คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Episode 1 : Attack of Queen Chrysalis (Part 1)
"เสร็จแล้ว!"
ผมร้องออกมาอย่างดีใจ เมื่อทำงานที่อยู่ตรงหน้าเสร็จลงโดยสมบูรณ์ ซึ่งนั่นก็คือ นิยายหนึ่งเรื่อง ที่เพิ่งจะพิมพ์เสร็จไปอีกตอนหนึ่งนั่นเอง
ผมปิดโน๊ตบุคลงพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก นิยายเรื่องนี้จริงๆ แล้วผมวางแผนในการเขียนตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ไม่มีโอกาสได้เขียนเหมือนเมื่อก่อนนั่นเพราะว่าทุกวันนี้มีงานมาให้ทำมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมที่ต้องเปิดกิจการทั้งวัน และสภาพแวดล้อมก็ไม่ได้เอื้ออำนวยในการเขียนนิยายเท่าไหร่เพราะมีสิ่งรบกวนตลอด ซึ่งผมจึงได้อาศัยช่วงเวลาบางช่วงที่หลีกหนีความจำเจในการทำงาน หามุมสงบในการทำงานจนสามารถเขียนจบไปอีกตอนหนึ่งสำเร็จ
ผมปิดโน๊ตบุคลง ก่อนที่จะเดินออกไปดูนอกหน้าต่างห้องนอนของตนเอง ซึ่งเวลาในตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน โชคดีที่วันนี้กิจการของผมไม่ต้องเลิกดึก เลยทำให้มีเวลาเขียนนิยายได้ก่อนนอน ซึ่งปกติหาแทบไม่ได้ ผมยืดเส้นยืดสายเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากการพิมพ์ที่ใช้เวลานาน ก่อนที่จะมองดูนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่ข้างๆ เตียงนอนผม
"พรุ่งนี้ก็ต้องทำงานอีกแล้วสินะ" ผมยักไหล่กับความคิดนั้น ก่อนที่จะเดินไปสวิตซ์ไฟเพื่อที่จะปิดไฟในห้องและเตรียมตัวนอน
แต่หลังจากที่ผมปิดไฟลงแล้ว ปรากฎว่าความสว่างในห้องยังอยู่เหมือนเดิม
"อะไรเนี่ย" ผมพึมพำด้วยความสงสัย เพราะหลอดไฟมันก็ดับสนิท พอผมลองสับสวิตซ์ หลอดไฟก็ติดจนมีแสงสว่างออกมา พอลองปิดอีกครั้ง หลอดไฟก็ดับลง แต่ความสว่างจ้าก็ยังปรากฎอยู่
ผมมองไปรอบห้อง และก็พบได้ว่าแสงสว่างนั้นมีต้นกำเนิดมาจากนอกหน้าต่างห้องนอนนั่นเอง ผมรู้สึกว่ามันสว่างผิดปกติราวกับมีใครมาเปิดไฟสปอตไลน์จ่อไว้ที่หน้าต่างห้องนอนของผม จึงได้ลองเดินไปเปิดหน้าต่างดู
ข้างนอกสว่างราวกับเป็นตอนกลางวัน
ผมหลับตาแน่น ส่ายหัวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะลืมตาดูอีกครั้ง แน่นอนว่าผมก็ยังเห็นแสงส่องสว่างจ้าปรากฎอยู่
"เฮ้ย อะไรฟะ" ผมรีบมองดูนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือของตนเอง เวลาก็ยังบ่งบอกว่าเป็นเวลาเกือบสองยาม และเป็นไปไม่ได้ที่ตอนนี้จะมีแสงสว่างปรากฎขึ้นราวกับเป็นเวลาตอนเที่ยงวันแทนที่จะเป็นตอนกลางคืน
ดูเหมือนว่าคนแถวบ้านผมจะคิดแบบเดียวกับผม เพราะหลายคนออกมาเดินดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลายคนยังอยู่ในชุดนอน และหลายคนมีอาการงัวเงีย ราวกับว่าถูกปลุกให้ตื่นกลางคันอย่างไรอย่างนั้น
ผมเพ่งมองดูตำแหน่งแสงสว่างอีกครั้งว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่ก็สังเกตเห็นเงาอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ผ่านออกมาไป จนผมต้องขยี้ตาอีกครั้งเพื่อดูว่ามันคืออะไร
และเงานั้นก็ปรากฎชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่ามันมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไม่สิ น่าจะบอกว่ามันเคลื่อนที่เข้ามาใกล้มากขึ้นต่างหาก
บรึ้ม!!
