ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] ☼ ร้อยตะวัน ☼ l #JackJae

    ลำดับตอนที่ #10 : ☼ ร้อยตะวัน ☼ l Chapter 09

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 59


    ร้อยตะวัน

    #ฟิคร้อยตะวัน

    CHAPTER 09




                    “หมดไส้หมดพุง...”



                    เร็นยกมือขึ้นบีบจมูกขณะส่งทิชชูม้วนที่สามให้กับหวังแจ็คสันผ่านหน้าประตูห้องน้ำ บานประตูเลื่อนปิดลงอีกครั้งก่อนจะเปิดออกในเวลาต่อมาพร้อมกับสภาพอิดโรยของคนตัวโตที่คลานออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียว



                    “คุณแจ็คสันดื่มนี่หน่อยนะ” เรียวที่วิ่งไปชงเกลือแร่กลับมารีบยื่นแก้วส่งให้หวังแจ็คสันที่เกิดอาหารเป็นพิษตั้งแต่เช้ามืดจนพวกเขาสามคนนอนต่อไม่ได้จึงต้องมาคอยดูแลเขาจวบจนรุ่งสางแบบนี้



                    “น่าจะเป็นเพราะหอยนางรมเมื่อวาน แต่ถ้าเอาออกหมดก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” เรย์วิเคราะห์ไปตามเรื่องราวก่อนจะโดนเร็นสวนกลับมาทันควัน



                    “กว่าจะเอาออกหมดไม่ตายก่อนเหรอ เราต้องบอกชเวซามะ”



                    “ม...ไม่...ไม่ได้” ใบหน้าซีดเซียวขึ้นสีแดงระเรื่อจนถึงใบหู ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนขี้อายมากนักแต่การจะให้ยองแจมาเห็นตัวเขาในสภาพแบบนี้...ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด



                    “ใช่...ไม่ได้หรอก ลืมไปแล้วหรือไงว่าวันนี้ชเวซามะมีแขก” เรียวรับแก้วจากแจ็คสันมาถือพลางส่งผ้าผืนบางไปให้เขาเช็ดซับมุมปากก่อนนัยน์ตาคมอิดโรยเมื่อครู่จะเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากเด็กชายตัวเล็กในชุดยูกาตะสีกรมท่า




                    “พิธีนัดดูตัวโอคามิซัง”










                   

     


     

                    “นี่...เราไม่หนีหรอกน่า”



                    ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นขณะปรายตามองไปยังบอดี้การ์ดที่ยามาดะสั่งมาดูแลและขัดขวางไม่ให้คนอื่นๆเข้ามาวุ่นวายในพิธีดูตัวระหว่างชเวซามะกับบุตรสาวคนสุดท้องของบ้านอายูคาวะ



    “เรื่องเมื่อคืนก็คงเป็นแผนสินะ” ใบหน้าหล่อหวานเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แฝงอารมณ์ใดๆ รอยยิ้มบางถูกจุดขึ้นบนมุมปากสวยเพราะคาดไม่ถึงว่าอาจารย์ของเขาจะร่วมมือกับยามาดะเรื่องการจับคู่ในครั้งนี้



                    “ผิดแล้ว แค่อยากรู้อะไรบางอย่างต่างหาก”



                    เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมองอาจารย์คนสนิทที่ยิ้มกว้างพร้อมส่งสายตาขบขันมาให้เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของชายอีกสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินหอยนางรมจนเกินขีดจำกัดของร่างกาย



                    “ธรรมชาติสร้างชายหญิงมาเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ก็จริงอยู่แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ปิดกั้นในเรื่องของความรู้สึก ดังนั้นถ้าจะหวั่นไหวก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร”



                    “...”



