ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adventure in Equestria (My Little Pony Fan-Fic)

    ลำดับตอนที่ #12 : Episode 12 : Wonderbolts Academy (Part 2)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 57




     

    หลังจากเสร็จสั้นการทดสอบเครื่องหมุนติ้วๆ นั้น ก็ถึงเวลาเย็นพอดี สปิตไฟ้ท์ได้บอกว่าจะมีการจัดทีมในการฝึกร่วมกันและจะประกาศที่โรงอาหารในวันรุ่งขึ้น ดังนั้นพวกผมจึงได้ไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ผมจึงได้ไปกินอาหารเย็นที่โรงอาหารแล้วไปอาบนํ้าเพื่อชำระล้างเหงื่อเต็มตัว ก่อนที่จะเขียนบันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เอาไว้ เพราะคิดว่าหลังจากกลับไปเมืองโพนี่วิลด์พร้อมเรนโบว์แดชแล้วจะได้เอาไปให้สไปค์ส่งจดหมายไปถึงน้องสาวผมรวดเดียวเลย โดยเมื่อผมเขียนเสร็จ โบ้ก ไบเซป รูมเมดของผมก็เดินเข้ามาพอดี เขาเป็นม้าที่คุยสนุกสนานมาก ผิดกับตอนที่เขายืนนิ่งๆ เพียงแต่ว่าเขาจะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก แถมคำพูดส่วนใหญ่จะเป็น Yeahhh! ตลอด แถมเวลานอน พี่แกกรนออกมายังกับมีอะไรถล่ม แต่พอผ่านไปห้านาที ดันเงียบกริบราวกับเป็นม้าคนละตัวนอนเลยก็ว่าได้ เล่นทำเอาผมงงเหมือนกัน แต่ก็ดีเพราะมันทำให้ผมหลับสนิททันทีเพราะผมเหนื่อยมาทั้งวันนั่นเอง

    วันต่อมา หลังจากอาหารเช้า ผมได้เดินไปดูตรงบอร์ดประกาศรายชื่อ ซึ่งหาไม่ยาก เพราะมีม้าตัวอื่นๆ ที่เข้าร่วมฝึกเมื่อวานกำลังมุงดูอยู่นั่นเอง ผมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ และก็เจอชื่อผมอยู่ ม้าทุกตัวจะมีการจับกันกลุ่มละสามตัว ยกเว้นกลุ่มสุดท้ายที่เหลือสองตัว และผมก็อยู่ในกลุ่มสุดท้าย ซึ่งผมก็ตกใจทันทีเพราะคู่ของผมที่จับด้วยนั้น ก็คือคราวไรเดอร์ นั่นเอง

    "อะไรนะ" ผมยักคิ้วถามด้วยความแปลกใจ "ทำไมฉันถึงได้..."

    "คู่กับไก่อ่อนอย่างนายเนี่ยนะเหรอ ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกนะที่คิดแบบเดียวกัน"

    เจ้าของเสียงอย่างคราวไรเดอร์ดังขึ้น และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบเจ้าตัวกำลังยืนดูดนํ้าจากแก้วนํ้าผ่านหลอดอยู่ เธอยังคงหรี่ตามองผมอย่างไม่พอใจนัก ท่ามกลางม้าตัวอื่นๆ ที่มองไปทางเธอกับผมราวกับกำลังสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

    "ฉันจะไปบอกสปีดไฟ้ท์เพื่อขอย้ายไปอยู่ทีมอื่น ฉันไม่อยากจะอยู่กับไก่อ่อนอย่างนาย" เธอขว้างแก้วนํ้าที่เธอดื่มเสร็จข้ามหัวผมจนไปลงถังขยะพอดิบพอดีเป๊ะ

    "ถ้าเธออยากที่จะโดนให้ออกจากอเดเดมี่อะนะ" ผมรีบเตือนเธอเอาไว้ แม้ว่านํ้าเสียงผมจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก

    "อะไรนะ" เธอหันกลับมาแล้วมายืนประจันหน้ากับผม หน้าของเธอจ้องมองหน้าผมจนแทบจะชนกันให้ได้ ม้าตัวอื่นๆ ที่กำลังมุงดูเหตุการณ์อยู่นั้นต่างซุบซิบออกมากันเป็นแถบ

    "นี่นายขู่ฉันงั้นเหรอ ไอ้ตัวประหลาด" เธอหรี่ตามองผมราวกับกำลังหาเรื่อง

    "เปล่า แต่เธอจำไม่ได้เหรอว่าเมื่อวานสปีดไฟ้ท์เตือนว่ายังไง ถูกที่ฉันอาจไม่ชอบใจ แต่ในเมื่อผลการตัดสินมันออกมาเป็นแบบนี้ เราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว"

    ผมโต้ตอบเธออย่างไม่เกรงกลัว พร้อมกับยกกีบขึ้นไปทางเธอ เธอมองดูกีบผมด้วยสีหน้าคำถามเพราะเธอไม่เข้าใจกับการกระทำของผม

    "ฉันว่าเรามาญาติดีกันดีกว่า ต่างฝ่ายต่างฝึกร่วมกัน จะได้ไม่มีปัญหากัน ตกลงไหม" ผมถามเธอ ซึ่งนั่นทำให้ม้าสาวจากโพนี่วิลด์ยิ้มกว้างออกมาที่ผมเลือกทางเลือกแบบนี่้

    แต่อีกฝ่ายนั้นกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกับผม เธอหันหน้าหนีผมแล้วสะบัดหางใส่จนผมเกือบจามออกมาเพราะหางเธอดันมาจี้โดนจมูกผมพอดี ผมถอนหายใจออกมาเพราะความเครียดที่ถาโถมเข้ามา ผมไม่รู้ด้วยซํ้าว่าทำไมเธอถึงอคติกับผมแบบนี้

    มีกีบข้างหนึ่งมาวางบนไหล่ของผม เมื่อผมไปมอง ก็พบม้าสาวจากโพนี่วิลด์ตัวนั้นยิ้มให้กำลังใจผม

    "นายทำดีที่สุดแล้วหละ" เธอปลอบผม

    "ขอบใจนะ" ผมพยักหน้าตอบกับเธอ ซึ่งม้าตัวอื่นๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้เริ่มมารุมถาม เธอจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน แต่หลีกเลี่ยงที่จะไม่บอกว่าผมเป็นใครมาจากไหนเท่านั้น

    "นึกอยู่แล้วเชียวว่าเธอตัวนั้นทำตัวนักเลงแปลกๆ มั่นใจนะนายว่านายไม่เคยมีเรื่องกับเธอมาก่อน" ม้าหนุ่มลำตัวสีขาวแผงคอสีดำถามผม

    "ไม่อ่ะ อันที่จริง ฉันเพิ่งเคยเจอเธอครั้งแรกก็เมื่อวานนี้ด้วยซํ้า" ผมส่ายหัวปฏิเสธ

    "ถึงพวกฉันจะรู้ว่าการสมัครเข้าที่วันเดอร์โบ้วอเคเดมี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ถึงกับจ้องหาเรื่องแบบไม่มีสาเหตุนี่ฉันว่ามันแปลกๆ นะ ฉันว่านายพยายามอย่าไปยุ่งอะไรกับเธอมากดีกว่า" เขายักคิ้วและให้คำแนะนำกับผม

    "Yeahhhh!" โบ้ก ไบเซป ร้องออกมา

    "มีเรื่องอะไรกันเหรอ" เสียงของเพื่อนผมดังขึ้น และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบเรนโบว์แดชกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับไลท์นิ่งดัชพอดี

    ม้าสาวจากโพนี่วิลด์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ฟัง ซึ่งนั่นทำให้เรนโบว์แดชเดินออกไปทางออฟฟิคของสปีดไฟ้ท์ทันที

    "เรนโบว์แดช จะไปไหน" เธอถาม

    "ไม่มีอะไร เดี๋ยวเจอกันที่ลานฝึกนะ" เรนโบว์แดชตอบแบบไม่หันหลังกลับมามอง

    "ฉันไปดูเธอหน่อยดีกว่า ก่อนที่เธอจะเผลอทำอะไรบ้าๆ ไป" ผมบอกกับม้าตัวอื่นๆ ก่อนที่จะควบไล่ตามเธอไปเพราะผมรู้นัสัยของเรนโบว์แดชอยู่แล้วว่าเธอเลือดร้อนขนาดไหน

    ไลท์นิ่งดัชหันหน้าไปมองดูป้ายประกาศรายชื่อ เธอยิ้มอย่างพึงพอใจกับชื่อของเธอที่ปรากฎเป็น 'หัวหน้าทีม' ในบอร์ด ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นัก

     

    ----------------------------------------

     

    ผมไล่ตามเรนโบว์แดชไปทางออฟฟิคของสปีดไฟ้ท์ แต่ผมมองไม่เห็นเธอเลยเพราะเธอบินไปเร็วมาก จนเมื่อผมไปถึงประตูหน้าห้องออฟฟิคของสปีดไฟ้ท์แล้ว ผมก็ได้ยินเสียงของเธอกับสปีดไฟ้ท์กำลังคุยกัน ผมจึงเงี่ยหูฟังที่ประตูทันที

    'Ma-am ทำไมถึงให้เขาอยู่ทีมเดียวกันกับคราวไรเดอร์หละ ท่านก็รู้นิสัยของเธอดีไม่ใช่เหรอ' เสียงของเรนโบว์แดชดังออกมาจากในห้อง ซึ่งนั่นทำให้ผมหลับตาแน่นด้วยความเครียดทันทีเพราะผมคิดถูกว่าเรนโบว์แดชอาจจะทำอะไรแบบนี้

    'เพราะว่าฉันอยากที่จะให้ทั้งเธอและพ่อหนุ่มคนนั้นช่วยจับตามองเธอและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคราวไรเดอร์ยังไงหละเรนโบว์' เสียงของสปีดไฟ้ท์ดังออกมา 'ในฐานะที่เธอเป็นวิงโพนี่ด้วย'

    'วิงโพนี่งั้นเหรอ' เสียงเรนโบว์แดชดังออกมาด้วยความประหลาดใจ

    'เธอยังไม่ได้ไปดูบอร์ดประกาศเหรอ ? ใช่ เธอได้รับเลือกเป็นวิงโพนี่ ส่วนหัวหน้าทีม ฉันให้ไลท์นิ่งดัชเป็น ไม่พอใจอะไรอย่างนั้นเหรอ' เสียงของสปีดไฟ้ท์ดังออกมาราวกับต้องการตั้งคำถาม

    'ไม่..เอ่อ ฉันหมายถึง ใช่ Ma-am คือ... ฉันทำเวลาได้ถึงหกวินาทีจากเครื่องทดสอบนั่น' เสียงของเรนโบว์ดังออกมา

    'แล้ว..' เสียงของสปีดไฟ้ท์ถามขึ้น

    'ฉันคิดว่า ฉันควรที่จะได้เป็นหัวหน้าทีมมากกว่า Ma-am' เรนโบว์แดชตอบด้วยนํ้าเสียงฉะฉาน

    'เหตุผลที่ฉันให้ไลท์นิ่งดัชเป็นหัวหน้า และเธอเป็นวิงโพนี่ เพราะฉันอยากให้เธอสองตัวเป็นผู้นำที่ดีในการคุมลูกทีม โดยเฉพาะคราวไรเดอร์ตัวนั้น' สปีดไฟ้ท์อธิบาย 'คราวไรเดอร์รู้ดีว่าเธอกับพ่อหนุ่มต่างโลกตัวนั้นสนิทกัน ถ้าฉันตั้งให้เธอเป็นหัวหน้าทีม เธออาจสงสัยและมาหาเรื่องอีกได้'

    ผมฟังสปีดไฟท์พร้อมกับคล้อยตามที่เธออธิบาย เพราะที่เธอพูดออกมามันมีเหตุผลอยู่มาก

    'ฉันเองก็ไม่อยากให้การฝึกมีปัญหาเพราะม้าเพียงตัวเดียว ดังนั้น ฉันจึงอยากมอบหน้าที่นี้ให้กับเธอและไลท์นิ่งดัช ในการตรวจสอบและจับตามองคราวไรเดอร์เอาไว้ไม่ให้ก่อเรื่องอีก เธอก็รู้ใช่ไหม ว่าพ่อหนุ่มจากต่างโลกนั้นเอาแค่เรื่องคำสาปเขาก็มีปัญหามากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เขามีปัญหาเพิ่มขึ้นอีก' สปีดไฟ้ท์บอกต่อ

