Fic snsd : รบกวนมารักกัน2...[Yuri]
The End --100%--
ผู้เข้าชมรวม
4,136
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เสียงจากกีตาร์ตัวสวยดังขึ้นภายใต้บรรยากาศร่มรื่น ร่างเล็กนั่งเพียงลำพังร้องเพลงเสียงเบาคลอกับเสียงเพราะจากกีตาร์ตัวโปรด หารู้ไม่ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน...
ร่างบางที่นั่งอยู่ห่างๆ แกล้งทำเป็นอ่านหนังสือทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วคอยเหลือบมองร่างเล็กด้วยรอยยิ้ม...
‘พี่เขา...น่ารักจัง...’
ร่างบางนั่งยิ้มเขินลำพังขณะที่สายตาก็(แอบ)มองร่างเล็กไม่วางตา...
แทบทุกวันที่ ฮวัง ทิฟฟานี่ จะมานั่งที่โต๊ะด้านข้างตึกห้องสมุดในเวลาเย็น...เวลาที่ร่างเล็กจะมานั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงคนเดียว...
ไม่รู้ว่าใช้ชีวิตแบบนี้มานานเท่าไหร่ อยากจะรวบรวมความกล้าเข้าไปทำความรู้จักแต่ก็ไม่เคยกล้าพอเลยซักครั้ง ได้แต่นั่งแอบมองอยู่ห่างๆ...
ทิฟฟานี่วิ่งด้วยความรีบร้อนผลักประตูร้านกาแฟเล็กๆ กวาดสายตามองหาคนที่นัดกันไว้ไม่นานก็พบร่างบางนั่งอยู่มุมในสุด รีบวิ่งเข้าไปกุมมือก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอโทษทันที
“สิก้า ฟานี่ขอโทษที่มาช้า สิก้าอย่าโวยวายใส่ฟานี่เลยนะ”
จากที่ทั้งร้านเคยมีเสียงพูดคุยเบาๆ บัดนี้ทั้งร้านตกอยู่ภายในความเงียบ ทุกสายตาหันมาจดจ้องทิฟฟานี่ที่พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดเสียงดังไปจนคนหันมามองกันหมด ทำตัวไม่ถูกยื่นก้มหน้านิ่งยิ่งกว่าเดิม
“ฟานี่ จะเสียงดังทำไมเนี่ย นั่งลงสิ สิก้าอายเขา”
จอง เจสสิก้า เอ่ยตำหนิทิฟฟานี่ หันไปมองคนรอบข้างแล้วก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ ทิฟฟานี่ที่โดนเจสสิก้าตำหนิรีบก้มหน้าก้มตานั่งเงียบๆ ทันที
“จะนั่งอายอีกนานไหม” เจสสิก้าท้าวคางถอนหายใจเอ่ยถามทิฟฟานี่ที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเช่นเดิม ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงเรื่อ...
“ขอโทษ”
“โอ๊ย! นี่เธอจะขอโทษทำไมเนี่ย ก็เพราะไอ้ท่าทางขี้อายแบบนี้ไงล่ะเธอถึงไม่กล้าเข้าไปสารภาพรักกับแทยอนซักที!” เจสสิก้าเอ่ยด้วยความหงุดหงิด ส่วนทิฟฟานี่ ยิ่งพอได้ยินชื่อของ คิม แทยอน หน้าที่แดงแล้วก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเก่า...
“กะ...ก็...ฟานี่ไม่กล้า...”
“แล้วเมื่อไหร่จะกล้า”
“...”
“ฟานี่...กล้าๆ หน่อย มัวแต่แอบมองเขาแบบนี้มันจะมีอะไรคืบหน้า กล้าเข้าไปคุยทำความรู้จักก็ไม่เสียหายหรอก ดูสิก้าสิ เข้าไปสารภาพรักกับพี่ยูลถึงพี่เขาจะปฏิเสธแต่สิก้าก็ตามตื้อ จนตอนนี้สิก้าก็สมหวังแล้ว เหลือก็แต่ฟานี่เนี่ยแหละ ที่สิก้าเรียกฟานี่มาวันนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้เนี่ยแหละ”
เจสสิก้ากุมมือทิฟฟานี่ที่เม้มปากลังเลว่าควรจะทำยังไงต่อไป...
“สิก้า...จะเป็นอะไรไหมถ้าฟานี่จะรบกวนสิก้าหน่อย...”
“...”
“ช่วยให้ฟานี่กล้าเข้าไปสารภาพกับพี่แทหน่อยสิ”
1 อาทิตย์ต่อมา...
ปริ้นๆ!
เสียงบีบแตรดังขึ้นไล่รถคันหน้าที่จอดนิ่งสนิท คนบีบแตรรถออกอาการหงุดหงิดหัวเสียทุบพวงมาลัยเสียงดัง แม้จะบีบแตรไปเสียหลายทีแต่รถหรูคันหน้าก็ยังคงจอดนิ่งสนิทเช่นเดิม...
“ฟานี่! ลงไปจากรถซักทีสิ! รถคันหลังบีบแตรไล่แล้ว!” เจสสิก้าหันมาโวยวายใส่ทิฟฟานี่ที่ทำท่าลังเลว่าจะลงหรือไม่ลงดี...
ก็สภาพตอนนี้...คนขี้อายแบบนี้...มันจะกล้าเดินลงจากรถไหมล่ะ!!
“ฟานี่ลงพร้อมสิก้าไม่ได้หรอ...”
“นี่! ที่ฉันให้เธอลงตรงนี้ก็เพราะจะให้เธอเลิกอายซักที ฉันต้องเอารถไปจอดอีกนะ รีบๆ ลงไปซักที คันหลังไม่ขับเสยตูดก็บุญเท่าไหร่แล้ว จอดนิ่งมาจะห้านาทีแล้วเนี่ย!”
“ขะ...ขอโทษ”
“โว้ย! ให้เวลาอีกห้าวินาที ทันทีที่เธอก้าวลงไป ทุกอย่างจะต้องเพอร์เฟค!”
“...”
“ห้า”
“...”
“สี่”
“...”
“สาม”
“...”
“สอง”
“...”
“หนึ่ง”
ผลั๊วะ!
ประตูรถคันหรูถูกเปิดออกอย่างแรง คนรอบๆ บริเวณต่างจับจ้องมาที่รถด้วยความสงสัยตั้งแต่เสียงบีบแตรที่ดังไปทั่วบริเวณ แต่ทันทีที่ปรากฏให้เห็นร่างบางที่ก้าวลงมาจากรถ ความสงสัยถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสนใจ...
เรียวขาสวยที่โผล่พ้นกระโปรงสั้นเหนือเข่าก้าวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสื้อตัวเล็กรัดจนเห็นสัดส่วนน่ามอง ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มอ่อนๆ ทุกท่าทางดูสง่างามจนทุกสายตาจับจ้องมองแต่ร่างบาง...
“เฮ้ย! ใครวะ ทำไมเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กใหม่หรอวะ”
“เออ นั่นดิ ใครวะ ขอนึกหน้าก่อน คุ้นๆ อยู่”
“เร็วๆ ดิวะ”
“อืม...เฮ้ย! นึกออกแล้ว! ทิฟฟานี่ๆ”
“เฮ้ย! จริงดิ! ทำไมเปลี่ยนไปขนาดนี้วะ! คุ้นๆ ว่าเมื่อก่อนนี่กระโปรงคลุมเข่า เสื้อตัวใหญ่ หน้าจืดๆ อ่ะนะ”
“เมื่อก่อนก็เมื่อก่อน ตอนนี้น่ารักว่ะ...”
