คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ☼ ร้อยตะวัน ☼ l Chapter 08
ร้อยตะวัน
#ฟิคร้อยตะวัน
CHAPTER 08
(cr: http://anngle.org/)
นี่น่ะหรือญี่ปุ่น ประเทศที่มีความปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆของเอเชีย...
“ทำหน้าบูดเป็นตูดไปได้ ดีแค่ไหนแล้วที่มันไม่ฆ่าปิดปากนาย” ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นมาขณะเดินเท้าไปเรื่อยๆอย่างสบายใจ
ผิดกันกับอิมแจบอม นักลงทุนผู้โชคร้ายที่ถูกแท็กซี่ปล้นชิงทรัพย์แถมพวกมันยังทำเป็นขบวนการและเอาทรัพย์สินมีค่าของเขาไปจนหมด
ก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือร้ายของเขากันแน่ที่ผู้ชายคนนี้เข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“นายโยนกระเป๋าตังค์ฉันให้พวกมันทำไม?”
ยิ่งพูดแจบอมก็ยิ่งหงุดหงิดที่คนตรงหน้านี้ดูไม่ทุกข์ร้อนหรือว่ารู้สึกผิดอะไรทั้งที่ผู้ชายคนนี้นั่นแหละที่เป็นคนเดินมาล้วงกระเป๋าจากกางเกงของเขาแล้วโยนไปให้พวกมันกับมือ
“...หรือว่านายเป็นพวกเดียวกับมัน?”
แจบอมฉุกคิดแล้วยกกำปั้นขึ้นมาเตรียมต่อสู้
คนที่เดินนำหน้าอยู่ทำเพียงแค่หยุดเดินแล้วหันกลับมามองผู้ชายที่ฉลาดด้านเดียวอย่างนึกเวทนา
ร่างเพรียวบางในชุดยูกาตะสีเทาเข้มล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองขึ้นมาก่อนปลายนิ้วเรียวจะยื่นเหรียญห้าเยนไปตรงหน้าของอิมแจบอม
“ห้าเยน?”
แจบอมไม่ยอมรับเหรียญนั้น ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้กรอบแว่นเบนสายตาไปทางอื่นเพราะไม่รู้ว่าฟ้าส่งคนสติไม่ดีมากลั่นแกล้งเขาหรือเปล่า
นอกจากจะโยนกระเป๋าสตางค์ของเขาให้โจรแล้วยังคิดจะชดใช้มันทั้งหมดด้วยเงินเพียงห้าเยนอีก
รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนมุมปากสวยก่อนชายหนุ่มหน้าหวานจะออกเดินต่อ
แจบอมหันหลังกลับไปยังทางที่พวกเขาเดินจากมา
พระอาทิตย์ยามเย็นคล้อยต่ำเป็นสัญญาณของความมืดมิดที่กำลังมาเยือน นัยน์ตาคมภายใต้กรอบแว่นทอดมองร่างเพรียวเดินห่างไกลออกไปก่อนที่สองเท้าของเขาจะหันกลับมาเดินตามหลังคนร่างบางดังเดิม
ถึงแม้จะเป็นคนประหลาดที่มีนิสัยน่าหมั่นไส้ขนาดไหนแต่ตัวก็ผอมบางแถมยังดูนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงซะขนาดนั้น
ถ้าพวกขี้เมาเกิดหน้ามืดขึ้นมา...จะปล่อยให้คนแบบนี้ถูกรังแกได้ยังไงกัน
“นี่...ฉันไม่เล่นการพนัน”
มือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กของคนตัวบางทันทีที่เขาหย่อนตัวลงนั่งตรงหน้าตู้ปาจิงโกะ
ด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดังของแจบอมทำให้ทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจท่ามกลางลุงแก่ๆหลายคนที่นั่งเล่นอยู่ก่อน
มือเรียวยกลูกเหล็กหนึ่งลูกที่แลกมาจากหน้าเคาน์เตอร์ด้วยเงินเพียงห้าเยนขึ้นมาก่อนจะยิ้มหวานให้ร่างสูงที่ดูจะหงุดหงิดกับวิธีการหาเงินแบบนี้
“นี่ฟังนะ...ร้านพวกนี้มันเซ็ตระบบเอาไว้หมดแล้วว่านายจะสามารถแจ็คพ็อตได้เมื่อไร
ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยเงินเพียงแค่...”
