คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ☼ ร้อยตะวัน ☼ l Chapter 06
ร้อยตะวัน
#ฟืคร้อยตะวัน
CHAPTER
06
“ถ้ายังไม่หายดีก็อยู่พักในบ้านไปเถอะ”
เด็กหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งตะโกนบอกคนอายุมากกว่าที่ดันทุรังจะออกมาช่วยเขาสองพี่น้องหาปลาเพื่อนำไปประกอบอาหารสำหรับมื้อเย็นให้ได้ทั้งที่ตัวเองก็ยังเจ็บหนัก
ท่าทางเงอะงะไม่ทะมัดทะแมงแถมยังสะดุดล้มก้นจ้ำเบ้าอยู่หลายครั้งหลายคราจนน้ำที่เคยใสขุ่นมัวไปหมดยิ่งทำให้แบมแบมเหนื่อยใจ
“อ๊ะ นี่ไง
ได้มาละตัวนึง! เจโน่เอาถังมาเร็วๆ” เด็กผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่บนฝั่งรีบกุลีกุจอยกถังเปล่ามาให้กับมือใหม่หัดจับปลา
แบมแบมเบิกตากว้างมองปลาที่ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในมือของแจ็คสันอย่างเหลือเชื่อ
“พี่แจ็คสันสุดยอดดดดดด”
เจโน่มองปลาในถังตัวแรกแล้วกระโดดโลดเต้นไปมาอย่างอารมณ์ดี หวังแจ็คสันหันไปยักคิ้วให้กับเด็กหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งก่อนจะก้มลงควานหาปลาตัวต่อไป
“ไม่เสียดายข้าวที่เสียไป
ถ้างั้นจะยอมเรียกว่าพี่ให้ก็ได้” แบมแบมพูดออกมาแล้วรีบหันหลังกลับทำทีเป็นหาปลาต่อ
แจ็คสันมองตามแผ่นหลังของเด็กหนุ่มตัวบางแล้วได้แต่แอบยิ้มในใจ พลันนึกไปถึงใบหน้าหวานสะอาดสะอ้านเจ้าของแววตาดื้อรั้นไม่ยอมใครลอยแวบเข้ามาในความคิดของเขาเพียงครู่หนึ่งก่อนจะหายไปพร้อมกับเสียงร้องโวยวายของเจโน่
“เฮ้ยยยย ปล่อยผมมมม
พี่แบม พี่แจ็คสันช่วยผมด้วย!”
ถังใส่ปลาที่เจโน่เคยถือไว้ด้วยความดีใจบัดนี้กลับตกลงไปกองอยู่กับพื้นทราย
ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งจากริมแม่น้ำเพียงคนเดียวสามารถอุ้มตัวเจโน่ลอยขึ้นได้
แบมแบมทิ้งทุกอย่างและตรงกลับขึ้นไปบนชายฝั่งเพื่อจะช่วยน้องชาย แจ็คสันจึงรีบตามไปคว้าแขนของเขาเอาไว้และขอเป็นคนออกหน้าแทน
“ปล่อยเด็กซะ
อย่ารังแกคนที่ไม่มีทางสู้” ร่างหนาตรงเข้ามาเจรจาต่อรองเพราะยังไม่เห็นว่าชายแปลกหน้าสามคนนี้จะเริ่มทำร้ายพวกเขาคนใดคนหนึ่ง
ชายคนแรกที่ยืนใกล้แจ็คสันมากที่สุดหันไปพยักพเยิดกับอีกสองคนที่เหลือก่อนที่เป้าหมายของมันทั้งสามคนจะเปลี่ยนมาเป็นแจ็คสันแทน
“เฮ้ย! อย่าทำพี่แจ็คสันนะเว้ย” เจโน่รีบวิ่งเข้ามากัดแขนชายร่างใหญ่สุดที่เคยอุ้มเขาจนตัวลอย
ชายคนนั้นจิ๊ปากอย่างขัดใจแล้วออกแรงสะบัดแค่เพียงนิดเดียวเจโน่ตัวน้อยก็แทบจะลอยเคว้งไปไกล
“เจโน่!”
