Fic snsd : รบกวนมารักกัน2...[Yuri] - Fic snsd : รบกวนมารักกัน2...[Yuri] นิยาย Fic snsd : รบกวนมารักกัน2...[Yuri] : Dek-D.com - Writer

    Fic snsd : รบกวนมารักกัน2...[Yuri]

    The End --100%--

    ผู้เข้าชมรวม

    4,136

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    4.13K

    ความคิดเห็น


    88

    คนติดตาม


    9
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ต.ค. 54 / 23:25 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น



     

     

    ฮวัง ทิฟฟานี่

    ทำไมฉันต้องเกิดมาขี้อายด้วยนะ...


     

    คิม แทยอน


    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       



      เสียงจากกีตาร์ตัวสวยดังขึ้นภายใต้บรรยากาศร่มรื่น ร่างเล็กนั่งเพียงลำพังร้องเพลงเสียงเบาคลอกับเสียงเพราะจากกีตาร์ตัวโปรด หารู้ไม่ว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคน...

      ร่างบางที่นั่งอยู่ห่างๆ แกล้งทำเป็นอ่านหนังสือทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วคอยเหลือบมองร่างเล็กด้วยรอยยิ้ม...

      พี่เขา...น่ารักจัง...

      ร่างบางนั่งยิ้มเขินลำพังขณะที่สายตาก็(แอบ)มองร่างเล็กไม่วางตา...

      แทบทุกวันที่ ฮวัง ทิฟฟานี่ จะมานั่งที่โต๊ะด้านข้างตึกห้องสมุดในเวลาเย็น...เวลาที่ร่างเล็กจะมานั่งดีดกีตาร์ร้องเพลงคนเดียว...

      ไม่รู้ว่าใช้ชีวิตแบบนี้มานานเท่าไหร่ อยากจะรวบรวมความกล้าเข้าไปทำความรู้จักแต่ก็ไม่เคยกล้าพอเลยซักครั้ง ได้แต่นั่งแอบมองอยู่ห่างๆ...

       

       

      ทิฟฟานี่วิ่งด้วยความรีบร้อนผลักประตูร้านกาแฟเล็กๆ  กวาดสายตามองหาคนที่นัดกันไว้ไม่นานก็พบร่างบางนั่งอยู่มุมในสุด รีบวิ่งเข้าไปกุมมือก้มหน้าก้มตาเอ่ยขอโทษทันที

      สิก้า ฟานี่ขอโทษที่มาช้า สิก้าอย่าโวยวายใส่ฟานี่เลยนะ

      จากที่ทั้งร้านเคยมีเสียงพูดคุยเบาๆ บัดนี้ทั้งร้านตกอยู่ภายในความเงียบ ทุกสายตาหันมาจดจ้องทิฟฟานี่ที่พึ่งรู้ตัวว่าตัวเองพูดเสียงดังไปจนคนหันมามองกันหมด ทำตัวไม่ถูกยื่นก้มหน้านิ่งยิ่งกว่าเดิม

      ฟานี่ จะเสียงดังทำไมเนี่ย นั่งลงสิ สิก้าอายเขา

      จอง เจสสิก้า เอ่ยตำหนิทิฟฟานี่ หันไปมองคนรอบข้างแล้วก้มหัวเป็นเชิงขอโทษ ทิฟฟานี่ที่โดนเจสสิก้าตำหนิรีบก้มหน้าก้มตานั่งเงียบๆ ทันที

      จะนั่งอายอีกนานไหม เจสสิก้าท้าวคางถอนหายใจเอ่ยถามทิฟฟานี่ที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเช่นเดิม ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่าใบหน้าขาวใสขึ้นสีแดงเรื่อ...

      ขอโทษ

      โอ๊ย! นี่เธอจะขอโทษทำไมเนี่ย ก็เพราะไอ้ท่าทางขี้อายแบบนี้ไงล่ะเธอถึงไม่กล้าเข้าไปสารภาพรักกับแทยอนซักที!” เจสสิก้าเอ่ยด้วยความหงุดหงิด ส่วนทิฟฟานี่ ยิ่งพอได้ยินชื่อของ คิม แทยอน หน้าที่แดงแล้วก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเก่า...

      กะ...ก็...ฟานี่ไม่กล้า...

      แล้วเมื่อไหร่จะกล้า

      ...

      ฟานี่...กล้าๆ หน่อย มัวแต่แอบมองเขาแบบนี้มันจะมีอะไรคืบหน้า กล้าเข้าไปคุยทำความรู้จักก็ไม่เสียหายหรอก ดูสิก้าสิ เข้าไปสารภาพรักกับพี่ยูลถึงพี่เขาจะปฏิเสธแต่สิก้าก็ตามตื้อ จนตอนนี้สิก้าก็สมหวังแล้ว เหลือก็แต่ฟานี่เนี่ยแหละ ที่สิก้าเรียกฟานี่มาวันนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องนี้เนี่ยแหละ

      เจสสิก้ากุมมือทิฟฟานี่ที่เม้มปากลังเลว่าควรจะทำยังไงต่อไป...

      สิก้า...จะเป็นอะไรไหมถ้าฟานี่จะรบกวนสิก้าหน่อย...

      ...

      ช่วยให้ฟานี่กล้าเข้าไปสารภาพกับพี่แทหน่อยสิ

       

       

      1 อาทิตย์ต่อมา...

      ปริ้นๆ!

      เสียงบีบแตรดังขึ้นไล่รถคันหน้าที่จอดนิ่งสนิท คนบีบแตรรถออกอาการหงุดหงิดหัวเสียทุบพวงมาลัยเสียงดัง แม้จะบีบแตรไปเสียหลายทีแต่รถหรูคันหน้าก็ยังคงจอดนิ่งสนิทเช่นเดิม...

      ฟานี่! ลงไปจากรถซักทีสิ! รถคันหลังบีบแตรไล่แล้ว!” เจสสิก้าหันมาโวยวายใส่ทิฟฟานี่ที่ทำท่าลังเลว่าจะลงหรือไม่ลงดี...

       

      ก็สภาพตอนนี้...คนขี้อายแบบนี้...มันจะกล้าเดินลงจากรถไหมล่ะ!!

       

      ฟานี่ลงพร้อมสิก้าไม่ได้หรอ...

      นี่! ที่ฉันให้เธอลงตรงนี้ก็เพราะจะให้เธอเลิกอายซักที ฉันต้องเอารถไปจอดอีกนะ รีบๆ ลงไปซักที คันหลังไม่ขับเสยตูดก็บุญเท่าไหร่แล้ว จอดนิ่งมาจะห้านาทีแล้วเนี่ย!”

      ขะ...ขอโทษ

      โว้ย! ให้เวลาอีกห้าวินาที ทันทีที่เธอก้าวลงไป ทุกอย่างจะต้องเพอร์เฟค!”

      ...

      ห้า

      ...

      สี่

      ...

      สาม

      ...

      สอง

      ...

      หนึ่ง

      ผลั๊วะ!

      ประตูรถคันหรูถูกเปิดออกอย่างแรง คนรอบๆ บริเวณต่างจับจ้องมาที่รถด้วยความสงสัยตั้งแต่เสียงบีบแตรที่ดังไปทั่วบริเวณ แต่ทันทีที่ปรากฏให้เห็นร่างบางที่ก้าวลงมาจากรถ ความสงสัยถูกแปรเปลี่ยนเป็นความสนใจ...

      เรียวขาสวยที่โผล่พ้นกระโปรงสั้นเหนือเข่าก้าวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสื้อตัวเล็กรัดจนเห็นสัดส่วนน่ามอง ใบหน้าสวยถูกแต่งแต้มอ่อนๆ ทุกท่าทางดูสง่างามจนทุกสายตาจับจ้องมองแต่ร่างบาง...

