คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ☼ ร้อยตะวัน ☼ l Chapter 02
ร้อยตะวัน
#ฟืคร้อยตะวัน
CHAPTER
02
กาแฟร้อนถูกยกมาวางบนโต๊ะทำงานของท่านประธานแห่งเฟยหรง ใบหน้านิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย...ไม่สิ ต้องเรียกว่าเก็บอาการไม่ให้ใครดูออกถึงจะถูก
เด็กผู้ชายที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับความคาดหวัง
เป็นหัวหน้า เป็นผู้นำ เพียบพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่างอย่างไม่มีที่ติ จะขาดก็เพียงอย่างเดียว...
“นี่แจบอม นายเอาแต่จ้องหน้าฉันอย่างนั้น อยากถูกลงโทษบ้างรึไง?”
ใบหน้าหล่อคมเข้มภายใต้กรอบแว่นยกยิ้มน้อยๆ อย่างน้อยการยอมปริปากทักทายครั้งนี้ของมาร์คก็ยังดีกว่าการถูกหมางเมินทำเหมือนไม่มีตัวตนน่ะนะ
“นายเรียกให้ฉันกลับมาจากอิตาลีด่วน พอฉันมาถึงก็เห็นนายเอาแต่ดื่มกาแฟสบายใจ แล้วไหนล่ะธุระที่ว่านั่นน่ะ?” อิมแจบอม ลูกชายเพื่อนสนิทของอดีตท่านประธานแห่งเฟยหรงคนก่อน และยังเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของมาร์คเลยกลายมาเป็นเพื่อนซี้ที่สนิทกันต่อในรุ่นลูก
“...แต่ถ้าเป็นเรื่องชเวยองแจ ฉันขอผ่าน”
มาร์คเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทที่ตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมาโดยที่เขายังไม่ทันได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าหล่อหลับตาลงอย่างเข้าใจพลางเบนหน้าไปทางอื่น มือหนากำเข้าหากันแน่นจนเล็บคมจิกลงบนผิวเนื้อเพื่อระบายความเจ็บปวดในใจที่พูดออกมาไม่ได้ ในตอนนี้เขาหมดหนทางที่จะช่วยน้องชายแล้วจริงๆงั้นเหรอ
“หยุดพยายามสร้างให้เด็กคนนั้นมีตัวตนขึ้นมาจะดีกว่า ยังไงซะ...เขาก็ไม่มีวันได้รับการยอมรับจากคนในตระกูลอยู่แล้ว”
“...”
“แบบนั้นมัน...น่าเจ็บปวดกว่าการถูกลืมตั้งแต่ต้นอีกนะว่าไหม
มาร์ค?”
“ตั้งแต่ตื่นมา คุณแจ็คสันก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน ไม่ทานอะไร ไม่รู้ว่าไม่สบายรึเปล่านะเนี่ย” เด็กรับใช้ในบ้านต่างพากันบ่นซุบซิบถึงอาการของเจ้านายที่วันนี้ดูแปลกไปกว่าทุกวัน ถ้าจะเรียกว่าแปลกตอนตื่นมาก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ต้องเรียกว่าแปลกตั้งแต่ก้าวออกมาจากห้องคุมตัวน้องชายของท่านประธานแห่งเฟยหรง
นิ้วยาวยกขึ้นสัมผัสริมฝีปากของตัวเองแผ่วเบา จูบที่อบอุ่นแบบนั้น อ้อมกอดที่โหยหาแบบนั้น ยิ่งพยายามคิดเขาก็ยิ่งไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นแค่สิ่งลวงตา แต่ถ้ามันจะเป็นสิ่งลวงตา แล้วทำไมกัน...ทำไมชเวยองแจถึงมีความอบอุ่นแบบนั้นถ่ายทอดส่งมาถึงเขา
ร่างสันทัดยกมือขึ้นยีผมตัวเองพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง
ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าอยู่บนท้องฟ้า กำลังทอแสงอันอบอุ่นให้แก่สิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกเพื่อเริ่มต้นวันใหม่
มานึกดูแล้วเขาเองก็คงไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตพวกนั้น...ที่เฝ้ารอความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์เหมือนกัน
เพล้ง!