                    “เคารพความรู้สึกของตัวเองแล้วจะพบกับคำตอบที่แท้จริง” มือเรียววางลงบนไหล่ของลูกศิษย์คนโปรดก่อนสายตาจะชำเลืองไปทางบานประตูที่มีเงาคนซ้อนทับอยู่ฝั่งตรงข้าม



                    “...แต่ถ้าอกตู้มความรู้สึกก็ช่างมันเถอะ”





                    “ขออภัยที่มาช้า”



                    น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นหน้าประตูบานเลื่อนก่อนจะถูกเปิดออกโดยข้ารับใช้ระดับสูงที่มีหน้าที่เฝ้าประตูห้องรับรอง หญิงสูงศักดิ์ในชุดกิโมโนสีครีมเดินเข้ามาพร้อมกับบุตรสาวคนเล็กที่พยายามปิดบังใบหน้าและหลบสายตาของชเวซามะอยู่ตลอดเวลาด้วยแผ่นหลังของมารดา



                    “โอ๊ย แม่คะ”



                    หญิงสาวใบหน้าสะสวยร้องโอดโอยขึ้นมาทันทีที่มารดาจรดปลายเล็บลงบนผิวเนื้อของเธอ ทำให้ชเวซามะได้เห็นคนด้านหลังชัดเจน ใบหน้ารูปไข่เอิบอิ่ม ผิวขาวเนียนสุกสว่างราวกับพระจันทร์สมดังชื่อ ริมฝีปากเล็กบางถูกแต่งแต้มด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนแวววาวและการแต่งหน้าบางๆยิ่งทำให้ดูเข้ากันกับทรงผมมัดรวบยกสูงและปล่อยปอยผมดัดลอนเบาๆลงมาคลอเคลียข้างผิวแก้มใส



                    ทรวดทรงองค์เอวอาจจะยังไม่ค่อยเด่นชัดเพราะชุดกิโมโนอำพรางแต่ระดับสายตาและริมฝีปากที่อ้าค้างจนเกินพอดีของผู้เป็นอาจารย์ทำให้ชเวซามะต้องเอื้อมมือไปหยิกต้นขาของเขาเตือนสติเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท



                    “ขออภัย มิกิอาจจะไม่เรียบร้อยไปบ้างเพราะยังเด็ก คงต้องฝากให้ชเวซามะช่วยอบรมสั่งสอนตามที่เห็นสมควร” หญิงสูงศักดิ์หันไปโค้งศีรษะให้เด็กหนุ่มหน้าหวานและอาจารย์ที่นั่งอยู่ข้างกันเป็นเชิงขอโทษที่บุตรสาวของเธอแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นกุลสตรีออกมา ยองแจผงกศีรษะรับเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางให้กับความแปลกของคู่ดูตัวซึ่งมีปฏิกิริยาแตกต่างจากบรรดาสาวๆคนอื่นที่ใฝ่ฝันจะเป็นโอคามิซังแห่งอากิระ



    ถ้าเป็นอย่างนี้ บางที...อาจจะพอมีทางออกที่ดีก็ได้


     

     












     

     

                     “อืมมม” แว่นขยายตรวจส่องดูสิ่งของในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า หัวคิ้วชนกันจนแทบจะผูกเป็นปมก่อนอาแปะเจ้าของโรงรับจำนำจะตีราคากำไลข้อมือออกมาเป็นเงิน



                    “อั๊วให้ได้เต็มที่หกหมื่นวอน”



                    “ห๊ะ...หกหมื่นวอนเองเหรอแปะ ผมว่ามันน่าจะมากกว่านั้นอีกนะ” เด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมหรี่ตามองอาแปะเจ้าของโรงรับจำนำที่กดราคากำไลคาร์เทียร์ของพี่แจ็คสันจนเหลือแค่เพียงไม่กี่บาท แม้เขาจะไม่ทราบว่าราคาที่แท้จริงของกำไลนี้คือเท่าไรแต่สายตาของอาแปะที่จ้องมองกำไลมันก็ทำให้เขาอดระแวงไม่ได้



                    “ลื้อจะไปรู้อาราย ของพวกนี้ไม่ใช่เพชรนิลจินดาราคาก็ตกง่ายอั๊วรับซื้อมานี่จะหาคนซื้อต่อได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย”



                    “งั้นผมไม่ขายละกันสงสารแปะ”



                    “เฮ้ย งั้นแสนวอนก็ได้อ่ะ”  



                    แบมแบมคว้ากำไลคาร์เทียร์บนมืออาแปะคืนมาก่อนที่ชายสูงอายุจะรีบเพิ่มราคากำไลให้สูงขึ้นจนเกือบเท่าตัวทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มในใจ แม้ราคาจะเพิ่มขึ้นมาเยอะแล้วแต่แบมแบมกลับไม่รู้สึกอยากขายกำไลนี่ทิ้งเพราะมานึกๆดูมันก็ไม่ใช่ของเขาสักหน่อย ถ้ารับเงินมาแล้วคงไม่มีปัญญาหาเงินมาไถ่คืนแจ็คสันแน่นอน



                    “ผมไม่อยากขายแล้วอ่ะแปะ...”



