ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Adventure in Equestria 2 (My Little Pony Fan-Fic)

    ลำดับตอนที่ #4 : Episode 4 : Secret of Daring Do (Part 1)

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 57




    "
    เกือบถึงแล้ว"

    เรนโบว์แดชบอกอย่างตื่นเต้นเมื่อเธอบินนำหน้าพวกผมไป เธอเพิ่งจะบินแหวกใบไม้บนต้นไม้สูงราวกับบินสอดส่องมองดูแทนพวกเรา เพราะตอนนี้มีแต่เธอคนเดียวที่จะบินได้คล่องที่สุด เนื่องจากปีกผมยังไม่หายดีนั่นะเอง

    ผมหันไปมองดูเพื่อนๆ ที่เดินตามๆ กันมา ทไวไลท์กำลังทำหน้าครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกเรากำลังไป แอปเปิ้ลแจ็คกำลังมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจ แรร์ริตี้ก็ยกกีบมาดูเป็นระยะๆ ราวกับว่าเธอต้องการเช็ดว่าพื้นที่เดินๆ มานั้นสกปรกแค่ไหน ฟรัทเทอร์ชายกำลังมองดูนกที่กำลังบินเหนือหัวเธออยู่ ส่วนพิงค์กี้พายนั้นก็เอาปากคาบแปรงทาสี จุ่มสีแดงและลากเส้นมาเป็นเส้นตรงตามหลังพวกผมมา เมื่อผมถามเธอแรกๆ ว่าทำอะไร เธอก็บอกมาแค่ว่ามันเป็นสีล่องหน แปบๆ มันก็หาย (ก็นั่นแหละ ผมเลยถามเธอว่าทำเพื่ออะไร) โดยบริเวณรอบๆ พวกผมนั้นเป็นป่าลึกที่ไม่มีโพนี่หรือไม่เห็นสัตว์ตัวไหน นอกจากนกอาศัยอยู่กันเลย ผมถอนหายใจก่อนที่จะเดินตามทางที่เรนโบว์แดชนำทางพวกผมมา ก่อนที่จะเริ่มคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ที่พวกผมต้องออกมาเดินทางในป่าแห่งนี้

    เมื่อสองวันก่อน ผมไปร่วมงานปาร์ตี้ของพิงค์กี้พายที่จัดขึ้นขำๆ ที่ห้องสมุดของทไวไลท์ ซึ่งวันนั้นแอปเปิ้ลแจ็คได้นำดาบที่บิ๊ค แม็คอินท็อช พี่ชายของเธอนำไปหลอมใหม่ทำให้ตัวดาบแข็งแรงกว่าเดิม และเป็นประกายมันวับที่แอปเปิ้ลแจ็คเองช่วยขัดจนสะอาดเหมือนใหม่ และนั่นทำให้เห็นว่าตัวด้ามดาบนั้นเป็นสีทองแบบเดียวกันกับดาบพลังเวทย์แห่งความปรองดองที่ผมเคยใช้ไม่มีผิด ทไวไลท์คิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ จึงอยากเอามาตรวจสอบดู และเธอก็พบว่าดาบตัวนี้มีพลังเวทย์สิงสถิตอยู่จริง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าสัญญาณเวทย์ที่มีนั้นมันเป็นเวทย์อะไร แต่ก่อนที่เธอจะได้ตรวจสอบ เรนโบว์แดชก็ได้เขามาขัดจังหวะที่ว่าหนังสือนิยาย Daring Do เล่มใหม่กำลังจะออกในอีกสองเดือน แต่พอทไวไลท์บอกว่าเลื่อนไปอีกสี่เดือน เรนโบว์แดชก็ลากให้พวกผมไปหา เอ.เค เยียร์ลิ่ง ที่เป็นคนแต่งนิยายเรื่องนี้ถึงบ้าน เผื่อว่าเธอกำลังมีปัญหาเขียนไม่ได้ ซึ่งผมเองก็ถูกเธอลากมาพร้อมกับเพื่อนๆ ทุกตัวด้วยซะงั้น โดยรอบนี้ผมไม่อนุญาตให้น้องสาวผมตามมา เพราะมันเป็นทางเดินทางที่ไกลมาก ซึ่งคราวอาสาที่จะช่วยสอนให้น้องผมบินให้ได้แทนด้วยบทเรียนจากวันเดอร์โบ้วที่เธอเรียนมา ดังนั้นผมเลยปล่อยให้น้องสาวอยู่กับคราวสองตัวแทน

