คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Mission 13 : ฉากเซอร์วิส
"ทุกอย่างพร้อมไหม" เสียงผู้กำกับถามหลังจากที่ทุกคนในกองถ่ายกำลังวิ่งว่อนเพื่อเตรียมทำหน้าที่ของตน
"พร้อมแล้วครับผู้กำกับ" เสียงคนที่ทำหน้าที่ถือไมค์บูมบอก ซึ่งทุกๆ คนก็พยักหน้าเตรียมพร้อม
"เอาหละ ฉากที่เจ็ดสิบเอ็ด เทคหนึ่ง เตรียมพร้อม" เสียงผู้ช่วยผู้กำกับบอกผ่านโทรโข่ง
แต่ตูไม่เคยพร้อมโว้ย ผมแอบคิดในใจ ซึ่งตอนนี้ผมอยู่ในฉากที่ต้องเตรียมตัวออกแสดงในไม่ช้านี้
"และ... แอ็คชั่น!!"
เมื่อสิ้นเสียงผู้กำกับสั่ง ถึงผมจะอยู่หลังฉากแต่ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าสายตาของทุกคู่กำลังจดจ้องเตรียมมองดูผม ผมถอนหายใจด้วยความหนักใจก่อนที่จะทำใจแล้วเปิดประตูเพื่อเข้าสู่ฉากที่พวกเขาเตรียมไว้
ผมเดินออกมาโดยที่ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีผ้าขนหนูพันรอบตัวอยู่ผืนเดียว โดยพันตั้งแต่ส่วนอกและส่วนล่าง แบบเดียวกับที่ผู้หญิงต้องพันเพื่อปกปิดร่างกายเอาไว้ วิกที่ผมใส่นั้นจัดทรงเป็นทรงหางม้าเพื่อแสดงราวกับว่าผมรวบผมตัวเองเพื่อเข้าไปอาบนํ้าโดยเฉพาะ ทั้วทั่วตัวผมนั้นพรมไปด้วยหยดนํ้า (จากขวดสเปรย) เพื่อให้เห็นว่าผมเพิ่งอาบนํ้าเสร็จมาหมาดๆ ผมหันหน้ามองกล้องที่อยู่เบื้องหน้า แล้วยิ้มด้วยความผ่อนคลาย
"แอร็ยยยยยย ช่างน่ารักเซ็กซี่อะไรเยี่ยงนี้" ผู้ช่วยช่างกล้องคนหนึ่งพึมพำออกมา "ผิวสวยยิ่งกว่านางแบบเสียอีก"
"ขอทิกซู่ที" ช่างกล้องที่อยู่ตรงนั้นรีบบอกอย่างรวดเร็ว หน้าของเขาอึดอัดมาก และเมื่อผู้ช่วยกล้องส่งให้ เขารีบยัดมันเข้ารูจมูกทันที
"เนียนมากเลยนะค่ะเนี่ย" ผู้ช่วยผู้กำกับสาวบอกอย่างชื่นชม "ฉันไม่เคยเจอนักแสดงหญิงคนไหนที่ผิวขาวสวยขนาดนี้มาก่อนทั้งๆ ที่ไม่มีประวัติการเข้าคลีนิคเสริมความงามด้วยซํ้า ความขาวเนียนของเธอนี่อาจทำให้ผู้หญิงทั้งประเทศอิจฉาก็ได้"
"ผมเห็นด้วย" ผู้กำกับพนักหน้าเข้มขรึมบอก "น่าเสียดายที่ผมต้องถ่ายเธอในฉากนี้แค่แปบเดียวเท่านั้น อยากถ่ายแบบนี้นานๆ จัง"
ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆ สั่งให้ตูไปฉากต่อไปซะทีเซ่ ผมคิดอย่างเคร่งเครียด และผมรู้สึกกดดันอย่างน่าประหลาดเมื่อสายตาทุกคู่จ้องมองมาทางผม ฮือ ตูจะบ้าตาย ทั้งๆ ที่ตูเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่มาแต่งตัวแบบนี้ทำไมตูถึงรู้สึกเอียงอายแปลกประหลาดฟระ!!
