คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ☼ ร้อยตะวัน ☼ l Chapter 09
ร้อยตะวัน
#ฟิคร้อยตะวัน
CHAPTER
09
“หมดไส้หมดพุง...”
เร็นยกมือขึ้นบีบจมูกขณะส่งทิชชูม้วนที่สามให้กับหวังแจ็คสันผ่านหน้าประตูห้องน้ำ
บานประตูเลื่อนปิดลงอีกครั้งก่อนจะเปิดออกในเวลาต่อมาพร้อมกับสภาพอิดโรยของคนตัวโตที่คลานออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียว
“คุณแจ็คสันดื่มนี่หน่อยนะ”
เรียวที่วิ่งไปชงเกลือแร่กลับมารีบยื่นแก้วส่งให้หวังแจ็คสันที่เกิดอาหารเป็นพิษตั้งแต่เช้ามืดจนพวกเขาสามคนนอนต่อไม่ได้จึงต้องมาคอยดูแลเขาจวบจนรุ่งสางแบบนี้
“น่าจะเป็นเพราะหอยนางรมเมื่อวาน
แต่ถ้าเอาออกหมดก็ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ” เรย์วิเคราะห์ไปตามเรื่องราวก่อนจะโดนเร็นสวนกลับมาทันควัน
“กว่าจะเอาออกหมดไม่ตายก่อนเหรอ
เราต้องบอกชเวซามะ”
“ม...ไม่...ไม่ได้”
ใบหน้าซีดเซียวขึ้นสีแดงระเรื่อจนถึงใบหู ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนขี้อายมากนักแต่การจะให้ยองแจมาเห็นตัวเขาในสภาพแบบนี้...ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด
“ใช่...ไม่ได้หรอก
ลืมไปแล้วหรือไงว่าวันนี้ชเวซามะมีแขก” เรียวรับแก้วจากแจ็คสันมาถือพลางส่งผ้าผืนบางไปให้เขาเช็ดซับมุมปากก่อนนัยน์ตาคมอิดโรยเมื่อครู่จะเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากเด็กชายตัวเล็กในชุดยูกาตะสีกรมท่า
“พิธีนัดดูตัวโอคามิซัง”
“นี่...เราไม่หนีหรอกน่า”
ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้นขณะปรายตามองไปยังบอดี้การ์ดที่ยามาดะสั่งมาดูแลและขัดขวางไม่ให้คนอื่นๆเข้ามาวุ่นวายในพิธีดูตัวระหว่างชเวซามะกับบุตรสาวคนสุดท้องของบ้านอายูคาวะ
“เรื่องเมื่อคืนก็คงเป็นแผนสินะ” ใบหน้าหล่อหวานเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แฝงอารมณ์ใดๆ
รอยยิ้มบางถูกจุดขึ้นบนมุมปากสวยเพราะคาดไม่ถึงว่าอาจารย์ของเขาจะร่วมมือกับยามาดะเรื่องการจับคู่ในครั้งนี้
“ผิดแล้ว แค่อยากรู้อะไรบางอย่างต่างหาก”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมองอาจารย์คนสนิทที่ยิ้มกว้างพร้อมส่งสายตาขบขันมาให้เมื่อนึกไปถึงใบหน้าของชายอีกสองคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินหอยนางรมจนเกินขีดจำกัดของร่างกาย
“ธรรมชาติสร้างชายหญิงมาเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ก็จริงอยู่แต่ธรรมชาติก็ไม่ได้ปิดกั้นในเรื่องของความรู้สึก
ดังนั้นถ้าจะหวั่นไหวก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร”
“...”
