คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : ตอนพิเศษ - เที่ยวตะลุยเหนือ อีสาน ตอนแปด : มุ่งสู่ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน
เนื่องจากแมวนั้นไม่สบายและเมารถ จากกำหนดการที่จะขับรถตรงไปที่อุทยานแห่งชาติศรีน่านเลยและแวะหาอะไรกินข้างทาง กลับกลายเป็นแวะพักที่ตัวเมืองและถือว่าเที่ยวตัวเมืองน่านไปในตัวเลย ต้าและหัวหน้าห้องขับรถวนอยู่ในตัวเมืองจังหวัดน่านสักพักเพื่อคุยกันว่าจะไปพักส่วนไหนดี และชายโทรศัพท์มาบอกว่าให้ไปที่ พิพิทธิภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เพราะที่นั่นมีร้านอาหารและร้านขายยาด้วย คณะเดินทางจึงตกลงตามนี้ก็เลยแวะไปที่ดังกล่าว
ชายอาสาที่จะไปซื้อยาแก้เมารถที่ร้านขายยาเอง โดยระหว่างนั้นชายแนะนำให้พวกผมพาแมวเข้าไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ก่อนเพื่อให้อาการของเธอค่อยยังชั่วขึ้น ซึ่งพวกผมตอบตกลงด้วยคาวมยินดี ถึงอากาศจะร่มรื่นและสบายเพียงใดแต่ก็ไม่มีใครอยากยืนอยู่กลางสนามหญ้าหน้าพิพิธภัณฑ์หรอก ดังนั้นพวกเราจึงไปดูพิพิธภัณฑ์กัน โดยค่าบริการอยู่ที่คนละ 10 บาท ( คนต่างชาติ 30 บาท ) และห้ามเอากล้องเข้าไป ซึ่งซาระต้องเอากล้องไปฝากกับเจ้าหน้าที่อย่างน่าเสียดาย
ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่านนี้ข้างในไม่มีอะไรมาก นอกจากประวัติศาสตร์ของแผ่นดินน่านในประวัติศาสตร์ และโบราณวัตถุของในประวัติศาสตร์ของน่าน ( พวกผมอ้อยอิ่งอยู่ตรงที่จัดแสดงอาวุธนานหน่อย จนกระทั่งฝนเดินหนีพวกผมไป พวกเราเลยต้องถามเธอไป ) และห้องจัดแสดงที่ซาระค่อนข้างสนใจก็คือ ห้องที่แสดงพระพุทธรูปนั่นเอง ( สาเหตุที่ซาระชอบก็เพราะว่าเธอบอกว่าพระพุทธรูปในเมืองไทยสวยไม่แพ้ที่ญี่ปุ่นเลย )
และหลังจากที่เยี่ยมชมพิพิทธภัณฑ์กันเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกมาข้างนอกกัน พอดีกับชายที่ถือยาแก้เมารถมาให้พอดีฃ
" ยังไงพักกินข้าวกันก่อนไหม " ชายถาม " ข้างหน้านั้นมีซุ้มจัดอาหารเหนือพอดีเลย "
" เอาสิ " แมนพูดขึ้นอย่างสนใจ " ว่าไงแมว ค่อยยังชั่วขึ้นแล้วใช่ไหม "
" อืม " แมวยิ้มและพยักหน้า