    การเดินทางไปยังที่หมายนั้นดูยุ่งยากกว่าที่คิดเอาไว้ เพราะพวกผมนั้นจะต้องนั่งรถไฟผ่านเมืองคราวเดลไป (เมืองเพกาซัสแท้ๆ แต่ยังไม่เคยได้เห็นเลยว่าหน้าตาเมืองเป็นไง) โดยจะต้องลงรถไฟระหว่างทางที่จะไปถึงเมืองยันโฮเวอร์ เพื่อเดินผ่านหุบเขาเกลล็อบปิ้ง และเดินลึกเข้าไปในป่า ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มอีกหนึ่งวัน และนี่ก็เป็นวันที่สองของการเดินทาง และเท่าที่ฟังทไวไลท์บอก ดูเหมือนว่าเส้นทางที่พวกผมเดินทางมานั้นมันเกือบสุดขอบของทวีปอีเควสเทรียเลยก็ว่าได้ ซึ่งทำให้ผมนึกถึงนิยายเรื่องหนึ่งที่มีพระเจ้าเป็นสิงโต เพราะเรื่องราวของผมนั้นคล้ายๆ ในนิยายเรื่องนั้นอยู่ จึงได้แอบสงสัยเหมือนกันว่า เลยจากทวีปอีเควสเทรียผ่านมหาสมุทรไปแล้วจะมีดินแดนอะไรอยู่อีกรึเปล่า

    "แต่ฉันสงสัยอย่างนะว่าทำไม เอ.เค. เยียร์ลิ่ง ถึงต้องมาอยู่ไกลขนาดนี้ด้วย" ทไวไลท์พึมพำออกมา

    "โดยปกติแล้วคนที่เขียนนิยายเขาต้องการความเป็นส่วนตัวสูง แต่ฉันก็ว่ามันไกลไปหน่อยไหม หวังว่าคงไม่ใช่ที่อยู่หลอกนะ ถามที่อยู่มาจากสำนักพิมพ์เลยใช่ไหมทไวไลท์" ผมถามเธอ

    "ใช่ และที่อยู่ของคนเขียนก็เป็นความลับมากด้วย ตอนแรกๆ เขาก็ไม่ยอมบอกมาเลยนะ แต่พอพวกเขารู้ว่าฉันเป็นเจ้าหญิงก็รีบบอกทันทีเลยหละ" ทไวไลท์บอกพร้อมกับกางปีกตัวเองออกแล้วมองดูปีกตัวเอง

    "อำนาจนี่มันดีจริงๆ วุ้ย" ผมแซวออกมา ซึ่งทำให้พวกเราหัวเราะกันยกใหญ่

    "แต่ก็อย่างที่ทไวไลท์บอก ทำไมต้องมาอยู่ในป่าลึกแบบนี้ด้วย ราวกับว่าไม่อยากให้ใครพบเลยนะ" แรร์ริตี้แสดงความเห็นออกมาบ้าง

    "แถมเวลาหนังสือออกเล่มใหม่มา เจ้าตัวก็ไม่เคยปรากฎตัวออกมาแจกลายเซ็นหรือสัมภาษณ์อะไรด้วยเลยนะ" ทไวไลท์บอก เพราะเธอเองก็เป็นแฟนหนังสือเรื่องนี้ตัวยงเหมือนกัน

    "ลึบลับน่าดูเลยนะ" ผมบอก ทุกตัวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    "เฮ้พวก ฉันเจอบ้านหลังหนึ่งด้วยหละ แต่ดูท่าทางไม่ค่อยดีเลย" เรนโบว์แดชบินเข้ามาหาพวกผม ก่อนที่จะบินนำทางพวกผมไป และเมื่อผมตามเธอไป ก็พบว่ามีบ้านหลังหนึ่งที่ดูภายนอกก็ไม่ได้แตกต่างจากบ้านโพนี่ธรรมดาๆ เท่าไหร่ที่มีสองชั้นมากนัก แต่ที่ต่างก็คือ รอบบ้านนั้นถูกรื้อข้าวของกระจุยหมด ราวกับว่ามีเรื่องเกิดขึ้น

    "ไม่นะ" ทไวไลท์รีบวิ่งตามเรนโบว์แดชไปอย่างรวดเร็ว ผมเอากีบข้างหนึ่งจับดาบที่ผูกกับตัวและห้อยไว้ด้วยปลอกดาบ (อภินันทนาการจากครอบครัวแอปเปิ้ล) กระชับเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีคนร้ายอะไรอยู่ไหม เพื่อให้ผมสามารถชักดาบออกมาได้ทุกเมื่อ

