ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adventure in Equestria 2 (My Little Pony Fan-Fic)

    ลำดับตอนที่ #5 : Episode 5 : Secret of Daring Do (Part 2)

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 57



     

    การเดินทางไปยังป้อมแห่งทาลิคอร์นนั้นแม้ว่าเส้นทางจะไม่ได้ซับซ้อนอะไรอย่างที่คิด แต่กับการที่จะต้องเดินผ่านป่าที่มีแต่ต้นไม้พันธุ์เดิมๆ ก็ทำเอาเบื่อเหมือนกัน โชคดีที่เส้นทางไม่ได้คดเคี้ยวมากนักและไม่ได้ต้องระดับปีนขึ้นเขา เพราะเส้นทางที่เราไปนั้นไม่ได้เดินทะลุผ่านหุบเขาเกรนล็อบปิ้ง และเหมือนเส้นทางที่เดินทางไปนั้นก็เหมือนถูกล็อคทำทางเอาไว้แล้ว เนื่องจากเป็นทางที่พวกด็อกเตอร์คาบาเลรอนและ Daring Do ผ่านไปแล้วนั่นเอง เลยทำให้เหมือนง่ายเข้าไปอีก แต่การเดินทางก็ล่าช้ากว่าที่คิด เพราะท้องฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็ว และเมื่อท้องฟ้ามืดลงสนิทแล้ว ทไวไลท์กับแอปเปิ้ลแจ็คจึงลงความเห็นให้ค้างแรมกันก่อน แล้วจะเดินทางกันต่อตอนเช้า เพราะแม้ว่าท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยแสงดาว แต่แสงไฟจากเขายูนิคอร์นทั้งสองตัวอย่างทไวไลท์และแรร์ริตี้นั้นก็ไม่ได้ส่องสว่างเพียงพอกับคณะเดินทางทั้งหก ยิ่งอยู่ในป่าต่างถิ่นด้วย จะอันตรายกว่าถ้าฝืนเดินทางกันต่อ

    พิงค์กี้พายกับแอปเปิ้ลแจ็คนั้นต่างตัวต่างหาฟืนมาก่อกองไฟได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะพิงค์กี้พายที่แว้บไปแว้บมาหาได้เร็วมาก ส่วนหน้าที่การจุดไฟนั้นทไวไลท์เป็นคนจุดเองโดยใช้เวทย์ของเธอและแรร์ริตี้ก็ได้ช่วยส่องไฟให้ทไวไลท์ ส่วนผมกับฟรัทเทอร์ชายนั้นก็ช่วยกระพือปีกคนละข้างเพื่อให้ไฟมันลุกเร็วขึ้น เรียกได้ว่าเป็นการประสานการทำงานของเผ่าทั้งสามได้อย่างลงตัว และเมื่อกองไฟลุกโซนแล้ว พวกผมทั้งหกก็ได้นั่งวงล้อม และรับประทานอาหารเย็นที่แอปเปิ้ลแจ็คเอามา ซึ่งเมื่อกินกันจนอิ่มแล้ว พวกผมจึงช่วยกันปูที่นอน เพราะพวกเราไม่คาดกันว่าจะต้องนอนค้างกลางแจ้งเลยไม่ได้เอาเต้นท์มา เลยต้องเอาถุงนอนและนอนกลางป่ากัน และโชคดีที่แรร์ริตี้เอามาเผื่อให้พวกเราทุกตัวด้วย แน่นอนว่ายกเว้นของเรนโบว์แดชที่ไม่ได้เอามาปูเพราะเจ้าตัวไม่อยู่นั่นเอง

    "เรนโบว์แดชจะเป็นอะไรไหมนะ" ฟรัทเทอร์ชายถามเมื่อเธอซุกตัวเองลงไปในที่นอนของเธอแล้ว

    "นั่นมันเรนโบว์แดชนะจ๊ะที่รัก ไม่มีอะไรหยุดเธอได้หรอก ขนาดตัวเองยังหยุดไม่ได้เลย" แรร์ริตี้บอกออกมาพร้อมมุขตลกส่งท้าย ซึ่งทำให้พวกเราหัวเราะกัน

    "ฉันว่าเธออาจจะตาม Daring Do ทันก็ได้ เล่นบินเร็วซะขนาดนี้" ผมแสดงความเห็น ซึ่งทไวไลท์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    "เรนโบว์แดชเป็นเพกาซัสตัวเดียวที่สามารถทำโซนิค เรนบูมได้ เธอจะบินเร็วแบบนั้นก็ไม่น่าแปลกหรอก เฮ้อ .. ฉันหวังว่าเธอคงไม่ไปทำอะไรให้ Daring Do ไม่พอใจนะ" ทไวไลท์ยกกีบกุมหัว

    "ฉันว่าไม่หรอกทไว Daring Do คือฮีโร่ของเรนโบว์แดช ฉันว่าเธอคงจะไม่ทำอะไรให้เค้าผิดหวังหรอก" แอปเปิ้ลแจ็คแสดงความเห็นออกมาบ้าง

    "หรือ... เรนโบว์แดชอาจจะทำเซอร์ไพรส์อะไรบางอย่างให้ Daring Do ก็ได้ เหมือนฉันไง!!" พิงค์กี้พายยิ้มออกมาพร้อมกับเอากิ่งไม้มาพันกันเป็นรูปทรงม้า อารมณ์แบบเดียวกันกับตัวตลกที่เป่าลูกโป่งแล้วมัดเป็นรูปสัตว์ ผมหละงงจริงๆ ว่าเธอทำได้ยังไง

    "พูดถึง ฉันเจออะไรบางอย่างที่บ้านของ Daring Do ด้วยนะ แต่ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะใช่ไหม" ผมบอกกับทุกตัว

    "อะไรเหรอ" ทไวไลท์ถามผม

    "ฉันว่าฉันเห็น... พ่อแม่ฉันอยู่ในรูปถ่ายบนผนังบ้านของ Daring Do แถมในแผนที่ก็มีรูปคิ้วตี้มาร์คของฉันด้วย"

    เมื่อผมพูดจบ ไม่มีตัวไหนพูดอะไรต่อในทันที เสียงกองไฟพุ่งปะทะดัง เปรี๊ยะๆ ออกมาทำลายความเงียบ แอปเปิ้ลแจ็คหยิบม้าไม้ของพิงค์กี้แล้วเอาโยนใส่กองไฟโดยไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่มองมาทางผม พิงค์กี้พายทำหน้าเหวอก่อนที่จะหยิบกิ่งไม้มาทำเป็นรูปม้าตัวต่อไปอย่างรวดเร็ว

    "มั่นใจเหรอที่รัก ว่าไม่ได้ตาฝาดไปนะ" แรร์ริตี้ถามผม

    "ทไวไลท์ ขอดูแผนที่นั่นได้ไหม" ผมถามเจ้าตัว เธอพยักหน้าก่อนที่จะใช้พลังเวทย์ของเธอหยิบมันออกมาจากกระเป๋าของแรร์ริตี้ และกางมันออกมาข้างๆ กองไฟเพื่อให้มองเห็นชัดขึ้น และผลก็ปรากฎว่ามีรูปคี้วติ้มาร์คอยู่จริงๆ เพียงแต่มันไม่ได้มีรูปคิ้วตี้มาร์คเป็นรูปมงกุฎอย่างเดียว แต่มีรูปโล่เล็กๆ อยู่ข้างล่างด้วย

    "ถึงจะมีมงกุฎเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คล้ายของนายเลยนิ" แอปเปิ้ลแจ็คถามพลางหยิบม้าไม้ตัวที่สองของพิงค์กี้โยนเข้าไปในกองไฟอีกครั้ง ซึ่งม้าสาวสีชมพูก็ทำหน้าเหวออีกรอบ ก่อนที่จะทำแก้มป่องและเอากิ่งไม้มาทำเป็นรูปม้าตัวที่สามต่อ

    "ก็จริงนะ แต่มันก็คล้ายกันมาก แต่ก็น่าสงสัยเหมือนกันว่าถ้านายบอกว่าเจอรูปพ่อแม่นายในบ้านของ Daring Do แปลว่าตระกูลนายกับ Daring do เป็นญาติกันงั้นเหรอ" ทไวไลท์ยกกีบถาม

    "จะบอกว่าตระกูลฉันคือนักสำรวจเหมือน Daring Do อย่างนั้นเหรอ ฉันว่ามันไม่เข้าเค้าเท่าไหร่นะ เพราะฉันเองก็ไม่ได้มีรสนิยมชอบสำรวจซากโบราณสถานอะไรเท่าไหร่ ประเด็นก็คือไอ้นี่มากกว่า.."