ดังนั้น คณะทัวร์ของพวกเราจึงเดินทางไปยังซุ้มที่เขาจัดขายอาหารเหนือกัน ครั้งแรกที่ผมเห็นราคาอาหารผมยังตะลึงเลย เพราะว่าราคาแค่ 5 บาท 10 บาทเท่านั้น ราคาถูกพอ ๆ กับงานเทศกาลโรงเรียนเราเลย ซุ้มที่เขาจัดอาหารนั้นเขาจัดกับสนามหญ้าหน้าพิพิทธภัณฑ์ วางบนโต๊ะโดยแต่ละโต๊ะนั้นจะมีราคราอาหารติดเอาไว้พร้อม และสถานที่ที่เราจะมานั่งกินกันนั้นเขาจะปูเสื่อให้และมานั่งล้อมวงกินกัน โดยใช้โต๊ะที่เขาเรียกว่า ' ขันโตก ' เล็ก ๆ กิน โดยพวกเราทั้งคณะครองอาณาเขตพื้นที่กินข้าวทั้งหมดของซุ้มชายอาหารนี้ไปกว่าครึ่ง หึ ๆ คนเยอะ ๆ
" เอาหละ " เมื่อพวกผมนั่งกันเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าห้องถาม " จะสั่งอะไรกินกันดี "
" มีข้าวขาหมูไหม " ปอถามอย่างสงสัย ผมกับปลารีบมองไปดูแมวทันทีเพราะกลัวว่าเธอจะออกอาการเมารถอีกรอบ แต่แมวนั่งกันคนละโต๊ะขันโตก เลยไม่ได้ยินที่ปอพูด
" ปอ ที่นีมีแต่อาหารเหนือนะ ไม่มีหรอกข้าวขาหมูนะ " หัวหน้าห้องยิ้มให้
" นี่ ปลา " ผมกระซิบถามปลาเบา ๆ " พวกเธอก็อยู่ที่แม่ฮ่องสอนไม่ใช่เหรอ ทำไมปอถึงไม่สั่งพวกอาหารเหนือหละ "
" เพราะว่า " ปลากระซิบตอบ " พวกเราไม่ได้อยู่ในเมืองนะสิ พวกเราอยู่กันในป่าบนภูเขา ห่างไกลความเจริญมากกว่า จะมีอย่างมากก็ไฟฟ้าเท่านั้น อีกอย่าง ก่อนที่ข้ากับปอจะโดนพวกมันจับตัวไป พวกเราไม่ได้กินอาหารเหนือกันหรอก ปออาจลืมไปแล้วก็ได้ "
" อ๋อ " ผมเริ่มเข้าใจละ
" งั้น เอามาม่า " ปอพูดต่อมาอีก
" นี่หล่อน มาตั้งไกลจะมากินมาม่าเนี่ยนะ " จ๋าพึมพำออกมา
" ก็มันอร่อยนี่นา " ปอพูดอย่างเสียดาย
" อ่า ปอ เอางี้ไหม " ผมเขยิบตัวยเองเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ปอแล้วชี้ให้ปอดูไปตรงที่เขาแปะรายการอาหาร " เห็นอาหารนั่นใช่ไหม นั่นนะ จะสั่งอะไรสั่งเลยนะ "
" เหรอ " ปอมองไปยังตรงรายการอาหารซะนานสองนาน ในที่สุดปอก็สั่ง ขนมจีนนํ้าเงี้ยว ไป และหลังจากนั้นทุกคนก็สั่งอาหารกัน
ไม่นานนัก อาหารชุดแรกก็มาถึงโต๊ะขันโตกที่แมวนั่งกันอยู่ นั่นคือข้าวเกรียบแบบเหนือ เอามาแบบกินเล่น ซึ่งจานนี้ เทรนสั่ง
" อืม แมว กินก่อนเลยไหม " เทรนดันจานให้แมวก่อน " เธอเพิ่งเมารถมานี่นา น่าจะหิวก่อนใครเพื่อนนะ "
" ขอบใจนะ " แมวยิ้มให้ " ฉันก็หิวกันจริง ๆ นะแหละ "
" งั้น ตามสบายนะ " เทรนยิ้มให้
แต่จากที่ปากของเทรนนั้นยิ้มธรรมดากลายเป็นยิ้มค้าง เมื่อแมวเอามือหยิบข้าวเกรียบขึ้นมากิน แล้วก็จ้วงเอาเขมือบเอา กินจนเศษข้าวเกรียบกินปากหมดแล้ว เธอกินโดยใช้เวลาไวมากจนคนอื่น ๆ พูดไม่ออก โดยเฉพาะแมน และไม่ถึง 1 นาที ข้าวเกรียบสิบกว่าชิ้นในจานหมดเกลี้ยง
