึ่ง
"สวัสดีค่ะ รับอะไรดีค่ะนายท่าน" ผมเดินไปยังโต๊ะแรกและก็เริ่มสอบถาม
แต่ทว่า มือมารทั้งสองมือของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโต๊ะโซฟานั้นคว้าจับเข้าที่มือทั้งสองข้างของผมเข้าอย่างจัง
"พี่ต้องการให้น้องมานั่งกับพี่ตรงนี้ แล้วพูดคุยกันเรื่องสนุกๆ ที่เราสองคนจะไปเล่นด้วยกัน เอาไหมจ๊ะ" เขามองกับผมและเอ่ยเสียงสุภาพพร้อมแววตาที่เป็นประการ
อี๋... ผมแทบอยากกระชากมือออกมาแล้วก็ชกหน้าไอ้หมอนี่เต็มแก่ แต่ก็ต้องฝืนยิ้มเอาไว้
"มะ ไม่ได้หรอกนะค่ะ ฉันต้องทำงานนะค่ะ" ผมรีบปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุดก่อนที่จะค่อยๆ ดึงมือออกมา ชายคนนั้นมองดูมือของผมหลุดออกไปจากมือของเขาด้วยแววตาน่าเสียดาย
"อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นขอของว่างเป็นพวกข้าวโพดกับนํ้าอัดลมละกันครับ" ชายเขา
พูดมาแค่นี้ก็จบแล้วเพ่ ผมคิด
โต๊ะที่สอง
"ถ้าไม่รังเกียจ ขอเชิญไปดิ้นกับผมสักเพลงได้ไหมครับ" ชายหนวดยาวเฟื้อยซึ่งจับมือของผมเหมือนโต๊ะที่หนึ่งไม่มีผิด
"มะ ไม่ได้หรอกนะค่ะ ฉันต้องทำงานนะค่ะ" ผมรีบดึงมืออกอย่างสุภาพที่สุดและเก็บกดอารมณ์ที่อยากชกหน้าไอ้หมอนี่เต็มแก่
"งั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นขอไวท์ละกันครับ" เขาเอ่ยบอก
และหลังจากที่ผมจดอาหารแล้วก็ก้มหัวให้ แต่ตอนที่ผมหันหลังให้เขานั้น สายตาของผมเหลือบไปเห็นว่าลูกค้าหนวดเฟื้อยคนนั้น เอามือของเขาที่จับมือของผม ยกไปสูดดมอย่างกระหาย
"กลิ่นหอมดีจริงๆ" เขาเอ่ยพร้อมกับเอาลิ้นเลียด้วย
อะจ๊ากกกกก ผมพยายามเก็บกดอารมณ์ให้ถึงที่สุดก่อนที่จะรีบออกไปจากโต๊ะนี้ให้ไวที่สุด
โต๊ะที่สาม
"ป๋าให้ตังค์นะจ๊ะ สนใจไหมจ๊ะหนู" ลูกค้าที่หน้าตาเหมือนอาเสี่ยคลี่แบงค์พันให้หกใบโชว์ให้ผมดู
อู้ว้าว ของฟรี สนคร้าบ ผมคิดในใจ แต่ก็ต้องเกือบชะงักการพนักหน้าเมื่อเขาเอ่ยบอกว่า...
