ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adventure in Equestria (My Little Pony Fan-Fic)

    ลำดับตอนที่ #11 : Episode11 : Wonderbolts Academy (Part 1)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 57




    หลังจากวันนั้นตอนนี้ก็ผ่านมาแล้วหนึ่งอาทิตย์ ผมเริ่มบินคล่องมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะยังไม่สามารถทำความเร็วได้เมื่อเทียบกับเรนโบว์แดช แน่นอนว่าเจ้าตัวก็ยังคงไม่พอใจเท่าไหร่ที่ผมยังบินไม่แข็งเท่าที่ควร แต่โดยรวมเธอก็ถือว่าโอเคที่ตอนนี้ผมสามารถบินได้แทบจะตลอดเวลาแล้ว เพียงแต่ว่าผมจะไม่ได้บินติดต่อกันนานๆ และต้องลงมาพักปีกบ้างนั่นเอง เรนโบว์แดชยํ้าผมแล้วยํ้าอีกว่าผมจะต้องบินได้ดีขึ้นเมื่อผมไปร่วมฝึกที่วันเดอร์โบ้ว อเคเดมี่กับเธอ แม้ว่าผมจะยืนยันกับเธอแล้วว่าผมไม่ได้อยากที่จะเป็นวันเดอร์โบ้ว แต่ดูเหมือนเธอจะส่งจดหมายเรื่องของผมไปที่นั่นเรียบร้อยแล้วโดยที่ไม่ถงไม่ถามสุขภาพผมซักคำ

    และในวันต่อมา เรนโบว์แดชบอกให้ผมเก็บข้าวของให้พร้อมเผื่อว่าผมกับเธอจะได้รับการตอบรับให้ไปเข้าร่วมฝึกที่วันเดอร์โบ้วอเคเดมี่หนึ่งอาทิตย์ แน่นอนว่าด้วยการที่ผมไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ก็เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก ผมเตรียมไปอย่างมากก็แค่สมุดจดและของใช้ส่วนตัวบางอย่างเช่นจาน แก้วนํ้า เท่านั้น และเมื่อผมบินไปถึงบ้านของเรนโบว์แดชตามที่เธอนัดผมเอาไว้ ที่นั่นผมก็พบว่าเพื่อนๆ ของผมก็มาปูเสื่ออยู่ใต้บ้านของเรนโบว์แดชที่ลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกับกินอาหารว่าง ราวกับว่าทุกตัวได้มาให้กำลังใจเรนโบว์เดชกันทุกคน

    "ไง มาตรงเวลาดีนิ" เรนโบว์แดชทักผมขณะที่เธอนอนเอ้งเม้งอยู่บนเสื่อ

    "เพราะบินมาก็เลยเดินทางได้เร็วขึ้นนะ" ผมบอกพลางร่อนลงพื้นและหุบปีกลงข้างลำตัว ก่อนที่จะถอดกระเป๋าและวางลงบนพื้นหญ้าข้างๆ เสื่อ แอปเปิ้ลแจ็คเอานํ้าแอปเปิ้ลมาให้ผมดื่ม ผมยื่นกีบเท้าไปสอดตรงหูแก้วแล้วยกขึ้นดื่มทันที มันดับกระหายผมได้ดีมาก

    "จะทำยังไงดีๆ เรนโบว์แดชจะได้เข้าไหมเนี่ย" พิงค์กี้พายทำท่ากังวลพร้อมกับเดินไปรอบๆ

    "ดูเหมือนเธอจะกังวลมากกว่าเรนโบว์แดชอีกนะ พิงค์กี้พาย" แอปเปิ้ลแจ็คแซวเธอ

    "ก็ต้องกังวลซิ! เรนโบว์แดชเป็นเพกาซัสที่เก่งที่สุดในโพนี่วิลด์นะ!!" พิงค์กี้พายพูดเสียงดังลั่น ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นมากอย่างที่แอปเปิ้ลแจ็คว่าไว้จริงๆ

    "ในโพนี่วิลด์เหรอ!" เรนโบว์แดชพูดขึ้นพร้อมกับทะยานขึ้นไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว และหมุนรอบๆ เมฆก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง และดัดแปลงให้มันเป็นสไลเดอร์ให้เธอไหลลงมา "ฉันบินเก่งที่สุดในอีเควสเทรียต่างหาก และฉันมั่นใจว่าฉันต้องได้เข้าแน่นอน"

    "ถ้าเธอได้เข้าก็ไม่แปลกใจหรอก" ผมบอกอย่างเห็นด้วย

    "อะไรกัน นายก็ต้องไปกับฉันด้วย!" เรนโบว์แดชบินมาหาผมใกล้ๆ "โอกาสพิเศษแบบนี้มันไม่มีกันง่ายๆ นะ"

    "ฉันรู้ๆ" ผมถอนหายใจพร้อมยิ้มออกมา เพราะเอาตรงๆ ถึงผมจะบอกว่าไม่ได้อยากเป็นวันเดอร์โบ้วเป็นรอบที่ร้อย เธอก็คงไม่สนใจผมอยู่ดี

    "ไปรษณีย์ถึงเรนโบว์แดชครับ"

    เสียงของโพนี่บุรุษไปรษณีย์ดังขึ้น เรนโบว์แดชพุ่งตัวไปรับไปรษณีย์บัตรอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะใช้ปากกัดเพื่อฉีกซองออกมาอ่านอย่างทันที เธอกวาดสายตาอย่างรวดเร็วเพื่ออ่านข้อความในจดหมาย แต่เธอก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าเป็นหน้าเคร่งเครียดทันที

    "ฉันไม่ได้เข้า..." เธอบอกออกมา ซึ่งนั่นทำให้ม้าทุกตัวถึงกับส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ โดยเฉพาะพิงค์กี้พาย

    "เรนโบว์ คือ..." ผมกำลังบอกเธอว่าเสียใจด้วย แต่เธอกลับพลิกกระดาษในจดหมายมาให้ดู ซึ่งมีเครื่องหมายติ๊กถูกว่าอนุมัติอยู่

    "Gotcha ฮ่าๆ" เธอหัวเราะออกมาเมื่อรู้ว่าเธอเนียนหลอกพวกผมได้ แต่ทันใดนั้น พิงค์กี้พายพุ่งตัวเข้าไปกอดเรนโบว์แดชทันที

    "ดีใจด้วยนะ เรนโบว์แดช" เธอยิ้มกว้างออกมา แต่เธอกลับกอดรัดเรนโบว์แดชมากขึ้นเรื่อยๆ เสียจนเหมือนเจ้าตัวจะหายใจไม่ออก

    "ขอบใจพิงค์กี้ แต่เอ่อ ฉันจะต้องรีบไปนะ" เรนโบว์แดชบอก และเธอก็ถูกพิงค์กี้พายกอดรัดแน่นมากกว่าเดิมเสียอีก

    จะแบนไหมนั่น ผมคิด และเมื่อพิงค์กี้พายปล่อยเจ้าตัวในที่สุด เธอก็พุ่งตัวสวมใส่กระเป๋าสัมภาระของเธอที่แรร์ริตี้หยิบขึ้นมาเตรียมไว้ให้อย่างรวดเร็วพร้อมกับบินกลางอากาศมาทางผม

    "เร็วเข้า นายก็ด้วย เขาอนุมัตินายแล้ว" เธอบอกผม

    "อืมๆ" ผมพยักหน้า ก่อนที่จะเดินไปใส่กระเป๋าของผมบ้าง ทไวไลท์ใช้เวทมนต์ของเธอในการสวมกระเป๋ากับตัวผมอย่างรวดเร็ว และเมื่อผมพร้อม ผมก็บินไปข้างๆ เรนโบว์แดชทันที

    "งั้น เจอกันอาทิตย์หน้านะ" เรนโบว์แดชบอก ก่อนที่จะบินนำทางผมไป ผมโบกกีบเท้าลาเพื่อนผมที่มาส่ง ก่อนที่จะหันหลังและขยับปีกขึ้นลงเพื่อบินตามเรนโบว์แดชไปทันที

    "อย่าลืมเขียนจดหมายด้วยน้าาาาาาา!!!" เสียงพิงค์กี้พายตะโกนตามหลังออกมาจนผมเกือบร่วงเพราะตกใจ แต่เมื่อผมพยุงปีกจนบินได้ต่อ ผมเอากีบเท้าหน้าเขี่ยหูตัวเองทันทีเพราะหูข้างหนึ่งผมตึงทันที และดูเหมือนเรนโบว์แดชจะมีอาการแบบเดียวกับผมด้วย