" อ้าาาา ! " เทรนร้องออกมา " กินแปบเดียวหมดเลย "
" ทะ โทษทีนะ " แมวพูดออกมาอย่างเขินอาย " พอดีฉันกินเพลินไปหน่อยนะ "
กินเพลิน ตั้งสิบกว่าชิ้นหมดภายใน 1 นาที ผมคิดในใจอย่างน่าอึ้ง ชิ้นนึงมันก็ไม่ใช่เล็ก ๆ เลยนะ ปากคนหรืออะไรนั่น
" ฮือ ใจร้าย " เทรนทำท่าร้องไห้ออกมาบ้าง
นั่น ผมมองไปทางเทรน ติดเซื้อโรคจิตไอ้ต้าแล้วมั้งแบบนั้น
" เอาหน่า สั่งอีกจานก็ได้ " แมนพูดปลอบเขา ( เพราะทนเห็นพฤติกรรมของเทรนไม่ไหว ) " แล้วก็นะแมว กินช้า ๆ บ้างก็ได้ ดูสิ เลอะปากหมดแล้ว มานี่มา " เขาหยิบกระดาษชำระขึ้นมา " ฉันเช็ดให้ "
ตอนแรกแมวทำท่าจะขัดขืน แต่เมื่อแมนเอากระดาษเช็ดที่แก้มของเธออย่างเบามือ เธอก็หลับตาและยอมให้แมนเช็ดให้แต่โดยดี แต่เอ่อ แมนจ๋า แมวจ๋า ลืมไปแล้วเรอะว่าเธอ 2 คนปกปิดตัวเองว่าเป็นแฟนกันอยู่นะ
" ฮั่นแน่แมว แมน " หัวหน้ายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ " หวานกันจังเลยนะ "
แมนรีบชักมือกลับจากหน้าของแมวทันที แมวรีบเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยเช่นกัน สาบานได้ว่าผมเห็นหน้าของแมวแดงระเรื่อขึ้นด้วยนะเนี่ย
" อาหารต่อไปมาแล้ว " ต้าพูดแทรกขึ้นและรับจานมาจากแม่ค้า นั่นคือ แคบหมูจานใหญ่ ซึ่งจานนี้ต้าสั่งเอง
" เอาหละ กินกันตามสบายนะ " ต้าวางลงบนโต๊ะที่ผมนั่งและบอกกับทุกคน " เพราะผมมันสุภาพบุรุษพอที่จะแบ่งปันให้กับเพื่อน ๆ ไงครับ "
ต้าพูดเสียงหวานและหันมามองดูผม หวังว่าผมจะซึ้งกับคำพูดของเขา แต่ทว่าเมื่อเขาหันไปมอง
" เพราะฉะนั้น มิ้นครับ " ต้าหันหน้ามองดูพวกผม " กินตามสะ... เย้ยยยย กินหมดแล้วเรอะ ! "
แหงหละครับ พอทุกคนได้ยินคำว่า ' กินกันตามสบาย ' ต่างคนต่างก็รีบหยิบและใส่ปากทันที และพอต้าพูดไปจนจบ แคบหมูทั้งจานก็หมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ
" คือ โทษทีนะ " ปลายิ้มอย่างขัดเขิน " พวกเรากินกันหมดแล้วอะ "
" แม้แต่มิ้นก็ด้วยเหรอครับ " ต้าหันมามองดูผม เพราะเมื่อกี้ผมเพิ่งจะเอาแคบหมูชิ้นสุดท้ายใส่ปากพอดี
" ก็นะ " ผมยักไหล่ตอบ " นายบอกเองนิว่ากินกันตามสบายนะ "
" โถ่ " ต้าทำท่าร้องไห้ออกมาอีก " ผมกะว่าจะกินบ้างสักชิ้นสองชิ้นก็ยังดี "
" มันหมดแล้วแหละ " ปอบอก " แต่ในปากมิ้นยังมีอยู่นะ ไปกินต่อเลยนะ "
ผมเกือบจะสำลักเศษแคปหมูที่เคี้ยวอยู่ในปากออก ปอ เอาอะไรมาพู๊ดดดด !