เสียงพูดคุยจอแจเริ่มดังขึ้น มองแล้วมองอีกอย่างไม่เชื่อสายตาว่าทิฟฟานี่จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้...
เป้าสายตาพยายามเดินให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ทั้งๆ ที่ กำมือแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ เม้มริมฝีปากแน่น นึกถึงคำพูดของเจสสิก้า...
‘อย่างแรกที่ฟานี่ควรจะรู้ไว้...พอฟานี่เปลี่ยนตัวเอง เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกจับจ้อง ตกเป็นเป้าสายตาและเสียงนินทา ดังนั้น สิ่งที่ควรจะฝึกและทำใจยอมรับคือ... ทำเป็นไม่สนใจ ไม่รู้ ไม่เห็น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนสวยจะถูกมอง ท่องไว้แค่ว่า...ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง’
‘...ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง...’ ทิฟฟานี่ท่องอย่างที่เจสสิก้าเคยสอนในใจ สูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด
‘โอ๊ะ! แล้วถ้ากลัวว่าคนรอบข้างจะบอกว่าเราหยิ่ง หันไปส่งยิ้มให้หน่อยก็ไม่เสียหาย’
ทิฟฟานี่หันไปส่งรอยยิ้มตาปิดให้กับกลุ่มนักเรียนชายแปลกหน้าแล้วรีบเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที
“นี่พึ่งจะเริ่มเองฟานี่...” เจสสิก้าที่ยืนหลบมุมแอบมองพูดขึ้นมาเบาๆ รู้สึกเห็นใจทิฟฟานี่อย่างบอกไม่ถูก...
“ฟานี่~ รอด้วยสิ อย่าพึ่งไป”
เสียงเรียกรั้งจากด้านหลังไม่ได้ส่งผลให้เจ้าของชื่อทำตามแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับก้าวเร็วขึ้นจนกึ่งเดินกึ่งวิ่ง นึกหงุดหงิดในใจ
พยายามกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ วันทั้งวันยังไม่ได้เจอคนที่ต้องการก็เพราะต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ กับพวกที่ตามตื้อไม่เลิก แล้วที่ยอมลงทุนเปลี่ยนตัวเองแบบนี้ก็เพื่อมาคอยหลบคนพวกนี้หรือไงเนี่ย!?
กวาดสายตาได้ไม่นานแล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างเล็กที่กำลังสะพายกระเป๋ากีตาร์ขึ้นกับไหล่ กำลังจะเดินออกจากโรงเรียน เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ในเมื่อโอกาสงามๆ รออยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว ทิฟฟานี่รีบวิ่งเข้าไปหาร่างเล็กทันที
“ขอโทษนะคะ ช่วยฟานี่หน่อยนะคะ”
เอ่ยขอโทษเสียงเบาพอได้ยินกันสองคนจบ ร่างเล็กยังไม่ทันทำความเข้าใจอะไรก็ต้องตกใจกับการกระทำของทิฟฟานี่ที่ถือวิสาสะควงแขนทำตัวสนิทสนมราวกับรู้จักกันเป็นอย่างดี...
เสียงฝีเท้าด้านหลังที่วิ่งตามมาชะลอเบาลงจนกลายเป็นเพียงเสียงเดินเป็นจังหวะ เสียงซุบซิบแว่วๆ ดังขึ้นแต่เพราะระยะที่ห่างพอสมควรทำให้ทิฟฟานี่ไม่สามารถจับใจความอะไรได้
แทยอนได้แต่เดินตามทิฟฟานี่อย่างงงๆ ทำหน้าตาเหรอหราเดินไปเรื่อยๆ แอบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาเมื่อสังเกตดีๆ ผู้หญิงที่เดินเข้ามาควงแขนน่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่...
“เอ่อ...คือ...ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่านี่มันอะไรกัน” ในที่สุดแทยอนก็ต้องเอ่ยออกมาเมื่อทนสงสัยต่อไปไม่ไหว ยกมือข้างที่ว่างขึ้นเกาท้ายทอย คิ้วขมวดเป็นปม
“คือ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่รบกวน พอดีมีพวกโรคจิตเดินตามฟานี่อยู่น่ะค่ะ จะเป็นการรบกวนไหมถ้าฟานี่อยากให้คุณ...เอ่อ...”
“คิม แทยอน”
“จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าฟานี่อยากจะรบกวนพี่แทให้ช่วยฟานี่หน่อย ถ้าฟานี่เดินคนเดียวฟานี่กลัววะคนพวกนั้นจะมาทำมิดีมิร้ายฟานี่...” ทิฟฟานี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสายตาเว้าวอนจนแทยอนใจอ่อนยวบ พยักหน้าตอบตกลงที่จะช่วยคนแปลกหน้า...
“รบกวนด้วยนะคะ...พี่แท...”
“จะไปไหนดีคะพี่แท”
ทิฟฟานี่หันไปเอ่ยถามแทยอนที่เดินอยู่ด้านข้างหลังจากเดินออกมาจากโรงเรียนได้ซักพักแต่กลุ่มผู้ชายด้านหลังก็ยังเดินตามมาห่างๆ ไม่รู้จะขอบคุณหรือกลัวดี ถึงจะทำให้ได้อยู่กับแทยอนแต่มันก็อดกลัวเสียไม่ได้... ไม่รู้ว่าเจสสิก้าทนใช้ชีวิตแบบนี้ได้ยังไง....
“วันนี้พี่รู้สึกเหนื่อยๆ อยากไปนอนพักที่บ้าน ฟานี่โทรให้คนที่บ้านมารับไม่ได้หรอ”
“ฟานี่อยู่คนเดียวค่ะ...”
“แล้วจะเอายังไงกับพวกข้างหลังดีเนี่ย...หรือจะให้พี่ไปส่งที่บ้าน”
“รบกวนพี่แทไปรึเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่บ้านฟานี่อยู่ไหนล่ะ พาพี่ไปสิ”
.
.
.
“เข้าไปนั่งพักก่อนไหมคะพี่แท...ดูพี่หน้าซีดๆ”
ทิฟฟานี่หันไปเอ่ยถามแทยอนหลังจากไขประตูบ้านเสร็จ พอเห็นสีหน้าของแทยอนก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“รบกวนด้วยนะ”
“นี่น้ำค่ะพี่แท”
ทิฟฟานี่ยื่นแก้วน้ำให้แทยอนที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขก แทยอนสอดส่ายสายตาไปมาตามภาษาคนที่ได้มาแปลกที่แปลกทาง ยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วก็วางลงบนโต๊ะตรงหน้า
“งั้นพี่กลับก่อนนะ อยากกลับไปนอนพักที่บ้าน”
“ไหวนะคะ”
แทยอนพยักหน้าแทนคำตอบ ยันตัวลุกขึ้นยืนแต่แล้วก็เซล้มไป...
“พี่แท!”
เสียงหวานหูที่ดังขึ้นด้วยความตกใจของทิฟฟานี่เป็นเสียงสุดท้ายที่แทยอนได้ยินก่อนที่จะหมดสติไป...
“อืม...”
