คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ☼ ร้อยตะวัน ☼ l Chapter 01
ร้อยตะวัน
#ฟืคร้อยตะวัน
CHAPTER
01
เจ้าของมืออาบเลือดจากการถูกกระจกบาดกำลังถูกทำแผลโดยหน่วยแพทย์ประจำบ้าน ใบหน้าเคร่งขรึมปราศจากรอยยิ้มกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะลุกขึ้นพลางสะบัดมือออกจากการทำแผลจนแพทย์ทั้งสองคนต่างพากันหน้าซีด
“ฉันจะไปฆ่ามัน”
“คุณมาร์คครับ!”
เลขาคนสนิทรีบเข้ามาขวางทางท่านประธานแห่งเฟยหรงไม่ให้เผลอทำอะไรบุ่มบ่าม ถึงอย่างไรสกุลหวังก็เคยเป็นพันธมิตรกับเฟยหรงมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษก่อนที่จะเกิดคดีกรงนกขึ้นเมื่อยี่สิบปีก่อน ทั้งคุณพ่อของมาร์คและคุณพ่อของแจ็คสันจึงบ่มเพาะความเกลียดชังมาสู่รุ่นลูกได้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งสองสกุล
“ถ้าฉันไม่ฆ่ามันก่อน มันฆ่ายองแจแน่!” ใบหน้าหล่อเกรี้ยวกราดพลางนึกโทษตัวเองในใจ ทั้งที่เขามั่นใจแล้วว่าวางแผนจัดการทีมบอดี้การ์ดเอาไว้อย่างรัดกุม อีกทั้งเรื่องประวัติของยองแจก็ไม่มีใครรู้แต่นึกไม่ถึงว่าคนของหวังแจ็คสันจะรู้และยังรู้แม้กระทั่งไฟลท์บินของยองแจในวันนี้
“เป้าหมายของหวังแจ็คสันคือการทำลายเฟยหรง ดังนั้นเขาไม่มีทางฆ่าชเวซามะในตอนนี้แน่นอน” ร่างสูงผอมของชายวัยกลางคนพาตัวเองเข้ามาภายในห้องทำงานของท่านประธานหนุ่ม มาร์คหันมองตามเสียงก่อนคิ้วเรียวจะขมวดมุ่นเข้าหากัน
“ยามาดะ”
“ขอโทษที่มาช้าครับ จดหมายนี่ชเวซามะฝากมาให้คุณมาร์คครับ”
มาร์คมองหน้าคนสนิทของน้องชายต่างมารดาเพียงครู่เดียวก่อนจะรับกระดาษที่ถูกพับเป็นรูปปลาคาร์ฟตามศิลปะการพับกระดาษโอริกามิของญี่ปุ่นที่ชเวยองแจมักจะใช้เป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารมาคลี่กางออกดูอย่างชำนาญ
‘ไม่ต้องห่วง’
“ชเวซามะคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจึงให้ผมเลื่อนไฟลท์บินตามมาทีหลังหนึ่งชั่วโมงเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการของหวังแจ็คสัน”
“...บ้า บ้าไปแล้ว
มีแต่คนบ้าเท่านั้นที่คิดจะเอาตัวเองไปเสี่ยงตายแบบนี้” มาร์คพรูลมหายใจออกอย่างพยายามสงบสติอารมณ์
เขาไม่เข้าใจความคิดของเด็กนั่นเลยสักนิด ไม่รู้เลยว่าชเวยองแจคิดอะไรอยู่
“こけつにいらずんばこしをえず (koketsu ni hairazunba koshi o ezu) ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือก็จะไม่ได้ลูกเสือ ขอให้คุณมาร์คเชื่อใจ ไม่ใช่ในฐานะชเวยองแจน้องชายของคุณ แต่เป็นชเวซามะ นายน้อยแห่งอากิระ” ยามาดะ โช โค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นพี่ชายของเจ้านายก่อนจะขอตัวกลับไปยังที่พักเพื่อหาทางติดต่อกับชเวซามะ
