ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adventure in Equestria (My Little Pony Fan-Fic)

    ลำดับตอนที่ #13 : Episode 13 : Nightmare

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 57



    ในที่สุด ผมก็ยืนอยู่ในบ้านของผม

    บ้านที่ว่านี้ไม่ใช่บ้านในเมืองโพนี่วิลด์ด้วย แต่เป็นบ้านของผมจริงๆ และอยู่ในโลกมนุษย์ ผมมองไปรอบๆ บ้านตัวเองด้วยความตื่นเต้นที่ในที่สุดผมก็สามารถกลับมายังโลกเดิมของผมอีกครั้งได้ในที่สุด

    เสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากบนบ้าน ผมเงยหน้ามองดูด้วยความตื่นเต้นว่าใครจะเป็นคนเดินลงมาต้อนรับผม ซึ่งผมเดาว่าคงจะเป็นน้องสาวผม เพราะผมเองก็อยากที่จะเจอเธอเหลือเกิน

    และก็เป็นน้องสาวของผมจริงๆ เธอเดินลงบันไดมาและก็ยืนมองผมอยู่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

    "น้องพี่ พี่กลับมาแล้ว" ผมรีบบอกกับน้องสาวตนเองด้วยความยินดี

    "ดีใจด้วยนะท่านพี่ ที่ในที่สุดก็ถึงเวลาซะที" เสียงของน้องสาวเอ่ยตอบด้วยนํ้าเสียงทุ้มตํ่าผิดธรรมชาติ

    "อะไรนะ" ผมถามด้วยความสงสัย

    "เพราะมันถึงเวลา ที่เจ้าจะได้กลายเป็น Changeling แล้วยังไงหล่ะ!!"

    ร่างของน้องสาวเปลี่ยนไป เธอฉีกยิ้มออกมาอย่างผิดธรรมชาติพร้อมกับควันสีดำที่ปกคลุมทั่วร่างกายของเธอ และเมื่อผมลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็พบกับคนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้าที่สุดในโลกของผม

    ควีนคริสซาลิส

    "นี่แก มาที่โลกของฉันได้ยังไง!" ผมตะเบ็งเสียงถามด้วยความตื่นตกใจ

    "โลกขางนายงั้นเหรอ ยังกับว่านายเป็นคนบนโลกนี้จริงๆ อย่างนั้นแหละ" ควีนคริสซาลิสยิ้มเยาะ

    ผมก้มลงมองดูตัวเอง และก็พบว่าตัวเองนั้นก็ยังคงเป็นม้าโพนี่อยู่ ผมยกกีบขึ้นมาดูด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่า กีบของผมกำลังถูกสีดำย้อมขึ้นมาเรื่อยๆ และนั่นหมายความว่า ผมกำลังจะกลายเป็น Changeling จริงๆ แล้ว!

    "ไม่ ไม่ ไม่!!" ผมร้องเสียงดังลั่น พยายามที่จะหลีกหนีร่างที่กำลังจะกลายพันธุ์เป็น Changeling แต่ราวกับร่างกายของผมถูกแช่แข็งจนไม่สามารถขยับไปไหนมาไหนได้ ตอนนี้ทั่้วทั้งตัวผมกลายเป็นสีดำไปทั้งตัวแล้ว พร้อมกับปีกของผมที่ตอนนี้กลายเป็นปีกสีเขียวแก่ราวกับแมลงอะไรซักอย่างที่น่าขยะแขยง มันแพร่ลามขึ้นมาบนร่างกายของผมเร็วมากราวกับเชื้อโรค และตอนนี้มันก็กำลังคืบมาที่คอของผมแล้วด้วย!

    "ยินดีซะสิ เพราะเจ้าจะได้กลายมาเป็นของข้า ชั่วนิรันดร!" ควีนคริสซาลิสยิ้มเยาะ

    "ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ไม่ ฉัน..." ผมพยายามยืดคอราวกับต้องการหนีสิ่งที่ลามขึ้นมาบนคอของผมเรื่อยๆ และในที่สุด มันก็ลามมาถึงใบหน้าของผม ตอนนี้ทั่วทั้งตัวของผมกลายเป็น Changeling ทั้งตัวแล้ว เหลือแต่ตาทั้งสองข้างที่ยังกรอกไปมาเท่านั้น

    "ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!"

     

    --------------------------------------------

     

    "ม่ายยยยยยยยยยยยยย!!"

    ผมตะโกนเสียงดังลั่นออกมาพร้อมกับเหงื่อที่แตกซิกจนไหลออกมาทั่วทั้งตัว ผมหอบหายใจถี่พร้อมกับมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตกใจ ผมพบว่าตัวเองนั้นยังคงนอนบนเตียงของผมในบ้านตัวเองนอกเมืองโพนี่วิลด์ ข้างนอกนั้นยังคงเป็นตอนกลางคืน เสียงแมลงยังคงดังระงมไปทั่ว ผมมองดูนาฬิกาที่ตอนนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นเวลาตีสองกว่า เท่ากับว่าผมนอนไปราวๆ สี่ชั่วโมงแล้วถึงสะดุ้งตื่นนั่นเอง

    ผมยกกีบตัวเองขึ้นปาดเหงื่้อบนหน้าผากตัวเอง ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา พร้อมกับพยายามหลับตาลงเพื่อที่จะให้อารมณ์ตนเองผ่อนคลายลง แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะใจของผมยังเต้นโครมครามราวกับจะทะลุออกจากอกเพราะฝันเมื่อซักครู่นี้

    "อีกแล้วเหรอเนี่ย" ผมพึมพำด้วยความเหนื่อยอ่อน

    ใช่แล้วครับ ผมฝันร้ายแบบนี้ติดต่อกันมา 6 วันแล้ว! รวมไปถึงคืนนี้ด้วย!

     

    -------------------------------------------

     

    ตอนเช้า ผมสะลึมสะลือเดินลุกจากเตียง พยายามรวบรวมสมาธิในการอาบนํ้าทำความสะอาดร่างกาย แต่ด้วยการที่ผมฝันร้ายติดต่อมา 6 วัน และทุกครั้งก็ไม่ได้ทำให้ผมนอนหลับสนิท ทำให้สภาพตอนนี้ผมเหมือนคนอดนอนมาทั้งคืน และก็เผลอสัปหงกอยู่เรื่อยๆ แต่เมื่อใดก็ตามที่ผมนอนหลับ ก็จะต้องเจอกับฝันร้ายอยู่ดี

    ผมนั่งลงบนโต๊ะด้วยความอ่อนเพลีย ได้มองไปยังปฏิทินที่ติดบนผนัง หลังจากที่ผมเข้าฝึกฝนกับวันเดอร์โบ้วแล้ว 7 วัน เท่ากับผมสามารถผ่านการทดสอบเบื้องต้นมาได้ ผมกับเรนโบว์แดชจึงสามารถกลับมายังโพนี่วิลด์ได้ โดยที่ทุกๆ อาทิตย์ผมกับเธอจะต้องเข้าไปฝึกต่อที่อเคเดมี่สองวันหนึ่งคืนต่อเนื่องเป็นประจำ ซึ่งหลังจากที่ผมเดินทางกลับมาถึงบ้าน ผมก็เจอกับฝันร้ายแบบนี้ทุกวันเลยทีเดียว แรกๆ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันเพราะมันก็แค่ความฝัน แต่มันก็เกิดขึ้นทุกวันจนเริ่มผิดปกติ เพราะแรกๆ ยังไม่เท่าไหร่ หลังๆ ผมสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายกลางดึกเรื่อยๆ จนทำให้นอนไม่พอ และทำให้ร่างกายผมเพลียมากขึ้นเรื่อยๆ จนออกอาการชัดเจนสุดก็วันนี้

    มันต้องมีอะไรแปลกๆ ละแบบนี้ ผมคิด ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปมองดูหนังสือนิยายเล่มหนึ่งที่ทไวไลท์ให้ผมยืมมาอ่าน มันเป็นเรื่องราวการผจญภัยของเพกาซัสสาวที่ชื่อ Daring-Do และเห็นว่าเรนโบว์แดชชอบอ่านมาก เลยแนะนำให้ผมยืมทไวไลท์เอามาอ่าน