    เมื่อพวกผมเข้าไปในบ้านได้ ก็พบว่าข้างในบ้านนั้นถูกรื้อข้าวของกระจุย ดูก็รู้แล้วว่าถูกยกเค้าแน่ๆ เศษกระดาษ ข้างของ เฟอร์นิเจอร์กระจายไปทั่วบ้านพร้อมกับรอยกีบเท้ากระจายบนพื้นห้อง พวกผมรีบมองข้างในบ้านด้วยความเป็นห่วงเจ้าของบ้านว่าจะเป็นอะไรไหม แต่หลังจากที่พวกผมสำรวจชั้นหนึ่งของบ้านแล้วก็ไม่พบว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านเลย

    "เหมือนมีใครบางตัวมารื้อหาอะไรบางอย่างเลยนะ" แอปเปิ้ลแจ็คบอกพร้อมกับมองไปรอบๆ

    "หรือ... เอ.เค. เยียร์ลิ่งเป็นม้าที่ชอบทำข้าวของกระจุยกระจายเป็นงานอดิเรกหละ" พิงค์กี้พายแสดงความเห็นบ้าง

    "จะบ้าเหรอ" ผมส่ายหัวกับความคิดนั้น

    "ฉันหวังว่า เอ.เค. เยียร์ลิ่งจะไม่เป็นไรนะ" แรร์ริตี้ยืนมองกระจกที่แตกร้าวใกล้ๆ

    "หรือว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ" ทไวไลท์บอกออกมาด้วยความเป็นห่วง

    "ใช่! ไม่งั้นทำหนังสือต่อไม่ได้แน่" เรนโบว์แดชทำท่ารื้อกองหนังสือที่กองอยู่กลางห้อง ซึ่งผมกับทไวไลท์จ้องมองดูเจ้าตัวด้วยความไม่พอใจนัก

    "เอ่อ ใช่ ฉันก็ห่วงเหมือนกันนะแหละ แฮะๆ" แม่สาวสายรุ้งทำหน้าตาเหมือนเด็กสำนึกผิด

    ให้ตายสิ ห่วงคนหรือห่วงหนังสือกันแน่ ผมบ่นในใจพลางมองไปรอบๆ แต่ผมก็ไปสะดุดตากับกรอบรูปที่ติดอยู่บนผนัง ซึ่งมันยังห้อยอยู่บนผนังเหนือเตาผิง

    โดยปกติแล้วรูปถ่ายที่แขวนในบ้านก็ต้องตัวเจ้าของบ้านไม่ก็คนในครอบครัวแทน แต่ภาพที่เห็นนั้นกลับมีม้ายืนอยู่สี่ตัว เป็นภาพถ่ายเหลืองอ่อนทั้งภาพ ที่เหมือนเป็นภาพที่ถ่ายนานมากๆ แล้ว ม้าทำงานตัวทางซ้ายมือนั้นมีสีเหลืองอ่อนและสวมใส่ชุดนักสำรวจที่ผมเข้าใจว่าคนนั้นคือพ่อไม่ก็แม่ของคนเขียนเพราะมองไม่ชัดว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ ส่วนทางขวานั้นเป็นเพกาซัสที่สวมใส่เครื่องแบบวันเดอร์โบ้วรุ่นเก่า ซึ่งผมจำได้ว่าเขาคือนายพลท่านหนึ่งของวันเดอร์โบ้วแต่นึกชื่อไม่ออกเพราะลืมไปแล้ว แต่ม้าอีกสองตัวนั้นกลับมองไม่เห็นใบหน้า เพราะเหมือนรูปถ่ายจะเก่ามากจนมีรอยซํ้าจนมองไม่ชัด แต่ที่น่าเอ๊ะใจก็คือ ม้าหนุ่มตัวที่ยืนอยู่นั้นเป็นยูนิคอร์น และม้าสาวตัวนั้นเป็นเพกาซัส ซึ่งละม้ายคล้ายกับ....

    "พวกเธอมาทำอะไรที่นี่"

    มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำให้ผมใจหล่นวูบ เมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่ามีม้าสาวตัวหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านซึ่งสวมเสื้อคลุมสีม่วงทั่วทั้งตัว มีหมวกใบใหญ่สีเทาพร้อมดอกไม้สีขาวบนหัวและสวมแว่นตาสีแดง ซึ่งดูก็เดาออกได้ไม่ยากเลยว่าคงเป็นเจ้าของบ้านแน่นอน

    "เอ..เค... เยียร์ลิ่ง สินะ.." เรนโบว์แดชทำหน้าแฮปปี้ดี๊ด้ามากที่ได้เจอนักเขียนที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งตรงกันข้ามกับพวกเราทุกตัวที่ดูเหมือนเป็นคนที่เข้ามารื้อบ้านเธอ

    "พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยนะค่ะ เราสาบานได้" ทไวไลท์รีบแก้ตัวแทนพวกเรา