เสียงระเบิดดังลั่นสนั่นไปทั่ว และเมื่อผมเพ่งมองไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ผมก็ต้องพบกับภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
สะพานทางด่วนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับบ้านผม ขาดออกมาเป็นสองท่อน! พร้อมกับเปลวเพลิงและควันฟุ้งกระจายไปทั่ว รถยนต์หลายคันปลิวกระเด็นไปทั่ว เสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อมีรถยนต์บางคันตกกระแทกกับพื้นจนมีเปลวเพลิงลุกขึ้นมา เสียงเศษซากสะพานทางด่วนถล่มลงมายังพื้นเบื้องล่างจนดังกึกก้องกัมปนาท ชิ้นส่วนปลิวกระจัดกระจายไปทั่วราวกับมีอะไรบางอย่างไปตัดมันได้อย่างง่ายดาย
เสียงกรีดร้องของคนที่เห็นเหตุการณ์หลายคนดังขึ้น ส่วนตัวผมแทบจะหยุดหายใจพร้อมกับเหงื่อแตกซิกกับเหตุการณ์หายนะที่เกิดขึ้นตรงหน้า ใจของผมเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัวและความเครียด
ผมรีบตั้งสติแล้วก็ก้าวขายาวๆ เปิดประตูห้องนอนตนเอง เป้าหมายของผมก็คือ ห้องนอนของน้องสาวที่อยู่ตรงข้ามของห้องนอนผม ผมไม่เสียเวลาเคาะประตูเพื่อขออนุญาติเข้าไปในห้องน้องสาวตนเอง น้องสาวของผมที่ยังนอนอ่านหนังสือฮาเร็มหนุ่มบนเตียงสะดุ้งด้วยความตกใจ
"พี่บ้า! บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูก่อน!" น้องสาวโวยออกมาเสียงดัง เธอสวมใส่หูฟังไว้ที่หู ดูเหมือนว่าเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นเธอจะไม่รู้เรื่องเลย
ผมไม่ตอบคำถามเธอ ผมเปิดประตูอีกบานที่อยู่ในห้องของน้องสาวเพื่อออกไปยังระเบียงของบ้านผม และเมื่อผมออกไปข้างนอกเพื่อมองดูภาพที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ปรากฎว่าซากสะพานทางด่วนได้ถล่มลงมาจริงๆ เสียงหวอของรถตำรวจหรือพยาบาล อะไรซักอย่างดังระงมไปทั่วพร้อมกับเสียงพูดคุยของชาวบ้านแถวนี้ดังเซ็งแซ่ แถมกลุ่มควันของซากปรักพักพังลอยคลุ้งไปทั่วเต็มไปหมด
"นี่ ไอ้พี่บ้า! ฟังที่พูดบ้างไหมเนี่ย..." น้องสาวของผมเดินออกมาเพื่อที่จะโวยผมถึงที่ แต่แล้วเมื่อเธอเห็นภาพที่ผมเห็นตรงหน้า สีหน้าของเธอก็ซีดลงทันที เธอค่อยๆ ถอดหูฟังออกด้วยมืออันสั่นเทา
"นี่พี่ มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย" เธอถามเสียงสั่น
ผมมองหน้าเธอก่อนที่จะส่ายหัว เพราะผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่จะเพิ่งมองไปยังแสงสว่างนั่นอีกครั้งเพื่อมองดูว่ามันคืออะไรกันแน่
แสงสว่างนั่น ไม่ใช่แสงสว่างที่มาจากดวงอาทิตย์!
จุดบริเวณที่แสงสว่างปรากฎขึ้นมานั้น เป็นรูปเมฆหมุนวนเป็นวงกลมสีดำและมีฟ้าแล่บปรากฎออกมาเป็นระยะพร้อมกับเสียงเสียดสีกลางอากาศ ราวกับว่าอากาศข้างบนนั้นกำลังถูกฉีกขาดออกจากกัน มีอะไรบางอย่างจำนวนมากพุ่งออกมาจากกลุ่มก้อนเมฆก้อนนั้น และไม่ได้มีแค่ไม่กี่สิบตัว แต่มีจำนวนนับร้อยนับพันเลยทีเดียว!!
"พี่..." น้องสาวผมเกาะเสื้อผมเอาไว้แน่นเมื่อเห็นของที่ไม่ธรรมดาปรากฎขึ้นตรงหน้า
สิ่งมีชีวิตตัวประหลาดปรากฎขึ้นจำนวนมากปรากฎขึ้นบนท้องฟ้า พวกมันพุ่งกระแทกตามจุดต่างๆ ทั่วเมืองกันเป็นจำนวนมากราวกับห่าฝนอุกาบาต เสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือและตกใจจำนวนมากดังก้องขึ้นทั่วบริเวณ มีเสียงปืนดังเป็นระยะๆ ด้วย แต่ราวกับว่าพวกที่พุ่งออกมาจากท้องฟ้านั้นจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากปืนเลยแม้แต่น้อย
เปรี้ยง!
เสียงกระแทกดังลั่นขึ้นตรงหน้าผมและน้องสาว ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว ผมสำลักควันที่พุ่งเข้าจมูก และเมื่อผมลืมตามองขึ้น ผมก็พบกับสิ่งมีชิวิตประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
มันมีสี่ขา ลำตัวสีดำทั่วทั้งร่าง ตามลำตัวของมันเหมือนเป็นครีบปลาที่ดูขาดวิ่น แม้แต่ขาของมันยังมีรูจนนึกแปลกใจเลยว่าร่างกายของมันทำด้วยอะไร บนหัวของมันมีเขาสีดำงอกออกมาพร้อมกับนัยน์ตาสีฟ้าราวกับเป็นมนุษย์ต่างดาว มันแสยะยิ้มและแยกเขี้ยวใส่ผม
"พี่ นั่นมันตัวอะไร..." น้องสาวผมรีบถามด้วยนํ้าเสียงที่หวาดระแวง
"รีบเข้าไปในห้อง แล้วล็อคประตูซะ" ผมรีบคว้าไม้กวาดที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วถือด้วยมือทั้งสองข้างทันที
"แต่.. พี่..."