    "บางทีทไวไลท์น่าจะรู้อะไรบ้าง" ผมพึมพำออกมา ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกจากบ้านตัวโซเซเล็กน้อยเพื่อเข้าไปยังเมืองโพนี่วิลด์โดยที่ไม่กินอาหารเช้า เพราะผมรู้สึกมึนเกินกว่าที่จะหิวด้วยซํ้า แต่เมื่อผมออกจากบ้านแล้วผมก็เจอแอปเปิ้ลแจ็คและฟรัทเทอร์ชายเดินผ่านหน้าบ้านผมพอดี และทั้งคู่นั้นสภาพก็อิดโรยไม่ต่างอะไรจากผม

    "ไงพ่อหนุ่มนํ้าตาลก้อน หลับสบายดีไหม" แอปเปิ้ลแจ็คถามด้วยนํ้าเสียงระโหยโรยแรง

    "ไม่หรอกถ้าฝันร้ายมันทั้งอาทิตย์นะ" ผมตอบเสียงอ่อย

    "เธอก็ด้วยเหรอ" ฟรัทเทอร์ชายยกกีบของเธอทั้งสองข้างปิดปากด้วยความตกใจ ซึ่งเมื่อผมมองหน้าทั้งสองคนดีๆ ก็พบว่าทั้งคู่ก็มีขอบตาดำไม่ต่างจากผมเลย

    "อย่าบอกนะว่า พวกเธอทั้งคู่ก็ด้วยนะ" ผมยกกีบถามทั้งคู่ ซึ่งทั้งสองตัวก็พยักหน้าตอบ

    "ฉันกับฟรัทเทอร์ชายว่าจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับทไวไลท์ดูนะ นอนไม่หลับแบบนี้ฉันทำงานไม่ได้เลยนะเนี่ย" แอปเปิ้ลแจ็คบ่นด้วยความไม่ชอบใจนัก

    "ฉันก็เหมือนกัน ฉันคุยกับสัตว์แทบไม่รู้เรื่องเลยช่วงนี้" ฟรัทเทอร์ชายเองก็บอกอย่างเห็นด้วย

    "งั้นไปหาทไวไลท์เหอะ ก่อนที่เราจะกลายเป็นซอมบี้กันหมด" ผมบอก ซึ่งม้าทั้งสองตัวไม่มีอารมณ์แม้แต่จะตบมุขด้วยซํ้า พวกเราทั้งสามตัวเดินทางเข้าเมืองโพนี่วิลด์เพื่อไปหาทไวไลท์ที่ห้องสมุด

    ระหว่างทางนั้น ผมกลับเจอม้าตัวที่ไม่คิดว่าจะมาเจอในเมืองโพนี่วิลด์ด้วย นั่นก็คือคราวไรเดอร์นั่นเอง เธอดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอผมโดยบังเอิญ

    "หวัดดีคราวไรเดอร์ ออกมาเดินเล่นเหรอ" ผมเอ่ยถามเธอด้วยนํ้าเสียงอ่อย พยายามทำตัวให้เหมือนสดชื่นเข้าไว้

    "ประมาณนั้น แล้วนี่พวกเธอจะไปไหนกันเหรอ" เธอถามพวกผมด้วยความสงสัย พอผมเล่าเรื่องให้ฟังแล้ว อีกฝ่ายหน้าเบ้เล็กน้อยเพราะทำท่าไม่เชื่อว่าพวกผมทั้งสามตัวฝันร้ายติดต่อมาทั้งอาทิตย์

    "มั่นใจนะว่าไม่ไปโดนคำสาปใครเล่นงานเข้านะ" คราวไรเดอร์ถาม

    "ในโลกฉัน ต้องไปสะเดาะเคราะห์ถึงจะหาย แต่ในโลกนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะสะเดาะเคราะห์ยังไง" ผมพึมพำตอบ "เลยว่าจะไปหาทไวไลท์อยู่เนี่ยว่ามีวิธีการแก้ไหม"

    "ถ้าทไวไลท์ละก็เห็นยืนอยู่ตรงนั้นนะ" คราวไรเดอร์ตอบ ก่อนที่จะเดินนำทางให้พวกผมทั้งสามตัวเดินตามไป

    คราวไรเดอร์นำทางผมไปจนเจอทไวไลท์ เรนโบว์แดช และแรร์ริตี้กำลังยืนคุยกันอยู่ ซึ่้งทั้งหมดนั้นก็มีขอบตาดำและร่างกายที่่อ่อนระโหยโรยแรงกันหมด

    "อย่าบอกนะว่าพวกเธอก็ด้วยนะ" ผมถามทุกตัวด้วยความตกใจ

    "นี่พวกเราฝันร้ายมาทั้งอาทิตย์เหมือนกันหมดเลยเหรอ" ทไวไลท์ถามด้วยความตกใจ ซึ่งพวกผมพยักหน้าตอบแทนการตอบ

    "เห็นว่าพิงค์กี้พายแนะนำให้ไปนอนค้างด้วยกันที่ซูก้าคิ้ว คอเนอร์ บ้านของเธอเพื่อที่จะจัดปาร์ตี้ชุดนอนกันนะ" แรร์ริตี้เอ่ย

    "ความคิดดีนะ น่าจะช่วยทำให้เรานอนหลับฝันดีซักคืนได้บ้าง" แอปเปิ้ลแจ็คหาววอด

    "นายก็มานอนด้วยกันสิ มีแต่พวกเรานี่นาที่นอนฝันร้ายนะ" เรนโบว์แดชบอก เธอเองก็ยืนเซไปเซมาไม่มั่นคงเหมือนคนเมาไม่มีผิด

    "นะ นะ นะ นอนค้างเหรอ" คราวไรเดอร์ที่ยืนฟังอยู่เอ่ยด้วยนํ้าเสียงไม่พอใจเล็กน้อย หน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นมาทันที

    "ก็ดี พิงค์กี้พายน่าจะช่วยได้เหมือนกัน" ผมเองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่แล้วก็เจอคราวไรเดอร์เดินเข้ามาชนกับผมและใช้กีบเท้าแตะที่คอผมทันทีเมื่อผมเดินเซหลังไปชนกับบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ

    "นี่นาย คิดยังไงไม่ทราบถึงจะไปนอนกับผู้หญิงด้วยกันนะหา" เธอถามผมเสียงฉุน

    "คิดยังไง ก็คิดที่จะหยุดฝันร้ายนี่ไง พิงค์กี้พายเป็นเจ้าแม่ปาร์ตี้ น่าจะช่วยทำให้พวกเราสนุกสนานก่อนนอนได้นะ" ผมตอบตามความจริง พร้อมกับพยายามไม่อ้าปากออกเพราะผมหาวนั่นเอง

    "งะ งั้นเหรอ" เพกาซัสสาวถามด้วยนํ้าเสียงไม่น่าเชื่อเท่าไหร่นัก

    "ว่าตรงๆ นะคราว ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วนอกจากอยากนอนหลับแบบสบายๆ ซักคืนนึง เธอคิดว่าฉันจะคิดยังไงเหรอ" ผมถามเธอด้วยความสงสัยเพราะผมก็คิดแบบนั้นจริงๆ

    "ก็มัน... ก็มัน..." คราวไรเดอร์อ้าปากกำลังจะพูดในสิ่งที่เธอคิด แต่ซักพักเธอก็หน้าแดงไปทั้งหน้าอย่างรวดเร็ว

    "ตาบ้า! ให้ฉันคิดอะไรมิทราบย่ะ!" เธอตะโกนด่าใส่ผม

    "แล้วเธอคิดอะไรเล่า" ผมถามด้วยนํ้าเสียงรำคาญเล็กน้อย

    "ถ้างั้น ฉันจะไปนอนด้วย!" คราวไรเดอร์เอ่ยกับผมเสียงแข็งก่อนที่จะหันไปถามม้าสาวตัวอื่นๆ ที่ยังจ้องมองดูการกระทำของเธอ "ได้ไหม"

    "ฉันไม่มีปัญหาหรอก และคิดว่าพิงค์กี้พายก็ไม่ว่าอะไรด้วย" แอปเปิ้ลแจ็คตอบพร้อมกับรีบเอากีบปิดปากตัวเองเพราะเธอหาวขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

    "ดี งั้นคืนนี้เจอกัน" เธอปล่อยกีบออกมาจากคอของผม ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เธอจะเลี้ยวเข้าหัวมุมถนนข้างหน้า เธอแอบเหล่ตามองผมเล็กน้อยก่อนที่จะวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