" จริงด้วย " ต้าเอามือซ้ายแบออกแล้วก็เอามือขวากำหมัดและทุบใส่ฝ่ามือที่แบออกของมือซ้าย " ถ้างั้น มิ้นคร้าบ ขอกินต่อทีนะครับ "
ต้าขยับตัวเข้ามาใกล้ผมและทำท่าปากจู๋เข้ามาใกล้
" อยากมาใช่มะ มาสิ " ผมบีบมือตัวเองทั้งสองข้างจนมีเสียงดังกรอบแกรบ ส่งผลให้ต้าต้องหน้าซีดและรีบถอยกลับไปนั่งที่เดิมอย่างรวดเร็ว
" ไม่ต้องดีกว่าครับ เกรงใจ " ต้ารีบแก้ตัวออกมาทันที ไอ้นี่นิ หาเรื่องลามกได้ทุกเวลาเชียวนะเอ็ง
จานต่อไปก็คือ แต่ทว่า คนที่กินนั้นกลับไม่ใช่เจ้าของที่สั่ง แต่เป็นแมวต่างหาก เธอคว้าช้อนและตักใส่ปากตัวเองอย่างรวดเร็วจนหมดภายในไม่ถึง 20 วินาทีอย่างไม่น่าเชื่อ "
" แล้วของพวกเราจะโดนไหมเนี่ย " ชายพึมพำออกมา แหงหละ สั่งอะไรมาโดนแมวแย่งกินหมด
แต่เมื่ออาหารอย่างสุดท้ายโผล่มา แมวก็เริ่มกินไม่ไหว และพวกเราก็แบ่งกันกิน และหลังจากนั้นก็พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน และเมื่อถึงเวลาที่ต้องไป พวกเราก็จ่ายเงิน ( ซาระเลี้ยงตามเคย ) และก็ขึ้นรถเพื่อไปอุทยานแห่งชาติศรีน่านกันต่อ
" อืมขอโทษนะพลอย " เทรนเดินไปหาปลาที่เขากำลังจะขึ้นรถพอดี " ขอแลกรถกันนั่งได้ไหม "
" ทำไมเหรอ " ปลาถามอย่างสงสัย โดยที่มีฝนแอบฟังด้วยความสนใจยิ่ง
" ก็ อยากลองเปลี่ยนคันนั่งดูบ้างนะ " เทรนพึมพำตอบ แต่ตาของเขาเหลือบมองดูปอที่ขึ้นไปนั่งแล้ว
" แต่ว่า... "
" เอาหน่า ๆ พลอย " ฝนเดินมาจับไหล่ปลา " ให้เทรนนั่งไปรอบเดียวคงโอเคมั้ง เนอะ "
ฝนขยิบตาให้กับปลาโดยที่เขาไม่เข้าใจ แต่ผมกลับรู้เลยว่าที่ฝนบอกแบบนั้นเพราะอะไร
เทรนยืนรอคำตอบอย่างใจเย็น ปลามองดูเขาอย่างไม่เข้าใจ แต่เขาก็ยักไหล่
" อืม ก็ได้ " ปลาตอบและเดินไปรถอีกคัน โดนฝนบอกกับปอว่าเทรนกับปลาจะนั่งสลับคันกันรอบนึง ซึ่งปอก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนผมนั้นในฐานะที่เป็นผู้หญิงมานาน ผมเข้าใจแจ่มแจ้งทันที
หรือว่า เทรนจะ...
ผ่านมาแล้วครึ่งชั่วโมง พวกผมในรถคั่นเวลาในการรอโดยการเล่นไพ่ยูกิกัน โดยการแบ่งพื้นที่ในรถโดยเหลือพื้นที่ตรงกลางเอาไว้ และพวกเราก็มานั่งล้อมวงเล่นกัน โดยที่ฝนนั่งอยู่เบาะหลังและมองดูหนุ่ม ๆ เล่นด้วยความสนใจ
" ฉันขอสั่งให้ให้ใช้ไพ่ใบนี้โจมตีนาย " แมนหยิบไพ่จากบนมือตนเองและวางลงบนเบาะที่นั่งบนรถ " ทีนี้นายก็แพ้แล้ว ไอ้เทรน "
" เฮอะ ไม่มีทาง " เทรนพูดขึ้นมาบ้าง และพลิกไพ่ใบหนึ่งที่วางควํ่าหน้าอยู่ " ฉันขอเปิดใช้ไพ่ใบนี้ นั่นคือ ไพ่แผ่นดินสะเทือน "
เทรนหยิบไพ่ใบนั้นขึ้นมาและวางหงายหน้าลงกับเบาะที่นั่งรถ
" ด้วยผลจากไพ่ใบนี้ ทำให้การโจมตีของนายสะท้อนกลับไปหานายทั้งหมด และนายก็ต้องแพ้ " เทรนยิ้มอย่างชัยชนะ
