ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Help i am a Girl ! Special !! : ตอนพิเศษ

    ลำดับตอนที่ #16 : ตอนพิเศษ - เที่ยวตะลุยเหนือ อีสาน ตอนเจ็ด : วันที่ 3 ของการมาเที่ยว

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 52


    ผมนอนบิดตัวอยู่บนเตียง และใช้ผ้านวมห่มตัวเองให้มากขึ้นเมื่อผมรู้สึกตัว ผมไม่ได้เอาถุงเท้าออกมาใส่เท้าผมเลยเย็นเฉียบราวกับไอติม ผมเอาหัวซุกไปกับหมอนมากขึ้น หนาว ๆ แบบนี้ต้องซุกตัวนอนกับผ้าห่มอุ่น ๆ สิ อร๊าง มีความสุข

    ผมเอามือพยายามคว้าผ้านวมอีกส่วนที่ยังไม่ได้เอามาซุกกับคอของผมโดยที่ผมยังหลับตาอยู่ มือของผมยื่นไปข้างหน้าเพื่อควานหาผ้านวม แต่กลับเจออะไรที่มันอุ่น ๆ เย็น ๆ และนุ่ม ๆ ยังไงชอบกล

    เปลือกตาของผมลืมครึ่งนึง ผมรู้สึกเหมือนเห็นอะไรขาว ๆ เหลือง ๆ ผมจึงหลับตาและลืมตาข้างนั้นขึ้นอีกครั้ง

    ผมเห็นใบหน้าของฝน เมื่อผมลืมตาจนเต็มตาทั้ง 2 ข้าง ผมก็เห็นฝนนอนตะแคงข้าง เธอใช้มือซ้ายของเธอยันหัวเอาไว้ เธอซุกมานอนอยู่ใต้ผ้านวมผมและมองผมตาแป๋ว

    อ๋อ ฝนนี่เอง ผมพึมพำในใจแล้วก็หลับตานอนต่อ

    ฝนเหรอ...

    !!

    เย้ยยยยย !

    ผมตกใจและรีบลุกขึ้นถอยออกมาจากเตียงตัวเอง เพื่อให้หนีห่างจากฝนให้ไวที่สุด ผมรีบลุกขึ้นแล้วก็ใช้มือกับแขนตัวเองกระเถิบให้ห่างจากฝน มือของผมคว้าอากาศเมื่อเลยจากเตียงไปสักพักหนึ่ง

    โครม !

    ผมหงายหลังกระแทกกับพื้นห้องพัก ส่วนที่กระแทกเต็ม ๆ ก็คือบั้นท้ายของผมนั่นแหละ ล้มกระแทกกับพื้นจัง ๆ เลย ผ้านวมส่วนนึงตกลงพื้นพร้อมกับผม  ผมเอามือลูบหลังกับบั้นท้ายตัวเอง โอ้ยยย ก้นจํ้าบ๊ะ !

    " ฮิฮิ ตลกจังเลยนะมิ้น " ฝนเอาผ้านวมที่ห่มกับผมมานอนซุกตัวเอาบ้าง

    " มะ มาได้ไง " ประสาทสัมผัสของผมฟื้นคืนชีพ 100 % เฮ้ย ไม่นะ นี่เราเผลอไปนอนเตียงเดียวกับฝนอย่างนั้นเรอะ ! ฮือ ไม่นะ ผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะมุดมุ้งสาวนะ ว่าแต่ เราไปนอนเตียงฝนตั้งแต่ตอนไหนวะ ยังไงรีบขอโทษก่อนหละ

    " ฝน " ผมรีบลุกขึ้นยืนมองดูเธอ " ระ เราขอโทษนะ คือเราไม่ได้ตั้งใจนอนเตียงเดียวกับฝนนะ "

    " ใครว่านี่เตียงฝน นี่เตียงมิ้นเองนะ " ฝนหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อเห็นผมโวายวายออกมา

    ผมรีบเอามือขยี้ตาตัวเองแล้วก็มองดูเตียงที่ฝนนอน เออ ตำแหน่งนี้มันก็เตียงเรานี่หว่า แล้วทำไมฝนมานอนเตียงเราได้อะ หรือว่า

    " ฝะ ฝน " ผมรีบถอยหลังจนหลังผมติดกับตู้เสื้อผ้าในห้องพัก " นี่ อยะ อย่าบอกนะว่า "