                    “ล้านวอน!



                    อาแปะตะโกนราคาออกมาอย่างเหลืออด เด็กหนุ่มเบิกตากว้างพลางก้มมองกำไลที่ถูกประเมินค่าไปแตะล้านวอนภายในเวลาอันรวดเร็ว เขาเริ่มชักจะอยากรู้ราคาจริงของกำไลนี่ซะแล้วสิว่ามันเท่าไรกันแน่



                    “ผมไม่ขายแล้ว”



                    “จับมัน!!



                    สิ้นเสียงดุดันของชายชราแบมแบมจึงรีบวิ่งออกมาจากโรงรับจำนำโดยมีชายร่างบึกบึนสองคนวิ่งไล่กวดตามเขามาติดๆ เด็กหนุ่มกำกำไลในมือแน่นแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต




    ปรี๊นนนนนนนนน!!!



                    “อุ๊ก...”


                    แรงฉุดรั้งที่ข้อมือทำให้เด็กหนุ่มที่วิ่งมาด้วยความเร็วถูกกระชากเข้าสู่แผ่นอกกว้างแทนที่จะไปสัมผัสกับกระโปรงรถที่แล่นผ่านไป ใบหน้าน่ารักนอนกอดซบกับคนแปลกหน้าอยู่บนพื้นแทนการนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาล เปลือกตาบางลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงซี้ดปากจากบุคคลโชคร้ายที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาได้ทันพอดี



                    “คะ...คุณ...” แต่ยังไม่ทันได้ถามไถ่อาการหรือขอบคุณ ร่างบางๆนั้นก็ถูกหิ้วปีกออกไปโยนทิ้งไว้ข้างทางอย่างไม่ใยดีแล้วชายพวกนั้นต่างก็กรูกันเข้าไปมะรุมมะตุ้มช่วยเหลือชายดวงซวยที่ให้แบมแบมได้ยืมแผ่นอกชั่วคราวคนนั้น



                    “คุณมาร์ค คุณมาร์คครับ!



                    “ฉันไม่เป็นไร”



                    หลังมือที่ถลอกไปกับพื้นคอนกรีตมีเลือดไหลซึมเป็นทางยาวแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ เขายกมือขึ้นปัดเศษฝุ่นตามตัวก่อนจะลุกขึ้นยืนยืดตัวเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมที่น้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วย



                    “นายทำให้ฉันพลาดงานสำคัญ”



                    “...”



                    “ชีวิตนายทั้งชีวิตยังไม่รู้เลยว่าจะชดใช้คืนได้หรือเปล่า” 








                    แจ็คสันเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องรับรองขนาดใหญ่เพราะหลังจากที่แขกพิเศษจากบ้านอายูคาวะกลับไป สมาชิกทั้งหมดในอากิระก็ถูกเรียกตัวเข้าประชุมต่อทันทีรวมไปถึงสามแสบด้วย และเขาผู้ซึ่งไม่มีตำแหน่งในบ้านอากิระจึงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้ ใจจริงก็อยากจะบุกเข้าไปเลยแต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติยองแจและคราวนี้คนตัวเล็กคงจะหมางเมินเขามากขึ้นกว่าเดิม แจ็คสันจึงทำได้เพียงแค่รอ



                    “พวกเราดีใจที่ได้ยินว่าชเวซามะมีพิธีนัดดูตัวในวันนี้ ขออวยพรให้ซามะและว่าที่โอคามิซังมีสุขภาพแข็งแรง” ทาเคดะอิจิ ผู้นำอาวุโสที่สุดในระดับอิจิกล่าวอวยพรพร้อมกับโค้งคำนับเด็กหนุ่มผู้เปรียบเสมือนประมุขของอากิระ ยองแจพยักหน้ารับเล็กน้อยตามมารยาทแม้จะไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการดูตัวครั้งนี้เท่าไรนัก