"แต่มีข้อแม้นะจ๊ะ น้องต้องไปเที่ยวบ้านพี่นะจ๊ะ สักคืนนึง โอเคปะ" เขาถามผม
อย่าหวังเลย ผมเลิกคิดที่จะเอาเงินอย่างรวดเร็ว
(ยี่สิบนาทีต่อมา)
ผมหอบแฮ่กๆ เพราะพยายามเก็บอารมณ์ให้ถึงที่สุด เพราะว่าผมต้องทนกับทั้งปฏิกิริยาและคำพูดน่าขยะแขยงของลูกค้าแต่ละคนโดยผมแทบอยากระบายโทสะกระทืบให้น่วมรู้แล้วรู้รอด แต่ก็ทำไม่ได้
ไอ้พวกนี้มันไม่รู้เลยรึยังไงนะ ว่าเราเป็นผู้ชายนะ ผมตัวสั่นเพราะขนลุก โอ้ยยย น่ากลัวยิ่งกว่าดูหนังผีอีก
ผมเงยหน้ามองดูข้างในทางเดินพนักงาน ตอนนี้พนักงานต่างๆ ทั้งชายและหญิงต่างก็กำลังวุ่นกับการทำงานของตน โดยผมเหลือบมองเห็นประตูหนึ่งเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย โดยมีเขียนว่า 'พนักงานและลูกค้าห้ามเข้า'
น่าสงสัยจริงๆ ผมคิด และหลังจากที่ผมมองซ้ายมองขวา และเมื่อพบว่าไม่มีใครสนใจผมเลยแม้แต่คนเดียว ผมรีบเดินเข้าไปในประตูนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วรีบปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ
ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ในทางเดินมือๆ โดยมีแสงไฟจากโคมไฟไม่กี่ดวงข้างบนเพดานเท่านั้น ทางข้างหน้าผมนั้นมีบันไดไต่ลงไปข้างหลัง ผมค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังเพราะพื้นที่ผมเหยียบอยู่นั้นทำด้วยเหล็ก ทำให้มันจะมีเสียงดังออกมา ผมจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างมากในการเดินลงบันไดไปทีละขั้น รอบๆ ตัวผมนอกจากความมืดแล้ว มีแท้งนํ้าขนาดใหญ่ตั้งเอาไว้อยู่เรียงรายไปทั่ว สภาพของสถานที่นี้นั้นแตกต่างจากผับข้างบนมาก เพราะมันทั้งสกปรกและอับเสียจนเหมือนอยู่ในท่อระบายนํ้าไม่มีผิด
"ระวังตัวให้ดีนะลูก ลูกอาจกำลังเข้าใกล้ถิ่นศัตรูแล้ว" พ่อของผมเตือนผมผ่านหูฟัง
มือของผมคว้าจับที่ปืนพกที่ผมพกติดตัวมาด้วยที่ซ่อนอยู่ในเสื้อให้แน่นมากขึ้น
"รับทราบ" ผมตอบก่อนที่จะค่อยๆ เดินลงไปเรื่อยๆ ตามทางเดิน
บันไดนั้นมีเลี้ยวลงไปทางขวาและลงไปประมาณสามชั้นได้ และเมื่อผมลงไปพื้นชั้นล่าง ข้างหน้าผมก็มีแสงสว่างลอดออกมาจากบานประตูบานหนึ่ง มีเสียงเครื่องจักรกำลังทำงาน ผมค่อยๆ หยิบปืนออกมาจากเสื้อ แล้วค่อยๆ แง้มประตูเปิดดูข้างใน ผมก็ต้องพบกับภาพที่ผมแทบตะลึง
ผมกำลังยืนอยู่ในโกดังขนาดใหญ่ โดยมีเครื่องพิมพ์ธนบัตรนับสิบๆ เครื่องกำลังทำงานอยู่ ธนบัตรดอลล่าร์ปลอมทั้งหลายออกมาจากเครื่องพิมพ์หลายชุด มีคนงานชายหลายคนที่เหมือนลูกน้องของผู้ก่อการร้ายหลายคน กำลังขนธนบัตรปลอมที่ตัดออกแล้วยัดใส่กล่องและใส่หลังรถบรรทุก ผมรีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังรถบรรทุกคันหนึ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วก็แอบดูการกระทำของพวกนั้น