“ผมไม่รับของกินสุ่มสี่สุ่มห้าจากศัตรู ต้องขอโทษด้วยนะครับ” เด็กหนุ่มนั่งชันเข่าก่อนจะก้มศีรษะจนแทบจะติดเตียงให้กับหญิงชราที่เป็นคนยกสำรับอาหารมาให้ หญิงคนนั้นหน้าเหวอทำตัวไม่ถูกจึงรีบโค้งศีรษะกลับแล้วเก็บเศษจานชามเช็ดทำความสะอาดพื้นให้เรียบร้อยก่อนออกไป
“ฟู่ววว”
“กินๆไปเถอะ ไม่มียาพิษหรอก”
นัยน์ตาเรียวปรายมองไปยังบานประตูที่มีใครอีกคนยืนกอดอกพิงอยู่ นัยน์ตาคมที่กำลังจับจ้องมาที่ดวงตาของเขา จมูกโด่งเป็นสันที่ถือสิทธิ์มาคลอเคลียอยู่ข้างผิวแก้มตามใจชอบและริมฝีปากร้อนแรงที่ได้ลิ้มลอง ตีตราประทับจับจองทุกสัดส่วนบนผิวเนื้อของเขา
...น่าจะฆ่าให้ตายไปเลย...
“เดี๋ยวฉันต้องออกไปทำงาน คงไม่มีเวลาอยู่เฝ้านายทั้งวัน” ร่างสันทัดเดินเข้ามาภายในห้องพร้อมกับเด็กรับใช้ที่ยกสำรับอาหารชุดใหม่เข้ามา นัยน์ตาคมไล่มองคนตัวเล็กบนเตียงที่สวมเพียงเสื้อเชิ้ตยับยู่ยี่และกางเกงขายาวตัวเดิมจากเมื่อวาน แต่กลิ่นครีมอาบน้ำและยาสระผมอ่อนๆจากตัวเด็กนี่ทำให้แจ็คสันพอจะเดาได้ว่าเสื้อผ้าของเขาที่ให้เด็กเอามาวางไว้ให้ ยองแจคงรังเกียจจนไม่แม้แต่จะคิดหยิบมาใส่
มือหนาคว้าจับช้อนโจ๊กพลางตักขึ้นมาหนึ่งคำก่อนจะเป่าให้ความร้อนระอุของโจ๊กคลายลงแล้วยื่นไปจ่อปากเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้องนี้เป็นครั้งที่สอง
หงับ...
คนตัวโตหันช้อนโจ๊กเข้าปากตัวเองแล้วถือวิสาสะหยิบแก้วน้ำที่เตรียมไว้ให้คนตัวเล็กขึ้นมาดื่ม นัยน์ตาเรียวรีทำเพียงแค่มองคนตรงหน้าอย่างสงบนิ่งไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆออกมาทางสีหน้าและแววตา แจ็คสันตักโจ๊กขึ้นมาอีกคำและเป่าแบบเดิมจนหายร้อนก่อนจะยื่นไปจ่อที่ริมฝีปากเล็ก
“ทีนี้จะกินได้รึยัง?”
ป๊อก~!
“โอ๊ยยยยย เจ็บๆๆๆ” ยูกิโยมุเงยหน้าขึ้นจากกองหนังสือก่อนจะเจอเข้ากับสายตาอันเร่าร้อนราวกับเปลวไฟเปล่งประกายออกมาจากดวงตาของจินเซนเซย์ อาจารย์ของยูกิโยมุและชเวซามะ
“ไอ้เด็กโงงงงงงงงงงง่!! แกจะนอนน้ำลายยืดใส่หนังสือของฉันไปถึงไหนนนนนน”
“หือ แต่มันไม่ใช่หนังสือ...”
...ร้อยแปดสิบกระบวนท่าพิฆาตนารี
“อ๊ากกกกกกกก ยูชิมากิ ฮิโระจางงงงงงงงง”
จินเซนเซย์หวีดร้องคร่ำครวญหลังจากหนังสือปกขาวหรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่าหนังสือโป๊เล่มโปรดของตัวเองโดนยูกิโยมุ ลูกศิษย์ตัวป่วนย่ำยีด้วยน้ำลายไหลย้อยจนเค้าหน้าของฮิโระจังหมึกซึมไปทั่วทั้งเล่ม
“โทษฐานที่แกอู้ไม่ยอมอ่านหนังสือเพิ่มเวลาการอ่านเป็นสองชั่วโมง”
“ห๊า!!!”
“โทษฐานที่แกทำหนังสือฉันเสียหายสมทบเพิ่มไปอีกสองชั่วโมงเป็นสี่”
“เฮ้ยยยยยยย!!!”