    " คิดอะไรของเธออยู่เนี่ย " ฝนหัวเราะคิกคักอีกรอบ " นี่มัน 8 โมงแล้วนะ เค้าเห็นว่ามิ้นยังไม่ตื่น แต่พอสะกิดแล้วก็ยังไม่ตื่นอีก เค้าเลยนอนข้าง ๆ มิ้นกะให้มิ้นตกใจเล่นไง แต่มันหนาว เลยเอาผ้านวมมาซุกนะ "

    " แล้วทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย " ผมมองดูเธอแล้วเมื่อรู้ว่าเธอมานอนข้าง ๆ ผม หน้าของผมเริ่มร้อนขึ้น ผมรีบส่ายหัวเพื่อบังคับไม่ให้มันแดงออกมา

    " แหม หน้าตามิ้นตอนนอนมันน่ารักดีนี่นา " ฝนลุกขึ้นมานั่งบนเตียงที่ผมนอน ผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย " แถมมิ้นจังอะ เสื้อนอนหลุดไปข้างนึงด้วย เซ็กซี่ดีออก "

    หะ หาาาา !

    ผมรีบมองสำรวจตัวเอง ผมใส่ชุดนอนสีครีมแขนยาวก็จริงอยู่ แต่เนื่องจากผมไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาว และตรงคอเสื้อมันก็ใหญ่เล็กน้อย เลยทำให้มันหลุดไปทางไหล่ข้างซ้าย ทำให้เปิดโชว์หัวไหล่ขาว ๆ ของผมออกมา และตรงบริเวณเนินหน้าอกนี่ก็ .... อึ้ย ดีนะที่ใส่บราตอนนอน ผมรีบเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความอาย

    " อายทำไมล่ามิ้น " ฝนยิ้มออกมาจนทำให้นักถึงแมวกำลังยิ้ม " มิ้นแต่งตัวแบบนี้ เซ็กซี่ดีออก "

    ผมรีบเอาเสื้อที่หลุดจากไหล่ซ้ายขึ้นมาปิดไหล่ซ้ายผมทันทีและรีบกอดอกโดยไม่ได้คิดว่าจะทำแบบนี้มาก่อน

    " แต่ที่เค้ามองมิ้นจริง ๆ อะนะ " ฝนมองมาทางผมด้วยแววตาโหยหา " หน้าตามิ้นตอนนอนเนี่ย ทำให้ฝนนึกถึงใครบางคน "

    " คะ ใครเหรอ " ผมรีบถามเพื่อรีบเปลี่ยนประเด็นทันที

    " ไม่รู้สิ " ฝนยักไหล่อย่างเศร้าสร้อย " ใบหน้าของมิ้นนะ มันทั้งอบอุ่น แถมยังรู้สึกว่าฝนอยากให้มิ้นปกป้องฝนยังไงก็ไม่รู้ มันทำให้ฝนนึกถึงใครบางคนที่ฝนเองก็จำไม่ได้ "

    " อยะ อย่างนั้นเหรอ " ผมเอ่ยถามเธอ

    " ใช่ " นัยน์ตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย " ไม่รู้สินะ ตั้งแต่ฝนรอดตายมาจากบนรถไฟฟ้า ฝนกลับมีความรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ ราวกับว่า ฝนไม่รู้จักคนที่ช่วยชีวิตฝนไว้เลย แถมยังรู้สึก อยากพบ อยากเจอ อะไรแบบนั้นด้วย "

    ฝน ผมเดินไปหาเธอแล้วก็เริ่มนั่งลงบนเตียง และมองหน้าฝนที่ทำหน้าเศร้าสร้อยอยู่

    อดทนหน่อยนะฝน ผมมองหน้าเธอ เรากับดอกเตอร์จะพยายามจัดการองค์กรนั่นให้ได้ และเธอก็จะปลอดภัยเอง

    " หือ มีอะไรเหรอมิ้น " ฝนเงยหน้าถามผม

    ผมเขยิบตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ ผม แล้วก็เอามือตนเองทั้ง 2 ข้างกุมที่มือของฝน มือของเธอเย็นเฉียบ เธอสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อผมเอามือของเธอขึ้นมากุม แต่ผมไม่สนใจเรื่องนั้น ผมมองดูหน้าตาของเธอ มองดูแววตาของเธอ

    " ฝน ไม่ต้องห่วงนะ " ผมบอกกับเธอ จนฝนรู้สึกถึงความกดดันแปลก ๆ " สักวันนึง เธอจะจำเขาคนนั้นได้ "

