คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนพิเศษ - เที่ยวตะลุยเหนือ อีสาน ตอนเจ็ด : วันที่ 3 ของการมาเที่ยว
ผมนอนบิดตัวอยู่บนเตียง และใช้ผ้านวมห่มตัวเองให้มากขึ้นเมื่อผมรู้สึกตัว ผมไม่ได้เอาถุงเท้าออกมาใส่เท้าผมเลยเย็นเฉียบราวกับไอติม ผมเอาหัวซุกไปกับหมอนมากขึ้น หนาว ๆ แบบนี้ต้องซุกตัวนอนกับผ้าห่มอุ่น ๆ สิ อร๊าง มีความสุข
ผมเอามือพยายามคว้าผ้านวมอีกส่วนที่ยังไม่ได้เอามาซุกกับคอของผมโดยที่ผมยังหลับตาอยู่ มือของผมยื่นไปข้างหน้าเพื่อควานหาผ้านวม แต่กลับเจออะไรที่มันอุ่น ๆ เย็น ๆ และนุ่ม ๆ ยังไงชอบกล
เปลือกตาของผมลืมครึ่งนึง ผมรู้สึกเหมือนเห็นอะไรขาว ๆ เหลือง ๆ ผมจึงหลับตาและลืมตาข้างนั้นขึ้นอีกครั้ง
ผมเห็นใบหน้าของฝน เมื่อผมลืมตาจนเต็มตาทั้ง 2 ข้าง ผมก็เห็นฝนนอนตะแคงข้าง เธอใช้มือซ้ายของเธอยันหัวเอาไว้ เธอซุกมานอนอยู่ใต้ผ้านวมผมและมองผมตาแป๋ว
อ๋อ ฝนนี่เอง ผมพึมพำในใจแล้วก็หลับตานอนต่อ
ฝนเหรอ...
!!
เย้ยยยยย !
ผมตกใจและรีบลุกขึ้นถอยออกมาจากเตียงตัวเอง เพื่อให้หนีห่างจากฝนให้ไวที่สุด ผมรีบลุกขึ้นแล้วก็ใช้มือกับแขนตัวเองกระเถิบให้ห่างจากฝน มือของผมคว้าอากาศเมื่อเลยจากเตียงไปสักพักหนึ่ง
โครม !
ผมหงายหลังกระแทกกับพื้นห้องพัก ส่วนที่กระแทกเต็ม ๆ ก็คือบั้นท้ายของผมนั่นแหละ ล้มกระแทกกับพื้นจัง ๆ เลย ผ้านวมส่วนนึงตกลงพื้นพร้อมกับผม ผมเอามือลูบหลังกับบั้นท้ายตัวเอง โอ้ยยย ก้นจํ้าบ๊ะ !
" ฮิฮิ ตลกจังเลยนะมิ้น " ฝนเอาผ้านวมที่ห่มกับผมมานอนซุกตัวเอาบ้าง
" มะ มาได้ไง " ประสาทสัมผัสของผมฟื้นคืนชีพ 100 % เฮ้ย ไม่นะ นี่เราเผลอไปนอนเตียงเดียวกับฝนอย่างนั้นเรอะ ! ฮือ ไม่นะ ผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะมุดมุ้งสาวนะ ว่าแต่ เราไปนอนเตียงฝนตั้งแต่ตอนไหนวะ ยังไงรีบขอโทษก่อนหละ
" ฝน " ผมรีบลุกขึ้นยืนมองดูเธอ " ระ เราขอโทษนะ คือเราไม่ได้ตั้งใจนอนเตียงเดียวกับฝนนะ "
" ใครว่านี่เตียงฝน นี่เตียงมิ้นเองนะ " ฝนหัวเราะคิกคักออกมาเมื่อเห็นผมโวายวายออกมา
ผมรีบเอามือขยี้ตาตัวเองแล้วก็มองดูเตียงที่ฝนนอน เออ ตำแหน่งนี้มันก็เตียงเรานี่หว่า แล้วทำไมฝนมานอนเตียงเราได้อะ หรือว่า
" ฝะ ฝน " ผมรีบถอยหลังจนหลังผมติดกับตู้เสื้อผ้าในห้องพัก " นี่ อยะ อย่าบอกนะว่า "
" คิดอะไรของเธออยู่เนี่ย " ฝนหัวเราะคิกคักอีกรอบ " นี่มัน 8 โมงแล้วนะ เค้าเห็นว่ามิ้นยังไม่ตื่น แต่พอสะกิดแล้วก็ยังไม่ตื่นอีก เค้าเลยนอนข้าง ๆ มิ้นกะให้มิ้นตกใจเล่นไง แต่มันหนาว เลยเอาผ้านวมมาซุกนะ "
" แล้วทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย " ผมมองดูเธอแล้วเมื่อรู้ว่าเธอมานอนข้าง ๆ ผม หน้าของผมเริ่มร้อนขึ้น ผมรีบส่ายหัวเพื่อบังคับไม่ให้มันแดงออกมา
" แหม หน้าตามิ้นตอนนอนมันน่ารักดีนี่นา " ฝนลุกขึ้นมานั่งบนเตียงที่ผมนอน ผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย " แถมมิ้นจังอะ เสื้อนอนหลุดไปข้างนึงด้วย เซ็กซี่ดีออก "
หะ หาาาา !