    ผมรู้สึกอัดอั้นใจอย่างมากเมื่อได้ยิน เพราะไม่คิดว่าม้าระดับผู้นำของวันเดอร์โบ้วจะเป็นห่วงผมขนาดนี้

    'ฉันเข้าใจแล้ว Ma-am ต้องขออภัยด้วยที่เสียมรรยาท' เรนโบว์แดชบอกด้วยนํ้าเสียงสลดลงเล็กน้อย ผมพอเดาออกได้เลยว่าตอนนี้เจ้าตัวทำหน้ายังไง

    'ไม่เป็นไรเรนโบว์แดช ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดี ตอนนี้เธอไปรวมกลุ่มกับม้าตัวอื่นๆ เถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะตามไป'

    หลังจากที่สปีดไฟ้ท์บอก ผมรีบย่องออกมาจากหน้าห้องออฟฟิคทันที ซึ่งพอดีกับที่เรนโบว์แดชเดินเปิดประตูออกมา ผมมองเห็นเธอพ่มลมออกมาจากจมูกก่อนที่จะพยักหน้า แล้วเดินไปตามทิศตรงกันข้ามกับผมเพื่อไปยังลานฝึกของวันนี้ และเมื่อเธอเดินจากไปแล้ว ผมจึงออกมาจากที่ซ่อนหลังประตูใกล้ๆ ผมมองไปทางประตูออฟฟิคของสปีดไฟ้ท์ด้วยความซาบซึ้งใจที่เธอเป็นห่วงผมขนาดนี้ และมันก็ทำให้ผมชักอยากจะเป็นวันเดอร์โบ้วมากขึ้นแล้วซะด้วย

    แต่ก่อนที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ เสียงประตูออฟฟิคก็ดังขึ้น ผมรีบควบผ่านหน้าห้องไปทางลานฝึกอย่างรวดเร็วเพื่อไม่สปีดไฟ้ท์จับได้ว่าผมมาแอบฟังการสนทนาเมื่อกี้นี้

     

    ---------------------------------------------------

     

    "วันนี้เราจะฝึกการทำงานเป็นทีม" เสียงสปีดไฟ้ท์ดังขึ้นเมื่อพวกเราทุกตัวมาร่วมกันครบแล้ว "ทุกกลุ่มจะต้องมองหาธงที่ซ่อนตามจุดต่างๆ ของบริเวณฝึก สมาชิกทุกตัวจะต้องช่วยเหลือกันและกันในการค้นหาธงที่ซ่อนไว้ ทีมไหนสามารถหาได้มากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ!"

    ผมเองก็กำลังยืนอยู่ข้างๆ คราวไรเดอร์ ซึ่งตอนนี้พวกเราทั้งสองตัวต่างยืนกันแบบเอาให้ห่างกันให้มากที่สุดและต่างฝ่ายต่างไม่มองหน้ากันเลย ผมยังคิดอยู่เลยแบบนี้เราจะทำงานด้วยกันได้ยังไง

    "อู้ มันน่าสนุกจังเลยเนอะ" เพกาซัสสาวตัวสีชมพูคุยกับม้าหนุ่มตัวสีขาวที่ยืนข้างๆ และเป็นทีมเดียวกัน

    "พวกเธอคิดว่าสนุกงั้นเรอะ! คิดผิดเสียแล้วหละ เพราะนี่คือเป้าหมายสำหรับการฝึกเท่านั้น! ไม่ใช่การเล่น! หัวหน้าทีมกับวิงโพนี่จะบินด้วยกัน และถ้าคู่ไหนแยกกันละก็ จะถูกปรับแพ้ทันที!"

    สปีดไฟท์เอ่ยเสียงเข้มเสียจนม้าสาวจากโพนี่วิลด์ที่ยืนข้างๆ โบ้ก ไบเซป รีบชิดแนบตัวกันทันที ผมมองไปทางคราวไรเดอร์ที่เธอยังไม่ยอมแม้แต่จะขยับเข้ามาใกล้ๆ ผม ผมทำได้แต่คิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

    "เอาหละ เข้าใจไหม ?" สปีดไฟ้ท์เอ่ยเมื่ออธิบายจบ

    "Yes! Ma-am!"

    "ถ้าอย่างนั้น เริ่มได้!!"

    สปิดไฟ้ท์เป่านกหวีดให้สัญญาณ ซึ่งทำให้พวกผมกระพือปีกกระโจนขึ้นกลางอากาศทันที แต่ละกลุ่มนั้นต่างฝ่ายต่างบินไปตัวละทิศตัวละทาง ดูเหมือนว่าเรนโบว์แดชกับไลท์นิ่งดัชจะบินไปมองจุดต่างๆ เร็วกว่าม้าตัวอื่นๆ ในขณะที่ผมกับคราวไรเดอร์นั้นยังบินกลางอากาศอยู่ที่เดิมเพราะเหมือนต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าจะต้องบินไปทางไหน

    "ธงน่าจะซ่อนตามภูเขาไม่ก็ต้นไม้เพราะมองเห็นไม่ง่าย ลองบินไปทางนั้นกันไหม" ผมถามเธอพร้อมกับชี้ไปทางทิศที่ผมว่า

    "อเคเดมี่ไม่มีทางทำให้มันฝึกยากหรอกหน่า มองตามที่สนามหญ้าจะดีกว่า" คราวไรเดอร์แย้งผมก่อนที่เจ้าตัวจะบินร่อนไปทางที่เป็นสนามหญ้าทันที

    จะมีเร้อ ผมคิด ก่อนที่จะบินตามเธอไป

    แต่ก็ตามที่ผมคาด คงไม่มีใครเอาธงไปปักหรากลางบนสนามหญ้าที่มันมองเห็นง่ายๆ อยู่แล้ว ผมบินตามคราวไรเดอร์ที่บินวนรอบมาสองสามรอบแล้วก็ไม่เห็นจะเจอธงซักแอะ ผมมองดูทีมอื่นๆ บ้าง ตอนนี้ก็เหมือนยังไม่มีม้าตัวไหนเจอธงเลยซักทีม

    "มัวเอ้อระเหยอะไรอยู่! ทำไมไม่รีบไปหาตรงอื่น!" คราวไรเดอร์โวยใส่ผมหลังจากที่รู้ว่าตนเองหาไม่เจอ

    "เราต้องทำงานกันเป็นทีม จำได้ไหม" ผมกอดอกถามเธอ "หมายความว่าเราต้องบินด้วยกัน"

    "ฉันไม่มีวันทำงานร่วมกับนายหรอก ไม่มีวัน!" เธอหลับตาแล้วโวยใส่ผมต่อ ดูเหมือนเสียงเธอจะดังมากจนไม่รู้คิดไปเองรึเปล่าว่า สปีดไฟ้ท์ที่อยู่ไกลๆ มองมาทางผมเพราะได้ยินเสียงเธอร้องออกมา

    ผมส่ายหัวกับพฤติกรรรมของเธอ ก่อนที่จะมองไปทางข้างหลังเธอซึ่งเป็นภูเขาและมีต้นไม้หนาแน่น และผมก็มองเห็นอะไรสีแดงแว้บๆ อยู่ข้างหลัง ผมจึงบินผ่านตัวเธอเพื่อไปยังตำแหน่งนั้นทันที

    "เฮ้! จะไปไหน! ห้ามบินนำฉันเด็ดขาดนะ!"

    ผมไม่สนใจเสียงที่เธอโวยแล้วบินไปตำแหน่งนั้นทันที เมื่อผมบินเข้าไปใกล้ต้นไม้ ก็พบว่ามีธงปีกอยู่บนกิ่้งไม้จริงๆ ผมจึงใช้ปากคาบธงแล้วดึงออกมา ก่อนที่จะหันหลังแล้วบินไปทางเธอ ซึ่งเจ้าตัวมองผมตาโตทันที

    "นายไปเอามาได้ยัง..."

    ผมไม่ตอบเธอเพราะผมยังคาบธงเอาไว้ในปาก แต่สะบัดหน้าเพื่อให้เธอบินตามผมไปเพื่อกลับไปหาสปีดไฟ้ท์ ซึ่งเมื่อผมกับเธอร่อนลงไปทางสปีดไฟ้ท์แล้ว ผมก็เห็นว่าเรนโบว์แดชกับไลท์นิ่งดัชหาธงเจอก่อนพวกผม

    "ดีมาก! ทีมเธอหามาได้เป็นทีมที่สอง!" สปีดไฟ้ท์บอก ม้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ยืนข้างหลังได้จดข้อมูลที่เธอประกาศเอาไว้

    หัวหน้าวันเดอร์โบ้วเอ่ยชื่นชมผม แต่ผมส่ายหน้าตอบ

    "เปล่าครับ คราวไรเดอร์เป็นคนหาเจอแล้วผมเป็นคนเอามา" ผมโกหกตอบเธอ ซึ่งสปีดไฟ้ท์มองผมราวกับจับผิด แต่คราวไรเดอร์นั้นอ้าปากค้างไปเลย

    "แต่..ฉัน..."

    "ไปเถอะ หาอันอื่นกันบ้าง" ผมบอกเธอก่อนที่จะบินขึ้นบนฟ้าเล็กน้อย แต่ผมก็สังเกตว่าเรนโบว์แดชบินขึ้นด้วยปีกข้างเดียวเพื่อไล่ตามไลท์นิ่งดัชไปอย่างเชื่องช้า ทำให้ผมมองเธอด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า

    "นี่... ทำไมนายถึงบอกว่าฉันเป็นคนเจอทั้งๆ ที่นายเจอกันหละ" คราวไรเดอร์บินมาข้างๆ ผมเพื่อถาม ผมยักไหล่ก่อนที่จะตอบเธอ

    "เราต้องทำงานเป็นทีม" ผมบอกเธออีกครั้ง "มาเถอะ ฉันว่าภูเขาลูกนั้นน่าจะมีซ่อนอีก"

    ผมบินนำเธอโดยที่ไม่เร่งรีบนักเพื่อที่ให้เธอสามารถไล่ตามเธอทัน (แต่อันที่จริงผมก็ไม่ได้บินเร็วอยู่แล้ว) โดยที่ผมไม่ได้สังเกตเลยว่า ช่วงเวลาหลังจากนั้นตลอดการฝึก อีกฝ่ายไม่แขวะผมอีกเลย และก็บินตามผมมาอย่างเงียบเชียบ

     

    -------------------------------------------------

     

    หลังจากจบการฝึกทั้งวัน ทีมผมสามารถหาธงมาได้ทั้งหมด 4 ทีมอื่นๆ นั้นก็มี 1 บ้าง มี 3 บ้างประปราย ในขณะที่ทีมของเรนโบว์แดชกับไลท์นิ่งดัชหามาได้ถึง 11 อัน! ซึ่งเรียกได้ว่าทำลายสถิติทั้งหาได้ไวที่สุดและหาได้มากที่สุดของอเคเดมี่เลย แต่ก็เท่ากับว่าทีมผมสามารถหาได้เป็นที่สองของทีมทั้งหมด ซึ่งอันที่เหลือหาไม่ได้ง่ายตามที่คิดเหมือนกันเพราะบางอันซ่อนไว้ลึกมาก ถ้าไม่มองดีๆ จะมองไม่เห็นเลย

    "เอาหละ ทำได้ดีมากน้องใหม่ทั้งหลาย" สปีดไฟ้ท์เอ่ยชม "พรุ่งนี้เราจะมีฝึกกันต่อ วันนี้แยกย้ายได้!"