‘นี่โชซัง ทำไมถึงสอนเราพับปลาคาร์ฟล่ะ มันยากจะตาย’ เด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบเอ่ยถามผู้ดูแลขณะที่ล้มเลิกความตั้งใจในการพับกระดาษเป็นรอบที่สิบของวัน ยองแจพองลมใส่แก้มทั้งสองข้างเพราะไม่ว่าเขาจะพยายามพับแค่ไหนแต่สิ่งที่ได้ก็ไม่มีความคล้ายคลึงปลาคาร์ฟเลยสักนิด
‘ความเชื่อแต่โบราณของประเทศจีนว่ากันว่าที่ต้นน้ำของแม่น้ำฮวงโหเป็นช่วงที่กระแสน้ำมีความเชี่ยวกราก ปลาทุกตัวที่ว่ายทวนน้ำขึ้นไปจะถูกกระแสน้ำพัดตกลงมาตาย มีเพียงปลาคาร์ฟเท่านั้นที่สามารถว่ายทวนน้ำขึ้นไปได้ ปลาคาร์ฟที่ว่ายทวนน้ำขึ้นไปจนถึงประตูมังกรจะกลายร่างเป็นมังกรและบินไปบนสวรรค์’ ยามาดะ โช เล่าถึงตำนานความเชื่อของปลาคาร์ฟให้กับนายน้อยวัยห้าขวบฟัง เด็กน้อยแก้มกลมดูจะงุนงงแต่ก็เหมือนกับว่ากำลังพยายามทำความเข้าใจไปทีละน้อย
...ช่างน่าเอ็นดู
‘แล้วทำไมต้องปลาคาร์ฟ เป็นปลาแซลมอนไม่ได้เหรอ?’ คำถามใสซื่อไร้เดียงสาทำให้ยามาดะหลุดยิ้มก่อนจะโค้งศีรษะแล้วเอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มของนายน้อยตัวเล็กของเขาที่เงยหน้าขึ้นมองรอคอยคำตอบตาใสแป๋ว
‘เพราะปลาคาร์ฟเป็นปลาที่มีความอดทน
เป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จที่ควรค่าต่อการยกย่องเหมือนกันกับชเวซามะ’
...ผ้าปิดตา
นัยน์ตาเรียวรีลืมขึ้นมาพบกับความมืดเพราะถูกผ้าปิดตาปิดเอาไว้ ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยเพื่อยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเบาะนุ่ม แต่ข้อมือที่ถูกพันธนาการเอาไว้ทางด้านหลังทำให้เขาขยับตัวได้ไม่ถนัดถนี่เท่าไรนัก
“เฮอะ มัดมือด้วยเหรอเนี่ย” ริมฝีปากเล็กพึมพำเบาๆก่อนเหยียดยิ้มมุมปาก จากที่ลองดึงดูเมื่อครู่ทำให้รู้ว่าถ้ายิ่งพยายามดึงยิ่งทำให้มันมัดแน่นขึ้น มือเล็กที่ไพล่หลังจึงหยุดการดึงเพื่อลดการเสียดสีจากปมเชือกเปลี่ยนมาเป็นวิธีแก้เงื่อนช้าๆอย่างใจเย็นจนเชือกหลุดออกไปเองในที่สุด
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือช้าๆสามครั้งดังขึ้นไม่ไกลนักจากตำแหน่งที่ชเวยองแจนั่งอยู่ แรงยุบไปตามน้ำหนักตัวของฟูกทำให้เด็กหนุ่มพอจะเดาได้ว่ามีใครอีกคนมานั่งอยู่ข้างๆเขาและอาจจะอยู่ในห้องนี้กับเขามาตั้งแต่ต้น
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านหวัง...ชเวยองแจ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดใบหูขาวอย่างจงใจ ลมหายใจอุ่นกลิ่นมินต์เคล้าควันบุหรี่จางๆรินรดบนผิวแก้มนิ่มจนคนตัวเล็กที่ไม่ค่อยถูกกับกลิ่นพวกนี้มาแต่ไหนแต่ไรจำต้องเบี่ยงตัวหลบ
“จะไม่ทักทายกันหน่อยเหรอ?”