      เฮ้ย! ใครวะ ทำไมเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กใหม่หรอวะ

      เออ นั่นดิ ใครวะ ขอนึกหน้าก่อน คุ้นๆ อยู่

      เร็วๆ ดิวะ

      อืม...เฮ้ย! นึกออกแล้ว! ทิฟฟานี่ๆ

      เฮ้ย! จริงดิ! ทำไมเปลี่ยนไปขนาดนี้วะ! คุ้นๆ ว่าเมื่อก่อนนี่กระโปรงคลุมเข่า เสื้อตัวใหญ่ หน้าจืดๆ อ่ะนะ

      เมื่อก่อนก็เมื่อก่อน ตอนนี้น่ารักว่ะ...

      เสียงพูดคุยจอแจเริ่มดังขึ้น มองแล้วมองอีกอย่างไม่เชื่อสายตาว่าทิฟฟานี่จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้...

      เป้าสายตาพยายามเดินให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ทั้งๆ ที่ กำมือแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ เม้มริมฝีปากแน่น นึกถึงคำพูดของเจสสิก้า...

       

      อย่างแรกที่ฟานี่ควรจะรู้ไว้...พอฟานี่เปลี่ยนตัวเอง เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกจับจ้อง ตกเป็นเป้าสายตาและเสียงนินทา ดังนั้น สิ่งที่ควรจะฝึกและทำใจยอมรับคือ... ทำเป็นไม่สนใจ ไม่รู้ ไม่เห็น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่คนสวยจะถูกมอง ท่องไว้แค่ว่า...ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง

       

      ...ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง ฉันสวยเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีคนมอง... ทิฟฟานี่ท่องอย่างที่เจสสิก้าเคยสอนในใจ สูดหายใจเข้าลึกเต็มปอด

       

      โอ๊ะ! แล้วถ้ากลัวว่าคนรอบข้างจะบอกว่าเราหยิ่ง หันไปส่งยิ้มให้หน่อยก็ไม่เสียหาย

       

      ทิฟฟานี่หันไปส่งรอยยิ้มตาปิดให้กับกลุ่มนักเรียนชายแปลกหน้าแล้วรีบเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที

       

      นี่พึ่งจะเริ่มเองฟานี่... เจสสิก้าที่ยืนหลบมุมแอบมองพูดขึ้นมาเบาๆ รู้สึกเห็นใจทิฟฟานี่อย่างบอกไม่ถูก...

       

       

      ฟานี่~ รอด้วยสิ อย่าพึ่งไป

      เสียงเรียกรั้งจากด้านหลังไม่ได้ส่งผลให้เจ้าของชื่อทำตามแต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับก้าวเร็วขึ้นจนกึ่งเดินกึ่งวิ่ง นึกหงุดหงิดในใจ

      พยายามกวาดตามองหาทางหนีทีไล่ วันทั้งวันยังไม่ได้เจอคนที่ต้องการก็เพราะต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ กับพวกที่ตามตื้อไม่เลิก แล้วที่ยอมลงทุนเปลี่ยนตัวเองแบบนี้ก็เพื่อมาคอยหลบคนพวกนี้หรือไงเนี่ย!?

      กวาดสายตาได้ไม่นานแล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างเล็กที่กำลังสะพายกระเป๋ากีตาร์ขึ้นกับไหล่ กำลังจะเดินออกจากโรงเรียน เห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า ในเมื่อโอกาสงามๆ รออยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว ทิฟฟานี่รีบวิ่งเข้าไปหาร่างเล็กทันที

       

      ขอโทษนะคะ ช่วยฟานี่หน่อยนะคะ

       

      เอ่ยขอโทษเสียงเบาพอได้ยินกันสองคนจบ ร่างเล็กยังไม่ทันทำความเข้าใจอะไรก็ต้องตกใจกับการกระทำของทิฟฟานี่ที่ถือวิสาสะควงแขนทำตัวสนิทสนมราวกับรู้จักกันเป็นอย่างดี...

      เสียงฝีเท้าด้านหลังที่วิ่งตามมาชะลอเบาลงจนกลายเป็นเพียงเสียงเดินเป็นจังหวะ เสียงซุบซิบแว่วๆ ดังขึ้นแต่เพราะระยะที่ห่างพอสมควรทำให้ทิฟฟานี่ไม่สามารถจับใจความอะไรได้

      แทยอนได้แต่เดินตามทิฟฟานี่อย่างงงๆ ทำหน้าตาเหรอหราเดินไปเรื่อยๆ แอบหน้าแดงเรื่อขึ้นมาเมื่อสังเกตดีๆ ผู้หญิงที่เดินเข้ามาควงแขนน่ารักน้อยเสียเมื่อไหร่...

      เอ่อ...คือ...ฉันไม่ค่อยเข้าใจว่านี่มันอะไรกัน ในที่สุดแทยอนก็ต้องเอ่ยออกมาเมื่อทนสงสัยต่อไปไม่ไหว ยกมือข้างที่ว่างขึ้นเกาท้ายทอย คิ้วขมวดเป็นปม

      คือ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่รบกวน พอดีมีพวกโรคจิตเดินตามฟานี่อยู่น่ะค่ะ จะเป็นการรบกวนไหมถ้าฟานี่อยากให้คุณ...เอ่อ...

      คิม แทยอน

      จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าฟานี่อยากจะรบกวนพี่แทให้ช่วยฟานี่หน่อย ถ้าฟานี่เดินคนเดียวฟานี่กลัววะคนพวกนั้นจะมาทำมิดีมิร้ายฟานี่...  ทิฟฟานี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสายตาเว้าวอนจนแทยอนใจอ่อนยวบ พยักหน้าตอบตกลงที่จะช่วยคนแปลกหน้า...

      รบกวนด้วยนะคะ...พี่แท...

       

       

       

       จะไปไหนดีคะพี่แท

      ทิฟฟานี่หันไปเอ่ยถามแทยอนที่เดินอยู่ด้านข้างหลังจากเดินออกมาจากโรงเรียนได้ซักพักแต่กลุ่มผู้ชายด้านหลังก็ยังเดินตามมาห่างๆ ไม่รู้จะขอบคุณหรือกลัวดี ถึงจะทำให้ได้อยู่กับแทยอนแต่มันก็อดกลัวเสียไม่ได้... ไม่รู้ว่าเจสสิก้าทนใช้ชีวิตแบบนี้ได้ยังไง....

      วันนี้พี่รู้สึกเหนื่อยๆ อยากไปนอนพักที่บ้าน ฟานี่โทรให้คนที่บ้านมารับไม่ได้หรอ

      ฟานี่อยู่คนเดียวค่ะ...

      แล้วจะเอายังไงกับพวกข้างหลังดีเนี่ย...หรือจะให้พี่ไปส่งที่บ้าน

      รบกวนพี่แทไปรึเปล่าคะ

      ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่บ้านฟานี่อยู่ไหนล่ะ พาพี่ไปสิ

      .

      .

      .

      เข้าไปนั่งพักก่อนไหมคะพี่แท...ดูพี่หน้าซีดๆ

      ทิฟฟานี่หันไปเอ่ยถามแทยอนหลังจากไขประตูบ้านเสร็จ พอเห็นสีหน้าของแทยอนก็อดเป็นห่วงไม่ได้

      รบกวนด้วยนะ

       

       

      นี่น้ำค่ะพี่แท

      ทิฟฟานี่ยื่นแก้วน้ำให้แทยอนที่นั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขก แทยอนสอดส่ายสายตาไปมาตามภาษาคนที่ได้มาแปลกที่แปลกทาง ยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้วก็วางลงบนโต๊ะตรงหน้า

      งั้นพี่กลับก่อนนะ อยากกลับไปนอนพักที่บ้าน

      ไหวนะคะ

      แทยอนพยักหน้าแทนคำตอบ ยันตัวลุกขึ้นยืนแต่แล้วก็เซล้มไป...

      พี่แท!”