    "อะไรของเขาเนี่ย" ผมพึมพำพร้อมกับอ้าปากหาววอดยาวๆ เพราะเมื่อกี้อั้นมานาน

    "แหม๋ แหม๋ แหม๋ ฉันว่านายกำลังทำให้ม้าสาวบางตัว ตกหลุมซะแล้วหละนะพ่อหนุ่ม" แรร์ริตี้เดินมาแซวผม

    "ตกหลุมอะไร" ผมถามด้วยความสงสัย แต่แรร์ริตี้ไม่ยอมเฉลยคำตอบให้ผมฟัง

    "เสน่ห์แรงดีนะนายนะ" แรร์ริตี้แซวผมออกมาแทน

    ผมส่ายหัวเพื่อพยายามไล่ความง่วงออกไป แต่มันก็ไม่ได้ผล ยอมรับเลยว่าผมมึนเอาเรื่องจนไม่รู้ด้วยซํ้าว่า คำว่าตกหลุมที่แรร์ริตี้บอกนั้นมันคืออะไร

     

    --------------------------------------------

     

    คืนนั้น ผมขนที่นอนไปยังชูก้าคิ้ว คอเนอร์ บ้านของพิงค์กี้พายที่เป็นร้านขายขนมหวาน คุณและคุณนายเค้ก เจ้าของร้านก็ต้อนรับพวกผมด้วยอาหารเย็นที่ทั้งสองทำเอง อาหารฝีมือของคุณและคุณนายเค้กอร่อยไม่แพ้ของหวานที่ทั้งสองคนทำขายเลย และเมื่อพวกผมรับประทานอาหารกันเสร็จแล้วก็ได้ทยอยขึ้นไปบนห้องของพิงค์กี้พายที่อยู่ชั้นบน ซึ่งเธอได้ติดป้ายที่ทำจากกระดาษมีชมพูข้างบนเพดานว่า 'ฝันหวาน' และก็ได้ประดับประดารอบๆ ห้องนอนของเธอด้วยสีสันสีชมพูไปทั่วห้อง ซึ่งก็สมกับสีของเจ้าตัวจริงๆ

    ผมปูที่นอนของผมให้ห่างจากกลุ่มเพื่อนๆ ทั้งหกตัวหน่อย เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาเผลอไปนอนกอดหรือดิ้นชนกันเพราะผมเองก็นอนดิ้นบ้างพอสมควร แต่อีกเรื่องก็คือเพื่อความเหมาะสมด้วยเพราะผมเองก็เป็นผู้ชาย อันที่จริงต้องบอกว่าเรื่องนี้ผมเพิ่งจะมานึกได้ตอนที่ขนผ้าปูที่นอนไปบ้านพิงค์กี้พายด้วยซํ้า แถมผมเองก็ลองถามพิงค์กี้แล้วด้วยว่าให้ผมไปนอนแยกห้องดีไหม แต่เธอบอกว่าทั้งบ้านนั้นชั้นบนมีอยู่ห้องเดียวและเธอก็ไม่ยอมให้ผมไปนอนที่อื่นด้วย ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดเรื่องที่ผมเป็นคนละเพศกันเธอด้วยซํ้า

    ทไวไลท์กับแอปเปิ้ลแจ็คตอนนี้ก็กำลังหารือเรื่องที่พวกเรานอนฝันร้ายติดต่อกันทุกคน โดยที่เจ้าตัวนั้นมีหนังสือเปิดอ่านอยู่ แต่ผมก็เห็นทไวไลท์เปิดอ่านมาตั้งแต่มื้อเย็นแล้ว เหมือนเธอจะไม่ได้เจออะไรเลย ส่วนเรนโบว์แดชนั้นก็กำลังถูกแรร์ริตี้โปะหน้าด้วยโคลนพอกหน้าอยู่ และท่าทางเจ้าตัวก็ไม่ได้ชอบใจเท่าไหร่ด้วยนัก

    ตุ๊บ!

    เสียงวางที่นอนลงบนข้างๆ ผม เมื่อผมหันไปมองก็พบคราวไรเดอร์กำลังปูที่นอนลงข้างๆ ผมโดยคั่นระหว่างกลุ่มเพื่อนผมทั้งหกตัวกับเอาไว้ ซึ่งผมก็มองดูอีกฝ่ายด้วยความสงสัยว่าทำไมต้องมานอนข้างๆ ผมด้วย

    "อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่อยากให้นายไปทำอะไรกับ 'เพื่อน' นายที่อยู่ตรงนั้น" เธอหลับตาพร้อมกับปูที่นอนเอ่ยกับผม

    "ฉันไม่ทำอะไรในสภาพที่ฉันอยากนอนฝันดีเต็มแก่แบบนี้หรอก" ผมตอบพร้อมกับยกกีบปิดปากเพราะผมอ้าปากหาววอดอีกรอบ

    "หมายความว่าถ้าเป็นเวลาปกติ นายจะทำอย่างนั้นเหรอย่ะ!" คราวไรเดอร์ยืนจ้องมองตาผมด้วยความไม่พอใจนัก เธอกระพือปีกเล็กน้อยอย่างรวดเร็ว

    "ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แล้วทำนี่มันทำอะไรกันหละ" ผมถามด้วยความสงสัยที่เธออาการขึ้นอีกครั้ง

    คราวไรเดอร์อ้าปากค้าง หน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีไปนั่งตรงริมหน้าต่างไม่ยอมหันหน้ามามองผมอีก

    ผมยกกีบเกาหัวตัวเองด้วยความงุงงงว่าทำไมเธอถึงมาโวยอะไรใส่ผมเรื่องนี้พร้อมกับมองไปทางเพื่อนๆ ผม ซึ่งตอนนี้ทุกตัวหยุดการกระทำของตนเองหมดและก็มองมาทางผมสายตาเดียว

    "ฉันว่านายไม่เข้าใจหัวอกของผู้หญิงเท่าไหร่นะ" แรร์ริตี้วิจารณ์ผม

    "ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าตรงๆ หัวฉันมึนมากจนคิดอะไรไม่ออกแหละ" ผมบอกตามความจริง

    "เท่าที่ฉันไปสอบถามม้าตัวอื่นในเมืองมานะ ไม่มีม้าตัวไหนเลยที่นอนฝันร้ายติดต่อเหมือนพวกเรา มันอาจจะเป็นเพราะพวกเราถูกเชื่อมกันด้วยพลังธาตุแห่งความปรองดองก็ได้" ทไวไลท์บอก

    "นั่นก็คงอธิบายได้แหละว่าทำไมมีแต่พวกเราที่นอนฝันร้าย" แอปเปิ้ลแจ็คพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    "แต่ที่ฉันสงสัยก็คือ ทำไมนายถึงนอนฝันร้ายเหมือนพวกฉันด้วย ทั้งๆ ที่นายก็ไม่ได้มีธาตุแห่งความปรองดองเลย" ทไวไลท์หันหน้ามาถามผม

    "ไม่รู้เหมือนกัน เธอไม่รู้แล้วฉันจะถามใคร" ผมยักไหล่ตอบเธอ

    "จะยังไงก็ช่าง ถ้าเรานอนด้วยกันก็ต้องสนุกแน่ๆ ใช่มั้ย เรนโบว์แดช!" พิงค์กี้พายหยิบหมอนขึ้นมาพร้อมกับหันไปถามเจ้าตัว

    "ช่าย สนุกมากๆ" เรนโบว์แดชบอกด้วยนํ้าเสียงเบื่อหน่าย เพราะเธอยังคงโดนแรร์ริตี้ขัดกีบให้เธออยู่

    ตุ๊บ!