"อุ้ย มีเอียงอาย น่ารักที่สุด" ผู้ช่วยผู้กำกับสาวยิ้มแป้น
ไม่ใช่โว้ยยยยยยย!! ผมคิดตะโกนด่าในใจ
ขณะนั้น พ่อของผมและเทียร์ก็ยืนดูการถ่ายทำของผมหลังกองถ่าย ซึ่งเด็กสาวเทียร์นั้นตัวสั่นไปทั้งตัว
"มีอะไรเหรอหนูเทียร์" พ่อของผมถาม
"เปล่าค่ะ แค่หนูมีความรู้สึกอิจฉานิดหน่อย" เธอตอบ "ไม่หน่อยละมั้ง ทำไมยัยกอร์ฟผิวถึงได้สวยขนาดนี้นะ ทั้งๆ ที่เป็นผู้ชายแท้ๆ"
"นั่นแหละ คือพลังของสาวดุ้นหละ" พ่อของผมยิ้มหึๆ
"อะไรนะค่ะ" เทียร์ถาม
"เปล๊า ไม่มีไร" พ่อผมยิ้ม
ทางด้านผมนั้น ผู้ช่วยผู้กำกับส่งสัญญาณมือให้ผมเดินไปที่เตียงนอนทันที ผมคิดอย่างโล่งอกที่จะได้รีบถ่ายต่อไปซะที จะได้เสร็จ แล้วผมเดินไปที่เตียงนอนข้างๆ ซึ่งฉากนี้จัดเป็นห้องนอนไว้ทันที และเมื่อผมนั่งลงบนเตียง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากฉากที่ทำเป็นประตูห้อง และเมื่อประตูเปิดออก นักแสดงคนหนึ่งที่รับบทเป็นคนร้ายในบางฉากเดินเข้ามา ผมไม่ค่อยเห็นเขาในฉากสำคัญเท่าไหร่ตลอดวันที่ถ่ายทำกันมา เพิ่งรู้ว่าเขามีบทเด่นในฉากนี้ด้วย
เขายิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินเข้ามาตามห้อง (ฉาก) เพื่อเดินมาหาผม ดูเหมือนเขาเป็นคนเดียวทั้งกองถ่ายที่ไม่ได้มองผมด้วยสายตาแปลกๆ และตัวสั่นเพื่อควบคุมอารมณ์ เขามองผมเหมือนมองคนธรรมดาที่ไม่ได้เซ็กซี่หรือดูน่ารักแต่อย่างใด ผมเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมเสน่ห์ของผมถึงใช้กับหมอนี่ไม่ได้ แต่เมื่อผมคิดถึงจุดนั้น ผมรีบปฏิเสธความคิดนั้นทันที แล้วคิดว่าเขาคงเป็นนักแสดง เลยควบคุมอารมณ์ได้ด้วยละมั้ง
"ไงจ๊ะสาวน้อย" นักแสดงที่รับบทเป็นคนร้ายคนนั้นเอ่ยขึ้นเมื่อยืนอยู่ข้างหน้าผม "พร้อมที่จะทำให้คืนของเราสองคนหรรษารึยัง"
ผมเงยหน้าขึ้นแล้วแสรงยิ้มอย่างเอียงอาย มือข้างขวาของผมลูบไปตามหัวไหล่ที่ขาวเนียนราวกับทำท่าจะถลกคอเสื้อออก ทั้งๆ ที่หัวไหล่ของผมมันก็เปลือยเปล่าอยู่แล้ว
"เอาสิค่ะ" ผมเอียงคอตอบ
"มันต้องอย่างนี้สิ" ผู้กำกับกำหมัดขวาเอาไว้แน่น "ต้องทำท่าอ๋อยผู้ชายให้เนียนแบบนี้"
พวกเอ็งจะวิจารณ์ตู อย่าให้ตูได้ยินได้ไหมฟะ ผมแอบด่าในใจอีกครั้งเมื่อได้ยินผู้กำกับบอก
ขณะนั้นเอง ทางฝั่งพ่อผม เจ้าหน้าที่เร้ดเดินเข้ามาแล้วกระซิบข้างหูพ่อผม
"ท่านครับ เชิญมาดูอะไรทางนี้หน่อยครับ" เร้ดบอก