"เร็วเซ่!"
ผมตะเบ็งเสียงตะโกนใส่น้องตนเองด้วยความเป็นห่วงโดยที่ผมไม่ละสายตาจากมัน น้องสาวผมรีบปล่อยมือออกจากเสื้อของผมก่อนที่จะรีบเข้าห้องตนเอง ทันทีที่ผมได้ยินเสียงล็อคประตูดังขึ้น ผมกำไม้กวาดที่ตนเองถือให้แน่นขึ้น พร้อมกับจ้องมองดูตัวประหลาดที่อยู่ตรงหน้า มันเอียงคอไปมาราวกับว่ามันกำลังรอให้ผมโจมตีใส่มันอยู่ ท่ามกลางเสียงดังโครมครามสนั่นลั่นเมื่อพรรคพวกของมันอีกจำนวนมหาศาลยังคงพุ่งกระแทกเข้ามาในเมืองของผม
"ฉันไม่รู้ว่าแกเป็นตัวอะไร แต่ถ้าแกแตะน้องสาวฉัน แกตายแน่" ผมขู่มันโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะฟังภาษาผมรู้เรื่องไหม
"ข้าคิดว่าไม่นะ" มันเอ่ยตอบผมด้วยนํ้าเสียงทุ้มตํ่าเสียจนน่าตกใจ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตกตะลึงที่มันตอบผมได้ มันก็พุ่งกระโดดเข้ามาหาผมทันที
ผวั๊ะ!
ผมใช้ด้านไม้กวาดส่วนหัวเหวี่ยงใส่มันทันที แรงกระแทกทำให้ด้ามไม้กวาดหักเป็นสองท่อน ผมรีบปล่อยมือจากไม้กวาดอย่างรวดเร็วเพราะแรงดีดมันทำให้ผมปวดมืออย่างมาก ดูเหมือนผมจะหวดใส่หัวของมันอย่างจังจนมันเซไปเซมาเล็กน้อย และผมไม่คิดว่าเอาแค่นี้มันจะอยู่แน่ ผมจึงหยิบที่โกยผงที่อยู่ใกล้กัน แล้วยกขึ้นหวดใส่หัวมันอีกครั้ง มันร้องออกมาเสียงดังลั่น ก่อนที่จะแยกเขี้ยวใส่ผม และพุ่งกระแทกโจมตีใส่ผมอีกครั้ง
พลั่ก!
หลังของผมกระแทกเข้ากับกำแพงของบ้านอย่างจัง มันพยายามที่จะใช้เขี้ยวในปากของมันสร้างบาดแผลบนใบหน้าของผม ผมใช้มือทั้งสองข้างพยายามดันหน้าของมันให้ห่างจากหน้าของผมให้มากที่สุด น่าแปลกใจมากทั้งที่มันมีความสูงแค่เอวผมเท่านั้น แต่กลับมีพละกำลังสูงมาก และผมเองก็ใช่ว่าจะมีความสามารถเรื่องร่างกายสูงอะไรกับคนที่นั่งทำงานตลอดเวลา ผมกัดฟันแน่นและพยายามไม่สนใจนํ้าลายที่น่ารังเกียจของมันไหลย้อยออกมาจากปากของมัน มันผลักแรงจนหน้าของมันใกล้หน้าของผมมากขึ้น
พลั่ก!
ผมยกเข่าขึ้นกระแทกกับลำตัวของมัน มันสะดุดไปเล็กน้อย และเมื่อได้โอกาส ผมรีบลุกขึ้น แล้วยกตัวมันขึ้นด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนที่ผมจะหมุนตัวหนึ่งรอบแล้วเหวี่ยงโยนมันกระเด็นออกไปจากระเบียงชั้นสองบ้านผม ให้ร่างของมันปลิวกระเด็นตกลงไปชั้นล่างของบ้าน
โครม!
ร่างของมันกระแทกไปโดนกองไม้ที่บ้านผมวางเรียงกันเอาไว้จนกระจุยกระจายไปทั่ว ผมอ้าปากหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพราะตัวของมันนั้นหนักไม่ใช่เล่นๆ ผมรีบเดินไปดูที่ริมระเบียง และก็มองเห็นร่างของมันนอนแน่นิ่งบนกองไม้ของบ้านผม ไม่มั่นใจว่ามันตายแล้วรึยัง แต่ผมก็ยังคงหอบหายใจถี่อย่างมากเพราะไม่เคยออกแรงเยอะขนาดนี้มาก่อน แต่ก็รู้สึกดีใจอย่างมากที่สามารถล้มมันได้สำเร็จ ถึงจะแทบขึ้่นหืดก็ตาม
"กรี๊๊ดดดดดด!"