    "สมกับเป็นพิงค์กี้พายจริงๆ" ผมพึมพำพลางบินไปข้างๆ เรนโบว์แดช ผมยื่นกีบเท้าไปข้างหน้าทั้งสองข้างเหมือนซุปเปอร์แมนเพื่อบินให้ง่ายขึ้น

    "ก็นะ" เรนโบว์แดชบอกและพาผมบินให้สูงขึ้นเพื่อบินผ่านภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า

    "ว่าแต่ นายไปฝึกแบบนี้แล้วใครรับหน้าที่เคลียรเมฆในเมืองเหรอ" ผมถาม

    "มีเพกาซัสหลายตัวช่วยกันทำนะ แต่เวรของฉัน ฉันให้เดอร์บี้ทำหน้าที่แทนนะ ถึงเธอจะไม่ค่อยเต็มในบางเรื่องก็เถอะนะ" เรนโบว์แดชบอกพร้อมกับกรอกตาไปมา

    "เดอร์บี้นี่ใครเหรอ" ผมถาม

    "ก็ เพกาซัสตัวสีเทาๆ ที่ตาไม่เหมือนม้าตัวอื่นนะ เดี๋ยวว่างๆ จะพาไปรู้จักละกัน แต่ตอนนี้เรารีบไปก่อนที่จะสายเถอะ" เรนโบว์แดชบอกพลางพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

    "เฮ้! รอด้วยเซ่!" ผมรีบกระพือปีกให้เร็วขึ้นเพื่อไล่ตามเธอให้ทัน

     

    ---------------------------------------

     

    หลังจากบินมาไม่นานนัก ในที่สุดก็ถึงที่หมาย มันเป็นพื้นที่ที่อยู่บนภูเขาลูกหนึ่งที่มีความสูงมาก ลักษณะเหมือนคล้ายๆ กับค่ายทหารอากาศผสมกับเรือรบขนาดใหญ่ที่สามารถบรรจุเครื่องบินได้เพราะมีถนนที่ทำเป็นรันเวย์วิ่งอยู่ด้วย เพียงแต่ว่าไม่มีเครื่องบิน แต่มีเพกาซัสบินอยู่แทน ซึ่งเพกาซัสหลายตัวที่กำลังฝึกฝนอยู่โดยที่มีเพกาซัสที่สวมใส่ชุดครูฝึกกำลังฝึกซ้อม เหล่าม้าที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่มีเพกาซัสทั้งนั้น มีเจ้าหน้าที่บางตัวที่เป็นม้าทำงานอยู่บ้าง ผมมองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ เพราะมันให้อารมณ์เหมือนค่ายทหารอย่างไรอย่างนั้น และที่นี่ก็มีอุปกรณ์และจุดในการช่วยฝึกบินหลายจุดมากๆ ระหว่างที่บินผ่านพวกเขาเพื่อไปยังจุดรายงานตัวตามที่เรนโบว์แดชบอกนั้น มันทำให้ผมนึกถึงช่วงสมัยที่ผมเรียนทันที

    ผมไม่เคยมีประสบการณ์การฝึก รด. และก็ไม่ต้องผ่านการเกณฑ์ทหารด้วยเนื่องจากปัญหาสุขภาพ แต่ผมก็เคยฝึกลูกเสือมาก่อนและเป็นการฝึกกับทหาร ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศการฝึกฝนแบบนั้นขึ้นมาในหัวทันทีว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่เนื่องจากในร่างมนุษย์นั้นผมก็ไม่ได้แข็งแรงอะไรเท่าไหร่ แต่พอมาเป็นร่างโพนี่ ปัญหาสุขภาพต่างๆ ที่เคยประสบมาผมไม่รู้สึกว่ามันจะตามมาในร่างโพนี่เลยด้วยซํ้า และนั่นทำให้ผมแอบตื่นเต้นในใจเหมือนเด็กๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้แสดงศักยภาพความสามารถของร่างกายที่พร้อมในครั้งนี้ด้วย

    เรนโบว์แดชพาผมร่อนไปตรงจุดนัดพบ ที่ซึ่งมีเพกาซัสตัวอื่นๆ มายืนคอยกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ผมจะไม่รู้จักเพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ยกเว้นโพนี่อยู่สองตัวที่เคยเห็นในโพนี่วิลด์บ้างแต่ไม่รู้จักชื่อ หนึ่งในนั้นก็คือโพนี่หนุ่มตัวสีขาวและมีกล้ามบึกบึนมากราวกับไปเล่นเพาะกายที่ไหนมา แต่กลับมีปีกกระจิ๊วหลิวจนผมแอบคิดสงสัยว่า พี่แกบินได้ยังไงในเมื่อขนาดหุ่นกับขนาดปีกต่างกันคนละไซด์เลย แน่นอนว่าทั้งสองตัวผมยังไม่เคยคุยกัน แต่จากเหตุการณ์ทริซซี่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน พวกเขาทั้งคู่จึงรู้จักผมแล้ว เพกาซัสสาวลำตัวสีม่วงอ่อนและมีแผงคอสีขาวผสมฟ้าได้โบกอุ้งเท้าทักทายผม ผมจึงโบกอุ้งเท้าทักทายเธอกลับด้วย

    "ว้าว ฉันไม่ยักรู้เลยแฮะว่านายจะมาเข้าร่วมวันเดอร์โบ้วด้วย" เธอคุยกับผมเมื่อผมบินร่อนไปข้างๆ เธอเพื่อยืนต่อแถวแล้ว

    "อันที่จริง เรนโบว์แดชอยากให้ฉันฝึกการบินจากที่นี่นะ" ผมตอบเธอหลังจากที่ถอดกระเป๋าสัมภาระวางไว้ข้างลำตัวแล้ว "ฉันไม่ได้คิดที่อยากเป็นวันเดอร์โบ้วอะไรนั่นหรอกบอกตรงๆ"

    ผมกระซิบบอกเธอเพื่อไม่ให้เรนโบว์แดชได้ยิน เจ้าตัวหัวเราะคิกคักทันที

    "งั้นก็สู้ๆ นะ ส่วนฉันเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน วันเดอร์โบ้วคือไอดอลของฉันตั้งแต่เด็กๆ เลยหละ" เธอบอกกับผม

    "อืม" ผมพยักหน้าตอบตามมรรยาท แต่ยอมรับเลยว่าผมยังไม่รู้เลยว่าวันเดอร์โบ้วเป็นอย่างไรเท่าไหร่บ้าง รู้แต่ว่าพวกเขาเป็นอาสาสมัครในการช่วยเหลือเรื่องต่างๆ ในโลกของอีเควสเทรียตามที่เรนโบว์แดชบอก และเป็นฝูงบินที่เก่งที่สุดอีกด้วย

    เรนโบว์แดชเองก็พึ่งถอดกระเป๋าสัมภาระวางข้างๆ และมองไปรอบๆ อย่างตื่นเต้น และผมก็มองเห็นเพกาซัสอีกสองตัวที่บินตามมาสมทบและยืนต่อแถวเรนโบว์แดชข้างๆ ตัวหนึ่งมีลำตัวสีเขียวแก่อ่อนและแผงคอสีเหลืองสลับส้ม ส่วนอีกตัวนั้นก็มีลำตัวสีเขียวเหมือนกัน แต่สีจะอ่อนกว่า และมีแผงคอสีเขียวสลับกับขาว มองผ่านๆ เหมือนทั้งคู่จะเป็นพี่น้องกัน แต่เมื่อผมมองเห็นว่าม้าตัวหลังสุดเอาแต่มองไปรอบๆ โดยไม่ได้สนใจตัวที่มาด้วยกันเลย ผมก็เดาว่าทั้งคู่อาจไม่ใช่พี่น้องกันก็ได้

    "เอาหละน้องใหม่ทั้งหลาย ฟังทางนี้!"