ร่างเล็กที่นอนนิ่งบนโซฟาครางในลำคอเบาๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ รู้สึกหัวหนักอึ้งเหมือนเป็นไข้ พยายามยันตัวขึ้นลุกนั่ง ส่งผลให้ผ้าขนหนูผืนน้อยชื้นๆ ที่วางบนหน้าผากหล่นลงมา แทยอนก้มลงเก็บขึ้นมาวางบนโต๊ะ กวาดสายตามองหาเจ้าของบ้าน อาการปวดหัวที่รุมเร้าทำให้แทยอนต้องยกมือขึ้นกุมขมับแม้มันจะไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้นก็ตาม...
“รู้สึกตัวแล้วหรอคะพี่แท”
ร่างบางเดินออกมาจากภายในครัว ในมือมีชามข้าวต้มหอมกรุ่นมีควันร้อนลอยอยู่เหนือถ้วย ทิฟฟานี่ยกมาวางบนโต๊ะแล้วนั่งลงด้านข้างแทยอน
“พี่แทไข้สูงมากเลย ดีว่าฟานี่เช็ดตัวให้บ้างแล้วไข้เลยลดลงบ้าง ยังไงพี่แทก็ทานข้าวต้มก่อนแล้วก็ทานยาตามนะคะ”
ทิฟฟานี่เอ่ยจบก็ยกชามมาไว้ในมือตักขึ้นป้อนแทยอน ไม่นานนักข้าวต้มที่เคยมีอยู่เต็มชามก็หมดลง ทิฟฟานี่ส่งยาให้แทยอนพร้อมกับแก้วน้ำ เมื่อแทยอนกินเสร็จแล้วฟานี่ก็เอ่ยถามแทยอน
“พี่แทจะกลับบ้านไหวหรอคะ ค้าง...”
ตรู๊ด~!
“แป๊บนะฟานี่”
ยังไม่ทันทีทิฟฟานี่จะเอ่ยจบประโยค โทรศัพท์ของแทยอนก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา แทยอนเอ่ยบอกทิฟฟานี่เสร็จก็รีบหยิบขึ้นมากดรับทันที
“ว่าไงคะแม่”
(แท วันนี้แม่ไม่ได้กลับบ้านนะลูก ต้องอยู่เคลียร์งานที่บริษัท ว่าจะค้างที่นี่ซะเลย อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม)
“ได้ค่ะ”
(ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก แค่นี้นะ แม่ขอตัวไปรีบเคลียร์งานก่อน)
“ค่ะ”
วางสายเสร็จทิฟฟานี่ก็มองแทยอนด้วยความอยากรู้อยากเห็น รีบเอ่ยถามออกไปทันที
“มีอะไรหรอคะพี่แท”
“แม่พี่โทรมาบอกว่าคืนนี้จะค้างที่บริษัทน่ะ”
“หรอคะ...แล้วแบบนี้ใครจะดูแลพี่แทล่ะคะ พี่ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่ดูแลตัวเองได้ พี่ขอตัวกลับก่อนนะ”
แทยอนลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะเดินไปถึงประตูก็ต้องชะงักเมื่อทิฟฟานี่เล่นวิ่งมาขวางประตูไว้แถมกดล็อคจนแทยอนทำอะไรไม่ถูก เอ่ยถามออกไปด้วยความข้องใจ
“มาขวางพี่ทำไมฟานี่”
“ฟานี่ไม่ยอมให้พี่แทกลับไปแน่ พี่แทต้องค้างบ้านฟานี่!”
เฮ้ย!! อะไรวะเนี่ย!
ได้แต่ยืนงง ไม่เข้าใจกับการกระทำของคนตรงหน้า ดูภายนอกเพียงผิวเผินก็ดูเป็นคนดี น่ารัก แล้วไงเรื่องมาลงเอยแบบนี้ก็ไม่รู้
อาการมึนงงทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นกุมหัวแม้มันจะไม่ได้ช่วยทำให้อาการดีขึ้นก็ตาม ไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวต้องยืนพิงผนังเป็นตัวช่วย
สาวตายิ้มตรงหน้าฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาที่เคยยิ้มอยู่ตลอดเวลาถูกแทนที่ด้วยแววตามุ่งมั่น เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีทีเดียวว่า...
ยังไงวันนี้ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวขาออกจากประตูเป็นแน่!
“ฟานี่ไม่สนใจหรอกนะคะว่าพี่แทจะคิดยังไง มองยังไง รู้สึกยังไง”
“....”
“แต่ฟานี่ไม่มีวันให้พี่แทกลับบ้านไปทั้งๆแบบนี้แน่”
จบคำประกาศกร้าวของสาวตายิ้ม ความอบอุ่นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็แล่นเข้ามาในหัวใจของแทยอน ร่างเล็กระบายยิ้มมุมปากน้อยๆ ถึงจะรู้จักกันได้ไม่ถึงวัน แต่ภายในใจลึกๆ ของเธอรู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าอย่างประหลาด...
แทยอนล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องบางส่งให้ทิฟฟานี่ที่มองการกระทำของแทยอนด้วยความสงสัย เอียงคอ ทำหน้าสงสัยจนแทยอนหลุดขำออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยให้ทิฟฟานี่หายสงสัย
“โทรไปขออนุญาติแม่พี่ให้ด้วยแล้วกัน”
แทยอนเอ่ยจบด้วยรอยยิ้มก็เดินไปล้มตัวนอนบนโซฟาปล่อยให้ทิฟฟานี่ยืมยิ้มกว้างอยู่หน้าประตูเพียงลำพัง
“พี่แท ฟานี่โทรไปบอกแม่พี่แทให้แล้วนะ คุณแม่อนุญาตด้วยแล้วก็ฝากให้ฟานี่ดูแลพี่แท ดังนั้นพี่แทต้องฟังฟานี่นะคะ ต้องกินยาทุกเม็ดที่ฟานี่จัดให้ ต้องกินข้าวให้หมดจาน ห้ามดื้อนะคะ”
หลังจากที่วางสายแม่ของแทยอนแล้ว ทิฟฟานี่ก็พาร่างของตนมายืนอยู่ด้านข้างโซฟาที่แทยอนนอนขดตัวอยู่ ยืนกอดอกร่ายยาวหยั่งกับสวมวิญญาณคุณแม่ แทยอนยันตัวขึ้นนั่งแล้วเกาหัวงงๆ เอ่ยกับตัวเองด้วยความสงสัย
“นี่เราไปเป็นลูกของยัยหมีตายิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
“บ่นอะไรคะพี่แท”
“เปล่าค่ะคุณแม่” แทยอนลากเสียงยานคางล้อเลียนทิฟฟานี่ ร่างบางอมยิ้มขำเล็กน้อยก่อนจะฟาดมือลงบนไหล่ของแทยอนเบาๆ
“ไปนอนพักข้างบนเถอะค่ะพี่แท”
“...”
“รออะไรคะ”
“....”
แม้ทิฟฟานี่จะออกปากให้แทยอนย้ายไปนอนพักข้างบนแต่แทยอนก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมจนทิฟฟานี่ได้แต่ยืนขมวดคิ้วงุนงงเอ่ยถามออกไป แทยอนยังคงปิดปากเงียบเช่นเดิม
ไม่นานนักแทยอนก็ไขข้อข้องใจให้ทิฟฟานี่โดยการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นทำท่าเหมือนเด็กอ้อนให้ผู้ใหญ่อุ้ม ทิฟฟานี่อดยิ้มออกมาไม่ได้กับการกระทำเด็กๆ แต่น่ารักของแทยอน
จากที่เคยเฝ้าดู ก็รู้อยู่แล้วว่าแทยอนน่ารักขนาดไหน ยิ่งได้มาพูดคุย รู้จักกันมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ....