“เคารพความรู้สึกของตัวเองแล้วจะพบกับคำตอบที่แท้จริง”
มือเรียววางลงบนไหล่ของลูกศิษย์คนโปรดก่อนสายตาจะชำเลืองไปทางบานประตูที่มีเงาคนซ้อนทับอยู่ฝั่งตรงข้าม
“...แต่ถ้าอกตู้มความรู้สึกก็ช่างมันเถอะ”
“ขออภัยที่มาช้า”
น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นหน้าประตูบานเลื่อนก่อนจะถูกเปิดออกโดยข้ารับใช้ระดับสูงที่มีหน้าที่เฝ้าประตูห้องรับรอง
หญิงสูงศักดิ์ในชุดกิโมโนสีครีมเดินเข้ามาพร้อมกับบุตรสาวคนเล็กที่พยายามปิดบังใบหน้าและหลบสายตาของชเวซามะอยู่ตลอดเวลาด้วยแผ่นหลังของมารดา
“โอ๊ย แม่คะ”
หญิงสาวใบหน้าสะสวยร้องโอดโอยขึ้นมาทันทีที่มารดาจรดปลายเล็บลงบนผิวเนื้อของเธอ
ทำให้ชเวซามะได้เห็นคนด้านหลังชัดเจน ใบหน้ารูปไข่เอิบอิ่ม ผิวขาวเนียนสุกสว่างราวกับพระจันทร์สมดังชื่อ
ริมฝีปากเล็กบางถูกแต่งแต้มด้วยลิปกลอสสีชมพูอ่อนแวววาวและการแต่งหน้าบางๆยิ่งทำให้ดูเข้ากันกับทรงผมมัดรวบยกสูงและปล่อยปอยผมดัดลอนเบาๆลงมาคลอเคลียข้างผิวแก้มใส
ทรวดทรงองค์เอวอาจจะยังไม่ค่อยเด่นชัดเพราะชุดกิโมโนอำพรางแต่ระดับสายตาและริมฝีปากที่อ้าค้างจนเกินพอดีของผู้เป็นอาจารย์ทำให้ชเวซามะต้องเอื้อมมือไปหยิกต้นขาของเขาเตือนสติเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท
“ขออภัย มิกิอาจจะไม่เรียบร้อยไปบ้างเพราะยังเด็ก
คงต้องฝากให้ชเวซามะช่วยอบรมสั่งสอนตามที่เห็นสมควร” หญิงสูงศักดิ์หันไปโค้งศีรษะให้เด็กหนุ่มหน้าหวานและอาจารย์ที่นั่งอยู่ข้างกันเป็นเชิงขอโทษที่บุตรสาวของเธอแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นกุลสตรีออกมา
ยองแจผงกศีรษะรับเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางให้กับความแปลกของคู่ดูตัวซึ่งมีปฏิกิริยาแตกต่างจากบรรดาสาวๆคนอื่นที่ใฝ่ฝันจะเป็นโอคามิซังแห่งอากิระ
ถ้าเป็นอย่างนี้ บางที...อาจจะพอมีทางออกที่ดีก็ได้
“อืมมม” แว่นขยายตรวจส่องดูสิ่งของในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หัวคิ้วชนกันจนแทบจะผูกเป็นปมก่อนอาแปะเจ้าของโรงรับจำนำจะตีราคากำไลข้อมือออกมาเป็นเงิน
“อั๊วให้ได้เต็มที่หกหมื่นวอน”
“ห๊ะ...หกหมื่นวอนเองเหรอแปะ
ผมว่ามันน่าจะมากกว่านั้นอีกนะ” เด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมหรี่ตามองอาแปะเจ้าของโรงรับจำนำที่กดราคากำไลคาร์เทียร์ของพี่แจ็คสันจนเหลือแค่เพียงไม่กี่บาท
แม้เขาจะไม่ทราบว่าราคาที่แท้จริงของกำไลนี้คือเท่าไรแต่สายตาของอาแปะที่จ้องมองกำไลมันก็ทำให้เขาอดระแวงไม่ได้
“ลื้อจะไปรู้อาราย
ของพวกนี้ไม่ใช่เพชรนิลจินดาราคาก็ตกง่ายอั๊วรับซื้อมานี่จะหาคนซื้อต่อได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย”
“งั้นผมไม่ขายละกันสงสารแปะ”
“เฮ้ย งั้นแสนวอนก็ได้อ่ะ”
แบมแบมคว้ากำไลคาร์เทียร์บนมืออาแปะคืนมาก่อนที่ชายสูงอายุจะรีบเพิ่มราคากำไลให้สูงขึ้นจนเกือบเท่าตัวทำให้เด็กหนุ่มยิ้มกริ่มในใจ
แม้ราคาจะเพิ่มขึ้นมาเยอะแล้วแต่แบมแบมกลับไม่รู้สึกอยากขายกำไลนี่ทิ้งเพราะมานึกๆดูมันก็ไม่ใช่ของเขาสักหน่อย
ถ้ารับเงินมาแล้วคงไม่มีปัญญาหาเงินมาไถ่คืนแจ็คสันแน่นอน
“ผมไม่อยากขายแล้วอ่ะแปะ...”