      เสียงหวานหูที่ดังขึ้นด้วยความตกใจของทิฟฟานี่เป็นเสียงสุดท้ายที่แทยอนได้ยินก่อนที่จะหมดสติไป...

       

       

       

      อืม...

      ร่างเล็กที่นอนนิ่งบนโซฟาครางในลำคอเบาๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ รู้สึกหัวหนักอึ้งเหมือนเป็นไข้ พยายามยันตัวขึ้นลุกนั่ง ส่งผลให้ผ้าขนหนูผืนน้อยชื้นๆ ที่วางบนหน้าผากหล่นลงมา แทยอนก้มลงเก็บขึ้นมาวางบนโต๊ะ กวาดสายตามองหาเจ้าของบ้าน อาการปวดหัวที่รุมเร้าทำให้แทยอนต้องยกมือขึ้นกุมขมับแม้มันจะไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้นก็ตาม...

      รู้สึกตัวแล้วหรอคะพี่แท

      ร่างบางเดินออกมาจากภายในครัว ในมือมีชามข้าวต้มหอมกรุ่นมีควันร้อนลอยอยู่เหนือถ้วย ทิฟฟานี่ยกมาวางบนโต๊ะแล้วนั่งลงด้านข้างแทยอน

      พี่แทไข้สูงมากเลย ดีว่าฟานี่เช็ดตัวให้บ้างแล้วไข้เลยลดลงบ้าง ยังไงพี่แทก็ทานข้าวต้มก่อนแล้วก็ทานยาตามนะคะ

      ทิฟฟานี่เอ่ยจบก็ยกชามมาไว้ในมือตักขึ้นป้อนแทยอน ไม่นานนักข้าวต้มที่เคยมีอยู่เต็มชามก็หมดลง ทิฟฟานี่ส่งยาให้แทยอนพร้อมกับแก้วน้ำ เมื่อแทยอนกินเสร็จแล้วฟานี่ก็เอ่ยถามแทยอน

      พี่แทจะกลับบ้านไหวหรอคะ ค้าง...

       

      ตรู๊ด~!

       

      แป๊บนะฟานี่

      ยังไม่ทันทีทิฟฟานี่จะเอ่ยจบประโยค โทรศัพท์ของแทยอนก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา แทยอนเอ่ยบอกทิฟฟานี่เสร็จก็รีบหยิบขึ้นมากดรับทันที

      ว่าไงคะแม่

      (แท วันนี้แม่ไม่ได้กลับบ้านนะลูก ต้องอยู่เคลียร์งานที่บริษัท ว่าจะค้างที่นี่ซะเลย อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม)

      ได้ค่ะ

      (ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก แค่นี้นะ แม่ขอตัวไปรีบเคลียร์งานก่อน)

      ค่ะ

                      วางสายเสร็จทิฟฟานี่ก็มองแทยอนด้วยความอยากรู้อยากเห็น รีบเอ่ยถามออกไปทันที

                      มีอะไรหรอคะพี่แท

                      แม่พี่โทรมาบอกว่าคืนนี้จะค้างที่บริษัทน่ะ

                      หรอคะ...แล้วแบบนี้ใครจะดูแลพี่แทล่ะคะ พี่ยิ่งไม่สบายอยู่ด้วย

                      ไม่เป็นไรหรอก พี่ดูแลตัวเองได้ พี่ขอตัวกลับก่อนนะ

                      แทยอนลุกขึ้นยืน ขณะกำลังจะเดินไปถึงประตูก็ต้องชะงักเมื่อทิฟฟานี่เล่นวิ่งมาขวางประตูไว้แถมกดล็อคจนแทยอนทำอะไรไม่ถูก เอ่ยถามออกไปด้วยความข้องใจ

                      มาขวางพี่ทำไมฟานี่

                      ฟานี่ไม่ยอมให้พี่แทกลับไปแน่ พี่แทต้องค้างบ้านฟานี่!”

       

                      เฮ้ย!! อะไรวะเนี่ย!

                      ได้แต่ยืนงง ไม่เข้าใจกับการกระทำของคนตรงหน้า ดูภายนอกเพียงผิวเผินก็ดูเป็นคนดี น่ารัก แล้วไงเรื่องมาลงเอยแบบนี้ก็ไม่รู้

                      อาการมึนงงทำให้ฉันต้องยกมือขึ้นกุมหัวแม้มันจะไม่ได้ช่วยทำให้อาการดีขึ้นก็ตาม ไม่มีแรงแม้แต่จะพยุงตัวต้องยืนพิงผนังเป็นตัวช่วย

                      สาวตายิ้มตรงหน้าฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาที่เคยยิ้มอยู่ตลอดเวลาถูกแทนที่ด้วยแววตามุ่งมั่น เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีทีเดียวว่า...

                     

      ยังไงวันนี้ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ก้าวขาออกจากประตูเป็นแน่!

                     

      ฟานี่ไม่สนใจหรอกนะคะว่าพี่แทจะคิดยังไง มองยังไง รู้สึกยังไง

                      ....

                      แต่ฟานี่ไม่มีวันให้พี่แทกลับบ้านไปทั้งๆแบบนี้แน่

                      จบคำประกาศกร้าวของสาวตายิ้ม ความอบอุ่นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็แล่นเข้ามาในหัวใจของแทยอน ร่างเล็กระบายยิ้มมุมปากน้อยๆ ถึงจะรู้จักกันได้ไม่ถึงวัน แต่ภายในใจลึกๆ ของเธอรู้สึกคุ้นเคยกับคนตรงหน้าอย่างประหลาด...

                      แทยอนล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องบางส่งให้ทิฟฟานี่ที่มองการกระทำของแทยอนด้วยความสงสัย เอียงคอ ทำหน้าสงสัยจนแทยอนหลุดขำออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยให้ทิฟฟานี่หายสงสัย

                      โทรไปขออนุญาติแม่พี่ให้ด้วยแล้วกัน

                      แทยอนเอ่ยจบด้วยรอยยิ้มก็เดินไปล้มตัวนอนบนโซฟาปล่อยให้ทิฟฟานี่ยืมยิ้มกว้างอยู่หน้าประตูเพียงลำพัง

       

                      พี่แท ฟานี่โทรไปบอกแม่พี่แทให้แล้วนะ คุณแม่อนุญาตด้วยแล้วก็ฝากให้ฟานี่ดูแลพี่แท ดังนั้นพี่แทต้องฟังฟานี่นะคะ ต้องกินยาทุกเม็ดที่ฟานี่จัดให้ ต้องกินข้าวให้หมดจาน ห้ามดื้อนะคะ

                      หลังจากที่วางสายแม่ของแทยอนแล้ว ทิฟฟานี่ก็พาร่างของตนมายืนอยู่ด้านข้างโซฟาที่แทยอนนอนขดตัวอยู่ ยืนกอดอกร่ายยาวหยั่งกับสวมวิญญาณคุณแม่ แทยอนยันตัวขึ้นนั่งแล้วเกาหัวงงๆ เอ่ยกับตัวเองด้วยความสงสัย

                      นี่เราไปเป็นลูกของยัยหมีตายิ้มตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?

                      บ่นอะไรคะพี่แท

                      เปล่าค่ะคุณแม่ แทยอนลากเสียงยานคางล้อเลียนทิฟฟานี่ ร่างบางอมยิ้มขำเล็กน้อยก่อนจะฟาดมือลงบนไหล่ของแทยอนเบาๆ

                      ไปนอนพักข้างบนเถอะค่ะพี่แท

                      ...

                      รออะไรคะ

                      ....