    "Yes! Ma-am"

    หลังจากที่สปีดไฟ้ท์ปล่อยพวกเราแล้ว ผมเดินไปหาเรนโบว์แดชทันที ซึ่งดูเหมือนตอนนี้ไลท์นิ่งดัชได้เดินไปยังโรงอาหารโดยไม่สนใจรอเรนโบว์ และผมก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังกระพือปีกข้างหนึ่งราวกับดูอาการอะไรบางอย่างอยู่

    "มีอะไรรึเปล่าเรนโบว์" ผมถามเธอด้วยความเป็นห่วง เพราะผมจำได้ว่าตลอดการฝึก ผมเห็นว่าเธอบินช้าผิดปกติ และส่วนใหญ่ไลท์นิ่งดัชเป็นคนเอาธงมาส่งมากกว่าเรนโบว์

    "ไม่มีอะไรหรอก" เธอส่ายหน้าตอบผม "แล้วนายหละ เป็นยังไงบ้าง หาได้มาได้ถึง 4 อัน เจ๋งใช้ได้เลยนิ"

    "ขอบใจ ของฉันไม่มีปัญหาอะไรหรอก" ผมบอกกับเธอ

    "งั้นก็ดีละ ไปโรงอาหารเถอะ หิวจะแย่ละ" เรนโบว์แดชบอก ผมทำท่าจะเดินตามเธอไป แต่เสียงของม้าตัวหนึ่งทำให้ผมหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปมอง ซึ่งก็พบคราวไรเดอร์เป็นคนทักผม ครั้งนี้้เธอทำสีหน้าแปลกๆ เพราะไม่ได้มองผมด้วยท่าทางหยิ่งๆ แล้ว

    "ทำไมนายถึงบอกว่าฉันเป็นคนหาธงเจอละ ในเมื่อนายเป็นคนเจอทุกอันเลย" เธอถามผม

    "เราทีมเดียวกัน มันไม่สำคัญหรอกว่าใครเป็นคนเจอ" ผมบอกกับเธอ "มาเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันฝึกช่วงบ่าย"

    ผมเดินนำเธอเพื่อเข้าโรงอาหารโดยที่ไม่รอ เพราะผมคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่จำเป็นต้องรอให้ไปด้วยกันอยู่แล้ว โดยที่ผมไม่ได้รู้ตัวเลยว่า อีกฝ่ายนั้นได้มองผมด้วยสายตาประเมินมากกว่าเดิมเสียอีก

    หลังจากที่ผมสั่งอาหารมาวางบนโต๊ะแล้ว (โดยการคาบถาดอาหารมา) ผมเห็นไลท์นิ่งดัชกำลังพูดโอ้อวดเรื่องที่ทีมตนเองสามารถหาธงได้ไวที่สุดและมากกว่าทีมอื่นๆ

    "จากนั้นนะ ฉันก็เจอธงอีกอันที่ซ่อนอยู่ใต้เหว ฉันก็เลยพุ่งตัวเข้าไปเอาทันที และนั่นก็เป็นธงสุดท้ายที่เจอนะ" ไลท์นิ่งดัชเล่าจบพอดีเมื่อผมวางถาดอาหารลงบนโต๊ะแล้ว

    "ว้าว เธอนี่เร็วมากเลยนะเนี่ย" ม้าสาวจากโพนี่วิลด์เอ่ยด้วยนํ้าเสียงประทับใจ

    "เร็วแบบนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่เลยนะที่สปีดไฟ้ท์ให้เธอเป็นหัวหน้าทีมนะ" ม้าหนุ่มลำตัวสีขาวพูดออกมาบ้าง

    "ขอบใจ ฉันคิดว่าฉันคงเหมาะเป็นหัวหน้าทีมอยู่แล้ว" ไลท์นิ่งดัชสะบัดอุ้งเท้าของเธอเล็กน้อย

    เสียงวางถาดอาหารดังขึ้นข้างๆ ผมด้วยเสียงดังเล็กน้อย ผมหันไปมองก็พบเรนโบว์แดชกำลังถอนหายใจออกมา

    "ใช่ เธอเหมาะกับเป็นหัวหน้าทีมจริงๆ" เรนโบว์แดชกระซิบบ่นกับผม

    "ตกลงมีเรื่องอะไรรึเปล่าเนี่ย" ผมกระซิบถามเธอกลับ เพราะเหมือนจะมีเรื่องอะไรจริงๆ

    "ช่างเถอะ ฉันคงคิดมากไปเอง" เรนโบว์แดชสะบัดหางเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มก้มลงแล้วจัดการกับขนมปังที่อยู่ตรงหน้า โดยที่ไม่หันกลับไปมองไลท์นิ่งดัชเลย

    ผมหันหน้าไปมองไลท์นิ่งดัชที่ยังเล่าเรื่องการฝึกวันนี้ให้ม้าตัวอื่นๆ ฟังอย่างตื่นเต้น ผมดูท่าทางของเธอแล้วก็ไม่ได้เห็นว่าเธอจะมีปัญหาอะไรเท่าไหร่ ผมจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรต่อแล้วก็เริ่มกินอาหารเย็นข้างหน้าทันที เพราะบินมาทั้งวัน ท้องเลยว่างนั่นเอง

    แต่หลังจากที่ผมกินอาหารจนเกือบหมดถาดแล้ว ผมก็มองไปรอบๆ เพื่อมองหาเพื่อนร่วมทีม แต่กลับไม่เจอเธอนั่งอยู่บนโต๊ะในโรงอาหารเลย ผมมองไปรอบๆ อีกครั้ง ก็พบว่าเจ้าตัวนั้นคาบถาดอาหารแล้วเดินออกไปนอกโรงอาหารตัวเดียว ซึ่งตัวอื่นไม่มีใครสังเกตเลยว่าเธอคนนั้นเดินออกไปข้างนอกตัวเดียวเพราะมัวแต่ฟังเรื่องที่ไลท์นิ่งดัชโม้อยู่นั่นเอง ผมจึงคาบถาดอาหารเอาไว้วางไว้ตรงโต๊ะที่กินเสร็จแล้ว แต่ก็คาบจานใส่แอปเปิ้ลที่เป็นผลไม้ตามไปด้วย โดยที่เรนโบว์แดชนั้นมองดูผมออกไปด้วยความสงสัยว่าออกไปทำอะไร

    ผมเดินออกไปตรงนอกโรงอาหารที่ติดกับรันเวย์ลานฝึก แต่เดินออกไปข้างๆ โรงอาหารอีกฝั่งนั้นจะเป็นหน้าผา ซึ่งมีต้นไม้ต้นใหญ่บังแดดเอาไว้ และที่นั่นผมก็เห็นคราวไรเดอร์กำลังนั่งกินอาหารตามลำพัง ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ จนเธอสะดุ้งออกมาเมื่อรู้ตัวว่าผมเดินเข้ามาใกล้เธอ

    "ออกมากินอาหารรับลมเหรอ" ผมถามเธอก่อนที่เธอจะโต้อะไรผมพร้อมกับมองวิวไปข้างหน้า ซึ่งเป็นวิวที่สวยมาก จากวิวตรงนี้นอกจากผมจะมองเห็นเมฆก้อนเล็กก้อนใหญ่แล้วนั้น ผมสามารถมองเห็นเมืองโพนี่วิลด์ที่อยู่ไกลลิบนั้นได้อีกด้วย

    "นายออกมาทำอะไร" เธอหรี่ตามองผม

    ผมวางจานใส่แอปเปิ้ลลงบนพื้นหญ้าก่อนที่จะถือวิสาสะนั่งข้างๆ เธอโดยไม่ถาม แต่ผมหันหน้ามองไปทางวิวทิวทัศน์โดยที่ไม่หันหน้ามองเธอ

    "ออกมากินแอปเปิ้ลรับลมแบบเธอไง" ผมตอบ พลางหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมากิน คราวไรเดอร์จ้องมองผมโดยที่เธอไม่กินอาหารที่อยู่บนจานต่อ

    "ทำไม.."

    "อะไรเหรอ" ผมถามเธอ เพราะผมได้ยินเธอพูดไม่ชัด

    "ทำไมนายต้องใจดีกับเราด้วย ทั้งๆ ที่เราเองก็ไม่ได้ทำดีกับนายตั้งแต่แรกเลย" เธอถามผมด้วยเสียงอุบอิบ

    ผมมองดูหน้าเธอที่มองผมทางหางตาด้วยแววตาชวนสงสัย ผมหยิบแอปเปิ้ลลูกที่สองขึ้นมากินก่อนที่จะตอบ

    "เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว จะชอบหรือไม่ชอบยังไงก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี" ผมบอกหลังจากกินแอปเปิ้ลหมดลูกแล้ว ก่อนที่จะหยิบลูกที่สามขึ้นมา

    สายลมพัดเข้าโถมพวกเราทั้งสองตัว ผมหลับตาพร้อมกับสูดอากาศเย็นๆ เข้าเต็มปอด มีเพกาซัสที่เป็นเจ้าหน้าที่ของอเคเดมี่บินผ่านหน้าผมไปสองสามตัว เหมือนกับพวกเขาเป็นยามที่ดูแลความปลอดภัยของนักเรียนที่นี่

    "นายเข้ามาฝึกที่อเคเดมี่ทำไม" เธอถามผม ซึ่งเป็นคำถามที่เกินความคาดหมายของผมมาก เพราะไม่คิดว่าเธอจะถามอะไรผมแบบนี้

    "ไม่มีอะไรมาก เรนโบว์แดชอยากให้ฉันบินเก่งขึ้น เลยให้ฉันมาฝึกด้วยกัน แต่วางใจเถอะ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นวันเดอร์โบ้วหรือไม่ ฉันเองก็อยากบินให้คล่องขึ้นกว่านี้แค่นั้นแหละ" ผมบอกตามตามความจริง แต่ไม่ได้บอกเธอเรื่องที่สปีดไฟ้ท์เองก็อยากให้ผมอยู่ที่นี่เพื่อให้พวกเขาช่วยดูแลผมได้

    "ถ้านายเก่งขึ้นก็ดีสิ..." เสียงเธอดังพึมพำออกมาเบามาก

    "อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย" ผมถามเธอ แต่เธอนั้นกลับหันหน้ามองตาขวางใส่ผม

    "ไม่มีอะไรทั้งนั้น ฉันกินอิ่มแล้ว! ขอตัวก่อนนะ ไม่อยากจะนั่งข้างๆ ไอ้ไก่อ่อนอย่างนาย" เธอลุกขึ้นแล้วคาบถาดอาหารพร้อมสะบัดหางใส่ผมทันที ซึ่งโชคดีที่ผมกินแอปเปิ้ลหมดแล้ว เศษฝุ่นอะไรที่ติดหางเธอเลยไม่ปลิวมาโดนแอปเปิ้ลผม ผมยังคงนั่งมองดูเธอเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองผม ผมถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะนอนหงายหลังลงบนพื้นหญ้า และมองดูท้องฟ้าสีเหลืองทองที่พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า

    ไม่มีทางที่จะทำให้เธอทำตัวดีขึ้นเลยรึไงนะ ผมคิดโดยที่นอนเอาหัวหนุนกีบ

     

    -----------------------------------------

     

    ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ที่ห้องพักหญิง คราวไรเดอร์เดินเข้ามาในห้องพักของเธอ ดูเหมือนเธอจะไม่มีรูมเมด เพราะว่าเตียงอีกฝั่งของเธอนั้นเต็มไปด้วยข้าวของของเธอที่วางเอาไว้เต็มไปหมด เธอนั่งลงบนเตียง ก่อนที่จะมองตัวเองในกระจกเงาที่อยู่ติดกับผนังห้องเพื่อมองดูใบหน้าของเธอเอง

    เธอนึกถึงคำพูดของม้าหนุ่มที่บอกกับสปีดไฟ้ท์ว่าเธอเป็นคนหาธงเจอ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำ อีกทั้งได้มานั่งเป็นเพื่อนเธอตอนที่กินอาหารเย็นอีกด้วย ที่ผ่านมา เธอเลี่ยงในการกินอาหารตัวเดียวโดยไม่นั่งกินกับม้าตัวอื่นเลย และนั่นทำให้เขาเป็นม้าตัวแรกที่มานั่งกินข้าวกับเธอ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม

    ความทรงจำของเธอยังย้อนไปถึงเมื่อเช้า ที่เขาได้มาเตือนเธอเรื่องที่ว่าอย่าเรื่องมากกับสปีดไฟ้ท์ เพราะเธออาจจะถูกไล่ออกได้ เธอนอนหงายลงบนเตียงของเธอ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและว้าวุ่น

    เธอคิดมาตลอดว่า ม้าหนุ่มตัวนั้นไม่ใช่ม้า ไม่ใช่พวกเดียวกันแม้ว่าจะมีปีกเหมือนกันก็ตาม เพราะเขาเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างโลก และก็คิดด้วยว่าเขาได้ใช้เส้นเพื่อที่จะลัดทางมาเป็นวันเดอร์โบ้ว แต่หลังจากที่เธอได้คุยกับเขาเมื่อซักครู่นี้ ทำให้ใจของเธอหวั่นไหวกับความเชื่อของเธอแต่แรก จนมีคำถามในใจผุดขึ้นมาหลายอย่าง โดยที่เธอเองก็ไม่เข้าใจคำถามนั้นและไม่สามารถตอบได้ด้วย

    'เพราะเราเป็นทีมเดียวกัน' เสียงของม้าตัวนั้นยังดังก้องในหัวของเธอวนซํ้าไปซํ้ามาราวกับมีคนเปิดรีเพลให้ฟังหลายครั้ง

    "ครั้งแรกเลย ที่มีม้ามาคุยกับเราแบบนี้" เธอพึมพึมออกมา ก่อนที่จะมองไปยังโต๊ะวางของข้างๆ เตียงซึ่งอยู่ตรงกลางชิดผนังห้อง ซึ่งมีรูปถ่ายตั้งเอาไว้อยู่