“และโทษฐานที่หนังสือเล่มนั้นคือยูชิมากิ ฮิโระจังของฉันบวกเพิ่มเข้าไปอีกสองชั่วโมงเป็นหก!”
ยูกิโยมุกำลังจะเอ่ยปากค้านแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร
มะเหงกจากกำปั้นของจินเซนเซย์ก็เขกลงมาบนศีรษะของเขาอีกรอบพร้อมกับการกอบโกยหนังสือปกขาวสมบัติอันล้ำค่าไปเก็บไว้ในกล่องไม้ตามด้วยการใส่กุญแจล็อคอย่างแน่นหนาแล้วจึงเดินกลับมานั่งฝั่งตรงข้ามกับยูกิโยมุที่เริ่มหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาอ่านตามคำสั่ง
“นี่...จินเซนเซย์ ที่ว่าคดีกรงนกน่ะ มันเป็นยังไงเหรอ?”
เด็กหนุ่มเผลอเอ่ยถามสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอย่างลืมตัว มันช่วยไม่ได้นี่ ก็เขาน่ะ...นอนคิดมาทั้งคืนว่าจะหาทางช่วยชเวซามะได้ยังไง อะไรที่เป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งให้ชเวซามะตัดขาดกับเฟยหรงไม่ได้ทั้งที่คนของฝั่งนั้นไม่เคยมาดูแลชเวซามะเลยด้วยซ้ำ
ตั้งแต่ที่ยูกิโยมุจำความได้ก็เห็นชเวซามะเติบโตมาเพียงลำพังอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ชื่อของชเวยองแจที่ชเวซามะเกือบจะลืมมันไปแล้วก็ย้อนกลับมาในความทรงจำอีกครั้งเมื่อผู้ชายคนนั้นติดต่อกลับมา คนที่เรียกตัวเองว่าพี่ชาย ประธานแห่งเฟยหรงคนปัจจุบัน
“ถ้าได้รู้เรื่องคดีนั่น ก็อาจจะพอช่วยอะไรชเวซามะได้บ้าง”
เด็กหนุ่มหลับตาลงพลางนึกไปถึงเจ้าของใบหน้าหวานผู้ที่มีรอยยิ้มสดใสเหมือนดวงตะวันยามเช้า มีความสามารถเจิดจ้าเหมือนพระอาทิตย์ตอนกลางวันและมีความสงบเยือกเย็นเหมือนแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ยามอัสดง
“คดีบาประหว่างสองตระกูลนั่นน่ะ นายช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
“...”
“แต่อากิระ เป็นสิ่งที่เด็กนั่นไว้ใจให้นายดูแลแทนไม่ใช่หรือไง”
จริง...จริงด้วยสิ
“ถ้ารู้หน้าที่สำคัญที่ควรทำแล้วยังจะต้องคิดอะไรอยู่อีก...อ่านหนังสือสิเฟ้ยไอ้เด็กโง่ พูดมากเพิ่มเป็นแปดชั่วโมงปฏิบัติ!!!”
ฝ่ามือเหี่ยวย่นเป็นไปตามกลไกของกาลเวลาล้วงหยิบสร้อยคอล็อคเก็ตทองเหลืองขึ้นมาเปิดดู ภาพของหญิงสาวใบหน้าสะสวยกำลังระบายยิ้มกว้างที่ปรากฏตรงหน้ายังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขามาตลอดระยะเวลายี่สิบสี่ปี
...ชเวอินฮวา หญิงสาวชาวเกาหลีผู้เป็นรักแรกและรักเดียวของเขา
‘...ถ้าเป็นโชซัง
จะต้องเลี้ยงดูยองแจได้ดีแน่’
“นายน้อย...ชเวซามะ”
เคร้ง...