ผมรีบมองสำรวจตัวเอง ผมใส่ชุดนอนสีครีมแขนยาวก็จริงอยู่ แต่เนื่องจากผมไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาว และตรงคอเสื้อมันก็ใหญ่เล็กน้อย เลยทำให้มันหลุดไปทางไหล่ข้างซ้าย ทำให้เปิดโชว์หัวไหล่ขาว ๆ ของผมออกมา และตรงบริเวณเนินหน้าอกนี่ก็ .... อึ้ย ดีนะที่ใส่บราตอนนอน ผมรีบเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความอาย
" อายทำไมล่ามิ้น " ฝนยิ้มออกมาจนทำให้นักถึงแมวกำลังยิ้ม " มิ้นแต่งตัวแบบนี้ เซ็กซี่ดีออก "
ผมรีบเอาเสื้อที่หลุดจากไหล่ซ้ายขึ้นมาปิดไหล่ซ้ายผมทันทีและรีบกอดอกโดยไม่ได้คิดว่าจะทำแบบนี้มาก่อน
" แต่ที่เค้ามองมิ้นจริง ๆ อะนะ " ฝนมองมาทางผมด้วยแววตาโหยหา " หน้าตามิ้นตอนนอนเนี่ย ทำให้ฝนนึกถึงใครบางคน "
" คะ ใครเหรอ " ผมรีบถามเพื่อรีบเปลี่ยนประเด็นทันที
" ไม่รู้สิ " ฝนยักไหล่อย่างเศร้าสร้อย " ใบหน้าของมิ้นนะ มันทั้งอบอุ่น แถมยังรู้สึกว่าฝนอยากให้มิ้นปกป้องฝนยังไงก็ไม่รู้ มันทำให้ฝนนึกถึงใครบางคนที่ฝนเองก็จำไม่ได้ "
" อยะ อย่างนั้นเหรอ " ผมเอ่ยถามเธอ
" ใช่ " นัยน์ตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย " ไม่รู้สินะ ตั้งแต่ฝนรอดตายมาจากบนรถไฟฟ้า ฝนกลับมีความรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ ราวกับว่า ฝนไม่รู้จักคนที่ช่วยชีวิตฝนไว้เลย แถมยังรู้สึก อยากพบ อยากเจอ อะไรแบบนั้นด้วย "
ฝน ผมเดินไปหาเธอแล้วก็เริ่มนั่งลงบนเตียง และมองหน้าฝนที่ทำหน้าเศร้าสร้อยอยู่
อดทนหน่อยนะฝน ผมมองหน้าเธอ เรากับดอกเตอร์จะพยายามจัดการองค์กรนั่นให้ได้ และเธอก็จะปลอดภัยเอง
" หือ มีอะไรเหรอมิ้น " ฝนเงยหน้าถามผม
ผมเขยิบตัวเองเข้าไปใกล้ ๆ ผม แล้วก็เอามือตนเองทั้ง 2 ข้างกุมที่มือของฝน มือของเธอเย็นเฉียบ เธอสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อผมเอามือของเธอขึ้นมากุม แต่ผมไม่สนใจเรื่องนั้น ผมมองดูหน้าตาของเธอ มองดูแววตาของเธอ
" ฝน ไม่ต้องห่วงนะ " ผมบอกกับเธอ จนฝนรู้สึกถึงความกดดันแปลก ๆ " สักวันนึง เธอจะจำเขาคนนั้นได้ "
" มิ้น " เธอเรียกชื่อผมอย่างแผ่วเบา
" ไม่เป็นไรหรอกนะ " ผมยิ้มให้ฝน เส้นผมของเธอลงมาปรกปิดหน้าของเธอเล็กน้อ ผมใช้มือขวาของผมยื่นไปที่หน้าของเธอ ใช้นิ้วทั้ง 2 นิ้วจับที่เส้นผมของเธอแล้วก็ปัดออกอย่างเบามือ เธอมองผมจนเธออึ้งและไม่กล้าแม้แระทั่งขยับตัวเอง ผมได้ยินเสียงแม้กระทั่งลมหายใจที่หนักขึ้นของเธอ
ฝน ผมมองหน้าของเธอ หน้าของผมเริ่มแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะไม่มีวันให้เธอต้องมาพบกับอันตรายแบบนี้อีก
ผมยื่นหน้าตัวเองเขาไปใกล้ฝนมากขึ้น ฝนมองผมด้วยนัยน์ตาที่สงสัย แต่ผมไม่สงสัยเรื่องนั้นหรอก
ฉันรักเธอนะ ฝน ผมคิดในใจขณะที่ผมมองเธอ