แบงค์ปลอมทั้งนั้นเลย ผมคิด จากนั้นผมเริ่มกดปุ่มอัดเสียง เพื่อบันทึกเสียงที่อยู่ในโกดังแห่งนี้
"ยังไม่เสร็จอีกอย่างนั้นเหรอ เร็วเข้าสิ" มีเสียงหนึ่งดังขึ้น และเมื่อผมค่อยๆ แอบมอง ผมก็ต้องพบกับคนสำคัญที่อยู่ในนี้
หัวหน้าพนักงานสาวเสิร์ฟในชุดเมดนั่นเอง
"โถ่ เจ๊ พวกผมก็เร่งกันอยู่เนี่ย" ลูกน้องคนหนึ่งบ่น
"เร็วเข้า นายใหญ่สั่งมาแล้ว ว่าเราต้องเอาแบงค์ปลอมพวกนี้ไปส่งให้ถึงมือนายจ้างก่อนเที่ยงคืนวันนี้ รู้สถานที่ดีใช่ไหม ที่เก็บคอนเทนเนอร์แถวท่าเรือนะ"
"รู้ๆ" ลูกน้องคนหนึ่งบ่น
"ได้ยินไหมครับพ่อ" ผมรีบกระซิบรายงานบอกกับพ่อของผม
"ได้ยินแล้ว ตอนนี้พ่อได้ส่งคนไปที่ท่าเรือละ คงได้รวบตัวพร้อมกันก็ทีนี้" พ่อของผมบอก "เอาหละ ทำได้ดีมาก เรารู้ตำแหน่งแน่ชัดแล้ว ลูกรีบหนีออกมาเร็ว"
"ครับ" ผมค่อยๆ ก้มตัวแล้วก็จะเดินไปยังประตูทางออก
"เฮ้ย นั่นใครว่ะ" มีเสียงลูกน้องคนหนึ่งดังออกมา และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่ามีลูกน้องคนหนึ่งหันมามองผมอยู่
ซวยแล้วไง ผมคิดอย่างจนตรอก
"สาวน้อย ที่นี่ไม่เหมาะที่จะให้เธอลงมาที่นี่หรอกน่ะ" ลูกน้องคนนั้นวางกล่องลังที่ใส่ธนบัตรปลอมลงแล้วก็ควักปืนออกมาเล็งใส่ผม "เสียใจด้วยนะ คงต้องปิดปากเธอแล้วหละ"
โถ่ว้อย ผมคิดอย่างเจ็บแค้น มือของผมกำที่จับปืนพกแน่นมากขึ้นเพื่อบังคับไม่ให้มือของผมสั่น
"อะไรกัน ใครลงมาอย่างนั้นเหรอ" เสียงของหัวหน้าพนักงานเสิร์ฟดังขึ้นและเมื่อเธอเดินมาข้างหลังผม ผมค่อยๆ หันไปมองเธอ พบว่าเธอกำลังยืนท้าวสะเอวอยู่ข้างหลังผม
"โอ้ อะไรกันเนี่ย ที่แท้ ก็สาวน้อยพนักงานคนใหม่ไม่ใช่เหรอ" เธอเอ่ยกับผม "หน้าที่ของเธอคือบริการลูกค้าข้างบนไม่ใช่รึยังไงกัน"
"อดทนไว้นะลูก พ่อส่งคนบุกเข้าไปแล้ว" พ่อของผมบอกกับผมผ่านทางหูฟัง
"เอาหละ ลดปืนลง นังนี่ฉันจัดการเอง" เธอสั่งลูกน้องของเธอ
"จะดีเหรอครับเจ๊ กี่คนแล้วหละที่เจ๊จัดการไปนะ" ลูกน้องคนนั้นยกมือเกาหัวอย่างเบื่อหน่าย
"เอาหน่า จัดไปอีกสักคนก็ไม่น่าเสียหาย ถูกไหม" เจ๊มองผมด้วยแววตาที่น่ากลัว "หน้าตาอย่างเนี้ย มันน่าถูกจัดการซะด้วยซํ้า"
ผมเริ่มหน้าซีดเมื่อเธอเอาปืนพกของเธอเล็งที่หัวของผม
"เอาหละ แล้วก็ช่วยโยนปืนที่เธอถืออยู่ทิ้งไปด้วยนะ" เธอสั่งผม
ชิ ผมคิดอย่างโมโห ก่อนที่จะจำใจโยนปืนของผมไปข้างหน้า โดยที่ลูกน้องคนนั้นเดินมาเก็บ
"เอาหละ ตามฉันมาซะดีๆ" เธอเอาปลายกระบอกปืนทิ่มที่หัวของผม ผมก็ต้องยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วก็ต้องจำใจเดินตามเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
พ่อครับ มาช่วยเร็วๆ หน่อยสิครับ ผมคิดอย่างจนตรอก
