ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (แฟนฟิค) -- ‘ {เขื่อนโมะ . อาจเคยเป็นคนไม่ดี

    ลำดับตอนที่ #1 : เด็กดี ?

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 55


    ตอนที่ ๑ เด็กดี ?

    ทำบุญทำทานกับเด็กพิการหน่อยครับ ช่วยผมหน่อยครับ ”

    เสียงของเด็กชายวัยประมาณ 6-7 ขวบ ดังขึ้นมาปนกับเสียงรถราที่สัญจรไปมาอยู่เต็มถนน เบื้องหน้าของเขานอกจากจะมีขันพลาสติกสีหม่นที่มีเศษเหรียญบรรจุอยู่ไม่ มากวางอยู่แล้ว ยังมีผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมาดูวุ่นวายไปหมด บางคนพอเห็นเด็กชายหน้าตามอมแมม แต่งตัวดูสกปรก อีกทั้งมีแขนแค่ข้างเดียวก็อดสงสารไม่ได้ ต้องควักเศษเหรียญออกมา วางลงขันสีหม่นใบนั้น

    สู้ๆนะหนูชีวิตยังอีกยาวไกล ” 

    ครับผม ขอบคุณมากครับ ขอให้เจริญๆนะครับพี่

    ผมไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว ช่วยผมหน่อยครับ...

    .
    .
    .

    นี่ ก็เย็นมากแล้ว ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้มแดง เป็นสัญญาณว่าวันนี้ใกล้จบลงไปอีกวัน ผู้คนที่เดินอยู่อย่างหนาแน่นในตอนกลางวันตอนนี้ก็เบาบางลงจนแทบไม่เหลือ แล้ว เด็กขอทานเหลียวมองรอบข้างทั้งซ้ายขวา เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขาแล้ว ก็เอาแขนข้างซ้ายซึ่งซ่อนอยู่ใต้เสื้อขาดๆ ของเขาหลังจากที่ซ่อนมันมาแล้วทั้งวัน

    วันนี้ได้มาเยอะปกตินะเนี่ยจิ๊กไปซื้อขนมหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง ”  

    ปากว่ามือขยับ แต่เหมือนฟ้าไม่เป็นใจให้หัวขโมยน้อย

    เขื่อน! แกคิดจะทำอะไร!                          

    ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่หยาบกร้านมาคว้าแขนของเจ้าตัวเล็ก ไว้ พร้อมทั้งกระชากตัวของเขาขึ้นรถตู้คันใหญ่ไป โดยที่ไม่ทันให้ใครสังเกตเห็นแม้แต่คนเดียวรถคันนั้นรีบเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เบียดซ้าย แซงขวา ราวกับว่าถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวชีวิตจะหาไม่

    เมื่อกี้มึงคิดจะทำอะไร?! จะขโมยเงินกูเหรอ ไอ้เด็กเวร!!             

    เสียงดุตวาดดังท่วมรถ อย่างว่าคนอย่างหัวหน้าแก๊งมิจฉาชีพที่มีค่าหัวหลักล้านคนนี้น่ะหรือจะยอมโดนเด็กตัวกะเปี๊ยกโกงเงิน ถึงแม้ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นคนหาเงินก็ตาม

    ครั้งนี้กูจะทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ เพราะถือว่าแกเป็นเด็กดีมาตลอด            

    เสียงดุเริ่มลดระดับเสียงลง พูดพร้อมชี้นิ้วสั่งเด็กชายผู้เป็นเด็กดี

    แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีก มึงตาย!   

    ทิ้งท้ายด้วยคำขู่แสนน่ากลัว แล้วเดินลงจากรถทันทีที่รถเคลื่อนตัวมาถึงที่หมาย

    เด็กดี...งั้นเหรอ?           

    ผมว่าเด็กหลายคนต้องดีใจกับคำชมนี้ใช่มั้ยครับ ผมก็ด้วยนะ ผมเคยดีใจกับคำชมนี้ เมื่อตอนที่แม่ผมชม แม่ผมมักบอกว่า น้องเขื่อนเป็นเด็กดีมากเลยลูกทุกครั้งที่ผมทำความดี อย่างการช่วยแม่ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ เวลาแม่ชมผมแม่ก็จะลูบหัวผมเบาๆแล้วก็ส่งยิ้มให้กับผม รอยยิ้มของแม่เป็น สิ่งที่ผมคิดถึงมากที่สุดหลังจากโดนลักพาตัวมาอยู่กับแก๊งสารเลวแบบนี้ ผมทำมาหมดแล้วครับ ส่งยาบ้า แกล้งเป็นคนพิการแล้วขอทาน กระชากกระเป๋า สารพัดอย่างที่คนชั่วๆ เขาทำกันน่ะครับ เพราะฉะนั้น ผมไม่รู้สึกปลาบปลื้มดีใจเลยสักนิดเวลาที่ไอ้หัวหน้าแก๊งมันชมผม สมเพชตัวเองซะด้วยซ้ำ ความจริงผมจะไม่ทำก็ได้ นะครับ ถ้ามันไม่มีข้อเสนอที่ว่า ถ้าผมทำงานให้มันจนมันพอใจแล้ว มันจะส่งผมกลับไปหาแม่ นี่ก็ 8 เดือนปาเข้าไปแล้ว ผมว่ามันควรถึงเวลาที่ผมจะต้องได้กลับบ้านได้แล้วนะครับ