ปึง!
ปลายนิ้วเรียวดีดลูกเหล็กเข้าไปในตู้พร้อมกับการเริ่มนับรันตัวการ์ตูนสามแบบบนหน้าจอ
เสียงปาจิงโกะแบบตลกๆดังขึ้นพร้อมกับเสียงเฮจากตู้พร้อมลูกเหล็กอีกเป็นจำนวนมากพรั่งพรูหลั่งไหลออกมาจากเครื่อง
“เอากระบะมาอีก”
คนหน้าหวานสั่งเสียงเรียบ แจบอมที่เงอะๆงะๆเพราะไม่เคยเล่นอะไรพวกนี้มาก่อนก็รีบคว้ากระบะเปล่าของลุงคนข้างๆมาเปลี่ยนถ่ายลูกเหล็กที่เต็มจนเกือบล้นและยังหยิบมาใส่ต่อเป็นกระบะที่สามอีก
แม้จะเป็นอะไรที่เหลือเชื่อหรืออาจจะเป็นเพราะความบังเอิญก็ตามแต่ แต่เหตุการณ์วันนี้ก็ทำให้แจบอมรู้สึกทึ่งกับความสามารถของผู้ชายคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“เอาลูกเหล็กไปแลกเป็นสลิปตรงนั้นแล้วยื่นให้พนักงานเขาจะให้การ์ดนายมา
นายก็ค่อยเอาไปแลกตรงเคาน์เตอร์อีกที”
ชายหนุ่มในชุดยูกาตะสีเทาเข้มคนนั้นอธิบายพลางชี้แจงจุดต่างๆที่เขาต้องทำเป็นลำดับขั้นตอน
แจบอมพยักหน้ารับก่อนจะนำลูกเหล็กไปเทใส่เครื่องนับและนำใบสลิปไปส่งให้พนักงาน
เธอยื่นแผ่นการ์ดพลาสติกสี่เหลี่ยมสีต่างๆคืนมาให้หลายแผ่นแจบอมจึงเดินนำไปแลกตรงจุดรับแลกการ์ดอีกที
ไม่นานนักเงินก้อนจำนวนมากก็ถูกส่งกลับมายังเขา ชายหนุ่มถือเงินหลายปึกกลับมาหาร่างเพรียวที่ยืนรออยู่ไม่ไกลพร้อมกับเอ่ยชื่นชมเขาอย่างตื่นเต้น
“นายทำได้ยังไง
เจ๋งอ่ะ”
ใบหน้าหล่อหวานยิ้มบางรับคำชมก่อนจะเงยหน้ามองนาฬิกาในร้านปาจิงโกะแล้วหันกลับมาคุยกับแจบอม
“เอาเงินนี่หาแท็กซี่ดีๆกลับโรงแรม
แล้วก็อย่าให้โดนปล้นได้อีก”
แจบอมหุบยิ้มพลางรู้สึกวูบโหวงในใจราวกับเป็นคำบอกลาจากคนตัวบาง
มือหนาเอื้อมไปจับแขนเรียวให้หันกลับมาสบตากับเขา
ริมฝีปากหยักอยากเอื้อนเอ่ยคำว่าขอโทษและก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้แต่เขากลับพูดไม่ออก
“ถ้าฉันโดนปล้นนายจะมาช่วยอีกไหม?”