    ผมชักดาบที่ผมถอดวางไว้ข้างๆ ถุงนอนของผมขึ้นมา เพื่อเปรียบเทียบรูปมงกุฎบนด้ามดาบของผมกับรูปคิ้วตี้มาร์คบนแผนที่ ซึ่งให้อารมณ์ใกล้เคียงกับในแผนที่มากกว่ารูปคิ้วตี้มาร์คบนสะโพกผม

    "ตอนฉันอยู่ในบ้านของ Daring Do ฉันว่าฉันเห็นเธอมองมาที่ดาบฉันถึงสองรอบเลยนะ ฉันว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ" ผมบอก

    "ทางเดียวที่จะรู้ได้ เราต้องไปที่ป้อมแห่งทาลิคอร์นแล้วไขปริศนานี้ให้ได้ บางทีนี่อาจจะเป็นปริศนาที่จะเฉลยเรื่องของครอบครัวนายก็ได้นะ" ทไวไลท์บอกพลางใช้พลังเวทย์หยิบดาบผมขึ้นมาดูและทำท่าเหมือนกำลังใช้เวทย์ตรวจสอบพลังบางอย่างในดาบผมอยู่

    "หวังว่านะ" ผมเงยหน้ามองดูท้องฟ้าที่้เต็มไปด้วยดวงดาว มันมีปริศนามากมายให้ผมขบคิดไปหมด ยิ่งอยู่ในโลกนี้มากเท่าไหร่ ผมยิ่งสงสัยต้นกำเนิดเรื่องราวของผมมากขึ้นเท่านั้น

    "เป็นไปตามที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย ดาบเล่มนี้มีพลังเวทย์บางอย่างที่มีสัญญาณเวทย์แบบเดียวกับธาตุแห่งความปรองดอง แต่มันเป็นคนละอย่างกับที่พวกเราเคยใช้กัน" ทไวไลท์บอกพลังหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งขณะพลิกดาบหมุนกลางอากาศอย่างช้าๆ

    "คนละอย่างงั้นเหรอ" พิงค์กี้พายถามเมื่อเธอทำรูปม้าไม้ตัวที่สามเสร็จแล้ว

    "ฉันไม่มั่นใจนะ มันเป็นสัญญาณเวทย์ที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน และก็ไม่มั่นใจด้วยว่าจะมีอุปกรณ์ตรวจจับคลื่นพลังงานอันไหนสามารถตรวจจับได้ มันเหมือนเป็นพลังใหม่แต่เป็นรูปแบบเดียวกันกับธาตุแห่งความปรองดอง แต่จะทำให้มันแสดงออกมายังไงไม่รู้เหมือนกัน" ทไวไลท์ส่งดาบคืนให้ผม ซึ่งผมรับมันมาและเอามันเก็บเข้าฝัก

    "ไม่เป็นไรหรอกทไวไลท์ นอกจากที่เราจะต้องไปช่วย Daring Do แล้ว หลังจากนี้ฉันก็ว่าไม่น่าจะมีหายนะอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นแล้วนะ" ผมบอก

    "นั่นสิ" ทไวไลท์ตอบ พลางอ้าปากหาววอด เธอเอากีบปิดปากเธอ

    "นี่ก็ดึกแล้ว พวกเรานอนกันเถอะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันต่อ" ฟรัทเทอร์ชายบอก ดูเหมือนเธอจะเช็ดเวลาว่าตอนนี้กี่โมงโดยการมองดูตำแหน่งพระจันทร์บนท้องฟ้า

    "เห็นด้วย ราตรีสวัสดินะ" ผมบอกพลางซุกตัวเองเข้าไปถุงนอนตัวเอง

    "เจอกันตอนเช้า" แรร์ริตี้เอาที่ปิดตาสวมและเข้านอนทันที

    "ตกลง" แอปเปิ้ลแจ็คบอกพลางเอื้อมกีบไปหยิบม้าไม้ตัวที่สามของพิงค์กี้มาอีกครั้ง

    "ว่าแต่ เธอจะเผาไปให้ใครเหรอแอปเปิ้ลแจ็ค" ผมซึ่งหันหน้าออกมาได้พอดีหลังจากที่ซุกตัวเอาเข้าไปในถุงนอนแล้วถามด้วยความสงสัย ซึ่งแอปเปิ้ลแจ็คก้มมองดูม้าไม้ของพิงค์กี้และทำหน้าเหวอออกมาทันที พิงค์กี้พายทำแก้มป่องออกมาอย่างง้องอนทันที

    "โทษทีนะพิงค์พี้ ไม่ทันมองนะ แหะๆ" แอปเปิ้ลแจ็คยื่นม้าไม้คืนให้ แต่พิงค์กี้รับมาแล้วก็เอามากอดไว้แน่นทันทีราวกับต้องการปกป้องมันสุดชีวิต

    "เชอะ" แม่สาวสีชมพูส่งเสียงง้องอนออกมาเล็กน้อย

    แอปเปิ้ลแจ็คทำท่าจะพูดขอโทษเธอ แต่ผมก็เริ่มง่วงแล้วเลยไม่ได้สนใจคำสนทนาของทั้งสองตัวมากนัก เสียงเปลวไฟที่ดังข้างๆ ผมกับเสียงแมลงรอบๆ ตัวในป่าทำให้ผมสามารถเข้าสู่ห้วงนิทราได้อย่างรวดเร็ว

     

    -------------------------------

     

    เช้าวันต่อมา หลังจากที่เก็บข้าวของและทานอาหารเช้ากันแล้ว ทไวไลท์รีบนำทางพวกผมไปทันที เพราะไม่รู้ว่าจะตามเรนโบว์แดชไปทันไหม และหลังจากที่เดินทางร่วมสามชั่วโมงกว่าจนตะวันกำลังจะลอยขึ้นเหนือหัว พวกเราก็พบกับเรนโบว์แดชระหว่างทางจริงๆ ตามที่ทไวไลท์ได้ใช้พลังเวทย์ในการค้นหาตำแหน่งของเธอได้ในระดับหนึ่ง แต่ปรากฎว่าเรนโบว์แดชนั้นอยู่ตัวเดียวโดยไม่มี Daring Do ด้วย และเจ้าตัวก็นั่งซึมอยู่

    "ตามทันจนได้ เป็นอะไรไหมเรนโบว์แดช" ผมรีบทักเธอทันที

    "เป็นสิ... ในนี้ไง" เรนโบว์แดชเอากีบกุมตำแหน่งหัวใจตัวเองก่อนที่จะก้มหน้าลงอย่างเคร่งเครียด

    "เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอที่รัก" แรร์ริตี้เอ่ยถาม

    "ฉันทำตัวแย่มาก Daring Do ถูกอาฮุยโซโด้จับตัวไปพร้อมกับวงแหวนไปแล้ว" เรนโบว์แดชบอกเสียงเครียด

    -"ถ้างั้นเราก็ต้องรีบไปช่วยเดี๋ยวนี้ ไปกันเร็วเรนโบว์แดช" แอปเปิ้ลแจ็คทัก

    "พวกเธอไปเถอะ ฉันขอผ่าน" เรนโบว์แดชบอก

    "เกิดอะไรขึ้นกับเรนโบว์แดชตัวเก่าละเนี่ย ผู้ที่พร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคและเพกาซัสที่ไม่เคยกลัวใครเนี่ยนะ" พิงค์กี้พายยักคิ้วถาม

    "แต่เพกาซัสตัวนี้ทำอะไรไม่ได้ และเธอจะต้องกลับบ้านแล้ว" เรนโบว์แดชลุกขึ้นเดินคอตกผ่านพวกผมไป

    "เรนโบว์แดช เธอนำพาพวกเรามาที่นี่ก็เพื่อช่วย Daring Do ไม่ใช่รึไง นั่นคือฮีโร่ของเธอนะ และพวกเราเองก็พร้อมที่่จะไปช่วยเธอแล้ว เธอจะมาร่วมกับเรารึไม่หละ" ทไวไลท์เอ่ยถาม ซึ่งทำให้เรนโบว์แดชหยุดเดิน

    "ทไวไลท์รู้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับแผนของอาฮุยโซโด้แล้ว เราต้องการเธอนะเรนโบว์แดช เธอคือเพกาซัสตัวเดียวที่จะสามารถบินไปช่วย Daring Do ให้ได้เร็วที่สุด" ผมพยายามพูดเชียร์เธอ แต่ดูเหมือนเพกาซัสสาวยังคงคอตกอยู่

    "เอ้อ... ถ้าเกิดว่าเธอไปช่วยได้ละก็ เผลอๆ อาจจะได้ลายเซ็นพร้อมรูปถ่ายของ Daring Do ด้วยนะ" ผมโม้ไปงั้นเพราะไม่รู้จะเชียร์เธอยังไงแล้ว ปรากฎว่าเรนโบว์แดชพุ่งมาหาผมตาโตทันที!

    "จริงเหรอ! ฉันจะได้ลายเซ็นของ Daring Do ตัวจริงเสียงจริงอย่างนั้นเหรอ!!" เรนโบว์แดชอ้าปากแลบลิ้นด้วยความตื่นเต้น แถมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมมากเสียจนจะชนกันอยู่แล้ว

    "เอ่อ... ก็เจ้าตัวเขาให้นะ" ผมไม่สบตามองเธอตรงๆ เพราะไม่คิดว่าพูดไปเมื่อกี้จะได้ผล

    "เยี่ยม!!! ถ้างั้นตามฉันมาเลยทุกตัว ทางนี้!!" เรนโบว์แดชรีบกางปีกกลางอากาศแล้วก็บินนำพวกผมไปทันทีเมื่อพูดจบ ซึ่งทำให้พวกเราต้องรีบวิ่งเหยาะๆ ตามเธอไป ไม่อย่างนั้นจะพลาดกันอีก

    "ทีเป็นเรื่องพวกนี้หละก็ไวจังเลยนะแม่คนนี้" ทไวไลท์บ่นไปวิ่งตามเจ้าตัวไป

    "เถอะหน่า เผื่อ Daring Do ตกลงเซ็นลายเซ็นให้จริง เดี๋ยวเธอก็ได้" ผมบอกกับเธอ

    "จริงเหรอ!! ถ้างั้นสู้ตายค่า!" ทไวไลท์วิ่งกระโดดพร้อมกับกางปีกพร้อมกันเหมือนทำท่าจะบิน แต่ก็ไม่บินไปข้างหน้าอย่างร่าเริง

    เธอก็พอกันแหล๊ะ ผมคิดในใจพร้อมหัวเราะแห้ง

    จากจุดที่พวกเราเจอเรนโบว์แดช ป้อมแห่งทาลิคอร์นอยู่ไม่ไกลนัก มันเป็นวิหารที่อยู่กลางป่า ทำให้ผมนึกถึงวีดีโอเกมที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงที่ชอบตะลุยซากโบราณสถานและมีฉายาว่าดูมๆ ขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น โดยมันมีความสูงราวๆ ตึก 8 - 10 ชั้นเลยก็ว่าได้ ข้างหน้าทางเข้านั้นมีม้าทำงานที่แต่งตัวทาสีตัวเองเหมือนอินเดียแดงพร้อมอาวุธหอกที่ถือเอาไว้เฝ้ายามอยู่สองตัว ซึ่งข้างบนนั้นผมมองเห็นช่องลมที่จะสามารถบินเข้าไปได้