"ได้ คนที่เหลือสังเกตการณ์ลูกผมไว้" พ่อของผมออกคำสั่งทางวิทยุสื่อสาร ซึ่งรอบๆ กองถ่ายนี้มีเจ้าหน้าที่ CIA ที่ปลอมตัวเป็นทีมงานกองถ่ายกระจายอยู่แล้ว
และเมื่อพ่อของผมเดินตามเร้ดออกไปนอกกองถ่าย ทำให้เทียร์ยืนอยู่ตามลำพังข้างๆ ทีมงานที่เป็นเจ้าหน้าที่ของพ่อผมอยู่โดยที่เธอไม่สังเกตเลยว่าพ่อของผมเดินหายไปแล้ว เพราะมัวแต่ดูฉากข้างหน้าที่ผมกำลังแสดงนั่นเอง
"ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลยนะที่เข้ามาหาผมแบบนี้ ยิ่งกับผู้หญิงสวยๆ แบบคุณแล้วด้วยเนี่ย" นักแสดงคนร้ายเดินที่โต๊ะตรงข้ามกับเตียง พร้อมกับรินไวท์ (ของจริงคือนํ้าผลไม้) ใส่ลงแก้ว
แหงหละ หน้าตาแบบเนี่ย ผมวิจารณ์เขาในใจ
"ก็ฉันอยากรู้นี่ค่ะ ว่างานที่คุณทำมันเป็นยังไง" ผมถามเขาด้วยนํ้าเสียงใคร่รู้
เขายื่นแก้วที่ใส่ไวท์ (นํ้าผลไม้) ให้ผม และก็ชนแก้วก่อนที่จะดื่มกัน
"ผมบอกไม่ค่อยได้หรอกน่ะ เพราะงานของผมมันเป็นความลับนะ" เขาตอบผมด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจที่ไม่ได้บอกข้อมูลกับผม
และเมื่อชายคนนั้นดื่มหมดแก้วแล้ว ผมลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวเขาทันที พร้อมกับเอาปลายนิ้วจับแขนของเขาแล้วเคลื่อนไปที่มือ ก่อนที่จะหยิบแก้วเปล่านั้นออกจากมือของเขา และหลังจากนั้นเขาก็ทำท่าเมาในทันที เพราะตามบท ขวดไวท์ที่เขารินใส่นั้น ตัวละครที่ผมเล่นเป็นคนแอบใส่ยาที่ทำให้ฤทธิ์แอลกอฮอล์มีมากขึ้น ทำให้เมาได้ไวขึ้นและใช้ผลแม้กระทั่งกับคนที่ไม่ค่อยเมา
"แต่ฉันอยากรู้นี่ค่ะ" ผมหรี่ตาถามเขา
เทียร์ตัวสั่นมากขึ้นพร้อมกับเอามือจับแขนจับมือตัวเองไปมา
ทำไมกันนะ ถึงเราจะรู้สึกสนุกเพราะเห็นอีตากอร์ฟแต่งหญิงแล้วดันแต่งขึ้นก็เถอะ แต่พอเห็นแบบนี้แล้วทำไมเราอดเป็นห่วงไม่ได้นะว่าไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้เลย เด็กสาวเอามือทั้งสองข้างจับหัวตัวเองพร้อมขยี้ผมไปมา อีตาบ้ากอร์ฟ แกอย่าแต๋วไปซะก่อนนะย่ะ
รีบๆ บอกตามบทออกมาซะทีสิโว้ย ตูจะได้ทำให้แกหมดสติเสียที ผมคิดด้วยความขยะแขยงเพราะต้องลูบไล้ไปตาม ร่างกายของเขาที่เต็มไปด้วยซิคแพ็ค ตูเอียนจนอยากจะอ้วกอยู่แล้วเนี่ย
ชายคนนั้นมองหน้าผม และแวบหนึ่งเหมือนผมเห็นแววตาเขาไม่ได้แสร้งทำเป็นคนเมาเลยแม้แต่น้อย
"ผมทนไม่ไหวแล้ว" ชายคนนั้นพึมพำออกมา
"เอ๊ะ ?" ผมมองหน้าเขาด้วยความสงสัย
"ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผมขอกินเธอเดี๋ยวนี้เลยละกัน!!"