“คงไม่แล้วล่ะ
ก็นายไม่เหลือกระเป๋าอะไรให้ฉันโยนแล้วนี่”
แจบอมหลุดยิ้มขำให้กับคำประชดประชันที่แสนน่ารักของคนตรงหน้า
ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่กลับยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา แถมเขายังเคยหวาดระแวงว่าจะเป็นพวกต้มตุ๋นแต่แท้จริงแล้วกลับกลายเป็นคนที่มีน้ำใจโดยปราศจากการหวังสิ่งตอบแทนอย่างแท้จริง
...ยังมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอเนี่ย
“ฉันอิมแจบอม...” แจบอมตะโกนขึ้นเมื่อคนหน้าหวานหันหลังเตรียมเดินกลับออกไปจากร้าน
“อืม” หนุ่มร่างผอมเพรียวคนนั้นส่งเสียงตอบรับในลำคอเบาๆ
แต่แจบอมก็ยังคงเดินตามต่ออย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับว่ายังไม่ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ
“แค่อืมเองเหรอ?”
ใบหน้าหล่อหวานพรูลมหายใจออกมา
ก่อนที่เจ้าของนัยน์ตาคู่สวยจะหันกลับไปตอบคำถามของเขาให้หายค้างคาใจ
“อากิระ
จิน”
ร่างหนาเดินวกไปวนมาอยู่หน้าห้องรับประทานอาหารรวมของอากิระเพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านในเนื่องจากธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมของอากิระคือทุกคนที่ระดับต่ำกว่าอิจิไม่มีสิทธิ์เข้าไปทานอาหารร่วมกับผู้นำชั้นสูง
หวังแจ็คสันในฐานะผู้มาอาศัยจึงถูกจัดว่าเป็นบุคคลนอกอากิระเช่นกัน
“จะทำอะไร?”
ร่างล่ำบึ้กของบอดี้การ์ดไม่มีชั้นวรรณะเอ่ยเสียงเข้มเมื่อเห็นหวังแจ็คสันเดินไปป้วนเปี้ยนแถวบานประตู
ร่างยักษ์ใหญ่ของเจ้าพวกนั้นอีกสองสามคนต่างพากันมายืนออล้อมหน้าล้อมหลังแจ็คสันจงใจกันไม่ให้ชายหนุ่มเข้าไปทำวุ่นวายด้านใน
“ฉันก็...แค่จะเข้าไปดูว่ายองแจต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่า
พวกนายไม่เป็นห่วงเขาเหรอ ไม่เห็นเหรอว่ายองแจกินข้าวน้อยขนาดไหน?” แจ็คสันอ้างโน่นอ้างนี่แสร้งทำเป็นโมโหที่ทุกคนในบ้านต่างละเลยเรื่องอาหารการกินของยองแจ
“ไม่ใช่หน้าที่ของนาย
กลับไป”
ใบหน้าหล่อจ้องมองคนตัวใหญ่ครู่หนึ่งเขาเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะหันหลังกลับ
เดินไปได้แค่สองสามก้าวแล้วเขาก็หันกลับมาใหม่เพื่อวิ่งฉิวพุ่งตรงไปยังบานประตูแต่ก็โดนบอดี้การ์ดพวกนั้นจับโยนออกมาอยู่ดี
“โอะโอ...มีอะไรกัน ทำไมต้องใช้ความรุนแรง?”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลังของแจ็คสัน
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้หันกลับไปมองว่าเป็นใคร ฝ่ามือเรียวบางนั้นก็ช่วยพยุงแขนเขาให้ลุกขึ้นจากพื้นดินพร้อมทั้งช่วยปัดฝุ่นและเศษใบไม้ออกให้อย่างใจดี
“จินเซ็นเซย์ ชายคนนี้คือศัตรูของเฟยหรงและการที่ชเวซามะเก็บงูพิษมาเลี้ยงในบ้าน
พวกเราเกรงว่า...” ชายร่างใหญ่สามคนรุดนั่งคุกเข่าลงและหนึ่งในนั้นเป็นคนรายงานสถานการณ์ให้กับผู้มาใหม่ฟัง
“ไม่เคารพการตัดสินใจของชเวซามะเหรอ...”