เสียงช้อนเซรามิกวางกระทบชามเบาๆหลังจากที่อาหารมื้อเช้าถูกจัดการจนหมด ใบหน้าคมคายของคนที่ยืนกอดอกมองเด็กหนุ่มตัวเล็กอยู่ตลอดเวลาปรายยิ้มอย่างถูกใจ
“จะทำอะไร?” ใบหน้าเรียบนิ่งคว้าปืนพกกระบอกสั้นที่ยึดจากแจ็คสันมาได้เมื่อวานขึ้นมาถือขู่แม้รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาทำได้มากที่สุดก็เพียงแค่ขู่เท่านั้น ที่ยองแจยอมปล่อยให้แจ็คสันมีชีวิตรอดกลับไปเป็นเพราะว่าถ้าเขาฆ่าหวังแจ็คสัน คนข้างนอกนั่นก็ต้องฆ่าเขาอยู่ดี และพวกหวังอาจจะใช้เหตุผลนี้มาเล่นงานมาร์คซึ่งนั่นไม่ดีแน่
“ปืนพกกระบอกนี้เป็นของดูต่างหน้าของแม่ฉัน ตอนแรกก็กะว่าจะมาขอคืนแต่พอเห็นนายยังกลัวฉันขนาดนี้ก็เก็บเอาไว้เถอะ” น้ำเสียงสบายๆพูดออกมาเหมือนไม่มีอะไรแอบแฝงจนยองแจนึกแปลกใจ ร่างหนายกยิ้มมุมปากน้อยๆก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตัวเล็กอย่างไม่กลัวเกรงปลายกระบอกปืนที่หันมาจ่อติดอยู่ที่อกของเขา
นัยน์ตาคมสบเข้ากับดวงตาหวานที่สั่นระริกก่อนเลื่อนสายตาลงมาที่จมูกรั้นและหยุดความคิดตัวเองเอาไว้ที่ริมฝีปากบางสีแดงสด มือหนากอบกุมฝ่ามือนุ่มที่เริ่มสั่นให้มั่นคงพลางสอดปลายนิ้วเข้าไปช่วยประคองไกปืนและออกแรงกดปลายนิ้วเรียวให้ลั่นไกปืนออกมา
“...แต่ว่ามันไม่มีกระสุนหรอกนะ” ริมฝีปากหยักกระซิบบอกคนตัวเล็กที่ข้างหูก่อนจะทาบริมฝีปากลงบนผิวแก้มขาวซีดคงเป็นเพราะตกใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่
“ผลไม้ที่สุกงอมจนได้ที่ย่อมมีรสหวาน ฉันจึงไม่รีบร้อนที่จะเก็บกินเพื่อตะกละตะกลามกับนายในวันที่สุกงอม”
ประโยคเรียงร้อยถ้อยคำประหลาดแต่ดันเรียกให้ใบหน้าขาวซีดกลับมาซับสีเลือดจางๆ
หวังแจ็คสันไม่ได้ทำอะไรเกินเลยมากกว่านั้นนอกจากมองใบหน้าหวานของคนตรงหน้าอีกแค่เพียงครู่เดียวก่อนลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ชเวยองแจจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองเพียงลำพัง
ร่างเล็กบอบบางเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมคับแคบที่ไม่มีหน้าต่างหรือแม้แต่ช่องลมให้เขาได้มองเห็นบรรยากาศภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว เขาติดอยู่ในนี้เป็นวันที่สองแต่ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรในเรื่องของคดีกรงนกเลย เท่าที่ยองแจรู้และได้ฟังมาตั้งแต่เด็กก็คือคุณผู้หญิงแห่งเฟยหรง มารดาของมาร์คถูกเผาทั้งเป็นในโรงพยาบาล ผู้คนในนั้นต่างพากันหนีเอาชีวิตรอดมาได้แค่บางส่วนและในห้องที่พบศพแม่ของมาร์คกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพร้อมด้วยคนไข้คนอื่นๆกลับถูกปิดตายทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าไปช่วยได้ ทั้งหมดจึงถูกไฟคลอกตายและผู้คนต่างขนานนามคดีนี้ว่ากรงนก
ฟังดูอาจเป็นแค่อุบัติเหตุอัคคีภัยธรรมดาถ้าหากว่าก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวันคุณผู้หญิงของสกุลหวัง หรือมารดาของหวังแจ็คสันไม่ได้มาเสียชีวิตในโรงพยาบาลแห่งนี้ และถ้าหากว่าแพทย์ผู้รับผิดชอบคนไข้ไม่ใช่แม่ของมาร์ค อัคคีภัยแบบปิดตายนี้จะเกิดขึ้นมาหรือเปล่า และถ้าแหวนหยกสลักอักษรจีนเป็นคำว่าหวังไม่ได้ตกอยู่ในห้องแห่งนั้นราวกับจงใจ ความบาดหมางระหว่างอดีตเพื่อนซี้สองตระกูลจะกลายเป็นแบบเช่นทุกวันนี้หรือเปล่า
ความเกลียดชังที่ถูกสะสมบ่มเพาะให้คนทั้งคู่มาอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่เด็กทั้งมาร์คและแจ็คสัน ต่อให้เขาสามารถหาสาเหตุที่แท้จริงของคดีกรงนกได้
ยองแจเองก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าความบาดหมางนี้จะสิ้นสุดลง...