และเมื่อเขาพูดจบ เขากอดร่างของผมเอาไว้แล้วก็ผลักผมหงายหลังไปบนเตียงนอน แล้วจากนั้นใบหน้าของเขาก็หอมดมตามตัวผม ทั้งใบหน้าและซอกคออย่างรวดเร็ว ไอ้สภาพแบบนี้ตูโดนปลํ้าแล้วไม่ใช่เรอะ!!
"อ้าาาา ไม่น้าาาาาาา" ผมเผลอร้องออกมาโดยที่ควบนํ้าเสียงตัวเองไม่ได้ เขาขึ้นคร่อมตัวผมแล้วยังเอามือลูบไล้ไปตามแขนและหัวไหล่ที่เปลือยเปล่าของผมราวกับเขากำลังปลุกปลํ้าผมอยู่จริงๆ
"หนอยย!!" เทียร์ทำท่าจะพุ่งออกไปห้าม แต่แล้วเจ้าหน้าที่ที่ยืนข้างๆ รีบจับกอดเธอทางท้องแล้วล็อคเธอไว้ไม่ให้เธอวิ่งเข้าไปในฉากทันที
"ใจเย็นหนูเทียร์ เดี๋ยวงานถ่ายทำมันก็ล่มหรอก" เขาเตือนเธอ
"แต่ในบทแบบนี้ไม่มีฉากปลํ้ากอร์ฟนี่ค่ะ" เทียร์ท้วง "ฉากนี้คุยเสร็จแล้วเขาก็ต้องสลบไปแล้วสิ"
"ห๊ะ ว่าไงนะ" เจ้าหน้าที่ถามด้วยความตกใจ
แกเป็นบ้าอะไรไปฟะ มาปลํ้าตูทำม้ายยย แล้วนี่ตูเป็นไรไปฟะเนี่ย ทำไมแขนขาถึงไม่มีแรง อร้าาาา ผมเผลอครางออกมาเมื่อเขาเอามือลูบไปตามหน้าอกผม
และตอนนั้นเอง ทั้งกองถ่ายดูเหมือนจะสงสัยถึงการกระทำของชายนักแสดงคนนั้นที่กำลังแทะเล็มผมอยู่บนเตียง โดยที่ผู้ช่วยผู้กำกับเองก็รีบพลิกบทไปมา
"ผู้กำกับค่ะ ในบทมันไม่มีฉากนี้นิค่ะ" เธอรีบบอกผู้กำกับ
"ช่างมัน ปล่อยไปแบบนี้แหละ ถึงจะสนุก" ผู้กำกับกำหมัดแน่นทั้งสองมือ "คิดซะว่าเซอร์วิสคนดูเพิ่มละกัน"
ม่ายยยยย ปล่อยตู สั่งคัทเดี๋ยวนี้ ตูเป็นผู้ชายนะเว้ย ตูไม่อยากโดนผู้ชายปลํ้า ตูไม่อยากเป็นชายเหนือชาย ศักดิ์ศรีความเป็นผู้ชายของเธอจะหายไปหมดแล้ว อร้าง ไม่ อย่าจับตรงนั้นเซ่ อ้าาาาาา
------------------
ระหว่างนั้น เร้ดพาพ่อของผมไปยังห้องแต่งตัวของนักแสดงตัวประกอบคนอื่นที่อยู่แยกและคนละฝั่งกับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของผม ซึ่งในตอนนี้ไม่มีคนอยู่
"มีอะไรงั้นเหรอเร้ด" พ่อผมถาม
"ผมลองตรวจสอบดูจากห้องแต่งตัวของนักแสดงทั้งหมดที่เล่นเรื่องนี้แล้ว มีอยู่คนเดียวที่ไม่มีประวัติที่มาเลยครับ" เร้ดตอบพลางเปิดประตูเข้าไปในห้องแต่งตัวของนักแสดงคนหนึ่ง "ไม่มีประวัติบอกว่ามาจากไหนหรือเบอร์ติดต่อด้วย แต่ดูเหมือนผู้กำกับจะรับเข้าแสดงเพราะว่าเขาแสดงได้ยอดเยี่ยมนะ"
"แล้วทำไมเหรอ" พ่อของผมถามต่อเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวด้วย