“ล้านวอน!”
อาแปะตะโกนราคาออกมาอย่างเหลืออด
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างพลางก้มมองกำไลที่ถูกประเมินค่าไปแตะล้านวอนภายในเวลาอันรวดเร็ว
เขาเริ่มชักจะอยากรู้ราคาจริงของกำไลนี่ซะแล้วสิว่ามันเท่าไรกันแน่
“ผมไม่ขายแล้ว”
“จับมัน!!”
สิ้นเสียงดุดันของชายชราแบมแบมจึงรีบวิ่งออกมาจากโรงรับจำนำโดยมีชายร่างบึกบึนสองคนวิ่งไล่กวดตามเขามาติดๆ
เด็กหนุ่มกำกำไลในมือแน่นแล้ววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ปรี๊นนนนนนนนน!!!
“อุ๊ก...”
แรงฉุดรั้งที่ข้อมือทำให้เด็กหนุ่มที่วิ่งมาด้วยความเร็วถูกกระชากเข้าสู่แผ่นอกกว้างแทนที่จะไปสัมผัสกับกระโปรงรถที่แล่นผ่านไป
ใบหน้าน่ารักนอนกอดซบกับคนแปลกหน้าอยู่บนพื้นแทนการนอนหยอดน้ำข้าวต้มในโรงพยาบาล
เปลือกตาบางลืมขึ้นเมื่อได้ยินเสียงซี้ดปากจากบุคคลโชคร้ายที่เข้ามาช่วยชีวิตเขาได้ทันพอดี
“คะ...คุณ...” แต่ยังไม่ทันได้ถามไถ่อาการหรือขอบคุณ
ร่างบางๆนั้นก็ถูกหิ้วปีกออกไปโยนทิ้งไว้ข้างทางอย่างไม่ใยดีแล้วชายพวกนั้นต่างก็กรูกันเข้าไปมะรุมมะตุ้มช่วยเหลือชายดวงซวยที่ให้แบมแบมได้ยืมแผ่นอกชั่วคราวคนนั้น
“คุณมาร์ค
คุณมาร์คครับ!”
“ฉันไม่เป็นไร”
หลังมือที่ถลอกไปกับพื้นคอนกรีตมีเลือดไหลซึมเป็นทางยาวแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ
เขายกมือขึ้นปัดเศษฝุ่นตามตัวก่อนจะลุกขึ้นยืนยืดตัวเต็มความสูงแล้วเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มหน้าตามอมแมมที่น้ำตาเอ่อคลออยู่เต็มหน่วย
“นายทำให้ฉันพลาดงานสำคัญ”
“...”