    เสียงหนึ่งดังขึ้นและทำให้ม้าทุกตัวหยุดคุยและมองไปข้างหน้าทันที ผมมองดูว่าใครเป็นคนพูด

    อีกฝ่ายนั้นมีลำตัวสีเหลืองพร้อมกับแผงคอสีแดงสลับส้มที่ให้อารมณ์เหมือนเปลวเพลิงลุกโซน แต่เธอนั้นสวมเครื่องแบบครูฝึกที่เป็นสีนํ้าเงินและให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนยศนายพลพร้อมกับแว่นตาดำที่สวมเอาไว้ เธอมาพร้อมกับม้าหนุ่มอีกตัวที่ทำหน้าที่เหมือนผู้ช่วยของเธอ เธอเดินเข้ามาใกล้ๆ พวกผมทีละตัวๆ

    "ขอต้อนรับน้องใหม่ทุกตัว คิดว่าพวกเธอคงรู้จักฉันดีแล้ว แต่ฉันคงต้องแนะนำตัวก่อน ฉันคือสปิตไฟ้ท์ หัวหน้ากลุ่มของวันเดอร์โบ้ว และฉันจะทำหน้าที่ในการฝึกฝนพวกเธอด้วยตัวฉันเอง เตรียมใจได้เลย และทุกครั้งที่เธอตอบรับ พวกเธอจะต้องพูดว่า Yes ma'am เข้าใจไหม!" หัวหน้าของวันเดอร์โบ้วเอ่ยด้วยนํ้าเสียงขึงขังให้ความรู้สึกเหมือนทหารหญิง

    "Yes! Ma-am!" ม้าทุกตัวรวมทั้งผมขานรับ

    นี่นะเหรอวันเดอร์โบ้ว ผมคิด เพราะให้อารมณ์ไม่ต่างอะไรจากทหารเลย

    "แต่ฉันก็หวังว่าพวกเธอคงจะมีอะไรที่มันพิเศษๆ บ้าง ใช่ไหม!!" เธอยิงคำถามใส่โพนี่สาวจากโพนี่วิลด์ที่คุยกับผมเมื่อกี้จนเธอขาสั่นทันที

    "มะ ไม่ Ma-am" เธอตอบเสียงอ่อย ซึ่งทำให้สปิดไฟท์มองเธออย่างพิจารณา ก่อนที่จะหันไปมองดูโพนี่ร่างยักษ์กล้ามบึกบึน แต่กลับมีปีกกระจิ๋วหลิว

    "ดูเหมือนนายจะต้องพยายามหน่อยนะ" เธอเอ่ยเสียงเข้ม ก่อนที่จะหันมามองทางผมซึ่งยืนข้างๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า และนั่นทำให้ใจของผมเต้นโครมครามทันที ราวกับผมกำลังถูกเธอสแกนร่างกายอย่างละเอียดยิบอยู่

    "อืม.." เธอยักคิ้ว ก่อนที่จะเดินไปทางเรนโบว์แดช ผมถอนหายใจในใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเธอไม่ถามอะไรผม เพราะท่าทางของเธอทำให้ผมรู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว

    "และฉันก็หวังว่าเธอคงจะไม่หนีออกไปกลางคันหรอกนะ" เธอถามเรนโบว์แดช ซึ่งเจ้าตัวยิ้มตอบด้วยความมั่นใจทันที

    "ไม่มีทางแน่นอน Ma-am!" ม้าสาวสายรุ้งยิ้ม ซึ่งนั่นทำให้สปิดไฟท์ยิ้มตอบทันที และเป็นม้าตัวแรกที่เธอยิ้มให้กับพวกเราทุกตัวด้วย ราวกับว่าทั้งสองตัวเคยพบกันมาก่อน

    "และฉันก็หวังว่าเธอคงจะปลดลิมิตตัวเองให้มากกว่านี้ได้นะ" เธอเดินไปทางเพกาซัสลำตัวสีเขียวที่ยืนข้างๆ เรนโบว์แดช

    "ลองดูซิ Ma-am" เธอตอบเสียงห้วนเล็กน้อย ซึ่งนั่นทำให้ผมทั้งผมและเรนโบว์แดชเหลือบตาไปมองด้วยความสงสัย

    "อะไรนะ" สปิดไฟ้ท์ลดแว่นตาดำลงเพื่อสบตามองเจ้าของคำตอบนั้น

    "ฉันพร้อมที่จะผ่านการทดสอบทุกอย่างให้ได้ค่ะ Ma-am" เธอตอบด้วยนํ้าเสียงท้าทายเล็กน้อย

    "งั้นเดี๋ยวมาลองดูกัน เริ่มเลย ฉันต้องการให้พวกเธอบินวนรอบที่นี่เพื่อเป็นการวอร์มอัพ ทั้งหมด 500 รอบ!!"

    "หาาาา!" ม้าแทบทุกตัวยกเว้นเรนโบว์แดชกับตัวสีเหลืองที่ยืนข้างๆ ยิ้มกว้างออกมาทันที แน่นอนว่าผมเองยังเผลออุทานออกมาเลย

    "ฉันบอก... เดี๋ยวนี้!!" สปิดไฟ้ท์ออกคำสั่งพร้อมกับเป่านกหวีดทันที และนั่นทำให้ผมต้องรีบกางปีกแล้วบินตามม้าตัวอื่นๆ ไปทันที

    ดูเหมือนว่าเรนโบว์แดชกับม้าสีเขียวตัวข้างๆ จะบินได้เร็วกว่าชาวบ้าน เพราะเมื่อผมบินวนครบหนึ่งรอบ พวกเธอก็สามารถทำเวลาไปได้ถึงสิบรอบแล้ว! และเมื่อผมหันไปมองข้างหลัง ผมก็พบว่าไม่ได้มีแต่ผมตัวเดียวที่บินช้า เพราะก็มีม้าตัวอื่นๆ บินช้าเหมือนกัน โดยเฉพาะม้าร่างยักษ์ตัวสีขาวที่เหมือนปีกเจ้าตัวจะเป็นอุปสรรคในการบินเหลือเกิน แม้ว่าผมจะบินจนชำนาญแล้วก็ตาม แต่การที่บินติดต่อเป็นวงกลมเรื่อยๆ ก็ทำให้ผมแอบรู้สึกมึนเล็กน้อยเหมือนกัน

    ให้อารมณ์เหมือนขับเครื่องบินในเกมเลยวุ้ย ผมคิด เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผมขับเครื่องบินรบในเกม ผมจะบินไม่เก่งและต้องหมุนวนรอบเป็นวงกลมเพื่อมองหาเป้าหมายทุกครั้ง ซึ่งในการบินครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างเท่าไหร่นัก ต่างกันที่ว่าครั้งนี้มันต้องใช้แรงปีกของตนเองเท่านั้น

    "เฮ้! หลีกหน่อยซิย่ะ!"

    เสียงม้าสาวตัวหนึ่งทักผมข้างหลัง เมื่อผมหันไปมอง ก็ต้องพบกับเพกาซัสสาวลำตัวสีเขียวอ่อน ตัวสุดท้ายที่มาต่อคิวกำลังพยายามบินแซงผม แต่ผมขวางเธออยู่เธอเลยบินแซงผมไม่ได้

    "หูหนวกรึไง! ฉันบอกให้หลีกหน่อย" เธอเอ่ยเสียงห้วนใส่ผม

    "ก็ได้ๆ" ผมเอียงตัวหลบไปข้างๆ เจ้าตัวรีบบินพุ่งผ่านผมไปอย่างรวดเร็วทันที ผมมองเธออย่างไม่พอใจนักที่เธอแอบด่าผมเมื่อกี้

    "รอบที่ 500! พวกเธอนี่ทำสถิติใหม่ของอเคเดมี่เลยนะ" เสียงสปิดไฟ้ท์ดังขึ้นข้างล่าง เมื่อผมก้มลงไปมอง ก็พบว่าเรนโบว์แดชกับม้าตัวสีเขียวเมื่อกี้หยุดบินและยืนบนพื้นรันเวย์แล้ว

    เฮ้ย! ครบแล้วเรอะ ผมคิดในใจ เพราะผมยังบินอยู่รอบที่ร้อยกว่าๆ เอง

    "อย่ามาขวางจะได้ไหม!!"

    เสียงของม้าสาวตัวเมื่อกี้ดังขึ้นข้างหลังผมจนผมสะดุ้ง และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่าเธอพุ่งตัวมาจนแทบจะชนผมแล้ว!