ในห้องแต่งตัวนั้นคับแคบกว่าห้องแต่งตัวของผม ราวกับว่ามีที่ให้นั่งพักและยืนแต่งตัวแบบรีบๆ เท่านั้น ข้าวของระเกะระกะไปทั่ว แต่ที่น่าสะดุดตาก็คือ บนโต๊ะเครื่องแป้งนั้น มีตราสัญลักษณ์ขององค์กรสิบห้าคํ่าเดือนสิบเอ็ดอยู่
"นี่มัน..." พ่อของผมรีบสวมถุงมือแล้วหยิบมันขึ้นมาดูทันที
"ครับ แล้วดูนี่" เร้ดหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นให้พ่อของผมดู
ในนั้นมีกระดาษที่แสดงถึงกำหนดการในการถ่ายทำทั้งหมด และมีอยู่ฉากเดียวที่มีปากกาสีแดงวงกลมอยู่วงใหญ่ๆ นั่นก็คือ ฉากที่แสดงในวันนี้นี่เอง
"ผมเดาว่าพวกของมันคงปลอมตัวมาเป็นนักแสดงและอาศัยจังหวะในการถ่ายทำเพื่อแย่งชิงจี้นั่นมาให้ได้ชัวร์เลย" เร้ดบอก "และฉากที่นักแสดงคนนี้จะได้เข้าใกล้กอร์ฟมากที่สุด ก็มีแต่ฉากนี้ฉากเดียวด้วย"
"ถ้าอย่างนั้น คนร้ายก็ต้องเป็นไอ้นักแสดงคนนั้นนะสิ" พ่อของผมหน้าถอดสี "กอร์ฟกำลังตกอยู่ในอันตราย"
----------------
และในเวลาเดียวกัน ผมก็ยังโดนไอ้นักแสดงหน้าหื่นจนไม่รู้ว่าผมเพศอะไรซอกไซ้ตามตัวของผมไม่เลิกจนผมเริ่มจับผิดสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง
เพราะถึงแม้ว่าเขาทำท่าจะปลํ้าผมก็จริง แต่มือของเขานั้นกลับไม่แตะส่วนอื่นเลย นอกจากบริเวณที่ใกล้กับจี้เท่านั้น ไม่แม้กระทั่งจะปลดผ้าขนหนูออก
และเมื่อผมคิดได้ดังนั้น ปรากฎว่ามือของเขาข้างหนึ่งยื่นขึ้นมาจับจี้ผมทันที ผมรีบเอามือตนเองคว้าที่ข้อมือของเขาไว้
"นี่นาย เป็นพวกของสิบห้าคํ่าเดือนสิบเอ็ดอย่างนั้นเหรอ" ผมถามเอ่ยถามด้วนนํ้าเสียงที่ไม่เป็นมิตร
"ชิ รู้ตัวแล้วเหรอเนี่ย" ชายคนนั้นเริ่มเปลี่ยนสีหน้ามาเป็นคนร้ายเต็มตัว "นึกว่าผู้หญิงอย่างเธอเนี่ยจะโดนเล้าโลมจนทำอะไรไม่เป็นไปแล้วนะเนี่ย"
"ผู้หญิงงั้นเหรอ." ผมกัดฟันและแสยะยิ้มด้วยความโมโห "แกพูดแบบนี้ อยากตายใช่ไหม"
เขาอ้าปากค้างเล็กน้อยเมื่อผมพูดแบบนี้
ผมไม่รอให้เขาโต้ตอบอะไร และเมื่อผมสามารถตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ผมยกขาขึ้นทั้งสองข้างแล้วก็ถีบเขาให้เขากระเด็นถอยไปข้างหลังทันที
"บอกเป้าหมายของแกมา" ผมเอ่ยเสียงดังขู่มันไป พร้อมกับตั้งท่าเตรียมรับมือมันทันที โดยไม่สนใจว่าสายตาของคนในกองถ่ายจะสงสัยกันอย่างไร
"ใครจะไปบอกให้ผู้หญิงอย่างแกรู้กันหละ" มันมองตาขวางใส่ผม "องค์กรของข้ายิ่งใหญ่เสมอโว้ย!"