แววตาของผมนั้นมองหน้าของผม เธอรู้สึกได้ถึงใจของเธอที่เต้นรัวราวกับตีกลอง รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่หนักขึ้นของเธอเอง เธอเริ่มมองผมอย่างสับสน
ทำไมกันนะ ฝนเริ่มคิดอย่างอ่อนแรง ความรู้สึก เหมือนกับว่า สิ่งที่เราต้องการ มันอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง
เธอเริ่มเงยหน้ามองดูผม ราวกับว่า เธอต้องการที่จะตอบรับสนองความรู้สึกของเธอ ลมหายใจของเธอหนักหน่วงขึ้นเมื่อใบหน้าของผมเข้ามาใกล้เธอขึ้นไปอีก
หรือว่า ฝนเริ่มหลับตาลง หรือว่า นี่เรา..
" มิ้น ฝน เสร็จรึยัง เดี๋ยวจะไปกันแล้วนะ " ฟ้าพูดขึ้นและถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาในห้องพักของผมกับฝน และต้าก็ต้องเห็นฉากสุดช็อต
เพราะในตอนนี้ ผมกับฝนกำลังนั่งอยู่บนเตียง มือของผมเอาขึ้นมากุมมือของฝนและใบหน้าของเราทั้ง 2 คนกำลังจะชนกัน แถมเสื้อตรงหัวไหล่ซ้ายของผมก็หลุดออกมาอีกรอบโดยที่ผมไม่สังเกตและไม่รู้ตัว
ผมกับฝนมองดูฟ้า และฟ้าเองก็มองดูผมกับฝนเช่นกัน ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ตาของผมมองดูฟ้าโดยที่ไม่กระพริบ ส่วนฟ้านั้นยืนมองซะจนหน้านิ่ง
เมื่อผมรู้ตัวขึ้น ผมเริ่มหน้าแดงออกมาด้วยความอาย มือของผมรีบปล่อยออกมาจากมือของฝนอย่างรวดเร็ว
" มะ ไม่รบกวนแล้วนะคะ " ฟ้าเริ่มปิดประตูลง " ชะ เชิญตามสบายค่า "
" มะ ไม่ใช่นะฟ้า " ผมรีบพูดออกมาอย่างร้อนรน " เราไม่มีอะไรจริง ๆ "
" เอาหน่า ๆ ฉันเข้าใจ "
" แล้วเธอเข้าใจอาร้ายยยยยย "
หลังจากที่ผมปรับความเข้าใจกับฟ้าได้แล้ว ( ผมบอกเธอไปว่าเธอหนาวเลยไปจับมือเธอเฉย ๆ ซึ่งฟ้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เหอ ๆ ) ซึ่งฟ้ามาแจ้งข่าวว่าเมื่อกินข้าวเช้าเสร็จแล้วจะเดินทางทันที เพราะต้ากับหัวหน้าห้องอาจไม่เชี่ยวชาญเรื่องเส้นทาง และซาระบอกว่าถ้าไปถึงก่อนก็น่าจะดีกว่าเพราะจะได้ไปสำรวจที่พักใหม่เลย ( แหงหละ นอนแค่คืนเดียว ) ดังนั้นเลยอยากให้พวกผมเก็บของกันเลย และเอาของไปวางไว้ที่ข้างล่าง กินข้าวเสร็จแล้วจะได้กลับมาเอากระเป๋าขึ้นรถทันที ซึ่งผมรีบทำด้วยความยินดี ( ส่วนฝนนั้นเธอก็เก็บของตามปกติไม่พูดไม่จา แต่ก็ ไม่ได้เอ๊ะใจอะไรกับผมอีก ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ผมดันเผลอทำแบบนั้นออกมาอีกเป็นครั้งที่ 2 เหอ ๆ )
แต่ก็ยังมีเหตุการณ์ที่น่าสนใจกว่าผมกับฝนอีก นั่นคือเมื่อผม ฝน และฟ้ายกกระเป๋าเดินทางลงไปชั้นล่าง ก็ต้องพบกับสภาพของคน 3 คนในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย นั่นคือ แมว แมว และจ๋า นั้นเอง อาวุธของพวกเขายังกำไว้ในมือ แต่ก็นั่ง ๆ นอน ๆ หมดสภาพกับพื้นบ้านพัก