“เอ่อ...มะ...”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรอยู่ที่บ้านหลังนี้”
ทุกเสียงคัดค้านเงียบกริบได้แต่เก็บความไม่พอใจอยู่เงียบๆเมื่อคนที่ดูจะเป็นที่พึ่งพาสุดท้ายของพวกเขาในยามนี้กลับเห็นดีเห็นงามกับการตัดสินใจของชเวซามะไปเสียหมด
“แยกย้ายกันไปทานอาหารได้แล้ว
ฉันเองก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน” หนุ่มร่างผอมเพรียวพูดเพียงแค่นั้นบอดี้การ์ดทั้งสามและคนอื่นๆที่พากันมายืนมุงดูก็แยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“อ้อ...ขอเชิญนายด้วยนะ
ถือว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับจากอากิระก็แล้วกัน” ชายหนุ่มคนนั้นหันมาบอกกับแจ็คสันพร้อมยิ้มบางก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
แจ็คสันยิ้มกว้างแล้วหันไปยักคิ้วให้พวกบอดี้การ์ดที่ยืนกำมือแน่นกัดฟันกรอดเพราะโกรธที่ทำอะไรแจ็คสันไม่ได้
“จินเซ็นเซย์...”
ชเวซามะเอ่ยทักอาจารย์คนสนิททันทีที่เห็นเขาก่อนรอยยิ้มนั้นจะหายไปเมื่อเห็นว่าคนติดสอยห้อยตามมาด้วยเป็นใคร
“คนนอกไม่มีสิทธิ์เข้ามาในนี้”
ยูกิโยมุที่นั่งอยู่ทางขวามือของชเวซามะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เด็กหนุ่มปรายตามองไปทางหวังแจ็คสันเหมือนเป็นคำสั่งไล่ให้เขาออกไปจากห้องนี้กลายๆแต่แจ็คสันไม่สนใจ
ร่างหนาหย่อนตัวลงนั่งที่ว่างฝั่งซ้ายมือของยองแจทันทีโดยไม่สนสายตาอีกหลายสิบคู่ที่จ้องมองมาราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด
“อาหารห้องนี้น่ากินกว่าในครัวเยอะเลย”
แจ็คสันแกล้งทำเป็นตาวาวกับบรรดาอาหารบนโต๊ะเพื่อยั่วโมโหยูกิโยมุลูกชายมหาเศรษฐีจากฮอกไกโด
เพื่อนคนสนิทของยองแจ สมาชิกอากิระระดับซังที่เขาได้ฟังสามแสบบรรยายถึงความฉลาดหลักแหลมและความหล่อเหลาจนเอียน
“ใครอนุญาตให้เข้ามา?”
“ฉันเชิญเขาเองแหละ
เอาน่าอย่าทะเลาะกันได้ไหมคนยิ่งหิวๆอยู่” เมื่อเห็นสงครามเย็นขนาดย่อมภายในห้องอาหารอาจารย์หนุ่มจึงเป็นฝ่ายตัดบทและชวนทุกคนทานข้าว
จินเซ็นเซย์ลงนั่งแทรกตรงกลางระหว่างชเวซามะกับยูกิโยมุเพราะว่าแจ็คสันยึดที่ประจำของเขาไปเรียบร้อยก่อนจะเริ่มคีบอาหารทาน
ทุกคนในที่นั้นจึงทานอาหารกันต่อ
“อิ่มแล้วเหรอครับชเวซามะ?”