เสียงน้องสาวของผมดังออกมาจากในห้องของเธอ ผมรีบหันไปทางประตูแล้วพยายามเปิดประตูทันที แต่ผมไม่สามารถหมุนลูกบิดประตูได้เพราะผมเป็นคนสั่งให้น้องสาวล็อคประตูเอาไว้เอง
"เกิดอะไรขึ้น เปิดประตูให้พี่ที" ผมรีบตะโกนบอกน้องสาว มือที่จับลูกบิดประตูนั้นก็พยายามที่จะหมุนเพื่อเปิดประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้จะรู้ว่ามันเปิดไม่ได้ก็ตาม
"พี่....! ช่วยด้วย...!!" เสียงของน้องสาวผมยังคงดังออกมาจากในห้อง
เมื่อผมรู้ว่าผมไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปได้ ผมเริ่มเอาไหล่ตัวเองกระแทกประตูเพื่อหวังว่าจะพังประตูเข้าไปได้
"โถ่เว้ย เร็วซี่ เร็วซี่ เร็วเซ่!" ผมสบถดังลั่น
ผมออกแรงกระแทกพุ่งตัวไปชนกับประตูเพื่อพังประตูให้ได้ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้าที่แขนของผมแต่ก็ไร้ผล ผมหอบหายใจถี่กว่าเดิมเพราะไม่เคยออกแรงมากขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกเจ็บใจมีมากขึ้นเมื่อรู้ว่าทั้งชาติคงไม่มีทางพังประตูได้
"กรี๊ดดดดด!"
เสียงกรีดร้องของน้องสาวผมดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ในห้องนอนของเธอ แต่ดังออกมาจากข้างหลังผมข้างล่าง ผมรีบหมุนตัวแล้วเดินไปดูที่ริมระเบียงทันที และก็พบว่าน้องสาวของผมถูกตัวประหลาดนั้นลากออกไปอยู่สองตัว เธอเงยหน้ามองผมเพื่อขอความช่วยเหลือ
ไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ แต่ผมรีบกระโดดลงจากรั้วระเบียงชั้นสองของบ้านทันที
พลั่ก!
ผมอ้าปากค้างและหลับตาแน่นด้วยความเจ็บปวดเมื่อขาของผมทั้งสองข้างยันกับพื้นและรับแรงกระแทกที่กระโดดลงมาโดยไม่ยั้งคิด ผมฝืนอาการชาของขาตนเอง ก่อนที่จะหยิบจอบที่วางอยู่ริมรั้วขึ้นมา แล้วก็ออกแรงวิ่งไปหาพวกมันทันที
"ปล่อยน้องสาวตูเดี๋ยวนี้นะเว้ยยยย!"
ผมตะโกนดังลั่นจนพวกมันหันมามองผม ก่อนที่ผมจะเอาจอบหวดเข้ากับหัวของมันตัวหนึ่ง มันร้องออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับของเหลวที่พุ่งออกมาจากส่วนหัวของมัน พวกของมันอีกตัวหนึ่งแยกเขี้ยวขู่ผมเสียงดังราวกับเสียงงูที่ขู่ฟ่อออกมา แต่ครั้งนี้ผมไม่รอให้มันโจมตีผมก่อนแน่ ผมดึงจอบขึ้นจากที่โจมตีตัวแรกเมื่อกี้ ก่อนที่จะยกมันขึ้นแล้วหวดใส่ตัวที่สองที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตีผมทันที แม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงได้มากเท่ากับครั้งแรก แต่มันก็โดนปลายหอกเสียบเข้าที่หัวของมันเต็มๆ เช่นกัน มันร้องเสียงโหยหวนดังลั่นราวกับใช้โทรโข่ง ผมออกแรงพยายามดึงจอบออกมาจากหัวของมัน แต่กลับไม่สามารถดึงได้ เพราะเรี่ยวแรงของผมเริ่มหมดไปเรื่อยๆ ผมจึงใช้เท้าเหยียบที่หน้าของมันเพื่อออกแรงดึงออกมาแทน แต่ราวกับว่าจอบของผมมันเก่าไป ทำให้ปลายจอบนั้นยังคงติดอยู่กับหัวของมัน ทำให้ผมดึงออกมาได้แต่ไม้ด้ามจับของจอบออกมาแทน จากนั้นผมก็ใช้ท่อนไม้ที่ดึงออกมาเนี่ย หวดเข้าที่ตัวของมันอีกครั้งเพื่อให้มันสิ้นฤทธิ์
แต่ว่า เมื่อผมหันไปมองรอบๆ ก็พบว่าพวกของมันอีกสามตัวก็เข้ามารุมล้อมผมกับน้องสาวทันที ราวกับว่าเสียงตะโกนที่ผมโจมตีใส่ตัวที่สองนั้นจะเรียกพวกของมันมา น้องสาวผมรีบลุกขึ้นแล้วมาอยู่หลังผมทันที ผมจับท่อนไม้ไว้ให้แน่นพร้อมกับมองไปรอบๆ โดยที่ไม่สนใจความเหนื่อยหอบของตนเองและมือทั้งสองข้างที่เริ่มชาและล้ามากขึ้นเรื่อยๆ
"เข้ามาเลย ไอ้พวกบ้า!" ผมตะโกนเสียงดังลั่น