                      แม้ทิฟฟานี่จะออกปากให้แทยอนย้ายไปนอนพักข้างบนแต่แทยอนก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมจนทิฟฟานี่ได้แต่ยืนขมวดคิ้วงุนงงเอ่ยถามออกไป แทยอนยังคงปิดปากเงียบเช่นเดิม

                      ไม่นานนักแทยอนก็ไขข้อข้องใจให้ทิฟฟานี่โดยการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นทำท่าเหมือนเด็กอ้อนให้ผู้ใหญ่อุ้ม ทิฟฟานี่อดยิ้มออกมาไม่ได้กับการกระทำเด็กๆ แต่น่ารักของแทยอน

                      จากที่เคยเฝ้าดู ก็รู้อยู่แล้วว่าแทยอนน่ารักขนาดไหน ยิ่งได้มาพูดคุย รู้จักกันมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ....

                      ว่าคงจะรักใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากแทยอน...

       

                      อยู่คนเดียวไม่เหงาหรอฟานี่

                      แทยอนเอ่ยถามขึ้นมาในขณะที่สายตาก็กวาดมองสำรวจภายในห้องนอนสีชมพูหวานของเจ้าของบ้าน ทิฟฟานี่นั่งลงบนเตียงด้านข้างแทยอนที่นอนราบกับเตียงนุ่ม มือเรียวดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวแทยอนที่ยังคงมองไปรอบห้องตามภาษาคนมาแปลกที่แปลกทาง

                      เป็นธรรมดาค่ะที่ต้องมีเหงากันบ้าง อยู่คนเดียวมาก็ตั้งนานแล้ว แต่ฟานี่ไม่ยักชินซักที แทยอนพยักหน้างึกงักเป็นเชิงรับฟังทิฟฟานี่

                      ทิฟฟานี่นั่งลังเลใจ กัดเม้มริมฝีปากแน่น คำพูดของเจสสิก้าลอยเข้ามาในหัวทิฟฟานี่ให้เจ้าตัวได้ขบคิด...

                     

      ถ้ามีโอกาสฟานี่ต้องรีบรุกเลยนะ ยิ่งอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็อย่าให้พลาดล่ะ เชื่อสิก้าเถอะว่าต่อให้เป็นแทยอนที่ดูแสนดีไม่มีทางหรอกที่แทยอนจะไม่หวั่นไหวกับการกระทำของทิฟฟานี่

       

      เอาไงดีฟานี่ๆ จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป...

      หรือว่าหน้าด้านอีกหน่อยทำตามที่เจสสิก้าเคยบอก!

       

      ความคิดของทิฟฟานี่ตีกันยุ่งไปหมด แอบเหลือบมองแทยอนที่นอนตาแป๊วไม่รู้เรื่องรู้ราว...

      ในที่สุดทิฟฟานี่ก็ได้คำตอบ เอ่ยขอโทษแทยอนภายในใจด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ

      ไม่รู้เมื่อไหร่ฟานี่จะชินกับการอยู่คนเดียวซักที พี่แทรู้ไหมคะ...ว่าฟานี่เหงามากขนาดไหน

      ...

      จะเป็นไรไหม...ถ้าฟานี่อยากรบกวนพี่แท...

      ...

      ช่วยทำให้ฟานี่หายเหงาหน่อยสิคะ

      ประโยคสุดท้ายทิฟฟานี่โน้มตัวลงไปกระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูแทยอนที่นอนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก หัวใจที่เคยเต้นอย่างสม่ำเสมอกลับเต้นรัวจนเจ้าตัวแอบกลัวว่าร่างบางจะได้ยิน พยายามเรียกสติกลับคืนมาแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน

      ฮ่าๆ ช่วยยังไงล่ะฟานี่ พี่ไม่รู้หรอกนะว่าทำยังไงมันถึงจะหายเหงา

      แทยอนพยายามปรับน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด เหงื่อแตกเต็มแผ่นหลังจนรู้สึกชื้น แอบเหล่มองทิฟฟานี่ ยิ่งได้เห็นดวงตาหวานเยิ้มก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว...

       

      หวั่นว่าตัวเองจะรอดจากเงื้อมือแม่หมีได้ไหมเนี่ย!

       

      พี่แทก็ไม่ต้องทำอะไรมากค่ะ

      ....

      แค่...อย่าขัดขืนฟานี่ก็พอ

                      ทันทีที่เอ่ยจบทิฟฟานี่ก็ทาบทับริมฝีปากลงบนตำแหน่งเดียวกัน ส่งลิ้นเรียวเข้าไปในโพรงปากลิ้มรสความหวาน แทยอนนอตัวเกร็งหลับตาปี๋สมองพร่าเบลอจนได้แต่ทำตามคำสั่งของทิฟฟานี่อย่างว่าง่าย

                      เมื่อลิ้มลองความหวานจากคนตัวเล็กจนพอใจทิฟฟานี่ก็ละริมฝีปากออกมา แทยอนยังคงเกร็งตัว หลับตาแน่นไม่กล้าลืมตาขึ้นมอง ทิฟฟานี่ที่เห็นท่าทางของแทยอนอดยิ้มออกมาไม่ได้ นึกสนุกอยากแกล้งแทยอนอีกครั้งจึงโน้มหน้าลงไปไกล้ใบหน้าขาวใสที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงเรื่อ

                      เป่าลมร้อนรดใบหูแดกเถือกของแทยอนต่อด้วยกระซิบเสียงพร่าจนคนฟังได้แต่เม้มปากแน่นด้วยความเขิน

       

                      คิดไม่ถึงเลยว่า...พี่แทจะหวานได้ขนาดนี้...

       

                      เอ่ยจบก็กระตุกยิ้มมุมปากเดินออกจากห้องไป ทันทีที่เสียงปิดประตูดังขึ้นแทยอนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองรอบๆ ห้องเพิ่มความมั่นใจอีกรอบว่าเจ้าของห้องไม่อยู่แล้ว เมื่อมองจนแน่ใจก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากแผ่วเบา หัวใจเต้นถี่แรงจนน่ากลัว นึกหวาดหวั่นในใจ...

                      แล้วคืนนี้ฉันจะรอดไหมเนี่ย....

       

       

                      หลังจากที่นอนไปพักใหญ่แล้วถูกปลุกขึ้นมากินข้าวกินยา ตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าทิฟฟานี่ ร่างเล็กได้แต่ก้มหน้าไม่กล้าสบสายตาร่างบางตรงๆ พอมองหน้าทิฟฟานี่ทีไรสายตาเจ้ากรรมก็ดันไล่ลงมามองเรียวปากนุ่มทุกที...

                      ฟานี่ขออาบน้ำก่อนนะคะพี่แท เสร็จแล้วฟานี่จะออกมาเช็ดตัวให้นะคะ

                      แทยอนพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอน ส่วนทิฟฟานี่ก็เดินเข้าห้องน้ำไป แทยอนได้แต่นอนใคร่คิดว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อดี

                      ไข้ก็ยังไม่ลดแถมยังปวดหัวหนึบๆ อยู่ อยากจะกลับบ้านใจจะขาดเพราะขืนอยู่ที่นี้จนถึงพรุ่งนี้...

       

                      ไม่รู้ว่าคืนนี้จะต้องเจออะไรบ้าง!?

       

                      คิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าจะหาทางออกยังไงดี แต่มาลองนึกดีๆ ถ้าเกิดคืนนี้เสร็จยัยหมีสาวนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร?

                      ในเมื่อทิฟฟานี่ทั้งน่ารัก นิสัยก็ติดจะดีถ้าไม่ติดว่าพึ่งจะขโมยจูบฉันไปก็เถอะ!

                      แอบสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไมโดนทำถึงขนาดนั้นแล้วยังมัวนอนสบายใจในที่ ไม่ปลอดภัย โดยไม่กระตือรือร้นที่จะออกไปจากที่นี่

                      เป็นเพราะความคุ้นเคยแปลกประหลาดที่มีต่อทิฟฟานี่หรือเป็นเพราะความไว้วางใจว่าทิฟฟานี่คงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้น

                      หรือจะเป็นเพราะฉันเองก็อยากลิ้มรสริมฝีปากหวานนั้นอีกครั้งก็ไม่รู้!?

