คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เด็กดี ?
ตอนที่ ๑ เด็กดี ?
“ ทำบุญทำทานกับเด็กพิการหน่อยครับ ช่วยผมหน่อยครับ ”
เสียงของเด็กชายวัยประมาณ 6-7 ขวบ ดังขึ้นมาปนกับเสียงรถราที่สัญจรไปมาอยู่เต็มถนน เบื้องหน้าของเขานอกจากจะมีขันพลาสติกสีหม่นที่มีเศษเหรียญบรรจุอยู่ไม่ มากวางอยู่แล้ว ยังมีผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมาดูวุ่นวายไปหมด บางคนพอเห็นเด็กชายหน้าตามอมแมม แต่งตัวดูสกปรก อีกทั้งมีแขนแค่ข้างเดียวก็อดสงสารไม่ได้ ต้องควักเศษเหรียญออกมา วางลงขันสีหม่นใบนั้น
“ สู้ๆนะหนูชีวิตยังอีกยาวไกล ”
“ ครับผม ขอบคุณมากครับ ขอให้เจริญๆนะครับพี่ ”
“ ผมไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว ช่วยผมหน่อยครับ...”
.
.
.
นี่ ก็เย็นมากแล้ว ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มแดง เป็นสัญญาณว่าวันนี้ใกล้จบลงไปอีกวัน ผู้คนที่เดินอยู่อย่างหนาแน่นในตอนกลางวันตอนนี้ก็เบาบางลงจนแทบไม่เหลือ แล้ว เด็กขอทานเหลียวมองรอบข้างทั้งซ้ายขวา เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขาแล้ว ก็เอาแขนข้างซ้ายซึ่งซ่อนอยู่ใต้เสื้อขาดๆ ของเขาหลังจากที่ซ่อนมันมาแล้วทั้งวัน
“ วันนี้ได้มาเยอะปกตินะเนี่ย… จิ๊กไปซื้อขนมหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง ”
ปากว่ามือขยับ แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจให้หัวขโมยน้อย
“ เขื่อน! แกคิดจะทำอะไร! ”
ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่หยาบกร้านมาคว้าแขนของเจ้าตัวเล็ก ไว้ พร้อมทั้งกระชากตัวของเขาขึ้นรถตู้คันใหญ่ไป โดยที่ไม่ทันให้ใครสังเกตเห็นแม้แต่คนเดียว… รถคันนั้นรีบเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เบียดซ้าย แซงขวา ราวกับว่าถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวชีวิตจะหาไม่
“ เมื่อกี้มึงคิดจะทำอะไร?! จะขโมยเงินกูเหรอ ไอ้เด็กเวร!! ”
เสียงดุตวาดดังท่วมรถ อย่างว่าคนอย่างหัวหน้าแก๊งมิจฉาชีพที่มีค่าหัวหลักล้านคนนี้น่ะหรือจะยอมโดนเด็กตัวกะเปี๊ยกโกงเงิน ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นคนหาเงินก็ตาม
“ ครั้งนี้กูจะทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ เพราะถือว่าแกเป็นเด็กดีมาตลอด ”
เสียงดุเริ่มลดระดับเสียงลง พูดพร้อมชี้นิ้วสั่งเด็กชายผู้เป็นเด็กดี
“ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก มึงตาย! ”
ทิ้งท้ายด้วยคำขู่แสนน่ากลัว แล้วเดินลงจากรถทันทีที่รถเคลื่อนตัวมาถึงที่หมาย
เด็กดี...งั้นเหรอ?
ผมว่าเด็กหลายคนต้องดีใจกับคำชมนี้ใช่มั้ยครับ ผมก็ด้วยนะ ผมเคยดีใจกับคำชมนี้ เมื่อตอนที่แม่ผมชม แม่ผมมักบอกว่า ‘น้องเขื่อนเป็นเด็กดีมากเลยลูก’ ทุกครั้งที่ผมทำความดี อย่างการช่วยแม่ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ เวลาแม่ชมผมแม่ก็จะลูบหัวผมเบาๆแล้วก็ส่งยิ้มให้กับผม ‘ รอยยิ้มของแม่ ’ เป็น สิ่งที่ผมคิดถึงมากที่สุดหลังจากโดนลักพาตัวมาอยู่กับแก๊งสารเลวแบบนี้ ผมทำมาหมดแล้วครับ ส่งยาบ้า แกล้งเป็นคนพิการแล้วขอทาน กระชากกระเป๋า สารพัดอย่างที่คนชั่วๆ เขาทำกันน่ะครับ เพราะฉะนั้น ผมไม่รู้สึกปลาบปลื้มดีใจเลยสักนิดเวลาที่ไอ้หัวหน้าแก๊งมันชมผม สมเพชตัวเองซะด้วยซ้ำ ความจริงผมจะไม่ทำก็ได้ นะครับ ถ้ามันไม่มีข้อเสนอที่ว่า ถ้าผมทำงานให้มันจนมันพอใจแล้ว มันจะส่งผมกลับไปหาแม่ นี่ก็ 8 เดือนปาเข้าไปแล้ว ผมว่ามันควรถึงเวลาที่ผมจะต้องได้กลับบ้านได้แล้วนะครับ…
---------------------------------------------------------
ผมเดินเข้าไปในห้องใหญ่ห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องของไอ้หัวหน้าครับ ภายในถูกตกแต่งด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ผมว่ามันไม่เข้ากันเลยสักนิด รสนิยมห่วยสุดๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ ประเด็นคือผมมีเรื่อลองพูดกับเจ้าของห้องนี้ดู ในห้องตอนนี้นอกจากจะมีผมกับมันแล้ว ก็ยังมีลูกน้องคนสนิทยืนอยู่ด้วยกันอีก 3-4 คน
“ หัวหน้าครับ ”
ผมเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างสุภาพแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ วันนี้เรียกกูซะเพราะเชียว มีอะไรวะ? ”
เขาเอ่ยถามผม ในมือก็ถือหนังสือพิมพ์อ่านเช็คข่าวคราวของก็แก๊ง
“ เมื่อไร จะอนุญาตให้ผมได้กลับบ้านซะทีครับ ”
เอ่ยด้วยความหวาดกลัว ทั้งกลัวคนตรงหน้าและคำตอบที่จะได้รับกลับมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถาม และคำตอบที่ได้รับทุกครั้งจากการถามก็ทำร้ายจิตใจไม่ใช่น้อย
“ นี่ก็ 8 เดือนแล้วสินะ ที่แกมาทำงานให้ฉัน แกคงคิดถึงแม่... ”
เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม พูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่คำต่อไปที่ตามมาอาจจะเป็น ‘เรื่องของมึง’ อย่างนี้ก็ได้
“ งั้นแกทำงานให้ฉัน งานนี้เป็นงานสุดท้าย ถ้าสำเร็จแล้วฉันจะส่งแกกลับบ้าน ”
เห็นมั้ยครับ เหมือนเดิม... ผมเดาผิดที่ไหนล่ะ เฮ้อ...