แต่เมื่อเธอบังคับให้ผมเข้าไปในห้องของเธอแล้ว เธอล็อคประตู แล้วก็ปิดมูลี่หน้าต่างลงทุกบาน แล้วเธอก็หันมาหาผม
"เอาหละ ฉันเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเธอมากมายหรอกนะ แต่ว่า..." เธอแสยะยิ้ม "ขอชั้นจัดการเธอมันตรงนี้ละกันนะ"
ผมเริ่มนํ้าตาคลอเบ้าด้วยความหวาดกลัว ผมไม่รู้เลยว่าเธอจะทำอะไรกับผม ตัวของผมสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
"อุ้ยตาย น่ารักเชียว แบบนี้สิ ถึงจะสนุก" เธอเริ่มเดินเข้ามาหาผมเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ข้างบนผับ ตอนนี้แขกและพนักงานเสิรี์ฟคนอื่นๆ เริ่มตกใจและหวาดกลัว เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษจำนวนมากบุกเข้ามาในร้าน
"นี่ตำรวจ ขอให้พนักงานและลูกค้าทุกคนออกไปข้างนอกในพื้นที่ที่เราจัดเตรียมไว้ให้ เราต้องการสอบปากคำทุกคน" ตำรวจนายหนึ่งที่มาร่วมแผนการนี้บอกผ่านโทรโข่ง
เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษทุกคนมีปืนไรเฟิลติดตัวอยู่ และเมื่อพวกเขาบุกลงไปถึงรังของพวกมัน พวกลูกน้องที่มีคนนั้นถูกจับลงอย่างง่ายดาย เนื่องจากว่าลูกน้องแต่ละคนนั้นมีเพียงปืนพกเท่านั้น แต่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเล่นมีปืนไรเฟิล แถมมีกันไม่กี่คน ราวกับว่ากำลังของมันนั้นไม่แน่นหนาพอที่จะคุ้มกันฐานของมันได้ และในที่สุด ลูกน้องทั้งหมดนั้นก็ถูกจับกุมพร้อมกับของกลางได้อย่างง่ายดาย
"แล้วกอร์ฟหละ" หัวหน้าทีมเอ่ย "กอร์ฟอยู่ไหน"
"สัญญาณติดตามตัวอยู่ที่นี่ครับ" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งชี้ไปยังห้องที่มีมูลี่ปิดเอาไว้อยู่
"พังประตูเข้าไปเลย" พ่อของผมสั่ง และเมื่อเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปที่ห้องนั้นๆ ปรากฎว่าประตูนั้นพังออกมาก่อน และคนที่ออกมาก็คือ
"นี่เธอ..." พ่อของผมแทบตกตะลึง เพราะว่าคนที่ออกมาก็คือ หัวหน้าพนักงานเสิร์ฟนั่นเอง
"อุ้ยตาย เธอเองนะเหรอ หัวหน้าทีมครั้งนี้นะ" เธอทักทายโดยราวกับเธอไม่รู้สึกเกรงกลัวกับปืนหลายกระบอกที่ติดเลเซอร์และเล็งที่หน้าผากของเธอเลย
"อย่าขยับนะ ยอมให้จับซะดีๆ" เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขู่
"จับฉันงั้นเหรอ" เธอท้าทาย "คิดโง่ๆ"
"ไม่ต้องสนใจ บุกเลย" พ่อของผมสั่ง
แต่เธอนั้นกลับวิ่งไปข้างๆ เจ้าหน้าที่หลายคนเริ่มเปิดฉากยิง
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!
แต่กระสุนมากมายนับไม่ถ้วนนั้นกลับยิงไม่โดนเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เธอวิ่งหลบกระสุนด้วยความเร็วสูง ก่อนที่เธอจะขว้างระเบิดแสงมาหาหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
"แย่ละ" พ่อของผมรีบก้มหน้าหลบ
ว้าบ!!