                     

      นอนคิดสับสนได้ไม่นานเสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น หันไปมองแล้วก็แทบหัวใจวายกับภาพที่เห็น!

                      สายเดี่ยวรัดรูปสีดำเห็นเนินอกขาวนวลชวนกำเดาไหล กางเกงขาสั้นเผยขาอ่อน...

       

                      นี่มันตั้งใจแต่งตัวมายั่วกันชัดๆ เลยนี่หว่า!!!        

       

                      เช็ดตัวหน่อยนะคะพี่แท

                      ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงด้านข้างแทยอนที่พยายามควบคุมสติ ร่างบางวางอ่างน้ำเล็กๆ ไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆ ด้านข้างเตียง โน้มตัวแต่ละทีก็มีผลแต่แทยอนที่นอนหายใจเข้าพุท หายใจออกโธ

                      มือเรียวเช็ดตัวให้แทยอนนุ่มนวล แทยอนพยายามเบนสายตาไปทางอื่นแต่ก็อดเหลือบมองโดยหางตาไม่ได้เมื่อทิฟฟานี่เล่นโน้มตัวลงมาซะจนเห็นเนินอกขาวที่ทำให้ใจเต้น

       

                      ใจเย็นไว้แทยอน ใจเย็นไว้ ตั้งสติดีๆ ถ้าไม่อยากเข้าไปนอนในคุกข้อหาพรากผู้เยาว์!

       

                      พี่แทว่า...อากาศมันร้อนๆ ไหมคะ

       

                      ทิฟฟานี่เปรยขึ้นมาหลังจากเช็ดตัวให้แทยอนเสร็จเรียบร้อย ยกมือขึ้นโบกพัดแสดงท่าทีว่าร้อนทั้งๆ ที่อากาศเย็นจนสั่น!

       

                      ร้อนบ้านเธอสิยัยหมี! แต่งตัวก็น้อยชิ้น แอร์ฯ ก็เปิดแรงหยั่งกับอยู่ขั้วโลก ฉันยังหนาวจะตายแล้วเนี่ย!

       

                      พี่ว่ามันหนาวออก

                      งั้นให้ฟานี่...

                      ....

                      ช่วยทำให้อุ่นขึ้นไหมคะ   

                     

      แค่คำพูด น้ำเสียง แววตาก็แทบทำฉันประสาทกินอยู่แล้วววววว! ยังจะโน้มหน้าลงมาใกล้อีก! นี่จะให้ฉันเสียเลือดให้ได้เลยใช่ไหมมมมมมมมมมมมมมม!

                     

      ไม่ดีกว่า

                      เด็กที่ดีต้องไม่ดื้อนะคะ

                      เอ่ยจบก็โน้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากแผ่วเบาแต่เนิ่นนาน... เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่แทยอนหลับตาพริ้มยอมให้อีกคนทำตามอำเภอใจ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ทิฟฟานี่เคลื่อนใบหน้าไปที่ซอกคอขาวของแทยอนแล้วทาบทับริมฝีปากลงไป เพียงอึดใจเมื่อทิฟฟานี่ถอนริมฝีปากออกมา คอขาวเนียนของแทยอนก็ปรากฏรอยแดง...

       

                      หายหนาวยังคะพี่แท

       

                      แทยอนรีบพยักหน้าหงึกหงัก ขืนยังบอกว่าหนาวต่อไปมีหวังทิฟฟานี่ได้ทำอะไรมากกว่านี้เป็นแน่ ทิฟฟานี่ยิ้มมุมปากล้มตัวลงนอนด้านข้างแทยอน ร่างเล็กเกร็งตัวขึ้นมาทันที ทิฟฟานี่หลุดขำออกมากับท่าทางของแทยอน

                     

      ขอฟานี่กอดพี่แทได้ไหมคะ

       

                      แทยอนพยักหน้าแทนคำตอบ ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างออกมารีบสวมกอดแทยอนทันทีแล้วหลับตาพริ้ม แทยอนมองคนในอ้อมกอดด้วยความรู้สึกวูบไหวไปมา... นึกสงสัยกับท่าทางสองบุคลิกนั้นด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ารู้สึกดีกับทิฟฟานี่...

                      เธอเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ...ทิฟฟานี่...

       

      แกะตัวที่ห้าร้อยหนึ่ง...

      แกตัวที่ห้าร้อยสอง...

      แกะตัวที่ห้าร้อยสาม...

      แล้วต้องแกะกี่ตัวเนี่ยถึงจะง่วงแล้วหลับลงซักที!

      เป็นเวลานานที่แทยอนหัวเสียพยายามข่มตานอนแต่ก็ไม่หลับซักที ทำถึงขนาดนอนนับแกะได้ครึ่งพันแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะง่วงแม้แต่น้อย กลับรู้สึกตาสว่างกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ!

      จะบอกว่าเพราะแปลกที่แปลกทางเลยนอนไม่หลับหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ข้างในลึกๆ มันรู้สึกแปลกๆ เหมือนภายในใจมันต้องการอะไรบางอย่าง เพราะไม่ได้สิ่งนัน้เลยข่มตาให้หลับไม่ได้ซักที...

       

      แล้วสิ่งนั้นที่ว่ามันคืออะไรกัน...

       

      ลองเปลี่ยนท่านอนเผื่อจะหลับลง ตะแคงข้างหันไปทางทิฟฟานี่ ลืมตาขึ้นในความมืด แสงสว่างจากภายนอกที่ลอดส่องเข้ามาพอทำให้เห็นอะไรภายในห้องได้ลางๆ ทิฟฟานี่ที่นอนตะแคงข้างหันมาทางเดียวกับแทยอนนอนหลับตารพริ้มอมยิ้มน้อยๆ เหมือนกำลังฝันหวาน

      แทยอนไล่สายตาสำรวจใบหน้ายามหลับของทิฟฟานี่ ใบหน้าไร้เดียงสาขัดกับการกระทำของเจ้าตัวยามตื่นอดทำให้แทยอนหวาดๆ ไม่ได้ บางครั้งข้างในลึกๆ ก็รู้สึกว่าทิฟฟานี่เป็นคนขี้อาย แต่บางครั้งการกระทำที่อีกฝ่ายทำออกมามันก็ไม่เหมือนคนขี้อายซะอย่างนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดไปเองหรือเปล่า...

      คนข้างตัวที่เคยนอนนิ่งๆ ขยับตัวน้อยๆ จนแทยอนสะดุ้งตกใจรีบหลับตาแกล้งนอน ทิฟฟานี่ขยับตัวมาใกล้แทยอนมากขึ้นจนใบหน้าห่างแค่เพียงคืบ เมื่อรู้สึกว่าทิฟฟานี่ไม่ได้รู้สึกตัวตื่นจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

      กลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของทิฟฟานี่ทำให้แทยอนหัวใจกระตุกวูบ ความต้องการบางอย่างปรากฏเด่นชัดจนเจ้าตัวระอาใจ ไม่อยากจะยอมรับความจริงที่ว่า...

       

      ในเวลานี้...เธออยากจูบคนตรงหน้าเหลือเกิน...

       

      เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเริ่มคิดอะไรเกินเลยจึงพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ปิดเปลือกตาตัดปัญหา พยายามไม่นึกถึงเรียวปากนุ่มที่เคยทาบทับลงบนริมฝีปากของตน แต่ยิ่งพยายามไม่คิดถึงมากเท่าไหร่ ภาพเหตุการณ์ที่เคยจูบกันก็ย้อนเข้ามาฉายชัด...

      พลิกตัวหันหลังให้ทิฟฟานี่จะได้เลิกหมกหมุ่นอยู่กับเรียวปากนุ่ม ขืนยังนอนหันหน้าเข้าใกล้แบบนั้นมีหวังได้เผลอตัวเผลอใจลักหลับอีกคนเป็นแน่!