แจ็คสันพยายามสวนหมัดใส่ชายร่างใหญ่แต่ชายอีกสองคนก็เดินมาล็อคแขนแจ็คสันเอาไว้ไม่ให้เขาต่อสู้หรือขัดขืน
แบมแบมคว้าท่อนไม้แถวนั้นขึ้นมาได้ก็กะจะฟาดศัตรูให้เต็มแรงแต่เพียงแค่เงื้อมือชายร่างใหญ่โตคนเดิมก็หันไปปัดและบิดข้อมือเล็กก่อนผลักเขาลงไปกองกับพื้นได้อย่างง่ายดาย
“ใครใช้ให้พวกแกมา!?”
“เราไม่มีความจำเป็นจะต้องบอกคุณ”
แจ็คสันกัดฟันกรอดอย่างโกรธจัดแต่เพราะสภาพร่างกายของเขาตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะสู้จึงทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนมองเด็กสองคนที่ช่วยชีวิตเขาถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา
“ฆ่าฉันเลยสิ”
“นายของเราจะเป็นคนตัดสินชีวิตคุณเอง”
แจ็คสันถลึงตามองชายคนนั้นด้วยความโกรธ
ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์และความรู้สึกของชายร่างสูงใหญ่ไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดออกมา
เขาทำเพียงแค่หันไปพยักหน้าให้ลูกน้องอีกสองคนที่ล็อคแขนแจ็คสันเอาไว้ หนึ่งในสองคนนั้นคนใดคนหนึ่งล้วงหยิบเชือกขึ้นมาส่งให้เพื่อนเอาไปมัดมือแจ็คสันส่วนตัวเองก็เอาผ้าปิดตามาสวมไว้ไม่ให้แจ็คสันมองเห็น
“ทำบ้าอะไรของพวกแก!?”
“จะพาพี่แจ็คสันไปไหน!?”
“ปล่อยพี่แจ็คสันนะไอ้พวกยักษ์”
เสียงแบมแบมและเจโน่ดังไล่หลังกันมาไกลๆ
แจ็คสันรู้สึกแค่ว่าตัวเองถูกกระชากขึ้นมานั่งบนรถโดยมีชายอีกสองคนคอยนั่งประกบอยู่ตลอดเวลา
ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วตีหน้าเครียดอยู่ภายใต้ผ้าปิดตาที่มืดสนิทเพราะเขาไม่รู้เลยว่า ‘นาย’ ที่พวกมันพูดถึงหมายถึงใคร
...ร้อยตะวัน...
“ถึงแล้วโทรมาหาด้วย” เจ้าของใบหน้าหล่อคมคายที่เบื้องหน้ามีตำแหน่งเป็นถึงประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ในเกาหลีใต้และเบื้องหลังเป็นผู้นำมาเฟียของเฟยหรงแห่งไต้หวันเอ่ยกับเด็กหนุ่มในชุดยูกาตะที่มีศักดิ์เป็นน้องชายของเขา
“จะให้ยามาดะติดต่อมา”
ริมฝีปากบางตอบกลับผู้เป็นพี่ชายสั้นๆ ก่อนที่ศีรษะเล็กจะค้อมลงต่ำทำความเคารพผู้นำของเฟยหรงตามธรรมเนียมปฏิบัติในฐานะผู้น้อยโดยมีผู้ติดตามจากอากิระอีกสามคนก้มศีรษะปฏิบัติตามชเวซามะผู้เป็นนาย
ฝ่ามือหนารั้งต้นแขนเล็กเข้ามาใกล้พร้อมโอบกอดน้องน้อยเอาไว้แนบอกอย่างที่เขาปรารถนาจะทำมาโดยตลอด
“แม้ว่านายจะปฏิเสธความเป็นเฟยหรงในวันนี้ก็ไม่เป็นไร”
น้ำเสียงนุ่มเอ่ยกระซิบข้างหูแค่เพียงให้เขากับน้องชายได้ยิน ริมฝีปากบางของคนในอ้อมแขนเม้มเข้าหากันโดยไม่ตั้งใจแต่ก็ไม่ได้ผลักไสไล่ส่งอ้อมกอดแห่งความปรารถนาดีที่ผู้เป็นพี่หยิบยื่นมาให้เขาเป็นครั้งแรกจริงๆ
“ยองแจก็เป็นยองแจน้องชายของพี่เสมอ”
ร่างสูงโปร่งผละออกจากคนตัวเล็กก่อนจะหันไปรับถุงของฝากจากลูกน้องตัวเองตามคำขอของยองแจส่งยื่นให้บอดี้การ์ดด้านหลัง