    "โอเค นี่คือแผนนะ เรนโบว์แดช เธอบินเข้าไปช่วย Daring Do ก่อน ส่วนพวกฉันจะเข้าไปแย่งวงแหวนมาจากอาฮุยโซโด้เอง" ทไวไลท์บอก ซึ่งพวกผมที่่ยืนวงล้อมต่างพยักหน้า

    "แล้วเราจะเข้าไปได้ยังไง ถ้าพวกเขาจับได้ ต้องส่งสัญญาณเรียกพวกกันแน่" ฟรัทเทอร์ชายถาม ซึ่งเมื่อผมหันไปมองตรงทางเข้า ก็พบว่ายามตัวหนึ่งกำลังอ้าปากหาววอดอยู่ แต่อีกตัวยังคงสอดส่องมายังพื้นที่รอบๆ หน้าทางเข้าพีระมิดด้วยความไม่ประมาท

    ผมมองดูที่เรนโบว์แดชที่ไม่ได้บินแล้ว และมองดูเขาของทไวไลท์ ก่อนที่ผมจะยกกีบแตะที่หัวตัวเองเพื่อช่วยคิด ก่อนที่ผมจะได้ไอเดียขึ้นมา

    "ฉันได้ความคิดละ" ผมบอกกับทุกตัวตามแผนของผม

    เหล่ายามสองตัวนั้นต่างก็มองไปยังรอบๆ และทำหน้าเซ็งๆ เพราะเหมือนไม่รู้ว่าจะมาเฝ้าหน้าทางเข้าทำไม แต่ขณะเดียวกันก็ต้องตกใจ เมื่อมีแสงสีรุ้งพุ่งผ่านหัวทั้งคู่ไปอย่างรวดเร็ว จนทั้งคู่รีบเงยหน้ามองข้างบนด้วยความตื่นตกใจ

    "เฮ้ย!" ยามตัวนึงตะโกนขึ้น

    พลั่ก!

    ผวั๊ะ!

    ผมกับแอปเปิ้ลแจ็คต่างพุ่งเข้าไปจังหวะเดียวกันกับที่ยามสองตัวกำลังมองไปดูข้างบนที่เรนโบว์แดชบินด้วยความเร็วสูงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ โดยผมกับแอปเปิ้ลแจ็ควิ่งเอาหัวเข้าไปโขกกับมันจนล้มลง แอปเปิ้ลแจ็คที่ร่างกายแข็งแรงกว่าผมพุ่งกระแทกไปทีเดียวอีกฝ่ายก็สลบแล้ว แต่ของผมนั้นพอพุ่งกระแทกเสร็จ เจ้าตัวยังร้องโอดโอ้ย ผมจึงรีบยกกีบหน้าทั้งสองข้างหน้ากระแทกใส่หน้ามันทันทีจนมันสลบลง เมื่อผมกับแอปเปิ้ลแจ็คพบว่าทั้งสองตัวสลบแล้ว จึงได้กวักกีบให้ตัวอื่นๆ เดินตามมา โดยที่ทไวไลท์นั้นเดินตามหลังอยู่แนวกลาง เพราะว่าเธอนั้นใช้เวทนต์ตรวจจับสิ่งมีชีวิตดูว่ามีใครอยู่ตรงไหนบ้าง ก่อนที่พวกผมจะเดินเข้าไปในวิหารอย่างรวดเร็ว

    ภายในวิหารนั้นโบราณสถานที่เก่ามากพอดู เพราะมีช่องโหว่ที่มีแสงแดดส่องเข้ามามากมายจนราวกับเปิดไฟ ทำให้พวกผมสามารถมองเห็นทางได้อย่างชัดเจน พวกผมค่อยๆ ย่องเข้าไปอย่างเงียบเชียบ โดยที่ทไวไลท์และแรร์ริตี้ต่างใช้พลังเวทย์ในการตรวจจับดูว่ามีพวกมันเฝ้าตามทางไหม

    "ระวังทางซ้าย" ทไวไลท์กระซิบเตือนเมื่อพวกผมไปถึงสามแยก ผมกับแอปเปิ้ลแจ็คได้แอบมองดู ก็พบว่ามีพวกของมันเดินมากันอยู่ถึงสามตัว ซึ่งผมได้พยักหน้าให้พิงค์กี้พายเตรียมบุกด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าและแว้บหายไปอย่างรวดเร็ว

    "ไฮ้!" เสียงพิงค์กี้พายดังขึ้น ซึ่งทำให้ทั้งผมและแอปเปิ้ลแจ็คควบบุกเข้าไปทันที

    เหล่ายามทั้งสามตัวกำลังตกใจเพราะไม่รู้ว่าพิงค์กี้พายนั้นเข้าไปอยู่ข้างหลังพวกเขาได้ยังไง โดยผมกับแอปเปิ้ลแจ็คกระโดดยกกีบเตะใส่ที่หัวของพวกมันทีละตัวจนล้มลง ก่อนที่ผมจะยกกีบชกไปอีกตัวที่ทำท่าจะยกหอกโจมตีผม แต่ทันทีที่ผมชกมันเสร็จแล้วผมสะดุดล้มเพราะตัวที่ผมพุ่งชนไปเมื่อกี้มันสลัดขาจนผมคะมำลงกับพื้น มันทำท่าจะตะโกนเรียกพวก แต่ก็ถูกแอปเปิ้ลแจ็คยกกีบขึ้นถีบจนอีกฝ่ายกระเด็นชนกับกำแพงและสลบทันที ผมรีบลุกขึ้นยืน แต่ก็พบว่าตัวที่สามนั้นล้มลงเพราะพิงค์กี้พายเอาถาดใส่พายที่เอามาจากไหนไม่รู้ตบที่หัวจนอีกฝ่ายร่วงทันที

    "พวกมันมาอีกทางแล้ว" แรร์ริตี้เตือน ผมกับแอปเปิ้ลแจ็ครีบวิ่งไปยังทิศทางตรงกันข้ามทันที และก็พบพวกมันเดินมาถึงสี่ตัว

    ครั้งนี้ผมชักดาบขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ารับมือไม่ไหวแน่ แอปเปื้ลแจ็ครีบใช้เชือกที่มัดเป็นบ่วงไว้แล้วล่วงหน้า โยนเข้าไปจับพวกมันเอาไว้ตัวหนึ่งก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าไปโขกหัวกับอีกฝ่าย ส่วนผมนั้นรีบคาบด้ามดาบเอาไว้ในปาก ก่อนที่จะกระโดดแล้วหวดใส่พวกของมันตัวหนึ่งที่ทำท่าจะใช้หอกโจมตีผม ด้ามหอกพวกมันทำจากไม้และผมก็พุ่งไปเร็วมาก ทำให้หอกของมันหักครึ่งทันที มันมองอย่างตกใจ แต่ผมก็ใช้ด้ามดาบที่ไม่ใช่ด้ามแหลมตบใส่หัวมันและใช้สันดาบเคาะหัวมันจนร่วงล้มลงไปทันที อีกตัวก็ทำท่าจะหวดหอกใส่ผม ผมรีบหมุนด้ามดาบให้เปลี่ยนมารับมืออีกฝ่ายได้ทันเวลาและตั้งรับการโจมตีของอีกฝ่ายตอบโต้ทันที แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีอาวุธ แต่ผมนั้นเชี่ยวเรื่องการใช้ดาบมากกว่า ผมจึงหวดดาบโจมตีใส่มันได้อย่างรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายต้านทานไม่ไหว ก่อนที่ผมจะตบหอกมันร่วงลงจากมือ และใช้หัวโขกที่หัวมันจนมึน และหมุนตัวยกกีบหลังถีบจนมันร่วงลงทันที แต่เพื่อความไม่ประมาท ผมกระโดดแล้วกระทืบมันจนมันสลบไปอีกตัวทันที

    "รับนะ!"

    แอปเปิ้ลแจ็คที่จัดการไปได้แล้วหนึ่งตัว ถีบพวกของมันตัวหนึ่งลอยมาทางผม ผมจึงหมุนตัวและยกขาขึ้นถีบมันจนกระเด็นลงพื้น ผมสะบัดดาบโยนขึ้นไปข้างบนจนตัวดายหมุนเป็นวงกลมกลางอากาศ ก่อนที่จะงับมันด้วยความเร็วที่ผมสามารถมองและกะระยะของด้ามดาบได้ทัน และเสียบดาบลงข้างๆ คอมันที่พื้น มันตกใจเหวอลั่นราวกับว่าเมื่อกี้ผมจะเสียบดาบใส่คอมัน จากนั้นผมก็ยกกีบกระทืบมันจนมันสลบไปทันที และเมื่อผมมองไปรอบๆ ก็พบว่าพวกมันทั้งสี่ตัว (รวมไปถึงตัวแรกที่แอปเปิ้ลแจ็คจัดการเรียบร้อย) ได้สลบหมดแล้ว ผมคาบด้ามดาบแล้วชักดาบขึ้นมา ก่อนที่จะปล่อยดาบเพื่อใช้กีบจับและเก็บเข้าฝักต่อทันที

    "เยี่ยมยอด!" แอปเปิ้ลแจ็คยกกีบขึ้นมา ผมยกกีบผมขึ้นแล้วชนกีบเธอตอบทันที เหมือนกับว่าตอนนี้ทั้งผมและแอปเปิ้ลแจ็คทำงานเข้าขากันได้ดีมาก พิงค์กี้พายกระโดดมาหาพวกผมอย่างร่าเริง