    รูปถ่ายใบนี้มีรูปภาพของเธอสมัยเด็ก ซึ่งเป็นภาพที่เธอยิ้มแย้มออกมาสดใสมาก ผิดกับหน้าตาของเธอในตอนนี้ที่ทั้งเครียดและทำหน้าบึ้งตลอดเวลา และข้างหลังของเธอนั้น มีม้าชายตัวหนึ่งที่แก่กว่าเป็นผู้ใหญ่กว่า ในห้องนั้นเริ่มมืดลงเพราะพระอาทิตย์ตกแล้ว ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของม้าตัวนั้นว่าเขามีหน้าตาอย่างไร แต่ในรูปนั้น ม้าตัวนั้นไม่มีปีกเพกาซัสเลย

    "ใช่ เรามาที่นี่เพื่อมาเป็นวันเดอร์โบ้ว และต้องทำให้ได้ เราจะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด" เธอพยักหน้าบอกกับตัวเอง แต่แล้วเมื่อในหัวของเธอ กลับมีภาพของม้าหนุ่มตัวนั้นฉายขึ้นอีกครั้ง และนั่นทำให้ใจของเธอดูสับสนมากขึ้นไปอีก

    แต่ ทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้นะ เธอเลื่อนกีบของเธอขึ้นมาตรงบริเวณหัวใจของเธอ ราวกับต้องการเช็ดสภาพร่างกายตัวเองว่า มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

     

    ----------------------------------------

     

    วันต่อมา สปีดไฟ้ท์ได้นัดรวมพลพวกผมอีกครั้งเพื่อทำการฝึกต่อ โดยการฝึกครั้งนี้จะเป็นการฝึกหลบเลี่ยงอุปสรรคต่างๆ ที่เราอาจจะเจอได้ในสภาพอากาศต่างๆ ได้ ซึ่งอุปกรณ์ในการฝึกนั้นก็ได้แก่เครื่องผลิตเมฆและเครื่องปรับสภาพอากาศ (เรนโบว์แดชอธิบายตอนนั้นว่าอเคเดมี่ได้ซื้อมาจากโรงงานทำอากาศในเมืองคราวเดล) โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้คนในทีมตัวเองช่วยกันหลบหลีกและผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปให้ได้ก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมในตอนบ่าย

    "ไม่ต้องห่วงเรื่องผลแพ้ชนะ มันไม่ใช่การแข่งขัน เมื่อพร้อมแล้ว เตรียมตัวได้เลย!" สปีดไฟ้ท์บอกให้สัญญาณหลังจากที่เธออธิบายจบ

    เมื่อสิ้นสุดเสียงสัญญาณแล้ว แต่ละทีมจึงได้เข้าประจำที่และกระโจนออกไปตามถนนรันเวย์เพื่อขึ้นไปยังเส้นทางการฝึกที่กำหนดเอาไว้ทันที โดยมีเจ้าหน้าที่ที่คาบแท่งไฟแบบเดียวกันกับที่ให้สัญญาณเครื่องบินบนถนนรันเวย์ในโลกของผมเป็นตัวกำหนดรอบที่จะให้แต่ละทีมในการพุ่งไป ซึ่งจะจัดลำดับทีมว่าใครจะไปก่อนใครจะไปหลังแบบสุ่ม ซึ่งผมกับคราวไรเดอร์นั้นอยู่รั้งท้ายสุด ทำให้ได้ออกไปเป็นทีมสุดท้าย

    หลังจากที่ผมบินขึ้นมาแล้วนั้น ผมแอบมองไปทางคราวไรเดอร์ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจมองผมเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนแรกๆ ผมเผลอคิดไปว่าอีกฝ่ายคงจะมาพูดถากถางผมว่าเป็นเพราะผมทำให้เรารั้งท้ายอะไรแบบนี้ เลยทำให้ผมแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเงียบไป

    คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ผมคิดก่อนที่จะบินตามม้าตัวอื่นๆ ที่นำหน้าไป

    อุปสรรคแรกที่จะต้องเจอก็คือ การบินลอดผ่านห่วงเมฆที่ให้อารมณ์เหมือนห่วงละครสัตว์ เรนโบว์แดชได้อธิบายให้ผมฟังก่อนที่สปีดไฟ้ท์จะรวมพลว่ามันเป็นตัวช่วยทำให้เพกาซัสสามารถบินได้ถูกทิศในการฝึกสมัยเด็กๆ โดยพวกเราจะต้องบินลอดผ่านห่วงนี้ แล้วหลังจากนั้นเราก็จะเจออุปสรรคซึ่งเป็นเมฆสีชมพูเหนียวเหนอะที่จะพุ่งขึ้นมา และเราจะต้องหลบให้ได้นั่นเอง แต่ผมกับคราวไรเดอร์ก็สามารถบินผ่านหลบได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะมีไม่กี่จุดและจะมีเสียงพุ่งขึ้นมา ผมอาศัยบินตามคราวไรเดอร์เอาเพราะเธอบินนำผมไปเล็กน้อยเหมือนนำทางให้ผม ซึ่งผมก็ไม่รู้คิดไปเองด้วยรึเปล่าว่าเธอเริ่มที่จะช่วยเหลือผมในฐานะทีมเดียวกันแล้ว แต่อุปสรรคข้างหน้าหลังจากบินผ่านห่วงเมฆก็ทำให้ผมหยุดคิดทันทีเพราะมันคือสภาพอากาศยามฝนตก ซึ่งมีลมพุ่งออกมาแรงมาก ผมต้องพยายามกระพือปีกแรงขึ้นและถี่ขึ้นเพื่อบินฝ่าไปให้ได้ แต่เมื่อผมจับทางลมได้แล้วผมก็บินซิกแซกเพื่อหลบเลี่ยงลมที่พุ่งเข้ามาเพื่อไม่ให้ปีกผมทำงานหนักไป คราวไรเดอร์เองก็เหมือนจะบินตามแบบของผม ทำให้ตอนนี้เราทั้งสองต่างคนต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางอ้อมได้แล้ว แม้ว่าต่างฝ่ายต่างจะไม่ได้พูดอะไรกันเลย

    เยี่ยม แบบนี้ไปได้สวยแน่ ผมยิ้มอย่างดีใจ เพราะมันทำให้ผมหมดห่วงได้ว่าเราทั้งสองคนจะได้ไม่ต้องมากัดกันอีก

    แต่ทว่า เมื่อผมกับเธอบินผ่านพายุฝนฟ้าคะนองออกมาแล้ว แทนที่ผมกับเธอจะเจออุปสรรคอย่างสุดท้ายที่ควรเป็นลมพุ่งออกมาตามที่สปีดไฟ้ท์บอก ผมกลับเจอกลุ่มโพนี่ที่บินนำหน้าไปก่อนหน้านี้ลอยตัวมาทางผมกับคราวไรเดอร์ แถมลอยมาเป็นกลุ่มด้วย

    "นี่มันอะไร..."

    โครม!

    ยังไม่ทันที่ผมจะอ้าปากถามเสร็จ ทั้งผมและเธอก็โดนกลุ่มโพนี่เพื่อนร่วมคณะพุ่งมาชนเข้าอย่างจังจนพวกผมปลิวกระเด็นไปติดตรงก้อนเมฆที่อยู่ใกล้ๆ ทันทีราวกับเป็นเบาะรองรับกระแทก หน้าผมซุกกับอะไรบางอย่างที่เหมือนจะเป็นเมฆ แต่ผมหลับตาแน่นเพราะโดนกระแทกเมื่อกี้เลยไม่ได้มองว่าผมซุกกับอะไร ผมเองยังไม่เคยยืนบนเมฆมาก่อนก็ไม่รู้ว่าผิวสัมผัสเมฆเป็นอย่างไร แต่ผมกลับรู้สึกว่าที่ๆ ผมซบนี่มันอุ่นๆ ชอบกล

    เมฆอุ่นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ผมคิดในใจพลางขยับหน้าไปมาเล็กน้อย เหมือนผิวม้าโพนี่เลยแฮะ

    "ลุก..."

    เสียงคราวไรเดอร์ดังขึ้น ซึ่งเมื่อผมลืมตาขึ้นมอง ปรากฎว่าผมไม่ได้ซุกหน้าลงกับเมฆอย่างที่คิด แต่ตอนนี้ผมกำลังนอนคร่อมทับกับคราวไรเดอร์ ซึ่งตอนนี้เธอกำลังนอนหงายอยู่บนก้อนเมฆพอดี แถมหน้าผมก็ดันไปซุกเข้ากับต้นคอของเธอพอดีด้วย! ราวกับว่าตอนนี้ผมกำลังนอนกอดเธออย่างไรอย่างนั้น ใจผมเต้นโครมครามขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าไปนอนทับกับอะไร

    "ลุกเดี๋ยวนี้นะย่ะ! ไอ้ลามก!!" เธอโวยใส่ผมดังลั่น หน้าของเธอแดงแป้ดไปทั้งหน้า

    "ขะ ขอโทษ" ผมพูดลนลานก่อนที่จะรีบลุกขึ้นทันทีจนผมนั่งลงบนก้อนเมฆที่อยู่แถวนั้น หน้าผมแดงไปทั้งหน้าเช่นกันหลังจากที่รู้ว่าที่ผมซบเมื่อกี้ไม่ใช่เมฆ แต่กลับเป็นม้าสาวแทน แม้ว่าผมจะไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้กับผู้หญิงในโลกของผมมาก่อน แต่ด้วยการที่ผมอยู่ในร่างม้าโพนี่มาเกินเดือน ความเคยชินในร่างนี้ก็มีมากขึ้น และนั่นทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนรู้สึกกับมนุษย์ที่เป็นผู้หญิงเลย

    เพิ่งรู้แฮะว่าม้าสาวผิวนุ่มนิ่มสุดยอด ผมเผลอคิดเรื่องนี้แว้บขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ สายตาของผมเลื่อนไปมองดูเจ้าตัวที่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งเหมือนผม เมื่อเธอรู้ว่าผมเผลอมองไปทางเธอ เธอหน้าแดงแป้ดขึ้นมาอีกครั้งทันที

    "มองอะไรย่ะ! ไอ้ลามก!!" เธอโวยใส่ผมอีกรอบ

    "ปะ เปล่า" ผมรีบเบือนหน้าไปทางอื่นทันทีและนั่นทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นโครมครามหนักกว่าเดิมเสียอีก

    "ว่าแต่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย" ผมรีบยิงคำถามใส่เธอทันทีเพื่อพยายามเปลี่ยนเรื่อง ดูเหมือนเธอเองก็คิดแบบเดียวกันกับผม

    "ไม่รู้เหมือนกัน แต่เหมือนทุกตัวจะลอยมาชนเราหมดเลยนะ" เธอบอกผม และนั่นทำให้ผมลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆ

    เหล่าเพื่อนร่วมฝึกแทบทุกตัวอยู่รอบๆ ตัวพวกผม บางตัวไม่หัวก็ตัวติดอยู่ในก้อนเมฆจนม้าบางตัวต้องช่วยกันดึงให้หลุดออกมา บางตัวยืนขึ้นมาแล้ว แต่บางตัวยังนอนหงายหมดสภาพอยู่บนก้อนเมฆ ผมยํ่าเดินไปบนก้อนเมฆซึ่งให้อารมณ์เหมือนเดินบนแทรมโพลีน (ที่ออกกำลังกายแบบกระโดด) ไม่มีผิดเพื่อเข้าไปหาพวกเขาและช่วยม้าบางตัวที่บางส่วนของร่างกายยังติดกับเมฆอยู่ คราวไรเดอร์นั้นยืนมองผมอยู่ห่างๆ โดยไม่ตามผมมาช่วย

    "ขอบใจนะ" ม้าหนุ่มตัวสีขาวที่ครึ่งท่อนล่างติดกับเมฆเมื่อกี้นี้กล่าวขอบคุณผมเมื่อผมดึงเขาขึ้นมาโดยใชช้กีบจับฉุดขึ้น

    "ไม่เป็นไร ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย" ผมถามม้าตัวอื่นๆ หลังจากที่ผมเห็นแล้วว่าทุกตัวหลุดออกมาจากเมฆและฟื้นตัวกันหมดแล้ว พวกเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ผมเพื่อพูดคุยทันที

