ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] ☼ ร้อยตะวัน ☼ l #JackJae

    ลำดับตอนที่ #11 : ☼ ร้อยตะวัน ☼ l Chapter 10 (50%)

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 61


    ร้อยตะวัน

    #ฟิคร้อยตะวัน


    CHAPTER 10

     



                 “คุณมาร์คครับเลยไฟแดงนี้ไปก็เป็นโรงพยาบาลแล้ว ไม่ทราบว่า...”


                    “กลับบ้านเลย”


                    “แต่ว่า...”


                    นัยน์ตาคมดุปรายมองลูกน้องคนสนิทผ่านทางกระจกมองหลังแทนการย้ำชัดว่าเขาจะไม่ไปโรงพยาบาลให้เป็นเรื่องวุ่นวายใหญ่โต หยดเลือดที่ยังคงไหลซึมจากบาดแผลหลังฝ่ามือไม่ได้เจ็บปวดมากเกินกว่าที่ร่างกายของเขาจะทนไม่ไหว


    แควก~


                    เสียงฉีกเบาๆจากด้านขวามือของประธานหนุ่มแห่งเฟยหรงเรียกให้คนข้างกายต้องหันไปมองเด็กหนุ่มร่วมทางที่เก็บมาได้จากย่านการค้าไชน่าทาวน์ เด็กคนนี้สร้างความประหลาดใจให้มาร์คอีกครั้งเมื่อฝ่ามือเรียวเอื้อมเอาเศษผ้าจากขากางเกงที่ขาดวิ่นเผยให้เห็นไปถึงต้นขาเนียนนั้นมาพันรอบฝ่ามือที่มีเลือดไหลซึมชื้นของเขา


    “ทำอะไรของนาย?”


    “อ่อยคุณมั้ง...ตาบอดเหรอ ก็เห็นอยู่ว่าห้ามเลือด” แบมแบมตอบกลับแบบกวนๆก่อนจะขยายความให้ชัดในการกระทำของตัวเองเมื่อบอดี้การ์ดร่างบึกบึนที่นั่งอยู่หน้ารถจ้องมองเขาตาเขียวปั๊ดผ่านกระจกมองหลัง


    “ใครสั่ง?”


    แม้ว่าน้ำเสียงจะดูเหมือนรำคาญแต่มาร์คก็ไม่ได้ยกมือหนีคนตัวเล็กที่มาทำรุ่มร่ามกับเขา มือที่เบาแสนเบาทำให้อารมณ์หงุดหงิดในตอนแรกหายไปได้อย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกัน


    “ผมอยากทำเอง” กลับกลายเป็นแบมแบมที่หงุดหงิดในความเย็นชาเย็นชืดไร้อารมณ์ของคุณมาร์คหน้านิ่งอะไรนี่แทน ตั้งแต่วิ่งหนีตายจากโรงรับจำนำของอาแปะมาได้แต่ดันมาซวยซ้ำซ้อนเพราะไปวิ่งชนเข้ากับคุณชายเบ้าสำอาง แบมแบมจึงถูกหิ้วปีกขึ้นรถมาด้วยโดยที่ยังไม่รู้เลยว่าจุดมุ่งหมายของรถคันนี้คือที่ไหน และเขาจะมีโอกาสได้กลับไปเจอเจโน่อีกรึเปล่า


    “คุณจะพาผมไปไหน?” แบมแบมตัดสินใจถามออกไปตรงๆอย่างนึกเป็นห่วงน้องชายที่รออยู่ที่บ้านขึ้นมา ถ้าหากว่าเขาไม่ได้กลับไป เย็นนี้เจโน่จะเอาอะไรกิน และจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรถ้าไม่มีเขา


    มาร์คไม่ได้ตอบและทำหูทวนลมราวกับว่าเสียงแจ้วๆของแบมแบมเป็นเพียงแค่ลมที่พัดผ่านเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาออกไปเท่านั้น แบมแบมยิ่งหงุดหงิดเมื่อเห็นมาร์คทำท่าทีเมินเฉยราวกับว่าเขาไม่มีตัวตนบนรถอีกแล้วเป็นครั้งที่สอง


    “โอ๊ยยย!