ว่าคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากแทยอน...
“อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอฟานี่”
แทยอนเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่สายตาก็กวาดมองสำรวจภายในห้องนอนสีชมพูหวานของเจ้าของบ้าน ทิฟฟานี่นั่งลงบนเตียงด้านข้างแทยอนที่นอนราบกับเตียงนุ่ม มือเรียวดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวแทยอนที่ยังคงมองไปรอบห้องตามภาษาคนมาแปลกที่แปลกทาง
“เป็นธรรมดาค่ะที่ต้องมีเหงากันบ้าง อยู่คนเดียวมาก็ตั้งนานแล้ว แต่ฟานี่ไม่ยักชินซักที” แทยอนพยักหน้างึกงักเป็นเชิงรับฟังทิฟฟานี่
ทิฟฟานี่นั่งลังเลใจ กัดเม้มริมฝีปากแน่น คำพูดของเจสสิก้าลอยเข้ามาในหัวทิฟฟานี่ให้เจ้าตัวได้ขบคิด...
‘ถ้ามีโอกาสฟานี่ต้องรีบรุกเลยนะ ยิ่งอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็อย่าให้พลาดล่ะ เชื่อสิก้าเถอะว่าต่อให้เป็นแทยอนที่ดูแสนดีไม่มีทางหรอกที่แทยอนจะไม่หวั่นไหวกับการกระทำของทิฟฟานี่’
เอาไงดีฟานี่ๆ จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป...
หรือว่าหน้าด้านอีกหน่อยทำตามที่เจสสิก้าเคยบอก!
ความคิดของทิฟฟานี่ตีกันยุ่งไปหมด แอบเหลือบมองแทยอนที่นอนตาแป๊วไม่รู้เรื่องรู้ราว...
ในที่สุดทิฟฟานี่ก็ได้คำตอบ เอ่ยขอโทษแทยอนภายในใจด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ
“ไม่รู้เมื่อไหร่ฟานี่จะชินกับการอยู่คนเดียวซักที พี่แทรู้ไหมคะ...ว่าฟานี่เหงามากขนาดไหน”
“...”
“จะเป็นไรไหม...ถ้าฟานี่อยากรบกวนพี่แท...”
“...”
“ช่วยทำให้ฟานี่หายเหงาหน่อยสิคะ”
ประโยคสุดท้ายทิฟฟานี่โน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูแทยอนที่นอนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก หัวใจที่เคยเต้นอย่างสม่ำเสมอกลับเต้นรัวจนเจ้าตัวแอบกลัวว่าร่างบางจะได้ยิน พยายามเรียกสติกลับคืนมาแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่าๆ ช่วยยังไงล่ะฟานี่ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าทำยังไงมันถึงจะหายเหงา”
แทยอนพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด เหงื่อแตกเต็มแผ่นหลังจนรู้สึกชื้น แอบเหล่มองทิฟฟานี่ ยิ่งได้เห็นดวงตาหวานเยิ้มก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว...
หวั่นว่าตัวเองจะรอดจากเงื้อมือแม่หมีได้ไหมเนี่ย!
“พี่แทก็ไม่ต้องทำอะไรมากค่ะ”
“....”
“แค่...อย่าขัดขืนฟานี่ก็พอ”
ทันทีที่เอ่ยจบทิฟฟานี่ก็ทาบทับริมฝีปากลงบนตำแหน่งเดียวกัน ส่งลิ้นเรียวเข้าไปในโพรงปากลิ้มรสความหวาน แทยอนนอตัวเกร็งหลับตาปี๋สมองพร่าเบลอจนได้แต่ทำตามคำสั่งของทิฟฟานี่อย่างว่าง่าย
เมื่อลิ้มลองความหวานจากคนตัวเล็กจนพอใจทิฟฟานี่ก็ละริมฝีปากออกมา แทยอนยังคงเกร็งตัว หลับตาแน่นไม่กล้าลืมตาขึ้นมอง ทิฟฟานี่ที่เห็นท่าทางของแทยอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ นึกสนุกอยากแกล้งแทยอนอีกครั้งจึงโน้มหน้าลงไปไกล้ใบหน้าขาวใสที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงเรื่อ
เป่าลมร้อนรดใบหูแดกเถือกของแทยอนต่อด้วยกระซิบเสียงพร่าจนคนฟังได้แต่เม้มปากแน่นด้วยความเขิน
“คิดไม่ถึงเลยว่า...พี่แทจะหวานได้ขนาดนี้...”
เอ่ยจบก็กระตุกยิ้มมุมปากเดินออกจากห้องไป ทันทีที่เสียงปิดประตูดังขึ้นแทยอนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองรอบๆ ห้องเพิ่มความมั่นใจอีกรอบว่าเจ้าของห้องไม่อยู่แล้ว เมื่อมองจนแน่ใจก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากแผ่วเบา หัวใจเต้นถี่แรงจนน่ากลัว นึกหวาดหวั่นในใจ...
“แล้วคืนนี้ฉันจะรอดไหมเนี่ย....”
หลังจากที่นอนไปพักใหญ่แล้วถูกปลุกขึ้นมากินข้าวกินยา ตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าทิฟฟานี่ ร่างเล็กได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาร่างบางตรงๆ พอมองหน้าทิฟฟานี่ทีไรสายตาเจ้ากรรมก็ดันไล่ลงมามองเรียวปากนุ่มทุกที...
“ฟานี่ขออาบน้ำก่อนนะคะพี่แท เสร็จแล้วฟานี่จะออกมาเช็ดตัวให้นะคะ”
แทยอนพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอน ส่วนทิฟฟานี่ก็เดินเข้าห้องน้ำไป แทยอนได้แต่นอนใคร่คิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อดี
ไข้ก็ยังไม่ลดแถมยังปวดหัวหนึบๆ อยู่ อยากจะกลับบ้านใจจะขาดเพราะขืนอยู่ที่นี้จนถึงพรุ่งนี้...
ไม่รู้ว่าคืนนี้จะต้องเจออะไรบ้าง!?
คิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าจะหาทางออกยังไงดี แต่มาลองนึกดีๆ ถ้าเกิดคืนนี้เสร็จยัยหมีสาวนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร?
ในเมื่อทิฟฟานี่ทั้งน่ารัก นิสัยก็ติดจะดีถ้าไม่ติดว่าพึ่งจะขโมยจูบฉันไปก็เถอะ!
แอบสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมโดนทำถึงขนาดนั้นแล้วยังมัวนอนสบายใจในที่ ‘ไม่ปลอดภัย’ โดยไม่กระตือรือร้นที่จะออกไปจากที่นี่
เป็นเพราะความคุ้นเคยแปลกประหลาดที่มีต่อทิฟฟานี่หรือเป็นเพราะความไว้วางใจว่าทิฟฟานี่คงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น
หรือจะเป็นเพราะฉันเองก็อยากลิ้มรสริมฝีปากหวานนั้นอีกครั้งก็ไม่รู้!?
นอนคิดสับสนได้ไม่นานเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น หันไปมองแล้วก็แทบหัวใจวายกับภาพที่เห็น!
สายเดี่ยวรัดรูปสีดำเห็นเนินอกขาวนวลชวนกำเดาไหล กางเกงขาสั้นเผยขาอ่อน...
นี่มันตั้งใจแต่งตัวมายั่วกันชัดๆ เลยนี่หว่า!!!