    "ฉันกับคู่ฉันโดนเรนโบว์แดชกับไลท์นิ่งดัชพุ่งแทรกเข้ามาจนเสียการทรงตัวนะสิ เลยปลิวไปชนกับตัวอื่นๆ" เขาบอกกับผม ซึ่งม้าสาวสีชมพูคู่ของเขาก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    "เรนโบว์แดชนะเหรอ" ผมยักคิ้วถาม เพราะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เรนโบว์แดชจะทำร้ายม้าตัวอื่นๆ

    "ไม่รู้เหมือนกันนะ เธออาจไม่ได้ตั้งใจก็ได้" ม้าสาวสีชมพู คู่ของเขาแสดงความเห็น

    "แต่เอาเถอะ ทุกตัวไม่เป็นไรได้ก็โอเคแล้วหละ" ม้าหนุ่มบอกผม ซึ่งม้าตัวอื่นๆ เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย แม้ว่าบางตัวจะทำหน้าสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นก็ตาม

    "ทุกตัวปลอดภัยไหม" เสียงสปีดไฟ้ท์ดังขึ้น และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบสปีดไฟ้ท์และเจ้าหน้าที่อีกสองตัวบินเข้ามาใกล้ๆ

    "ปลอดภัยครับ Ma-am!" ผมยกอุ้งเท้าตะเบะตอบ

    "งั้นเหรอ ดี! อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ระหว่างการฝึก ยังไงก็ระวังไว้ด้วยละกัน" เธอบอกกับทุกตัวก่อนที่จะหยิบนาฬิกาแบบมีสายออกมาดูจากปกเสื้อที่เธอสวมใส่อยู่

    "การฝึกช่วงเช้าหมดเวลาพอดี พวกเธอไปพักได้ แล้วเจอกันตอนบ่าย" เธอบอกก่อนที่จะหันหลังและกางปีกบินจากไปหลังจากที่พวกผมตอบรับแล้ว

    "งั้น ไปหาอะไรกินก่อนละกัน เจอที่โรงอาหารนะ" เขาบอกกับผมก่อนที่จะบินตามสปีดไฟ้ท์เพื่อลงไปยังถนนรันเวย์ มุ่งหน้าไปทางโรงอาหาร

    ผมพยักหน้าตอบ และเมื่อผมเห็นว่าม้าตัวอื่นๆ กางปีกบินตามไปหมดแล้ว แต่กลับเหลือคราวไรเดอร์ตัวเดียวที่ยังไม่ได้บินตามตัวอื่นๆ ไป ผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ เธอ ซึ่งเธอยังคงหันหลังให้ผมอยู่

    "ไปที่โรงอาหารกันเลยไหม หรือจะไปกินกันตรงหน้าผาที่เดิมดี" ผมยิ้มถามเธอ เพราะคิดว่าเธอจะเริ่มญาติดีกับผมแล้ว

    "ไปก่อนเลย ฉันกินคนเดียวได้" เธอตอบกลับด้วยเสียงแข็งและห้วนเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้ผมเลิกคิ้วทันที

    "ตามใจ" ผมกางปีกออก ก่อนที่จะกระพือปีกเพื่อบินจากเธอไปทางโรงอาหาร ระหว่างที่ผมบินลงไปยังพื้นถนนรันเวย์นั้น ผมถอนหายใจออกมา เพราะหวังว่าเธอจะทำตัวดีขึ้นแล้ว

    หรือว่ายังโกรธเราเรื่องเมื่อกี้อยู่ ผมคิดพลางนึกถึงตอนที่ผมเผลอกระเด็นไปนอนทับเธอเมื่อกี้ หน้าผมแดงขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงตอนนั้น ผมรีบส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดนั้นออกไปจากหัว

    เลิกคิดๆๆๆๆๆ อีกฝ่ายคงไม่มีทางคิดแบบนั้นแน่ ผมพยายามขับไล่ความคิดแปลกๆ ออกจากหัว ก่อนที่จะยื่นกีบไปแตะพื้นเมื่อผมร่อนลงถึงพื้น และหุบปีกเพื่อที่จะเดินเข้าไปในโรงอาหารตรงหน้าผม

    แต่ขณะเดียวกันบนเมฆที่เมื่อกี้ คราวไรเดอร์ยังคงยืนหันหลังให้ เพียงแต่ว่าเธอเหลือบตามองดูม้าตัวอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครอยู่แล้ว เธอหันหน้าไปทางโรงอาหารทันที หน้าของเธอยังไม่หายแดง ราวกับว่าตอนนี้เธอควบคุมหน้าของตัวเธอเองไม่ได้เลย

    นะ นี่เราคิดอะไรของเราอยู่เนี่ย เธอคิดด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อกี้

     

    -----------------------------------------------------------

     

    หลังจากทานอาหารกันแล้ว ผมก็ไม่ได้เห็นคราวไรเดอร์อีกจนกระทั่งเริ่มฝึกฝนช่วงบ่าย ซึ่งนั่นก็การแข่งกันทำแต้มโดยการเคลียรเมฆบนท้องฟ้า เป็นครั้งแรกทีเดียวที่ผมได้เคลียรเมฆด้วยตนเอง โดยการตบหรือตีมันแรงๆ ซึ่งจะทำให้เมฆนั้นสลายหายไปเอง แต่ด้วยการที่ผมทำมันเป็นครั้งแรก ทีมของผมจึงทำได้ช้ามากเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ที่ลํ้าหน้าไปไกลแล้ว และคงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทีมไลท์นิ่งดัช กับเรนโบว์แดชนั้นนำไปไกลกว่าชาวบ้าน

    ผมหันไปมองดูทางคราวไรเดอร์ทางหางตาเป็นระยะๆ ซึ่งโดยปกติแล้วเธอน่าจะเริ่มโวยใส่ผมบ้างแล้ว แต่เธอกลับหันหน้าหนีผมอยู่เรื่อย และพยายามทำตัวห่างๆ จากผมอยู่ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกสงสัยว่าเธอยังโกรธผมเรื่องเมื่อกี้อยู่รึเปล่า

    "เอ่อ ฉันเคลียรเมฆแถวนี้เสร็จแล้ว ไปอีกจุดนึงนึงไหม" ผมทักเธอเพราะฝั่งของผมนั้นมันหมดแล้วจริงๆ แต่ฝั่งของเธอนั้นแทบไม่พร่องเลย เมฆก้อนเดิมที่เธอควรที่จะทำให้มันสลายหายไปแล้วกลับยังลอยตุ๊บป่องอยู่ตรงหน้าเธอ และด้วยการที่เธอเป็นเพกาซัสจริงๆ เธอก็ควรที่จะเคลียรเมฆเสร็จก่อนผมแล้ว

    "คราวไรเดอร์" ผมทักเธออีกครั้ง แต่ดูเหมือนเธอยังคงหันหลังให้ผมอยู่

    ด้วยความสงสัย ผมจึงบินเข้าไปใกล้ๆ เธอ และก็พบว่าเธอกำลังเขี่ยเมฆเล่นอยู่ เหมือนไม่ได้ตั้งใจว่าว่าจะเคลียรเมฆด้วยซํ้า แถมเหมือนเธอกำลังใจลอยอยู่ต่างหาก

    "คราวไรเดอร์" ผมทักเธออีกครั้ง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ยินผม สายตาของเธอเหม่อลอยเล็กน้อยขณะที่เธอกำลังใช้กีบเท้าของเธอเขี่ยเมฆอยู่

    "เฮ้! ได้ยินรึเปล่า" ผมยกกีบตัวเองไปจับกีบเธอของเธอให้เธอหยุดเขี่ยเมฆเมฆเล่น

    แต่ดูเหมือนเธอจะสะดุ้งตกใจกับการที่ผมไปจับกีบเก้าของเธออย่างมาก เธอจึงรีบดึงกีบเท้าของเธอออกแล้วตบหน้าผมทันที

    เพี๊ยะ!

    ผมสะดุ้งกับการกระทำของเธอจนเผลอเกือบร่วงลงไปข้างล่างเพราะลืมกระพือปีกไปชั่วขณะ แก้มของผมร้อนฉ่าออกมาจากการที่โดนเธอตบเข้าเมื่อกี้ ผมยกกีบเท้าตนเองขึ้นลูบแก้มตนเองพร้อมกับมองหน้าเธอด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย อีกฝ่ายทำตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป

    "ตบฉันทำไมเนี่ย" ผมร้องถามด้วยความสงสัย

    "กะ.. ก็นายเล่นมา จะ จะ จะ จับฉันทำไมกันเล่า!" เธอโวยใส่ผมต่อด้วยเสียงอันดัง ดูเหมือนเสียงเธอจะดังมากจนทีมของโบ้ด ไบเซป และม้าสาวจากโพนี่วิลด์ที่กำลังเคลียรเมฆอยู่ใกล้ๆ ถึงกับเงยหน้ามองดูทีมผมด้วยความสงสัย

    "ฉันทักเธอตั้งนานแล้ว แต่เธอไม่ยอมตอบเลย" ผมบอกกับเธอ ซึ่งเหมือนเธอจะทำหน้างงเล็กน้อยว่าผมเรียกเธอด้วยเหรอ

    "นายผิดเองนะ ที่ไม่เรียกฉันดีๆ นะ" เธอกอดอกและหันหน้าไปทางอื่น

    แม้ว่าเมื่อกี้นี้ผมยังคิดว่าเธอจะโกรธผมรึเปล่าตอนช่วงฝึกครึ่งเช้า แต่ตอนนี้ผมกลับอารมณ์เสียกับเธอแทนแล้ว เพราะการกระทำที่ไร้เหตุผลของเธอนั่นเอง

    "ฉันขอถามเธอหน่อยนะ ฉันไปทำอะไรให้เธอกันแน่ ทำไมเธอถึงต้องมาทำแบบนี้กับฉันด้วย! ฉันพยายามที่จะญาติดีกับเธอแล้วนะ ขอเหตุผลหน่อยได้ไหม" ผมตะโกนถามเธอเสียงดัง ซึ่งนั่นทำให้แม้แต่ม้าเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในการจดคะแนนว่าทีมไหนเคลียรเมฆถึงไหนแล้วบนพื้นข้างล่าง เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย

    อีกฝ่ายยังคงเงียบไม่ตอบอะไรผม ดูเหมือนเธอจะตัวสั่นเล็กน้อย แต่ผมไม่ได้สนใจอาการของเธอเลย

    "เข้าใจละ เพราะฉันมันเป็นตัวประหลาดใช่ไหม เพราะฉันมันไม่ใช่โพนี่ใช่ไหม! เธอถึงไม่อยากที่จะทำดีกับฉัน งั้นก็ได้!" ผมหันหลังให้เธอก่อนที่จะบินออกไปห่างๆ เพื่อไม่ให้เธอเข้าใกล้ผม เพื่อที่จะไปตรงไหนก็ได้ที่ไม่มีเธออยู่

    ผมไม่ได้สนใจเลยว่าการกระทำของผมที่กำลังถูกเจ้าหน้าที่จับตามองและทีมอื่นๆ กำลังมองดูอยู่อาจทำให้ทีมผมเสียคะแนน หรืออาจโดนลงโทษได้ อารมณ์ตอนนี้ผมพุ่งพล่านไปหมด ในหัวของผมเต็มไปด้วยความสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องทำแบบนี้ด้วย

    แต่จากที่ผมตะโกนใส่เธอเมื่อกี้นี้ก็ทำให้ผมรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที เพราะการที่ผมไม่ใช่ม้าโพนี่แต่แรก ทำให้ผมเป็นตัวประหลาดในสายตาของเธอ และไม่แน่ว่ามันอาจจะรวมไปถึงม้าโพนี่ตัวอื่นๆ อีกด้วย ความเครียดที่ผมอาจจะกลายร่างเป็น Changeling ตอนไหนก็ได้มันผุดขึ้นมาในหัวของผม จนทำให้ผมคิดด้วยซํ้าว่าผมควรที่จะมาอยู่ตรงนี้รึเปล่า ความเครียดและความไม่พอใจของผมนั้นทำให้ใจของผมสับสนไปหมดจนไม่รู้จะเอาอารมณ์นี้ระบายไปอย่างไรแล้ว

    "มะ ไม่ใช่นะ!"