มันพุ่งหมัดมาทางผม ผมเอียงหัวหลบ จากนั้นก็คว้าที่แขนของมันด้วยมือทั้งสองข้าง จากนั้นผมก็จับร่างของมันเหวี่ยงทุ่มไปข้างหน้าทันที หน้าของมันกระแทกลงกับพื้นโรงถ่าย และเมื่อมันลุกขึ้นมาได้ ดูเหมือนมันจะไม่สนใจแล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง เพราะสีหน้าของมันนั้นราวกับอยากฆ่าคนเต็มที
"แก ตายซะ" มันยกมือทั้งสองข้างเพื่อเตรียมชกผมเต็มที่ แต่เมื่อผมดูท่าทีของมันแล้ว ผมพบเลยว่าท่าทางของมันนั้นแตกต่างจากพรรคพวกของมันคนอื่นๆ จากภารกิจที่ผ่านมา ทำให้ผมยิ้มด้วยความได้ใจ
"ผู้กำกับค่ะ" ผู้ช่วยผู้กำกับสาวรีบท้วง แต่ผู้กำกับนั้นยกมือห้าม
"ปล่อยไปตามนํ้าแหละดีแล้ว มุมกำลังสวยเลย" ผู้กำกับยิ้ม "เอ้า ถ่ายกันให้สวยๆ เลยนะ"
ช่างกล้องเมื่อได้ยินคำสั่งแบบนั้นแล้วรีบจัดกล้องและตั้งสมาชิกเตรียมตัวถ่ายกันอย่างเต็มที่
"นะ นี่มันอะไรกันเหรอค่ะ" เทียร์เริ่มงงกับฉากการแสดงที่เธอเห็นอยู่ในขณะนี้
"เจ้าคนนั้นมันคือคนร้ายยังไงหละ" เจ้าหน้าที่ที่ยังกอดล็อคตัวเธออยู่นั้นบอก "พ่อของกอร์ฟบอกมาแล้ว"
"ย๊ากกกกกกกก!!" คนร้ายคนนั้นพุ่งหมัดมาหาผมซํ้าอีกครั้ง แต่ผมเอียงหัวหลบได้อีกครั้ง มันพุ่งหมัดมาอีกข้าง ซึ่งผมก็เอียงหัวหลบไปได้ และทุกครั้งที่มันพุ่งหมัดเพื่อโจมตีผม ผมหลบหมัดของมันได้ทุกครั้ง ทั้งหลบไปซ้ายที ขวาที หรือก้มหัวหลบ ดูเหมือนมันจะคลั่งมากขึ้นเมื่อมันซัดหมัดมาไม่โดนผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนกระทั่งผมเผลอเดินถอยหลังหลบจนไปชนกับขอบเตียง จนผมหงายหลังล้มลงไปนอนกับเตียง และเป็นจังหวะเดียวกับที่มันขึ้นมาคร่อมตัวผมอีกครั้ง
"หึๆ เสร็จตูล่ะ" มันยิ้มอย่างเหี้ยมโหด
"ฉันว่าไม่น่า" ผมยิ้มตอบ
จากนั้นผมก็ใช้ขาทั้งสองข้างของผมจับล็อคที่ขาของมัน แล้วบีบขาเขาทันที เจ้าตัวร้องลั่นออกมา และผมก็รีบปล่อยขาของมันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหมุนตัวแล้วใช้เข่าตัวเองดันให้มันกลิ้งไปบนเตียงข้างๆ ตัวผม และผมก็รีบยกขาทั้งแล้วยกตัวเองให้ลุกขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่มันเตรียมจะลุกขึ้นเพื่อมาโจมตีผมต่อ ผมซึ่งเพิ่งลุกมานั่งบนเตียงได้นั้น รีบยกขาขวาแล้วเตะมันไปเต็มแรง ก่อนที่จะขยับขาขวาให้เหยีบบบนเตียงเพื่อยันตัวเองเอาไว้ แล้วใช้ศอกข้างซ้ายสวนกระแทกเข้าไปที่หน้าของมันเต็มแรง และรีบใช้มือดันตัวมันเพื่อช่วยให้ผมลุกขึ้นมา และเมื่อผมลุกขึ้นมาได้แล้ว ผมรีบใช้ขาขวาเตะมันไปที่หน้าอีกทีหนึ่ง ก่อนที่จะหมุนตัวแล้วเตะมันซํ้าอีกครั้ง จนตัวของมันกลิ้งหล่นลงจากเตียงและหัวกระแทกกับพื้น สลบคาที่ไปในทันที
ผมหอบหายใจออกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย เหงื่อผุดไหลมาตามร่างกายของผม และเมื่อผมรู้ตัวอีกที ปรากฎว่าผ้าขนหนูมันเริ่มหลุดและผ้าก็กำลังจะหล่นออกมา ผมรีบคว้ามันปกปิดร่างกายท่อนหน้าทันที เพราะไม่อย่างนั้นความแตกแน่ และผมก็รีบหันหลังให้พวกกล้องถ่ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งตอนนี้ผมเปลือยท่อนหลังไปเสียแล้ว ทำให้แผ่นหลังที่ขาวนวลของผมโชว์ประจักษ์ให้กับทีมงานในกองถ่ายทุกคน และเมื่อผมรู้ตัวอีกทีว่าตอนนี้กำลังถ่ายทำอยู่นั้น ผมรีบแสดงตามบทต่อทันที
ผมก้มลงโดยที่มือซ้ายยังจับผ้าขนหนูเอาไว้เพื่อไม่ให้มันหลุดออกมา แล้วก็หยิบกระดาษแข็งที่ทำเป็นรูปคีย์การ์ดออกมาจากกระเป๋าของคนร้ายทันที ซึ่งเป็นอุปกรณ์ของการแสดงในฉากนี้นั่นเอง
"ได้มาซะที" ผมถอนหายใจพร้อมกับส่งเสียงครางออกมาอย่างอ่อนล้าและเซ็กซี่ (โดยไม่ได้ตั้งใจ) "เฮ้อ... เหนื่อยจังเลย"
"และ... คัท!!"
เมื่อเสียงผู้กำกับดังขึ้น ผมรีบมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว ปรากฎว่ามีช่างกล้องพร้อมทีมงานอีกห้าคนนอนกับพื้นสลบคาที่ พร้อมเลือดที่ผุดไหลออกมาจากจมูก และทุกคนที่ปรบมือให้กับผม
"สุดยอดมากครับน้องกอร์ฟ" ผู้กำกับปรบมือเสียงดังกว่าใครเพื่อน "แอ็คชั่นแบบนี้แหละที่ต้องการ!!"