                    “ที่เรียกทุกคนมาวันนี้ไม่ใช่เรื่องนัดดูตัวของเรากับคุณอายูคาวะ แต่เป็นเรื่องของการแอบอ้างความเป็นอากิระเพื่อกระทำการในทางมิชอบ” ซามะหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษยับยู่ยี่ประทับตราสัญลักษณ์ของอากิระชูขึ้นให้กับทุกคนในที่ประชุมดู โดยผู้ที่จะมีตราสัญลักษณ์ปลาคาร์ฟล้อมรอบอักษรคำว่าอากิระแบบนี้ได้จะต้องเป็นผู้ได้รับการประเมินทักษะความสามารถจากชเวซามะเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นอากิระ



                    “การใช้อำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราว่าน่ารังเกียจแล้ว การใช้อำนาจบังคับสตรีโดยไม่เต็มใจยิ่งน่ารังเกียจกว่า คิดเหมือนกันไหมล่ะทาเคดะอิจิ?” จินเซ็นเซย์ถามผู้นำอาวุโสที่สุดในระดับอิจิที่นั่งก้มหน้ากำฝ่ามือแน่นตั้งแต่เห็นแผ่นกระดาษใบนั้น ในระหว่างที่ชเวซามะไปจัดการธุระที่เกาหลีก็มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับอากิระหนาหูจนอากิระ จินต้องออกไปตามสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และสิ่งที่เขาได้เห็นก็คือหนึ่งในสมาชิกของอากิระที่ชเวซามะไว้วางใจเป็นผู้ใช้อำนาจจากความไว้วางใจในการรีดไถเงินทองกับชาวบ้านรวมไปถึงการบังคับขืนใจหญิงสาวมาเป็นภรรยาโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจและคนคนนั้นก็คือ...ทาเคดะอิจิ



                    “นับตั้งแต่วันนี้มาโมรุ ทาเคดะจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดใดกับอากิระอีกต่อไป เคซาวะ คินดะจะขึ้นมาแทนตำแหน่งผู้อาวุโสระดับอิจิแทน มติของเราถือเป็นข้อสิ้นสุด” ทุกคนในห้องประชุมโค้งคำนับน้อมรับคำสั่งชเวซามะ มีเพียงทาเคดะที่ไม่พอใจกับการตัดสินว่าให้เขาออกจากอากิระ



                    “...ไม่ยุติธรรม ชเวซามะไม่ยุติธรรม!



                    “อ้าว พูดให้มันดีๆ เดี๋ยวก็โดดกัดหูซะนี่” เร็นโวยวายขึ้นอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทนจนเรียวกับเรย์ต้องรีบมาจับไหล่คนใจร้อนให้นั่งลงเพื่อไม่ให้เผลอทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าที่ประชุมจนอาจต้องโดนลดขั้นไปตามๆกัน



                    “ตัวเองทำชั่วแล้วก็มาโทษว่าคนอื่นไม่ยุติธรรม ไม่เรียกตำรวจมาจับก็บุญแค่ไหนแล้ว” ยูกิโยมุพูดสนับสนุนความคิดของเร็น ถ้าหากไม่เกรงใจชเวซามะเขานี่แหละจะเป็นคนลุกขึ้นไปต่อยมันให้หายปากพล่อยเอง



                    “หวังแจ็คสันเป็นศัตรูของเฟยหรงแต่กลับได้รับการต้อนรับเลี้ยงดูที่ดี กินนอนที่นี่ราวกับเป็นแขกคนหนึ่งทั้งที่ตัวเองเป็นพวกมาเฟียรีดไถเงินทำร้ายคนอื่น แม้กระทั่งชเวซามะเองก็เคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดถ้าคุณมาร์คไม่บุกเข้าไปช่วยเสียก่อน มันยุติธรรมเหรอที่ชเวซามะจะเลี้ยงหวังแจ็คสันไว้ในบ้านเหมือนกัน?” ทุกเสียงขับไล่ทาเคดะในห้องประชุมเงียบลง บางส่วนเริ่มหันไปซุบซิบกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะหลายคนก็ไม่ค่อยชอบหวังแจ็คสันเป็นทุนเดิมหรือแม้กระทั่งยูกิโยมุเอง