" ว้า สู้เทรนไม่ได้สักทีแฮะ " แมนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
แต่ทว่า ทางข้างหน้านั้นเป็นพื้นที่ที่เขายังสร้างถนนไม่เสร็จ ทางเลยขรุขระมาก และเมื่อต้าขับรถผ่าน ก็ทำให้รถทั้งคันสั่นไปสั่นมาจนน่าหวาดเสียว ราวกับพวกเขากำลังนั่งอยู่บนรถที่โยกไปโยกมาในสวนสนุก
" โอ้ย ต้า เบา ๆ หน่อย " แมนพึมพำออกมาเมื่อกองไพ่ที่วางเอาไว้กระจัดกระจายไปหมด " เบา โอ้ย " เขาร้องออกมาเมื่อรถสะเทือนจนหัวไปโขกกับหลังคารถ
แม้แต่ปอเองก็ตั้งตัวไม่ทัน เธอหงายหลังล้มตัวไปนอนหงายกับเบาะที่นั่งรถ ตัวของเธอล้มลงไปนอนหงายในสภาพที่หัวของเธออยู่บนเบาะรถและชิดกับประตูรถตู้พอดี ส่วนเทรนนั้นเขาก็ควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เขาก็ร่วงลงไปนอนควํ่าทับร่างของปอพอดี บริเวณแผ่นอกของเด็กหนุ่มก็ไปทับกับหน้าอกของปอพอดี ใบหน้าของเขาก็ไปซบกับต้นคอของปอพอดิบพอดี
ส่วนตัวผมนั้นหงายหลังควํ่าหน้าไปหลังรถ จมูกของผมก็ดันไปบี้กับกระเป๋าเดินทางของคนอื่นอีก ส่วนแมนนั้นเขาก็ล้มจนหน้าจะทิ่มกับพื้นรถ แต่เขาใช้มือขวาจับที่เบาะที่นั่งคนขับที่ต้าอยู่ได้ ในขณะที่มือซ้ายของเขานั้นประคองร่างของแมวเอาไว้และจับดันตัวของเธอให้เธอมาซบแผ่นอกของเขา ใบหน้าของเธอจึงมาอยู่กับแผ่นอกของแมนทันที จนเธอได้ยินเสียงเต้นของหัวใจของแมนชัดเจนเต็มรูหูของเธอ เพราะว่าแมนต้องยึดร่างของเธอไม่ให้กระเด็นนั่นเอง ส่วนซาระนั้นไม่ต้องพูดถึง เธอเอามือของเธอจับกับเบาะที่นั่งรับแรงกระแทกแล้ว เพราะว่าเธอนั่งอยู่เบาะหน้า จึงรู้ได้ล่วงหน้าว่าจะต้องผ่านถนนที่ขรุขระ แน่นอนว่าฝนเองก็ที่อยู่เบาะหลังมาโดยตลอดเธอก็คว้าเอามือเกาะกับราวบนรถ สรุปก็คือ นอกจากต้าที่เป็นคนขับรถแล้ว มีแต่ซาระกับฝนเท่านั้นที่ไม่ต้องล้มลุกคลุกคลานแบบพวกผม
เส้นทางถนนที่ขรุขระนั้นผ่านไปสักพัก เพราะว่าเขาซ่อมถนน และสักพักต้าก็ขับรถผ่านตรงช่วงถนนนรกนั่นมาได้ และแน่นอนว่ารถที่หัวหน้าห้องขับตามมาก็ต้องเผชิญกับถนนขรุขระเช่นกัน
" อูย " ผมดันหน้าตัวเองขึ้นและหันหลังกลับมานั่งบนที่นั่งเหมือนเดิม " นี่ ต้า ไปทางอื่นไม่ได้ไง "
" มีทางนี้ทางเดียวอะ " ต้าตอบ " ถ้าอ้อมนี่ไปไกลเป็นกิโล ๆ เลยนะ "
" อ้อเหรอ แล้วทำไมไม่บอกก่อนฟระ "
" ไม่รู้นิว่ามันจะสะเทือนขนาดนี้ " ต้าแก้ตัวออกมา เหอ ๆ
" แล้วไม่เป็นไรนะ ทุก... " ผมเอ่ยถามได้แค่นี้ก็ต้องพบกับฉากตะลึงข้างหน้าผมถึง 2 ฉากด้วยกัน