    แต่ดูเหมือนเจ้าของบ้านจะไม่ได้สนใจพวกเราเลย เพราะว่าเธอรีบเดินเข้ามาในบ้านและมองหาของอะไรบางอย่างอยู่ จนไปกระซากพรมเช็ดเท้าที่แอปเปิ้ลแจ็คยืนอยู่และไปกระซากหนังสือที่เรนโบว์แดชยืนทับอยู่ตรงกองหนังสือโดยไม่บอกให้ถอยออกไปเลย (ที่ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังแอบมองหาต้นฉบับหนังสือเล่มต่อไปอยู่) จนเจ้าตัวก็เจอหนังสือเล่มหนึ่ง เธอรีบใส่รหัสปลดล็อคตรงขอบหนังสือเหมือนเปิดเซฟ และข้างในนั้นก็มีวงแหวนวงใหญ่อยู่ เธอรีบเอาวงแหวนวงนั้นใส่เข้าไปในผ้าคลุมทันที

    "เอ่อ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมาะซักหน่อย แต่รบกวนช่วยเขียนหนังสือต่อไปได้ไหมอะ แหะๆ" เรนโบว์แดชยิ้มแหะๆ ก่อนที่จะหยิบกระดาษขึ้นมาวางบนโต๊ะ

    "เรนโบว์แดช ขอเวลาหน่อยนะ" ทไวไลท์ใช้เวทมนต์ของเธอคลุมร่างแม่สาวสายรุ้งก่อนที่จะลากเจ้าตัวออกไปจากบ้านทันที

    "ขอโทษด้วยนะครับที่เพื่อนผมออกจะเสียมรรยาทนิดนึง พอดีว่าเจ้าตัวเขาตื่นเต้นไปหน่อย" ผมรีบแก้ตัวแทนเรนโบว์แดชเพราะอีกฝ่ายนั้นจ้องมองมาทางพวกผม

    แต่เหมือนอีกฝ่ายแทบจะไม่ได้สนใจเรนโบว์แดชเลยแม้แต่น้อย เพราะเธอมองก้มมาตรงดาบที่ห้อยสะพายอยู่ราวกับพิจารณาอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ยักไหล่และก้มลงเก็บข้างของที่กระจัดกระจายบนพื้นเองโดยไม่พูดไม่จาอะไร ผมเห็นบรรยากาศไม่ดีเลยรีบเดินออกมาก่อน และก็พบว่าทไวไลท์กำลังตำหนิเรนโบว์แดชอยู่

    "... เห็นใช่ไหมว่าเธอกำลังวุ่นแค่ไหน เราให้เธอเคลียรอะไรให้เรียบร้อยแล้วปล่อยให้เธออยู่ตามลำพังได้ไหม" ทไวไลท์ตำหนิเธอต่อ

    "พวกเธอน่าจะบอกพวกเขาด้วยนะ" พิงค์กี้พายชี้ไปยังบนบ้าน ซึ่งทำให้เราเห็นม้าหนุ่มสามตัวที่หน้าตาไม่ไว้วางใจแอบเข้าไปในบ้านทางหน้าต่างชั้นบน

    "แย่ละสิ" ผมบอก ก่อนที่จะรีบวิ่งมาที่หน้าต่างของบ้านพร้อมกับเพื่อนตัวอื่นๆ แต่กลับพบในสิ่งที่ไม่คาดคิด เมื่อ เอ.เค เยียร์ลิ่ง ได้ถอดเสื้อคลุม หมวก และแว่นตาออก และเผยให้เห็นชุดแต่งกายเจ้าตัวที่สวมใส่ในเสื้อคลุม โดยเธอนั้นสวมใส่ชุดนักสำรวจ พร้อมหมวกนักสำรวจสีครีมอ่อน และแขวนกำไลสีทองอันเมื่อกี้ไว้กับปีกข้างหนึ่งของเธอที่กางออกทั้งสองข้าง และทำให้มองเห็นแผงคอและหางของเธอที่เป็นสีดำสลับเทาพร้อมกับเผชิญหน้ากับม้าหนุ่มอีกสามตัวเมื่อกี้ ซึ่งบอกเลยว่าหน้าตาของเธอคุ้นมาก นั่นเพราะว่า

    "เอ.เค. เยียร์ลิ่ง คือ Daring Do เองอย่างนั้นเหรอ!!!" ผม ทไวไลท์ และเรนโบว์แดชพูดขึ้นพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ

    "อู้หูว สุดยอด" แอปเปิ้ลแจ็คพึมพำออกมา เพราะจริงๆ นอกจากผม ทไวไลท์ และเรนโบว์แดชแล้ว แอปเปิ้ลแจ็คเองก็เคยเอามาอ่านบ้าง แต่ก็ไม่ได้อ่านหมดเล่มเพราะไม่มีเวลาอ่านนั่นเอง