      พอตะแคงตัวมาอีกข้างค่อยหายใจหายคอได้สะดวกขึ้นหน่อย พยายามนึกถึงเรื่องอื่นเบนความคิดไม่นึกถึงริมฝีปากหวานของคนด้านหลัง...

      กำลังจะลืมนึกอยู่แล้วเชียวแต่ทิฟฟานี่ก็ไม่วายขยับตัวมาใกล้สวมกอดจากด้านหลัง

      แม่เจ้า! ไม่วายยั่วแม้กระทั่งตอนหลับ!

      อกนุ่มที่บดเบียดแผ่นหลังของแทยอนทำให้เจ้าตัวหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ หายใจหอบถี่ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

      ใจเย็นแทยอน ใจเย็น อย่าคิด อย่ารู้สึก...

      จากที่พยายามข่มตาต้องกลายมาเป็นข่มใจ พยายามทำทุกวิถีทางที่จะระงับความต้องการภายในใจ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ นึกพุทธโธในใจ

      ในขณะที่กำลังพยายามไม่คิดเรื่องอย่างว่าแต่แล้วทิฟฟานี่กลับซุกหน้าลงบนซอกคอของแทยอน ลมหายใจร้อนเป่ารดต้นคอแทยอนจนเจ้าตัวขนลุกชัน จากที่เคยพยายามข่มใจกลับตบะแตกโยนความรู้สึกถูกผิดทิ้งไป

      เหมือนควบคุมสติตัวเองไว้ไม่ได้ กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่ขึ้นมานั่งคร่อมคนหลับ จับพลิกตัวนอนหงายแล้วทาบทับริมฝีปากลงไป ถึงแม้จะพึ่งได้สติรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่ความอยากภายในก็เอาชนะความถูกผิด...

      ทิฟฟานี่สะดุ้งตกใจลืมตาโพลง นึกว่าโดนผีที่ไหนอำแต่พอเห็นใบหน้าใสที่ตนหลงใหลใกล้ๆ หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้น หลับตาพริ้มตอบรับสัมผัสหวานจากคนด้านบน

      แทยอนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ยิ่งลิ้มลองรสหวานจากคนตรงหน้ามากเท่าไหร่ กลับต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ เนิ่นนานที่ลิ้นเรียวทั้งสองหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เหงื่อผุดพรายเต็มแผ่นหลังจนรู้สึกถึงความเปียกชื้น แม้อากาศจะเย็นสบายขนาดไหนก็ตามแต่คงช่วยให้คนร้อน(รัก)เย็นขึ้นไม่ได้

      ทุกอย่างดูจะเกินเลยมากขึ้นเมื่อแทยอนละริมฝีปากออกมาเปลี่ยนเป็นทาบทับลงบนซอกคอหอมกรุ่นของทิฟฟานี่ มือไม่อยู่เฉยลูบไล้หน้าท้องแบนราบ อารมณ์ที่ถูกปลุกให้ตื่นตัวจนยากเกินกว่าจะดับได้

      ทิฟฟานี่พยายามประคองสติ เอ่ยปรามแทยอนเมื่อทุกอย่างเริ่มเกินเลยไปไกลกว่าที่เคยคิดไว้ ถึงจะเป็นคนจูบแทยอนก่อนถึงสองครั้งแต่ก็อย่างที่รู้กันว่าก่อนหน้านี้ทิฟฟานี่เคยเป็นคนขี้อาย!

      พะ...พี่แทคะทิฟฟานี่เปล่งเสียงเรียกแทยอนด้วยความยากลำบาก แทยอนที่ยังง่วนอยู่กับการซุกไซ้ซอกคอหอมของทิฟฟานี่ครางตอบรับในลำคอเบาๆ

      อืม...

      พี่แทแน่ใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือเปล่าคะ...

      คำพูดของทิฟฟานี่ทำให้แทยอนชะงักหยุดการกระทำล่วงเกินอีกฝ่าย นิ่งคิดถึงสิ่งที่ทิฟฟานี่พูดออกมา

      ถ้ามันเป็นแค่ความต้องการเพียงชั่ววูบของพี่แท ฟานี่ว่าพี่ควรจะหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้นะคะทิฟฟานี่เอ่ยเสียงสั่น น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาเมื่อคิดว่าหากที่แทยอนทำลงไปเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ทำลงไปเพราะความรัก แค่คิดก็จุกจนหายใจแทบไม่ออก...

      ฟานี่ไม่อยากให้พี่แทมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปด้วยความไม่ตั้งใจหรอกนะคะ

      เมื่อฟังคำพูดของทิฟฟานี่จบ แทยอนก็ใคร่คิดว่าที่ตัวเองทำลงไปเป็นเพียงเพราะ อารมณ์ชั่ววูบหรือ ความรัก กันแน่... ในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดมีน้ำหนักพอจะยืนยันได้ถึงเหตุผลที่แทยอนทำลงไป แทยอนผละหน้าออกมา ย้ายร่างมานอนด้านข้างทิฟฟานี่ เอ่ยขอโทษเสียงแผ่ว

      คือ...พี่ขอโทษ...

      พอได้ฟังคำพูดของแทยอน ทิฟฟานี่ก็พอจะเดาออกว่าทุกสิ่งที่แทยอนทำลงไปเมื่อครู่เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น น้ำใสที่เคยเอ่อคลอไหลออกมาจากดวงตาสวย...

       

      จะไปหวังอะไรทิฟฟานี่...ที่เขาทำลงไปก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ...

       

      แทยอนหันไปเห็นทิฟฟานี่ร้องไห้ก็ตกใจลนลานทำอะไรไม่ถูกรีบเขยิบตัวไปใกล้เอ่ยขอโทษขอโพยทันที ยิ่งเห็นน้ำตาของทิฟฟานี่ความรู้สึกผิดในใจก็ถาโถมจนเจ้าตัวเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก

      ฟานี่...คือ...พี่ไม่ได้ตั้งใจ คำว่า ไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ทิฟฟานี่สะอื้นไห้กว่าเก่า แทยอนรีบพูดทุกอย่างที่นึกออกในตอนนั้นออกไป

      คือ...พี่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้  คือ...เอาเป็นว่าขอเวลาพี่คิดทบทวนตัวเองหน่อยแล้วกัน...ว่าที่พี่ทำลงไปเป็นเพราะอะไรกันแน่... เอ่ยเสียงนุ่มในขณะที่ใช้นิ้วเรียวปาดน้ำตาให้ทิฟฟานี่

      จะเป็นไรไหมถ้าพี่จะรบกวนฟานี่หน่อย...

      ....

      ช่วยทำให้พี่รู้ตัวทีได้ไหมว่าที่พี่ทำลงไปเป็นเพราะอะไรกันแน่... ทิฟฟานี่ยิ้มกว้างออกมา พยักหน้าตอบตกลงคำขอของแทยอน โดยไม่ทันตั้งตัวแทยอนก็โดนทิฟฟานี่ครอบครองริมฝีปาก แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้คนทั้งาสองหัวใจเต้นรัวใบหน้าขึ้นสีเรื่อได้...

       

      ฟานี่อยากให้พี่แทรู้ว่า...ทั้งหมดที่หานี่ทำลงไป...เป็นเพราะฟานี่รักพี่แทนะคะ

       

      เอ่ยเสียงเบาหวิวจบก็รีบพลิกตัววหันหน้าไปอีกทาง ส่วนแทยอนก็ยังอึ้งๆ กับคำสารภาพรักของทิฟฟานี่ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าใส ขยับตัวไปใกล้แล้วสวมกอดทิฟฟานี่จากด้านหลัง กระซิบเสียงแผ่วเบาที่ใบหูแดงเรื่อของทิฟฟานี่

      ฝันดีนะคะ

      ทิฟฟานี่นอนยิ้มหวานก่อนจะผล็อยหลับไป ส่วนแทยอนที่กำลังเคลิ้มๆ จะหลับนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองสามารถข่มตานอนได้ซักที...