    "เหวออออ!!" ผมร้องออกมาดังลั่นแล้วรีบหมุนตัวหลบออกมาเหมือนเครื่องบินรบที่หลบกระสุนมิซไซด์โดยไม่ได้ตั้งใจว่าจะหลบท่านี้ เจ้าตัวพุ่งผ่านผมไป แต่เธอก็เสียหลักเพราะตกใจกับเสียงตะโกนของผม และทำให้เธอความเร็วตกลงทันที ผมซึ่งเพดานบินตกลงไปเล็กน้อยได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ ซึ่งมองผมด้วยแววตาไม่พอใจนัก

    "ช้าซะชนาดนี้จะมาเข้าทำไมไม่ทราบ" เธอบอกกับผมด้วยนํ้าเสียงเย็นชา

    "ว่าไงนะ" ผมซึ่งหยุดบินไปข้างหน้าและถามเธอด้วยความไม่พอใจนัก

    "เชอะ!" เธอไม่ตอบผมก่อนที่จะบินต่อไป

    อะไรฟะ ทางโล่งทางอื่นก็มี ทำไมต้องมาบินตามฉันด้วย ผมคิดด้วยความไม่พอใจก่อนที่จะออกตัวบินต่อ

     

    (สิบห้านาทีต่อมา)

    ผมอ้าปากหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนเพราะในที่สุดผมก็สามารถบินครบห้าร้อยรอบได้ แม้ว่าขนาดระยะทางในการบินจะไม่ได้ไกลมากและมีระยะทางราวๆ รอบละ 10 เมตรเท่านั้น แต่การบินร่วม 500 รอบมันก็เหมือนผมวิ่งมาราธอนระยะไกลดีๆ นี่เอง ผมหุบปีกลงที่ซุ่มไปด้วยเหงื่อทันทีพร้อมกับยกอุ้งเท้าปากเหงื่อที่หน้าผากออก ผู้ช่วยของสปีดไฟ้ท์มองผมพร้อมกับจดตัวเลขเวลาที่ผมทำ ผมมองไปรอบๆ ซึ่งก็เห็นว่ายังเหลือโพนี่อีกสามตัวที่ยังบินไม่ครบรอบ ส่วนม้าสาวตัวสีเขียวเมื่อกี้นั้นบินครบรอบเสร็จก่อนผมราวๆ 3 - 4 นาทีก่อน เธอมองผมทางหางตาก่อนที่จะเชิดหน้าไปทางอื่น และนั่นทำให้ผมเขม็งมองเธอด้วยความไม่ชอบใจหนักกว่าเดิม

    "ครบแล้วสินะ" สปีดไฟ้ท์เอ่ยเมื่อม้าตัวสุดท้ายบินครบห้าร้อยรอบแล้ว "เอาหละน้องใหม่ทุกตัว เอาข้าวของสัมภาระไปยังห้องพักได้ จะมีเครื่องแบบของอเคเดมี่เตรียมพร้อมอยู่ที่นั่น ทุกตัวพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย แล้วช่วงบ่ายมาเจอกันในการฝึกครั้งแรก"

    "Yes! Ma-am" ม้าทุกตัวขานรับ ซึ่งส่วนใหญ่นํ้าเสียงเหนื่อยอ่อนกันทุกตัว ยกเว้นเรนโบว์แดชกับม้าตัวสีเขียวที่ยืนข้างๆ เธอนํ้าเสียงยังแข็งขันอยู่

    "ส่วนนาย ตามฉันมาที่ออฟฟิคหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุย" สปีดไฟ้ท์บอกกับผมก่อนที่จะหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่รอผม

    "ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันจะเอาสัมภาระของนายไปเก็บให้ แล้วเจอกันตอนบ่าย" เรนโบว์แดชบอกขณะที่เธอบินอยู่ข้างบนหัวผม ซึ่งเธอแบกกระเป๋าเป้ของผมเอาไว้เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะบินจากไปทางห้องพักอย่างรวดเร็ว ผมยิ้มให้กับเธอด้วยความรู้สึกซาบซึ้งที่เธออาสาช่วยผม

    แต่เมื่อผมกำลังจะเดินตามสปีดไฟ้ท์ไป ผมมองเห็นม้าสาวตัวที่มีเรื่องกับผม เธอจ้องมองผมด้วยความไม่ไว้ใจ เพราะเหมือนเธอก็ได้ยินที่สปีดไฟ้ท์เรียกตัวผม และแน่นอนว่าเมื่อผมมองเธอ อีกฝ่ายหันหน้าหนีผมทันที ผมกระตุกหนังตาเล็กน้อยก่อนที่จะไม่มองเธอแล้วเดินตามสปีดไฟ้ท์ไป

    ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องของเรา ผมคิด

     

    ---------------------------------------------------

     

    ออฟฟิคของสปีดไฟ้ท์นั้นให้อารมณ์เหมือนห้องทำงานของผู้บังคับการ มีตู้เอกสารอยู่ข้างหลังโต๊ะพร้อมโปสเตอร์ของวันเดอร์โบ้ว แบบเดียวกันกับที่ผมเห็นในบ้านของเรนโบว์แดชแว้บๆ เมื่อผมยืนอยู่หน้าบ้านของเธอ บนโต๊ะนั้นมีเอกสารหลายอย่าง แต่ทุกอย่างจัดเรียงเป็นระเบียบหมด (ทำเอาสภาพโต๊ะทำงานในโลกของผมดูรกไปเลย) แต่ก็มีกระดาษอยู่สองแผ่นอยู่บนโต๊ะ แผ่นหนึ่งนั้นเป็นจดหมายที่เหมือนเป็นลายปากของเรนโบว์แดช ส่วนอีกแผ่นหน้าตาคล้ายกับม้วนกระดาษที่ทไวไลท์ใช้เขียนถึงเจ้าหญิงเซเลสเทรียเลย สปีดไฟ้ท์นั้นนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเธอก่อนแล้วเมื่อผมเดินเข้ามา และข้างๆ ประตูนั้นมีเพกาซัสสองตัวที่ใส่ชุดครูฝึกยืนอยู่ ทั้งสองตัวมองผมด้วยความสงสัย

    "ออกไปกันก่อนนะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับเขาตามลำพัง" สปีดไฟ้ท์ออกคำสั่งไปยังม้าสองตัวนั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะพยักหน้าและเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูทันที

    "งั้น นายเองเหรอ ชาวมนุษย์จากต่างโลกที่กลายร่างมาเป็นโพนี่เพราะคำสาปของควีนคริสซาลิสนะ" สปีดไฟ้ท์เอ่ยถามผมเมื่อเราทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง

    "ใช่ครับ Ma-am" ผมตอบเธอ

    "ตอนนี้เธอไม่จำเป็นต้องเรียกฉันแบบนั้น" สปีดไฟ้ท์ถอดแว่นตาดำของเธอวางลงบนโต๊ะ และนั่นทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของเธอที่มีแววตาสีส้มเป็นครั้งแรกแบบชัดๆ "แต่เวลาฝึก ก็เรียกฉันแบบนั้นละกัน"

    "เอ่อ ได้ครับ แล้ว คุณรู้ได้ยังไงเหรอครับว่าเป็นคนจากต่างโลกนะ" ผมถามเธอพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะทำงานของเธอ

    "อันที่จริงแล้ว ฉันได้รับสาห์นจากองค์หญิงเซเลสเทรีย เพื่อขอให้กลุ่มวันเดอร์โบ้วช่วยตามหาควีนคริสซาลิสนะ" สปีดไฟท์หยิบม้วนจดหมายขึ้นมาให้ผมดู แม้ว่าผมจะยังไม่เคยเห็นลายพระหัตถ์ขององค์หญิงมาก่อน แต่ผมก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นขององค์หญิงแน่นอน เพราะมีลงชื่อพระองค์พร้อมตราประทับพระราชสำนักเอาไว้ตอนท้าย

    "โดยปกติ องค์หญิงจะไม่ทรงขอให้วันเดอร์โบ้วทำอะไรแนวนี้มาก่อน" เธอวางจดหมายลงบนโต๊ะเมื่อผมอ่านเสร็จพร้อมอธิบายต่อ "ดังนั้นหมายความว่าเรื่องนี้เป็นกรณีฉุกเฉินจริงๆ และไม่นาน เรนโบว์แดชก็ได้ส่งจดหมายพร้อมกับใบสมัคร ซึ่งได้เล่าเรื่องของเธอไว้คร่าวๆ ฉันเลยตอบรับเธอให้เข้ามาร่วมฝึกเป็นวันเดอร์โบ้วได้"

    "อันที่จริง จดหมายนั้นเรนโบว์แดชเขียนเอง ผมไม่ได้อยากที่จะเป็นวันเดอร์โบ้วอะไรแต่แรกหรอกครับ" ผมรีบปฏิเสธเธอตามตรงทันที

    เพกาซัสสาวจ้องมองผมอย่างพินิจวิเคราะก์ ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากพูดต่อ