    " มิ้น " เธอเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา

    " ไม่เป็นไรหรอกนะ " ผมยิ้มให้ฝน เส้นผมของเธอลงมาปรกปิดหน้าของเธอเล็กน้อ ผมใช้มือขวาของผมยื่นไปที่หน้าของเธอ ใช้นิ้วทั้ง 2 นิ้วจับที่เส้นผมของเธอแล้วก็ปัดออกอย่างเบามือ เธอมองผมจนเธออึ้งและไม่กล้าแม้แระทั่งขยับตัวเอง ผมได้ยินเสียงแม้กระทั่งลมหายใจที่หนักขึ้นของเธอ

    ฝน ผมมองหน้าของเธอ หน้าของผมเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่มีวันให้เธอต้องมาพบกับอันตรายแบบนี้อีก

    ผมยื่นหน้าตัวเองเขาไปใกล้ฝนมากขึ้น ฝนมองผมด้วยนัยน์ตาที่สงสัย แต่ผมไม่สงสัยเรื่องนั้นหรอก

    ฉันรักเธอนะ ฝน ผมคิดในใจขณะที่ผมมองเธอ

    แววตาของผมนั้นมองหน้าของผม เธอรู้สึกได้ถึงใจของเธอที่เต้นรัวราวกับตีกลอง รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่หนักขึ้นของเธอเอง เธอเริ่มมองผมอย่างสับสน

    ทำไมกันนะ ฝนเริ่มคิดอย่างอ่อนแรง ความรู้สึก เหมือนกับว่า สิ่งที่เราต้องการ มันอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง

    เธอเริ่มเงยหน้ามองดูผม ราวกับว่า เธอต้องการที่จะตอบรับสนองความรู้สึกของเธอ ลมหายใจของเธอหนักหน่วงขึ้นเมื่อใบหน้าของผมเข้ามาใกล้เธอขึ้นไปอีก

    หรือว่า ฝนเริ่มหลับตาลง หรือว่า นี่เรา..

    " มิ้น ฝน เสร็จรึยัง เดี๋ยวจะไปกันแล้วนะ " ฟ้าพูดขึ้นและถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของผมกับฝน และต้าก็ต้องเห็นฉากสุดช็อต

    เพราะในตอนนี้ ผมกับฝนกำลังนั่งอยู่บนเตียง มือของผมเอาขึ้นมากุมมือของฝนและใบหน้าของเราทั้ง 2 คนกำลังจะชนกัน แถมเสื้อตรงหัวไหล่ซ้ายของผมก็หลุดออกมาอีกรอบโดยที่ผมไม่สังเกตและไม่รู้ตัว

    ผมกับฝนมองดูฟ้า และฟ้าเองก็มองดูผมกับฝนเช่นกัน ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ตาของผมมองดูฟ้าโดยที่ไม่กระพริบ ส่วนฟ้านั้นยืนมองซะจนหน้านิ่ง

    เมื่อผมรู้ตัวขึ้น ผมเริ่มหน้าแดงออกมาด้วยความอาย มือของผมรีบปล่อยออกมาจากมือของฝนอย่างรวดเร็ว

    " มะ ไม่รบกวนแล้วนะคะ " ฟ้าเริ่มปิดประตูลง " ชะ เชิญตามสบายค่า "

    " มะ ไม่ใช่นะฟ้า " ผมรีบพูดออกมาอย่างร้อนรน " เราไม่มีอะไรจริง ๆ "

    " เอาหน่า ๆ ฉันเข้าใจ "

    " แล้วเธอเข้าใจอาร้ายยยยยย "

     

    หลังจากที่ผมปรับความเข้าใจกับฟ้าได้แล้ว ( ผมบอกเธอไปว่าเธอหนาวเลยไปจับมือเธอเฉย ๆ ซึ่งฟ้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เหอ ๆ ) ซึ่งฟ้ามาแจ้งข่าวว่าเมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้วจะเดินทางทันที เพราะต้ากับหัวหน้าห้องอาจไม่เชี่ยวชาญเรื่องเส้นทาง และซาระบอกว่าถ้าไปถึงก่อนก็น่าจะดีกว่าเพราะจะได้ไปสำรวจที่พักใหม่เลย ( แหงหละ นอนแค่คืนเดียว ) ดังนั้นเลยอยากให้พวกผมเก็บของกันเลย และเอาของไปวางไว้ที่ข้างล่าง กินข้าวเสร็จแล้วจะได้กลับมาเอากระเป๋าขึ้นรถทันที ซึ่งผมรีบทำด้วยความยินดี ( ส่วนฝนนั้นเธอก็เก็บของตามปกติไม่พูดไม่จา แต่ก็ ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรกับผมอีก ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ผมดันเผลอทำแบบนั้นออกมาอีกเป็นครั้งที่ 2 เหอ ๆ )

    แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจกว่าผมกับฝนอีก นั่นคือเมื่อผม ฝน และฟ้ายกกระเป๋าเดินทางลงไปชั้นล่าง ก็ต้องพบกับสภาพของคน 3 คนในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย นั่นคือ แมว แมว และจ๋า นั้นเอง อาวุธของพวกเขายังกำไว้ในมือ แต่ก็นั่ง ๆ นอน ๆ หมดสภาพกับพื้นบ้านพัก

    " หวึย " ผมอุทานเมื่อมองดูรอบ ๆ ปอกับปลากำลังช่วยพยุงแมวและจ๋าให้ลุกขึ้นนั่งอยู่ " นี่นอนกันตรงนี้เลยเหรอเนี่ย แล้วสรุปแล้วจับยุงได้ไหม "

    " ไม่ได้เลย " แมนพึมพำออกมาเสียงแหบ " ไอ้ยุงบ้าตัวเดียวมันดันทำให้พลังที่ฉันสะสมมา 3 วันหมดเกลี้ยง "

    " อุตส่าห์เตรียมอาวุธชั้นยอด " แมวพึมพำออกมาบ้างด้วยความเจ็บใจ " แต่ก็ยังจับมันไม่ได้ "

    " หระ เหรอ " ผมเดินไปข้าง ๆ เขา

    ส่วนยุงเจ้าปัญหานั้นบินมาเกาะอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ผม เพื่อพักเหนื่อย แต่เมื่อมันมองขึ้นมาข้างบน

    แป้ดดด !

    ผมยกกระเป๋าเดินทางใบของผมวางลงบนโต๊ะตัวนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยว่ายุงเจ้าปัญหาที่ทำให้คณะเดินทางของเขาหัวปั่นมาถึง 2 คืนนอนเละอยู่ใต้กระเป๋าเดินทางผมเรียบร้อยแล้ว

    " เอาเถอะ เราไปที่ใหม่แล้วก็คงไม่เจอยุงเจ้าปัญหาแล้วหละมั้ง " ผมเดินไปช่วยแมนให้พยุงลุกขึ้นนั่งบนโซฟาบ้าง

    " งั้นเดี๋ยวตอนขึ้นรถก็ไปนอนบนรถแล้วกัน " หัวหน้าห้องบอก "  จะได้พักผ่อนกัน "

    " อืม ขอโทษนะ " แมนพูดไปหัวเอียงไปเอียงมาแล้วก็ซบกับโซฟาแล้วก็เริ่มนอน เหอ ๆ 

    หลังจากที่พวกเราโช้ยข้าวเช้ากันแล้ว ก็เดินทางกลับมาเอากระเป๋าขึ้นรถทันที ( เทรน ปอ กับปลาช่วยกันหามแมน จ๋า และแมวขึ้นรถ เหอ ๆ ) ส่วนซาระเดินไปเช็ดเอ้าท์ออกจากรีสอร์ท และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ต้าก็ขับรถไปรับซาระที่สำนักงานรีสอร์ทแล้วก็ขับรถออกจากรีสอร์ทเพื่อเดินทางไปยังที่ต่อไปทันที

    เส้นทางไปยังอุทยานแห่งชาติศรีน่านนั้นไปยังไงและไปถนนทางหลวงสายไหนผมไม่รู้หรอกนะ ที่รู้ ๆ ก็คือพวกเรานั่งกันมาชั่วโมงนึงแล้ว 20 นาทีแรกก็มีเรื่องเม้าท์แตกกันเนี่ยแหละ พอนาทีที่ 25 มันก็เริ่มเบื่อ และนาทีที่ 30 ก็ง่วง เหอ ๆ

    ตอนที่พวกเราออกจากรีสอร์ท ต้าก็เปิดกระจกรถอยู่หรอก แต่พอรถผ่านเข้าตัวเมือง เขาก็ปิดกระจกรถลง และเติมความเย็นให้กับแอร์แทน ตอนนั้นเอง เจอเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมหลับไม่ลง