    "หมดแล้วใช่ไหม" ผมถามทไวไลท์

    "ถ้าแถวนี้น่าจะใช่ แต่ฉันจับได้ว่ามีพวกมันอยู่เยอะมากข้างในทางนี้" ทไวไลท์ยกกีบชี้ทางข้างในที่พวกมันชุดสุดท้ายเดินมาให้ผมกับแอปเปิ้ลแจ็คจัดการเมื่อกี้นี้

    "นำทางเลยทไวไลท์" ผมบอก ซึ่งเธอพยักหน้าแล้วก็เดินนำพวกผมไปทันที

    เส้นทางข้างหน้าที่ทไวไลท์นำทางไปนั้นดูเหมือนจะลึกเข้าไปในใจกลางของพีระมิด และใช้เวลาเดินทางไม่ไกลนัก ก็พบกับห้องโถงกลางที่มีพวกมันอยู่เต็มไปหมด และใช้ด้ามหอกทุบพื้นราวกับส่งเสียงประสานอย่างไรอย่างนั้น ข้างในมีพวกมันยืนล้อมรอบเเป็นแถวเรียหน้ากระดานกันหลายตัว และตัวที่น่าจะเป็นบอสใหญ่สุดกำลังถือวงแหวนและทำท่าว่าจะเอาวงแหวนใส่เข้าไปในเสาต้นหนึ่งที่เป็นสีทองและมีขนาดเล็ก แต่มีวงแหวนหลายขนาดวางซ้อนกันอยู่แล้ว และเหมือนกับว่าวงแหวนที่อีกฝ่ายมีนั้นจะเป็นวงสุดท้าย

    จะให้ผมเรียกว่าเป็นลิงก็ไม่น่าใช่ เพราะราวกับเป็นคิเมร่าเสียมากกว่าสิ่งมีชีวิตตัวเดียว มันมีขาหลังที่เป็นอุ้งเท้า แต่มีมือเหมือนมือลิง แถมหางของมันก็เหมือนมือที่สามด้วย มันสวมใส่ชุดที่คอกับแขนของมันเหมือนชนเผ่าโบราณพร้อมกับเขี้ยวในปากที่แหลมเสียจนน่าพิลึก ซึ่งผมเดาได้ไม่ยากหรอกว่านั่นนะคือตัวการทั้งหมดของเรื่องนี้

    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าอาฮุย.. เอ่อ ชื่ออะไรซักอย่างเนี่ยแหละ" แอปเปิ้ลแจ็คบุกเข้าไปทันที เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเอาวงแหวนใส่เข้าไปในเสาต้นนั้นแล้ว

    "รีบวางวงแหวนเลย เดี๋ยวนี้!" ตัวการของเรื่องสั่งให้ลูกน้องมันเตรียมวางวงแหวนลงไป

    หมับ!

    แต่พิงค์กี้พายนั้นไวกว่า เพราะว่าเธอพุ่งตัวเข้าไปด้วยความเร็วสูง แย่งชิงวงแหวนมาได้ และเล่นท่าฮูล่าฮูปก่อนที่จะโยนมาทางพวกผม

    ผมรีบกระโดดอ้าปากคาบวงแหวนนั้นได้พอดี ซึ่งมันหนักกว่าที่คิดเอาไว้ ทำให้ตัวของผมทรุดลงไปจนเสียหลักเล็กน้อย เมื่อตัวผมลงถึงพื้นแล้วผมรีบสะบัดหน้าเพื่อโยนวงแหวนไปให้แรร์ริตี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที ก่อนที่ผมจะมองเห็นพวกของมันอีกตัวที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามาอัดผมทางด้านหลัง

    ผลั่ก!

    ผมรีบกระโดดหลบเอียงมาทางข้างๆ เพื่อหลบการโจมตีจากมัน มันที่โจมตีพลาดจึงได้ร่วงหล่นกระแทกพื้น ผมมองไปรอบๆ ก็พบว่าพวกมันที่เหลือพยายามวิ่งไปที่ทไวไลท์ที่เพิ่งจะหายตัวหลบการโจมตีของพวกมันและวิ่งหนีพวกของมันที่้เหลือที่จะมาชิงวงแหวนของเธอไป ผมจึงรีบวิ่งเข้าไปแล้วกระโดดถีบตัวที่วิ่งไล่ทไวไลท์ทันที

    ผวั๊ะ!

    แรงกระแทกทำให้ตัวข้างหลังเสียหลัก ผมเผลอกลิ้งตัวไปกับพื้นตามแรงวิ่งที่ผมวิ่งมา และก็เห็นพวกมันตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาใส่ผมราวกับต้องการจัดการกับผม ผมกระโดดถอยหลังก่อนที่จะยกขาหน้าทั้งสองเพื่อยืนสองข้าง และใช้กีบยกขึ้นตั้งศอกกันการโจมตีของมันแบบท่าเดียวกับมวยไทยทันที ซึ่งผมยกขึ้นมากันได้ทันเวลาพอดี ก่อนที่ผมเสยกับใส่มันเลียนแบบท่ามวยไทย อีกฝ่ายที่่ไม่รู้ว่าท่าป้องกันตัวที่ผมใช้คืออะไรก็รับมือไม่ถูก ก็โดนผมต่อยเอาๆ ผมไม่ได้กำหมัดแบบตอนเป็นมนุษย์แล้วทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บในการต่อยเท่ากับการกำหมัดเลย และนั่นทำให้ผมพิชิตมันได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อมันล้มลงไปแล้ว ผมก็มองเห็นว่าฟรัทเทอร์ชายได้วงแหวนเป็นตัวต่อไป และเธอกำลังจะถูกพวกมันมารุม ผมจึงรีบกระโดดเหยียบหัวมันแล้วกระโดดเอาตัวเองพุ่งกระแทกใส่มันข้างๆ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฟรัทเทอร์ชายส่งต่อให้แอปเปิ้ลแจ็คทันที และตอนนั้นเองผมก็ได้เห็นว่า เรนโบว์แดชได้เข้ามาสมทบแล้ว โดยที่มี Daring Do อยู่ และทั้งสองตัวก็กำลังยกวงแหวนวงอื่นๆ ออกจากเสาออกมา

    "หยุดยัยนั่นซะ" อาฮุยโซโด้ชี้นิ้วสั่งทันที และนั่นทำให้พวกของมันที่เหลือต่างมุ่งเน้นความสนใจไปที่เพกาซัสทั้งสองตัวทันที

    "ไม่มีทางหรอกหน่า" ผมรีบวิ่งไปทางพวกมัน ก่อนที่จะกระโดดเหยียบหัวของพวกมันตัวหนึ่ง ก่อนที่จะหน้าประจันกับพวกของมันที่เหลือโดยที่มีเรนโบว์แดชและ Daring Do กำลังยกวงแหวนที่วงใหญ่ที่สุดออกมาอยู่ พร้อมกันนั้นผมก็ได้ชักดาบออกจากฝักและประจันหน้ากับพวกมัน ซึ่งพวกของมันเมื่อเห็นว่าผมมีอาวุธ จึงได้เล็งหอกมาทางผมทันที

    "ดาบเล่มนี้มัน..." อาฮุบโซโด้ตาโพลงโตทันทีเมื่อเห็นผมชักดาบออกมา

    "ดาบนี้เองเหรอ" Daring Do ที่กำลังยกวงแหวนวงใหญ่และมีนํ้าหนักมากนั้นพึมพำออกมาด้วย

    เช้ง!

    ผมไม่มีเวลามานั่งฟังสองตัวนี้พูดอะไรกัน เพราะผมต้องคาบดาบให้แน่นในการป้องกันการโจมตีของพวกมันที่บุกเข้ามาหาผม เพราะพวกมันเล่นรุมผมพร้อมกันถึงสามตัว ทำให้ผมต้องอาศัยความเร็วในการเข้าปะทะกับพวกมันให้ได้ เมื่อผมสะบัดดาบเพื่อปัดการโจมตีพวกของมันได้ อีกตัวก็พุ่งหอกมาโจมตีทางผมทันที ผมรีบเอียงคอหลบการโจมตีของมัน ก่อนที่จะก้มตัวลอดหอกของมันแล้วก็เอาหัวพุ่งกระแทกใส่มันทันที ก่อนที่จะกระโดดหลบหอกอีกเล่มหนึ่งที่สะบัดมาทางผม และก็ยกดาบขึ้นเข้าปะทะกับหอกของอีกฝ่านทันที

    "ดาบเล่มนี้ ตราสัญลักษณ์นี้เองนะเหรอ ที่ปู่จ๋าเคยเล่าให้ฟัง" อาฮุยโซโด้พึมพำออกมา

    ปู่จ๋างั้นเหรอ ทไวไลท์ที่เพิ่งเสกเวทย์ยิงใส่หอกของพวกมันตัวหนึ่งจนละลายหายไป อ้าปากค้างด้วยความเหวอ เพราะไม่คิดว่าตัวร้ายที่เธออ่านมาประจำจะพูดอะไรทำนองนี้

    พลั่ก!

    ผมตบดาบมันจนดาบมันร่วหลุดจากกีบของอีกฝ่ายได้ แล้วผมก็ยกกีบหน้าเตะมันจนมันหงายหลังทันที แต่ก็โดนหอกของมันอีกตัวหวดมาโดนสีข้างผม ผมอ้าปากร้องลั่นเพราะปลายแหลมของมันเฉี่ยวเกือบโดนปีกผม ก่อนที่ผมยกดาบขึ้นแล้วหักหอกของมันทันที และก็กระโดดเหยียบหัวของมันก่อนที่จะยกขาหลังถีบมันจากด้านหลังทันที และก็หมุนตัวหลบการโจมตีของมันอีกตัวที่ยังบุกเข้ามาขัดขวางผม เพราะผมยังคงขวางการบุกของพวกมันไม่ใช่พวกมันสามารถเข้าไปขัดขวางเรนโบว์แดชกับ Daring Do ในการยกวงแหวนออกมาจากเสาได้ และดูเหมือนทั้งคู่กำลังยกวงสุดท้ายอยู่

    "เหตุผลที่ปู๋จ๋าไม่สามารถแย่งสมบัติมาได้ก็เพราะตระกูลของมัน" อาฮุยโซโด้กัดฟันกรอดๆ ออกมา

    "รีบหนีเร็ว ที่่นี่กำลังจะถล่มแล้ว!!" เรนโบว์แดชตะโกนออกมา เพราะเธอกับ Daring Do สามารถยกวงแหวนวงขนาดใหญ่วงสุดท้ายออกมาได้แล้ว

    ครืน....

    พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือน ก้อนอิฐต่างๆ เริ่มตกลงมารอบๆ พื้นที่ที่พวกเราอยู่ เหล่าม้าลูกน้องของอาฮุยโซโด้เริ่มที่จะทิ้งหอกแล้วก็วิ่งหนีเอาตัวรอดกัน ซึ่งเพื่อนผมทุกตัวก็ได้วิ่งหนีออกไปกันหมดแล้ว ผมเห็นท่าว่าไม่ดีแน่ๆ จึงรีบจะวิ่งหนีออกไปบ้าง

    "แกจะหนีไปไหน!"

    พลั่ก!

    มีอะไรบางอย่างขัดขาผมจนผมล้มลง ผมกลิ้งตัวกับพื้นหลายตลบจนผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อผมลืมตาขึ้นมอง ก็พบว่าคนที่ขัดขาผมนั้นก็คือ อาฮุยโซโด้นั่นเอง เจ้าตัวใช้หางประหลาดของมันยื่นมาขัดขาผม ส่วนตัวมันนั้นใช้มือทั้งสองข้างหยิบหอกที่พวกของมันทิ้งเอาไว้ขึ้นมา และปลายทางของมันที่เป็นรูปมือนั้นก็หยิบหอกขึ้นมาด้วย กลายเป็นว่ามันถืออาวุธด้วยมือทั้งสามข้างของมันทันที

    "แกกับฉันมีเรื่องที่ต้องสะสางกัน" อาฮุยโซโด้แสยะยิ้มออกมา

    ครืน...

    เกิดเสียงถล่มดังลั่น และผมก็พบว่าประตูทางเข้าออกเพียงทางเดียวของสถานที่นี้ถูกเสาหินถล่มลงมาปิดทางแล้ว ตอนนี้ทำให้เหลือผม อาฮุยโซโด้ เรนโบว์แดช และ Daring Do ที่ยังคงอยู่ในห้องทั้งนั้น

    "อาฮุยโซโด้ นี่นายบ้าไปแล้วเรอะ! ที่นี่มันกำลังจะถล่มอยู่แล้วนะ" Daring Do ตะโกนออกมา

    "ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นนอกจากจะแก้แค้นให้ปู่จ๋าสำเร็จ" อาฮุยโซโด้พูดจบก็กระโดดพุ่งตัวมาทางผมทันที

    เช้ง!

    มันเอาหอกด้ามหนึ่งพุ่งมาทางผม ผมรีบยกดาบขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีของมันทันที แต่มันก็ยกหอกขึ้นมาเตรียมแทงใส่ผม ผมรีบใช้ดาบสะบัดตั้งฉากแล้วกันการโจมตีของอีกฝ่ายทันที แต่กลับโดนหอกอีกด้ามที่้มันจับเอาไว้ด้วยมือที่สามของมันเสยขึ้นมาทางด้านล่างแทน อาการแสบร้อนและความเจ็บปวดแล่นไปทั่วบริเวณคางของผมเมื่อผมหลบไม่พ้นและถูกมันใช้ปลายหอกเสยคางผมจนกรีดเป็นแผลทางยาว ผมอ้าปากร้องลั่นออกมา ก่อนที่จะถูกมันยกขาขึ้นถีบผมจนกระเด็นไปชนกับผนังข้างๆ ของวิหาร

    แกร๊ก... แกร๊ก....

    เสียงพื้นดินปริแตกออกมา และในที่สุดพื้นดินก็แยกออกมา และเผยให้เห็นว่าใต้พื้นดินของวิหารนั้นเป็นลาวาร้อนระอุ ไอความร้อนของแม็กม่านั้นลอยออกมาปะทะกับตัวของผมจนเหงื่อไหลย้อยออกเสียจนน่ากลัว พริบตาเดียวอุณหภูมิในห้องอบอ้าวราวกับอยู่เตาอบเลยก็ว่าได้ เสียงทั่วทั้งวิหารยังคงสั่นสะเทือนและมีซากบางส่วนตกลงมาเป็นระยะ มีบางชิ้นตกลงไปในลาวา นํ้าลาวากระเซ็นมาบนพื้นใกล้ๆ กับผม พื้นตรงบริเวณนั้นไหม้เป็นสีดำทันทีพร้อบกับควันที่ลอยออกมาอย่างน่าขนลุกเสียจนผมมองดูด้วยความหวาดเสียว

    "ปู่จ๋า รอก่อนนะ ข้าจะแก้แค้นให้เดี๋ยวนี้แหละ" อาฮุยโซโด้ค่อยๆ เดินมาทางผมเรื่อยๆ พร้อมกับหอกที่มันแกว่งไปแกว่งมาทั้งสามเล่ม ความโหดของเจ้าตัวนั้นต่างจากลูกน้องของมันอย่างลิบลับเสียจนผมเริ่มท้อ เพราะผมมีดาบเพียงเล่มเดียว แต่อีกฝ่ายกลับมีถึงสาม เหงื่อไหลย้อยลงมาตรงคางจนผสมกับบาดแผลตรงคางผมและทำให้แผลผมแสบร้อนไปหมด ผมกัดฟันและยกดาบขึ้นเพื่อเตรียมการโจมตีจากมัน

    เพี๊ยะ!

    เสียงแส้หวดดังลั่นขึ้น และก็พบว่า Daring Do นั้นหวดแส้มาจับที่หอกเล่มหนึ่งที่หางของมัน แล้วเธอก็กระซากหอกนั้นออกมาแล้วโยนมันลงไปในลาวา และหอกเล่มนั้นก็จมละลายเข้าไปลาวาเดือดอย่างรวดเร็ว

    "พอได้แล้ว!" Daring Do สะบัดแส้ลงกับพื้นจนเสียงดังก้องไปทั่ว

    "อย่ามายุ่ง!" อาฮุยโซโด้พุ่งการโจมตีไปที่ DaringDo แทนเพราะเลือดขึ้นหน้าแล้ว เพกาซัสสาวรีบใช้แส้ปัดการโจมตีจากอีกฝ่ายทันที ก่อนที่เธอจะกระโดดตีลังกาม้วนกลับหลังกลางอากาศเพื่อหลบการโจมตีของอีกฝ่ายโดยอาศัยปีกช่วย

    เรนโบว์แดชรีบเข้ามาดูอาการของผมทันที ผมนิ่วหน้าเพราะความร้อนจากไอลาวาปะทะกับแผลทำให้มันแสบร้อนเสียจนราวกับมันกำลังจะไหม้

    "ถ้าเราไม่รีบออกไป มีหวังเราถูกต้มกันหมดแน่" เรนโบว์แดชบอกกับผม

    "เราต้องออกไปด้วยกัน" ผมบอกเมื่อผมมองไปยัง Daring Do ที่กำลังกระโดดหลบหอกของอีกฝ่ายราวกับเล่นชักเย่อ แม้ว่าเธอจะเชี่ยวชาญการใช้อาวุธและใช้ปีกของเธอช่วย แต่ดูแล้วยังไงก็เสียเปรียบเพราะอีกฝ่ายเล่นจับอาวุธถึงสองอย่างและมีขนาดที่ใหญ่โตกว่าเพกาซัส ทำให้เคลื่อนไหวได้มากกว่า

    ครืน....

    เสียงพื้นดินแยกดังขึ้นมาอีกครั้ง และผมก็พบว่าพื้นที่ผมอยู่นั้นก็เริ่มสั้นลงเรื่อยๆ เพราะลาวาเริ่มที่จะขยายพื้นที่เข้ามาใกล้มากขึ้น และสภาพของวิหารนั้นก็เริ่มโยกไปโยกมาอย่างน่าหวาดเสียว ราวกับว่าพวกเราทั้งสี่อาจจะถูกกำแพงของหารล้มทับถล่มตอนไหนก็ได้ เหงื่อของผมไหลพรากๆ เมื่อไอจากลาวาร้อนยังคงเข้ามาปะทะมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในหม้อต้มอย่างไรอย่างนั้น

    "งั้นเราก็ต้องรีบหยุดมันให้ได้" ผมบอก ซึ่งเรนโบว์แดชพยักหน้าและมองไปทาง Daring Do ที่เริ่มจะแย่เพราะแส้ของเธอไม่สามาถปัดการโจมตีของอีกฝ่ายแทบจะไม่ไหวเพราะอีกฝ่ายเร็วกว่า

    เพี๊ยะ!

    แม่สาวเพกาซัสร้องเสียงหลงเมื่อเธอถูกหอกเล่มหนึ่งฟาดโดนกีบของเธอจนแส้ของเธอกระเด็นตกลงข้างๆ เธอกระโดดหงายหน้าล้มลงกับพื้น และก็ถูกปลายหอกอันแหลมคมที่อาฮุยโซโด้ถืออยู่จ่อที่คอของเธอทันที ท่ามกลางลาวาเดือดที่ปะทุขึ้นรอบๆ ตัว โดยที่อีกฝ่ายนั้นไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะรอดไม่รอด

    "เธอขัดขวางแผนของฉันนับไม่ถ้วน Daring Do และเธอยังจะมาขัดขวางการแก้แค้นของปู่จ๋าอีก ฉันจะไม่ไว้ชีวิตเธออีกต่อไปแล้ว เตรียมตัวตายได้!!" อาฮุยโซโด้เอ่ยเสียงเย็นเฉียบ ก่อนที่จะยกหอกอีกข้างเพื่อเตรียมสังหารเธอทันที เพกาซัสสาวรีบหลับตาแน่นทันที

    "อย่ามาทำอะไร Daring Do ของฉันนะย่ะ!"