    "วันเดอร์โบ้วไม่ได้เป็นแค่ฝูงบินที่สร้างความบินเทิงในอีเควสเทรียอย่างเดียวหรอกนะ" เธออธิบาย "แต่เราเป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของอาณาจักรอีกด้วย เราช่วยแบ่งเบาภาระของทหารองค์รักษ์ในการดูแลพื้นที่ต่างๆ จากบนท้องฟ้า และนั่นไม่คิดอยากที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่อันทรงเกียรติอย่างพวกเราอีกเหรอ"

    เธอยังคงมองผมอย่างวิเคราะห์อยู่เหมือนเดิม แต่เมื่อเห็นว่าผมยังไม่ตอบอะไร เธอจึงพูดต่อ

    "ฉันเข้าใจดีว่าเธอเป็นคนจากต่างโลก ไม่ใช่โพนี่แต่ดั้งเดิม ถูกไหม" เธอถามผม ซึ่งผมมองเธอด้วยความตกตะลึงทันทีเพราะราวกับว่าเธออ่านใจผมได้ "แต่ไม่ต้องห่วงหรอก นายสามารถอยู่ฝึกกับเรานานได้ตามต้องการ ส่วนจะเป็นวันเดอร์โบ้วรึไม่นั้น ค่อยคิดทีหลังก็ได้ เพราะนี่ก็เป็นคำขอร้องจากพระองค์เหมือนกัน"

    "องค์หญิงเซเลสเทรียเหรอครับ" ผมถาม ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า

    "ฉันทูลพระองค์เรื่องที่เรนโบวแดชอยากให้นายมาร่วมฝึกแล้ว ท่านเลยรับสั่งให้ช่วยดูแลนายหน่อย เพราะตราบใดที่นายอยู่ร่วมฝึกกับเรา นายก็จะได้ปลอดภัยได้หากควีนคริสซาลิสกำลังตามล่าตัวนายอยู่ และนายจะได้ฝึกสภาพร่างกายของโพนี่ไปด้วย" หัวหน้าของวันเดอร์โบ้วอธิบาย

    "ควีนคริสซาลิสตามล่าผมงั้นเหรอ" ผมถามด้วยความตกใจ

    "ไม่ชัวร์หรอก แต่มีความเป็นไปได้ ฉะนั้น นายเองก็ควรที่จะฝึกความแข็งแกร่งของเพกาซัสเอาไว้ เพราะพวกเราเนี่ยแหละที่จะบินได้เร็วกว่าโพนี่ตัวอื่นๆ และมันอาจเป็นทักษะที่นายควรมีติดตัวเอาไว้นะ" เธอลุกขึ้นและก้าวเดินมายืนตรงหน้าผม

    "และนับได้ว่าเป็นเกียรติอย่างมาก ที่จะได้ต้อนรับบุรุษที่ช่วยเหลือเหล่าม้าตัวแทนของธาตุแห่งความปรองดองในการจัดการกับควีนคริสซาลิส ขอต้อนรับสู่วันเดอร์โบ้ว อเคเดมี่อีกครั้งนะ พ่อหนุ่ม"

    เธอยื่นอุ้งเท้ามาทางผม ผมจึงยกอุ้งเท้าเพื่อแตะอุ้งเท้าของเธอตอบบ้าง ซึ่งเป็นการทักทายตามฉบับของโพนี่

    "เอาหละ เธอเองก็ไปเตรียมตัวพักผ่อนก่อนที่จะเจอการฝึกรอบบ่ายเถอะ แต่จำไว้นะ มีแต่ฉันกับเรนโบว์แดชเท่านั้นที่รู้ว่าตัวจริงของนายเป็นใคร ดังนั้น นายจงทำตัวเหมือนม้าโพนี่ตัวอื่นๆ ซะ ลับหลังฉันเป็นม้าแบบนี้ก็จริง แต่ในฐานะครูฝึก ม้าทุกตัวต้องเท่าเทียมกัน ไม่มีแบ่งแยกหรือสนิทกับใครเป็นพิเศษ เข้าใจนะ" เธอยิ้มบอกผม

    "เข้าใจครับ Ma-am" ผมยกอุ้งเท้าขึ้นตะเบ๊ะเพื่อทำความเคารพเธอทันที ซึ่งเธอก็ยกอุ้งเท้าตะเบ๊ะผมตอบโดยที่ใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

    "ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าเราเจอเบาะแสของควีนคริสซาลิสเมื่อไหร่ ฉันจะรีบบอกนายทันที" เธอบอกเพื่อให้กำลังใจผม

     

    --------------------------------

     

    หลังจากนั้นผมก็ได้เดินไปที่ห้องพักซึ่งเป็นอาคารหลังเดียวกันกับโรงอาหาร ข้าวของสัมภาระของผมนั้นเรนโบว์แดชวางเอาไว้ในห้องที่มีชื่อผมเขียนเอาไว้แล้วเรียบร้อย เห็นว่าผมจะต้องนอนคู่กับโพนี่ร่างลํ้าบึกสีขาวซึ่งมีชื่อว่า โบ้ก ไบเซป เพราะเนื่องจากห้องพักนั้นแยกชายหญิงนั่นเอง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้อยู่ในห้อง ในห้องพักนี้จะมีเตียงอยู่สองเตียง ผ้าปูที่นอนเป็นรูปสายฟ้า สัญลักษณ์ของวันเดอร์โบ้ว ซึ่งบนเตียงก็มีชุดยูนิฟอร์มของนักเรียนที่นี่วางเตรียมไว้ ผมจึงได้ใส่ชุดนั้นทันที แต่เนื่องจากผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้ามานานมาก ทำให้ใส่ไม่เร็วเท่าไหร่นัก ชุดของมันให้อารมณ์เหมือนชุดทหารอากาศ ชุดยูนิฟอร์มเป็นนํ้าเงินและมีสายฟ้าสีเหลืองผ่านตรงกลางลำตัว แต่เมื่อสวมใส่แล้วผมก็รู้สึกว่ามันใส่ได้พอดีจนแปลกใจเหมือนกันว่าเขารู้ไซด์ผมได้ยังไง ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยบอก และยังไม่รู้เลยว่าไซด์เสื้อผ้าของโพนี่เขาเรียกเป็น S L XL เหมือนโลกผมรึเปล่า

    เมื่อผมสวมใส่ชุดเสร็จในที่สุดแล้ว ผมจึงเดินไปตรงจุดนัดพบทันที (เหตุที่ไม่บินไปเพราะผมอยากที่จะพักปีกจากการบินห้าร้อยรอบเมื่อกี้นั่นเอง) ซึ่งโพนี่ที่เข้าร่วมกลุ่มใหม่ทั้งหมดก็ได้มาถึงหมดแล้ว ทั้งหมดนั้นกำลังพูดคุยกันอยู่ ยกเว้นม้าโพนี่ตัวสีเขียวที่มีเรื่องกับผมนั้นไม่ได้คุยกับใครเลย ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะปฏิเสธการคุยกับตัวอื่นเสียด้วยซํ้าเพราะมีม้าหนุ่มตัวหนึ่งทำท่าว่าจะไปชวนคุย แต่กลับเดินหันหลังสะบัดหางไปแทนซะงั้น ส่วนเรนโบว์แดชนั้นกำลังคุยอยู่กับเพกาซัสตัวสีเขียวแผงคอสีเหลืองที่ทำเวลาได้เร็วพอๆ กับเรนโบว์แดชเมื่อกี้

    "โย่! มาแล้วสินะ ฉันอยากแนะนำเพื่อนใหม่ให้นายรู้จักนะ" เรนโบว์แดชโบกอุ้งเท้าทักผมเมื่อผมเดินไปใกล้ "นี่ชื่อไลท์นิ่ง ดัช เจ้าตัวก็เจ๋งพอๆ กับฉันเลยหละ"

    "รู้จักกันมาก่อนเหรอ" ผมถามด้วยความสงสัย

    "เปล่า เมื่อกี้ต่างหาก" แม่สาวสายรุ้งหลับตายิ้มตอบ

    หาเพื่อนได้ไวดีนะเธอว์ ผมคิด

    "นายเองนะเหรอที่ว่าต่อกรกับควีนคริสซาลิสได้นะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" เพกาซัสสาวที่ชื่อ ไลท์นิ่ง ดัช ทักผม

    "ฉันเล่าเรื่องของนายให้เธอฟังนะ" เรนโบว์แดชอธิบาย "แต่ไม่ห่วงนะ ฉันไม่ได้บอกเธอหรอกว่านายบินไม่เก่ง และนายไม่ใช่โพนี่นะ ฉันกำชับบอกเธอแล้วหละว่าอย่าไปบอกม้าตัวอื่น"