“เช็ดตัวหน่อยนะคะพี่แท”
ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงด้านข้างแทยอนที่พยายามควบคุมสติ ร่างบางวางอ่างน้ำเล็กๆ ไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆ ด้านข้างเตียง โน้มตัวแต่ละทีก็มีผลแต่แทยอนที่นอนหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ
มือเรียวเช็ดตัวให้แทยอนนุ่มนวล แทยอนพยายามเบนสายตาไปทางอื่นแต่ก็อดเหลือบมองโดยหางตาไม่ได้เมื่อทิฟฟานี่เล่นโน้มตัวลงมาซะจนเห็นเนินอกขาวที่ทำให้ใจเต้น
ใจเย็นไว้แทยอน ใจเย็นไว้ ตั้งสติดีๆ ถ้าไม่อยากเข้าไปนอนในคุกข้อหาพรากผู้เยาว์!
“พี่แทว่า...อากาศมันร้อนๆ ไหมคะ”
ทิฟฟานี่เปรยขึ้นมาหลังจากเช็ดตัวให้แทยอนเสร็จเรียบร้อย ยกมือขึ้นโบกพัดแสดงท่าทีว่าร้อนทั้งๆ ที่อากาศเย็นจนสั่น!
ร้อนบ้านเธอสิยัยหมี! แต่งตัวก็น้อยชิ้น แอร์ฯ ก็เปิดแรงหยั่งกับอยู่ขั้วโลก ฉันยังหนาวจะตายแล้วเนี่ย!
“พี่ว่ามันหนาวออก”
“งั้นให้ฟานี่...”
“....”
“ช่วยทำให้อุ่นขึ้นไหมคะ”
แค่คำพูด น้ำเสียง แววตาก็แทบทำฉันประสาทกินอยู่แล้วววววว! ยังจะโน้มหน้าลงมาใกล้อีก! นี่จะให้ฉันเสียเลือดให้ได้เลยใช่ไหมมมมมมมมมมมมมมม!
“ไม่ดีกว่า”
“เด็กที่ดีต้องไม่ดื้อนะคะ”
เอ่ยจบก็โน้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากแผ่วเบาแต่เนิ่นนาน... เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่แทยอนหลับตาพริ้มยอมให้อีกคนทำตามอำเภอใจ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทิฟฟานี่เคลื่อนใบหน้าไปที่ซอกคอขาวของแทยอนแล้วทาบทับริมฝีปากลงไป เพียงอึดใจเมื่อทิฟฟานี่ถอนริมฝีปากออกมา คอขาวเนียนของแทยอนก็ปรากฏรอยแดง...
“หายหนาวยังคะพี่แท”
แทยอนรีบพยักหน้าหงึกหงัก ขืนยังบอกว่าหนาวต่อไปมีหวังทิฟฟานี่ได้ทำอะไรมากกว่านี้เป็นแน่ ทิฟฟานี่ยิ้มมุมปากล้มตัวลงนอนด้านข้างแทยอน ร่างเล็กเกร็งตัวขึ้นมาทันที ทิฟฟานี่หลุดขำออกมากับท่าทางของแทยอน
“ขอฟานี่กอดพี่แทได้ไหมคะ”
แทยอนพยักหน้าแทนคำตอบ ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างออกมารีบสวมกอดแทยอนทันทีแล้วหลับตาพริ้ม แทยอนมองคนในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกวูบไหวไปมา... นึกสงสัยกับท่าทางสองบุคลิกนั้นด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ารู้สึกดีกับทิฟฟานี่...
‘เธอเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ...ทิฟฟานี่...’ แกะตัวที่ห้าร้อยหนึ่ง... แกตัวที่ห้าร้อยสอง... แกะตัวที่ห้าร้อยสาม... แล้วต้องแกะกี่ตัวเนี่ยถึงจะง่วงแล้วหลับลงซักที! เป็นเวลานานที่แทยอนหัวเสียพยายามข่มตานอนแต่ก็ไม่หลับซักที ทำถึงขนาดนอนนับแกะได้ครึ่งพันแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงแม้แต่น้อย กลับรู้สึกตาสว่างกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ! จะบอกว่าเพราะแปลกที่แปลกทางเลยนอนไม่หลับหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ข้างในลึกๆ มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนภายในใจมันต้องการอะไรบางอย่าง เพราะไม่ได้สิ่งนัน้เลยข่มตาให้หลับไม่ได้ซักที... แล้วสิ่งนั้นที่ว่ามันคืออะไรกัน... ลองเปลี่ยนท่านอนเผื่อจะหลับลง ตะแคงข้างหันไปทางทิฟฟานี่ ลืมตาขึ้นในความมืด แสงสว่างจากภายนอกที่ลอดส่องเข้ามาพอทำให้เห็นอะไรภายในห้องได้ลางๆ ทิฟฟานี่ที่นอนตะแคงข้างหันมาทางเดียวกับแทยอนนอนหลับตารพริ้มอมยิ้มน้อยๆ เหมือนกำลังฝันหวาน แทยอนไล่สายตาสำรวจใบหน้ายามหลับของทิฟฟานี่ ใบหน้าไร้เดียงสาขัดกับการกระทำของเจ้าตัวยามตื่นอดทำให้แทยอนหวาดๆ ไม่ได้ บางครั้งข้างในลึกๆ ก็รู้สึกว่าทิฟฟานี่เป็นคนขี้อาย แต่บางครั้งการกระทำที่อีกฝ่ายทำออกมามันก็ไม่เหมือนคนขี้อายซะอย่างนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดไปเองหรือเปล่า... คนข้างตัวที่เคยนอนนิ่งๆ ขยับตัวน้อยๆ จนแทยอนสะดุ้งตกใจรีบหลับตาแกล้งนอน ทิฟฟานี่ขยับตัวมาใกล้แทยอนมากขึ้นจนใบหน้าห่างแค่เพียงคืบ เมื่อรู้สึกว่าทิฟฟานี่ไม่ได้รู้สึกตัวตื่นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของทิฟฟานี่ทำให้แทยอนหัวใจกระตุกวูบ ความต้องการบางอย่างปรากฏเด่นชัดจนเจ้าตัวระอาใจ ไม่อยากจะยอมรับความจริงที่ว่า... ในเวลานี้...เธออยากจูบคนตรงหน้าเหลือเกิน... เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเริ่มคิดอะไรเกินเลยจึงพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ปิดเปลือกตาตัดปัญหา พยายามไม่นึกถึงเรียวปากนุ่มที่เคยทาบทับลงบนริมฝีปากของตน แต่ยิ่งพยายามไม่คิดถึงมากเท่าไหร่ ภาพเหตุการณ์ที่เคยจูบกันก็ย้อนเข้ามาฉายชัด... พลิกตัวหันหลังให้ทิฟฟานี่จะได้เลิกหมกหมุ่นอยู่กับเรียวปากนุ่ม ขืนยังนอนหันหน้าเข้าใกล้แบบนั้นมีหวังได้เผลอตัวเผลอใจลักหลับอีกคนเป็นแน่! พอตะแคงตัวมาอีกข้างค่อยหายใจหายคอได้สะดวกขึ้นหน่อย พยายามนึกถึงเรื่องอื่นเบนความคิดไม่นึกถึงริมฝีปากหวานของคนด้านหลัง... กำลังจะลืมนึกอยู่แล้วเชียวแต่ทิฟฟานี่ก็ไม่วายขยับตัวมาใกล้สวมกอดจากด้านหลัง แม่เจ้า! ไม่วายยั่วแม้กระทั่งตอนหลับ! อกนุ่มที่บดเบียดแผ่นหลังของแทยอนทำให้เจ้าตัวหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ หายใจหอบถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา ใจเย็นแทยอน ใจเย็น อย่าคิด อย่ารู้สึก... จากที่พยายามข่มตาต้องกลายมาเป็นข่มใจ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะระงับความต้องการภายในใจ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ นึกพุทธโธในใจ ในขณะที่กำลังพยายามไม่คิดเรื่องอย่างว่าแต่แล้วทิฟฟานี่กลับซุกหน้าลงบนซอกคอของแทยอน ลมหายใจร้อนเป่ารดต้นคอแทยอนจนเจ้าตัวขนลุกชัน จากที่เคยพยายามข่มใจกลับตบะแตกโยนความรู้สึกถูกผิดทิ้งไป เหมือนควบคุมสติตัวเองไว้ไม่ได้ กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่ขึ้นมานั่งคร่อมคนหลับ จับพลิกตัวนอนหงายแล้วทาบทับริมฝีปากลงไป ถึงแม้จะพึ่งได้สติรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่ความอยากภายในก็เอาชนะความถูกผิด... ทิฟฟานี่สะดุ้งตกใจลืมตาโพลง นึกว่าโดนผีที่ไหนอำแต่พอเห็นใบหน้าใสที่ตนหลงใหลใกล้ๆ หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้น หลับตาพริ้มตอบรับสัมผัสหวานจากคนด้านบน แทยอนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งลิ้มลองรสหวานจากคนตรงหน้ามากเท่าไหร่ กลับต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ เนิ่นนานที่ลิ้นเรียวทั้งสองหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เหงื่อผุดพรายเต็มแผ่นหลังจนรู้สึกถึงความเปียกชื้น แม้อากาศจะเย็นสบายขนาดไหนก็ตามแต่คงช่วยให้คนร้อน(รัก)เย็นขึ้นไม่ได้ ทุกอย่างดูจะเกินเลยมากขึ้นเมื่อแทยอนละริมฝีปากออกมาเปลี่ยนเป็นทาบทับลงบนซอกคอหอมกรุ่นของทิฟฟานี่ มือไม่อยู่เฉยลูบไล้หน้าท้องแบนราบ อารมณ์ที่ถูกปลุกให้ตื่นตัวจนยากเกินกว่าจะดับได้ ทิฟฟานี่พยายามประคองสติ เอ่ยปรามแทยอนเมื่อทุกอย่างเริ่มเกินเลยไปไกลกว่าที่เคยคิดไว้ ถึงจะเป็นคนจูบแทยอนก่อนถึงสองครั้งแต่ก็อย่างที่รู้กันว่าก่อนหน้านี้ทิฟฟานี่เคยเป็นคนขี้อาย! “พะ...พี่แทคะ”ทิฟฟานี่เปล่งเสียงเรียกแทยอนด้วยความยากลำบาก แทยอนที่ยังง่วนอยู่กับการซุกไซ้ซอกคอหอมของทิฟฟานี่ครางตอบรับในลำคอเบาๆ “อืม...” “พี่แทแน่ใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือเปล่าคะ...” คำพูดของทิฟฟานี่ทำให้แทยอนชะงักหยุดการกระทำล่วงเกินอีกฝ่าย นิ่งคิดถึงสิ่งที่ทิฟฟานี่พูดออกมา “ถ้ามันเป็นแค่ความต้องการเพียงชั่ววูบของพี่แท ฟานี่ว่าพี่ควรจะหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้นะคะ”ทิฟฟานี่เอ่ยเสียงสั่น น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเมื่อคิดว่าหากที่แทยอนทำลงไปเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ทำลงไปเพราะความรัก แค่คิดก็จุกจนหายใจแทบไม่ออก... “ฟานี่ไม่อยากให้พี่แทมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปด้วยความไม่ตั้งใจหรอกนะคะ” เมื่อฟังคำพูดของทิฟฟานี่จบ แทยอนก็ใคร่คิดว่าที่ตัวเองทำลงไปเป็นเพียงเพราะ ‘อารมณ์ชั่ววูบ’ หรือ ‘ความรัก’ กันแน่... ในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดมีน้ำหนักพอจะยืนยันได้ถึงเหตุผลที่แทยอนทำลงไป แทยอนผละหน้าออกมา ย้ายร่างมานอนด้านข้างทิฟฟานี่ เอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว “คือ...พี่ขอโทษ...” พอได้ฟังคำพูดของแทยอน ทิฟฟานี่ก็พอจะเดาออกว่าทุกสิ่งที่แทยอนทำลงไปเมื่อครู่เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น น้ำใสที่เคยเอ่อคลอไหลออกมาจากดวงตาสวย... จะไปหวังอะไรทิฟฟานี่...ที่เขาทำลงไปก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ... แทยอนหันไปเห็นทิฟฟานี่ร้องไห้ก็ตกใจลนลานทำอะไรไม่ถูกรีบเขยิบตัวไปใกล้เอ่ยขอโทษขอโพยทันที ยิ่งเห็นน้ำตาของทิฟฟานี่ความรู้สึกผิดในใจก็ถาโถมจนเจ้าตัวเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก “ฟานี่...คือ...พี่ไม่ได้ตั้งใจ” คำว่า ‘ไม่ได้ตั้งใจ’ ทำให้ทิฟฟานี่สะอื้นไห้กว่าเก่า แทยอนรีบพูดทุกอย่างที่นึกออกในตอนนั้นออกไป “คือ...พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ คือ...เอาเป็นว่าขอเวลาพี่คิดทบทวนตัวเองหน่อยแล้วกัน...ว่าที่พี่ทำลงไปเป็นเพราะอะไรกันแน่...” เอ่ยเสียงนุ่มในขณะที่ใช้นิ้วเรียวปาดน้ำตาให้ทิฟฟานี่ “จะเป็นไรไหมถ้าพี่จะรบกวนฟานี่หน่อย...” “....” “ช่วยทำให้พี่รู้ตัวทีได้ไหมว่าที่พี่ทำลงไปเป็นเพราะอะไรกันแน่...” ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างออกมา พยักหน้าตอบตกลงคำขอของแทยอน โดยไม่ทันตั้งตัวแทยอนก็โดนทิฟฟานี่ครอบครองริมฝีปาก แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คนทั้งาสองหัวใจเต้นรัวใบหน้าขึ้นสีเรื่อได้... “ฟานี่อยากให้พี่แทรู้ว่า...ทั้งหมดที่หานี่ทำลงไป...