ภาพแรกที่ผมเห็นก็คือ แมนกำลังกอดแมวอยู่ เขาเอามือโอบล้อมตัวเธอเอาไว้และใบหน้าของแมวก็ไปซบอยู่กับแผ่นอกของแมน ถึงรถจะหยุดหายสะเทือนแล้ว แมนก็ยังไม่ปล่อยให้แมวออกมา ส่วนแมวเองก็ไม่ดันตัวเองออกมาจากตัวของแมนด้วย ราวกับว่าเธอเต็มใจที่เธอจะซบหน้าตัวเองกับแผ่นอกของแมน เธอหลับตาหน้าแดงราวกับว่าเธอกำลังฟังเสียงหัวใจของแมนอยู่
ส่วนภาพที่สองนั้นก็คือ ภาพเทรนกำลังนอนทับลงบนตัวของปอ ทั้ง 2 คนมองหน้ากันโดยที่ตาแทบไม่กระพริบ ถึงเทรนจะลุกดันตัวเองไม่ให้ทับลงบนร่างบาง ๆ ของปอแล้วก็ตาม แต่เด็กหนุ่มก็ยังมองหน้าเด็กสาวอยู่ ต่างฝ่ายต่างจ้องตากัน ผมเริ่มสังเกตแล้วว่าใบหน้าของปอเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ แถมหน้าของเทรนเองก็เริ่มแดงขึ้นเช่นกัน
เสียงภายในรถเงียบลง มีแต่เสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นเล็กน้อยและเสียงเครื่องปรับอากาศเท่านั้น ซาระกำลังมองดูแผนที่ ส่วนต้านั้นไม่ได้มองดูผ่านกระจกหลังเพราะว่าทางข้างหน้านั้นเป็นขับรถริมเขา เขาจึงละสายตาจาถนนไม่ได้ ผมรีบมองดูปอทันที เพราะว่าผมได้ยินเสียงลมหายใจของเธอจนผมได้ยินเสียชัดเจนเลย และตอนนั้นเอง ผมเห็นบริเวณขาของเธอ พบว่าหางของเธอหลุดโผล่ออกมาจากใต้กระโปรง เวรกรรมหละ
" อะ แฮ่ม " ผมเอ่ยขึ้นมาเสียงดังจนทั้ง 4 คนถึงกับสะดุ้ง " ทำไมเงียบจังเลย "
แมนรีบดันตัวแมวให้ออกจากตัวเองทันที แมวรีบมองดูผมทีและแมนทีโดยที่หน้าของเธอแดงแป้ดราวกับลูกตำลึง ส่วนแมนนั้นรีบเอามือข้างซ้ายเกาหัวตัวเองแก้เขิน ส่วนเทรนนั้นรีบดันตัวเองออกมาจากปอทันที จนตัวของเขาชนกับแมนที่ยืนเกาะเบาะที่นั่งใกล้ ๆ กัน ปอนั้นรีบลุกขึ้นมานั่งบนที่นั่งทันทีและเอามือตนเองทั้ง 2 ข้างกุมเอาไว้ที่หน้าอกตัวเอง เธอมองดูเทรนอย่างสงสัยและไม่เข้าใจ และเธอก็รีบหันมามองดูผมด้วย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสน
ผมรีบก้มลงไปนั่งลงบนเบาะที่นั่งข้าง ๆ ปอ พลางแอบเอามือจับหางของเธอให้เข้าไปในกระโปรงมากขึ้นเพราะเมื่อกี้มันเกือบโผล่ออกมา ซึ่งโชคดีที่ไม่มีใครเห็น เพราะแมนกับเทรนนั้นต่างคนต่างก็เกาหัวกับเอามือจับผมตัวเอง ส่วนแมวเองก็ทำท่าทีมองออกไปข้างนอกรถและทำตัวราวกับว่าเธอมองดูวิวข้างนอก
" นะ นพ " ปอกระซิบถามผมเสียงสั่น " นะ นี่ ข้าเป็นอะไรไป ทำไมตัวมันสั่น ๆ แถมหัวใจเต้นเร็วจนไม่ยอมหยุดด้วย "
ฝนเองก็ย้ายตัวเองมาจากเบาะหลังและมานั่งข้าง ๆ ปอทางฝั่งขวา
" อ๋อ หมายถึงความรักนะจ๊ะ " ฝนแอบกระซิบข้างหูปอ จนเธอถึงกับหน้าแดงอีกครั้ง
" คะ ความรักเหรอ " เธอเริ่มถามอย่างกระวนกระวาย แล้วก็มองมาทางผมทีและเทรนที่ ดูเหมือนกับว่าเธอจะสับสนในใจเอามาก ๆ