    พิงค์กี้พายขว้างหมอนใส่เรนโบว์แดชจนโคลนพอกหน้าที่อยู่บนหน้าของเธอปลิวกระเด็นออกไป ซึ่งนั่นทำให้เรนโบว์แดชหยิบหมอนตัวเองขึ้นมาบ้าง

    "นั่นหมายถึงสงครามนะพิงค์กี้! รับนี่ไปเล้ย!" เรนโบว์แดชเริ่มขว้างหมอนใส่พิงค์กี้พาย และจากนั้นทั้งสองตัวก็เริ่มสงครามหมอนพร้อมกับวิ่งไปรอบๆ ห้อง เรนโบว์แดชอาศัยปีกตัวเองบินลูกเดียว แต่พิงค์กี้นั้นกลับพุ่งความเร็วไม่ต่างอะไรจากเรนโบว์แดชเลย แรร์ริตี้ยกกีบจับหน้าผากตัวเองพร้อมกับส่ายหัว ราวกับเสียดายที่เธออุตส่าห์เสริมสวยให้เรนโบว์แดชพังหมดเมื่อกี้

    "หรือว่าการที่นายเป็นคนต่างโลก ก็เลยฝันร้ายเหมือนพวกเราด้วย" ฟรัทเทอร์ชายแสดงความเห็นมาบ้าง

    "ถ้างั้นฉันก็น่าที่จะฝันร้ายคนเดียวสิ ทำไมพวกเธอต้องฝันร้ายด้วย" ผมถามกลับด้วยความสงสัย

    "หรือว่าการที่พวกเราไปโลกของนาย จะโดนสาปฝันร้ายมาเหมือนกันหมด" ทไวไลท์ถามด้วยความตกใจ

    "โลกฉันไม่มีเวทมนต์ทไวไลท์ ฉันสาบานได้ อีกอย่าง ถ้ามันมีคำสาปติดตัวมาจริง พวกเราก็ต้องฝันร้ายตั้งแต่คืนแรกๆ ที่ฉันมาอยู่ในโลกนี้แล้วสิ" ผมส่ายหัวตอบ

    "มีเหตุผล" ยูนิคอร์นสาวเอ่ยด้วยนํ้าเสียงครุ่นคิด

    ตุ๊บ!

    หมอนใบนึงปลิวมาโดนหัวผม และเมื่อผมมอง ก็เห็นเรนโบว์แดชนะแหละเป็นคนขว้างใส่ผม ซึ่งนั่นทำให้ผมยิ้มหึๆ ทันที

    "จะให้เล่นด้วยงั้นเหรอ งั้นก็ได้! รับน้าาาาา" ผมตะโกนเสียงดังลั่นก่อนที่จะหยิบหมอนที่อยู่ใกล้ๆ ขว้างออกไปหลายใบ

    ตุ๊บ!

    แต่ปรากฎว่าเรนโบว์แดชบินหลบทัน และหมอนใบนั้นก็ไปโดนคราวไรเดอร์ที่ยังนั่งหันหลังให้ผมอยู่ เธอหันหลังกลับมามองด้วยใบหน้าที่บึ้งเล็กน้อย

    "อุ้ย โทษที" ผมเอ่ยขอโทษกับเธอ

    ตุ๊บ!

    มีหมอนปลิวมาโดนผมแทนคำขอโทษจากเธอ และเมื่อผมตั้งตัวได้ ก็เห็นว่าคราวไรเดอร์นั้นก็ฉีกยิ้มพร้อมกับมีหมอนทั้งสองใบอยู่บนกีบของเธอ และดูเหมือนว่าเธอพร้อมที่จะจ้องเล่นงานผมแล้ว

    หลังจากนั้น หัวข้อการสนทนาชวนเครียดของทไวไลท์ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นความสนุกทันทีเมื่อพวกผมเล่นปาหมอนใส่กัน แรกๆ ทไวไลท์กับแอปเปิ้ลแจ็คยังไม่เข้าร่วมวง แต่พอทั้งคู่โดนหมอนปาใส่ก็หันมาเล่นกับพวกเราด้วย ยกเว้นแรร์ริตี้ที่เดินหนีไปเสริมสวยของเธอด้วยตัวเองกับฟรัทเทอร์ชายที่ไม่ได้เล่นด้วย ส่วนสไปค์นั้นนอนหลับปุ๋ยไปเป็นตัวแรก พวกเราทั้งหมดเล่นกันอย่างสนุกสนานจนเวลาล่วงเลยไป พวกเราก็เริ่มหมดแรงและเริ่มซุกตัวลงบนฟูกของตัวเอง

    "ราตรีสวัสดินะทุกตัว" ทไวไลท์บอก

    "เจอกันตอนเช้านะ" ฟรัทเทอร์ชายบอกด้วยเช่นกัน

    "ราตรีสวัสดิ เรนโบว์แดช และแรร์ริตี้ และฟรัทเทอร์ชาย และสไปค์ และแอปเปิ้ลแจ็ค และกัมมี่ และนายด้วย และคราวไรเดอร์ และม้าโพนี่ทุกตัวในอีเควสเทรีย และเรนโบว์แดช..." พิงค์กี้พายเอ่ยออกมารัวๆ

    "จะขอบคุณมันทุกตัวเลยไหมพิงค์กี้" ผมซึ่งนอนหลับตาไปแล้วแซวออกมา

    "ถ้าฉันรู้ชื่อทุกตัวนะ ฮี่ๆ" พิงค์กี้พายเอ่ยเสียงหวานออกมา ก่อนที่อีกไม่กี่วินาที จะมีเสียงเธอกรนออกมาเล็กน้อยด้วยเสียงเบา

    หลับไวดีแฮะ ผมลืมตาเล็กน้อยเมื่อหันไปมองดูพิงค์กี้ แต่กลับเจอคราวไรเดอร์ที่นอนหันหลังให้ผมแทน ซึ่งทำให้ผมนึกได้ว่า คราวไรเดอร์มานอนขวางผมกับเพื่อนๆ ของผมเอาไว้ ผมเลยนอนพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้เธอบ้าง

    หวังว่าคืนนี้จะนอนฝันดีได้ซะทีนะ ผมคิดก่อนที่จะเผลอหลับไปด้วยความอ่อนแรง

    แต่ม้าตัวสุดท้ายที่ยังไม่ได้นอนก็คือคราวไรเดอร์ เพราะเธอนั้นดูเหมือนตื่นเต้นมากที่จะได้นอนกับม้าหนุ่มตัวข้างๆ เธอ

    จะ ใจเย็นไว้คราว มีเพื่อนๆ เขานอนกันอยู่เยอะแยะ เขา เขาคงไม่ทำอะไรเราหรอก ม้าสาวชนกีบตัวเองเข้าด้วยด้วยความตื่นเต้น

    เธอลืมตาขึ้นและเหลือบไปมองดูกีบของเขาที่วางอยู่ข้างๆ เธอ เธอหลับตาแน่นก่อนที่จะค่อยๆ ยื่นกีบของเธอไปใกล้กีบของเขามากขึ้นเล็กน้อย

    นะ นิดเดียวเองนะ คง ไม่เป็นไรมั้ง เธอคิดเข้าข้างตัวเอง

    แต่ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นมากจนกีบของเธอสั่นไปหมด เธอจึงยื่นกีบของเธอไปอย่างเชื่องช้า และลังเลบ้างที่จะชนกีบของเธอกับกีบของเขา แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปหลายนาที เธอก็สามารถยื่นกีบของเธอไปชนกับกีบของเขาได้สำเร็จ หัวใจของเธอเต้นโครมครามออกมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มกว้างออกมาของเธอ

    จะ ชนกันแล้ว เธอคิดอย่างตื่นเต้น

    แต่แล้วเธอก็ต้องตาโพลงโตทันทีเมื่อพบว่า อีกฝ่ายนั้นหันหัวมาทางเธอและมองดูกีบของเขาที่ชนกับกีบของเธอด้วยความสงสัย

    "มีอะไรเหรอคราว" ผมถามเธอเพราะรู้สึกว่าเธอชนกีบของผมกับเธอเอาไว้

    "นะ นี่นายยังไม่ได้นอนอีกเรอะ!" เธอถามผมเสียงเบาด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของเธอแดงไปทั่วทั้งหน้า แต่มันมืดมากผมเลยไม่ได้สังเกต

    "เปล่า แล้วมีอะไรรึเปล่า" ผมถามเธออีกครั้งด้วยความสงสัย เพราะตัวผมกับเธอนั้นก็นอนห่างกันเกือบเมตร จึงไม่น่าชนกันง่ายๆ

    เธอหน้าแดงแป้ดมากกว่าเดิมเสียอีก ก่อนที่จะยกกีบของเธอออกมาจากกีบของผมอย่างรวดเร็ว

    "รีบๆ ไปนอนไปเลยไป๊!!" เธอโวยใส่ผมก่อนที่จะนอนหันหลังให้ผมโดยไม่ได้กลัวเลยว่าม้าอีกหกตัวที่นอนหลับไปแล้วจะสะดุ้งตื่นรึเปล่า