                    “เห็นไหมล่ะ ถ้าจะให้ยุติธรรมจริงๆหวังแจ็คสันก็ต้องออกไปจากอากิระด้วยเช่นกัน” ทาเคดะพูดเสริมเมื่อเห็นว่าหลายความเห็นเริ่มเอนเอียงมาทางเขา    



                    “ตลกดีนี่ ตัวเองทำความเลวคนเดียวไม่พอก็ต้องลากคนอื่นมาเลวด้วย แต่โทษทีเหอะฉันไม่เคยรีดไถใครและก็ไม่เคยทำอะไรต่ำๆกับผู้หญิงหรือว่าใครโดยไม่เต็มใจด้วย” หวังแจ็คสันที่ยืนกอดอกพิงบานประตูพูดขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตว่าเขาเดินเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน นัยน์ตาคมชำเลืองมองกรอบหน้าหวานของชเวซามะที่แสนคิดถึงเพราะไม่ได้เจอกันมาทั้งวันก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นว่าแก้มขาวของซามะหนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อแม้ว่าคนตัวเล็กจะทำหงุดหงิดเวลาเจอหน้าเขาก็เถอะ



                    “ตระกูลหวังเป็นมาเฟียมีอำนาจบารมีไม่จำเป็นต้องพึ่งใครจะเอาไปเปรียบเทียบกับนักเลงกระจอกปลายแถวที่ยังต้องคอยอาศัยบารมีคนอื่นหากินแบบนายได้ยังไงกัน” มือหนาตบลงบนไหล่ของทาเคดะสองสามทีก่อนจะเดินเข้าไปหาชเวซามะที่นั่งอยู่ตรงกลาง ยูกิโยมุที่นั่งขนาบข้างดูไม่ค่อยพอใจที่เห็นหน้าหวังแจ็คสันแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของหวังแจ็คสันเป็นประโยชน์ต่อชเวซามะในวันนี้



                    “กลับออกไปในตอนที่ยังทำมาหากินได้ หรืออยากจะกลายเป็นหมาข้างถนนที่ไม่มีแม้แต่บ้านจะซุกหัวนอนก็เลือกเอา” นัยน์ตาคมจ้องมองทาเคดะอย่างเอาจริง แค่เพียงเขาติดต่อออกไป เครือข่ายที่เป็นพันธมิตรกับตระกูลหวังในญี่ปุ่นก็จะจัดการกับนักเลงกระจอกแบบนี้ได้อย่างสบายโดยที่เขาไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย ทาเคดะจ้องกลับหวังแจ็คสันจึงรู้ว่าในสายตาของมาเฟียนั้นไม่มีแววของความล้อเล่นอยู่เลย



                    อดีตผู้อาวุโสระดับอิจิของอากิระลุกขึ้นจากเบาะรองนั่งอย่างกระฟัดกระเฟียดแล้วเดินออกไปด้านนอกโดยไม่คิดจะร่ำลาใครหรือแม้แต่ทำความเคารพชเวซามะดั่งเช่นที่เคยทำมาตลอด



                    “คุณแจ็คสันสุดยอดดดดดด” เร็นวิ่งออกจากเบาะรองนั่งมากระโดดกอดเอวแจ็คสันตามด้วยเด็กๆอีกสองคนที่แห่มาชื่นชมเขาราวกับเป็นฮีโร่ของวันนี้



                    “อะแฮ่ม” จินเซ็นเซย์กระแอมเบาๆนิดหน่อยเชิงให้เด็กๆทั้งสามรู้ตัวว่ากำลังทำกิริยาที่ไม่สำรวมในที่ประชุม แต่เหมือนว่าเจ้าจิ๋วพวกนั้นจะไม่สนใจเสียงกระแอมไอของผู้เป็นอาจารย์แม้แต่น้อย



                    “อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรแต่ผมคิดว่า...หวังแจ็คสันควรได้รับการประเมินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอากิระ”


                    “!!?