    แมวเป็นคนเดียวที่สีหน้าไม่ค่อยดีเมื่อต้าขับรถมาสักพัก และผลจากการที่เธออดนอน 2 คืนเพื่อไล่จับยุงเพียงตัวเดียวแต่กลับจับไม่ได้ ส่งผลทำให้เธอถึงกับเมารถได้ง่าย แน่นอนว่าพวกเราในรถนั้นตอนนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอเมารถ ซาระที่นั่งหน้ารถกับต้าก็นั่งดูแผนที่อยู่ ( เป็นแผนที่ภาษาญี่ปุ่นของหนังสือเที่ยวเมืองไทย ) ต้าก็ขับรถอยู่ แมนนั้นเอาขนมขึ้นมากิน ส่วนปลา ปอ กับผมนั้นมองวิวข้างนอกรถ แมวเธอเริ่มเอามือปิดปากและพึมพำออกมาว่าจะอ้วก ปอเป็นคนแรกที่เห็นพฤติกรรมของแมว

    " นี่ ๆ มิ้น " เธอเรียกผม

    " มีอะไรเหรอปอ " ผมถามเธอไปตามองดูวิวไป

    " แมวเขาท้องเหรอ "

    เอี๊ยดดดดดด ! โป๊ก ! พรวด !

    ต้าเบรกรถกระทันหันจนหัวเขาไปกระแทกกับพวงมาลัยรถ ส่วนซาระนั้นโชคดีที่เธอกางหนังสือพอดี เลยทำให้หนังสือเล่มนั้นรองรับหน้าผากของเธอไม่ให้กระแทกกับช่องเก็บของหน้ารถ ผมเองก็เช่นกัน เพราะว่าต้าเบรกรถกระทันหันทำให้ผมตั้งตัวไม่ทัน หน้าเลยทิ่มกับกระจกข้างรถทันที ส่วนแมนนั้นนะเหรอ ขนมที่อยู่ในปากพุ่งพรวดออกมาจนเขาสำลัก แมวเองก็ทำท่าเหมือนจะอ้วกเข้าไปอีก ส่วนปลานั้นมองดูแมวอย่างสงสัย แน่นอนว่ามีเสียงเบรกเอี๊ยดดังมาจากหลังรถ รถตู้อีกคันที่หัวหน้าขับก็เบรกเหมือนกัน

    " จะ จะบ้าเหรอ " ต้าหันหน้ามา หน้าผากของเขามีรอยแตกซิบ ๆ ออกมาและมีเลือดไหลย้อยลงมา " แมวเขาแค่เมารถต่างหากเล่า "

    " เอ่อ ต้าคุง " ซาระหยิบกระดาษชำระหน้ารถออกมา " เลือดออก "

    ต้ารับกระดาษชำระมาจากซาระ ส่วนผมมองดูปออย่างตกใจ

    " มะ ไม่ใช่หรอก " ผมรีบอธิบายให้ปอฟัง " แมวเขาเมารถนะ ไม่มีอะไรมากหรอก "

    " อ้าวเหรอ " ปอเอียงคอถามอย่างสงสัย " พอดีเห็นแมวทำท่าเหมือนจะอ้วก ก็นึกว่าจะแพ้ท้องซะอีก คนที่แพ้ท้องก็ต้อง อ้วกออกมาสิ จริงไหม มันต้องอ้วกนินาถึงจะหาย "

    แมวรีบเอามืออีกข้างปิดปากของเธออีก เธอก้มหน้าสุดชีวิตเพื่อกันไม่ให้ตนเองอ้วกออกมา ส่วนผมนั้นมองดูแมวด้วยความสงสารจับใจ

    คำก็อ้วก สองคำก็อ้วก แมวป่านนี้จะทนได้ไม่ได้เนี่ย ผมมองดูแมวที่เริ่มหายใจแรงขึ้นเมื่อเธอห้ามไม่ให้ตัวเองอ้วกสำเร็จ

    มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ของต้านั่นเอง หลังจากที่เขาเช็ดเลือดที่หน้าผากและเอาพาสเตอร์แปะแล้วก็หยิบขึ้นมารับทันที

    " โหล ไอ้ต้า หยุดรถทำไมวะ เกือบชนตูดรถซาระแล้วไง " หัวหน้าห้องโทรมาโวยทันที

    " อ๋อ " ต้าหันไปมองดูปอกับแมว " พอดีแมวเมารถนะ เดี๋ยวเราจะขับช้า ๆ แล้วกัน "

    " โอเค ได้ ๆ แต่คราวหน้าไม่ต้องเบรกแบบนี้แล้วนะ หัวใจตูแทบหยุดเต้น " หัวหน้าพึมพำออกมาอย่างหัวเสียผ่านโทรศัพท์ก่อนที่จะวางสาย