เด็กหนุ่มก้มศีรษะน้อยๆให้ผู้เป็นพี่ชายอีกครั้งก่อนจะเดินนำทุกคนเข้าไปในเกทเพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศญี่ปุ่น
“หนึ่งบุรุษมุ่งมั่นแลผูกพัน
อีกชายนั้นมีกำลังนำพาไป ตะวันใหม่ฉายชาดบนมือใคร ก็เสมือนชัยชนะที่งดงาม”
น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากชายร่างสูงผอมวัยกลางคนที่คอยเดินตามหลังเด็กหนุ่มตัวขาวมาตั้งแต่ยังเล็ก
ในเวลานี้ชเวซามะของเขาไม่ใช่เด็กน้อยไร้เดียงสาไม่รู้ความให้เขาต้องคอยประคับประคองจับจูงเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
และถ้าหากทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของเด็กหนุ่มไม่ว่าจะซ้ายหรือขวาเขาก็พร้อมจะไปตามอย่างไม่มีเงื่อนไข
................
ป๊อก...
“โอ๊ยยยย”
สันดาบไม้ที่ฟาดลงบนศีรษะทุยของเด็กชายตัวน้อยจนเขาลงไปนั่งกุมศีรษะร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด
บรรดาพี่เลี้ยงต่างพากันยืนมองคุณหนูตัวน้อยด้วยความสงสารแต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
“ลุกขึ้นมายองแจ”
ปลายดาบไม้วาดผ่านอากาศตรงไปชี้หน้าเด็กชายตัวน้อยเฉียดปลายจมูกรั้นไปแค่เพียงนิดเดียว
นัยน์ตาคมกริบไม่สื่ออารมณ์จ้องมองบุตรชายคนเล็กนิ่งๆก่อนจะดึงดาบกลับแล้วโยนมันออกไปให้พวกลูกน้องตามเก็บ
“เอาดาบจริงมา”
เฮือก...
นัยน์ตาเรียวรีเงยหน้ามองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาสั่นระริก
เด็กน้อยตัวสั่นและทำอะไรไม่ถูกเมื่อดาบคาตานะเงาแวววาวถูกดึงออกมาจากปลอกสวมและโยนมันมาตรงหน้าเขาอีกหนึ่งเล่ม
“อย่าาาาาา!!”
เด็กน้อยรีบยกดาบขึ้นตั้งรับการโจมตีจากผู้เป็นบิดาที่ฟาดปลายดาบลงมาอย่างไม่มีการออมแรงหรือว่าอ่อนข้อใดๆให้
มือเล็กที่แดงช้ำจากการจับดาบไม้ไผ่มาตลอดทั้งวันเริ่มอ่อนแรงและมีรอยแตกจนเจ็บไปหมด
นัยน์ตาคมมองคนตัวเล็กที่เริ่มจะต้านกำลังของเขาไม่ไหวจนตัวสั่น ขาสั่นจึงยอมหยุดและเก็บดาบกลับไปไว้ในปลอกสวมตามเดิม
“จุดอ่อนของแกคือพละกำลัง
ถ้ายังปวกเปียกอ่อนแออยู่แบบนี้อย่าว่าแต่เฟยหรงเลย แม้แต่อากิระที่แกรักนักรักหนาแกก็ไม่มีปัญญาจะดูแลและฉันจะคอยสมน้ำหน้าให้กับความเหยาะแหยะของแก”
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ชเวซามะได้พบและได้ประดาบกับผู้เป็นพ่อซึ่งหลังจากนั้นประธานแห่งเฟยหรงคนก่อนก็ไม่เคยมาเหยียบอากิระอีกเลยจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต
หนึ่งคำสั่งเสียที่เขาได้มอบไว้ให้กับชเวซามะก็คือ ‘มาร์ค’ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงการให้อากิระสนับสนุนเฟยหรงไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ซ่าาาา!