    เธอกระซิบข้างๆ หูผมเพื่อไม่ให้เจ้าตัวได้ยิน ผมหัวเราะแห้งๆ เพราะก็แอบไม่พอใจเหมือนกันที่ดันเอาความลับผมไปเที่ยวบอกม้าตัวอื่นที่เพิ่งรู้จักกัน

    "ไม่เชิงต่อกรหรอก อันที่จริงต้องบอกว่าโชคดีด้วยซํ้าที่รอดมาได้นะ" ผมบอกตามความจริง และดูเหมือนการสนทนาของผมนั้น เพกาซัสสาวตัวสีเขียวที่ทำตัวแตกแยก กำลังเงี่ยหูฟังอยู่

    "ปกติฉันไม่สนใจเรื่องของตัวอื่นเท่าไหร่นะ แต่ฉันสนใจแต่ม้าที่เก่งๆ เท่านั้น" เจ้าตัวยึดอกบอก

    "ฮะๆ" ผมหัวเราะแห้งๆ ต่อ เพราะไม่รู้จะคุยอะไรอีกฝ่ายต่อดี

    "เอาหละ น้องใหม่ทั้งหลาย" เสียงสปีดไฟ้ท์ดังขึ้นซึ่งทำให้พวกเราทุกตัวรีบเงียบและยืนต่อแถวเรียงหน้ากระดานทันที "การฝึกรอบบ่ายนี้จะเป็นการทดสอบสรรถภาพโดยรวมของเธอ ซึ่งจะส่งผลในการฝึกและการจับทีมในวันต่อไป รวมไปถึงการคัดเลือกด้วยว่าใครจะได้เป็นหัวหน้าทีม และใครจะได้เป็นวิงโพนี่"

    "ท่านค่ะ ดิฉันขออนุญาติถามอะไรก่อนได้ไหมค่ะ" เสียงของเพกาซัสสาวตัวที่หาเรื่องผมนั้นยกอุ้งเท้าถาม

    "มีอะไร" สปีดไฟ้ท์ยักคิ้วถาม

    "เมื่อซักครู่นี้ ท่านเรียกม้าตัวนี้ไปพบที่ออฟฟิค ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องคุยเป็นการส่วนตัวอย่างนั้นเหรอค่ะ"

    เสียงพึมพำดังออกมาจากกลุ่มม้าโพนี่ทุกตัวทันที เรนโบว์แดชกับไลท์นิ่ง ดัช แม้จะไม่ส่งเสียงอะไรออกมาแต่ก็มองไปทางอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจว่าทำไมถึงพูดอะไรออกมาแบบนั้น ส่วนตัวผมนั้นรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่เอ่อขึ้นมาทันที

    จุ้นเรื่องอะไรของฉันนักหนาเนี่ย ผมคิด แต่ก็ต้องพยายามทำสีหน้าให้นิ่งๆ เอาไว้ เพราะม้าทุกตัวเองก็มองมาทางผมเช่นกัน

    "ไม่ใช่ธุระของเธอ แล้วฉันพูดต่อได้รึยัง" สปีดไฟ้ท์เอ่ยเสียงเข้มออกมา

    ในใจของผมนั้น ผมหัวเราะก๊ากออกมาดังลั่นด้วยความสะใจทันทีที่โดนตอกจนอีกฝ่ายหน้าเหวอออกมา มันเป็นการตอบคืนที่ได้ใจผมดีจริงๆ

    "มะ... ไม่มีค่ะ Ma-am" เธอก้มหน้าตอบด้วยความไม่พอใจนัก

    "ดี งั้นดูทางนี้"

    สปีดไฟ้ท์ตัดบทการสนทนาโดยการเดินไปทางเครื่องที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งมันให้อารมณ์เหมือนเครื่องเล่นหมุนๆ ของสวนสนุก และมีเก้าอี้ให้นั่งอยู่ที่เดียว มันเป็นรูปทรงกลมพร้อมกับลายขดก้นหอยที่ดูแล้วคงลายตาแน่ถ้าจ้องมันนานๆ ตอนที่มันหมุน

    "วันเดอร์โบ้วนั้นจะต้องมีทักษะในการบินที่ยอดเยี่ยมและสามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์การบิน เครื่องนี้จะหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูง แล้วก็จะปล่อยให้พวกเธอกระเด็นออกไป เธอจะต้องทำเวลาในการร่อนลงมาที่พื้นรันเวย์ให้ได้เร็วที่สุดที่เธอจะสามารถทำได้" สปีดไฟ้ท์อธิบาย ผมมองไปทางม้าตัวอื่นๆ ทางหางตา สังเกตได้ว่าม้าสาวจากโพนี่วิลด์ตัวที่ทักผมตอนแรกกลืนนํ้าลายอึกใหญ่ทันที

    "เอาหละ ม้าตัวแรกที่จะได้ลอง..." สปีดไฟ้ท์มองไปรอบๆ ซึ่งทั้งเรนโบว์แดชและไลท์นิ่้งดัชต่างยกอุ้งเท้าขึ้นทันที

    "เธอ!" สปีดไฟท์เลือกม้าผู้โชคดีตัวหนึ่งทันที ซึ่งทำให้เรนโบว์แดชหน้าเบ้ไปเล็กน้อย แต่อีกฝ่ายที่ถูกเลือกนั้นกลับหน้าถอดสีทันที

    "หนะ...หนูเหรอ" เจ้าตัวถาม

    "เดี๋ยวนี้!!" สปีดไฟ้ท์ตะโกน และทำให้เจ้าตัวรีบบินไปนั่งเครื่องนั้นทันที

    อารมณ์เธอตอนนี้กับตอนเมื่อกี้นี้คนละเรื่องเลยวุ้ย ผมคิดขณะที่มองสปีดไฟ้ท์เดินไปข้างหน้า

    "พร้อมไหม" เธอถาม ซึ่งม้าสาวจากโพนี่วิลด์เอาแว่นกันลมสวมใส่ที่ตาของเธอทันที

    "ค่ะ Ma-am" เธอตอบ แต่นํ้าเสียงของเธอไม่มั่นใจเท่าไหร่นักว่าเธอพร้อม

    "เริ่มได้!" สปีดไฟท์สั่งเจ้าหน้าที่ที่เป็นม้าทำงานชายสูงอายุ เขายืนอยู่ตรงแท่นบังคับ ซึ่งเมื่อเขาโยกคันโยกแล้ว เครื่องทดสอบก็หมุนรอบตัวเองทันที และเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ให้อารมณ์เหมือนชิงช้าสวรรค์ขนาดมินิที่หมุนเร็วมากจนเหมือนชิงช้านรกไปแล้ว

    "ปล่อย!"

    หลังจากที่สปีดไฟ้ท์ออกคำสั่งและเจ้าหน้าที่กดปุ่มเพื่อหยุดเครื่องแล้ว ตัวม้าสาวตัวนั้นก็ปลิวกระเด็นลอยหมุนคว้างในอากาศทันที เธอพยายามร่อนลงมาบนพื้นรันเวย์ แต่สภาพเหมือนเครื่องบินที่กำลังตกเสียมากกว่า เธอหมุนตัวกลิ้งมาบนพื้นรันเวย์ก่อนที่จะหมดสภาพนอนกองตรงนั้น

    "เก้าวินาทีงั้นเหรอ" สปีดไฟ้ท์ดูนาฬิกาที่จับเวลา ก่อนที่จะสั่งให้ม้าตัวอื่นในกลุ่มหามเธอออกไปจากพื้นรันเวย์ "เอาหละต่อไป เรนโบว์แดช ตาเธอ"

    แม่สาวสายรุ้งยิ้มกว้างก่อนที่จะบินไปนั่งบนเครื่องอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าสนุกสนาน และหลังจากที่เครื่องทำงานและปล่อยตัวให้เธอปลิวออกไป เธอก็สามารถร่อนลงมาบนพื้นอย่างได้รวดเร็วโดยที่เธอไม่มีท่าทางมึนแต่อย่างใดเลย

    "หกวินาที! ว้าว! นี่มันทำลายสถิติของอเคเดมี่เลยนะเนี่ย" สปีดไฟ้ท์เอ่ยชม ซึ่งนั่นทำให้เรนโบว์แดชเดินเหยาะๆ กลับไปยืนรวมกลุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแน้มกว่าเก่าเสียอีก

    "เธอนี่ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายไปเลยนะ" ม้าสาวเหยื่อตัวแรกที่เริ่มฟื้นตัวแล้วคุยกับเรนโบว์แดชด้วยนํ้าเสียงอ่อย