ยูกิโยมุถามทันทีที่หนุ่มหน้าหวานวางตะเกียบลง ยองแจพยักหน้าน้อยๆแทนคำตอบก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“คุณแม่ได้อาหารทะเลมาจากท่าเรือฮอกไกโดเมื่อช่วงเช้าถ้ารู้ว่าชเวซามะทานน้อยแบบนี้ท่านคงจะเสียใจมาก
ลองทานนี่อีกสักหน่อยนะ” หอยนางรมเสิร์ฟพร้อมเปลือกและเมลอนฝานเป็นชิ้นในจานใบน้อยถูกเลื่อนมาวางตรงหน้าของคนตัวขาว
ยองแจมองหน้าของยูกิโยมุอย่างชั่งใจก่อนจะยอมจับตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง
“หอยนางรมเขาว่าช่วยในเรื่องของการฟิตปั๋ง
ดูจากขนาดตัวแล้วถ้ากินเจ้านี่เข้าไปแค่ตัวสองตัวคืนนี้ก็คงไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้วล่ะมั้ง”
แจ็คสันเปรยขึ้นมาเสียงดังฟังชัดก่อนจะใช้ตะเกียบคีบหอยนางรมตัวใหญ่จากจานของชเวซามะเข้าปากพลางหันไปสบตาหวานซึ้งกับคนหน้าหวานที่จงใจหลบหน้าเขาตั้งแต่ขึ้นมาจากออนเซ็น
“ความคิดบ่งบอกลักษณะ
ทั้งที่ประโยชน์ของอาหารมีอย่างอื่นอีกมากมายแต่กลับรับรู้แค่ประโยชน์ทางกามารมณ์”
นิ้วยาวบรรจงจับตะเกียบอย่างทะมัดทะแมงก่อนจะคีบหอยนางรมจากถาดน้ำแข็งขึ้นมารับประทาน
นัยน์ตาคมสองคู่จ้องมองกันไม่วางตา จินเซ็นเซย์เดาะลิ้นอย่างนึกสนุกจึงเอื้อมมือไปเลื่อนถาดน้ำแข็งที่ใช้เป็นจานรองหอยนางรมสดมาคั่นไว้ตรงกลางระหว่างหวังแจ็คสันกับยูกิโยมุ
“ยังหนุ่มยังแน่นกันทั้งคู่
ถ้างั้นก็เพิ่มพลังกันให้เต็มที่แล้วฉันจะอนุญาตให้คนที่กินหอยนางรมได้มากที่สุดยืมสุดยอดคัมภีร์พิชิตนารีที่เพิ่งสอยมาใหม่ยังไม่ทันได้แกะเลยนะเว้ย
ส่วนคนแพ้ก็ไปหยิบยืมเล่มเก่าๆในกล่องได้ตามใจแต่ห้ามเกินสามเล่ม” จินเซ็นเซย์พูดเองสรุปเองทุกอย่างแต่ดูเหมือนว่าทั้งแจ็คสันและยูกิโยมุจะไม่ได้สนใจว่าของรางวัลคืออะไร
รู้เพียงแต่ว่า...ต้องชนะเท่านั้น
ศึกหอยนางรมเริ่มขึ้นมาได้สักพักจนเปลือกเริ่มทยอยตั้งเป็นกอง
หลายคนที่ไม่เกี่ยวข้องได้ขอตัวกลับที่พักไปก่อนซึ่งชเวซามะก็อนุญาตเพราะมองเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระและความนึกสนุกอยากแกล้งชาวบ้านของจินเซ็นเซย์เท่านั้น
“ยอมแพ้เถอะไอ้หน้าจืด
หน้าแกซีดเหมือนไก่ต้มค้างปีละ ฮะๆๆ” แจ็คสันหัวเราะคิกคักเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปแก้เลี่ยน
ยูกิโยมุมองหอยนางรมสดในจานทำท่าเหมือนจะทานต่อไม่ไหวแต่ก็ยังไม่อยากยอมแพ้เพราะกองเปลือกหอยของหวังแจ็คสันมีมากกว่า