เหอะๆ แต่ตูไม่ต้องการชัดนิด ผมคิดอย่างเคร่งเครียด
มีทีมงานรีบวิ่งเข้ามาแล้วเอาเสื้อคลุมมาคลุมตัวให้ผม (เพราะทุกคนยังเข้าใจว่าผมเป็นผู้หญิงอยู่) และเมื่อผมใช้เสื้อคลุมปกปิดร่างกายตัวเองได้แล้ว ทีมงานที่เป็นคนของพ่อผมรีบหามคนร้ายที่ยังนอนสลบเมือดออกไปทันที และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่าพ่อของผมกำลังยืนคุยอยู่กับผู้กำกับ
"งั้นเหรอ มิน่าทำไมเขาถึงเล่นบทคนร้ายเก่งนัก ก็เพราะเขาเป็นคนร้ายตัวจริงนี่เอง ผมไม่รู้มาก่อนเลยนะเนี่ย" ผู้กำกับถอนหายใจ "แต่ดีแล้วที่มีคนร้ายแค่คนเดียว ถ้าแบบนี้ผมก็สามารถถ่ายทำไปได้ต่อสินะครับ"
"ครับ ตามสบายครับ" พ่อของผมพยักหน้าตอบ
ผมยิ้มอย่างโล่งอกที่คดีในครั้งนี้ปิดลงได้แถมเนียนเสียด้วย และเมื่อผมมองไปทางเทียร์ ปรากฎว่าผมเห็นเจ้าหน้าที่ของพ่อผมยังกอดล็อคท้องของเทียร์อยู่ ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่ชอบใจขึ้นมากระทันหัน ผมรีบเดินไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
"จะกอดเพื่อนผมอีกนานไหมครับเนี่ย" ผมบอกกับเขาเสียงแข็ง ซึ่งเหมือนทั้งเขาและเทียร์เพิ่งจะรู้ตัว ทั้งสองคนรีบแยกออกจากกันทันที
"ขอบคุณครับ" ผมตอบเสียงแข็งต่อ ก่อนที่จะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับมองไปทางอื่นด้วยความไม่ชอบใจ
ทำไมกันนะความรู้สึกนี้ ทำไมเราถึงทั้งไม่ชอบใจ ทั้งเครียดและกังวลที่เทียร์โดนกอดไปแบบนั้นนะ มันหนักใจยิ่งกว่าตอนที่เราแสดงเมื่อกี้อีก ผมหรี่ตาพร้อมกับหายใจแรงๆ ราวกับต้องการระบายความเครียด ทำไมกันนะ
ด็กสาวเทียร์เมื่อเห็นอาการของผมดังนี้แล้ว เธอยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ ราวกับว่านี่เป็นความรู้สึกที่เธออยากได้มานานแล้ว
อของผมเดินมาทางผมและยิ้มให้ผมอย่างโล่งอก
ปลอดภัยดีไหมลูก" พ่อของผมถาม
"ดีครับพ่อ พวกของมันคราวนี้กระจอกกว่าคนที่ผ่านมาเลย" ผมตอบตามตรง
"งั้นก็ดี ลูกยังเหลืออีกสี่สิบหกฉากที่ต้องถ่ายต่อนะ" พ่อผมยิ้ม
เอ้า ทำไมอ่ะ ภารกิจก็เสร็จแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมผมต้องถ่ายต่อด้วยหละ" ผมท้วง
"ก็เพราะพ่อเซ็นสัญญาให้ลูกไปแล้วไง ว่าลูกต้องอยู่ต่อและแสดงจนจบ" พ่อของผมชูหนังสือสัญญานักแสดงให้ผมดู
"แล้วมันมีลายเซ็นของผมตอนไหนเนี่ย ผมจำได้ว่าไม่เคยเซ็นสัญญาเลยะครับ" ผมมองดูลายเซ็นตัวเองในหนังสือสัญญาด้วยความตกใจ
"พ่อปลอมลายเซ็นให้ลูกเองแหละ เจ๋งใช่ม้า" พ่อผมยิ้มร่า
"พ่อที่ไหนบังคับให้ลูกต้องแสดงเป็นหญิงแบบนี้เนี่ย" ผมโต้เสียงดังด้วยความไม่ชอบใจ
"อุ้ย ไม่ต้องห่วงนะ ผู้กำกับบอกว่าเขาจะดันให้ลูกไปฮอลลีวู้ดด้วยแหละ ดีใจจังเลยเน้อ" พ่อผมบอกด้วยนํ้าเสียงเริงร่า
"ไม่เอาทั้งนั้น!!" ผมเถียงกลับ
"ว้าวๆ กอร์ฟจะได้ไปฮอลลีวู้ดด้วย ว้ายๆ" เทียร์ส่งเสียงเชียร์ออกมาอย่างดีอกดีใจ
ฮือ มีใครจะรับฟังตูบ้างไหมเนี่ย ผมคิดอย่างเครียดและน้อยใจ
ความคิดเห็น