    "ถ้างั้นก็หมายความว่า นิยายที่พวกฉันอ่านๆ กันเนี่ย คือเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอเนี่ย" ผมพึมพำเมื่อมองเห็น Daring Do กำลังมองไปรอบๆ ม้าทั้งสามตัวเพื่อเตรียมรับมือ

    "ใช่เลย แบบนั้นสิเลยเจ๋งสุดยอดอ่ะ" เรนโบว์แดชยิ้มแป้น

    พวกผมมองดูเธอที่อยู่ในบ้านต่อ และก็พบว่าม้าชายทั้งสามตัวเริ่มเปิดฉากโจมตีเธอ แต่ถึงแม้ว่าเธอจะโดนพวกมันรุมถึงสามตัว เธอก็สามารถรับมือและขัดขวางการบุกของพวกมันได้เรื่อยๆ โดยพวกมันนั้นหมายตาที่จะแย่งวงแหวนจากเจ้าตัวมา เกิดการปะทะกันชลมุนขึ้น เมื่อพวกเขาต่างแย่งวงแหวนจนมันไปตกลงในเตาผิงที่มีไฟลุกโซนอยู่ แต่ Daring Do ใช้แส้หยิบมันออกมาจากกองไฟและใช้นํ้าดับความร้อน ก่อนที่จะเข้าไปคว้ามันมาเก็บไว้และรับมือกับพวกมันต่อทันที

    "อื้อหือ เชี่ยวชาญมาก" แรร์ริตี้เอ่ยชม

    แต่เจ้าตัวนั้นหยิบเก้าอี้มาตัวหนึ่งแล้วทำท่าในการป้องกัน เธอถูกพวกมันต้อนเอาไว้จนมุมและเธอก็ไม่สามารถที่จะเล็ดลอดออกไปได้ แม่สาวสายรุ้งที่ยืนข้างๆ ผมนั้นทำสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที

    "Daring DO!!" เธอเอ่ยเสียงดังเรียกชื่อเธอออกมา ซึ่งจังหวะนั้นทำให้ Daring Do เผลอและถูกทั้งสามตัวรุมจับกดเธอไว้ทันที และกำไลก็กระเด็นตกออกมา แต่กลับมีม้าตัวที่สี่เดินเข้ามา เขาสวมใส่ชุดนักสำรวจ แต่กลับมีอแววตาที่เต็มไปด้วยความละโมภอยู่บนใบหน้า

    "ขอบใจมากนะ Daring Do เธอทำให้การค้นหาของฉันมันง่ายขึ้นกว่าเดิมแยะเลย" อีกฝ่ายเอ่ยออกมาด้วยนํ้าเสียงที่พึงพอใจ

    Daring Do ดูเหมือนเธอจะได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างหนึ่ง ทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวได้มาก และทำให้พวกม้าทั้งสามตัวที่เหมือนลูกน้องของหัวหน้ามันไม่ทำอะไรเธอทันที

    "เอาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ คาบาเลรอน!" เธอกัดฟันโต้อีกฝ่าย

    "ต้องเรียกฉันว่า ดอกเตอร์คาบาเลรอนสิ" ม้าตัวที่ชื่อ คาบาเลรอน เอ่ย

    "เดี๋ยวนะ นั่นมันคาบาเลรอนที่อยู่ในหนังสือเล่มสี่นิ" ทไวไลท์ที่ยืนดูอยู่เอ่ย

    "ใช่ เขาเคยอยากที่จะเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับ Daring Do แต่เธอก็ปฏิเสธ ใช่ไหมพวก" เรนโบว์แดชยกศอกกระทุ้งถามผม

    "เอ่อ ฉันอ่านแค่เล่มแรกเองอะ" ผมบอก แต่ดูเหมือนแม่สาวทั้งสองข้างๆ ผมจะไม่ได้สนใจเลย เพราะตรงกันข้าม พวกเธอก็ตื่นเต้นสุดๆ

    "ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ว่า Daring Do กับ คาบาเลรอน มีตัวจริงๆ ด้วย" ทไวไลท์ยิ้มกว้าง แต่เรนโบว์แดชยิ้มกว้างยิ่งกว่า

    "ช่ายๆ อย่าลืมไปขอลายเซ็นเจ้าตัวด้วยนะ" ผมบอกแต่ตาผมยังไม่ละสายตาจากเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า

    "ให้ฉันเดานะ นายจะเอาไปให้อาฮุยโซโด้เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ให้ป้อมแห่งทาลิคอร์นกลับคืนมาอีก 8 พันปีเหมือนทำนายนะ" Daring Do เอ่ยถาม