    เสียงของคราวไรเดอร์ดังขึ้น จนแทรกความรู้สึกสับสนในใจของผม เมื่อผมหันหลังไปมองเธอ ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังทำสีหน้าที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นสีหน้าที่เคร่งเครียดไม่ต่างจากผม ดูเหมือนเธอจะลำบากใจมากเอาเรื่องเลยทีเดียว

    "คือ ฉันหมายถึง มันไม่เกี่ยวหรอกว่านายเป็นตัวประหลาดรึเปล่า" เธอพยายามพูดแก้ต้วกับผม และเป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นเธอพูดแบบนี้กับผม

    ดูเหมือนเพกาซัสสาวจากเมืองโพนี่วิลด์และโบ้ด ไบเซปเองจะบินมองดูการสนทนาของผมกับคราวไรเดอร์เสียจนลืมไปแล้วว่าทีมตนเองก็ต้องไล่เก็บคะแนนโดยการเคลียรเมฆไปแล้ว เพราะทั้งคู่นั้นนอกจากจะไม่ได้ขยับปีกบินไปทางอื่นแล้ว ทั้งคู่ยังคงมองหน้าเข้าหากันเหมือนกำลังคิดสงสัยว่าคราวไรเดอร์จะมีปฏิกิริยายังไงกับผม

    "แล้วทำไมกันหละ" ผมถามเธอด้วยนํ้่าเสียงห้วนเล็กน้อย เพราะยอมรับว่าผมฉุนเธอมากพอสมควรในตอนนี้

    เธอก้มหน้าลง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองผมด้วยสีหน้าที่อัดอั้นใจอย่างบอกไม่ถูก

    "เพราะนายมาทำแบบนี้กับฉัน ฉัน.... ฉันเลย...."

    ฟิ้วววววว!

    ผมเองก็กำลังรอฟังคำตอบจากเธอ แต่ดูเหมือนจะมีลมพัดมาแรงมากจนดึงสมาธิผมไป เสียงไม้ปลิวกระจายมาจากทางข้างล่าง และเมื่อผมก้มลงไปมอง ก็พบเห็นม้าเจ้าหน้าที่ที่จดแต้มนั้นวิ่งหน้าตาตื่นไปฝั่งตรงข้าม แถมลมก็พัดแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อผมมองไปยังต้นทิศทางผมที่ว่า ผมก็ต้องอ้าปากด้วยความตกใจ เพราะมีลูกพายุเทอร์นาโดขนาดย่อมกำลังอยู่ข้างหลังคราวไรเดอร์!

    "ข้างหลัง!" ผมตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับชี้ไปทางเธอ

    ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวเหมือนกันว่ามีลมกระโชกแรงมาทางเธอ แต่เมื่อเธอหันไปมอง เธอกรี๊ดร้องดังลั่นและพยายามบินออกมา แต่เธอกลับถูกเทอร์นาโดลูกนั้นดูดหายเข้าไปแล้ว! ผมรีบกระพือปีกถอยออกมาห่างๆ เพื่อดูสถานการณ์ ก่อนที่จะเห็นว่าเทอร์นาโดลูกนั้นเคลื่อนออกไปทางข้างๆ

    และตรงนั้นเองก็มีบอลลูนลอยขึ้นมาพอดีด้วย ซึ่งผมก็ตกใจอย่างมาก เมื่อพบว่า บอลลูนลำนั้น มีเพื่อนๆ ของผมอยู่ในนั้น! ทไวไลท์ , พิงค์กี้พาย , แรร์ริตี้ , แอปเปิ้ลแจ็ค และฟรัทเทอร์ชายกำลังมองไปทางเทอร์นาโดลูกนั้นด้วยความตื่นตระหนัก

    "ไม่!" ผมรีบบินไปทางเทอร์นาโดเพื่อหวังที่จะไปช่วยทั้งคราวไรเดอร์และเพื่อนของผมไม่ให้โดนเทอร์นาโดซัดถล่ม

    "กรี๊ดดดดดดดดด!"

    แต่สายไปแล้ว เทอร์นาโดลูกนั้นดูดบอลลูนเข้าไปข้างใน จนทำให้ตอนนี้้ทั้งเพื่อนๆ ของผมและคราวไรเดอร์ปลิวกระเด็นออกมาจากเทอร์นาโดลูกนั้น คราวไรเดอร์ปลิวกระเด็นออกไปทางที่ไกลกว่า ส่วนเพื่อนผมนั้นร่วงกระเด็นลงไปข้างล่างโดยที่แทบไม่มีอะไรรองรับพวกเขาเลย!

    "ม่ายยยยยยยยยย!"

    เสียงเรนโบว์แดชดังลั่นออกมาข้างๆ ผม เมื่อผมมอง ก็พบว่าเรนโบว์แดชเองก็รีบทำเวลาในการบินไปหาพวกเขาเหมือนกับผม แต่ผมดูแล้วทั้งเพื่อนผมและคราวไรเดอร์เองก็ปลิวไปคนละทิศคนละทาง ไม่มีทางที่จะไปช่วยทันเวลาได้ทั้งคู่แน่

    "เรนโบว์แดช! เธอรีบไปช่วยตัวอื่นๆ ทีนะ ฉันจะไปช่วยคราวไรเดอร์ เธอไวกว่าฉัน ลองใช้เมฆข้างล่างดีดตัวช่วยพวกเขาที" ผมตะโกนบอกกับเธอ เพราะถึงแม้ว่าม้าโพนี่ตัวอื่นๆ ที่ไม่ใช่เพกาซัสจะไม่สามารถยืนบนเมฆได้ แต่ถ้าอาศัยแรงส่งอย่างรวดเร็วก็น่าจะช่วยได้ และก็มีแต่เรนโบว์แดชตัวเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำได้

    "ได้เลย!"

    ฟ้าาาาาว!

    เมื่อม้าสาวรับคำ เธอก็พุ่งตัวแทรกเข้าไปในช่องหุบเขาข้างล่างทันที ส่วนตัวผมนั้นไม่มีเวลามองเธอเหมือนกัน เพราะผมเองก็ต้องรีบไปช่วยคราวไรเดอร์ที่ตอนนี้เธอกำลังปลิวร่วงไปทางหน้าผาข้างหน้าและกำลังจะร่วงลงสู่พื้นดินข้างล่างที่สูงหลายร้อยเมตรเลยทีเดียว ระยะห่างของเธอกับตำแหน่งที่เพื่อนตัวอื่นๆ ของผมร่วงตกลงไปนั้นห่างกันเกือบกิโลเมตรกว่าเลยทีเดียว และนั่นทำให้ผมต้องรีบกระพือปีกเพื่อไปหาเธอให้เร็วที่สุด

    "ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยยย!" เสียงคราวไรเดอร์ดังออกมาจากเดิมที่เสียงเบาแหวกผ่านเสียงลมจนทำให้ตอนนี้ผมได้ยินเสียงของเธอชัดขึ้น

    ผมพยายามเร่งความเร็วโดยการหันหัวลงไปทางพื้นเพื่อใช้แรงโน้มถ่วงให้ตัวผมพุ่งไปได้เร็วขึ้น หน้าของผมพุ่งกระแทกกับเมฆก้อนเล็กๆ บางก้อนที่มาขวางทางผมเอาไว้ ผมกัดฟันแน่นพร้อมกับหุบปีกลงเพื่อให้ผมพุ่งลงไปหาเธอให้เร็วที่สุด ตอนนี้เธออยู่ห่างจากพื้นดินเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น และถ้าผมไม่รีบ เธอมีสิทธิตกลงไปตายได้

    'ถ้านายหุบปากลงแล้วยื่นกีบไปข้างหน้า นายจะสามารถเร่งความเร็วได้มากขึ้น และนั่นแหละที่ทำให้ฉันทำโซนิค เรนบูมได้' เสียงของเรนโบว์แดชดังก้องขึ้นมาในหัวของผม จากช่วงเวลาที่เธอเคยเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังตอนผมฝึกบิน

    ผมทำตามคำแนะนำของเธอ ตอนนี้ในหัวของผมไม่สนใจอะไรแล้วนอกจากภาพที่อยู่ตรงหน้า ไม่สนใจด้วยความเร็วที่มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้ผมกางปีกเพื่อบินเชิดขึ้นไม่ทันและอาจทำให้ผมโหม่งพื้นโลกจนเสียชีวิตได้ ผมไม่รู้สึกด้วยซํ้าว่าใจของผมเต้นดังขนาดไหน ผมยื่นมือไปข้างหน้าให้มากขึ้นไปอีกเพื่อที่จะเอื้อมไปให้ถึงคราวไรเดอร์ ที่ตอนนี้ผมกำลังพุ่งเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน เธอก็กำลังจะร่วงตกลงไปยังพื้นดินข้างล่างมากขึ้นอีกด้วย!

    ทันทีเถอะ ทันทีเถอะ ทันทีเถอะ

    กีบเท้าของผมกำลังจะเอื้อมไปถึงกีบเท้าของคราวไรเดอร์ที่ตอนนี้เธอกำลังยื่นขึ้นมาที่จะจับกีบของผม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อผมเห็นแล้วว่าปีกของเธอไม่สามารถกระพือได้และอยู่ในสภาพบาดเจ็บ นํ้าตาของเธอไหลกระเด็นออกมาจนผมมองเห็นได้อย่างชัดเจน กีบเท้าของผมยื่นเข้าไปใกล้ของเธอมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ผมกำลังพุ่งตัวลงไปทำมุม 90 องศาตั้งฉากกับพื้นโลก ผมกัดฟันแน่นมากขึ้นเมื่อกีบเท้าของผมค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปใกล้กีบเท้าของเธอมากยิ่งขึ้น และตาของผมก็โพลงโตขึ้น เมื่อพบว่าตอนนี้ผมกับเธอกำลังจะกระแทกกับพื้นดินข้างล่างแล้วด้วยความสูงไม่ถึงสิบเมตร!

    "ย๊ากกกกกกกกกก!!!!"

    ฟิ้ววววววว! พรึ่บ! แซ่ก! แซ่ก! แซ่ก!!

    ผมจับกีบของเธอพร้อมกับรีบกางปีกขึ้นเพื่อที่จะเชิดตัวเองขึ้นจากการกระแทกกับพื้นดิน แต่ด้วยการที่ผมพุ่งมาเร็วมาก ทำให้ผมกับเธอพุ่งไปชนเข้ากับพุ่มไม้ที่ตรงหน้าพอดี และด้วยการที่ผมเป็นคนกางปีกออกทำให้ผมพุ่งไปชนพุ่มไม้ก่อนเธอ ผมเลยเป็นตัวกำบังให้เธอไปซะแทน กิ่งไม้จำนวนมากพุ่งชนกระแทกเข้ากับใบหน้าของผมพร้อมกับโดนไม้บาดเข้าเต็มไปหมด ผมกัดฟันพร้อมกับร้องเสียงหลงออกมาเมื่อพุ่งไปชนกิ่งไม้ที่มาขวางทางผมเรื่อยๆ แต่มันก็ช่วยชะลอความเร็วให้ลดลง จนในที่สุด ผมก็กระเด็นตกลงสู่พื้นดินอย่างแรงจนหน้าของผมไถลไปกับพื้น ดูเหมือนว่าคราวไรเดอร์เองก็ปลิวกระเด็นตกลงมาข้างๆ ผมเช่นกัน ร่างกายของผมปวดระบมไปทั่วเพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว ผมหอบหายใจแรงมากราวกับผมไม่ได้หายใจมาเป็นเวลานานมาก เนื้อตัวของผมสั่นเทิ่มไปทั้งร่างพร้อมกับเรี่ยวแรงที่หมดหายไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวของผมโล่งไปหมดมีแต่ความเหน็ดเหนื่อยจนผมเหมือนคนที่ไม่มีแรงใดๆ เลยนอนควํ่าหน้าหมดสภาพลงกับพื้น เหงื่อผุดไหลท่วมตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับท่อประปาแตก นานหลายนาทีทีเดียวที่ผมยังคงนอนควํ่าหน้าลงกับพื้นโดยที่แทบขยับไปไหนไม่ได้

    แต่แล้วในที่สุด ผมก็ออกแรงพลิกตัวมานอนหงายจนได้ ผมเหนื่อยจนไม่แม้แต่อยากที่จะหุบปีกที่ยังคงกางออกทั้งสองข้างเลยด้วยซํ้า ผมยังคงอ้าปากหอบหายใจถี่ราวกับว่าความเหน็ดเหนื่อยที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไปได้ง่ายๆ แต่แล้วตอนนั้นเอง ผมก็มองเห็นคราวไรเดอร์ที่กำลังนั่งลงมองผมอยู่ด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นํ้าตาของเธอไหลอาบแก้มเป็นทางจนนํ้าตาบางเม็ดตกลงมากระทบกับหน้าของผม และแปลกมากที่ผมไม่รู้สึกที่รังเกียจมันเลย

    ".... ทำไม....ทำไมนายต้องมาช่วยฉันด้วย...."