    "ฉันทำให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องง่ายอยู่แล้ว" เรนโบว์แดชอวด

    "เอาหละ ไลท์นิ่งดัช ตาเธอ" สปีดไฟ้ท์เรียกตัวม้าตัวที่สาม และทำให้เธอบินไปนั่งประจำที่บนเครื่องทดสอบทันที

    "ท่านจะว่าอะไรไหม ถ้าฉันอยากจะขอปรับความเร็วให้สูงสุดไปเลย ฉันต้องการปลดล็อคลิมิตตัวเองนะ" ไลท์นิ่งดัช ถาม

    "แน่ใจนะน้องใหม่" สปีดไฟ้ท์ถาม

    "จัดมาได้เลยค่ะ" เจ้าตัวตอบพร้อมกับสวมแว่นกันลมทันที

    "ถ้างั้นก็จัดไป" สปีดไฟท์พยักหน้าไปทางเจ้าหน้าที่ ที่เขาโยกคันโยกเพื่อให้เครื่องทำงานทันที และจากนั้นเขาก็เพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เครื่องทดสอบตอนนี้หมุนเร็วมากขึ้นเสียอีก ผมเห็นแล้วยังรู้สึกมึนแทนเจ้าตัวเลย

    "ปล่อย!"

    หลังจากที่เครื่องทดสอบดีดตัวอีกฝ่ายขึ้นไปบนฟ้าแล้ว เจ้าตัวก็ร่อนลงมาบนพื้นด้วยท่าดิ่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นทำให้สปีดไฟ้ท์มองดูนาฬิกาจับเวลาด้วยความอึ้ง

    "ว้าว 6.5 วินาที ทำได้ดีมาก" เธอเอ่ยชม ซึ่งนั่นทำให้ไลท์นิ่งดัชกับเรนโบว์แดช ยกอุ้งเท้าแตะกันทันที ดูเหมือนทั้งสองตัวนี้จะเร็วไม่แพ้กันเลย

    "เอาหละ ตัวต่อไป..."

    "เดี๋ยวก่อนค่ะท่าน ฉันอยากเสนอหน่อย" ม้าเพกาซัสสาวตัวสีเขียวตัวเดิมขัดจังหวะการพูดของสปีดไฟ้ท์ ซึ่งทำให้เจ้าตัวเองก็ไม่พอใจเท่าไหร่นัก "ทำไมเราไม่ให้ม้าเพกาซัสชายไปทดสอบเครื่องก่อนละค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ... นายคนนี้!!"

    เธอชี้มาทางผม ซึ่งนั่นทำให้ผมสะดุ้งตัวทันที

    "อะไรนะ!" ผมถามออกมาด้วยความตกใจ และตอนนั้นเอง เรนโบว์แดชก็จ้องหน้าม้าตัวที่ว่าด้วยความไม่พอใจมากขึ้น

    สปีดไฟ้ท์ยังไม่ตอบทันที แต่เธอก้าวเดินเข้าไปใกล้ๆ กับม้าเพกาซัสตัวนั้นมากขึ้น จนอีกฝ่ายเริ่มทำหน้าเครียด เพราะเหมือนกับเธอไปเหยียบกับระเบิดเข้าแล้ว

    "เธอชื่ออะไร น้องใหม่" สปีดไฟ้ท์ถามคิ้วขมวด

    "คราวไรเดอร์ค่ะ Ma-am" เธอตอบด้วยนํ้าเสียงที่เริ่มไม่สู้ดีนัก

    "ฟังให้ดีนะ คราวไรเดอร์ การฝึกวันเดอร์โบ้วไม่มีการแบ่งแยกชายหรือหญิง ทุกตัวจะต้องรับการฝึกเหมือนกันหมด และฉันเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเอาใครฝึกก่อนใครฝึกหลัง" สปีดไฟ้ท์เอ่ย

    "ตะ แต่...."

    "ถ้าเธอกล้าขัดฉันมากกว่านี้ ฉันอาจพิจารณาเซ็นอนุมัติเพื่อให้เธอออกจากอเคเดมี่เย็นวันนี้เลยนะ" สปีดไฟ้ท์ขู่ และเหมือนเธอจะไม่ได้พูดเล่นด้วย "มีอะไรจะโต้แย้งไหม ? น้องใหม่"

    "ไม่เป็นไรครับ Ma-am ผมขึ้นเครื่องต่อเลยก็ได้"

    ผมซึ่งอดทนมาเรื่อยๆ ก็เริ่มหมดความอดทนในที่สุด ได้หลับตาพูดเสียงดังออกมา

    "แต่... แต่ จะดีเหรอ" เรนโบว์แดชกระซิบถามผม

    "ช่างมันเถอะเรนโบว์" ผมส่ายหน้าและหันไปทางสปีดไฟ้ท์ซึ่งมองผมโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้า "ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ Ma-am"

    เธอยังไม่ตอบผมทันทีเหมือนกับม้าสาวตัวที่ชื่อ คราวไรเดอร์ เธอยังคงมองผมเพื่อพิจารณาจากสีหน้าของผม แต่เธอก็หลับตาลงก่อนที่จะลืมตาขึ้น

    "ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ไปขึ้นเครื่องทดสอบเลย" เธอบอกกับผม ซึ่งทำให้ผมกางปีกและบินไปนั่งลงบนเครื่องทดสอบทันที เครื่องนี้จะมีที่หย่อนขาลงไปข้างล่างและมีที่จับให้เท่านั้นโดยที่ไม่มีเข็มขัดแต่อย่างใด

    "อย่าลืมเอาความเร็วให้สุดด้วยนะ" คราวไรเดอร์พูดออกมาเสียงเบา แต่เหมือนสปีดไฟ้ท์จะได้ยิน ซึ่งทำให้เธอมองค้อนอีกฝ่ายทางหางตาทันที

    "เอาได้เลยครับ" ผมสวมใส่แว่นกันลมที่ตาของผมแล้วพยักหน้า

    "เริ่มได้!" สปีดไฟ้ท์ออกคำสั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้โยกคันโยกเพื่อให้เครื่องทำงานทันที

    เครื่องทดสอบได้เริ่มหมุนตัวเป็นวงกลมเรื่อยๆ โดยที่ที่นั่งจะล็อคเอาไว้กับเครื่องไม่มีการทำมุมให้ตรงกับแรงโน้มถ่วง ผมกัดฟันแน่นเมื่อความเร็วของเครื่องหมุนมากขึ้นเรื่อยๆ มันให้อารมณ์เหมือนผมกำลังขึ้นเครื่องเล่นที่มีความเร็วสูงจนตอนนี้มันเร็วมากจนผมมองวิวต่างๆ ไม่เห็นแล้ว เสียงลมพัดกระหนํ่าเข้าหูของผมจนฟังเสียงอื่นๆ ไม่ออกเท่าไหร่นัก

    "ปล่อย!"

    สิ้นสุดเสียงของครูฝึก ผมก็รู้สึกได้ว่าตัวผมถูกดีดกระเด็นออกมาจากเครื่องทดสอบและหมุนคว้างในอากาศแบบเดียวกับทั้งสามตัวที่ฝึกมาก่อนหน้านี้ ตัวของผมเริ่มเบาและโล่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความเร็วลดลง ผมหลับตาแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองมึนทันทีก่อนที่จะหมุนตัวอย่างช้าๆ เพื่อพยายามกลับลำ แต่มันเป็นครั้งแรกที่ผมโดนหมุนตัวเร็วขนาดนี้ ทำให้ผมไม่สามารถทรงตัวกลางอากาศได้มั่นคง ผมพยายามบังคับตัวเองให้ร่อนไปบนพื้นถนนรันเวย์ที่อยู่ตรงหน้าโดยพยายามบังคับภาพที่ผมมองเห็นให้ตรงเพราะผมรู้สึกว่าโลกมันกำลังหมุนไปรอบๆ ตัวผมเอียงซ้ายเอียงขวาอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อผมใกล้ถึงพื้น แต่ผมก็กัดฟันแล้วยื่นขาไปข้างหน้า แต่แล้วผมก็ทิ่มหัวคะมำไปกับพื้นรันเวย์จนตีลังกากลางอากาศเมื่อขาหน้าของผมแตะถึงพื้น ผมรีบกางปีกออกให้ตรงเพื่อให้ตัวผมไม่ล้มลงกระแทกกับพื้นทันทีและช่วยพยุงให้ผมลอยกลางอากาศเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะกลับมาตรงตัวเหมือนเดิมได้ ผมใช้ปีกตัวเองค่อยๆ สะบัดเพื่อชะลอการยืนบนพื้น ซึ่งโชคดีที่ปีกกับขาเป็นอวัยวะที่ทำงานแยกกันแม้ว่าจะสัมพันธ์กันคล้ายมือกับเท้า แต่ก็ช่วยทำให้ผมพอที่จะทรงตัวและยืนบนรันเวย์ได้สี่ขาโดยที่ไม่ล้มลงทันที แต่โลกก็ยังคงหมุนคว้างไปเรื่อยๆ จนผมเอียงไปมารอบๆ และทรงตัวไม่อยู่ และล้มลงนอนกองกับพื้นในที่สุด