    "ไม่ทั้งหมดหรอก เพราะฉันจะเอามันไปขายให้เขาแทน กำไรนี้จะทำให้ฉันพักงานจากการเป็นนักสำรวจซะที" ดอกเตอร์คาบาเลรอนเอ่ยตอบ

    "คาบาเลรอน เจ้าโง่! นายจะทำให้ทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยลาวายาวนานถึงแปดพันปีเลยนะ!" Daring Do โต้และพยายามจะพุ่งเข้าใส่ แต่กลับถูกลูกน้องของดอกเตอร์จับตัวไว้แทน

    "ไปทำธุรกิจกันเถอะพวก" ดอกเตอร์คาบาเลรอนเอ่ยก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไป พวกลูกน้องของเจ้าตัวเลยทิ้ง Daring Do และเดินตรามหัวหน้าทันที ซึ่ง Daring Do นั้นกลับขยับตัวไปไหนไม่ได้เพราะบาดเจ็บที่ขาอยู่นั่นเอง

    "เอ่อ พวกเราควรจะไปช่วยเธอซักหน่อยไหม" ฟรัทเทอร์ชายถาม ซึ่งนั่นทำให้พวกเรากำลังดูอยู่ถึงกับนึกขึ้นมาได้ทันที

    "เออ ใช่" ผมพึมพำออกมา เพราะยอมรับว่าที่ยืนดูเมื่อกี้นั้นก็ดูเพลินเหมือนกัน อารมณ์ยังกับดูหนังยังไงอย่างนั้น ผมรีบวิ่งเข้าไปตรงหน้าบ้าน ที่พวกดอกเตอร์คาบาเลรอนกำลังจะออกไป ผมรีบไปขวางพวกมันทันที

    พวกนายเป็นใครกัน” คาบาเลรอนยักคิ้วถาม

    ส่งวงแหวนนั้นคืนมาเดี๋ยวนี้!” ผมยกกีบและชักดาบขึ้นมา ทไวไลท์และแอปเปิ้ลแจ็ครีบตามมาสมทบผม ตามมาด้วยม้าตัวอื่นๆ ที่มาช้าหน่อยเพราะมัวแต่เป็นห่วง Daring Do ที่อยู่ข้างใน

    คงจะยากนะ เจ้าม้าไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ” คาบาเลรอนเหลือบมองไปยังทไวไลท์

    เฮ้ย! อย่ามาพูดแบบนี้กับเจ้าหญิงของเรานะเว้ย” ผมชี้ดาบไปทางมันเพื่อขู่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้มีทีท่าว่าจะเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย

    ฉันไม่อยากเสียเวลากับพวกเธอหรอกนะ จัดการมันซะเด็กๆ” คาบาเลรอนสั่ง ทำให้ลูกน้องของมันอีกสามตัวพุ่งเข้ามาหาผมทันที

    พลั่ก!

    ผมหมุนตัวและยกขาหลังขึ้นถีบตัวหนึ่งจนมันล้มลง ก่อนที่จะกระโดดข้ามและกระโดดถีบอีกตัวด้วยขาหน้า ส่วนทไวไลท์นั้นรีบสร้างเวทย์เป็นรูปรั้วขนาดใหญ่ ลงมาตั้งขวางพวกนี้เอาไว้เป็นวงกลม ส่วนอีกตัวนั้น แอปเปิ้ลแจ็ครีบขว้างหมวกไปหามันอีกตัว ก่อนที่จะเอาหัวพุ่งชนมันจนล้มลง และนั่นทำให้พวกผมมีชัยเหนือกว่าพวกนี้มาก เพราะพวกผมเห็นแล้วว่าลูกน้องของมันโจมตียังไง และพวกเราก็มีกำลังคนเหนือกว่าด้วย ผมใช้ปลายดาบชี้ไปลูกน้องตัวหนึ่งของมันที่ทำท่าจะลุกขึ้นมา

    อย่าขยับ” ผมมองตาขวางใส่มัน

    ส่งวงแหวนคืนมาซะพ่อหนุ่ม ก่อนที่จะมีใครเจ็บตัว” แอปเปิ้ลแจ็คหยิบหมวกที่ตนเองขว้างไปสวมใส่ที่หัวก่อนที่จะมองไปยังอีกฝ่ายด้วยความไม่พอใจนัก

    สงสัยคงต้องลี้ก่อนละมั้ง ลาก่อนนะเจ้าหนู” ดอกเตอร์คาบาเลรอนหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

    ระวัง!” ฟรัทเทอร์ชายร้อง

    ตู้มมม!