พวกมันแห่เข้ามาตามคำเชิญชวนของผมทันทีด้วยใบหน้าที่โกรธแค้นของพวกมัน ผมจับท่อนไม้ด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วก็เริ่มหวดโจมตีใส่พวกมันตัวแรกที่เข้ามาโจมตีใส่ผม มันเซไปข้างๆ ทันทีเพราะโดนผมหวดเข้าไปเต็มๆ ก่อนที่จะรีบหันมองไปข้างๆ แล้วก็ยกท่อนไม้แล้วพุ่งเสียบเข้าไปในปากของมันทันทีเพราะมันกำลังกระโดดและอ้าปากราวกับต้องการที่จะกัดผม ผมไม่สนใจแล้วว่าจะโดนส่วนไหนของมัน ทันทีที่ผมเสียบเข้าไปในปากของมันเสร็จ ผมยกเท้าขึ้นแล้วก็เตะหัวของมันทันที และเมื่อผมดึงท่อนไม้ออกมาจากปากสำเร็จ ผมหมุนตัวแล้วก็หวดเข้ากับอีกตัวที่พุ่งเข้ามาโจมตีใส่ผมแนวขวางทันที ผมร้องลั่นออกมาเพราะว่าแรงกระแทกทำให้มือของผมเจ็บปวดมากจนผมเผลอปล่อยมือออกมาจากท่อนไม้ แต่ผมก็ไม่รอให้มันตั้งตัวได้ เพราะผมพุ่งเข้าไปหามันแล้วก็พุ่งหมัดต่อยเข้าไปที่หน้าของมัน และพอมันล้มลงที่พื้น ผมรีบยกเท้าขึ้นแล้วก็กระแทกโจมตีใส่มันที่หัวทันที ผมยกเท้าขึ้นแล้วก็กระทืบใส่ส่วนหัวของมันเกือบสิบรอบเพื่อให้มั่นใจว่ามันสลบไปแล้วจริงๆ และเมื่อผมมั่นใจว่าร่างของมันแน่นิ่งไปแล้ว ผมจึงหยุดการกระทืบใส่ตัวของมัน พร้อมกับก้มตัวลงและใช้มือยันเข่าทั้งสองข้าง ร่างกายของผมสั่นเทาไปหมดทั้งตัว เหงื่อผุดไหลท่วมตัวราวกับผมไปตกสระนํ้าที่ไหนมา ผมอ้าปากหอบหายใจราวกับต้องการออกชิเจนเข้าร่างกายให้ได้มากที่สุด ผมมองกลับไปยังน้องสาวผมที่ยืนนิ่งรอคอยผมอยู่ แต่ทำสีหน้าเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ปลอดภัยไหม..." ผมอ้าปากพะงาบๆ ถามเธอด้วยความเหนื่อยอ่อน
"ไม่หรอก เจ้านะยังไม่ปลอดภัย..."
เสียงดังออกมาจากปากของน้องสาวผม แต่ไม่ใช่เสียงของน้องสาวผม มันเป็นเสียงแบบเดียวกับพวกมัน ก่อนที่ผมจะสงสัยว่ามันเป็นอะไร มีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาจากปากของมันใส่ตัวของผม จนผมร้องลั่นเมื่อผมโดนอะไรบางอย่างจากปากของมันพุ่งจนผมหงายหลังร่วงไปนอนกองกับพื้น แต่ไม่ยักที่หัวของผมจะกระแทกกับพื้น แต่พอผมลืมตามองดู ก็ปรากฎว่าผมไม่สามารถขยับตัวเองไปไหนได้ ราวกับถูกติดอะไรบางอย่าง และดูเหมือนผมถูกเมือกอะไรบางอย่างที่เป็นสีเขียวเข้มน่ารังเกียจจับเอาไว้อยู่ แถมมันแน่นมากราวกับเป็นกาวตราช้างเลยทีเดียว
"นี่มัน..อะไรเนี่ย" ผมร้องเสียงดังลั่นออกมา
น้องสาวของผมเดินออกมายืนตรงหน้าผม ก่อนที่จะฉีกยิ้มออกมา แล้วก็มีแสงสีขาวปรากฎออกมาจากตัวของเธอ และก็เปลี่ยนร่างใหม่ราวกับใช้เวทมนต์อย่างไรอย่างนั้น
"หึๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าเองสินะ ที่เป็นผู้กล้าต่อกรกับพลังอำนาจของกองทัพของข้า"
ผมอ้าปากค้าง ทั้งความเหนื่อยหอบที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุด กับความรู้สึกตกใจกับภาพที่ผมมองเห็น
มันมีร่างสูงใหญ่กว่าตัวอื่นๆ แต่ร่างกายของมันผอมเพรียวกว่ามาก มีสิ่งที่น่าจะเรียกว่าเส้นผมสีนํ้าเงินแก่สยายยาวออกมาจากหัวของมัน พร้อมกับปีกที่ดูไม่น่าจะบินได้เพราะมีรอยขาดแหว่งปรากฎราวกับเป็นปีกแมลงปอ เขาบนหัวของมันที่ยื่นยาวออกมาแบบไม่สมประกอบที่ยาวกว่าตัวอื่นๆ และหน้าของมันก็จ้องมองดูผมด้วยความสะใจอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"ข้าขอยอมรับว่าเจ้าเป็นคนแรกที่อาจหาญต่อต้านพวกข้า แต่ข้าก็ต้องบอกว่า มันเปล่าประโยชน์ เพราะเจ้ามิอาจต้านทานกองทัพที่ข้าขนมาทั้ง Equestria ได้หรอก"
มันยกเท้าของมันข้างหนึ่งชูขึ้นท้องฟ้า และเมื่อผมมองตามที่มันชี้มอง ทำให้ผมเห็นว่าฝูงกองทัพยังคงพุ่งออกมาจากท้องฟ้ารูปแปลกๆ นั่นอีกจำนวนมาก จนผมเห็นแล้วผมแทบท้อ เพราะขนาดไม่กี่ตัวผมยังใช้แรงสู้กับพวกมันแทบตาย นี่ยังโผล่ออกมาราวกับแทบไม่รู้จบ!