เป็นเพราะฟานี่รักพี่แทนะคะ” เอ่ยเสียงเบาหวิวจบก็รีบพลิกตัววหันหน้าไปอีกทาง ส่วนแทยอนก็ยังอึ้งๆ กับคำสารภาพรักของทิฟฟานี่ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าใส ขยับตัวไปใกล้แล้วสวมกอดทิฟฟานี่จากด้านหลัง กระซิบเสียงแผ่วเบาที่ใบหูแดงเรื่อของทิฟฟานี่ “ฝันดีนะคะ” ทิฟฟานี่นอนยิ้มหวานก่อนจะผล็อยหลับไป ส่วนแทยอนที่กำลังเคลิ้มๆ จะหลับนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองสามารถข่มตานอนได้ซักที... ไม่รู้เป็นเพราะความอ่อนเพลียทำให้หลับง่ายขึ้นหรือเพราะได้ในสิ่งที่ลึกๆ ภายในใจต้องการเลยนอนหลับกันแน่... ภายในห้องนอนของทิฟฟานี่ เจ้าของห้องที่รู้สึกตัวตื่นแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ทันทีที่เดินออกมาจากห้องน้ำเป็นจังหวะพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของทิฟฟานี่ดังขึ้น เจ้าตัวรีบวิ่งไปหยิบมากดรับทันทีเพราะกลัวว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องจะไปปลุกแทยอนที่ยังคงนอนหลับบนเตียง กดรับสายยังไม่ทันเอ่ยทักทายปลายสายก็พูดสวนถามข่าวคราวขึ้นมาทันที (ฟานี่! เป็นยังไงบ้าง!) “ก็ดี...มั้ง” (รู้ไหมว่าเธอบังเอิญโชคดีขนาดไหนเนี่ยถึงขนาดทำให้แทยอนนอนค้างบ้านเธอได้ แล้วตอนนี้แทยอนอยู่ไหนล่ะ) “พี่แทนอนอยู่” (แล้วได้ทำตามที่ฉันเคยสอนไว้หรือเปล่า) “เอ่อ...ก็...ทำบ้าง...แต่สิก้า....ฟานี่เขินอ่ะ!” หน้าใสเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ชวนเขิน หัวใจเต้นถี่ขึ้นมา (เลิกเขินได้แล้วยัยบ้า! แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เธอจะสมหวังห๊ะ!) “สิก้าก็รู้...ว่าฟานี่ขี้อาย...” ทิฟฟานี่พูดเสียงเบาหวิวก้มหน้าเขินๆ (เลิกบ่นได้แล้ว ฉันโทรมาถามแค่นี้แหละเดี่ยวต้องออกไปข้างนอกกับพี่ยูล แค่นี้แหละ) พอปลายสายเอ่ยตัดบทจบทิฟฟานี่ก็กดวางสายแล้วนั่งถอนหายใจ หันไปมองแทยอนที่ยังคงหลับอยู่ก่อนจะเดินออกจากห้องไป... หารู้ไม่ว่า...แทยอนแอบฟังเธอคุยโทรศัพท์อยู่! ปกตินิสัยของแทยอนไม่ใช่คนไร้มารยาทแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ถ้ามันไม่ติดว่าในบทสนทนานั้นมีชื่อเธออยู่ด้วย เจ้าตัวที่พึ่งรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในตอนแรกเลยแกล้งนอนนิ่งแอบฟังบทสนทนา รอให้ทิฟฟานี่เดินออกจากห้องไปก็ลุกขึ้นมานั่งขบคิดด้วยความสงสัย ‘สิก้าก็รู้...ว่าฟานี่ขี้อาย...’ คำพูดนี้ยังคงดังก้องในหัวของแทยอน ความสงสัยที่มีมากขึ้นจนอยากรู้ทำให้แทยอนคิดแผนการบางอย่างขึ้นมา... หลังจากที่ท้องอิ่มแล้วแทยอนและทิฟฟานี่ก็นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้านล่าง แทยอนทำตัวสนิทสนมมากขึ้นจนทิฟฟานี่อดแปลกใจไม่ได้หันไปเอ่ยถามแทยอนที่นั่งจอยู่ด้านข้าง “พี่แทไม่กลับบ้านหรอคะ” “ฟานี่ไล่พี่หรอ” “เปล่าค่ะๆ ฟานี่แค่สงสัย” แทยอนมองทิฟฟานี่ที่นั่งขมวดคิ้วแล้วก็นึกถึงแผนการที่ตัวเองคิดไว้ขึ้นมาได้ เผยยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ทิฟฟานี่หน้านั่งหน้าแดงขึ้นมา “พี่ยังไม่อยากกลับ...อยากอยู่กับฟานี่นานๆ” แทยอนมองท่าทางเขินของทิฟฟานี่ก็เผลอยิ้มออกมา นึกสนุกทั้งอยากแกล้งทั้งอยากพิสูจน์ว่าทิฟฟานี่ขี้อายจริงอย่างที่ได้ยินมาหรือเปล่า แทยอนเชยคางทิฟฟานี่ที่ก้มหน้าหงุดขึ้นมาแล้วเคลื่อนหน้าไปใกล้กว่าปกติ “เขินหรอคะ” ทิฟฟานี่ที่ยิ่งโดนจับไต๋ได้หน้าแดงขึ้นกว่าเดิม พยายามเลื่อนหน้าหนีแทยอนที่เข้ามาใกล้แต่ก็ไม่วายติดกับมากกว่าเก่าเมื่อด้านหลังคือพนักพิง “หน้าแดงใหญ่เลย ติดไข้พี่ไปหรือเปล่า” แทยอนยังไม่วายหยอกทิฟฟานี่ เคลื่อนหน้าไปใกล้เอาหน้าผากทาบวัดอุณหภูมิ เนิ่นนานที่ใบหน้าของทั้งสองใกล้กัน ทิฟฟานี่ทนไม่ไหวรีบดันแทยอนออกละล่ำละลักเอ่ยบอกแทยอน “ฟานี่ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” แทยอนปล่อยหัวเราะเสียงดังออกมาจนทิฟฟานี่นึกสงสัย หันไปจ้องแทยอนเขม่นเอ่ยถามเสียงเข้ม “พี่แทขำอะไรคะ” “ฮ่าๆ” แทยอนยังคงหัวเราะไม่หยุด ทิฟฟานี่หันหน้าหนีกอดอกอย่างเคืองๆ กว่าแทยอนจะหยุดหัวเราะได้เวลาก็ผ่านไปพอสมควร แทยอนห้ามตัวเองให้หยุดหัวเราะแล้วพูดขึ้นมา “ฟานี่อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้...ว่าฟานี่เป็นคนขี้อายขนาดไหน” ทิฟฟานี่นั่งนิ่งตัวเกร็ง ตกใจที่แทยอนจับได้ หัวกำลังประมวลข้อโต้แย้ง กำลังจะหันไปเถียงแทยอนแต่อีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน “แต่พี่ชอบนะ คนขี้อายน่ารักออก” แทยอนเอ่ยจบก็เดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้ทิฟฟานี่นั่งหน้าแดงหัวใจเต้นเร็วเพียงลำพัง... ‘แต่พี่ชอบนะ คนขี้อายน่ารักออก’ คำๆ นี้ยังคงดังก้องในหัวของทิฟฟานี่ เจ้าตัวยิ้มกว้างกับตัวเอง ‘พี่แทชอบคนขี้อาย...แล้วแบบนี้จะหมายความว่าชอบเราเหมือนกันหรือเปล่านะ...’ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปมาเท่าไหร่ที่ทิฟฟานี่มัวแต่นั่งครุ่นคิดสงสัยกับคำพูดที่แทยอนพูดทิ้งไว้ก่อนจะเดินหนีไป ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่เพราะกลัวจะผิดหวัง แต่เสียงหัวใจที่เต้นแรงก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตนเองนั้นคิดไปเกินเลยกับคำพูดของใครบางคนซะแล้ว... เพล้ง! เสียงอะไรบางอย่างตกลงแตกทำให้ทิฟฟานี่สะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ มองขึ้นไปด้านบน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีคนที่ตัวเองรักมากที่สุดอยู่ด้านบน ไวกว่าความคิด ขาวิ่งเร็วๆ ขึ้นไปด้านบนด้วยความร้อนใจ ผลักประตูห้องของตัวเองเข้าไปก่อนจะตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นแทยอนนอนหายใจหอบอยู่กับพื้น ด้านข้างมีเศษแก้วที่ตกลงมาแตกกระจายอยู่โชคดีที่มันห่างพอที่จะไม่บาดโดนร่างเล็ก ไม่รอช้ารีบถลาตัวเข้าไปใกล้เอ่ยถามเสียงลนลานด้วยความเป็นห่วง “พะ...