    เฟี้ยววววว!

    เรนโบว์แดชใช้ความเร็วสูงของเธอพุ่งเข้าไปคาบหอกของอาฮุยโซโด้ออกมา แล้วเธอก็โยนมันทิ้งกลางลาวาทันที อาฮุยโซโด้คำรามออกมาเสียงดังลั่น แต่ก่อนที่มันจะทำอะไรต่อ ผมก็วิ่งเข้าไปและใช้ดาบหวดเข้าไปที่มือมันทันที

    เช้งงง!

    ผมตบเข้าที่หอกของมันอย่างแรงจนแรงสั่นสะเทือนทำให้มันต้องปล่ยอยหอกออกมา ผมรีบใช้กีบเตะหอกให้มันไหลตกลาวาไป ก่อนที่จะพุ่งตัวและใช้หัวโขกเข้าที่ท้องของมันจนมันเชล้มลง และจากนั้นเรนโบว์แดชก็ได้บินพุ่งตัวเข้ามาแล้วก็ต่อยเข้าที่หน้าของมันทันที

    พลั่ก! ผวั๊ะ! ตุ๊บ! ปั๊ก! พลั่ก!

    ผมกับเรนโบว์แดชอาศัยพลังร่วมมือร่วมใจในการเข้าจัดการกับอาฮุยโซโด้คนละฝั่งคนละฟาก เรนโบว์แดชพุ่งโจมตีใส่มันจากทางด้านบน ส่วนตัวผมนั้นใช้ดาบตวัดใส่มันโดยใช้สันดาบในการโจมตี และกระโดดหลบที่มันพยายามใช้ทั้งมือและหางในการจับตัวผมเอาไว้ แต่มันก็ไม่สามารถสู้ความไวของเรนโบว์แดชได้ เธอหมุนวนเป็นวงกลมกลางอากาศและพุ่งต่อยหมัดในการโจมตีอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ แต่ทว่า อีกฝ่ายนั้นเริ่มจับทิศทางได้ มันใช้มือข้างหนึ่งตบเข้าที่เรนโบว์แดชจนเธอร่วงกระเด็นออกไป และใช้หางของมันหวดเข้าที่หน้าของผมจนผมหมุนกระเด็นกลางอากาศและไถลไปข้างๆ เรนโบว์แดช แรงปะทะของมันนั้นทำเอาทั้งผมและเธอแรงเริ่มหมดเพราะความบาดเจ็บที่เริ่มเกิดขึ้นตามร่างกาย และเมื่อผมลืมตาขึ้นมา ผมก็พบว่า Daring Do ก็ได้ลุกขึ้นและใช้แส้พยายามหวดเข้าโจมตีใส่มัน แต่มันกลับกระโดดหลบและป้องกันการโจมตีของเธอได้ทุกครั้ง

    "เอาไงดี เราชนะมันไม่ได้แน่" เรนโบว์แดชเริ่มท้อ เพราะไม่เคยเจอศัตรูที่โหดขนาดนี้มาก่อน แม้ว่าเราจะรุมกันสามตัวแล้วก็ตาม

    ครืน....

    เสียงสั่นสะเทือนๆ รอบๆ วิหารดังสนั่นขึ้นอีกครั้งราวกับแผ่นดินไหวและตึกกำลังจะถล่ม เสาหินที่คํ้าเพดานข้างๆ เริ่มถล่มไหลออกมาและจมลงในลาวา และตอนนี้รอบๆ ห้องนั้นเริ่มมีลาวาขยายพื้นที่มาเรื่อยๆ ราวกับว่าพวกเรากำลังยืนอยู่บนเกาะกลางที่ล้อมรอบไปด้วยลาวา และก็บ่งบอกให้เห็นแล้วว่าเวลาเริ่มเหลือน้อยแล้ว ส่วน Daring Do นั้นก็กำลังเข้าปะทะกับอาฮุยโซโด้ ต่างฝ่ายต่างใช้ความเร็วในการเข้าปะทะด้วยกันโดยไม่มีใครยอมใคร

    "ไม่! เราจะยอมแพ้ไม่ได้ ถ้าเรายอมแพ้ เราต้องตายกันหมดแน่" ผมฝืนตัวเองลุกขึ้นยืน และยกดาบขึ้นคาบเอาไว้ที่ปาก

    "นั่นสินะ ใครจะไปยอมแพ้กับศัตรูของ Daring Do กันหละ" แม่สาวสายรุ้งยิ้มกว้างกับลุกขึ้นยืนข้างๆ ผมด้วยเช่นกัน

    "ลุยเลย!!" ผมตะโกนออกมาก่อนที่จะควบเข้าไปหาอาฮุยโซโด้ โดยที่เรนโบว์แดชกางปีกแล้วพุ่งไปทางอากาศด้วยทันที

    เพี๊ยะ!

    Daring Do พยายามใช้แส้ในการฟาดเข้าโจมตีกับอาฮุยโซโด้ แต่อีกฝ่ายนั้นกลับกระโดดหลบได้ทุกครั้ง และครั้งล่าสุดนั้นมันกลับใช้มือที่หางของมันจับที่แส้ของเธอได้ เพกาซัสสาวตาโพลงโตออกมาด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าอาฮุยโซโด้นั้นจับแส้ของเธอแล้วกระซากให้เธอลอยเข้าไปใกล้ตัวมัน ก่อนที่มันจะกำหมัดและเตรียมที่จะใช้หมัดต่อยเธอ

    พลั่ก!

    แต่ทว่า เรนโบว์แดชนั้นพุ่งใช้กีบต่อยเข้าที่หัวของมัน จนมันร้องออกมาและเผลอปล่อยแส้ออกมา Daring Do จึงกระเด็นผ่านตัวมันไป แต่ก็รีบตีลังกาแล้วดันตัวเองขึ้นมาได้ ส่วนผมนั้นก็ตัดสินใจใช้ดาบฟาดเข้าที่ด้านหลังของมัน แต่เหมือนกับว่าตัวของมันจะแข็งแกร่งมากจนดาบผมฟันไม่เข้า ผมตาโตด้วยความตกใจ ก่อนที่จะกระโดดถอยหลังออกมาเมื่อมันพยายามใช้มือข้างหนึ่งของมันสะบัดมาทางผม ทำให้ตอนนี้ผมถอยหลังไปยืนข้างๆ Daring Do และเรนโบว์แดชก็บินมาอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกัน ทำให้ตอนนี้พวกผมทั้งสามตัวยืนประจันหน้ากับอีกฝ่าย

    "พวกแก!!!!" อาฮุยโซโด้ตะโกนออกมาดังลั่น ซึ่งเสียงของมันนั้นดังพอๆ กับเสียงสั่นสะเทือนของวิหารที่กำลังจะถล่มลงมามากขึ้นเรื่อยๆ และเพดานนั้นก็เริ่มปริแตกออกมากขึ้นด้วย

    "รีบจัดการกันเลยดีกว่า" Daring Do เอ่ย

    "จัดไป" ผมพยักหน้า

    "เราไม่กลัวแกหรอกหน่า" เรนโบว์แดชท้าทาย!

    "บุกเลยยยยย!!"

    พวกผมทั้งสามตัวพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมกัน โดยที่เรนโบว์แดชน้้นใช้ความไวของเธอพุ่งเข้าโจมตีมันก่อน ก่อนที่จะบินวนรอบๆ ตัวของมันเป็นวงกลม เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ Daring Do กระโดดพุ่งตัวเข้าไปและใช้แส้ฟาดเข้าที่ตัวมัน ก่อนที่เธอจะบินตีลังหาเพื่อหลบการโจมตีของหางมันได้ทันทีเวลา และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมพุ่งตัวมาเป็นตัวสุดท้าย และใช้ดาบนั้นฟาดเข้าที่แขนของมัน แม้ว่าดาบมันจะไม่สามารถแทงเข้าไปได้ราวกับว่าทั้งตัวมันมีเกราะป้องกันอยู่ แต่มันก็ร้องออกมาเสียงดังลั่น ก่อนที่จะมองมาทางผมที่ไถลไปบนพื้นและกันมาประจันหน้าด้วยสายตาเคียดแค้น

    "ข้าจะฆ่าแก!!" มันกระโดดพุ่งตัวมาทางผม ซึ่งมันก็ได้อาศัยความไวในการหลบการโจมตีของเรนโบว์แดชได้ และมันก็อ้าปากแยกเคี้ยวออกมา ซึ่งผมได้เตรียมดาบรออยู่แล้ว

    "ย๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!"

    แว้บบบบบบบบบบบบบบ!!!

    ผมอ้าปากตะโกนดังลั่นออกมา ทันใดนั้น ผมกลับรู้สึกพละกำลังมหาศาลที่แผ่ซ่านออกมาจากดาบของผม ดาบของผมนั้นรู้สึกเบาหวิวกว่าเดิมราวกับผมกำลังคาบปุยนุ่นและสามารถคาบมันได้ง่ายกว่าเดิม และตอนนั้นเอง ผมรู้สึกได้ว่าตัวผมนั้นมีความเร็วเพิ่มขึ้นราวกับผมใช้ปีกในการขยับให้ผมไปเร็วขึ้นทั้งๆ ที่ปีกของผมยังหุบอยู่ทั้งสองข้างเหมือนเดิม มีแสงสีฟ้าส่องออกมาจากดาบของผม และนั่้นทำให้อาฮุยโซโด้ตาโพลงโตด้วยความตื่นตกใจ

    ฉวั๊ะ!

    ผมหวดดาบของผมพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายโดยไม่ลังเล และเหมือนกับผมตวัดดาบฝ่ากลางอากาศ และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่าอาฮุยโซโด้นั้นล้มลงกับพื้น แม้ว่ามันจะยังไม่สลบหรือหมดสติ แต่มันก็ร้องโอดโอยออกมาบ้าง และก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาโจมตีพวกผมต่อ ซึ่งนั่นทำให้เรนโบว์แดชบินลงมาข้างๆ ผมมองด้วยความดีใจสุดขีด

    "รีบหนีออกจากที่นี่เถอะ" Daring Do เอ่ยเตือน ซึ่งทั้งสองสาวรีบมาพยุงผมให้บินขึ้นไป เพราะผมบินไม่ได้

    ครืน....

    เสียงวิหารถล่มดังขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับกลุ่มควันที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว ทั้งสองสาวนั้นหามผมบินผ่านช่องโหว่วบนเพดานที่หลายส่วนแตกหักพังไปแล้ว และผมก็มองเห็นว่าอาฮุยโซโด้ยังไม่เป็นอะไรและพยายามเอื้อมมือจะจับพวกผมให้ได้ แต่พวกผมบินขึ้นสูงเกินกว่าที่มันจะเอื้อมมาถึง แล้วมันก็จมหายเข้าไปในกลุ่มควัน

    โครม!

    เสียงดังลั่นสนั่นหวั่นไหวเมื่อวิหารทั้งหลังถล่มอย่างรวดเร็ว พวกผมออกมาได้ทันเวลาพอดีก่อนที่มันจะถล่มทั้งหมด เรนโบว์แดชและ Daring Do มองเห็นพวกเพื่อนผมที่ยืนอยู่ตรงชายป่าและกำลังโบกไม้โบกกีบเรียกพวกผมอยู่ ทั้งสองสาวจึงได้พาผมบินไปทางนั้นทันที

    "ฝากไว้ก่อนเถ๊อะ!!! ข้าจะกลับมาแน่!! คอยดู!!!!!!"

    เสียงอาฮุยโซโด้ดังตามหลังมาจากซากวิหารที่ถล่มลงมาไม่เหลือซาก และผมมองเห็นพวกลูกน้องของมันกำลังพยายามคลานออกมาจากซากวิหารอยู่หลายตัว แต่ก็ไม่มีตัวไหนบาดเจ็บสาหัส ผมยังรู้สึกอึ้งไม่หายที่โดนวิหารถล่มทั้งหลังแต่ยังรอดตายกันได้ทั้งคณะ แต่อีกฝ่ายตามพวกผมมาไม่ได้ผมก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจอย่างมากเลยทีเดียว

    ทันทีที่ทั้งสองสาวหย่อนผมลงบนพื้นได้ Daring Do รีบทำลายวงแหวนอันนั้นทันที เพื่อไม่ให้มีใครสามารถเอามันไปทำเรื่องชั่วร้ายได้อีก

    "ฉันคงทำไม่ได้ถ้าไม่มีเธอ" Daring Do ยื่นกีบไปทางเรนโบว์แดชขณะที่เธอบินกลางอากาศ หวังที่จะเขย่ามือเพื่อแสดงความขอบคุณกับเรนโบว์แดช

    หมับ!

    แต่เรนโบว์แดชนั้นกลับบินเข้าไปกอดแม่สาวเพกาซัสตัวนั้นแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้รังเกียจอะไรและกอดกลับเสียด้วย ซึ่งผมเห็นแล้วก็ตลกพิลึก เพราะผมคิดว่าเรนโบว์แดชคงเก็บอาการไม่อยู่แน่ๆ เพราะเล่นดีใจสุดขีดซะขนาดนั้น

    "และต้องขอบคุณทุกตัวด้วยนะที่ช่วยฉันเอาไว้" Daring Do คลายการกอดกับเรนโบว์แดชแล้วก็หันมาขอบคุณพวกผม ซึ่งพวกผมก็ตอบรับ ไม่ก็พยักหน้าตอบกัน

    "ยินดีเสมอค่า" ทไวไลท์ตอบด้วยนํ้าเสียงปลื้มสุดขีด

    "ส่วนนายเจ้าหนุ่ม เพื่อเป็นการตอบแทน ฉันมีของบางอย่างจะให้ดู ตามฉันมาที่บ้านฉันสิ เชิญทุกตัวเลยนะ" Daring Do บินนำทางพวกผมไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ทุกตัวสามารถเดินตามเธอไปได้

    "ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเราจะได้ไปบ้านของ Daring Do แล้ว" เรนโบว์แดชยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้น

    "ฉันก็เหมือนกัน เป็นความฝันของฉันเลยนะเนี่ย" ทไวไลท์ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

    "เอิ่ม พวกเธอก็เข้าไปในบ้านเค้าแล้วไม่ใช่เหรอ" ผมถามพลางเอากีบปาดเลือดที่คางออก

    "ครั้งนี้เธอเชิญพวกเราไปเองเลยนะ ไม่เหมือนกันหรอก" ทไวไลท์พูดเข้าข้างตัวเอง

    "ใช่" เรนโบว์แดชพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

    จ้าๆ ผมคิดในใจ

     

    -----------------------------------------------------

     

    แม้ว่าการเดินทางมายังป้อมแห่งทาลิคอร์นจะใช้เวลาเดินทางทั้งวัน แต่ Daring Do นั้นกลับพาไปยังลำธาร ที่มีเรือซ่อนเอาไว้ตรงหลังพุ่มไม้ขนาดใหญ่ และเมื่อพวกเราทุกตัวนั่งเรือล่องไปตามแม่นํ้า กลับสามารถไปถึงบ้านของเธอได้โดยใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น เธอบอกว่ามันเป็นพาหนะที่เธอใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน แต่คงต้องเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ศัตรูจับได้ ทั้งเรนโบว์แดชและทไวไลท์ต่างพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นที่จะรับฟังการพูดของเธอ ราวกับว่ามันเป็นเนื้อหาสเปเชี่ยวที่ไม่มีในหนังสือให้อ่านอย่างไรอย่างนั้น

    เมื่อไปถึงบ้านแล้ว แรร์ริตี้กับแอปเปิ้ลแจ็คนั้นต่างช่วยกันทำความสะอาดบ้านของเธอ ในขณะที่พิงค์กี้พายวิ่งไปดูนู่นดูนี่ ส่วนฟรัทเทอร์ชายนั้นทำแผลให้ผมอยู่ ซึ่งโชคดีที่แผลไม่ลึกมาก ทายาแปะพลาสเตอร์ก็ได้แล้ว และ Daring Do นั้นก็ได้เซ็นลายเซ็นให้เรนโบว์แดชกับทไวไลท์ให้ ทั้งสองตัวรับมากอดไว้ราวกับเป็นสมบัติที่มีค่ามากทีเดียว

    "ขอโทษนะที่ไม่ได้ทักอะไรนายมาก่อนหน้านี้ เพราะฉันสงสัยว่ามันจะใช่ตามที่ฉันคิดไหมนะ" Daring Do บอกพลางเก็บปากกาขนนกจุ่มเข้สไปขวดหมึกเมื่อเซ็นลายเซ็นให้สองสาวเสร็จแล้ว "แต่ก็ใช่ตามที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย"

    "หมายความว่ายังไงเหรอครับ" ผมถามเมื่อฟรัทเทอร์ชายแปะพลาสเตอร์เสร็จแล้ว

    "ฉันรอเวลาที่จะมอบสิ่งนี้ให้นายยังไงหละ"

    เมื่อ Daring Do พูดจบ เธอเดินไปที่รูปถ่ายที่น่าจะมีรูปถ่ายพ่อแม่ของผมติดเอาไว้ แล้วจากนั้นเธอก็เอียงภาพนั้นไปข้างๆ ซึ่งข้างหลังรูปภาพนั้นมีตู้เซฟอยู่ ซึ่งมันหลบหลังรูปภาพเนียนมากจนไม่รู้เรื่องเลยว่ามีตู้เซฟซ่อนอยู่ในนั้น Daring Do ใช้กีบของเธอหมุนรหัสไม่นานก็เปิดตู้เซฟออกได้ และเธอก็คาบม้วนกระดาษขนาดใหญ่กว่าม้วนกระดาษปกติที่ทไวไลท์ใช้เขียนจดหมายถึงเจ้าหญิงออกมา แต่ข้อต่างก็คือ นอกจากจะมีโบว์สีแดงผูกเอาไว้แล้ว กลับมีแม่กุญแจล็อคเอาไว้อยู่ด้วย

    "นี่มันอะไรเหรอครับ" ผมถามเธอ

    "เมื่อสี่สิบกว่าปีก่อน ก่อนที่ฉันจะเกิดเสียอีก ปู่ของฉันเป็นนักผจญภัยเหมือนกับฉันในตอนนี้แหละ" Daring do เอ่ยด้วยนํ้าเสียงภาคภูมิใจ "ท่านรู้จักกับกัปตันของวันเดอร์โบ้วในสมัยนั้น ซึ่งตอนนี้ถ้าจำไม่ผิด สปิดไฟ้ท์คือหัวหน้าวันเดอร์โบ้วสินะ และแน่นอนว่า ม้าสองตัวนั้น คือปู่กับย่าของนายนะแหละ" Daring Do เอ่ย

    "อ้าว ไม่ใช่พ่อกับแม่ของเธองั้นเหรอที่รัก" แรร์ริตี้ถาม

    "รูปมันมองไม่เห็นหน้า แต่ฉันก็ยังไม่รู้หน้าตาพ่อแม่ฉันเลย แต่มันคล้ายกันแหละมั้ง" ผมยักไหล่ตอบ