เสียงรถหวอดังขึ้น เมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่ามีรถตำรวจขับเข้ามาใกล้ และเมื่อตำรวจหลายคนลงมาจากรถ พวกเขาเล็งปืนไปหาตัวประหลาดที่อยู่หน้าผมทันที
"ยิงเลย!" เสียงของตำรวจที่น่าจะยศใหญ่ที่สุดสั่ง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เหล่าตำรวจทุกนายได้หยิบอาวุธของตนเองยิงใส่โจมตีทันที แต่แล้วทุกคนก็ต้องตื่นตะลึงอีกครั้ง เมื่อพบว่าลูกกระสุนที่ยิงออกไปนั้น กลับยิงไม่โดนเจ้าตัวซักนิด ตรงกันข้าม เหมือนมีแสงอะไรบางอย่างสีเขียวคลุมตัวประหลาดอยู่ ทำให้กระสุนไม่สามารถผ่านเข้าไปโดนตัวมันได้ ไม่รู้ผมตาฝาดไปไหมเมื่อเห็นว่าเขาของมันเองมีแสงสีเขียวเปร่งออกมาด้วย แต่เข้มกว่า ตำรวจหลายนายพยายามยิงใส่โจมตีมัน แต่แล้วกระสุนก็แทบไม่โดนตัวมันเลยซักนัด จนตำรวจหลายนายถึงกับหยุดยิงและถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
"เรียกทุกหน่วย ขอกำลังเสริม เราเจอสัตว์ประหลาดอะไรไม่ทราบบุกโจมตี ขอกำลังสนับสนุนด้วย" ตำรวจนายหนึ่งหยิบวิทยุขึ้นมาทันที
"หายไปซะ!" ตัวประหลาดแสยะยิ้ม
บรึ้มมมมม!
มีแสงสีเขียววาบออกมาจากปลายเขาของมัน จากนั้นรถตำรวจคันหนึ่งก็เกิดระเบิดดังสนั่น ตำรวจหลายนายปลิวกระเด็นลอยขึ้นไปในอากาศ แถมลอยสูงกว่าตึกห้าชั้นเสียอีก ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างร้องเสียงดังลั่น หลายคนวิ่งพยายามหลบหนีจากปีศาจตัวนี้
"พี่!!"
เสียงของน้องสาวผมดังขึ้น และเมื่อผมหันไปมอง ก็พบว่าน้องสาวของผมอยู่ข้างหลังตัวประหลาดที่หลอกผมเมื่อกี้ แต่เธอก็ถูกเมือกสีเขียวน่าสะอิดสะเอียนจับเอาไว้เหมือนกัน และเมื่อผม มองไปรอบๆ ก็พบว่าพวกของมันอีกหลายสิบตัวเข้ามารุมล้อมผมทันที
ผมพยายามดิ้นให้หลุดออกมาจากพันธนาการนี้เอาไว้ แต่เมือกเหนียวนี่มันแทบไม่ทำให้ผมสามารถหลุดออกมาได้เลย
"ไม่ต้องดิ้นหรอกพ่อหนุ่ม ถึงเจ้าจะดูปวกเปียก แต่ด้วยความกล้าหาญของเจ้า ข้าจะมอบของขวัญให้เจ้าละกัน" พวกของมันที่น่าจะใหญ่ที่สุดเอ่ยกับผม
"ของขวัญอะไร..." ผมกัดฟันถาม
มันก้มหัวมาให้ผม แต่จากนั้นเขาบนหัวของมันก็ปรากฎเป็นแสงสีเขียวออกมา ผมอ้าปากค้างเพราะแสงนั้นปรากฎออกมาราวกับหลอดไฟนีออน แต่จากนั้นแสงสีเขียวก็พุ่งเข้ามาทางผม ความร้อนจำนวนมากแผ่ซ่านเข้ามาทั่วร่างกายผมจนผมหายใจแทบไม่ออก ผมอ้าปากร้องเสียงดังลั่น เวลาที่แสงนั่นอาบโจมตีผมมันเจ็บปวดและยาวนาน แต่เมื่อแสงนั่นคลายลง ผมอ้าปากหอบหายใจราวกับต้องการให้มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวด แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเปลี่ยนแปลงอะไร
"อะไรกันเนี่ย ทำไมมันไม่ได้ผล!" เสียงไม่พอใจดังออกมาจากข้างหน้าผม และเมื่อผมมอง ก็พบว่าคนที่ปล่อยแสงประหลาดนั้นใส่ผมทำท่าทางไม่พอใจอย่างมาก
ทำอะไร นี่แกทำอะไรฉัน ผมคิดในใจด้วยความร้อนรน สับสน และโกรธแค้น
"สงสัยเพราะเจ้ามันไม่ใช่โพนี่กระมั้ง เวทย์ของข้าเลยไม่ได้ผล" มันจ้องมองผมราวกับมองสิ่งที่ไร้ค่า