พี่แท! พี่แทเป็นอะไร พี่แทคะ!” “ฟะ...ฟานี่...แฮ่กๆ...” เสียงหอบหายใจแทยอนดังจนทิฟฟานี่เริ่มใจเสีย อยู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาที่ดวงตาเมื่อเห็นท่าทางของคนร่างเล็กตรงหน้า “พี่แทเป็นอะไรไปคะ” “ฟานี่...แฮ่กๆ...สงสัย...แฮ่กๆ....โรคหอบของพี่คงจะกำเริบ...แฮ่กๆ” “ยาอยู่ไหนคะพี่แท ยาล่ะ!” ทิฟฟานี่ถามพร้อมกวาดสายตามองไปรอบห้องแต่ก็โดนแทยอนใช้มือเกี่ยวคอโน้มหน้าทิฟฟานี่ลงมาใกล้ “พี่...พี่หายใจ...ไม่ออก..” แทยอนเอ่ยเสียงแหบพร่า ท่าทางอึดอัดทรมานของแทยอนทำให้น้ำใสที่เคยเอ่อคลอไหลออกมาจากดวงตาสวย ทิฟฟานี่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นท่าทางหายใจรวยรินเจียนจะขาดใจของแทยอนน้ำตามากมายก็พากันไหลออกมาไม่หยุด หายใจไม่ออก...แล้วฉันควรจะทำยังไงดี... คิดร้อนรนในใจได้ไม่นานทิฟฟานี่ก็นึกออกก่อนจะโน้มหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากต่อลมหายใจให้คนตัวเล็ก แม้จะไม่มั่นใจเท่าไหร่ก็ตามว่ามันจะได้ผลหรือไม่... อึดใจต่อมาทิฟฟานี่ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อแทยอนที่เคยมีทีท่าทรมานกลับพลิกตัวขึ้นมาคร่อมเธอแทน ส่งลิ้นเรียวเข้ามาทักทายภายในโพรงปากของทิฟฟานี่ ร่างบางตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแทยอนจนสมองพร่าเบลอไปหมดได้แต่ปล่อยให้อีกคนทำตามอำเภอใจ... แต่ถึงแม้ทิฟฟานี่จะมีสติ ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจซักเท่าไหร่ว่าจะกล้าปฏิเสธคนที่ตนเองรักมากได้... เมื่อลิ้มรสหวานจากอีกคนจนพอใจแทยอนก็ละริมฝีปากออกมาเปลี่ยนเป็นทาบทับมันลงบนต้นคอขาวเนียนแทนก่อนจะสร้างรอยรักเอาไว้หลายแห่ง มือไม่อยู่สุขเริ่มล้วงเข้าไปด้านในสาบเสื้อของทิฟฟานี่ ทิฟฟานี่สะดุ้งเมื่อแทยอนล้วงมือเข้ามาภายในสาบเสื้อของเธอ รีบผลักคนด้านบนออกอย่างแรง ยันตัวลุกขึ้นทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะกล้าทำ... เพี๊ยะ! เธอตบแทยอนเต็มแรง... ตบเขาแต่ทำไมกลับรู้สึกเจ็บเสียเอง... แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่น้ำใสมากมายที่พากันรินไหลออกมาจากดวงตาสวยก้ทำให้แทยอนตกใจไม่น้อย ทิฟฟานี่เอ่ยเสียงสั่น ดวงตาแดงก่ำจดจ้องแทยอนด้วยความเศร้า “พี่แทต้องการอะไรกันแน่...ต้องการจะเล่นตลกอะไรกันแน่...” “...” “พอใจหรือยังที่ได้เล่นตลกกับหัวใจคนอื่น...สนุกมากมั้ยที่ได้ทำให้คนคนนึงหวั่นไหว...” ทิฟฟานี่เอ่ยเสียงสั่น ขบเม้มริมฝีปากแน่นไม่อยากสะอื้นแสดงความอ่อนแอให้อีกคน พอกันที... ทนหลอกตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้ว... จะให้ทนหลอกตัวเองต่อไปแล้วยอมเธอทุกอย่าง ฉันจะไม่ดูไร้ค่าเกินไปหรือไร... ไม่คิดเลยว่าคนที่ตัวเองแอบหลงรักมานาน...จะเป็นคนแบบนี้ ผิดหวัง...ผิดหวังเหลือเกิน... “ใครว่าพี่เล่น” แทยอนเอ่ยเสียงหนักแน่นขึ้นมา แววตาจริงจังจดจ้องทิฟฟานี่ ต้องการสื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเธอจริงใจและจริงจังกับทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาตอนนี้... “ทำไมเธอยังไม่รู้อีกนะฟานี่...” แทยอนเอ่ยเสียงหม่น ก้มหน้านิ่งรวบรวมความกล้าสูดหายใจลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาทิฟฟานี่ “พี่พูดไปถึงขนาดนั้นแล้ว...ยังไม่รู้อีกหรอ” “พี่แทต้องการจะบอกอะไรฟานี่กันแน่...” “ ‘แต่พี่ชอบนะ คนขี้อายน่ารักออก’ ประโยคนี้มันไม่ได้บอกกับฟานี่หรอว่าพี่ชอบฟานี่...เด็กโง่!” แทยอนหลับหูหลับตาเอ่ยเสียงดังแล้วก้มหน้าเพื่อปกปิดใบหน้าแดงจัด ทิฟฟานี่นั่งนิ่งค้างไป คำพูดของแทยอนดังก้องในหัวซ้ำไปซ้ำมา ทิฟฟานี่โถมตัวสวมกอดแทยอนแน่น ซุกหน้าลงกับไหล่ของคนตัวเล็กปล่อยสะอื้นเต็มที่ แทยอนเผยยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบหัวคนขี้แงเบาๆ เอ่ยเสียงนุ่ม “จะร้องไห้ทำไมคะคนดี” “ฮึกๆ ฟานี่ดีใจ...ดีใจมากๆ เลย” แทยอนยกยิ้มกว้าง กระชับอ้อมกอดแน่น หัวใจเปี่ยมสุข ส่วนทิฟฟานี่...ทั้งๆ ที่ร้องไห้แต่กลับยิ้มกว้าง หัวใจเต้นแรง แทบไม่เชื่อว่านี่คือความจริง ไม่กล้าแม้แต่จะหยิกแขนตัวเอง เพราะหากมันคือความฝัน เธอก็กลัวที่จะต้องรีบตื่นขึ้นมารับรู้ความจริง ขอนอนฝันหวานอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนมาปลุกจะดีกว่า แต่ถ้านี่คือความจริง...เธอก็มีความสุขจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง... ...The End... กว่าจะจบได้- -* แถมตอนจบก็หลายอารมณ์จนปวดกระบาล แต่งออกมาได้กากเกรียนมาก 5555+ ไม่มีไรจะบ่นและ ขอบคุณรีดเดอร์ที่ติดตามอ่ารนจนจบค่ะT/\T
ผลงานอื่นๆ ของ Peanut ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Peanut
ความคิดเห็น