เด็กหนุ่มคว้าเอาชาเขียวร้อนขึ้นมาดื่มกลั้วล้างรสชาติหอยนางรมในปากก่อนจะโต้กลับคนตรงข้ามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นายก็คอหมุนรอบดวงอาทิตย์แล้วเหมือนกัน
แพ้แรงดึงดูดของโลกแล้วก็ไปนอนไป”
“ฮะๆๆ ยอมแพ้ฉันแล้วล่ะซี่ไอ้เด็กหน้าอ่อน~”
“คุมสติตัวเองให้รอดก่อนแล้วค่อยมาคุยว่าชนะ”
ยองแจส่ายหน้าเบาๆอย่างระอา
หลังจากศึกหอยนางรมที่น่าจะรู้ผลแพ้ชนะแล้วยังมาต่อกันที่สงครามประสาทเพื่อหาผู้ชนะอีก
เด็กสามคนหลังจากช่วยกันยกจานชามบางส่วนไปเก็บก็ย้อนกลับมาเพื่อดูคำตัดสินและเผื่อว่าชเวซามะจะมีเรื่องให้พวกเขาช่วยเหลือ
“รู้ผลแล้วล่ะ” จินเซ็นเซย์ที่นั่งเงียบมาสักพักเอ่ยขึ้นก่อนร่างสูงเพรียวจะลุกขึ้นไปดึงแขนยูกิโยมุขึ้นมา
แจ็คสันขมวดคิ้วเข้าหากันพลางเพ่งมองอาจารย์หนุ่มด้วยสายตาไม่พอใจ
“กติกาคือจำนวนหอยนางรมที่กิน จำนวนเปลือกของหวังแจ็คสันมีมากกว่านั่นหมายความว่าหวังแจ็คสันเป็นผู้ชนะ”
“เย้~!”
สายตาที่ไม่พอใจในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นความยินดีในชัยชนะ
มือหนาตบโต๊ะเสียงดังอย่างพึงพอใจในคำตัดสินของจินเซ็นเซย์ก่อนใบหน้าหล่อนั้นจะฟุบหน้าจมไปบนโต๊ะทานข้าวจนเรียว
เร็น เรย์ต้องรีบไปดึงแขนเขาเอาไว้
“พากลับไปพักที่ห้องแล้วก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว
พรุ่งนี้ต้องมาเรียนแต่เช้า” จินเซ็นเซย์กล่าวกับทุกคนในที่นั้นรวมไปถึงชเวซามะด้วย
ลูกศิษย์ทั้งหมดก้มศีรษะรับคำผู้เป็นอาจารย์ก่อนที่จินจะเป็นฝ่ายลากแขนยูกิโยมุที่ไม่ค่อยอยากยอมรับในผลการตัดสินออกไป
“ชเวซามะไปพักผ่อนเถอะ ทางนี้พวกเราจัดการได้”
เร็นพูดพลางเดินอ้อมไปหิ้วปีกข้างหนึ่งของแจ็คสันโดยมีเรียวและเรย์ช่วยกันประคับประคองอย่างทุลักทุเล
เด็กหนุ่มพรูลมหายใจออกช้าๆก่อนจะลุกขึ้นจากเบาะรองนั่งสีแดงเลือดหมูไปช่วยประคองแจ็คสันเพราะแรงของเด็กสามคนคงแบกรับน้ำหนักของผู้ชายตัวใหญ่แบบนี้ไม่ไหวแน่
“เร็นและเรย์อยู่เก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อยแล้วค่อยแยกย้ายไปนอน
ส่วนเรียวไปเตรียมผลไม้หรืออะไรก็ได้แก้แฮงค์เอาตามไปให้เราที่ห้องแล้วไปพักผ่อนได้”
ยองแจสั่งเด็กทั้งสามก่อนจะเป็นคนประคองตัวพาแจ็คสันกลับไปพักผ่อน แขนแกร่งข้างพาดขึ้นมาบนลำคอระหงแม้จะไม่ค่อยชอบใจนักแต่มันก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้
แขนเรียวจำใจเอื้อมไปโอบเอวสอบเพื่อประคับประคองให้เขาเดินกลับห้องได้อย่างไม่ยากลำบาก