โพนี่... เวทย์ .... นี่มันพูดถึงอะไรกัน ผมคิดอย่างรวดเร็ว
"ในเมื่อเจ้าไม่สามารถทำประโยชน์ให้ข้าได้ ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าเอาไว้ งั้นก็ลาก่อน ผู้กล้าแห่งโลกนี้ ขอให้ไปที่ชอบๆ นะ" มันแสยะยิ้มก่อนที่จะก้มหัวและแสงสีเขียวก็ปรากฎขึ้นบนเขาของมันอีกครั้ง
บรึ้ม!
เสียงระเบิดดังลั่นดังก้องในหัวของผม ร่างกายของผมหลุดออกมาจากเมือกที่พันธนาการเอาไว้ราวกับถูกฉีกขาดจากกัน เศษซากอิฐปูนกระจัดกระจายไปทั่ว ร่างกายของผมพุ่งปลิวกระเด็นไปทางบ้านของผมจนไม่สามารถควบคุมได้
"อ๊าากกกกกกกกกก!"
ผมร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อผมหลุด ผมรู้สึกได้ว่าหลังของผมกระแกทกเข้ากับตู้กระจกในบ้านของผม ผมมองเห็นแสงมีม่วงล้อมรอบตัวผม พื้นที่บ้านผมพร้อมกับสิ่งชีวิตประหลาด ค่อยๆ ห่างจากผมไปทีละนิด ผมพยายามเอื้อมมือไปแต่ร่างกายของผมกลับไปถอยห่างออกไปอย่างรวดเร็ว
"พี่!!!!!!" เสียงน้องสาวผมตะโกนออกมาดังลั่น
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า นับจากนี้จะไม่มีอะไรขวางข้าได้อีกต่อไป"
เสียงหัวเราะและความดังของเสียงมันก็ค่อยๆ ลดลงราวกับมีคนไปลดเสียงของมัน ผมหลับตาแน่นพร้อมกับนํ้าตาที่ไหลเล็ดลอดออกมาด้วยความเจ็บใจ
"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!"
.....
..
.
.
.
พลั่ก!
"โอ้ยยยยย!"
ผมร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อผมหล่นลงไปกระแทกอะไรบางอย่าง แม้ว่าแรงกระแทกจะทำให้ผมรู้สึกเหมือนกลิ้งตกจากเตียงสองชั้น แต่ก็น่าแปลกที่เหมือนผมกระเด็นมาด้วยความสูงที่ยาวมาก ผมกลับรู้สึกเจ็บไม่มากนัก
เจ็บ...เจ็บ..เจ็บ...เจ็บโว้ยยยย ผมคิดในใจ แต่แล้วบางอย่างก็ดึงดูดสมาธิของผมไปยังสถาพแวดล้อมตัวผมเอง
ผมสัมผัสได้ว่าผมกำลังร่วงล้มไปนอนกองกับพื้นดินที่ไม่ได้แข็งกระด้าง ผมสัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นสบายมากระทบตัวผมทั้งๆ ที่ตอนนี้เหงื่อท่วมตัวผมราวกับวิ่งผ่านนํ้ามา ผมสัมผัสได้ถึงเสียงนกร้องและต้นไม้ไหว... รวมไปถึงเสียงจอแจที่ดูเหมือนมีคนจำนวนมากมารุมล้อมผมเอาไว้
"เกิดอะไรขึ้นเหรอ"
"นั่นใครนะ"
"เขามาจากไหนกัน"
"ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย.."
เสียงพูดคุยด้วยความสงสัยดังขึ้น และส่วนใหญ่นั้นก็ดันเป็นเสียงของผู้หญิง แม้ว่าร่างกายของผมจะล้ามากจนผมจะหมดสติ ผมก็ฝืนลืมตาขึ้นมองดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วผมก็ต้องพบกับภาพที่ผมไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต
มีใครบางอย่างก้าวเข้ามาหาผม แต่แทบที่จะเป็นเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาสองครั้ง กลับดังขึ้นพร้อมกับสี่ครั้ง ราวกับคนที่เดินมาหาผมเดินยํ่าอยู่กับที่สองครั้งอย่างไรอย่างนั้นแหละ ซึ่งผมเองก็มองเห็นขาของเขา แต่กลับเป็นขายาวเนียนสีชมพู และไม่ใช่ขาของมนุษย์!