เด็กหนุ่มยังคงนั่งเงียบไม่ปริปากพูดออกมา ร่างสันทัดปรายตามองคนตัวขาวที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงหลังจากรู้ว่าเขาอยู่ในห้องด้วย อดยอมรับในความสามารถของเด็กคนนี้ไม่ได้ในเรื่องของการมีสติและการแก้เงื่อนเชือกอย่างชาญฉลาดเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บตัวเกินความจำเป็น
“ช่วยไม่ได้แฮะ ถ้างั้นก็คงต้องทำความรู้จักกันไปทีละสเต็ปล่ะนะ” แจ็คสันกระตุกยิ้มมุมปากก่อนริมฝีปากอุ่นจะทาบทับลงไปบนริมฝีปากอิ่มแดงของคนตัวเล็กตรงหน้า ริมฝีปากหยักขบเม้มดูดดึงเบาๆไปตามริมฝีปากบนสลับล่าง เชยชิมสัมผัสหวานละมุนที่ถ่ายทอดออกมาจากริมฝีปากนุ่มนิ่มของเด็กหนุ่มอายุสิบแปดปี
“โอ๊ย!”
ราวกับโดนไฟฟ้าช็อต หวังแจ็คสันผลักยองแจออกห่างจากตัวอย่างแรงจนคนตัวเล็กเกือบล้มลงไปนอนกับเตียง ร่างหนายกหลังฝ่ามือขึ้นแตะมุมปากที่มีเลือดไหลซิบแต่ดูเหมือนว่าคนสร้างรอยแผลนี้จะไม่ได้รู้สึกผิดกับการกระทำของตัวเองเลยสักนิด คนตัวเล็กลุกขึ้นมานั่งอีกรอบก่อนสองมือจะถอดผ้าปิดตาออกแล้วปรายยิ้มให้กับบุคคลตรงหน้า
“โทษที เห็นวิปริต ก็นึกว่าชอบอะไรแบบนี้”
“...”
“ยินดีที่ได้รู้จัก...หวังแจ็คสัน”
ชาร้อนถูกรินใส่แก้วเซรามิคแต่ถูกปล่อยทิ้งไว้จนเย็นชืดสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้เป็นพ่อและแม่ที่เห็นลูกชายของตนเอาแต่นั่งเท้าคางอยู่นิ่งมาทั้งวัน สำรับอาหารที่จัดเตรียมไว้ก็ไม่พร่องลงไปเลยสักนิด
ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นที่เขาออกไปหาชเวซามะที่บ้านอากิระ
พอกลับมาก็ไม่กินไม่ดื่มอะไร อีกทั้งยังเอาแต่นั่งนิ่งมองบ่อปลาคาร์ฟอยู่อย่างนั้น
“ยูกิโยมุ...ถ้าลูกไม่ยอมกินข้าวกินยา ชเวซามะกลับมาจะต้องโกรธมากแน่ๆ” ผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาพร้อมกับให้คนยกสำรับอาหารชุดใหม่มาวางแทนชุดเก่าแต่เด็กหนุ่มก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบเดิม
‘หมายความว่ายังไงที่ท่านไม่ทราบว่านานเท่าไรถึงจะได้กลับมา?’ เด็กหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเอ่ยเสียงดังจนแทบจะเรียกได้ว่าตะโกนถามผู้เป็นเจ้านายที่กำลังนั่งมองตัวหมากโชกิ (หมากรุกญี่ปุ่น) บนแผ่นกระดานไม้
‘ก็หมายความตามนั้น...ศัตรูเป็นคนที่ประมาทไม่ได้
เพียงแค่กระพริบตาก็อาจจะพ่ายแพ้ หรือแม้แต่จะเก่งหรือวางแผนดีแค่ไหน...’
‘ก็อาจพลาดพลั้งให้กับสิ่งเล็กน้อยได้เช่นกัน’
ฟุ (ตัวเบี้ย) หมากที่มีค่าน้อยที่สุดในเกมหมากรุกของชเวซามะเลื่อนเข้าไปอีกหนึ่งช่องจนยูกิโยมุไม่ทันสังเกตเลยว่า โอ หรือตัวขุนบนกระดานของเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยหมากของชเวซามะตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบและไม่ว่าจะตัดสินใจก้าวไปทางไหนก็ต้องถูกกินอย่างแน่นอน
‘ชเวซามะนี่เก่งจังเลยนะครับ’
‘เพราะนายประมาทเกินไปต่างหาก’
เด็กหนุ่มตัวเล็กในชุดยูกาตะสบตาเพื่อนสนิทตัวสูงโปร่งราวกับกำลังอ่านใจ ยูกิโยมุพรูลมหายใจออกพลางหลับตาลงเพื่อรวบรวมสติแล้วลืมตาขึ้นมองนายน้อยหน้าหวาน
‘ฉันไว้ใจให้นายดูแลอากิระได้ใช่ไหม’
‘...’