" ใช่ " ฝนพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น " เธอนะ อาจจะชอบหนุ่มเทรนโดยไม่รู้ตัวเลยก็ได้นะ และดูเหมือนว่า " ฝนมองไปทางเทรน ซึ่งทำให้ปอมองตามเธอไปด้วย ส่งผลให้เทรนต้องรีบหลบตามองไปทางอื่นทันที " หนุ่มเทรนเองก็กำลังแอบปิ๋งเธออยู่ด้วยนะ ว้าย ๆ "
ใช่จริง ๆ ด้วย ผมแอบมองเทรนผ่านทางหางตา เทรนมันแอบชอบปอจริง ๆ มิน่า ทำไมมันถึงแอบชอบปออยู่ตลอดตั้งแต่ตอนอยู่โรงเรียนแล้ว
ปอเองก็มองผม ท่าทางเธอจะกังวลมาก เธอมองหน้าผมราวกับว่าเธอจะถามผมว่า จริงรึเปล่า ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไง ผมค่อย ๆ พยักหน้าราวกับหุ่นยนต์พยักหน้า ผมมองเห็นตาของเธอโตขึ้นจนรู้เลยว่าเธอตกใจมาก
" เอาหน่า ไม่ต้องกลัวหรอก เธอรักเขารึเปล่าหละ " ฝนถามปออย่างกระตือรือร้น
เธอมองดูผมอีกรอบ และก็มองเทรนต่อ
" แล้ว " ปอค่อย ๆ ถามอย่างแผ่วเบา " ความรักมันคืออะไรเหรอ "
หลังจากที่เกิดเรื่องวุ่น ๆ มากมายบนรถเมื่อสักครู่นี้ ( ต้ากับซาระก็ถามอีกรอบว่าทำไมถึงเงียบกัน ฝนแก้ตัวบอกว่าก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันก็เลยเงียบ ทั้ง 2 คนเลยไม่ได้สงสัยอะไรต่อ ) ในที่สุด ต้าก็ขับรถพาพวกเรามาสถานที่เที่ยวที่ใหม่ของการมาเที่ยวในครั้งนี้แล้ว นั่นก็คือ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน
รถตู้พาพวกเราขึ้นภูเขาไปหลายกม. ในที่สุดรถก็พาพวกเรามาถึงลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งเมื่อพวกเรามองไปข้างนอกตัวรถถึงกับต้องอุทานออกมาใจว่า ' สวยงาม '
พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติศรีน่านตรงที่พวกเราอยู่นั้น คือลานกว้างที่ปูด้วยพื้นถนน มองไปข้างหน้านั้นเป็นสวนหินที่ติดกับร้านอาหารที่ยื่นออกไปทางหน้าผา ส่วนทางขวานั้นคือวิวของภูเขาสลับซับซ้อน มีก้อนเมฆลอยละล่องอยู่บนท้องฟ้าราวกับทะเลสีขาว ทางซ้ายนั้นเป็นภูเขาที่สูงลิ่วจนเรามองจากในรถไม่เห็น และเมื่อรถขับขึ้นมาบนที่จอดรถและหันหน้ารถไปทางซ้าย ทำให้เรามองเห็นที่ทำการอุทยานในส่วนของนักท่องเที่ยวอีกด้านนึงล
" เดี๋ยวซาระไปเช็ดอินก่อนนะ " ซาระปลดเข็มขัดนิรภัยออกแล้วก็เปิดประตูรถออกไป โดยมีหัวหน้าห้องที่เดินออกมาแล้วในชุดเสื้อกันหนาว
" ข้างนอกหนาวนะ " ต้าบอกและชี้ไปบนหน้าปัดตรงเหนือเครื่องเล่นวิทยุรถ ซึ่งขึ้นเลข 21 อยู่ " ดังนั้นใส่เสื้อกันหนาวไว้เลยนะทุกคน "
พวกเราในรถหยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมา แวบนึงผมรู้สึกถึงสายตาแปลก ๆ ที่มาจากทางต้า เมื่อผมรีบหันไปมองดูเขา เขาก็มองผมจริง ๆ แต่เขาก็ยักไหล่แล้วก็สวมเสื้อกันหนาวของเขาต่อ
ทำไมหว่า ?