    คราวไรเดอร์ถามผมด้วยนํ้าเสียงสะอื้น ท่าทางของเธอเปลี่ยนไปราวกับม้าคนละตัว ภาพลักษณ์ของม้าสาวหยิ่งยะโสปากร้ายนั้นหายไปหมด เหลือแต่เพียงม้าสาวที่กำลังนั่งร้องไห้จนผมอยากที่จะปลอบโยนเธอ ถ้าไม่ติดว่าผมเหนื่อยจนแทบจะไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้นนั่งในตอนนี้อะนะ

    "ฉัน... ฉันมันไม่มีค่าอะไร... ไม่มีใครสนใจ... ไม่มีใครรัก... ฉันมัน... ตัวคนเดียว... การที่ฉันเข้าวันเดอร์โบ้ว ก็เพื่อพิสูจน์ตนเอง... เพื่อ...เพื่อให้ป๊ะป๋ายอมรับในตัวฉัน.... ว่าฉันเองก็มีคุณค่า... ฉัน.... ฉันไม่อยากล้มเหลว .... ฉันเลยทำไม่.... ไม่ดีกับนาย...."

    เธอสะอื้นไห้หนักกว่าเดิม นํ้าตาของเธอไหลออกมาจากดวงตาของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เธอไม่สนใจที่จะเช็ดหรือห้ามมัน ภาพของเธอนั้นทำให้ความเรี่ยวแรงของผมฟื้นอย่างน่าประหลาด ผมออกแรงเพื่อลุกขึ้นนั่ง และตอนนี้ผมก็กำลังนั่งประจันหน้ากับเธออยู่โดยที่ผมยังไม่พูดอะไร

    "... พอ .... พอฉันรู้ว่านายมะ.. ไม่ใช่โพนี่ ฉัน ฉันก็กลัวว่า...นายจะทำให้ฉันไม่ได้เป็นวันเดอร์โบ้ว.. ฉัน... ฉันเลยทำไม่ดีกับนาย ... แต่นายกลับ... ใจดีกับฉันอยู่เรื่อย.... ฉัน... ฉันไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว..."

    เธอหลับตาแน่นพร้อมกับนํ้าตาที่พลั่งพรูออกมามากขึ้น ร่างของเธอสั่นเทิ้มไปทั่ว ผมนั่งฟังเธอระบายความในใจออกมาอย่างเงียบๆ โดยที่ยังไม่พูดอะไร นํ้าเสียงของเธอครั้งนี้ไร้ซึ่งการซ่อนเร้น แต่มันมาจากใจของเธอจริงๆ และนั่นทำให้ผมรู้สาเหตุทั้งหมดที่เธอทำกับผมมาตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าวันเดอร์โบ้วอเคเดมี่

    ตอนแรกๆ ผมลังเลที่จะจับเธอมาซบกับผม แต่เธอยังคงร้องไห้ไม่หยุด มันทำให้ผมนึกถึงน้องสาวของผมในโลกของผมขึ้นมาทันที เพราะก็มีตอนนึงที่้เธอบาดเจ็บและร้องไห้ไม่หยุด ผมจึงปลอบเธอโดยการกอดเธอและให้เธอซบหน้ากับอกของจนกระทั่งเธอสามารถหยุดร้องได้ ภาพที่ผมมองเห็นตรงหน้านี้ไม่ได้ต่างอะไรกันเลย ดังนั้นแล้ว ผมจึงโอบกอดเธอเอาไว้ ซึ่งเธอลืมตาโตขึ้นด้วยความอึ้งทันที แต่เธอก็ไม่ได้ต่อต้านอะไร ผมสวมกอดเธออย่างนุ่มนวล ใบหน้าของเธออยู่บนหัวไหล่ของผม ทำให้ตอนนี้ผมมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย

    "ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่โกรธเธอหรอก" ผมบอกกับเธอด้วยนํ้าเสียงอ่อนโยน

    "นาย... นายไม่โกรธฉันจริง... จริงนะ" เธอถามผมด้วยนํ้าเสียงสะอื้นไห้เล็กน้อย

    "ไม่แน่นอน เพราะเราคือทีมเดียวกัน" ผมหลับตายิ้มตอบเธอ

    "โฮ......!"

    เธอร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก แต่ครั้งนี้เธอซบหน้าลงบนหัวไหล่ของผม ผมไม่สนใจนํ้าตาของเธอที่ไหลลงมา ผมยกกีบอีกข้างตบหลังของเธอเล็กน้อย ปล่อยให้เธอระบายความรู้สึกในใจและความเศร้าออกมาให้หมด ผมลืมความเหน็ดเหนื่อยและความบาดเจ็บที่เกิดขึ้นไปเสียจนหมดสิ้น ผมยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้รับรู้ความในใจและความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ

    แบบนี้ดีแล้วสินะ ผมคิดในใจ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของเธอที่ยังคงร้องออกมา

    แม้ว่าผมกับเธอจะอยู่ตามลำพังกันสองตัวท่ามกลางต้นไม้ที่รายล้อมรอบตัวผม แต่แปลกที่ผมไม่รับรู้ถึงอันตรายอะไรเลย มันราวกับว่า ตอนนี้ผมกับเธอ อยู่ในโลกส่วนตัวตามลำพัง โลกที่ผมช่วยปลอบโยนจิตใจของม้าสาวตรงนี้ และหวังว่าผมจะช่วยให้จิตใจของเธอดีขึ้น

     

    ----------------------------------------

     

    หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์เรียบร้อยแล้ว เธอทำท่าอยากจะคุยกับผมหลายอย่าง แต่ผมบอกให้กลับไปหาทุกตัวก่อนที่ทุกตัวจะเป็นห่วง คราวไรเดอร์นั้นปีกได้รับบาดเจ็บจากการโดนเทอร์นาโดเมื่อกี้ ผมเลยให้เธอขี่หลังผมเพื่อให้ผมบินเธอขึ้นไปยังพื้นที่ฝึกบนอเคเดมี่แทน แน่นอนว่าตอนแรกๆ เธอปฏิเสธ แต่หลังจากที่ผมเอ่ยเสียงเข้ม เธอก็ยินยอมทันที (ซึ่งเหมือนจะยอมง่ายกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซํ้า) และเป็นครั้งแรกทีเดียวที่มีม้ามาขี่้หลังผม แม้ผมจะไม่รู้ว่าม้าโพนี่คิดยังไงเรื่องที่มีคนมาขี่หลัง แต่สำหรับผมที่ไม่ได้คิดอะไรมาก อีกทั้งนํ้าหนักของเธอก็ใช่ว่าจะหนัก ทำให้ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรและพาเธอบินขึ้นทันที ถึงแม้ว่าความเร็วในการบินนั้นจะลดลงก็ตาม

    เมื่อผมพาคราวไรเดอร์บินขึ้นไปข้างบนสำเร็จแล้ว ที่นั่นผมก็พบกับเพื่อนๆ ของผมที่ยืนอยู่พร้อมหน้า ดูเหมือนทุกตัวจะปลอดภัยดีและไม่มีใครเป็นอะไร ผมมองเห็นพิงค์กี้กำลังกอดอยู่กับเรนโบว์แดช แต่เมื่อเรนโบว์แดชมองเห็นผม เธอรีบผละจากพิงค์กี้พายและมาหาผมทันที

    "ไม่เป็นไรใช่ไหม" เธอรีบถามผมอย่างรวดเร็ว โดยที่มีม้าตัวอื่นๆ เดินมามุงดูผมกับคราวไรเดอร์มากขึ้น

    "ไม่เป็นไรมากหรอก แผลถลอกนิดหน่อย แต่คราวไรเดอร์นี่สิ ปีกได้รับบาดเจ็บ" ผมบอกเธอ ซึ่งคราวไรเดอร์ก็ลงมาจากหลังของผมและยิ้มให้กับม้าทุกตัวทันที ซึ่งทุกๆ ตัวก็โล่งอกทันทีเมื่อเห็นว่าทั้งผมและเธอปลอดภัย

    "ว่าแต่ พวกเธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย" ผมหันไปถามทางทไวไลท์ที่เธอกำลังยิ้มให้ผม

    "จริงๆ พวกเรามาส่งพัสดุให้พวกเธอทั้งคู่นะ แต่ดันเจอเทอร์นาโดได้ซะนี่" แอปเปิ้ลแจ็คตอบ ซึ่งพิงค์กี้พายก็หยิบพัสดุมาโชว์ให้ผมกับเรนโบว์แดชเห็นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

    "นั่นแหละ เจ๋งสุดยอด!" ไลท์นิ่งดัชแทรกม้าตัวอื่นๆ มาพูดอย่างตื่นเต้น

    "เจ๋งเรอะ ? เพื่อนฉันเกือบที่จะตกลงไปกระแทกพื้นอยู่แล้วนะ" เรนโบว์แดชโต้ไลท์นิ่งดัช

    "แต่พวกเขาก็ไม่เป็นไรนิ ใช่มั้ย ? ดูซิ ตอนนี้มองไม่เห็นเมฆบนท้องฟ้าเลย ทีมเราทำได้ไวกว่าม้าตัวอื่นที่ต้องเสียเวลาทำทั้งวันเสียอีกนะ"

    คำพูดของไลท์นิ่งดัชนั้นเริ่มทำให้ม้าตัวอื่นๆ โดยเฉพาะที่ฝึกมาด้วยกันเริ่มมองด้วยความไม่พอใจ และแน่นอนว่ารวมไปถึงผมด้วย เพราะมันเหมือนกับว่าเธอไม่ได้แคร์ด้วยซํ้าว่าทั้งเพื่อนผมและคราวไรเดอร์จะเป็นอะไรรึเปล่า ไลท์นิ่งดัชร่อนบินกลางอากาศตรงหน้าเรนโบว์แดชก่อนที่จะยื่นกีบไปให้เธอ และนั่นทำให้เรนโบว์แดชมองด้วยความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ

    "ชนกีบกันเหรอ ? บ้ารึเปล่า ? แรกเลย เธอทำให้ปีกฉันบาดเจ็บ สอง เธอทำให้เพื่อนตัวอื่นๆ ปลิวกระเด็นไปกระแทกระเนระนาด และยังเกือบที่จะฆ่าเพื่อนฉันด้วย!!" เรนโบว์แดชเอ่ยด้วยนํ้าเสียงกริ้วมากขึ้นเรื่อยๆ จนไลท์นิ่งดัชทำหน้าไม่พอใจตอบมาแล้วเช่นกัน

    "แล้ว..." เธอถามกลับด้วยนํ้าเสียงที่เริ่มไม่เป็นมิตรนัก

    "ฉันรู้ว่าเธอต้องการทำให้ดีที่สุด แต่สิ่งที่เธอทำ มันเป็นเรื่องที่ผิด!" เรนโบว์แดชตอบ

    "วันเดอร์โบ้วไม่แคร์เรื่องนั้นหรอก อีกอย่าง สปีดไฟ้ท์ให้ฉันเป็นหัวหน้า และให้เธอเป็นวิงโพนี่ จำได้ไหม!" ไลท์นิ่งดัชเอ่ยนํ้าเสียงท้าทายเล็กน้อย ราวกับว่าตำแหน่งที่เธอได้รับนั้นเป็นสิ่งที่พวกเราไม่สามารถโต้แย้งได้เลย

    เรนโบว์แดชมองด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นัก แววตาของเธอเริ่มส่งสัญญาณที่เริ่มไม่เป็นมิตรขึ้นมาแล้ว

    "เธอพูดถูก สปีดไฟท์ทำแบบนั้น" เรนโบว์แดชเอ่ย ก่อนที่จะเดินไปทางอาคารของอเคเมี่โดยไม่สนใจสายตาของม้าตัวอื่นๆ ที่กำลังมองอยู่ทันที

    "เฮอะ ฉันไม่สนใจตัวที่อ่อนแอหรอกนะ ฉันสนใจม้าที่เก่งเท่านั้น" ไลท์นิ่งดัชเยาะเย้ยพวกผมก่อนที่จะบินขึ้นตีลังกากลางอากาศ ซึ่งนั่นทำให้ม้าแต่ละตัวเขม็งหน้ามองเธอทั้งน้ั้น

    "ฉันขอตัวไปดูเรนโบว์แดชก่อนนะ ทไวไลท์ เธอช่วยใช้เวทย์รักษาอาการบาดเจ็บให้เพื่อนฉันทีนะ" ผมบอกกับม้ายูนิคอร์นสาวก่อนที่จะหันหน้าไปทางคราวไรเดอร์ที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้าใกล้ๆ

    "ได้สิ ไม่มีปัญหา" เธอตอบ ก่อนที่จะเดินทางคราวไรเดอร์ก่อนที่จะก้มลงและใช้เขาของเธอร่ายเวทย์ปฐมพยาบาลให้กับคราวไรเดอร์