“ชีวิตนายทั้งชีวิตยังไม่รู้เลยว่าจะชดใช้คืนได้หรือเปล่า”
แจ็คสันเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องรับรองขนาดใหญ่เพราะหลังจากที่แขกพิเศษจากบ้านอายูคาวะกลับไป
สมาชิกทั้งหมดในอากิระก็ถูกเรียกตัวเข้าประชุมต่อทันทีรวมไปถึงสามแสบด้วย
และเขาผู้ซึ่งไม่มีตำแหน่งในบ้านอากิระจึงไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
ใจจริงก็อยากจะบุกเข้าไปเลยแต่ถ้าทำอย่างนั้นก็จะเป็นการไม่ให้เกียรติยองแจและคราวนี้คนตัวเล็กคงจะหมางเมินเขามากขึ้นกว่าเดิม แจ็คสันจึงทำได้เพียงแค่รอ
“พวกเราดีใจที่ได้ยินว่าชเวซามะมีพิธีนัดดูตัวในวันนี้
ขออวยพรให้ซามะและว่าที่โอคามิซังมีสุขภาพแข็งแรง” ทาเคดะอิจิ ผู้นำอาวุโสที่สุดในระดับอิจิกล่าวอวยพรพร้อมกับโค้งคำนับเด็กหนุ่มผู้เปรียบเสมือนประมุขของอากิระ
ยองแจพยักหน้ารับเล็กน้อยตามมารยาทแม้จะไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับการดูตัวครั้งนี้เท่าไรนัก
“ที่เรียกทุกคนมาวันนี้ไม่ใช่เรื่องนัดดูตัวของเรากับคุณอายูคาวะ
แต่เป็นเรื่องของการแอบอ้างความเป็นอากิระเพื่อกระทำการในทางมิชอบ”
ซามะหนุ่มหยิบแผ่นกระดาษยับยู่ยี่ประทับตราสัญลักษณ์ของอากิระชูขึ้นให้กับทุกคนในที่ประชุมดู
โดยผู้ที่จะมีตราสัญลักษณ์ปลาคาร์ฟล้อมรอบอักษรคำว่าอากิระแบบนี้ได้จะต้องเป็นผู้ได้รับการประเมินทักษะความสามารถจากชเวซามะเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นอากิระ
“การใช้อำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราว่าน่ารังเกียจแล้ว
การใช้อำนาจบังคับสตรีโดยไม่เต็มใจยิ่งน่ารังเกียจกว่า คิดเหมือนกันไหมล่ะทาเคดะอิจิ?”
จินเซ็นเซย์ถามผู้นำอาวุโสที่สุดในระดับอิจิที่นั่งก้มหน้ากำฝ่ามือแน่นตั้งแต่เห็นแผ่นกระดาษใบนั้น
ในระหว่างที่ชเวซามะไปจัดการธุระที่เกาหลีก็มีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับอากิระหนาหูจนอากิระ
จินต้องออกไปตามสืบดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และสิ่งที่เขาได้เห็นก็คือหนึ่งในสมาชิกของอากิระที่ชเวซามะไว้วางใจเป็นผู้ใช้อำนาจจากความไว้วางใจในการรีดไถเงินทองกับชาวบ้านรวมไปถึงการบังคับขืนใจหญิงสาวมาเป็นภรรยาโดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจและคนคนนั้นก็คือ...ทาเคดะอิจิ
“นับตั้งแต่วันนี้มาโมรุ
ทาเคดะจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดใดกับอากิระอีกต่อไป เคซาวะ คินดะจะขึ้นมาแทนตำแหน่งผู้อาวุโสระดับอิจิแทน
มติของเราถือเป็นข้อสิ้นสุด” ทุกคนในห้องประชุมโค้งคำนับน้อมรับคำสั่งชเวซามะ
มีเพียงทาเคดะที่ไม่พอใจกับการตัดสินว่าให้เขาออกจากอากิระ
“...ไม่ยุติธรรม
ชเวซามะไม่ยุติธรรม!”
“อ้าว พูดให้มันดีๆ
เดี๋ยวก็โดดกัดหูซะนี่” เร็นโวยวายขึ้นอย่างเป็นเดือดเป็นร้อนแทนจนเรียวกับเรย์ต้องรีบมาจับไหล่คนใจร้อนให้นั่งลงเพื่อไม่ให้เผลอทำอะไรบุ่มบ่ามต่อหน้าที่ประชุมจนอาจต้องโดนลดขั้นไปตามๆกัน
“ตัวเองทำชั่วแล้วก็มาโทษว่าคนอื่นไม่ยุติธรรม
ไม่เรียกตำรวจมาจับก็บุญแค่ไหนแล้ว” ยูกิโยมุพูดสนับสนุนความคิดของเร็น
ถ้าหากไม่เกรงใจชเวซามะเขานี่แหละจะเป็นคนลุกขึ้นไปต่อยมันให้หายปากพล่อยเอง
“หวังแจ็คสันเป็นศัตรูของเฟยหรงแต่กลับได้รับการต้อนรับเลี้ยงดูที่ดี
กินนอนที่นี่ราวกับเป็นแขกคนหนึ่งทั้งที่ตัวเองเป็นพวกมาเฟียรีดไถเงินทำร้ายคนอื่น
แม้กระทั่งชเวซามะเองก็เคยเกือบเอาชีวิตไม่รอดถ้าคุณมาร์คไม่บุกเข้าไปช่วยเสียก่อน
มันยุติธรรมเหรอที่ชเวซามะจะเลี้ยงหวังแจ็คสันไว้ในบ้านเหมือนกัน?”