‘ฝากด้วยนะ ยูกิโยมุซัง’
“ให้ตายเถอะ เอาแต่ใจจริงๆเลยนะ ชเวซามะเนี่ย...” จู่ๆเด็กหนุ่มที่เอาแต่นิ่งเงียบก็พูดขึ้นมา มือหนาเอื้อมไปหยิบตะเกียบพลางเลื่อนถาดใส่อาหารเข้ามาใกล้แล้วเริ่มลงมือทาน สร้างความประหลาดใจให้กับทั้งพ่อและแม่ที่ยืนมองอยู่อย่างงุนงง
“ถ้าไม่รีบกลับมาจะไปตามถึงเกาหลีเลยคอยดู”
“แฮ่ก...แฮ่ก”
เสียงหอบหายใจราวกับคนขาดออกซิเจนทั้งที่อุณหภูมิและเครื่องปรับอากาศภายในห้องยังคงทำงานเป็นปกติ เม็ดเหงื่อซึมชื้นผุดขึ้นบนใบหน้าและตามไรผมของเด็กหนุ่มตัวเล็กใต้ร่าง แผ่นอกขาวที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตเต็มไปด้วยร่องรอยขบกัดจากฝีมือคนบนร่าง แม้จะแอบเสียดายผิวขาวๆนั่นหน่อยๆแต่เขาก็อยากทำเพื่อย้ำให้คนตัวเล็กรู้ถึงสถานภาพของตัวเองในเวลานี้ว่าตนไม่ใช่คนที่สามารถจะต่อกรกับเขาได้
“บอกแผนการของเฟยหรงมา ฉันอาจจะยอมพิจารณาบทลงโทษสำหรับตัวประกันให้ใหม่” ริมฝีปากอุ่นพรมจูบไปตามลาดไหล่เนียน ผิวกายของชเวยองแจนุ่มนิ่มอีกทั้งยังหอมหวานชวนให้กอดจูบได้ทั้งวัน แจ็คสันไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองเผลอเชยชิมผิวขาวๆนี้ไปกี่รอบแล้วรู้เพียงแต่ว่าผิวเนียนนุ่มนี้ช่างดึงดูดจนยากที่จะหยุดการกระทำ
“หึ คนสกุลหวังนี่มีดีแค่ใช้กำลังบังคับทางกามารมณ์เหรอ สมองคงเต็มไปด้วยเรื่องพรรค์นี้สินะ” ยองแจแค่นยิ้มอย่างนึกดูถูก ร่างสันทัดยกยิ้มบางราวกับไม่รู้สึกสะทกสะท้านใดๆในถ้อยคำเหยียดหยามของคนตรงหน้า
“มนุษย์มีความใคร่อยากเป็นทุนเดิม พละกำลังจึงผลักดันให้ความปรารถนาเป็นจริงผิดกับสมองที่จะปิดการรับรู้ทุกสิ่ง ไร้การต่อต้านและปลดปล่อยร่างกายให้เป็นไปตามอารมณ์ปรารถนา”
มือหนาเลื่อนลงต่ำพลางสอดผ่านเข้าไปในกางเกงของคนตัวเล็กใต้ร่าง กอบกุมทุกสัดส่วนผ่านเนื้อผ้าบางเบาจนร่างเล็กหอบหายใจ ริมฝีปากอิ่มแดงเม้มเข้าหากันเพื่อสะกดกลั้นไม่ให้เสียงครางหลุดเล็ดลอดออกไปนั่นทำให้หวังแจ็คสันยิ่งรู้สึกสนุกและออกแรงลูบไล้สิ่งอุ่นที่อยู่ภายใต้อุ้งมือมากขึ้น
“พละกำลังของฉันเป็นสิ่งสนับสนุนอารมณ์ ส่วนสมองของนายเป็นตัวยับยั้ง”
มือหนาเกี่ยวชั้นในตัวบางลงเพื่อปลดปล่อยให้ส่วนนั้นของคนตัวเล็กออกมาสัมผัสกับฝ่ามือโดยตรง
นิ้วยาวจงใจกดลงบนส่วนปลายให้ร่างกายของคนตัวขาวแสดงปฏิกิริยาตอบรับ มือเล็กเอื้อมมาปิดปากตัวเองเอาไว้ก่อนฝ่ามือน้อยทั้งสองข้างจะถูกรวบขึ้นไว้เหนือหัวด้วยมือเพียงข้างเดียวของคนตัวโต