    "อะไรของเธอฟะ!!" ผมโวยใส่เธอบ้าง แต่หลังจากที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบจากเธอ ผมเองก็ม่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนอย่างรวดเร็วจริงๆ

     

    ------------------------------------

     

    ผมกำลังยืนอยู่ในโลกของผม ที่ซึ่งตอนนี้กำลังมีหลายคนกำลังจดจ้องมาทางผม หลายคนถือปืนเล็งมาทางผม นักข่าวหลายคนกำลังรุมถ่ายภาพผมอยู่ ไม่ว่าผมจะเดินหนีไปทางไหนก็ต้องเจอแต่ผู้คนที่กำลังรุมล้อมขวางทางผมเอาไว้ ราวกับพวกเขาขังผมเอาไว้ด้วยกรงมนุษย์ พวกเขาต่างมองมาที่ผมราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด บางคนก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพผมเอาไว้ บางคนก็มองผมแบบไม่ไว้ใจ และบางคนมองผมราวกับสัตว์หายาก

    'ม้าตัวนี้แปลกดีนะ มีปีกด้วย น่าจับไปทดลองซักหน่อย' เสียงของชายแก่ที่สวมใส่เสื้อคลุมเหมือนนักวิทยาศาสตร์เอ่ยขึ้น

    'จับผ่าทดลองเลยดอกเตอร์ ไอ้ม้าตัวนี้มันต้องเป็นมนุษย์ต่างดาวแน่' ทหารคนนึงที่จ่อปืนมาทางผมเอ่ยด้วยนํ้าเสียงสะใจ

    'เดี๋ยวก่อนครับ ผมเป็นมนุษย์นะครับ แต่ผมถูกสาปเอาไว้อยู่' ผมรีบบอกกับทุกคน ปีกของผมขยับไปมาอย่างไม่สบายใจ

    'เฮ้ย แม่งพูดได้ด้วยเว้ย'

    'ไปเอาผ้าสามสีมา เราจะได้บูชาขอเลขเด็ด'

    ''เอามันไปขังไว้ในกรงสวนสัตว์เลย'

    เสียงของผู้คนที่กำลังรุมล้อมพูดมากขึ้นเรื่อยๆ ผมทำท่าจะกางปีกและบินหนีไป แต่กลับมีลูกกรงขนาดใหญ่ลงมาขังผมเอาไว้พร้อมกับเสียงหัวเราะดังลั่นรอบๆ ตัวผม ความมืดค่อยๆ คืบคลานมาทีละเล็กทีละน้อย แสงสว่างที่มีอย่างเดียวก็คือแสงไฟจากหลอดไฟข้างบนหัวผมที่อยู่ในกรงขังเท่านั้น ผมรีบวิ่งเข้าไปยกกีบจับที่ลูกกรง เพื่อพยายามหาทางออกจากสถานการณ์นี้

    'ฟังผมก่อนครับ ผมไม่ได้โกหก ผมเป็นมนุษย์จริงๆ ได้โปรด ปล่อยผมไปเถอะ'

    ผมตะโกนบอกกับคนอื่นๆ แต่เสียงหัวเราะนั้นก็เงียบไปลงเรื่อยๆ จนกระทั่งผมมองเห็นใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ซึ่งนั่นก็คือน้องสาวผมเอง

    'น้องพี่ ไปช่วยบอกกับคนอื่นๆ ให้ปล่อยพี่ที' ผมบอกกับน้องสาวตัวเองที่อยู่ข้างหน้า แต่ดูเหมือนเธอจะมองผมด้วยสายตาเหยียดหยามกลับมาแทน

    'ฉันไม่มีพี่เป็นม้าประหลาดแบบนี้หรอก' น้องสาวผมเอ่ยด้วยนํ้าเสียงเย็นชา ก่อนที่จะหันหลังและเดินจากไปโดยที่ผมไม่สนใจผมเลยแม้แต่น้อย

    'ไม่ ได้โปรด! กลับมา ช่วยพี่ด้วย'

    ผมร้องตะโกนเรียกน้องของผม แต่เธอนั้นเดินหายเข้าไปในเงามืดไปแล้ว เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบๆ ตัวผมขึ้นอีกครั้ง ผมก้มลงกับพื้นพร้อมกับเอากีบทั้งสองข้างอุดหูตัวเอง แต่ราวกับเสียงหัวเราะนั้นมันทะลุเข้ามาได้ เพราะมันดังมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ

    'หยุดหัวเราะใส่ฉันซะที' ผมตะโกนเสียงดังลั่น แต่เสียงหัวเราะนั้นกลับไม่เบาลงเลยแม้แต่น้อย

    'อ้าาาาาาาา!'

    แต่ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา และเป็นเสียงที่ต่างออกไป และเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยมาก เสียงนั้นเป็นเสียงที่เจ็บปวดและทรมาณ และแตกต่างจากเสียงหัวเราะในตอนนี้

    เสียงของแรร์ริตี้!!

     

    --------------------------------------------------------

     

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อเสียงของแรร์ริตี้ดังมากขึ้นเรื่อยๆ ผมมองไปรอบๆ ห้อง ซึ่งก็พบว่าม้าตัวอื่นๆ เองก็ตื่นขึ้นเหมือนกัน แต่ละคนเองก็มีสภาพตื่นตระหนกไม่ต่างจากผม ราวกับว่าทุกคนเจอเรื่องร้ายแรงมากันหมด แต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่แตกต่างออกไป เพราะว่ากลับมีกลุ่มควันสีดำจำนวนมากกำลังลอยอยู่เหนือหัวของเธอ และกำลังรุมล้อมเธอมากขึ้น และเธอคนนั้นก็คือแรร์ริตี้!

    "นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย" แอปเปิ้่ลแจ็คมองไปทางกลุ่มควันประหลาดที่กำลังห้อมล้อมแรร์ริตี้อยู่

    "ช่วยด้วยยยยยย!!"

    แรร์ริตี้ตะโกนร้องลั่นออกมา เมื่อกลุ่มควันสีดำกำลังยกร่างของเธอลอยขึ้นเหนือฟูกของเธอ และกำลังพาเธอออกไปนอกหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

    "เฮ้! อย่าเอาเพื่อนฉันไปนะ!" พิงค์กี้พายหยิบที่จับแมลงขึ้นมาและพยายามจะไล่จับแรร์ริตี้ แต่กลุ่มควันนั้นพาตัวแรร์ริตี้ออกไปเร็วมาก แปบเดียวเธอก็ออกไปนอกร้านชูก้าคิ้ว คอเนอร์แล้ว

    "เร็วพวกเรา รีบออกไปกัน" ทไวไลท์บอก พวกผมทุกตัวจึงรีบควบออกไปนอกร้านทันที และเมื่อออกไปข้างนอกร้านแล้ว ก็พบว่ากลุ่มควันสีดำนั้นกำลังพาแร์ริตี้ลอยไปทางดวงจันทร์มากขึ้นเรื่อยๆ

    "เรนโบว์แดช รีบไปช่วยเธอเร็ว!" ทไวไลท์รีบยกกีบชี้ให้เรนโบว์แดช ซึ่งม้าสาวสีรุ้งกางปีกออกทันที

    "ฉันไปด้วย" ผมบอกกับเธอ ซึ่งคราวไรเดอร์เองก็กางปีกพร้อมเมื่อเธอตามพวกผมมา

    "เธอด้วยฟรัทเทอร์ชาย" เรนโบว์แดชบอกกับเพกาซัสสาวอีกตัวที่ทำท่าไม่ค่อยกล้าที่จะบินขึ้นไปนัก

    เรนโบว์แดชพุ่งตัวบินขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนตัวอื่น ส่วนผมกับคราวไรเดอร์นั้นบินตามขึ้นไป และฟรัทเทอร์ชายนั้นบินตามหลังมาอย่างเชื่องช้า พวกผมทั้งสามตัวพยายามทำความเร็วเพื่อที่จะทะยานไปช่วยแรร์ริตี้ให้เร็วที่สุด เพราะว่าควันสีดำนั้นกำลังพาตัวแรร์ริตี้ลอยห่างออกไปเรื่อยๆ แล้ว

    "นั่นมันอะไรกันนะ!" คราวไรเดอร์ตะโกนถามผมด้วยนํ้าเสียงตื่นตระหนก

    "จะอะไรก็ช่าง รีบไปช่วยแรร์ริตี้ก่อน" ผมตะโกนตอบเธอมา

    เรนโบว์แดชพุ่งขึ้นไปได้เร็วกว่าผมกับคราวไรเดอร์ จนกระทั่งตอนนี้พวกผมทั้งสามตัวบินขึ้นมาเหนือเมืองโพนี่วิลด์หลายสิบเมตรแล้ว พวกผมบินเข้าใกล้กลุ่มควันดำมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ทว่ากลับมีควันบางส่วนพุ่งเข้ามาหาพวกผมแทน

    ฟิ้วววว!