    ---------------------------------------------------------

    ผมเดินเข้าไปในห้องใหญ่ห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องของไอ้หัวหน้าครับ ภายในถูกตกแต่งด้วยอะไรหลายๆอย่างที่ผมว่ามันไม่เข้ากันเลยสักนิด รสนิยมห่วยสุดๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอกครับ ประเด็นคือผมมีเรื่อลองพูดกับเจ้าของห้องนี้ดู ในห้องตอนนี้นอกจากจะมีผมกับมันแล้ว ก็ยังมีลูกน้องคนสนิทยืนอยู่ด้วยกันอีก 3-4 คน

     หัวหน้าครับ  

    ผมเอ่ยเรียกชื่อเขาอย่างสุภาพแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    วันนี้เรียกกูซะเพราะเชียว มีอะไรวะ? ”           

    เขาเอ่ยถามผม ในมือก็ถือหนังสือพิมพ์อ่านเช็คข่าวคราวของก็แก๊ง

    เมื่อไร จะอนุญาตให้ผมได้กลับบ้านซะทีครับ ”          

    เอ่ยด้วยความหวาดกลัว ทั้งกลัวคนตรงหน้าและคำตอบที่จะได้รับกลับมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถาม และคำตอบที่ได้รับทุกครั้งจากการถามก็ทำร้ายจิตใจไม่ใช่น้อย

    นี่ก็ 8 เดือนแล้วสินะ ที่แกมาทำงานให้ฉัน แกคงคิดถึงแม่... ”       

    เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดกับผม พูดด้วยน้ำเสียงเห็นใจ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่คำต่อไปที่ตามมาอาจจะเป็น เรื่องของมึงอย่างนี้ก็ได้

    งั้นแกทำงานให้ฉัน งานนี้เป็นงานสุดท้าย ถ้าสำเร็จแล้วฉันจะส่งแกกลับบ้าน ”           

    เห็นมั้ยครับ เหมือนเดิม... ผมเดาผิดที่ไหนล่ะ เฮ้อ...

    ฮะ! เมื่อกี้ว่าอะไรนะครับ งานสุดท้ายเหรอครับ? แล้วผมจะได้กลับบ้านไปหาแม่

    จริงเหรอครับ

    ผมถามอีกครั้งเพื่อยืนยันว่าหูผมไม่ได้เพี้ยน   

    เออ จริงสิวะ แต่งานนี้ต้องสำเร็จก่อนนะ

    งานที่ว่านี่คืองานอะไร? ”

    ไม่ใช่งานยากอย่างที่เคยทำมาหรอก สบายใจเถอะ

    พูดเสร็จก็หยิบเม็ดเล็กๆกลมๆ ที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีขาวธรรมดาให้

    เอานี่ไปให้เด็กที่อยู่ห้องทางซ้ายนี่กินซะ

    มันคืออะไร

    ผมถามพลางจับวัตถุที่ว่าพลิกซ้ายพลิกขวาดู

    อย่าถามให้มากความ บอกให้เอาไปให้ก็เอาไปสิวะ แค่นี้ทำได้มั้ย!!

     “ ดะ..ได้ครับ

    หลังจากโดนตะคอกใส่เสียงดัง ผมก็ไม่รอช้ารีบวิ่งออกไปห้องข้างๆทันที เพื่อปฏิบัติภารกิจสุดท้ายนี้ให้เสร็จสิ้นเสียที

    หัวหน้าครับ ที่ให้ไอ้เขื่อนเอาไปคือ... ” 

    ลูกน้องที่ยืนเงียบเป็นพื้นหลังอยู่นานเพิ่งจะเอ่ยปากขึ้นมา

    ยาที่กินแล้วติด ก็แค่นั้น

    ผู้เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงเรียบ

    ท่านหมายถึงยาบ้าใช่มั้ยครับ

    ลูกน้องอีกคนเอ่ยถามบ้าง

    เออสิวะ โตป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอว่ายาบ้ากินแล้วมันติด

    หัวหน้าตวาดเจ้าของคำถามเสียงดัง คงไม่กล้าถามคำถามโง่ๆอีกนาน

    แล้วท่านจะเอาให้มันกินทำไมครับ

    คำถามที่ดูฉลาดขึ้นถูกเอ่ยออกมาจากลูกน้องอีกคนที่อยู่มุมห้อง

    ก็ให้มันติดไง จะได้ควบคุมตัวง่ายๆหน่อย มันจะได้หนีไปไหนไม่ได้ตราบใดที่มันยังต้องการยาจากเรา

    อีกอย่างนะ คิดยังไงกับหัวข้อข่าวที่ว่า ลูกชายสุดรักสุดหวงของนักธุรกิจพันล้านติดยาตั้งแต่ 7 ขวบวะ

    พูดจบก็หัวเราะอย่างสะใจ

    แล้วพ่อมันก็ต้องจ่ายเงินเพื่อปกปิดข่าว เราจะเรียกร้องเท่าไรยังไงมันก็ต้องยอมจ่ายแน่

    ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะที่ชื่นชมความคิดเลวๆของคนเป็นหัวหน้า

    .
    .
    .

    เลว!

    พยางค์เดียวที่ออกมาจาผมที่แอบฟังอยู่หน้าประตู แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่ทำงานนี้ให้มันหรอกนะครับ ผมขอให้เด็กคนนั้นเข้าใจและให้อภัยผมด้วย ผมทนอยู่ที่นี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ ผมเห็นแก่ตัว ผมรู้ ผมขอโทษ...  แล้วผมก็เดินเข้าไปในห้องที่มีเด็กผู้โชคร้ายอยู่

    ---------------------------------------------------------

    แล้วเรื่องของแม่ไอ้เขื่อนมันล่ะครับ ” 

    ไม่ต้องห่วง พอไอ้เขื่อนมันทำงานนี้เสร็จ กูก็จะส่งมันไปอยู่กับแม่ของมัน...

     

     

    บนสวรรค์

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×