ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Legend Of the God Dragon Sword : ตำนานดาบเทพมังกรฟ้า

    ลำดับตอนที่ #1 : ตำนานดาบเทพมังกรฟ้า - ปฐมฤทธิ์แห่งการผจญภัย (แก้ไขรอบ 2)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 52


    ภายในห้องที่มืดครื้ม ไม่มีแสงสว่างใดๆเลยนอกจากแสงเทียนไขเล่มเดียวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกลางห้องเล่มหนึ่ง แต่น่าแปลกที่เทียนไขเพียงเล่มเดียวสามารถส่องสว่างไปทั้งห้องได้ ขนาดของมันก็ไม่ได้ใหญ่เกินไปกว่าเทียนไขเล่มเล็กๆที่มีขนาดเท่าปากกาเลย มันวางเอาไว้บนที่รองเทียนที่ทำจากทองคำ แสงของถาดรองเทียนเงาวับและสะท้อนไปกับแสงเทียนในความมืด เปลวไฟขยับไปมาราวกับมันเต้นระบำ

                    บนโต๊ะตัวนั้นเต็มไปด้วยกระดาษแผ่นขนาดต่างๆที่ต้องเก่าครํ่าครือและเกือบขาด บางแผ่นมีสีเหลืองกรอบ บางแผ่นเพียงจับไม่ระวังมันก็ป่นสลายเป็นผงแล้ว ม้วนกระดาษมีรูปร่างต่างกัน ตั้งแต่เล็กเท่ากับสมุดโน๊ตยันใหญ่เท่ากระดาษโปสเตอร์ กระดาษเหล่านี้ไม่ถูกม้วนเก็บเอาไว้ก็วางทับเป็นแผ่นๆ บางแผ่นยังมีหยากไย่แมงมุมหรือเศษผงซากแมลงติดอยู่เลย ห้องทั้งห้องนี้มีขนาดเท่ากับใต้ถุนบ้านหรือห้องใต้ดิน รอบๆมีแต่กองกระดาษเต็มไปหมด เขียนด้วยภาษาที่เราเข้าใจและไม่รู้จัก

                    ชายชราคนหนึ่งกำลังนั่งมองกระดาษพวกนี้อยู่ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่เก่าแต่แข็งแรงอยู่ เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสะอาดที่ผิดกับสภาพในห้องที่สกปรกและเต็มไปด้วยฝุ่นผง น่าแปลกที่ห้องนี้ดูเก่าแก่และขาดการดูแลรักษาบางทีเกือบปี แต่ทุกอย่างในห้องนั้นกลับอยู่สภาพดีแทบไม่มีการผุพัง ยกเว้นกระดาษบางแผ่นที่อยู่มานาน นานเสียจนเรียกได้ว่าอยู่มาเป็นพันปีได้

                    ชายชราคนนี้มีโครงหน้าแหลม นัยน์ตากวาดตามองกระดาษต่างๆที่เขาหยิบยกมาอ่านด้วยความระมัดระวัง เส้นผมของเขายาวมาถึงต้นคอ หนวดติดใต้จมูกของเขา ทั้งผมและหนวดเป็นสีขาวแล้ว เขาถอนหายใจอีกรอบเมื่อเขาพบว่ากระดาษที่เขากำลังอ่านนั้นไม่มีสิ่งที่เขาต้องการ เขาหยิบกระดาษแผ่นนั้นไปวางข้างๆ แล้วก็หยิบกระดาษอีกแผ่นที่เตรียมมาไว้ล่วงหน้ามาอ่านแทน มือของเขายื่นไปหยิบถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะอีกตัวมาเพื่อหวังดื่ม แต่เมื่อเขายกมันขึ้นที่ริมฝีปาก ลิ้นและปากของเขานั้นสัมผัสได้แต่อากาศ ถ้วยชานั้นว่างเปล่า เขาเลยหยิบมันไปวางที่เดิม ไม่แปลกที่มันจะหมด เพราะเขาอยู่ในห้องนี้มานานแล้ว

                    บนโต๊ะตรงหน้าเขามีกระดาษม้วนเก่า เก่าเสียจนสามารถกดแรงนิดหน่อยมันก็ฉีกขาดแล้ว แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้น แต่ถึงมันจะไม่ขาดยังไงเขาก็ยังระมัดระวังอยู่ บนกระดาษนั้นจารึกด้วยภาษาที่ไม่ได้อยู่บนโลก เขาพยายามแกะภาษาประหลาดนี้ให้แปลออกมาให้ได้ และเขาก็ต้องรีบทำด้วย เพราะว่าเขาอยู่ในห้องนี้มานานแล้ว เขาอยากจะออกไปแทบตาย