ผมเงยหน้าขึ้นมอง
"เอ่อ คุณค่ะ เป็นอะไรไหมค่ะ ?"
ผมอ้าปากค้างและแทบจะร้องลั่นออกมาแล้วหากผมคุมสติไม่อยู่
เพราะคนที่มาทักผมตรงหน้านี้ ไม่ใช่คน แต่กลับเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทม้า แต่ตัวก็เล็กกว่าม้าธรรมดามาก พวกเธอมีหลากสีสัน และมีเส้นผมที่คล้ายแผงคอประดับ แถมพวกเธอนั้นมีนัยน์ตาที่กลมโตและใหญ่มากจนใหญ่พอๆ กับใบหน้าของคนเสียด้วยซํ้า
ผมรีบหันหน้ามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ผมเห็นก็คือ คนที่มารุมล้อมผมนั้นไม่มีใครเป็นมนุษย์เลยซักคน มีแต่ม้าทั้งนั้น! เหล่าม้าโพนี่นั้นมีทั้งเพศหญิงและเพศชาย บางตัวมีเขาอยู่บนหัว บางตัวมีปีกที่ข้างลำตัว และบางตัวเองก็กำลังบินอยู่กลางอากาศด้วยปีกข้างๆ ลำตัว ผมมองไปรอบๆ อีกครั้งและผมก็ต้องพบว่า สภาพบ้านเรือนต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวผมนั้น กลับไม่ใช่แบบบ้านที่ผมรู้จัก กลับเป็นบ้านในโลกที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในชีวิตจริงทั้งนั้น
"นี่มัน.... อะไรกันเนี่ย..."
ดูเหมือนม้าโพนี่ที่อยู่ตรงหน้าผมจะจ้องมองผมด้วยความระแวงและความสงสัย ผมรู้สึกได้ถึงสติที่กำลังจะหมดลงไปเรื่อยๆ แต่ผมก็พยายามฝืนลืมตาให้ได้ ผมมองเห็นต้นเสียงที่ทักผมครั้งแรก และก็มองเห็นม้าสาวตัวหนึ่ง เธอมีผมบลอนบนหัวด้วยสีชมพูสลับกับสีนํ้าเงิน
"เอ่อ คุณเป็นอะไรไหมค่ะ คุณดูเอ่อ.. ไม่ดีเลย" ม้าสาวตัวนั้นทักผม
ผมพยายามตั้งสติตนเองเอาไว้ไม่ให้มันระเบิดออกมา ผมจึงพยักหน้าตอบเธอ แต่เรี่ยวแรงของผมมันอ่อนแรงมากจนผมแทบไม่มีเสียงอะไรออกมาจากปากเลย
"มีเรื่องอะไรกันเหรอ"
เสียงของบุคคลที่สามดังขึ้น และเมื่อผมหันไปมองดูต้นเสียง ผมก็พบม้าอีกตัวหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น
เธอมีลำตัวมีม่วง แผงคอสีม่วงเข้มที่ยาวจนมาถึงต้นคอของเธอ เขายูนิคอร์นที่เด่นเป็นสง่า และดวงตาสีม่วงกลมโต แถมบนหลังของเธอก็มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นมังกรขนาดเล็ก ตัวสีม่วงอมชมพูและหนามข้างหลังสีเขียวกำลังจ้องมองดูผมด้วยความสงสัย
ผมอ้าปาก พยายามจะพูด พร้อมกับผมเงยหน้ามองดูท้องฟ้า บริเวณตำแหน่งที่ผมควรจะร่วงหล่นลงมา แต่มันก็เป็นท้องฟ้าทีครามที่มีเมฆลอยเด่นชัดลอยไปมาเท่านั้น ไม่มีร่องรอยอะไรเลยว่าผมหล่นมาจากไหน ไม่มีภาพบ้านผมหรือโลกของผมปรากฎบนท้องฟ้าเลย
ผมก้มลงมองดูยูนิคอร์นสีม่วงที่ยังยืนตรงหน้าผม ซึ่งเจ้าตัวเองก็มองดูผมด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างมาก
"ตายแล้ว คุณเป็นอะไรมากไหม ?" เธอทักผมด้วยนํ้าเสียงชวนเครียด
"ดูเหมือนจะบาดเจ็บทั้งตัวเลยนะ" มังกรที่อยู่ข้างๆ ยูนิคอร์นสาวสีม่วงรีบชี้มาทางผม
"ช่วย...."
"ห๊ะ อะไรนะ!?"
เธอถามผมมา ผมพยายามฝืนอ้าปากพูดออกมาโดยที่นัยน์ตาของผมเริ่มปิดลงเรื่อยๆ
"ช่วย...น้องสาว... ผม....ด้วย...."
"คุณ... คุณ!! .... เร็วเข้าสไปค์ รีบพาเขาไปโรงพยาบาล..."
สติของผมดับลงพร้อมกับความมืดมิด และจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย
To Be Contined
ความคิดเห็น