“แฮ่ก...ขอ ขอยาหน่อย ผมเป็นหอบหืด”
ฝ่ามือเล็กทุบไปที่ประตูสองสามทีจนลูกน้องของหวังแจ็คสันที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องเปิดเข้ามา เจอคนตัวเล็กนอนหอบหายใจอยู่กับพื้น
“เฮ้ยพี่ มันจะตายไหม?”
“อย่าปากพล่อย ตายไม่ได้ ถ้ามันตายคุณแจ็คสันก็เอาพวกเราตายเหมือนกัน” บอดี้การ์ดร่างโตที่ดูเหมือนจะเป็นลูกพี่ลงนั่งยองๆมองเด็กหนุ่มที่นอนหอบหายใจอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“ยา...ขอยา”
“แกรีบออกไปซื้อยาแก้โรคหอบหืดที่ร้านขายยา อย่าทำตัวมีพิรุธและอย่าให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกไปถึงคุณแจ็คสัน”
“ครับพี่”
ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าคนนั้นรีบวิ่งออกไปตามที่ได้รับคำสั่ง ยองแจสบโอกาสจึงใช้สันปืนที่ซ่อนไว้กระแทกลงด้านหลังท้ายทอยของชายร่างยักษ์จนใบหน้าฟุบลงไปกับพื้นแต่ยังไม่ถึงขั้นสลบ เขารีบใช้จังหวะนี้ลุกขึ้นหนีออกไปจากห้องก่อนที่ชายคนนั้นจะหายมึนงงและตามมาได้ทัน
เด็กหนุ่มพาตัวเองขึ้นมาตามขั้นบันไดก่อนจะชะงักเมื่อเจอเข้ากับลูกน้องคนอื่นๆของแจ็คสันที่แยกย้ายกันอยู่ประจำตามจุดต่างๆของบ้าน เขาจึงรีบเปิดประตูเข้าไปหลบในห้องที่ใกล้ที่สุดและซ่อนตัวอยู่ในนั้น
ร่างเล็กหอบหายใจเพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการหลบหนี ก่อนที่นัยน์ตาเรียวรีจะหันไปสะดุดเข้ากับโต๊ะทำงานและชั้นวางหนังสือมากมาย ความอยากรู้ทำให้ยองแจตัดสินใจเดินเข้าไปดูใกล้ๆ บนโต๊ะไม้เรียบหรูนั้นมีเพียงเอกสารสัญญาการซื้อขายสองสามแผ่นและปากกา Mont Blanc สัญชาติเยอรมัน มือเรียวเลื่อนไปตามลิ้นชักและเปิดมันออกหากแต่ด้านในกลับไม่มีเอกสารสำคัญอะไรที่เขาต้องการจะรู้เลยสักนิดนอกจากประวัติการศึกษาของหวังแจ็คสัน มือเล็กเลื่อนไปหมายจะเปิดลิ้นชักถัดไปแต่ทว่า...
“ล็อคไว้?”
มือเล็กออกแรงดึงแต่พยายามเท่าไรก็ไม่เป็นผล ถ้าเป็นเอกสารสำคัญจริงหวังแจ็คสันก็คงจะต้องเก็บกุญแจดอกนี้เอาไว้กับตัวหรือไม่ก็ซ่อนเอาไว้แบบมิดชิดที่สุด
คนตัวเล็กยังคงเปิดนู่นเปิดนี่บนโต๊ะด้วยความที่หวังว่าอาจจะมีกุญแจสำรองซ่อนเอาไว้ที่ไหนสักที่เผื่อทำหาย
“หานี่อยู่เหรอ?”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ทำให้คนฟังตัวชาวาบดังมาจากหน้าประตู
มือเล็กหยุดทุกการกระทำของตัวเองพลางเงยหน้ามองเจ้าของบ้านที่ตอนนี้น่าจะต้องอยู่ที่ทำงานแต่กลับมายืนกอดอกควงพวงกุญแจเล่นและจ้องมองคนตัวเล็กอย่างสนอกสนใจอยู่ตรงนี้
ความคิดเห็น