    ควันอันนี้พุ่งเข้ามาทางเรนโบว์แดช ราวกับว่าเจ้าพวกนี้มันกำลังขวางทางพวกผมเอาไว้ไม่ให้สามารถบินขึ้นไปได้ ผมกับคราวไรเดอร์บินดีดตัวหลบออกไปคนละทางเมื่อมีกลุ่มควันกลุ่มหนึ่งพุ่งมาทางผมราวกับสว่านอย่างรวดเร็ว และมันก็ม้วนตัวและหันขึ้นมาพุ่งใส่ทั้งผมและคราวไรเดอร์ ทำให้ทั้งผมและเธอต่างต้องบินหลบการโจมตีจากมันไปเรื่อยๆ

    "อย่ามาขวางจะได้ไหม!" ผมตีลังหากลางอากาศก่อนที่จะยกกีบเท้าพุ่งเข้าไปถีบมัน มันนุ่มนิ่มราวกับผมเตะเมฆเลยทีเดียว แต่ประเด็นคือมันไม่สลายหายไปง่ายๆ มันกลับพุ่งขึ้นมาโจมตีผมอีกครั้ง ผมเอียงหัวหลบไปข้างหลังซึ่งหลบการโจมตีของมันได้ทันทีก่อนที่มันจะเข้าปะทะกับหน้าผมพอดี มันม้วนตัวขึ้นเป็นวงกลมกลางอากาศ ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้ง ผมหมุนตัวหลบมันได้ทันเวลาพอดี ก่อนที่ผมจะใช้ข้อศอกของผมแทงมันเข้าไปที่ส่วนหลังของมันโดยไม่สนใจว่ามันจะโดนหรือไม่โดน และการโจมตีของผมก็ได้ผลเมื่อมันหยุดชะงัก อย่างไรก็ตาม มันก็พุ่งขึ้นมาโจมตีผมอีกครั้ง

    พลั่ก!

    ครั้งนี้ผมหลบไม่ทัน มันพุ่งเสยคางผมจนผมกระเด็นปลิวตีลังกากลางอากาศทันที ผมรีบกางปีกแล้วหมุนตัวเพื่อทรงตัวกลางอากาศทันที ดูเหมือนการฝึกฝนจากวันเดอร์โบว์จะมีประโยชน์กับผมมากเพราะมันทำให้ผมสามารถฟื้นตัวกลางอากาศได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ร่วงลงไป และเมื่อผมทรงตัวกลางอากาศได้ กลุ่มควันดังกล่าวมันก็พุ่งเข้ามาหาผมอีกครั้ง ทำให้ผมต้องรีบบินหลบมัน แต่มันก็พุ่งเข้ามาโจมตีผมอยู่เรื่อย ตอนนี้ราวกับว่ากลุ่มควันมันกำลังเป็นมิซไซด์ติดตามและผมก็กำลังบินหลบมันอยู่ แต่ความเร็วของมันนั้นเร็วเทียบเท่ากับเพกาซัสตัวหนึ่งที่กำลังบิน ดังนั้นผมต้องทำความเร็วอย่างมากที่จะบินหลบมันให้พ้น แต่ไม่สามารถสลัดมันออกได้ซะที ผมบินหลบมันหลากหลายท่า ทั้งตีลังกากลางอากาศหรือจะเอียงซ้ายเอียงขวามันก็ไล่จี้ตามผมมาเรื่อยๆ ตอนนี้ผมบินหลบมันจนไม่รู้ด้วยซํ้าแล้วว่าอันไหนเหนืออันไหนใต้

    ผมหมุนตัวควงสว่านเพื่อพยายามสลัดมันให้พ้น แต่มันก็ยังพุ่งมาทางผมอีก และเมื่อผมมองไปทางข้างหน้า ก็พบว่าคราวไรเดอร์เองก็กำลังบินหนีควันสีดำอีกกลุ่มที่ตอนนี้เป็นรูปทรงแท่งคล้ายจรวดไม่ต่างจากผม ผมมองเห็นเธอแล้วพอได้ไอเดียในการจัดการกับมันแล้ว

    "คราว! บินมาทางนี้!" ผมตะโกนเรียกเธอ ซึ่งเมื่อเธอได้ยิน เธอก็บินมาทางผมทันที ตอนนี่้ทำให้ทั้งผมและเธอกำลังบินเข้าหากันราวกับกำลังจะบินพุ่งชนกัน

    "เมื่อฉันให้สัญญาณ เชิดหัวขึ้นเลยนะ" ผมตะโกนบอกเธออีกครั้ง

    "ได้เลย" เธอพยักหน้าตอบผมด้วยใบหน้าแข็งขัน

    ตอนนี้ผมกับเธอก็กำลังบินพุ่งเข้าหากัน กลุ่มควันที่กำลังไล่จี้พวกเราทั้งคู่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลง และเมื่อผมบินเข้าใกล้เธอมากขึ้น ผมตะโกนเสียงดังลั่นทันที

    "เอาเลย!"

    ผมกับเธอเชิดหัวขึ้นทำมุมเก้าสิบองศาขึ้นไปบนฟ้า และกลุ่มควันที่ไล่จี้ตามมานั้นก็เลี้ยวขึ้นมาไม่ทัน และชนเข้ากับพวกตัวเองเข้าอย่างจัง จนพวกมันสลายหายไปได้ในที่สุด และเมื่อทั้งผมและเธอมองเห็นแล้วว่าพวกมันสิ้นฤทธิ์แล้ว ผมจึงบินไปทางเรนโบว์แดชต่อทันที ซึ่งดูเหมือนเธอกำลังโดนกลุ่มควันสองกลุ่มล้อมเธอเอาไว้ทีเดียว

    "ฉันจัดการตัวซ้าย เธอจัดการตัวขวานะ" ผมบอกกับคราวไรเดอร์ที่บินมาข้างๆ ผม เธอพยักหน้าพร้อมทำตามคำสั่งผมทันที และเมื่อพวกเราทั้งคู่บินไปทางเรนโบว์แดชแล้ว เราก็พุ่งชนเข้ากับกลุ่มควันที่ทำร้ายเรนโบว์แดชทันที

    "รีบไปช่วยแรร์ริตี้ก่อน ที่เหลือฉันกับคราวจะจัดการเอง" ผมตะโกนบอกเมื่อผมรีบเอากีบหน้าจับควันสีดำแล้วเหวี่ยงโยนให้ออกไปห่างๆ เรนโบว์แดชทันที ส่วนคราวไรเดอร์นั้นรีบยกกีบหน้าและทุบมันอย่างแรง แต่ดูเหมือนมัยไม่สิ้นฤทธิ์ง่ายๆ เพราะมันเริ่มโต้ตอบเธอกลับแล้ว

    "ได้!" แม่สาวสายรุ้งตอบ ก่อนที่จะทะยานขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

    ตู้มมมมมม!

    เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นพร้อมกับแสงสว่างที่ปรากฎขึ้นราวกับมีใครเปิดสปอตไลท์เอาไว้ข้างบนเหนือผมและคราว พอเราทั้งคู่มอง ก็พบสายรุ้งเจ็ดสีกระจายออกเป็นรูปวงกลม และก็มองเห็นเรนโบว์แดชพุ่งทะยานไปหาแรร์ริตี้ด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ ผมอ้าปากค้างเล็กน้อย เพราะเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นความสามารถที่เรนโบว์แดชพูดโอ้อวดผมมาเรื่อยๆ นั่นก็คือ โซนิค เรนบูม นั่นเอง

    "นั่นนะเหรอโซนิค เรนบูม" คราวไรเดอร์ถามผม เธอเองก็มีสีหน้าตกตะลึงไม่ต่างจากผมเลย

    "น่าจะ" ผมบอก ก่อนที่จะหมุนตัวและเตะกลุ่มควันสีดำที่มันก็หยุดชะงักเหมือนกัน

    ดูเหมือนแสงสว่างจากโซนิค เรนบูมของเรนโบว์แดชจะทำให้มันอ่อนแอลงเพราะผมสามารถทำให้มันสลายหายไปได้เหมือนเมฆปกติแล้ว คราวไรเดอร์เองก็สามารถทำให้มันสลายหายไปได้แล้วเช่นกัน ผมกับเธอจึงรีบพุ่งขึ้นไปเพื่อไล่ตามเรนโบว์แดชทันที

    แต่ทว่า กลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่ที่ควรห่อหุ้มแรร์ริตี้เอาไว้กลับสลายหายไปเฉยๆ กลางอากาศ และรวมไปถึงแรร์ริตี้ด้วย เมื่อผมกับคราวไรเดอร์บินขึ้นไปในตำแหน่งเดียวกันกับเรนโบว์แดช ผมเห็นเธอบินไปรอบๆ เพื่อมองหาแรร์ริตี้ แต่ก็ไม่เจอเลย

    "ไม่! ไม่! ไม่ยุติธรรม!" แม่สาวสีรุ้งร้องออกมาเสียงดงลั่น ผมอ้าปากหอบหายใจเพื่อคลายความเหน็ดเหนื่อยและมองไปรอบๆ เช่นกัน

    "เธอหายไปไหนแล้ว" คราวไรเดอร์ถามผมด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

    ผมส่ายหัว เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเงยหน้าไปทางดวงจันทร์ที่อยู่บนเหนือหัวของผม ดูเหมือนตรงขอบดวงจันทร์จะมีสีดำค่อยๆ ปรากฎขึ้นอย่างผิดสังเกต ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่บนนั้น

    "อย่าบอกนะว่า แรร์ริตี้ถูกพาไปที่ดวงจันทร์นะ" ผมถามด้วยนํ้าเสียงไม่น่าเชื่อ

    "พวกมันพาเธอไปไหน" เสียงของฟรัทเทอร์ชายดังขึ้น เมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่าเธอเพิ่งจะบินขึ้นไล่ตามพวกผมมาถึงเมื่อกี้นี้เอง

    ผมเงยหน้ามองไปทางดวงจันทร์อีกครั้ง ถ้าเกิดว่าแรร์ริตี้อยู่บนดวงจันทร์จริง อันนี้หายนะแน่ๆ เพราะต่อให้ผมมีปีก ก็ใช่ว่าจะสามารถบินฝ่าชั้นบรรยากาศไปถึงได้ เมื่อจนปัญญาที่จะหาทางช่วยแรร์ริตี้แล้ว ผมกัดฟันแน่น ก่อนที่จะบอกในสิ่งที่ผมไม่ชอบที่สุด

    "ลงไปหาทุกคนก่อนเถอะ" ผมบอกกับตัวอื่นๆ เรนโบว์แดชบินลงมาจับกีบของฟรัทเทอร์ชายแล้วพาเธอลงไปอย่างรวดเร็ว ส่วนทั้งผมและคราวไรเดอร์ต่างก็ค่อยๆ ร่อนลงไปบนพื้นอย่างเชื่องช้า เพราะตอนนี้อารมณ์ผมราวกับสูญเสียเพื่อนคนสำคัญที่สุดโดยที่ไม่รู้ด้วยซํ้าว่าจะช่วยเธอมาได้ไหม ทำให้ตอนนี้พวกผมต่างไม่พูดอะไรกันเลย

     

    ---------------------------------------

     

    เมื่อพวกผมลงไปถึงพื้นแล้ว ทไวไลท์รีบพาพวกผมไปที่ห้องสมุดของเธอทันที สไปค์นั้นร้องห่มร้องไห้ออกมาไม่หยุดโดยที่แอปเปิ้ลแจ็คและฟรัทเทอร์ชายช่วยปลอบ ส่วนเรนโบว์แดชนั้นทุบหัวตัวเองกับผนังห้องด้วยความเจ็บใจ ทไวไลท์รีบเขียนเรื่องนี้รายงานกับเจ้าหญิงเซเลสเทรียอย่างรวดเร็ว

    ตุ๊บ!

    ส่วนตัวผมที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ คราวไรเดอร์นั้น เดินวนไปวนมาด้วยความเครียดจัด ก่อนที่จะยกกีบทุบพื้นโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ เสียงดังลั่น

    "ทไวไลท์ ไอ้กลุ่มดำๆ นั่้นมันคืออะไรกันแน่" ผมตะเบ็งเสียงดังลั่นออกมาด้วยความเครียดปนเจ็บแค้น

    "ฉันไม่รู้ ฉันก็ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนด้วย" ทไวไลท์ตอบ เธอส่งม้วนจดหมายที่เขียนเสร็จให้สไปค์เพื่อให้เจ้าตัวส่งมันไปให้เจ้าหญิงเซเลสเทรียผ่านไฟของเขาทันที

    "อืม เจ้าตัวน่ารังเกียจนั้นมันดูคุ้นๆ อยู่นะ" พิงค์กี้พายเอ่ยขึ้นมาด้วยนํ้าเสียงจริงจัง

    "พิงค์กี้พายพูดถูก นั่นมันอาจจะเป็นฝันร้ายก็ได้" แอปเปิ้ลแจ็คเอ่ย

    "เหมือนที่ฉันเห็นเลย" ฟรัทเทอร์ชายบอก

    "ฉันด้วย! นี่มันอาจอธิบายได้ว่าพวกมันทำให้พวกเราฝันร้ายติดต่อกัน" ทไวไลท์เอ่ย

    "เธอจะบอกว่า ไอ้ควันพวกนั้นมันเข้าไปในสมองของพวกเรางั้นเหรอ" เรนโบว์แดชถามด้วยสีหน้าชวนสงสัย

    "สมอง! ซอมบี้!!" พิงค์กี้พายร้องออกมาก่อนที่จะไปกอดแอปเปิ้ลแจ็คที่ตอนนี้ทำหน้าเหมือนเลี้ยงเด็กไม่เต็มบาทอยู่

    "เดี๋ยวนะ ฉันก็ฝันร้ายเหมือนกัน" คราวไรเดอร์เอ่ยขึ้นมา "ฉันขอโทษนะที่ไม่เชื่อพวกเธอแต่แรก"

    "ไม่เป็นไรคราว ตอนนี้เราจะทำยังไงเพื่อช่วยแรร์ริตี้ให้ออกมาจากไอ้ฝันร้ายนั่น ซึ่งไม่รู้ด้วยซํ้าว่ามันเป็นตัวอะไร" ผมแสดงความเห็นออกมา

    "เจ้าหญิงลูน่า เธอเป็นผู้ปกป้องความฝัน และเธอก็หลุดพ้นจากการเป็นไนท์แมร์มูน เธอจะต้องช่วยอธิบายเกี่ยวกับฝันร้ายและหาทางช่วยแรร์ริตี้ได้แน่" ทไวไลท์รีบบอกอย่างรวดเร็ว

    "ติดต่อท่านได้ไหมทไวไลท์" ผมถามเธออย่างรวดเร็ว

    "ต้องเอาม้วนกระดาษมาเขียนถึงท่านอีกม้วน" ทไวไลท์เอ่ยก่อนที่จะมองไปทางชั้นหนังสืออย่างรวดเร็ว

    "ไม่จำเป็นหรอกทไวไลท์ ฉันเชื่อว่าพลังงานที่ชั่วร้ายนั่นน้องสาวฉันจะสามารถอธิบายได้"

    เสียงของคนที่พวกผมอยากเจอมากที่สุดก็ดังขึ้น ซึ่งเมื่อพวกผมหันไปมอง ก็พบกับเจ้าหญิงเซเลสเทรียและเจ้าหญิงลูน่าเสด็จเข้ามาในห้องสมุดทันที พวกเพื่อนผมร้องออกมาด้วยความดีใจ ยกเว้นผมกับคราวไรเดอร์ที่รีบก้มหัวแสดงความเคารพท่านทั้งสองก่อน

    "ควายบังคม องค์หญิง" ผมเอ่ยกับท่าน

    "ตามสบายเจ้าหนุ่ม" เจ้าหญิงลูน่าตรัสกับผม แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ได้มีใจในการตรัสกับผมเท่าไหร่นัก