      ไม่รู้เป็นเพราะความอ่อนเพลียทำให้หลับง่ายขึ้นหรือเพราะได้ในสิ่งที่ลึกๆ ภายในใจต้องการเลยนอนหลับกันแน่...

       

      ภายในห้องนอนของทิฟฟานี่ เจ้าของห้องที่รู้สึกตัวตื่นแล้วจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ทันทีที่เดินออกมาจากห้องน้ำเป็นจังหวะพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของทิฟฟานี่ดังขึ้น เจ้าตัวรีบวิ่งไปหยิบมากดรับทันทีเพราะกลัวว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องจะไปปลุกแทยอนที่ยังคงนอนหลับบนเตียง กดรับสายยังไม่ทันเอ่ยทักทายปลายสายก็พูดสวนถามข่าวคราวขึ้นมาทันที

       (ฟานี่! เป็นยังไงบ้าง!)

      ก็ดี...มั้ง

      (รู้ไหมว่าเธอบังเอิญโชคดีขนาดไหนเนี่ยถึงขนาดทำให้แทยอนนอนค้างบ้านเธอได้ แล้วตอนนี้แทยอนอยู่ไหนล่ะ)

      พี่แทนอนอยู่

      (แล้วได้ทำตามที่ฉันเคยสอนไว้หรือเปล่า)

      เอ่อ...ก็...ทำบ้าง...แต่สิก้า....ฟานี่เขินอ่ะ!” หน้าใสเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ชวนเขิน หัวใจเต้นถี่ขึ้นมา

      (เลิกเขินได้แล้วยัยบ้า! แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เธอจะสมหวังห๊ะ!)

      สิก้าก็รู้...ว่าฟานี่ขี้อาย... ทิฟฟานี่พูดเสียงเบาหวิวก้มหน้าเขินๆ

      (เลิกบ่นได้แล้ว ฉันโทรมาถามแค่นี้แหละเดี่ยวต้องออกไปข้างนอกกับพี่ยูล แค่นี้แหละ)

      พอปลายสายเอ่ยตัดบทจบทิฟฟานี่ก็กดวางสายแล้วนั่งถอนหายใจ หันไปมองแทยอนที่ยังคงหลับอยู่ก่อนจะเดินออกจากห้องไป...

      หารู้ไม่ว่า...แทยอนแอบฟังเธอคุยโทรศัพท์อยู่!

      ปกตินิสัยของแทยอนไม่ใช่คนไร้มารยาทแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์ถ้ามันไม่ติดว่าในบทสนทนานั้นมีชื่อเธออยู่ด้วย เจ้าตัวที่พึ่งรู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในตอนแรกเลยแกล้งนอนนิ่งแอบฟังบทสนทนา รอให้ทิฟฟานี่เดินออกจากห้องไปก็ลุกขึ้นมานั่งขบคิดด้วยความสงสัย

      สิก้าก็รู้...ว่าฟานี่ขี้อาย...

      คำพูดนี้ยังคงดังก้องในหัวของแทยอน ความสงสัยที่มีมากขึ้นจนอยากรู้ทำให้แทยอนคิดแผนการบางอย่างขึ้นมา...

       

      หลังจากที่ท้องอิ่มแล้วแทยอนและทิฟฟานี่ก็นั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้านล่าง แทยอนทำตัวสนิทสนมมากขึ้นจนทิฟฟานี่อดแปลกใจไม่ได้หันไปเอ่ยถามแทยอนที่นั่งจอยู่ด้านข้าง

      พี่แทไม่กลับบ้านหรอคะ

      ฟานี่ไล่พี่หรอ

      เปล่าค่ะๆ ฟานี่แค่สงสัย

      แทยอนมองทิฟฟานี่ที่นั่งขมวดคิ้วแล้วก็นึกถึงแผนการที่ตัวเองคิดไว้ขึ้นมาได้ เผยยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้ทิฟฟานี่หน้านั่งหน้าแดงขึ้นมา

      พี่ยังไม่อยากกลับ...อยากอยู่กับฟานี่นานๆ แทยอนมองท่าทางเขินของทิฟฟานี่ก็เผลอยิ้มออกมา นึกสนุกทั้งอยากแกล้งทั้งอยากพิสูจน์ว่าทิฟฟานี่ขี้อายจริงอย่างที่ได้ยินมาหรือเปล่า แทยอนเชยคางทิฟฟานี่ที่ก้มหน้าหงุดขึ้นมาแล้วเคลื่อนหน้าไปใกล้กว่าปกติ

      เขินหรอคะ

      ทิฟฟานี่ที่ยิ่งโดนจับไต๋ได้หน้าแดงขึ้นกว่าเดิม พยายามเลื่อนหน้าหนีแทยอนที่เข้ามาใกล้แต่ก็ไม่วายติดกับมากกว่าเก่าเมื่อด้านหลังคือพนักพิง

      หน้าแดงใหญ่เลย ติดไข้พี่ไปหรือเปล่า

      แทยอนยังไม่วายหยอกทิฟฟานี่ เคลื่อนหน้าไปใกล้เอาหน้าผากทาบวัดอุณหภูมิ เนิ่นนานที่ใบหน้าของทั้งสองใกล้กัน ทิฟฟานี่ทนไม่ไหวรีบดันแทยอนออกละล่ำละลักเอ่ยบอกแทยอน

      ฟานี่ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ  แทยอนปล่อยหัวเราะเสียงดังออกมาจนทิฟฟานี่นึกสงสัย หันไปจ้องแทยอนเขม่นเอ่ยถามเสียงเข้ม

                      พี่แทขำอะไรคะ

                      ฮ่าๆ

                      แทยอนยังคงหัวเราะไม่หยุด ทิฟฟานี่หันหน้าหนีกอดอกอย่างเคืองๆ กว่าแทยอนจะหยุดหัวเราะได้เวลาก็ผ่านไปพอสมควร แทยอนห้ามตัวเองให้หยุดหัวเราะแล้วพูดขึ้นมา

                      ฟานี่อย่าคิดนะว่าพี่ไม่รู้...ว่าฟานี่เป็นคนขี้อายขนาดไหน ทิฟฟานี่นั่งนิ่งตัวเกร็ง ตกใจที่แทยอนจับได้ หัวกำลังประมวลข้อโต้แย้ง กำลังจะหันไปเถียงแทยอนแต่อีกฝ่ายก็พูดขัดขึ้นมาซะก่อน

                      แต่พี่ชอบนะ คนขี้อายน่ารักออก

                      แทยอนเอ่ยจบก็เดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้ทิฟฟานี่นั่งหน้าแดงหัวใจเต้นเร็วเพียงลำพัง...

                      แต่พี่ชอบนะ คนขี้อายน่ารักออก

                      คำๆ นี้ยังคงดังก้องในหัวของทิฟฟานี่ เจ้าตัวยิ้มกว้างกับตัวเอง

                      พี่แทชอบคนขี้อาย...แล้วแบบนี้จะหมายความว่าชอบเราเหมือนกันหรือเปล่านะ...

                      ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปมาเท่าไหร่ที่ทิฟฟานี่มัวแต่นั่งครุ่นคิดสงสัยกับคำพูดที่แทยอนพูดทิ้งไว้ก่อนจะเดินหนีไป ไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่เพราะกลัวจะผิดหวัง แต่เสียงหัวใจที่เต้นแรงก็บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตนเองนั้นคิดไปเกินเลยกับคำพูดของใครบางคนซะแล้ว...

                      เพล้ง!