ร่างหนาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเหมือนกับกำลังโดนน้ำสาด
ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบใบหน้าที่เปียกก่อนตบแก้มตัวเองเบาๆเรียกสติให้หายจากอาการมึนงง
“อ๊ะ ตื่นแล้ว!”
ชายหนุ่มหรี่ตามองเด็กผู้ชายตัวเล็กประมาณห้าหกขวบในชุดยูกาตะสีกรมท่าที่มองหน้าเขาแล้วตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
นัยน์ตาคมเหลือบไปเห็นถังน้ำใบเล็กในมือของเจ้าเปี๊ยกก่อนจะก้มมองสภาพของตัวเองที่เปียกปอนไปหมดทั้งตัว...
“วะ...เหวออออออ”
“มานี่เลยไอ้เปี๊ยก” แจ็คสันเอื้อมมือไปคว้าคอเสื้อของเด็กชายตัวน้อยที่หันหลังเตรียมวิ่งหนีก่อนจะอุ้มเขาขึ้นพาดบ่า
“ที่ฉันตัวเปียกแบบนี้ เป็นฝีมือนายใช่ไหม?”
“ไม่ใช่นะ เรียวไม่ได้ทำ!” เด็กน้อยปฏิเสธเสียงหนักแน่นก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความตกใจเมื่อแจ็คสันแกล้งจับเขาห้อยหัวจนเหมือนว่าเขาเกือบจะหล่นลงไปจริงๆ
“ปล่อยพี่เรียวนะ!”
“ปล่อยพี่ชายของพวกเราลงมานะคนใจร้าย!”
เด็กก้อนหัวเห็ดอีกสองคนวิ่งมาจากทางไหนไม่รู้
ทั้งคู่ทิ้งถังน้ำใบน้อยในมือแล้วตรงเข้ามาเกาะแขนเกาะขาของแจ็คสัน
พร้อมดึงทึ้งเพื่อให้เขาปล่อยตัวพี่ชายที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนไหล่
“เรียว เร็น เรย์!”
เสียงหวานนุ่มแต่ทว่าทรงอำนาจดังกึกก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
เด็กสามผู้ใหญ่หนึ่งที่มะรุมมะตุ้มกันอยู่ต่างหยุดชะงักพร้อมกับหันไปมองยังเจ้าของเสียง
“ชเวซามะ!!!”
เด็กสองคนที่เกาะขากางเกงของแจ็คสันอยู่ผละออกพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาหนุ่มหน้าสวยหวาน
มือบางโอบอุ้มเด็กน้อยตัวเล็กสุดขึ้นมาไว้บนอ้อมแขนส่วนมืออีกข้างก็เอื้อมไปจับจูงเด็กชายอีกคนหน้าตาท่าทางเอาเรื่องแล้วพากันเดินตรงมาหาแจ็คสันที่ยืนมองร่างแบบบางนั้นไม่วางตา
“ที่นี่ใช้เหตุผลคุยกัน ถ้าจะมาใช้กำลังกับคนของผมก็เชิญออกไป”
ริมฝีปากอิ่มแดงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาเด็ดเดี่ยวของชเวยองแจสะท้อนเงาของตัวเขาอยู่ในนั้น
หวังแจ็คสันคลี่ยิ้มก่อนจะยอมปล่อยเด็กที่ชื่อเรียวลงยืนบนพื้นตามปกติ
“ฮือออออออ ชเวซามะ”
เด็กหนุ่มตัวบางปล่อยเด็กชายตัวเล็กสุดในอ้อมแขนลงบนพื้นบ้างก่อนจะย่อตัวลงนั่งให้ใบหน้าเสมอกันกับเด็กน้อยทั้งสามที่พากันร้องไห้ระงมเมื่อได้เจอชเวซามะของพวกเขา
“เอาล่ะ ไม่มีใครทำอะไรได้แล้วนะ
ทีนี้ก็เล่าให้เราฟังว่าเกิดอะไรขึ้น” มือเล็กยีผมเด็กชายตัวโตสุดปลอบขวัญ