    "ต้องขอโทษด้วยนะที่ฉันจงใจลบภาพหน้าปู่กับย่าของนายออกไป ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย เพื่อจะได้ไม่มีม้าตัวไหนมาเห็นว่ามีพวกท่านอยู่นะ" Daring Do วางม้วนกระดาษลงบนโต๊ะ

    "แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าผมคือหลานของม้าในรูปเหรอครับ" ผมถามเธอ

    "จากดาบของเธอไงหละ" Daring Do ชี้มาทางดาบของผม ซึ่งเมื่อผมชักมันออกมาดู ผมก็ต้องมองมันด้วยความตื่นตะลึง

    "นี่มันอะไรเนี่ย" ผมอ้าปากค้างออกมา

    "ว้าว..." พิงค์กี้พายร้องออกมา

    "นี่มันเจ๋งไปเลยไม่ใช่เหรอ" เรนโบว์แดชยิ้มแป้นออกมา

    เพราะว่าตัวดาบนั้นแทนที่ด้ามดาบจะเป็นสีทองจางๆ และตัวดาบเป็นสีเงินปกติ แต่ตอนนี้ตัวดาบกลับเปร่งสีฟ้าอ่อนๆ จางออกมา พร้อมกันนั้น ตรงด้ามดาบนั้น เหนือรูปคิ้วตี้มาร์คของผมนั้นกลับมีรูปคิ้วตี้มาร์คอันใหม่ปรากฎขึ้นเป็นสีทองเช่นเดียวัน และคิ้วตี้มาร์ครูปนั้นก็คือสายฟ้าของเรนโบว์แดชนั่นเอง

    "ทำไมคิ้วตี้มาร์คของเรนโบว์แดชถึงไปอยู่ในดาบของเขาได้หละค่ะ" ทไวไลท์ถามด้วยความตื่นตะลึงไม่ต่างจากผม

    "ดาบเล่มนี้ เป็นดาบของบรรพบุรุษที่ตกทอดกันมาหลายรุ่น เป็นดาบที่ใช้ในการปกป้องเชื้อพระวงศ์ในอดีตกาล ถ้าจะให้พูดก็คือ เจ้าหญิงเซเลสเทรียนะแหละ" Daring Do เล่า "หลังจากที่เจ้าหญิงลูน่ากลายเป็นไนท์แมร์มูน ช่วงเวลานั้น สตาร์ สเวิลด์ ผู้มีเครา ได้มีบัญชาให้หนึ่งในลูกศิษย์ที่เขาไว้วางใจที่สุด มอบหมายภารกิจในการปกป้องพิทักษ์เจ้าหญิงเซเลสเทรีย ร่วมกับกลุ่มอาสาวันเดอร์โบ้วที่ก่อตั้งขึ้นเพื่่อแบ่งเบาภาระของเจ้าหญิงในการดูแลอีเควสเทรีย ซึ่งหนึ่งในตระกูลนั้นก็คือ บรรพบุรุษของนายนะแหละ

    "ดาบเล่มนี้ถูกลงอาคมโบราณแข็งกล้าเอาไว้ และมีแต่ผู้ที่สืบทอดตระกูลเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ แต่ภายหลัง เจ้าหญิงเซเลสเทรียได้มีราชองค์รักษ์ในการคุ้มครองพระองค์มากขึ้น บทบาทของผู้พิทักษ์ก็ได้ลดลงไป มีช่วงเวลาหนึ่งที่บรรพบุรุษของอาฮุยโซโด้พยายามที่จะเข้ายึดครองสมบัติแห่งหนึ่งที่ต้องแลกกับทำให้ทวีปอีเควสเทรียเกิดหายนะ ไม่ต่างอะไรจากอาฮุยโซโด้ ตอนนั้นเอง ปู่ของฉัน กัปตันวันเดอร์โบ้ว และปู่กับย่าของนายก็เข้าไปขัดขวางได้สำเร็จ และเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ตระกูลของอาฮุยโซโด้พยายามแย่งชิงสมบัติมาให้ได้เพื่อเป็นการแก้แค้น ซึ่งฉันก็ต้องทำหน้าที่ในการปกป้องมันเอาไว้" Daring Do เล่าต่อ "แต่ทว่า กลับเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น ที่ทำให้ตระกูลนี้หายไปจากอีเควสเทรีย รวมไปถึงดาบตัวนี้ด้วย นายไปเจอดาบนี้มาจากที่ไหนเหรอ"

    "ปราสาทเก่าของเจ้าหญิงนะ" ผมตอบเธอ

    "ฉันว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่นายจะไปเจอดาบที่ซากปราสาทเก่า เพราะช่วงเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นที่ซากปราสาทนั้นด้วยถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนั้นทำให้พลังเวทย์ไหลเวียนในอากาศเหนือป่าเอเวอร์ฟรีมากขึ้น และทำให้เกิดต้นแซ้ปแอปเปิ้ลด้วย" Daring Do มองไปทางแอปเปิ้ลแจ็ค

    "แล้วมันเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอค่ะ" ทไวไลท์ถาม

    "ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ เพราะฉันไม่ได้อยู่ใกล้เมืองอื่นเลยนอกจากที่นี้ อาฮุยโซโด้พยายามที่จะแย่งชิงสมบัติตลอดเวลาเพื่อล้างแค้น เหมือนในหนังสือที่ฉันเขียนแหละ ตอนแรกๆ ฉันเขียนก็เพื่อจะให้อาฮุยโซโด้รู้ตัวเองว่าที่ทำไปมันไม่ถูก แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้สนใจเล้ย"

    Daring Do ถอนหายใจด้วยแววตาแปลกๆ ซึ่งแรร์ริตี้เพ่งมองเป็นพิเศษราวกับกำลังวิเคราะห์บางอย่างจากแววตาของเธอ

    "ม้วนกระดาษนี้ ปู่ของฉันสั่งเอาไว้ว่า เมื่อถึงคราวที่ลูกหลานตระกูลนี้กลับมา ให้มอบมันไว้ด้วยตัวเอง ฉันได้ข่าวถึงม้าจากต่างโลกที่สามารถปราบควีนคริสซาลิสและตอนนั้นก็มีเจ้าหญิงองค์ใหม่ คือเจ้าหญิงทไวไลท์ สปาร์คเคิล ฉันเลยคิดขึ้นมาได้ว่าคงจะเป็นนายแน่ๆ ฉันเลยเดินทางเพื่อที่จะไปเช็ดดูว่าใช่นายจริงๆ รึเปล่า แต่ฉันตัดจากโลกภายนอกมานาน เลยไม่รู้ว่านายกลับโลกไปแล้ว แต่พอเดินทางกลับมาก็ดันพบว่าบ้านถูกพวกของดอกเตอร์คาบาเลรอนรื้อซะเละ และมีพวกเธออยู่แทนเนี่ยแหละ" Daring Do ถอนหายใจออกมา

    "แล้ว ไม่มีกุญแจอะไรเหรอค่ะ" ฟรัทเทอร์ชายถาม เพราะมีแต่ม้วนกระดาษที่ผนึกมันเอาไว้ด้วยแม่กุญแจ แต่ไม่มีลูกกุญแจเลย

    "โทษทีนะ ไม่มีกุญแจจริงๆ นะแหละ พ่อฉันก็งงๆ เหมือนกันว่าทำไมไม่มีกุญแจมาให้ ฉันเลยคิดว่านายจะต้องไปตามหากุญแจด้วยตนเองนะ" Daring Do บอก

    Daring Do หยิบม้วนกระดาษและส่งให้ผม ซึ่งผมก็รีบมันออกมาจากเธอ ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับเธอ

    "ขอบคุณมากนะ ที่เก็บรักษามันเอาไว้" ผมบอก

    "ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้นายก็มีภารกิจของนาย ส่วนฉันก็มีภารกิจของฉัน ฉันเดาว่าเร็วๆ นี้อาฮุยโซโด้คงจะควานหาโบราณสถานแห่งใหม่และคิดที่จะเข้าไปขโมยสมบัติอีกแน่ แต่ที่แน่ๆ ฉันต้องเขียนหนังสือเล่มนี้ให้จบก่อน" Daring Do ยิ้มพร้อมหลับตาข้างหนึ่งให้เรนโบว์แดช

    "แล้วฉันจะรอแน่นอน" เรนโบว์แดชยิ้มกว้างกว่าเดิมเสียอีก และดูเหมือนว่าทไวไลท์เองก็ยิ้มกว้างไม่แพ้กัน

    "ยังไงขอให้นายโชคดีในการหากุญแจให้พบนะ" Daring Do ยกกีบขึ้นมา ซึ่งผมก็ยกกีบขึ้นแตะเข้าที่กีบของเธอตอบ

    "ขอบคุณนะ แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีนะว่าจะหากุญแจได้จากไหนนะ" ผมหัวเราะแห้งๆ

    "บางที ปริศนาบางอย่างมันก็ไม่ได้มาดั่งใจหรอกนะ นายอาจจะต้องรอก็ได้" Daring Do บอกกับผม

    ผมก้มลงมองดูม้วนกระดาษที่ผมถือเอาไว้ และดาบที่ผมวางไว้บนโต๊ะ ปรากฎว่าแสงสีฟ้านั้นหายไปแล้ว และรูปคิ้วตี้มาร์คของเรนโบว์แดชก็หายไปเช่นกัน ตอนนี้ทั้งเรนโบว์แดชและทไวไลท์ต่างตื่นเต้นที่ว่า Daring Do จะเขียนหนังสือต่อ ส่วนตัวอื่นๆ ที่เหลือก็สนใจม้วนกระดาษมากกว่าดาบบนโต๊ะ ผมหันหน้าไปทางกรอบรูปภาพที่ตอนนี้ Daring Do เอามันปิดตู้เซฟเอาไว้เหมือนเดิมแล้ว

    เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นกันแน่นะ ผมคิดด้วยความสงสัย

     

    ...

    ..

    .

    .

     

    To Be Contined

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×