" หวึย " ผมอุทานเมื่อมองดูรอบ ๆ ปอกับปลากำลังช่วยพยุงแมวและจ๋าให้ลุกขึ้นนั่งอยู่ " นี่นอนกันตรงนี้เลยเหรอเนี่ย แล้วสรุปแล้วจับยุงได้ไหม "
" ไม่ได้เลย " แมนพึมพำออกมาเสียงแหบ " ไอ้ยุงบ้าตัวเดียวมันดันทำให้พลังที่ฉันสะสมมา 3 วันหมดเกลี้ยง "
" อุตส่าห์เตรียมอาวุธชั้นยอด " แมวพึมพำออกมาบ้างด้วยความเจ็บใจ " แต่ก็ยังจับมันไม่ได้ "
" หระ เหรอ " ผมเดินไปข้าง ๆ เขา
ส่วนยุงเจ้าปัญหานั้นบินมาเกาะอยู่บนโต๊ะข้าง ๆ ผม เพื่อพักเหนื่อย แต่เมื่อมันมองขึ้นมาข้างบน
แป้ดดด !
ผมยกกระเป๋าเดินทางใบของผมวางลงบนโต๊ะตัวนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยว่ายุงเจ้าปัญหาที่ทำให้คณะเดินทางของเขาหัวปั่นมาถึง 2 คืนนอนเละอยู่ใต้กระเป๋าเดินทางผมเรียบร้อยแล้ว
" เอาเถอะ เราไปที่ใหม่แล้วก็คงไม่เจอยุงเจ้าปัญหาแล้วหละมั้ง " ผมเดินไปช่วยแมนให้พยุงลุกขึ้นนั่งบนโซฟาบ้าง
" งั้นเดี๋ยวตอนขึ้นรถก็ไปนอนบนรถแล้วกัน " หัวหน้าห้องบอก " จะได้พักผ่อนกัน "
" อืม ขอโทษนะ " แมนพูดไปหัวเอียงไปเอียงมาแล้วก็ซบกับโซฟาแล้วก็เริ่มนอน เหอ ๆ
หลังจากที่พวกเราโช้ยข้าวเช้ากันแล้ว ก็เดินทางกลับมาเอากระเป๋าขึ้นรถทันที ( เทรน ปอ กับปลาช่วยกันหามแมน จ๋า และแมวขึ้นรถ เหอ ๆ ) ส่วนซาระเดินไปเช็ดเอ้าท์ออกจากรีสอร์ท และเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ต้าก็ขับรถไปรับซาระที่สำนักงานรีสอร์ทแล้วก็ขับรถออกจากรีสอร์ทเพื่อเดินทางไปยังที่ต่อไปทันที
เส้นทางไปยังอุทยานแห่งชาติศรีน่านนั้นไปยังไงและไปถนนทางหลวงสายไหนผมไม่รู้หรอกนะ ที่รู้ ๆ ก็คือพวกเรานั่งกันมาชั่วโมงนึงแล้ว 20 นาทีแรกก็มีเรื่องเม้าท์แตกกันเนี่ยแหละ พอนาทีที่ 25 มันก็เริ่มเบื่อ และนาทีที่ 30 ก็ง่วง เหอ ๆ
ตอนที่พวกเราออกจากรีสอร์ท ต้าก็เปิดกระจกรถอยู่หรอก แต่พอรถผ่านเข้าตัวเมือง เขาก็ปิดกระจกรถลง และเติมความเย็นให้กับแอร์แทน ตอนนั้นเอง เจอเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมหลับไม่ลง
แมวเป็นคนเดียวที่สีหน้าไม่ค่อยดีเมื่อต้าขับรถมาสักพัก และผลจากการที่เธออดนอน 2 คืนเพื่อไล่จับยุงเพียงตัวเดียวแต่กลับจับไม่ได้ ส่งผลทำให้เธอถึงกับเมารถได้ง่าย แน่นอนว่าพวกเราในรถนั้นตอนนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าเธอเมารถ ซาระที่นั่งหน้ารถกับต้าก็นั่งดูแผนที่อยู่ ( เป็นแผนที่ภาษาญี่ปุ่นของหนังสือเที่ยวเมืองไทย ) ต้าก็ขับรถอยู่ แมนนั้นเอาขนมขึ้นมากิน ส่วนปลา ปอ กับผมนั้นมองวิวข้างนอกรถ แมวเธอเริ่มเอามือปิดปากและพึมพำออกมาว่าจะอ้วก ปอเป็นคนแรกที่เห็นพฤติกรรมของแมว
" นี่ ๆ มิ้น " เธอเรียกผม
" มีอะไรเหรอปอ " ผมถามเธอไปตามองดูวิวไป
" แมวเขาท้องเหรอ "
เอี๊ยดดดดดด ! โป๊ก ! พรวด !