    เรนโบว์แดชรีบบินพุ่งตัวมาดูอาการของผมทันที ดูเหมือนม้าจากโพนี่วิลด์เองก็มาช่วยผมพยุงขึ้นเหมือนกัน ผมยอมรับเลยว่ามันมึนมากกว่าที่คิดและผมยังไม่สามารถเดินทรงตัวให้มั่นคงได้เลย เพราะมันเป็นครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้เหมือนกัน

    "7.8 วินาที" สปีดไฟ้ท์บอก "เอาหละ ตัวต่อไป มาได้"

    เธอออกคำสั่งให้ม้าหนุ่มที่ยืนอยู่ให้ไปขึ้นเครื่องทดสอบต่อ เรนโบว์แดชกับม้าโพนี่วิลด์ได้หามให้ผมไปนั่งพักพิงกับก้อนหินที่อยู่บนพื้นสนามหญ้า ผมพยายามมองดูใบหน้าที่อยู่บนพื้นเพื่อตั้งสมาธิให้หายมึนเร็วที่สุด

    "ยังไหวนะพวก" เรนโบว์แดชถามผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง

    "ไม่เป็นไรหรอก ยังได้อยู่" ผมตอบเธอแม้ว่าผมยังไม่หายมึน ผมรู้สึกได้ว่าไลท์นิ่งดัชกำลังมองผมอยู่ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรผมต่อเมื่อสปีดไฟ้ท์ออกคำสั่งให้ปล่อยตัวม้าหนุ่มตัวนั้นจากเครื่องทดสอบ ราวกับเธอกำลังประเมินม้าตัวอื่นๆ เรียงตัวอยู่

    "คิดว่าจะแน่ซักแค่ไหนกัน สุดท้ายก็ไร้นํ้ายา"

    เสียงของคนที่ผมมั่นใจว่าผมไม่ชอบที่สุดดังขึ้น เมื่อคราวไรเดอร์ออกมายืนดูและมองผมด้วยสายตาที่สมเพช

    "นี่เธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงมาหาเรื่องเพื่อนฉันแบบนี้" เรนโบว์แดชถลึงตามองอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจ

    "เพื่อนงั้นเหรอ ขอทีเถอะ เธอเรียกไอ้สิ่งมีชีวิตต่างโลกนี่ว่า 'เพื่อน' งั้นเหรอ" คราวไรเดอร์เอ่ย ซึ่งทำให้ทั้งเรนโบว์แดชและม้าสาวโพนี่วิลด์ตาโตทันที

    "นี่เธอรู้เรื่องเขาด้วยเหรอ" แม่สาวจากโพนี่วิลด์ถามด้วยความตกตะลึง

    "ถูกต้อง ฉันรู้" คราวไรเดอร์เดิมมาทางผมโดยไม่สนใจสายตาที่ไม่พอใจของเรนโบว์แดช "ฟังให้ดีนะ ไอ้สัตว์ประหลาด ฉันไม่สนใจหรอกนะว่านายเป็นใครมาจากไหนหรือเป็นตัวอะไร แต่ฉันจะไม่ยอมให้ไก่อ่อนอย่างนายมาทำให้ฉันเสื่อมเสียในอเคเดมี่นี้เด็ดขาด แน่นอน รวมไปถึงเธอด้วย!"

    คราวไรเดอร์ถลึงตามองไปทางม้าสาวจากโพนี่วิลด์ ซึ่งทำให้เจ้าตัวกลืนนํ้าลายอึกใหญ่ลงคอทันที เรนโบว์แดชทำท่าอยากตะบั้นอย่างเต็มทนแล้ว แต่ทำไม่ได้เพราะมีมัาตัวอื่นๆ มองดูอยู่ รวมไปถึงสปีดไฟ้ท์ที่มองพวกผมทางหางตาด้วย

    ผมซึ่งอาการดีขึ้นบ้างแล้วก็จ้องหน้าเธอกลับด้วยความไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบเธอ ซึ่งทำให้อีกฝ่ายยิ้มเยาะ ก่อนที่จะหันหลังเดินไปต่อแถวที่เดิมของเธอ ส่วนไลท์นิ่งดัชนั้นก็ทำได้แค่ยักคิ้วใส่คราวไรเดอร์ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอต่ออีกเพราะมัวแต่มองดูม้าอีกตัวที่ขึ้นเครื่องทดสอบตัวต่อไปนั่นเอง

    "เดี๋ยวนะ! คราวไรเดอร์งั้นเหรอ ฉันจำได้แล้ว! เธอก็อยู่ในเมืองโพนี่วิลด์เนี่ยแหละ" ม้าสาวจากโพนี่วิลด์เอ่ย

    "อยู่ในโพนี่วิลด์เนี่ยนะ! แต่ทำไมฉันไม่เคยเห็นเธอเลย" เรนโบว์แดชถามด้วยความสงสัย

    "ไม่แปลกหรอกเรนโบว์แดช เพราะเจ้าตัวแทบไม่ค่อยออกมาให้ทุกตัวเห็นเลย ราวกับว่าเธอขังตัวเองอยู่ในบ้านบ่อยๆ จริงๆ เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ในเมืองได้สองปีกว่าเองนะ ตอนแรกๆ เธอก็เป็นมิตรดีอยู่ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลังๆ ถึงชอบอยู่คนเดียวนัก ใครทักอะไรด้วยก็ไม่ตอบเลย" เธออธิบาย

    ผมส่ายหัวเพื่อให้หายมึน ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและมองไปทางอีกฝ่ายที่ตอนนี้ถูกสปีดไฟ้ท์เรียกตัวไปขึ้นเครื่องทดสอบแล้ว

    "ฉันอยากจะให้เธอถูกไล่ออกจากอเคเดมี่นี่จังเลย ฉันไปบอกสปีดไฟ้ท์ดีกว่า" เรนโบว์แดชบอกด้วยความไม่ชอบใจ

    "อย่าดีกว่าเรนโบว์ เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเธอหรอก เธอมีปัญหาแค่ฉันคนเดียว" ผมบอก

    "แต่นายก็ไม่ได้ไปมีปัญหาอะไรกับเธอเลยไม่ใช่เหรอ แม่นั่นนะมาหาเรื่องนายเองนะ" เรนโบว์แดชโต้ผม

    "งั้นฉันก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าฉันเองก็ไม่ได้อ่อนอย่างที่เธอหาเรื่องฉัน" ผมหรี่ตามองเธอเมื่อเธอถูกปล่อยตัวจากเครื่องทดสอบและลอยตัวกลางอากาศ

    เรนโบว์แดชทำหน้าอึ้งสักพัก ก่อนที่จะยิ้มกว้างและเข้ามากอดผมอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผมเหวอไปพักหนึ่งจากการที่ถูกเธอกอดสั้นๆ

    "มันต้องอย่างนี้สิเพื่อนฉัน" แม่สาวสายรุ้งยิ้มกว้าง

    "ฉันว่าเราพยายามหลีกเลี่ยงอย่าไปมีปัญหากับเธอ น่าจะดีที่สุด" แม่สาวจากโพนี่วิลด์บอก ซึ่งผมก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    "8.3 วินาที" เสียงสปีดไฟ้ท์บอกออกมาเมื่อคราวไรเดอร์พยายามยืนบนพื้นจากการร่อนลงมาอย่างเชื่องช้า "เอาหละ ตัวต่อไป!"

    "และดูเหมือนฉันจะไม่ได้เป็นไก่อ่อนอย่างที่เธอคิดแล้วหละ" ผมยิ้มด้วยความรู้สึกสะใจนิดนึง อย่างน้อยที่ผมยังสามารถทำเวลาได้ดีกว่าอีกฝ่าย

    ...

    ..

    .

    .

     

    To Be Contined

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×