    เมื่อผมเห็นว่าคราวไรเดอร์ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว ผมกางปีกแล้วก็บินไล่ตามเรนโบว์แดชทันที โดยที่คราวไรเดอร์จ้องมองผมบินไปโดยที่ไม่ละสายตาเลย

    "ว้าว พ่อหนุ่มตัวนั้นช่วยเธอเอาไว้เหรอเนี่ย เหลือเชื่อแฮะ" แรร์ริตี้เดินไปคุยกับคราวไรเดอร์ทันทีเมื่อผมบินจากไปแล้ว

    "อะ อืม" คราวไรเดอร์พยักหน้าด้วยท่าทางเอียงอายเล็กน้อย

    "เธอโชคดีมากนะรู้มั้ย ตอนฉันบินไปช่วยเรนโบว์แดชนะ ฉันเห็นเขาบินไปช่วยเธอก่อนเลยด้วย" ม้าสาวจากโพนี่วิลด์เดินมาบอกด้วย "แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไลท์นิ่งดัชจะเป็นม้าแบบนี้นะ"

    "Yeahhh!" โบ้ด ไบเชปพยักนน้าและร้องตอบอย่างขึงขัง

    "แบบนี้หละแย่แน่ เพราะถ้าเราต้องทนฝึกกับยัยนั่นไปเรื่อยๆ คงปวดประสาททุกวัน" ม้าหนุ่มตัวสีขาวส่ายหัว

    แต่ดูเหมือนเสียงสนทนาพูดคุยของม้าตัวอื่นๆ นั้น คราวไรเดอร์จะไม่ได้สนใจฟังเลยแม้แต่น้อย เธอมัวแต่จ้องมองทางที่ผมบินจากไปอย่างเหม่อลอย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำบอกเล่าจากม้าสาวของโพนี่วิลด์

     

    ----------------------------------------

     

    ผมรีบไปทางออฟฟิคของสปีดไฟ้ท์ทันทีเพราะผมคิดว่าเรนโบว์แดชจะต้องไปที่นั่นแน่ และเมื่อผมไปถึงหน้าประตูออฟฟิคของสปีดไฟ้ท์แล้ว ผมก็เดาถูก เพราะผมได้ยินเสียงเรนโบว์แดชกับสปีดไฟ้ท์คุยกันข้างใน

    'เธอหมายความว่าไง เด็กใหม่' เสียงสปีดไฟท์ดังออกมาจากในห้อง

    'ฉันลาออก!' เสียงเรนโบว์แดชดังออกมา และนั่นทำให้ผมอ้าปากค้างทันที

    เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย!! ผมรีบคิดอย่างรวดเร็วก่อนที่จะยกกีบเพื่อผลักประตูเข้าไปในห้องเพื่อห้ามเรนโบว์แดช แต่เจ้าตัวนั้นเดินออกมาก่อนที่ผมจะผลักประตูพอดี บนเสื้อของเธอนั้นไม่มีเข็มกลัด วิงโพนี่ อีกแล้ว

    "เรนโบว์แดช นี่มันเรื่องอะไรกัน" ผมตั้งคำถามกับเธอ

    "ไม่ต้องห่วง นายอยู่ฝึกต่อได้เลย" เรนโบว์แดชตัดคำพูดของผมก่อนด้วยนํ้าเสียงเครียด ก่อนที่จะบินขึ้นทันที

    "เฮ้ เดี๋ยวสิ" ผมทักเธอ แต่เธอก็บินจากผมไปไกลแล้ว สปีดไฟ้ท์เดินออกมาหน้าห้องด้วยหน้าตาตื่น

    "เจ้าหนุ่ม นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมเรนโบว์แดชถึงขอลาออก" เธอทักผม

    "ยัยบ้าเอ้ย" ผมยกกีบตีหัวตัวเอง "คือ เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ..."

    ผมเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้สปีดไฟ้ท์ฟัง ซึ่งเจ้าตัวฟังอย่างวิเคราะห์พร้อมกับทำหน้าตึงเครียดเล็กน้อยทันที

    "ดูเหมือนการที่ฉันไม่ให้เรนโบว์แดชเป็นหัวหน้าทีมเพื่อกันปัญหาของคราวไรเดอร์จะเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์เลยสินะ" เธอเอ่ยออกมา

    "คราวไรเดอร์ยืนยันครับว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วครับ ผมว่าตัวปัญหาน่าจะอยู่ที่ไลท์นิ่งดัชมากกว่า" ผมเสนอความเห็น

    "นายรีบไปห้ามเรนโบว์แดชทีนะ ส่วนฉันจะไปเรียกตัวไลท์นิ่งดัชเสียหน่อย" เธอบอกกับผมพร้อมกับกางปีกออกทันที

    "ได้ครับ Ma-am!" ผมยกกับตัวเองตะเบะ ก่อนที่จะกางปีกและบินไปทางหอพักเช่นกัน เพราะผมเดาว่าเรนโบว์แดชจะต้องไปทางนั้น

    แต่ปรากฎว่าที่ห้องพักของเรนโบว์แดชนั้นว่างเปล่า ข้าวของของเธอนั้นหายหมดเกลี้ยงแล้ว ผมจึงรีบบินไปทางจุดที่เพื่อนผมอยู่เมื่อกี้ทันที เพราะถ้าเรนโบว์แดชจะเก็บของและกลับบ้าน ก็ต้องไปหาพวกเขา และผมก็เจอเรนโบว์แดชอยู่ตรงนั้นจริงๆ ดูเหมือนข้าวของของเธอจะอยู่ตรงนั้นเรียบร้อยแล้ว

    "นายไม่จำเป็นต้องกลับไปกับฉันก็ได้นะ นายอยู่ฝึกต่อได้เลย" เรนโบว์แดชทักผมด้วยนํ้าเสียงเครียดไม่ต่างอะไรจากเมือ่กี้เลย

    "ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้นแหละ" ผมรีบห้ามเธอ "เธอใจร้อนเกินไปแล้วเรนโบว์แดช"

    "ไม่หรอก ถ้าวันเดอร์โบ้วคิดว่าการที่ไลท์นิ่งดัชเป็นหัวหน้าทีมและทำแบบนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องนะ" ม้าสาวสายรุ้งคอตก ดูเหมือนอีกฝ่ายจะผิดหวังและเสียดายอย่างมากเลยทีเดียว

    "แต่ความฝันของเธอคือการได้เป็นวันเดอร์โบ้วไม่ใช่เหรอ" แรร์ริตี้เอ่ยถาม แต่เจ้าตัวส่ายหัว

    "ไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว" เรนโบว์แดชหลับตาแน่น ผมเดาได้เลยว่าเธอคงเศร้ามากแน่ๆ

    "ฉันเสียใจด้วยนะเรนโบว์แดช" ทไวไลท์ปลอบ ก่อนที่ม้าทั้งห้าจะช่วยเข้ามาปลอบเจ้าตัวด้วย ผมมองกลับไปข้างหลังเพื่อดูว่าสปีดไฟ้ท์จะมาห้ามทันรึเปล่า

    "เรนโบว์แดช! เธอกล้าดียังไงที่ออกจากออฟฟิคฉันโดยที่ไม่รอฉันตอบก่อน!"

    เสียงของสปีดไฟท์ดังขึ้น ซึ่งเธอได้เข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีกสองตัวและมีไลท์นิ่งดัชอยู่ข้างหลังด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

    "เธอพูดถูกเรนโบว์แดช วันเดอร์โบ้วต้องการม้าที่ดีที่สุดเข้าทีม แต่ม้าตัวนั้นจะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วย และเธอก็ได้พิสูจน์แล้ว" สปีดไฟ้ท์ถอดแว่นตาดำออก ก่อนที่จะหันไปทางไลท์นิ่งดัช และฉกตราสัญลักษณ์หัวหน้าทีมออกมาจากชุดของเธอ ก่อนที่จะไล่ให้เธอออกไป อีกฝ่ายนั้นบินจากไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย

    "ตอนนี้เธอไม่ใช่วิงโพนี่อีกต่อไปแล้วเรนโบว์แดช เธอคือหัวหน้าทีม!" สปีดไฟท์ติดเข็มกลัดหัวหน้าทีมบนอกของเรนโบว์แดชทันที

    "คุณพระช่วย! คุณพระช่วย! คุณพระช่วย! คุณพระช่วย!" เจ้าตัวยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับกระพือปีกอย่างตื่นเต้น

    "และพ่อหนุ่ม นายเองก็เลื่้อนตำแหน่งเหมือนกัน" สปีดไฟ้ท์เดินมาติดเข็มกลัดให้ผมบนเสื้อเช่นกัน และเมื่อผมก้มหน้าลงไปมอง มันก็คือเข็มกลัด วิงโพนี่ ที่เรนโบว์แดชติดก่อนหน้านี้

    "วิงโพนี่เหรอ" ผมถามด้วยนํ้าเสียงตื่นเต้นเองไม่แพ้เรนโบว์แดชที่เจ้าตัวยังคงกระพือปีกอย่างตื่นเต้นอยู่ "แต่... ทำไม..."

    "ไม่ใช่แค่เรนโบว์แดชตัวเดียวหรอกนะที่พิสูจน์นะ นายเองก็ด้วย" สปีดไฟท์ยิ้มตอบ "ฉันเฝ้าจับตาดูนายมาโดยตลอด และเห็นได้เลยว่าต่อให้คู่หูของนายมีปัญหาแค่ไหน แต่นายก็ยังสามารถรับมือและอยู่ร่วมกับเธอได้ แถมยังไปช่วยเหลือเธอมาได้อีกด้วย ม้าแบบนี้แหละที่วันเดอร์โบ้วต้องการ"

    ผมมองไปทางข้างหลังสปีดไฟท์ ซึ่งคราวไรเดอร์ก็อยู่ตรงนั้น เธอยิ้มกว้างให้ผม และนั่นเป็นครั้งแรกทีเดียวที่ผมรู้สึกว่า เธอน่ารักมากเหลือเกิน เพื่อนๆ ผมที่ยืนมองพวกเราทั้งคู่อยู่นั้นต่างยิ้มกว้างออกมาด้วยความปิติยินดีที่เรื่องจบลงด้วยดี

    "เอาหละ ทั้งสองตัว บินขึ้นไปแล้วเก็บแต้มมาให้ได้ 20 แต้มเดี๋ยวนี้!" สปีดไฟ้ท์ออกคำสั่งทันที

    "Yes Ma-am!" ทั้งผมและเรนโบว์แดชต่างตะเบะและรีบบินขึ้นไปบนฟ้าเพื่อรวมกลุ่มกับม้าตัวอื่นๆ ที่กำลังบินรออยู่กลางอากาศทันที เพื่อนร่วมคราสเดียวกันทั้งหมด ต่างตะเบะเพื่อทำความเคารพทั้งผมและเรนโบว์แดช และเมื่อผมมองไปรอบๆ ก็เห็นคราวไรเดอร์ตะเบะให้ผมเช่นกัน

    "เธอ..." ผมยกกีบลงแล้วทักเธออย่างแปลกใจที่เธอทำความเคารพผม แถมเธอยังยิ้มให้ผมไม่หุบเลย

    "นายเองก็พิสูจน์ให้ฉันเห็นเหมือนกัน ว่าการไม่สนใจเพื่อนร่วมทีมมันก็ไม่ใช่คุณสมบัติที่จะเป็นวันเดอร์โบ้ว" เธอตอบผมด้วยนํ้าเสียงสดใสอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน "ขอบใจนายมากนะ"

    หน้าผมร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อยทันที ผมรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่มีผู้หญิงมาเอ่ยชมผมแบบนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นโพนี่ก็ตาม และเมื่อผมมองไปรอบๆ ม้าทุกตัวเองต่างก็ยิ้มกว้างให้ผมเช่นกัน ก่อนที่เรนโบว์แดชจะบินนำขบวนพวกผมไปยังจุดฝึกซ้อมตามแผนที่วางเอาไว้ต่อทันที

    บางที การที่เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งของวันเดอร์โบ้ว ก็คงไม่เลวนักหรอกนะ ผมยิ้มกว้างเมื่อคิดออกมา เพราะแน่นอนว่าผมเองก็ไม่เคยรู้สึกปิติยินดีเท่ากับตอนนี้มาก่อนเลยเหมือนกัน

    "เดี๋ยว!! พวกเธอลืมพัสดุจากพวกเราน้าาาาา!" เสียงพิงค์กี้พายดังออกมาจากข้างล่าง

    เออ ลืมเรื่องนั้นไปเลยแฮะ ผมคิด

     

    ...

    ..

    .

    .

     

    To Be Contined

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×