ทุกเสียงขับไล่ทาเคดะในห้องประชุมเงียบลง บางส่วนเริ่มหันไปซุบซิบกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะหลายคนก็ไม่ค่อยชอบหวังแจ็คสันเป็นทุนเดิมหรือแม้กระทั่งยูกิโยมุเอง
“เห็นไหมล่ะ
ถ้าจะให้ยุติธรรมจริงๆหวังแจ็คสันก็ต้องออกไปจากอากิระด้วยเช่นกัน”
ทาเคดะพูดเสริมเมื่อเห็นว่าหลายความเห็นเริ่มเอนเอียงมาทางเขา
“ตลกดีนี่
ตัวเองทำความเลวคนเดียวไม่พอก็ต้องลากคนอื่นมาเลวด้วย แต่โทษทีเหอะฉันไม่เคยรีดไถใครและก็ไม่เคยทำอะไรต่ำๆกับผู้หญิงหรือว่าใครโดยไม่เต็มใจด้วย”
หวังแจ็คสันที่ยืนกอดอกพิงบานประตูพูดขึ้นมาโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตว่าเขาเดินเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน
นัยน์ตาคมชำเลืองมองกรอบหน้าหวานของชเวซามะที่แสนคิดถึงเพราะไม่ได้เจอกันมาทั้งวันก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นว่าแก้มขาวของซามะหนุ่มขึ้นสีแดงระเรื่อแม้ว่าคนตัวเล็กจะทำหงุดหงิดเวลาเจอหน้าเขาก็เถอะ
“ตระกูลหวังเป็นมาเฟียมีอำนาจบารมีไม่จำเป็นต้องพึ่งใครจะเอาไปเปรียบเทียบกับนักเลงกระจอกปลายแถวที่ยังต้องคอยอาศัยบารมีคนอื่นหากินแบบนายได้ยังไงกัน”
มือหนาตบลงบนไหล่ของทาเคดะสองสามทีก่อนจะเดินเข้าไปหาชเวซามะที่นั่งอยู่ตรงกลาง
ยูกิโยมุที่นั่งขนาบข้างดูไม่ค่อยพอใจที่เห็นหน้าหวังแจ็คสันแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำพูดของหวังแจ็คสันเป็นประโยชน์ต่อชเวซามะในวันนี้
“กลับออกไปในตอนที่ยังทำมาหากินได้
หรืออยากจะกลายเป็นหมาข้างถนนที่ไม่มีแม้แต่บ้านจะซุกหัวนอนก็เลือกเอา”
นัยน์ตาคมจ้องมองทาเคดะอย่างเอาจริง แค่เพียงเขาติดต่อออกไป เครือข่ายที่เป็นพันธมิตรกับตระกูลหวังในญี่ปุ่นก็จะจัดการกับนักเลงกระจอกแบบนี้ได้อย่างสบายโดยที่เขาไม่ต้องออกแรงทำอะไรเลย
ทาเคดะจ้องกลับหวังแจ็คสันจึงรู้ว่าในสายตาของมาเฟียนั้นไม่มีแววของความล้อเล่นอยู่เลย
อดีตผู้อาวุโสระดับอิจิของอากิระลุกขึ้นจากเบาะรองนั่งอย่างกระฟัดกระเฟียดแล้วเดินออกไปด้านนอกโดยไม่คิดจะร่ำลาใครหรือแม้แต่ทำความเคารพชเวซามะดั่งเช่นที่เคยทำมาตลอด
“คุณแจ็คสันสุดยอดดดดดด”
เร็นวิ่งออกจากเบาะรองนั่งมากระโดดกอดเอวแจ็คสันตามด้วยเด็กๆอีกสองคนที่แห่มาชื่นชมเขาราวกับเป็นฮีโร่ของวันนี้
“อะแฮ่ม”
จินเซ็นเซย์กระแอมเบาๆนิดหน่อยเชิงให้เด็กๆทั้งสามรู้ตัวว่ากำลังทำกิริยาที่ไม่สำรวมในที่ประชุม
แต่เหมือนว่าเจ้าจิ๋วพวกนั้นจะไม่สนใจเสียงกระแอมไอของผู้เป็นอาจารย์แม้แต่น้อย
“อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรแต่ผมคิดว่า...หวังแจ็คสันควรได้รับการประเมินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอากิระ”
“!!?”