    ควันสีม่วงจำนวนมากพุ่งออกมาจากเจ้าตัวและทำให้ผมต้องหลับตาสำลักควันกันเป็นแถบ เพราะควันนี้กลิ่นมันฉุนมาก ราวกับกลิ่นไหม้ของเคมีอะไรซักอย่าง เสียงจามดังลั่นขึ้นรอบๆ ตัวผม และเมื่อผมเริ่มสูดอากาศได้บ้าง ผมรีบลืมตาขึ้น ปรากฎว่าควันสีม่วงนั้นจางหายไปแล้ว และพวกมันทั้งสี่ตัวก็หายไปด้วย

    ระเบิดควันงั้นเหรอ” ผมพึมพำก่อนที่จะหันไปรอบๆ และก็จามขึ้นมาอีกรอบเพราะจมูกติดกลิ่นไหม้ของพวกมันไปแล้ว

    เราชนะมันได้แท้ๆ” แอปเปื้ลแจ็คตบกีบลงพื้นอย่างไม่พอใจ

    เรารีบไปดู Daring Do กันก่อนดีกว่า” ทไวไลท์บอก ซึ่งพวกผมพยักหน้าก่อนที่จะรีบเข้าไปในบ้าน โดยผมเสียบดาบเข้าไปในฝักเก็บก่อนที่จะวิ่งตามเข้าไป

    เมื่อพวกผมเข้าไปในบ้าน ก็พบว่า Daring Do ได้ใช้ผ้าพันแผลกับขาตัวเองข้างที่บาดเจ็บอยู่

    "ไม่เป็นอะไรไช่ไหม" เรนโบว์แดชถามด้วยความเป็นห่วง แต่ Daring Do นั้นปัดกีบใส่เธอ ซึ่งหมายความว่าเธอไม่ได้ต้องการให้เธอช่วย

    "ฉันจัดการเองได้หน่า" เธอเอ่ยนํ้าเสียงเย็นชาตอบกลับมา

    "เธอแค่พยายามจะช่วยคุณนะ" ฟรัทเทอร์ชายบอกกับเธอ

    "Daring Do ไม่ต้องการความช่วยเหลือ เธอจะจัดการงานของเธอด้วยตัวเองเท่านั้น" เธอเดินกระโผลกกระเผลกผ่านพวกผมไปโดยที่่ไม่มองพวกผมเลยแม้แต่น้อย แต่ก่อนที่เธอจะกางปีกและบินไป เธอเหลือบตามองมาที่ดาบผมอีกครั้งทางหางตา แล้วก็บินจากไปทันที

    "เราต้องไปช่วยเธอนะ" เรนโบว์แดชรีบบอกกับพวกมผ

    "ไม่ได้ยินที่เธอบอกเหรอ เธอบอกเองว่าเธอทำงานเองตัวเดียวนะ" ทไวไลท์บอก

    "แล้วเราจะยืนเฉยๆ ไม่ทำอะไรงั้นเหรอ จำไม่ได้เหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นในหนังสือเล่มสามนะ" เรนโบว์แดชหันมาถามผมราวกับเธอต้องการตัวช่วย

    "ฉันอ่านจบแค่เล่มแรกเองนะเฟ้ย" ผมยักคิ้วบอกกับเธอ

    "นายควรจะอ่านเดี๋ยวนี้เลยนะ เพราะถ้าเราไม่ทำอะไร อาฮุยโซโด้คงได้ใช้วงแหวนนั้นทำให้ป้อมแห่งทาลิคอร์นคืนชีพและพ่นลาวาถล่มทั้งหุบเขาแน่" เรนโบว์แดชตำหนิผม

    "แล้วไอ้อาฮุยอะไรนั่นมันจะไปปลุกป้อมอะไรเนี่ยมาทำไม" ผมถาม

    "ยังไม่รู้ ราวกับว่ามันจะมีสมบัติลํ้าค่าในนั้น ซึ่งอาฮุยโซโดต้องการมันอยู่ ยังไงเราก็ต้องไปช่วยเธอนะ" เรนโบว์แดชบอก

    "ได้ยินแล้วนะ เรนโบว์แดชพูดถูกนะ" พิงค์กี้พายบอกอย่างเห็นด้วยที่จะอยู่ฝ่ายเรนโบว์แดช

    "งั้นก็ได้ แต่เราต้องวางแผนก่อน เราไม่รู้ว่าพวกมันมีพวกอีกไหม เพราะพวกมันคงรู้แล้วว่ามีพวกเราด้วย..." ทไวไลท์บอก

    "ฉันมาแล้ว Daring DO!!!!!" เรนโบว์แดชไม่ฟังและพุ่งตัวบินทะยานออกไปทันที

    "นั่นไม่ใช่แผนนะย่ะ!" ทไวไลท์โวยใส่เธอ แต่เรนโบว์แดชบินจากไปเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