น้ำเสียงดูเหมือนจะเป็นกลางแต่สายตาของหนุ่มหน้าหวานที่จ้องมองหวังแจ็คสันก็เหมือนกับตัดสินว่าเขาเป็นคนผิดไปแล้วกลายๆ
“เรียวกำลังจะเอาน้ำมาเติมใส่บ่อปลาคาร์ฟตามปกติแล้วผู้ชายคนนี้ที่นอนอยู่...ฮึก
ก็ตื่นมาอาละวาด”
แจ็คสันตรงเข้าไปจะหาเรื่องเด็กน้อยคนนั้นอีกรอบ
แต่ยองแจดึงเรียวเข้ามากอดไว้แล้วดันอีกสองคนไปอยู่ด้านหลังเพราะเขารู้ดีว่าหวังแจ็คสันอารมณ์ร้อนขนาดไหน
“ตัวฉันเปียกขนาดนี้แล้วไอ้เด็กนี่ก็ถือถังน้ำมาด้วย ถ้ามั...เรียว ถ้าเรียวไม่ได้เป็นคนทำแล้วใครจะทำ!?”
แจ็คสันไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมตัวเขาเองต้องเปลี่ยนสรรพนามการเรียกไอ้เด็กนี่เพียงเพราะแค่ยองแจส่งสายตาไม่พอใจมา
ใบหน้าหวานรับฟังทั้งคู่ก่อนจะมองเด็กน้อยในอ้อมกอดที่สบตากับเขาแล้วส่ายหน้ายืนยันหนักแน่นว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ
“เรียวไม่เคยโกหกผม”
“เฮอะ แล้วนายก็เข้าข้างเด็กจนได้”
หนุ่มหน้าหวานพรูลมหายใจออกเบาๆเพื่อระงับอารมณ์หงุดหงิดที่มักจะเกิดขึ้นทุกทีเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้
ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ยองแจลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะไล่สายตามองดูเด็กน้อยทั้งสามของตัวเองที่ยืนเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานพลางก้มหน้าก้มตารอรับคำตัดสินจากชเวซามะ ผู้ปกครองของพวกเขา
“ถ้าทั้งสามคนมั่นใจว่าไม่ได้เป็นคนสาดน้ำใส่เขาก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองได้”
เด็กทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นอย่างมองชเวซามะด้วยความประหลาดใจ มีเพียงแจ็คสันที่ยืนขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจในคำตัดสินที่ไม่ยุติธรรมกับเขาอยู่ข้างๆ
“และในเมื่อจับมือใครดมไม่ได้ ผมขอเป็นคนรับผิดชอบโดยการให้คุณออกคำสั่งกับผมยังไงก็ได้หนึ่งข้อ”
“ชเวซามะ!”
ไม่ใช่เพียงแค่เด็กสามคนเท่านั้นที่ตกใจแต่บริวารทั้งหมดในบ้านอากิระเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
“แบบนี้ค่อยดูยุติธรรมขึ้นมาหน่อย” แจ็คสันยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจในข้อเสนอของร่างบาง
ท่อนแขนแกร่งโอบรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิดแต่โดนยองแจศอกกลับซ้ำแผลเดิมทันทีอย่างไม่ไว้หน้า
“ถ้ายังไม่ออกคำสั่งก็ไม่มีสิทธิ์” คนอายุน้อยกว่าเหยียดยิ้มมุมปากพลางยักคิ้วหนึ่งทีส่งไปให้ร่างหนาที่งอตัวกุมบาดแผลที่ยังไม่หายสนิทของตัวเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ชเวซามะ ทำแบบนี้มัน...”