ต้าเบรกรถกระทันหันจนหัวเขาไปกระแทกกับพวงมาลัยรถ ส่วนซาระนั้นโชคดีที่เธอกางหนังสือพอดี เลยทำให้หนังสือเล่มนั้นรองรับหน้าผากของเธอไม่ให้กระแทกกับช่องเก็บของหน้ารถ ผมเองก็เช่นกัน เพราะว่าต้าเบรกรถกระทันหันทำให้ผมตั้งตัวไม่ทัน หน้าเลยทิ่มกับกระจกข้างรถทันที ส่วนแมนนั้นนะเหรอ ขนมที่อยู่ในปากพุ่งพรวดออกมาจนเขาสำลัก แมวเองก็ทำท่าเหมือนจะอ้วกเข้าไปอีก ส่วนปลานั้นมองดูแมวอย่างสงสัย แน่นอนว่ามีเสียงเบรกเอี๊ยดดังมาจากหลังรถ รถตู้อีกคันที่หัวหน้าขับก็เบรกเหมือนกัน
" จะ จะบ้าเหรอ " ต้าหันหน้ามา หน้าผากของเขามีรอยแตกซิบ ๆ ออกมาและมีเลือดไหลย้อยลงมา " แมวเขาแค่เมารถต่างหากเล่า "
" เอ่อ ต้าคุง " ซาระหยิบกระดาษชำระหน้ารถออกมา " เลือดออก "
ต้ารับกระดาษชำระมาจากซาระ ส่วนผมมองดูปออย่างตกใจ
" มะ ไม่ใช่หรอก " ผมรีบอธิบายให้ปอฟัง " แมวเขาเมารถนะ ไม่มีอะไรมากหรอก "
" อ้าวเหรอ " ปอเอียงคอถามอย่างสงสัย " พอดีเห็นแมวทำท่าเหมือนจะอ้วก ก็นึกว่าจะแพ้ท้องซะอีก คนที่แพ้ท้องก็ต้อง อ้วกออกมาสิ จริงไหม มันต้องอ้วกนินาถึงจะหาย "
แมวรีบเอามืออีกข้างปิดปากของเธออีก เธอก้มหน้าสุดชีวิตเพื่อกันไม่ให้ตนเองอ้วกออกมา ส่วนผมนั้นมองดูแมวด้วยความสงสารจับใจ
คำก็อ้วก สองคำก็อ้วก แมวป่านนี้จะทนได้ไม่ได้เนี่ย ผมมองดูแมวที่เริ่มหายใจแรงขึ้นเมื่อเธอห้ามไม่ให้ตัวเองอ้วกสำเร็จ
มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ของต้านั่นเอง หลังจากที่เขาเช็ดเลือดที่หน้าผากและเอาพาสเตอร์แปะแล้วก็หยิบขึ้นมารับทันที
" โหล ไอ้ต้า หยุดรถทำไมวะ เกือบชนตูดรถซาระแล้วไง " หัวหน้าห้องโทรมาโวยทันที
" อ๋อ " ต้าหันไปมองดูปอกับแมว " พอดีแมวเมารถนะ เดี๋ยวเราจะขับช้า ๆ แล้วกัน "
" โอเค ได้ ๆ แต่คราวหน้าไม่ต้องเบรกแบบนี้แล้วนะ หัวใจตูแทบหยุดเต้น " หัวหน้าพึมพำออกมาอย่างหัวเสียผ่านโทรศัพท์ก่อนที่จะวางสาย
" ตามนั้นนะแมว " ต้าปิดโทรศัพท์ของเขาและหันมามองเธอ " ยังไงอดทนไปจนกว่าเราจะหาห้องนํ้าเจอนะ "
" อืม " แมวยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่อ่อนแรง แมนมองดูเธอด้วยความเป็นห่วง ต้าเริ่มเคลื่อนรถช้ากว่าเดิมนิดหน่อย ผมหันไปมองหลังรถก็เห็นรถตู้ที่หัวหน้าห้องขับตามมาก็ขับตามมา