                      เสียงอะไรบางอย่างตกลงแตกทำให้ทิฟฟานี่สะดุ้งโหยงตื่นจากภวังค์ มองขึ้นไปด้านบน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีคนที่ตัวเองรักมากที่สุดอยู่ด้านบน ไวกว่าความคิด ขาวิ่งเร็วๆ ขึ้นไปด้านบนด้วยความร้อนใจ ผลักประตูห้องของตัวเองเข้าไปก่อนจะตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นแทยอนนอนหายใจหอบอยู่กับพื้น ด้านข้างมีเศษแก้วที่ตกลงมาแตกกระจายอยู่โชคดีที่มันห่างพอที่จะไม่บาดโดนร่างเล็ก ไม่รอช้ารีบถลาตัวเข้าไปใกล้เอ่ยถามเสียงลนลานด้วยความเป็นห่วง

                      พะ...พี่แท! พี่แทเป็นอะไร พี่แทคะ!”

                      ฟะ...ฟานี่...แฮ่กๆ... เสียงหอบหายใจแทยอนดังจนทิฟฟานี่เริ่มใจเสีย อยู่ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นมาที่ดวงตาเมื่อเห็นท่าทางของคนร่างเล็กตรงหน้า

                      พี่แทเป็นอะไรไปคะ

                      ฟานี่...แฮ่กๆ...สงสัย...แฮ่กๆ....โรคหอบของพี่คงจะกำเริบ...แฮ่กๆ

                      ยาอยู่ไหนคะพี่แท ยาล่ะ!” ทิฟฟานี่ถามพร้อมกวาดสายตามองไปรอบห้องแต่ก็โดนแทยอนใช้มือเกี่ยวคอโน้มหน้าทิฟฟานี่ลงมาใกล้

                      พี่...พี่หายใจ...ไม่ออก.. แทยอนเอ่ยเสียงแหบพร่า ท่าทางอึดอัดทรมานของแทยอนทำให้น้ำใสที่เคยเอ่อคลอไหลออกมาจากดวงตาสวย ทิฟฟานี่ลนลานทำอะไรไม่ถูก ยิ่งเห็นท่าทางหายใจรวยรินเจียนจะขาดใจของแทยอนน้ำตามากมายก็พากันไหลออกมาไม่หยุด หายใจไม่ออก...แล้วฉันควรจะทำยังไงดี...

                      คิดร้อนรนในใจได้ไม่นานทิฟฟานี่ก็นึกออกก่อนจะโน้มหน้าลงไปทาบทับริมฝีปากต่อลมหายใจให้คนตัวเล็ก แม้จะไม่มั่นใจเท่าไหร่ก็ตามว่ามันจะได้ผลหรือไม่...

                      อึดใจต่อมาทิฟฟานี่ก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อแทยอนที่เคยมีทีท่าทรมานกลับพลิกตัวขึ้นมาคร่อมเธอแทน ส่งลิ้นเรียวเข้ามาทักทายภายในโพรงปากของทิฟฟานี่ ร่างบางตกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของแทยอนจนสมองพร่าเบลอไปหมดได้แต่ปล่อยให้อีกคนทำตามอำเภอใจ... แต่ถึงแม้ทิฟฟานี่จะมีสติ ตัวเธอเองก็ยังไม่แน่ใจซักเท่าไหร่ว่าจะกล้าปฏิเสธคนที่ตนเองรักมากได้...

                      เมื่อลิ้มรสหวานจากอีกคนจนพอใจแทยอนก็ละริมฝีปากออกมาเปลี่ยนเป็นทาบทับมันลงบนต้นคอขาวเนียนแทนก่อนจะสร้างรอยรักเอาไว้หลายแห่ง มือไม่อยู่สุขเริ่มล้วงเข้าไปด้านในสาบเสื้อของทิฟฟานี่

                      ทิฟฟานี่สะดุ้งเมื่อแทยอนล้วงมือเข้ามาภายในสาบเสื้อของเธอ รีบผลักคนด้านบนออกอย่างแรง ยันตัวลุกขึ้นทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่คิดว่าจะกล้าทำ...

                      เพี๊ยะ!

                      เธอตบแทยอนเต็มแรง...

                      ตบเขาแต่ทำไมกลับรู้สึกเจ็บเสียเอง...

                      แม้ไม่มีเสียงสะอื้นแต่น้ำใสมากมายที่พากันรินไหลออกมาจากดวงตาสวยก้ทำให้แทยอนตกใจไม่น้อย ทิฟฟานี่เอ่ยเสียงสั่น ดวงตาแดงก่ำจดจ้องแทยอนด้วยความเศร้า

                      พี่แทต้องการอะไรกันแน่...ต้องการจะเล่นตลกอะไรกันแน่...

                      ...

                      พอใจหรือยังที่ได้เล่นตลกกับหัวใจคนอื่น...สนุกมากมั้ยที่ได้ทำให้คนคนนึงหวั่นไหว...

                      ทิฟฟานี่เอ่ยเสียงสั่น ขบเม้มริมฝีปากแน่นไม่อยากสะอื้นแสดงความอ่อนแอให้อีกคน พอกันที... ทนหลอกตัวเองต่อไปไม่ไหวแล้ว... จะให้ทนหลอกตัวเองต่อไปแล้วยอมเธอทุกอย่าง ฉันจะไม่ดูไร้ค่าเกินไปหรือไร...

                      ไม่คิดเลยว่าคนที่ตัวเองแอบหลงรักมานาน...จะเป็นคนแบบนี้

                      ผิดหวัง...ผิดหวังเหลือเกิน...

                      ใครว่าพี่เล่น แทยอนเอ่ยเสียงหนักแน่นขึ้นมา แววตาจริงจังจดจ้องทิฟฟานี่ ต้องการสื่อให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเธอจริงใจและจริงจังกับทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาตอนนี้...

                      ทำไมเธอยังไม่รู้อีกนะฟานี่...

                      แทยอนเอ่ยเสียงหม่น ก้มหน้านิ่งรวบรวมความกล้าสูดหายใจลึกก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาทิฟฟานี่

                      พี่พูดไปถึงขนาดนั้นแล้ว...ยังไม่รู้อีกหรอ

                      พี่แทต้องการจะบอกอะไรฟานี่กันแน่...

                      แต่พี่ชอบนะ คนขี้อายน่ารักออก ประโยคนี้มันไม่ได้บอกกับฟานี่หรอว่าพี่ชอบฟานี่...เด็กโง่!” แทยอนหลับหูหลับตาเอ่ยเสียงดังแล้วก้มหน้าเพื่อปกปิดใบหน้าแดงจัด ทิฟฟานี่นั่งนิ่งค้างไป คำพูดของแทยอนดังก้องในหัวซ้ำไปซ้ำมา

                      ทิฟฟานี่โถมตัวสวมกอดแทยอนแน่น ซุกหน้าลงกับไหล่ของคนตัวเล็กปล่อยสะอื้นเต็มที่ แทยอนเผยยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นลูบหัวคนขี้แงเบาๆ เอ่ยเสียงนุ่ม

                      จะร้องไห้ทำไมคะคนดี

                      ฮึกๆ ฟานี่ดีใจ...ดีใจมากๆ เลย

                      แทยอนยกยิ้มกว้าง กระชับอ้อมกอดแน่น หัวใจเปี่ยมสุข ส่วนทิฟฟานี่...ทั้งๆ ที่ร้องไห้แต่กลับยิ้มกว้าง หัวใจเต้นแรง แทบไม่เชื่อว่านี่คือความจริง ไม่กล้าแม้แต่จะหยิกแขนตัวเอง เพราะหากมันคือความฝัน เธอก็กลัวที่จะต้องรีบตื่นขึ้นมารับรู้ความจริง ขอนอนฝันหวานอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีคนมาปลุกจะดีกว่า แต่ถ้านี่คือความจริง...เธอก็มีความสุขจนไม่รู้จะอธิบายออกมายังไง...

       

       

       

       

      ...The End...

       

       

                      กว่าจะจบได้- -*

                      แถมตอนจบก็หลายอารมณ์จนปวดกระบาล แต่งออกมาได้กากเกรียนมาก 5555+

                      ไม่มีไรจะบ่นและ ขอบคุณรีดเดอร์ที่ติดตามอ่ารนจนจบค่ะT/\T

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×