“ทำให้ฉันเห็นสิชเวยองแจ ว่าไอคิวร้อยเจ็ดสิบของนายสามารถเอาชนะอารมณ์ได้” รอยยิ้มบางเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่บนมุมปากหยักก่อนริมฝีปากอุ่นจัดนั้นจะทาบทับลงบนเรียวปากเล็ก บดเบียดสัมผัสรุนแรงอย่างเอาแต่ใจ ปลดปล่อยมือเล็กทั้งสองข้างให้เป็นอิสระแล้วใช้ฝ่ามือนั้นเชยคางเล็กเพื่อสอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้าไปได้อย่างถนัดถนี่ คนตัวเล็กที่พยายามดิ้นและเบี่ยงหน้าหนีจูบในตอนแรกมีท่าทีอ่อนลง มือเล็กที่ทุบตีร่างหนาก็ทำได้เพียงแค่กำเสื้อเชิ้ตของคนตัวโตเอาไว้หลวมๆเท่านั้น
นัยน์ตาคู่สวยดื้อดึงค่อยๆปิดลง ริมฝีปากอิ่มเผยอออกเล็กน้อยและเอียงศีรษะอย่างรู้งาน ลิ้นเล็กแตะสัมผัสกับลิ้นร้อนของผู้รุกล้ำโดยไม่ตั้งใจและเพราะคงยังไม่เคยกับเรื่องแบบนี้ร่างกายของเขาจึงสะดุ้งน้อยๆเวลาที่แจ็คสันเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นอย่างช่ำชอง
...ในที่สุด...นายก็พ่ายแพ้ให้กับอารมณ์สินะ
แจ็คสันละริมฝีปากออกเพื่อให้คนตัวเล็กใต้ร่างได้พักหายใจ มือหนาลูบไล้ไปตามผิวเนียนก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของยองแจเม็ดที่เหลือออกจนหมด นัยน์ตาคมสบเข้ากับนัยน์ตาหวานที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการ แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอร่างหนาตรงหน้าก่อนออกแรงโน้มลงมาประกบริมฝีปาก
แจ็คสันหลับตาลงยอมรับจูบนุ่มนวลของชเวยองแจอย่างไม่มีเงื่อนไข มือเรียวยื่นมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตให้เขาในขณะที่ริมฝีปากยังคงประกบแลกสัมผัสวาบหวามต่อกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ร่างเล็กใต้ร่างเป็นฝ่ายพลิกตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนโดยมีฝ่ามือหนาคอยลูบไล้ผิวกายขาวนุ่มอย่างหลงใหล
ริมฝีปากเล็กผละออกก่อนจูบซับคราบน้ำหวานที่มุมปากให้คนตัวโต
ก่อนเรียวปากสวยจะมอบรอยยิ้มน่ารักที่สดใสเหมือนดวงตะวันให้แก่คนใต้ร่าง
กริ๊ก...
“คุณเก่งที่ศึกษาข้อมูลของผมมาดี ถ้างั้นคงรู้สินะ ว่าการทดสอบยิงปืนครั้งล่าสุดของผม”
“...”
“ผลคือร้อยคะแนนเต็ม”
แต่หวังแจ็คสันคงลืมไปว่า ดวงตะวันไม่ได้ให้แค่ความสดใสแก่โลกเท่านั้น
หากแต่ความร้อนของมัน สามารถแผดเผาทุกสิ่งบนโลกให้มอดไหม้เป็นจุลได้เช่นกัน
100 %
TBC : โลกร้อนทำให้คนหืดหาด -.,- //ไม่ใช่ละ 555555555555
เป็นไปตามพล็อตจริงๆนะ จบไปหนึ่งตอนแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ไหนเล่าซิ #ฟิคร้อยตะวัน
Tip เพื่อการติ่ง : ยูกิโยมุ คือ ยูคยอม (ชื่อญี่ปุ่นของน้องนะคะ)
ความคิดเห็น