                    เคซาวะ คินดะ ผู้นำอาวุโสคนปัจจุบันของระดับอิจิกล่าวขึ้นมาหลังจากได้เห็นทักษะความเป็นผู้นำในตัวหวังแจ็คสันที่สื่อออกมาทางแววตาและความฉลาดหลักแหลมในการตีฝีปากกับอดีตผู้นำอาวุโสอย่างทาเคดะ ชเวซามะคงจะมีผู้ช่วยให้คำปรึกษาที่ดีเลยทีเดียว



                    “แต่สำหรับกรณีของหวังแจ็คสัน จะไม่ใช่แค่เพียงการวัดระดับทางสติปัญญาหากแต่จะวัดครอบคลุมทั้งเรื่องความแข็งแรงของร่างกาย ความสามารถในการเอาชนะใจผู้อื่นนั่นหมายรวมถึงสมาชิกอากิระทุกคนจะเป็นผู้ตัดสินเขาด้วยกัน” คินดะอิจิรู้ว่าการทำให้ทุกคนในอากิระยอมรับข้อเสนอนี้เป็นเรื่องยากแต่การจะเอาชนะใจของสมาชิกในอากิระได้นั้นก็น่าจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับหวังแจ็คสันเช่นกัน หากแต่ว่าถ้าหวังแจ็คสันผ่านด่านเหล่านี้ไปได้นั่นหมายถึงอากิระจะมีสมาชิกที่แข็งแกร่งและเป็นประโยชน์ต่อตัวชเวซามะเองในอนาคต



                    “น่าสนใจดี ชเวซามะคิดว่ายังไง?” จินเซ็นเซย์ดูจะชอบใจกับข้อเสนอของคินดะอิจิ ชเวซามะแม้จะเป็นผู้ชายที่ฉลาดหลักแหลมแต่ก็มีจุดอ่อนเรื่องพละกำลังและการต่อสู้ตั้งแต่เด็กหากได้ยืมมือของหวังแจ็คสันเข้ามาเป็นกำลังเสริมในเรื่องนี้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ



                    ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ประมุขของอากิระเป็นตาเดียวเพื่อรอรับคำตัดสิน รวมไปถึงหวังแจ็คสันที่มองว่าข้อเสนอเรื่องนี้น่าสนใจเช่นกัน เพราะมันหมายถึงว่าเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้ชเวยองแจเหมือนกับที่ยูกิโยมุมีสิทธิ์


                    “สามเดือน...”


                    “...”


                    “ถ้าทำไม่ได้ในสามเดือนหวังแจ็คสันจะต้องถูกส่งตัวกลับเกาหลีและจะถือว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอากิระอีก”


                    ริมฝีปากบางเอ่ยออกมาหลังจากนิ่งคิดไปชั่วครู่ บางคนก็ใจหาย บางคนถอนหายใจโล่งอกที่ชเวซามะไม่ได้ให้หลักเกณฑ์ในการเข้าข้างหวังแจ็คสันเสียเลยทีเดียว


                    เรียวปากหยักคลี่ยิ้มบางหลังได้ฟังข้อตกลงของคนหน้าหวาน ก่อนที่น้ำเสียงนุ่มทุ้มจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ทุกคนในที่ประชุมต้องจดจำเขาต่อไปอีกนานแสนนาน



                    “...แต่หากว่าทำสำเร็จ ชเวซามะจะต้องตอบรับการเป็นคนรักของหวังแจ็คสันอย่างไม่มีเงื่อนไข” 






















    100% 

    TBC : มันเป็นประโยคจีบบบบบของพี่เขา -///- และประโยคหวงก้างต่อหน้าทุกคนด้วยค่ะ เพราะถ้ายื่นข้อเสนอแบบนี้ในระหว่างที่ยังไม่ครบสามเดือนตามข้อตกลง ยองแจโน้ยๆก็จะแต่งงานกับมิกิไม่ได้โดยมีทุกคนในอากิระเป็นพยาน เป็นกำลังใจให้พี่เขาด้วยนะคะ ส่วนนี่จะทีมจินเซ็นเซย์ค่ะจะไปช่วยเช็คลิสท์หนังสือปกขาว... โอเชชช ละเจอกัน สวัสดีปีใหม่ค่าาาา ถ้าไปเที่ยวไหนขอให้เดินทางปลอดภัยนะ เยิฟฟ  #ฟิคร้อยตะวัน 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×