    ปลายเล็บแหลมจิกลงบนผิวเนื้อขาวๆของคุณผู้ดีหน้านิ่งอย่างเต็มแรง มาร์คร้องโอดโอยเสียงดังลั่นจนบอดี้การ์ดต้องหยุดรถแล้วหันขวับกลับมาพร้อมเล็งปืนไปที่แบมแบม


    ประธานหนุ่มยกมือขึ้นห้ามลูกน้องทั้งสองคนก่อนจะดันไหล่คนตัวเล็กที่กล้าหยิกแขนเขาไปติดกับเบาะรถพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร น้ำเสียงที่หนักแน่นของแบมแบมก็หยุดความคิดของมาร์คเอาไว้ได้ทุกอย่างเพียงเพราะประโยคๆเดียว



    “น้องชายผมอยู่บ้านคนเดียว ต่อให้คุณฆ่าผมตอนนี้ผมก็ต้องกลับไปหาเขา”

     





     

     

           กระท่อมปลายน้ำที่ดูเหมือนจะพังแหล่มิพังแหล่อยู่ตรงหน้าดูซอมซ่อจนมาร์คไม่อยากจะเชื่อว่าที่แบบนี้จะมีคนอาศัยอยู่ เด็กชายตัวเล็กโผล่ออกมาจากประตูเก่าๆ ใบหน้าของเขาดูดีใจเมื่อได้เห็นพี่ชายของตนก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นว่าพี่ชายของเขาไม่ได้กลับมาคนเดียว


                    “ขึ้นมาได้ละ” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบขณะยืนรออยู่ด้านบน แวบหนึ่งที่เขาแอบเห็นว่าแบมแบมมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจแต่ก็จำต้องพาน้องชายตัวเองเดินกลับขึ้นมาเพราะยังหาทางหนีทีไล่ไม่ได้


                    “คุณจะพาพวกผมไปไหน?” แบมแบมถามซ้ำเป็นครั้งที่สองหลังจากที่ครั้งแรกไม่ได้คำตอบ เจโน่เกาะแขนผู้เป็นพี่ของตัวเองแน่นรู้สึกหวาดระแวงกับผู้ชายตรงหน้าที่ดูมีรังสีน่ากลัวอยู่รายล้อม


                    “ใครเหรอพี่แบม น่ากลัวจัง” เจโน่กระซิบถาม แบมแบมไม่ได้ตอบน้องแต่ทำเพียงบีบมือน้องชายตัวเองเบาๆเป็นเชิงว่าไม่ต้องกลัวเพราะเขายังอยู่ตรงนี้ทั้งคน


                    “คุณมาร์คครับ แม่น้ำสายนี้...” เลขาคนสนิทรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา นัยน์ตาคมจึงปราดมองตามสายตาของเลขาตัวเองไปก่อนจะหันกลับมามองเด็กผู้ชายตัวผอมแห้งสองคนอย่างรู้สึกรำคาญตา


                    “ขึ้นรถ”


                    ไม่รู้เหมือนกันว่าประมุขหนุ่มพูดกับใคร เขาเดินดุ่มๆขึ้นไปนั่งที่รถก่อนเป็นคนแรก ก่อนเด็กสองคนที่จำเป็นต้องติดสอยห้อยตามจะถูกบอดี้การ์ดดันหลังให้ขึ้นไปนั่งข้างเจ้านายของเขา แบมแบมดูฮึดฮัดขัดใจที่ต้องนั่งใกล้มาร์คมากกว่าเดิมเพราะคราวนี้มีเจโน่ขึ้นมานั่งด้วยอีกคนแต่ก็พยายามทำตัวให้เป็นปกติไปตลอดทาง







     

                    คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าราวกับความฝันของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะได้เฉียดมาใกล้ในสถานที่แบบนี้ เจโน่ดูจะตื่นตามากเป็นพิเศษ แต่วิ่งไปสำรวจรอบๆได้ไม่เท่าไรก็ต้องเดินตัวลีบกลับมาติดพี่ชายดังเดิมเพราะกลัวสายตาของบอดี้การ์ดร่างยักษ์ที่จ้องเขม็งมา


                    “นี่หรือคะเด็กสองคนที่คุณมาร์คจะพามาอยู่ด้วย หน้าตาน่าเอ็นดูนะคะ” หญิงสูงวัยท่าทางใจดีเดินยิ้มแย้มออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างเป็นมิตร แบมแบมเกือบจะคิดว่าเธอเป็นแม่ของผู้ชายหน้าดุนี่แล้วถ้าเกิดว่าเธอไม่ปริปากเรียกชายคนตรงหน้านี้ว่าคุณเสียก่อน


          “ฝากแม่นมช่วยจัดการสองคนนี้ให้ด้วยนะครับ ผอมแห้งเหมือนเด็กขาดสารอาหาร” ท้ายประโยคยังไม่วายหันมาแอบแขวะแบมแบมที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกันนัก แต่มาร์คก็พูดไว้เพียงเท่านั้นแล้วจึงแยกตัวขึ้นไปพักผ่อนที่ห้องของเขา ปล่อยให้แบมแบมกับเจโน่ยืนเหลอหลาเพราะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไร


                    “ตามฉันมาทางนี้เถอะจ้ะ” คุณแม่นมยิ้มให้เด็กสองคนด้วยท่าทางเป็นมิตรก่อนจะเดินนำหน้าไปยังห้องด้านล่างที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้


                    ประตู หน้าต่าง ผ้าม่านหรือแม้แต่พรมปูพื้นก็ยิ่งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของสองเด็กหนุ่มที่เคยเห็นของจริงจากนิตยสารและหนังสือพิมพ์เก่าๆเท่านั้น คุณหัวหน้าแม่บ้านที่ทุกคนเคารพและเรียกกันว่าแม่นมพาสองหนุ่มมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องหนึ่งก่อนจะเปิดประตูนั้นเข้าไปแล้วจึงหันมายิ้มให้กับเด็กๆที่ยังดูจะงงๆอยู่


                    “นี่เป็นห้องของทั้งสองคนนะจ๊ะ คุณมาร์คสั่งให้จัดเตรียมไว้ให้ ส่วนนั่นคือตู้เสื้อผ้าสามารถหยิบใช้ได้เลยเป็นของหลานฉันเองตอนเด็กเคยใส่แค่ไม่กี่ครั้งถ้าพวกหนูสองคนไม่รังเกียจ”


                    “ขอบคุณมากนะครับคุณแม่นม” แบมแบมโค้งศีรษะขอบคุณหญิงสูงวัยอย่างนอบน้อม เธอยิ้มตอบอย่างใจดีนึกเอ็นดูเด็กทั้งคู่เพราะที่บ้านหลังนี้เงียบเหงามานานแล้ว มีเด็กสองคนนี้เข้ามาอยู่ด้วยก็คงจะครึกครื้นขึ้นมาบ้าง


                    “หนูสองคน...”


                    “แบมแบมครับ ส่วนนี่เจโน่น้องชายผม” เด็กหนุ่มผู้พี่รีบแนะนำตัว


                    “อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วออกมาทานข้าวข้างนอกกันนะจ๊ะ คงจะหิวกันแย่แล้ว”


                    “ครับ” แบมแบมยิ้ม เริ่มรู้สึกดีกับบ้านหลังนี้ขึ้นมาเพราะความใจดีของคุณป้าแม่นมคนนี้คนเดียวเลย


                    “พี่แบม เสื้อผ้าเหมือนจะมีแต่ไซส์ของผมอ่ะ” เจโน่ที่เดินไปสำรวจตู้เสื้อผ้าตะโกนขึ้นมาพลางยกเสื้อยืดตัวหนึ่งขึ้นมาทาบกับตัวเอง คุณแม่นมที่เพิ่งเดินก้าวเท้าออกจากห้องไปรีบวกกลับมาดูด้วยความเป็นห่วง


                    “ตายจริง พอดีฉันไม่รู้ว่าทั้งคู่ใส่เสื้อผ้าไซส์อะไร เดี๋ยวจะไปยืมจากเด็กในบ้านคนอื่นมาให้ก่อนนะจ๊ะ”


                    “ไม่เป็นไรครับคุณแม่นม ผมใส่เสื้อผ้าตัวเดิมไปก่อนก็ได้”


                    “ไม่ได้”


                    คนที่ถอดสูทและเสื้อผ้าที่ดูภูมิฐานออกสวมเพียงเสื้อเชิ้ตบางๆ เดินทำหน้าบอกบุญไม่รับมายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าประตูห้องของสองพี่น้อง มาร์ครู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองนอนไม่หลับจนต้องเดินลงมาดูเด็กสองคนที่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรับคนแปลกหน้าถึงสองคนเข้ามาเลี้ยงในบ้านเสียอย่างนั้น


             “มากับฉัน” ร่างโปร่งนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กกึ่งลากกึ่งจูงให้แบมแบมเดินตามเขาขึ้นมาข้างบนท่ามกลางสายตาประหลาดใจของบรรดาบอดี้การ์ดและสาวใช้น้อยใหญ่ที่พากันมองตามเจ้านายตัวเองไปเป็นแถบๆ






     












         







    50% 

    TBC: ไม่ได้ฝันค่ะ มาจริง 5555555555 

    แต่ขอไปดูลูกแปป ใครปาขนมมาโดนจมูกน้องแจของเลาาาาาาาาา

      #ฟิคร้อยตะวัน 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×