                    มือของเขาเอื้อมไปหยิบกระดาษอีกแผ่นที่วางเตรียมไว้ แต่เมื่อเขาหยิบมันขึ้นมา มันกลับขาดและกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว เขาใช้มือข้างนั้นปัดเศษกระดาษทิ้งลงพื้น แล้วก็หยิบแผ่นต่อไป

                    "ฮะฮ้า" เขาพึมพำออกมาอย่างดีใจ ชายชราคนนั้นรีบหยิบปากกาเคมีแท่งหนึ่งที่ใส่ไว้ในเสื้อสีขาวขึ้นมา หยิบกระดาษเปล่าอีกแผ่นแล้วก็เขียนคำแปลจากภาษาประหลาดนั้น มือของเขาสั่นเมื่อเขาพยายามสะกดความตื่นเต้นเอาไว้ แต่เมื่อเขาแปลภาษานั้นด้วยความเวลาอันรวดเร็วและเริ่มอ่านคำแปล นัยน์ตาของเขาเบิกโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ

                    "นะ นี่มัน" เขามองดูคำแปลจากภาษานั่นออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ

                    มีเสียงฝีเท้าดังออกมาจากข้างหลังของเขา เมื่อเขาหันกลับไปมอง ก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งเดินลงมาจากบันไดข้างหลังเขา ผู้ชายคนนี้สวมเสื้อเกราะนักรบเต็มขั้น ดาบของเขาเหน็บเอาไว้กับสายคาดที่เอว รองเท้าหนังพร้อมรบอย่างดี ผมสีเหลืองปลิวยาวลงมาจนถึงกลางหลัง ใบหน้าที่สดใสและแสดงถึงความเป็นหนุ่ม ดวงตาสีฟ้าสดใสราวกับเป็นคนอารมณืดีตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับขมวดคิ้วออกมาอย่างเคร่งเครียด ใบหูยาวเรียวออกมาผิดกับมนุษย์

                    ใช่ เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เขาคือ เอลฟ์ เผ่าพันธุ์ที่รักธรรมชาติและแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

                    "ท่านศาตราจารย์" เอลฟ์หนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน "มีแสงประหลาดมาจากหุบเขาฮาร์มเลส แล้วก็มีคนพบกลุ่มโจรมนุษย์เดินทางไปที่นั่นด้วย"

                    "ใช่จริงๆด้วย" ชายชราหรือศาตราจารย์คนนั้นพึมพำด้วยเสียงเครียด "ตรงกับคำทำนายนี่ทุกอย่าง"

                    เอลฟ์หนุ่มมองไปยังกระดาษที่สลักคำทำนายนั่นด้วยความทึ่ง

                    "ท่านถอดรหัสคำทำนายได้แล้ว" เอลฟ์คนนั้นถามด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ

                    "ใช่" ศาตราจารย์คนนั้นบอก "เมื่อกี้นี้เอง"

                    "อย่างไรก็ตาม เราต้องรีบไปบอกองค์กษัตริย์กับท่านปราชญ์บาทามอสก่อน" เอลฟ์หนุ่มคนนั้นเอ่ยถึงชื่อคนที่พวกเรายังไม่รู้จักก่อน "เราเข้าสู่ภัยสงครามจริงๆเสียแล้ว"

                    "ไม่ต้องห่วง" ศาสตราจารย์คนนั้นลุกขึ้น ในมือของเขานั้นถือกระดาษคำทำนายและกระดาษอีกแผ่นที่เขียนคำแปลเอาไว้พร้อมเสร็จสรรพ "ทางออกยังมีเสมอ ในเมื่อมีข่าวร้ายแล้ว มันก็ต้องมีข่าวดีสิ"

                    "ข่าวดี" เอลฟ์ทวนคำนั้นอย่างสงสัย

                    "ใช่แล้ว" ศาสตรจารย์คนนั้นยิ้ม แล้วก็เริ่มทวนคำแปลคำทำนายนั้นให้เอลฟ์ฟัง

                    "วีรบุรุษ" เอลฟ์เอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจ

                    "เอาหละ" ศาสตราจารย์บอก "เราไปเตรียมต้อนรับวีรบุรุษคนนั้นกันเถอะ"

                    เอลฟ์คนนั้นก้มหัวให้ด้วยความเคารพ แล้วก็ผายมือไปทางชั้นบน จากนั้นเขาก็เดินนำศาสตราจารย์ขึ้นไปเลย ชายชราคนนั้นเดินตามมา เขามองไปยังเทียนไขที่ตอนนี้กำลังจะมอดดับลงแล้ว ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังเหลือตั้งครึ่งเล่ม

                    "สงครามครั้งใหม่ กำลังจะเกิดแล้ว" เขาพึมพำออกมา ก่อนที่เทียนไขเล่มนั้นจะหมดลง เขาเดินขึ้นบันไดไปทันทีที่ห้องนั้นมืดดับลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×