ฮะ! เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ งานสุดท้ายเหรอครับ? แล้วผมจะได้กลับบ้านไปหาแม่
“ จริงเหรอครับ ”
ผมถามอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าหูผมไม่ได้เพี้ยน
“ เออ จริงสิวะ แต่งานนี้ต้องสำเร็จก่อนนะ ”
“ งานที่ว่านี่คืองานอะไร? ”
“ ไม่ใช่งานยากอย่างที่เคยทำมาหรอก สบายใจเถอะ ”
พูดเสร็จก็หยิบเม็ดเล็กๆกลมๆ ที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีขาวธรรมดาให้
“ เอานี่ไปให้เด็กที่อยู่ห้องทางซ้ายนี่กินซะ ”
“ มันคืออะไร ”
ผมถามพลางจับวัตถุที่ว่าพลิกซ้ายพลิกขวาดู
“ อย่าถามให้มากความ บอกให้เอาไปให้ก็เอาไปสิวะ แค่นี้ทำได้มั้ย!! ”
“ ดะ..ได้ครับ ”
หลังจากโดนตะคอกใส่เสียงดัง ผมก็ไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปห้องข้างๆทันที เพื่อปฏิบัติภารกิจสุดท้ายนี้ให้เสร็จสิ้นเสียที
“ หัวหน้าครับ ที่ให้ไอ้เขื่อนเอาไปคือ... ”
ลูกน้องที่ยืนเงียบเป็นพื้นหลังอยู่นานเพิ่งจะเอ่ยปากขึ้นมา
“ ยาที่กินแล้วติด ก็แค่นั้น ”
ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงเรียบ
“ ท่านหมายถึงยาบ้าใช่มั้ยครับ ”
ลูกน้องอีกคนเอ่ยถามบ้าง
“ เออสิวะ โตป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่ายาบ้ากินแล้วมันติด ”
หัวหน้าตวาดเจ้าของคำถามเสียงดัง คงไม่กล้าถามคำถามโง่ๆอีกนาน
“ แล้วท่านจะเอาให้มันกินทำไมครับ ”
คำถามที่ดูฉลาดขึ้นถูกเอ่ยออกมาจากลูกน้องอีกคนที่อยู่มุมห้อง
“ ก็ให้มันติดไง จะได้ควบคุมตัวง่ายๆหน่อย มันจะได้หนีไปไหนไม่ได้ตราบใดที่มันยังต้องการยาจากเรา ”
“ อีกอย่างนะ คิดยังไงกับหัวข้อข่าวที่ว่า ลูกชายสุดรักสุดหวงของนักธุรกิจพันล้านติดยาตั้งแต่ 7 ขวบวะ ”
พูดจบก็หัวเราะอย่างสะใจ
“ แล้วพ่อมันก็ต้องจ่ายเงินเพื่อปกปิดข่าว เราจะเรียกร้องเท่าไรยังไงมันก็ต้องยอมจ่ายแน่ ”
ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่ชื่นชมความคิดเลวๆของคนเป็นหัวหน้า
.
.
.
“ เลว! ”
พยางค์เดียวที่ออกมาจาผมที่แอบฟังอยู่หน้าประตู แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ทำงานนี้ให้มันหรอกนะครับ ผมขอให้เด็กคนนั้นเข้าใจและให้อภัยผมด้วย ผมทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมเห็นแก่ตัว ผมรู้ ผมขอโทษ... แล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องที่มีเด็กผู้โชคร้ายอยู่
---------------------------------------------------------
“ แล้วเรื่องของแม่ไอ้เขื่อนมันล่ะครับ ”
“ ไม่ต้องห่วง พอไอ้เขื่อนมันทำงานนี้เสร็จ กูก็จะส่งมันไปอยู่กับแม่ของมัน... ”
“ บนสวรรค์ ”
ความคิดเห็น