“เพิ่มเป็นสองข้อ”
ชายร่างสูงใหญ่ที่ตั้งใจจะเข้ามาขัดขวางหยุดชะงักไป
นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองชายคนนั้นสลับกับหวังแจ็คสันและเด็กๆสามคนก่อนจะเอ่ยต่อ
“ถ้าเราได้ยินคำสั่งของยามาดะไม่ผิดพลาด
เขาสั่งให้พาหวังแจ็คสันไปพักในห้อง
แล้วทำไมเรียวถึงเจอแจ็คสันนอนอยู่ตรงชานระเบียง
หรือทาเคดะจะบอกว่าเด็กสามคนนี่เป็นคนพาเขาออกมา?”
ชายคนนั้นก้มหน้ายอมรับความผิดเพราะเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งของยามาดะ
โช อย่างที่ชเวซามะพูดจริงๆเพราะเขาไม่เห็นว่าผู้ชายคนนี้สมควรจะได้รับการต้อนรับและอยู่กินที่นี่ทั้งที่เป็นศัตรูตัวฉกาจของเฟยหรงและยังเป็นคนจับตัวชเวซามะไปกักขังตอนอยู่ที่เกาหลีอีก
“ถ้าคำสั่งของเรากับยามาดะไม่มีความหมาย
อากิระก็คงไม่จำเป็นต้องมีผู้ปกครอง”
“...”
“กล้ายอมรับผิดในเรื่องที่ตัวเองทำก็เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่นักปราชญ์พึงมี”
ยองแจปรายตามองไปที่เด็กๆสามคนโดยหนึ่งในสามนั้นมีคนหนึ่งเป็นคนที่ยองแจเพ่งเล็งมากที่สุด
เด็กน้อยหลุบตาลงต่ำก้มลงมองเท้าตัวเองไม่กล้าสบตากับชเวซามะ ก่อนที่เสียงสั่นเครือจะตะกุกตะกักเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางของคนหน้าหวานที่ปรากฏขึ้นราวกับรอคอยได้ยินคำนี้อยู่
“เร็น...เร็นเป็นคนทำเอง”
“...”
“เร็นได้ยินว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนจับตัวชเวซามะไป
เร็นไม่ชอบหน้าเขาตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า วันนี้บังเอิญเป็นวันตักน้ำใส่บ่อปลาคาร์ฟพอดีแล้วผู้ชายคนนี้ก็นอนอยู่
เร็นเลย...”
“เอาน้ำเทใส่ฉัน?”
เด็กน้อยพยักหน้ารับคำก่อนจะลงนั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วโค้งศีรษะขอโทษหวังแจ็คสัน
ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับเด็กมากมายเขารีบจับแขนของเร็นให้ลุกขึ้นยืนแล้วหันไปขอความช่วยเหลือจากคนตัวบาง
“ฮึก...คุณแจ็คสันอย่า...อย่าลงโทษชเวซามะเลยนะ
เร็นยอมรับผิดแล้ว เร็นขอโดนลงโทษเอง” เร็นร้องไห้งอแงอ้อนวอนหวังแจ็คสันเพราะรู้สึกผิดกับชเวซามะที่ต้องมารับผิดชอบแทนเขาเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของเขาเองที่กลัวการถูกทำโทษ
“เอาล่ะ...ทีนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าการที่เราไม่กล้ายอมรับความผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ
จะมีอีกกี่คนเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัวของเรา ทั้งแจ็คสันที่โดนกระทำ
เรียวที่ถูกเข้าใจผิด และเราที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบ”
เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าหงึกหงักรับฟังคำสั่งสอนของชเวซามะ
ยองแจลูบผมนิ่มของเร็นเบาๆก่อนจะดึงเขาเข้ามากอดปลอบ แจ็คสันมองภาพนั้นพลางอมยิ้มน้อยๆ
ทั้งทึ่งในการตัดสินปัญหาของยองแจและวิธีหาตัวคนทำผิดได้โดยแทบไม่ต้องลงมือทำอะไร
แล้วไหนจะความอ่อนโยนภายใต้อ้อมกอดนั่นอีก
ความอบอุ่นแบบนี้เองสินะ...ที่เป็นเสน่ห์ของดวงตะวัน
100%
TBC: ตีสามครึ่ง...มาเช้าไปไหมน้อ พราวคึกอ่ะ นอนไม่หลับ #ฟิคร้อยตะวัน
ความคิดเห็น