" เอ่อ เอางี้ไหม " ผมถามแมว " ลองหันไปมองดูวิวรอบข้างเอาไหมหละ "
" นั่นไง " ปลาชี้ไปข้างนอก " ลองดูนั่นสิ "
" ไหน ๆ " แมนดูบ้างและเอาขนมขึ้นมากินต่อ
มีร่างหนึ่งนอนกลางถนน พวกเราเริ่มทายกันแล้วว่ามันคืออะไร แต่ก็ต้องคลายความสงสัยทันทีเมื่อมันคือซากหมาตายที่โดนรถชนตายบนถนน แมนพ่นขนมที่อยู่ในปากพุ่งใส่หน้าผมทันที ส่วนแมวนั้นเกือบจะอ้วกออกมาอีกรอบ
" นี่ ปลา " ผมรีบเอาเศษขนมออกจากหน้าผมแล้วต่อว่าเขาทันที " คนเราเวลาแพ้ท้อง เอ้ย ตอนเมารถนะ เขาไม่ให้ดูอะไรแบบนี้เฟร้ย "
" อ้าวเหรอ " ปลาถามพลางเอามือเกาแก้มตัวเอง " โทษที ไม่รู้ "
" อ่า งั้นเอางี้ไหม " ต้ารีบพูดออกมา " งั้นมาเล่านิทานกันดีไหม "
" เล่าเรื่องเหรอ ฉันไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่ " ปอยักไหล่ " แต่กลางวันนี้อยากกินอะไรที่มันอร่อย ๆ อย่างคราวก่อนที่ไปกินกับนพนะ เราไปกินข้าวขาหมูกัน มันหมูนี่เยิ้มเต็มจานเชียว ทั้งมัน ทั้งนุ่ม ทั้งหวาน ทั้งเลี่ยน แต่ก็อร่อยดี "
" อุ๊บ " แมวรีบเอามือปิดปากตัวเองต่อเพราะได้ยินคำว่า มัน เนี่ยแหละ
" นี่ปอ " แมวเอามือทั้ง 2 ข้างจับไล่เธอทั้ง 2 ข้างและพยายามระงับสติอารมณ์เอาไว้ " คนเราเวลาเมารถนะ ห้ามพูดถึงของกินนะ
" ทำไมหละ " ปอถามผมอย่างสงสัย " มันอร่อยดีออก "
" มะ ไม่ไหวแหล่ว " หน้าของแมวแก้มป่องทั้ง 2 ข้าง ต้ารีบหยุดรถจอดข้างทางแล้วจากนั้นแมวก็รีบลงจากรถและลงไปปล่อยของที่อยู่ในท้องทันที
พวกผมลงจากรถเพื่อออกไปดูอาการแมว ต้าโทรบอกสาเหตุกับหัวหน้าซึ่งจอดรถตามมาติด ๆ ซาระลูบหลังแมวเพื่อช่วยให้เธออ้วกเร็วขึ้น ส่วนแมนนั้นมองดูแมวด้วยความเป็นห่วง
" ขอโทษทีนะ " ผมรีบไปขอโทษแทนปอกับปลา ซึ่งทั้ง 2 คนก็มาขอโทษด้วยเช่นกัน " พอดี 2 คนนี้ไม่เคยเห็นคนเมารถมาก่อนนะ เลยไม่รู้ "
" มะ ไม่ ไม่เป็นไรหรอก " แมเงยหน้าขึ้นมาจนหน้าซีด " ตอนนี้ค่อย ค่อยยังชั่วแล้วหละ "
" ขอโทษจริง ๆ นะแมว " ปอรีบมาขอโทษเธออีกครั้ง ซึ่งแมวก็รีบคำขอโทษโดยไม่ว่าอะไร
ผมมองดูปอกับปลาที่เห็นว่าแมวไม่ได้ว่าอะไรก็มาคุยเรื่องอาการเมารถต่อ เหอ ๆ
ความคิดเห็น