เมื่อพวกผมเดินเปิดประตูรถออกไป ลมหนาวเข้ามาปะทะกับหน้าทันทีจนผมถึงกับต้องตัวสั่นขนลุกชั่ววูบ ผมกระซับเสื้อกันหนาวให้ห่มร่างตัวเองให้มากขึ้นและยัดมือตนเองเข้าไปในกระเป๋ากางเกง โอ้ยยย หนาววุ้ย
" มิ้นคร้าบ " ต้าเดินมาหาผมทันที " อากาศหนาวแบบนี้ละก็ ให้ผมกอดให้เอาไหมค้าบ "
" จะกอดหนูเหรอคะ ไม่ต้องหรอก หนูไปกอดเอง "
แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงผมหรอกที่พูด แต่เป็นเสียงน่าขนลุกที่ผมนึกไม่ถึงว่าจะมาทีนี่ด้วย และเมื่อผมหันไปมองดูต้นเสียง
" ฮาย มิ้น " พอลล่า กระเทยน้อยจากชมรมการแสดงนั่นเอง เขาใส่เสื้อกันหนาวสีชมพูและผ้าพันคอสีเหลืองอยู่ ใบหน้ายังอุบากว์เหมือนเคยเลยนะ " มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอ บังเอิญจังเลยเนอะ "
" นะ นี่ แก " ต้าค่อย ๆ เดินถอยหลังและยกมือที่สั่นเทาชี้ไปทางกระเทยคนนั้น จนผมไม่รู้ว่ามือของเขาสั่นเทาเพราะอากาศหนาวหรือเพระความกลัวกันแน่
" ความจริงแล้ว เค้านะ กำลังจะกลับแล้วนะ " พอลล่าเดินเข้ามาหาต้าเรื่อย ๆ ขนาดใส่เสื้อกันหนาวหนายังไงผมยังมองออกเลยว่ากระเทยผู้นี้เดินบิดตูดด้วย " แต่เขาขอลาสุดที่รักของเขาก่อนน้า "
" เฮ้ย ๆ " ต้ารีบเดินถอยหลังเข้าไปอีก
" มามะ ที่รัก มาให้เขากอดหน่อย " กระเทยพอลล่ายื่นมือไปข้างหน้าและเตรียมโผเข้ากอดเต็มที่ แต่ทว่า
ผวั๊ะ ! !
ต้าทนไม่ไหว เขากระโดดหมุนตัวแล้วก็เหวี่ยงเท้าเตะใส่หน้ากระเทยพอลล่าทันที ร่างของพอลล่าหมุนกลางอากาศครึ่งรอบก่อนที่จะตัวกระแทกกับพื้นแล้วก็ไถลไปกับพื้นถนน โหย โหดมากเลยไอ้ต้า
" ไง " ต้าร้องออกมาอย่างท้าทาย " จำไว้เลยนะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก "
แต่ทว่า กระเทยพอลล่ากลับยกขาขึ้น หมุนขาไปมาก่อนที่จะดันตัวเองขึ้นมาจากพื้นและมายืนทรงตัวไอ้อย่างเชี่ยวชาญ ราวกับว่าที่โดนต้าเตะไปเมื่อกี้นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบกับเธอเลยแม้แต่น้อย แถมบนใบหน้าของเธอยังมีรอยฝ่าเท้าของต้าประทับตราอยู่เลย หวึย
" ว้าย " กระเทยน้อยพอลล่าทำท่ากระดี๊กระด๊าเข้าไปใหญ่ " ชอบความรุนแรง แบบนี้ พอลล่าช๊อบชอบ "
" เฮ้ย ! " ต้าร้องออกมาอย่างตกใจ และยิ่งตกใจเข้าไปอีกเมื่อลูกเตะเมื่อกี้ทำอะไรพอลล่าไม่ได้ แถมยังเดินมาหาเขาอีก
" ที่รักขา ให้หวานใจกอดหน่อยน้า "
" อยะ อยะ อยะ อย่า ขะ ขะ เข้า มะ มะ มา นะ " ต้าพึมพำเสียงสั่นออกมา ซึ่งผมยังไม่รู้อยู่ดีว่าเขาเสียงสั่นเพราะความกลัวหรือความหนาวกันแน่
" ที่รักขา " กระเทยพอลล่าตอนนี้เข้ามาถึงระยะประชิดกับต้าแล้ว
" มะ ม่ายยยยยยยยยย ! "
ความคิดเห็น