    " ตามนั้นนะแมว " ต้าปิดโทรศัพท์ของเขาและหันมามองเธอ " ยังไงอดทนไปจนกว่าเราจะหาห้องนํ้าเจอนะ "

    " อืม " แมวยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่อ่อนแรง แมนมองดูเธอด้วยความเป็นห่วง ต้าเริ่มเคลื่อนรถช้ากว่าเดิมนิดหน่อย ผมหันไปมองหลังรถก็เห็นรถตู้ที่หัวหน้าห้องขับตามมาก็ขับตามมา

    " เอ่อ เอางี้ไหม " ผมถามแมว " ลองหันไปมองดูวิวรอบข้างเอาไหมหละ "

    " นั่นไง " ปลาชี้ไปข้างนอก " ลองดูนั่นสิ "

    " ไหน ๆ " แมนดูบ้างและเอาขนมขึ้นมากินต่อ

    มีร่างหนึ่งนอนกลางถนน พวกเราเริ่มทายกันแล้วว่ามันคืออะไร แต่ก็ต้องคลายความสงสัยทันทีเมื่อมันคือซากหมาตายที่โดนรถชนตายบนถนน แมนพ่นขนมที่อยู่ในปากพุ่งใส่หน้าผมทันที ส่วนแมวนั้นเกือบจะอ้วกออกมาอีกรอบ

    " นี่ ปลา " ผมรีบเอาเศษขนมออกจากหน้าผมแล้วต่อว่าเขาทันที " คนเราเวลาแพ้ท้อง เอ้ย ตอนเมารถนะ เขาไม่ให้ดูอะไรแบบนี้เฟร้ย "

    " อ้าวเหรอ " ปลาถามพลางเอามือเกาแก้มตัวเอง " โทษที ไม่รู้ "

    " อ่า งั้นเอางี้ไหม " ต้ารีบพูดออกมา " งั้นมาเล่านิทานกันดีไหม "

    " เล่าเรื่องเหรอ ฉันไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ " ปอยักไหล่ " แต่กลางวันนี้อยากกินอะไรที่มันอร่อย ๆ อย่างคราวก่อนที่ไปกินกับนพนะ เราไปกินข้าวขาหมูกัน มันหมูนี่เยิ้มเต็มจานเชียว ทั้งมัน ทั้งนุ่ม ทั้งหวาน ทั้งเลี่ยน แต่ก็อร่อยดี "

    " อุ๊บ " แมวรีบเอามือปิดปากตัวเองต่อเพราะได้ยินคำว่า มัน เนี่ยแหละ

    " นี่ปอ " แมวเอามือทั้ง 2 ข้างจับไล่เธอทั้ง 2 ข้างและพยายามระงับสติอารมณ์เอาไว้ " คนเราเวลาเมารถนะ ห้ามพูดถึงของกินนะ

    " ทำไมหละ " ปอถามผมอย่างสงสัย " มันอร่อยดีออก "

    " มะ ไม่ไหวแหล่ว " หน้าของแมวแก้มป่องทั้ง 2 ข้าง ต้ารีบหยุดรถจอดข้างทางแล้วจากนั้นแมวก็รีบลงจากรถและลงไปปล่อยของที่อยู่ในท้องทันที

    พวกผมลงจากรถเพื่อออกไปดูอาการแมว ต้าโทรบอกสาเหตุกับหัวหน้าซึ่งจอดรถตามมาติด ๆ ซาระลูบหลังแมวเพื่อช่วยให้เธออ้วกเร็วขึ้น ส่วนแมนนั้นมองดูแมวด้วยความเป็นห่วง

    " ขอโทษทีนะ " ผมรีบไปขอโทษแทนปอกับปลา ซึ่งทั้ง 2 คนก็มาขอโทษด้วยเช่นกัน " พอดี 2 คนนี้ไม่เคยเห็นคนเมารถมาก่อนนะ เลยไม่รู้ "

    " มะ ไม่ ไม่เป็นไรหรอก " แมเงยหน้าขึ้นมาจนหน้าซีด " ตอนนี้ค่อย ค่อยยังชั่วแล้วหละ "

    " ขอโทษจริง ๆ นะแมว " ปอรีบมาขอโทษเธออีกครั้ง ซึ่งแมวก็รีบคำขอโทษโดยไม่ว่าอะไร

    ผมมองดูปอกับปลาที่เห็นว่าแมวไม่ได้ว่าอะไรก็มาคุยเรื่องอาการเมารถต่อ เหอ ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×