แสงสีขาวส่องเข้าหาเจ้าหน้าที่เกือบทุกคนจนทำให้คนที่โดนฤทธิ์ของแฟลตแบงค์ต้องตาพร่ามัวแต่แทบทำอะไรกันไม่ได้เป็นแถบ พ่อของผมเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็หรี่ตาเพื่อสู้กับอาการตาพร่า แล้วก็ต้องพบกับเจ้าตัวที่กำลังนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซด์ ชุดเมดของเธอถูกถอดแล้วเรียบร้อย
"ไปก่อนนะจ๊ะ หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะ" เธอท้าทายพ่อก่อนที่จะเริ่มบิดคันเร่งมอเตอร์ไซด์
"อ้อ เด็กสายลับคนใหม่นะ ฝึกฝนเขาให้ดีๆ หน่อยละกันนะ แต่ก็ไม่คิดเลยน้า ว่าจะเป็นผู้ชายนะ" เธอยิ้มหัวเราะหึๆ
บรื้น..!!
เธอยกล้อหน้ามอเตอรอ์ไซด์ก่อนที่เธอจะขับมอเตอร์ไซด์หนีออกไปทางออก ซึ่งถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้ว พ่อของผมรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาทันที
"ตั้งด่านสกัดเธอเอาไว้ให้ได้ อย่าให้เธอหนีไปได้" พ่อของผมรีบสั่ง ก่อนที่จะขยี้ตาอีกครั้งเพื่อให้หายอาการตาพร่า แล้วก็รีบวิ่งไปที่ห้องที่เธอออกมา
"กอร์ฟ ปลอดภัยไหมลูก..เจ้ยยย!!" พ่อของผมอุทานออกมาดังลั่น
สภาพของผมในตอนนี้นั้น ทั้งเสื้อทั้งกระโปรง ถูกฉีกขาดไปทั่ว เผยให้เห็นร่างกายที่ขาวเนียนไร้ที่ติด มือทั้งสองข้างของผมถูกมัดกับเชือกเอาไว้ แถมนํ้าตาของผมนองหน้าออกมา ราวกับว่าผมเจอกับการทรมานที่แสนจะน่ากลัวออกมา แถมข้างๆ ยังมีแส้และเทียนไขอีกด้วย
"ลูก โอเคไหมลูก" พ่อของผมรีบมาแกะเชือกให้ผมอย่างรวดเร็ว และเมื่อมือของผมหลุดจากพันธนาการได้ ผมรีบโผเข้ากอดพ่อทันที
"ฮือ พ่อครับ"
"มันทำอะไรลูกไหม" พ่อของผมถามด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ แต่ก็เกือบ" ผมร้องไห้กระซิกๆ เหมือนเด็กผู้หญิงไม่มีผิด "ผู้หญิงคนเมื่อกี้ เธอเป็นพวกเลสเปี้ยนครับพ่อ แถมเป็นพวกชอบความรุนแรงด้วยอ่า.."
"หา อะไรนะ" พ่อของผมถามด้วยความตกใจ
"แต่พอเธอรู้ว่าผมเป็นผู้หญิง เธอก็ไม่ได้ทำอะไรผมอีกเลยอะ" นํ้าตาของผมไหลไม่เลิก "ฮือ น่ากลัวอะ"
"โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะลูก ลูกทำดีที่สุดแล้ว" พ่อของผมปลอบ โดยที่มีเจ้าหน้าที่คนเดิมนั้นยืนมองดูผม พร้อมกับหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย
ใช่เธอจริงๆ ด้วย ไม่คิดเลยว่าเธอจะอยู่ในกลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ พ่อของผมคิด ภารกิจหน้า เธอคงจะปรากฎตัวออกมาอีกก็ได้
ถึงแม้ว่า ภารกิจในครั้งนี้ จะสำเร็จลงได้เพราะผมก็ตาม แต่ผมก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ฝังใจและไม่มีวันลืม
ความคิดเห็น