“นายมัน...เสน่ห์แรง” นัยน์ตาหวานหยาดเยิ้มปรือขึ้นมองดวงหน้าหวานของคนข้างกายที่ช่วยประคับประคองร่างกายที่สูญเสียการควบคุมของเขาเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
นิ้วยาวถือวิสาสะจิ้มลงบนแก้มนุ่มเพราะความหึงหวง
สายตาของยูกิโยมุที่มองมายังคนตัวเล็กมันใช่สายตาของเพื่อนสนิททั่วไปเสียที่ไหน
“ปากบอกว่าไม่ชอบผู้ชายแต่กลับซุกเด็กหน้าจืดเอาไว้แบบนี้
ฉันเจ็บปวดนะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อคนเมาเริ่มพูดจาหาเรื่องแถมยังพาดพิงถึงเขากับยูกิโยมุในทางที่ไม่ดีจนนึกอยากจะปล่อยคนปากเสียทิ้งไว้กลางทางเดินแบบนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
“ผมกับยูกิโยมุเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
“เพื่อนที่ไหนมองกันตาหวานหยาดเยิ้มขนาดนั้น
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อล่ะสิ”
ยองแจเหนื่อยที่จะต่อล้อต่อเถียงเพราะรู้ว่าพูดอะไรกับคนเมาไปก็คงไม่เกิดประโยชน์
หนำซ้ำยังชวนให้หงุดหงิดกว่าเดิม เรื่องของยูกิโยมุเขาเองก็พอจะเคยได้ยินใครต่อใครพูดมาบ้างแต่ก็คิดว่าคนพวกนั้นแค่พูดกันไปเพราะเขาสองคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กการที่คนอื่นๆจะเข้าใจผิดย่อมเป็นเรื่องธรรมดา
“อ๊ะ” เด็กหนุ่มอุทานเมื่อร่างหนาที่ประคับประคองอยู่ดันแผ่นหลังของเขาให้ไปติดกับบานประตู
ฝ่ามือหนากดไหล่บางตรึงเอาไว้แน่นไม่ให้คิดหนีก่อนจะเชยคางมนขึ้นมองใบหน้าหวานสะสวยราวกับผู้หญิงของคนในอาณัติ
“โกรธเหรอ?” แจ็คสันถามอย่างเอ็นดูเมื่อเห็นคนหน้าหวานมีท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจตั้งแต่ตอนที่เขาพูดถึงเรื่องของยูกิโยมุ
ยอมรับว่าเขาเองก็หึงหวงเกินไปหน่อยเพียงแค่คิดว่ายองแจอาจจะเผลอใจหวั่นไหวให้เด็กหน้าจืดนั่นเขาก็ยอมรับไม่ได้
“อากิระไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
กรุณาปฏิบัติกับผมในฐานะชเวซามะไม่ใช่ชเวยองแจ” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยปรามเมื่อใบหน้าคมคายเลื่อนเข้ามาใกล้
นัยน์ตาหวานแข็งกร้าวดุดันเอาเรื่อง แจ็คสันคลี่ยิ้มบางยอมแพ้ชั่วคราวเพราะลูกแมวน้อยแสนเชื่องในบ่อออนเซ็นเมื่อตอนเย็นกำลังขู่ฟ่อๆใส่เขาในตอนนี้
“ชเวซาม๊า~” เร็นและเรย์ที่น่าจะเก็บกวาดทุกอย่างเสร็จแล้ววิ่งมากอดขาคนตัวบางเพราะทางนี้เป็นทางผ่านไปยังห้องพักของพวกเขา
พอเห็นว่าชเวซามะยังไม่เข้านอน ลูกลิงน้อยทั้งสองก็รีบตรงปรี่เข้ามาออดอ้อนในทันที
“แล้วเรียวล่ะ?” แม้อารมณ์จะยังคุกรุ่นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่ยองแจจะไม่เอ็นดูเด็กๆพวกนี้