    "ยังเลือดร้อนไม่เปลี่ยนเลยวุ้ย ทไวไลท์ ป้อมอะไรนั่นอยู่ที่ไหนนะ" ผมถามเธอ

    "ถ้าดูเอกสารของ Daring Do น่าจะรู้บ้างนะ" เธอบอก พลางเดินนำพวกผมเข้าไปในบ้าน ซึ่งเธอก็ได้ใช้เวทมนต์หยิบกองหนังสือและเอกสารที่สุมกันบนพื้นขึ้นมาทีละเล่ม ทีละแผ่น ซึ่งผมเองก็ช่วยรื้อๆ ดูด้วย

    "นี่ไง" เธอ พร้อมกับใช้เวทมนต์หยิบม้วนกระดาษขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ และพวกผมก็เข้ามารุมล้อมเพื่อดูทันที "ป้อมแห่งทาลิคอร์นอยู่ห่างจากที่นี่ไป... ต้องใช้เวลาเดินทางถึงวันนึงเลยถ้าจะเดินไปนะ ... โอ้ไม่นะ"

    "มีอะไรเหรอ" แอปเปิ้ลแจ็คถาม

    "ถ้าป้อมแห่งทาลิคอร์นกลับมาอีกครั้ง มันจะไม่ได้ทำให้แค่หุบเขาเต็มไปด้วยลาวาเท่านั้น แต่มันจะส่งผลไปทั่วทั้งอีเควสเทรียด้วย! มันจะทำให้ภูเขาไฟที่ดับไปปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง หายนะเกิดขึ้นทั้งทวีปแน่” ทไวไลท์หน้าซีด

    แล้วมันจะทำเพื่ออะไรฟะ” ผมถาม

    ในป้อมแห่งทาลิคอร์นนั้นมีขุมสมบัติบางอย่างที่อาฮุยโซโดต้องการอย่างที่เรนโบว์แดชคิดจริงๆ ที่ผ่านมา Daring Do ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องมันเอาไว้ด้วยตัวเดียวเองเหรอเนี่ย ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย" ทไวไลท์อ่านอย่างตื่นเต้น ปากเธอนี่ยิ้มไม่หุบเลย

    "คือ ฉันรู้นะว่าปลื้ม แต่ถ้ามันเป็นหายนะที่จะเกิดขึ้นจริงๆ ฉันว่าเราต้องรีบแล้วหละ ใครมีเข็มทิศบ้าง" ผมยกกีบจิ้มไปตรงตำแหน่งบนแผนที่ ที่เป็นตำแหน่งป้อมแห่งทาลิคอร์นตามที่ทไวไลท์บอก

    "ฉันเอง ทางนี้คือทิศเหนือ นี้!" พิงค์กี้พายหันหลังให้พวกผมก่อนที่จะทำท่าชี้ไปข้างหน้าราวกับสุนัขที่บอกทางแบบในการ์ตูน

    "สะดวกนี่นะเธอ" ผมบอก แต่สายตาของผมเหลือบมองเห็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างบนม้วนกระดาษที่เป็นแผนที่ เพราะนอกจากแผนที่แล้วมันก็มีตัวอักษรแปลกๆ ที่เหมือนเป็นภาษาเก่าเขียนเอาไว้อยู่ ซึ่งมุมบนของกระดาษนั้นกลับมีรูปสัญลักษณ์บางอย่างอยู่

    แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ดูต่อ ทไวไลท์ใช้เวทมนต์ของเธอหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในกระเป๋าของแรร์ริตี้ที่เจ้าตัวเอามาด้วยทันที

    "เราต้องใช้แผนที่ ฉันว่า Daring Do คงไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเราจะขอยืมหน่อย รีบไปกันเถอะ" เธอบอกทุกตัว

    "นำทางเลยทไวไลท์" แอปเปิ้ลแจ็คพยักหน้า แต่ม้าตัวที่เดินออกไปช้าสุดก็คือผม เพราะผมนั้นมัวแต่ยืนคิดสิ่งที่ผมเห็นเมื่อกี้

    "ตาฝาดไปรึเปล่านะ" ผมพึมพำ ก่อนที่จะรีบวิ่งตามเพื่อนผมออกไปจากบ้านของ Daring Do เพื่อไล่ตามทั้งเจ้าตัวและเรนโบว์แดชไปช่วยเหลือเธอทันที

    เพราะว่าสัญลักษณ์ที่ผมเห็นนั้น คล้ายกับรูปมงกุฎ คิ้วตี้มาร์คของผมไม่มีผิดเพี้ยน!

     

    ...

    ..

    .

    .

     

    To Be Contined

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×