    "แล้ว นั่นมันคำสาปอะไรเหรอเพค่ะ" แอปเปิ้ลแจ็ครีบพุ่งไปถามท่านทันที

    "แล้วเราจะช่วยแรร์ริตี้ออกมาได้ยังไง" เรนโบว์แดชเองก็พุ่งไปถามบ้าง

    "เอาตรงๆ นะ ฉันเองก็ตอบพวกเธอไม่ได้เหมือนกัน" เจ้าหญิงลูน่าตรัสด้วยสีพระพักตร์ที่ไม่สู้ดีนัก

    "แต่ พระองค์เป็นผู้พิทักษ์ความฝัน ท่านจะต้องรู้อะไรบ้างสิ" ทไวไลท์แย้ง

    "ดูเหมือนว่าเจ้าสิ่งที่ชั่วร้ายนั่น มันจับเพื่อนของพวกเธอไป เพื่อที่จะให้กลายเป็น เจ้าแห่งความมืดแทน" องค์หญิงลูน่าตรัส และนั่นทำให้พวกผมเครียดมากขึ้นทันที

    "อะไรนะ" ผมร้องออกมาเสียงดังลั่น

    "แต่ ? ทำไม ? ปีศาจนั่นมันยังมีชีวิตอยู่หลังจากที่ท่านเป็นอิสระอย่างนั้นเหรอ!!" ทไวไลท์ถามด้วยนํ้าเสียงที่ไม่น่าเชื่อ

    "งั้นเราก็รีบไปช่วยแรร์ริตี้ออกมาสิ" เรนโบว์แดชบอกอย่างรวดเร็ว

    "ผมเห็นด้วย เราต้องรีบไปก่อนที่พวกมันจะทำอะไรเธอ" ผมก็พยักหน้าตอบ สไปค์เองที่กำลังร้องไห้อยู่รีบพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นทันที

    "ก่อนอื่นเลยนะ พวกเธอยังไม่รู้เลยว่าพวกมันมีแผนอะไร" เจ้าหญิงตรัส ซึ่งนั่นทำให้ผมยิ่งกังวลมากขึ้น

    "เจ้าหญิงลูน่า คือ หม่อมฉันคิดว่าท่านน่าจะบอกอะไรเราซักหน่อยนะ" ฟรัทเทอร์ชายทูลพระองค์

    "พวกเขาไว้ใจได้ ลูน่า บอกมาเถอะ" เจ้าหญิงเซเลสเทรียตรัสกับพระขนิษฐาของพระองค์

    "แต่...มันลำบากใจมาก" เจ้าหญิงลูน่าตรัส

    "เจ้าหญิงลูน่าเพค่ะ มันไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้าท่านไว้ใจเพื่อนของท่าน" เพกาซัสสาวยิ้มทูล

    "ขอบใจฟรัทเทอร์ชาย มีบางอย่างที่ฉันคิดว่าจะต้องบอกกับพวกเธอ" เจ้าหญิงลูน่าตรัสออกมาในที่สุด แต่พิงค์กี้่พายกลับพุ่งไปหาพระองค์ก่อน

    "ท่านกินบล็อคโคลี่มากไปเหรอ ? หรือว่านอนหลับโดยไม่ตื่น ? หรือว่าใส่เกลือแทนนํ้าตาล ? ใส่เสื้อกลับด้าน ? หรือว่าแม่ของพระองค์รู้ทุกเรื่อง ?" พิงค์กี้พายรีบถามอย่างรวดเร็ว ซึ่งพระองค์ก็ทำได้แค่ตรัสตอบว่าไม่อย่างเดียวไปเรื่อยๆ จนคราวไรเดอร์รีบไปจับพิงค์กี้พายและอุดปากเธอด้วยกีบของเธอทันที

    "เอ่อ อย่าไปสนใจเธอเลยเพค่ะ ตรัสต่อเถอะ" คราวไรเดอร์ทูลพร้อมกับยิ้มกว้าง

    เจ้าหญิงลูน่ามองมาทางผม ซึ่งทำให้ผมประหลาดใจเล็กน้อยที่พระองค์ทอดพระเมตรมาทางผม

    " เจ้าอาจยังไม่รู้เรื่องของฉัน แต่ฉันคิดว่าเธอควรจะรู้ด้วย ว่าก่อนหน้านี่ ฉันเคยเป็นไนท์แมร์มูนมาก่อน" องค์หญิงตรัสกับผม

    "ทไวไลท์เคยเล่าให้ฟังคร่าวๆ ละครับ" ผมทูลตอบ เพราะทไวไลท์เคยเล่าให้ฟังจริงๆ ตอนช่วงที่ผมเดินทางไปอาณาจักรคริสตัล

    "งั้นก็ดี ช่วงเวลาที่ฉันกลายเป็นไนท์แมร์มูน ช่วงเวลานั้นฉันต้องการทำให้เหล่าประสกนิกรทั้งหลายรู้จักความกลัวและความมืด ตอนนั้นเอง พลังงานแห่งความมืดนั่นได้ทำให้ฉันติดกับและถูกขังในร่างของไนท์แมร์มูนอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งหลังจากที่ฉันถูกปลดปล่อยด้วยพลังธาตุแห่งความปรองดอง ฉันเชื่อว่าพลังแห่งความมืดนั่นจะสลายหายไปแล้ว แต่ฉันคิดผิด ตามตำนานกล่าวว่า ถ้าพลังแห่งความมืดสามารถควบคุมดวงจันทร์ได้สมบูรณ์ละก็ พวกมันจะมีแผนการที่ใหญ่กว่าเดิม" เจ้าหญิงลูน่าอธิบาย

    "แผนการ.. หมายความว่ายังไง" ทไวไลท์ถาม

    "ก็เพื่อสร้างอาณาจักรให้อยู่ภายใต้การควบคุมของไนท์แมร์มูนยังไงหละ" เจ้าหญิงลูน่าตรัส ซึ่งดูเหมือนเรนโบว์แดชจะดูไม่พอใจอย่างมากเมื่อได้ยินแบบนั้น

    แต่ดูเหมือนเจ้าหญิงลูน่าจะเหม่อลอยอะไรบางอย่าง และทำให้หน้าพระพักตร์ของพระองค์ดูกังวลและกลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

    "เอ่อ เจ้าหญิงลูน่า" ผมทักพระองค์ ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ส่ายพระพักตร์ทันที

    "แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเธอใช้พลังธาตุแห่งความปรองดอง พวกเธอก็จะสามารถป้องกันพวกมันได้ ก่อนที่พวกมันจะมาบุกโจมตีเมืองโพนี่วิลด์!" เจ้าหญิงลูน่าตรัส

    พวกผมทั้งฟังอยู่ทั้งหมดรู้สึกถึงภยันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามาพอดี ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อมองไปยังพระจันทร์ที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า ก่อนที่จะชนกีบตัวเอง และหันมามองกับม้าทุกตัว

    "ถ้างั้นเราก็ต้องรีบไปช่วยแรร์ริตี้โดยด่วน" ผมบอก ซึ่งม้าทุกตัวเห็นด้วย

    "ฉันไม่ห่วงแรร์ริตี้หรอก เธอเข็มแข็ง เธอจะต้องรับมือพวกมันได้" พิงค์กี้พายบอก

    "พิงค์กี้พูดถูก แรร์ริตี้คงจะสามารถรับมือพวกมันได้" แอปเปิ้ลแจ็คบอกอย่างเห็นด้วย

    "น้องพี่ เธอนำทางพวกเขาไปยังดวงจันทร์เถอะ พี่จะเรียกกำลังเสริมจากแคทเทอร์ลอร์ชคุ้มกันเมืองโพนี่วิลด์เอง" เจ้าหญิงเซเลสเทรียตรัส ซึ่งเจ้าหญิงลูน่าพยักพระพักตร์ทันที

    ผมมองไปทางดวงจันทร์อีกครั้ง ผมกางปีกและสะบัดไปมาเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ในการเตรียมตัวสำหรับภารกิจนี้

    รอก่อนนะแรร์ริตี้ พวกฉันจะไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้ ผมมองไปยังดวงจันทร์ดวงนั้นอย่างขึงขัง

     

    ...

    ..

    .

    .

     

    To Be Contined

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×