แจ็คสันที่เริ่มสร่างเมายืนกอดอกพิงบานประตูมองดูคนน่ารักคุยกับเด็กทั้งสองก่อนที่เด็กคนที่สามจะวิ่งมาพร้อมนำแก้วเครื่องดื่มแก้แฮงค์รสชาติเปรี้ยวหวานสูตรพิเศษมายื่นให้แก่เขา
สามก้อนกลมออดอ้อนจนยองแจยอมเข้ามาส่งพวกเขาเข้านอนในห้องได้สำเร็จ
มือเล็กบางพยายามแกะมือเจ้าลูกลิงตัวเล็กสุดที่กำชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยทั้งที่หลับปุ๋ยคาตักไปได้สักพักแล้ว
แจ็คสันอมยิ้มขำก่อนจะเขยิบเข้ามาช่วยอุ้มเรย์จากตักยองแจไปนอนเรียงกันกับพี่ๆอีกสองคน
“เหมือนพ่อแม่ลูกเลยเนอะ
ติดที่ว่าเด็กพวกนี้ซนไม่เห็นมีใครเรียบร้อยน่ารักเหมือนนายสักคน” แจ็คสันแกล้งหยอดหวังฟลุคเผื่อว่ายองแจจะหายงอนแล้วกลับมาคุยกับเขา
คนตัวเล็กทำทีเป็นไม่ได้ยินแล้วลุกขึ้นเตรียมจะเดินออกไปจากห้องเพื่อกลับไปพักผ่อนบ้างเพราะนี่ก็ดึกมากพอสมควรแล้ว
“ฉันขอโทษ” ร่างหนารีบลุกขึ้นเดินตามแล้ววาดแขนโอบกอดยองแจจากทางด้านหลัง
คางเรียวได้รูปเกยลงบนไหล่ลาดเพียงบางเบา ปลายจมูกโด่งคลอเคลียกับลำคอระหงอย่างไม่ตั้งใจแต่ก็พอทำให้เขาได้ใช้โอกาสนี้ฉกฉวยสูดดมกลิ่นหอมประจำตัวจากคนในอ้อมแขน
คนตัวเล็กไม่ได้ขัดขืนอะไรเขาทำเพียงแค่ย่นคอหนีลมหายใจอุ่นที่รินรดต้นคอบ้างเป็นครั้งคราว
“จะไม่พูดแบบนั้นแล้ว”
“...”
“จะไม่ประชดแบบไม่มีเหตุผล”
“...”
“จะฟังแค่นายคนเดียว”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มแหบพร่ากระซิบข้างใบหูขาวของคนในอ้อมกอด
ชีพจรที่เต้นเป็นปกติเสมอของเด็กหนุ่มที่ไม่เคยหวั่นไหวกับใครบัดนี้กลับเต้นเร็วและแรงจนแทบจับจังหวะไม่ถูก
น้ำเสียงเว้าวอนขอโอกาสมาพร้อมกับอ้อมอกที่แสนอบอุ่น ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม
มีเพียงสัมผัสอ่อนโยนจากจมูกโด่งรั้นที่ประทับลงมาบนผิวแก้มสากบางเบาแทนทุกคำพูดในใจก่อนคนหน้าหวานจะเผลอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองอย่างเขินอายแล้วรีบเดินหนีออกไป
ทิ้งให้คนถูกขโมยหอมแก้มยิ้มเขินอยู่กับตัวเองและอายม้วนจนต้องเข้าไปขอมุดผ้าห่มกับเด็กๆสามคน
100%
TBC : หมั่นไส้หวังแจ็คสันมาก ฮื่อออออออออ สั่งมาร์คมาเก็บบบบบ
อะแฮ่ม มีคนกระซิบถามมาว่าฟิคใสใส(?)แบบนี้จะมีฉากคัทไหม 555555555
ทุกอย่างจะมาในช่วงเวลาที่เหมาะสมนะคะ ใจเย็นๆโน๊ะ รสชาติของลูกพลับจะไม่หวานถ้าไม่สุกเองจากต้น
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ #ฟิคร้อยตะวัน
ความคิดเห็น