เคซาวะ คินดะ
ผู้นำอาวุโสคนปัจจุบันของระดับอิจิกล่าวขึ้นมาหลังจากได้เห็นทักษะความเป็นผู้นำในตัวหวังแจ็คสันที่สื่อออกมาทางแววตาและความฉลาดหลักแหลมในการตีฝีปากกับอดีตผู้นำอาวุโสอย่างทาเคดะ
ชเวซามะคงจะมีผู้ช่วยให้คำปรึกษาที่ดีเลยทีเดียว
“แต่สำหรับกรณีของหวังแจ็คสัน
จะไม่ใช่แค่เพียงการวัดระดับทางสติปัญญาหากแต่จะวัดครอบคลุมทั้งเรื่องความแข็งแรงของร่างกาย
ความสามารถในการเอาชนะใจผู้อื่นนั่นหมายรวมถึงสมาชิกอากิระทุกคนจะเป็นผู้ตัดสินเขาด้วยกัน”
คินดะอิจิรู้ว่าการทำให้ทุกคนในอากิระยอมรับข้อเสนอนี้เป็นเรื่องยากแต่การจะเอาชนะใจของสมาชิกในอากิระได้นั้นก็น่าจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับหวังแจ็คสันเช่นกัน
หากแต่ว่าถ้าหวังแจ็คสันผ่านด่านเหล่านี้ไปได้นั่นหมายถึงอากิระจะมีสมาชิกที่แข็งแกร่งและเป็นประโยชน์ต่อตัวชเวซามะเองในอนาคต
“น่าสนใจดี ชเวซามะคิดว่ายังไง?”
จินเซ็นเซย์ดูจะชอบใจกับข้อเสนอของคินดะอิจิ ชเวซามะแม้จะเป็นผู้ชายที่ฉลาดหลักแหลมแต่ก็มีจุดอ่อนเรื่องพละกำลังและการต่อสู้ตั้งแต่เด็กหากได้ยืมมือของหวังแจ็คสันเข้ามาเป็นกำลังเสริมในเรื่องนี้คงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ประมุขของอากิระเป็นตาเดียวเพื่อรอรับคำตัดสิน
รวมไปถึงหวังแจ็คสันที่มองว่าข้อเสนอเรื่องนี้น่าสนใจเช่นกัน เพราะมันหมายถึงว่าเขามีสิทธิ์ที่จะเข้าใกล้ชเวยองแจเหมือนกับที่ยูกิโยมุมีสิทธิ์
“สามเดือน...”
“...”
“ถ้าทำไม่ได้ในสามเดือนหวังแจ็คสันจะต้องถูกส่งตัวกลับเกาหลีและจะถือว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับอากิระอีก”
ริมฝีปากบางเอ่ยออกมาหลังจากนิ่งคิดไปชั่วครู่
บางคนก็ใจหาย บางคนถอนหายใจโล่งอกที่ชเวซามะไม่ได้ให้หลักเกณฑ์ในการเข้าข้างหวังแจ็คสันเสียเลยทีเดียว
เรียวปากหยักคลี่ยิ้มบางหลังได้ฟังข้อตกลงของคนหน้าหวาน
ก่อนที่น้ำเสียงนุ่มทุ้มจะเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้ทุกคนในที่ประชุมต้องจดจำเขาต่อไปอีกนานแสนนาน
“...แต่หากว่าทำสำเร็จ
ชเวซามะจะต้องตอบรับการเป็นคนรักของหวังแจ็คสันอย่างไม่มีเงื่อนไข”
ความคิดเห็น