ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ยิ่งหนีเธอยิ่งเจอรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : งานเลี้ยง

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 50


    3.งานเลี้ยง

     

                    ติ๊ด...ติ๊ด...เสียงโทรศัพท์มือถือของพัทรียาดังขึ้นขณะที่เธอกำลังจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า

    ชื่อดังของกรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องออกมาซื้อของไปตุนเก็บไว้เพื่อให้ใช้ได้ทั้งเดือน ส่วนกับข้าวนั้น

    เธอจะไปซื้อที่ตลาดเองทุกเช้าหลังจากที่เธอไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เพราะเธอชอบ

    ทานอาหารสดมากกว่า ซึ่งการมาซื้อของแต่ละครั้งเธอจะใช้เวลาประมาณครึ่งวันจึงจะได้ของครบตามที่ต้องการ

    เธอกดรับเมื่อมองเบอร์ที่โชว์บอกให้รู้ว่าเป็นใคร

                    " ว่าไงแนนนี่ " เธอกรอกเสียงคุ้นเคยใส่โทรศัพท์

                    " บัว! เย็นนี้ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ " ฟังน้ำเสียงของเพื่อนรักดูออดอ้อนแกมบังคับอยู่กลาย ๆ

    จนน่าหมั่นไส้  " งานอะไรยะ? ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยชวนชั้นสักที งั๋ยวันนี้ถึงชวน ชักสงกะสัยซะแล้วสิ"

                    " ฮี่ ๆ อย่าถามมากน่า ช่วยไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยดิ ขอร้องล่ะ แล้วจะพาไปเที่ยวเป็นการตอบแทนนะ"

    แนนนี่รู้ว่าคำว่าเที่ยวมันมีอิทธิพลต่อเพื่อนรักของเธอมาก ๆ และมักจะใช้ได้ผลบ่อย ๆ

                    " เฮ้ย! ถึงกับมีสินจ้างรางวัลกันเชียวหรือจ๊ะ แสดงว่าจะต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ ๆ ใช่ม้า..."

    เพราะปกติพัทรียานั้น ไม่ชอบออกงานเลย ไม่ชอบพบปะผู้คน โดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชายที่จะทำให้เธอละทิ้งความโสด               

    " เออ...น่ะ เดี๋ยวมาก็รู้เองแหล่ะ งานนี้เที่ยวฟรีนะแก" เฮ่ย! ไอ้เราก็มีจุดอ่อนอีตรงนี้แหล่ะ คำว่าเที่ยวฟรีเนี่ยฮ่ะ ๆ สนมาก ๆ เอาวะนานทีปีหนออกงานบ้างก็ดีเหมือนกัน แถมยังได้เที่ยวฟรีอีกตังหาก ฮิ ๆ ไม่เอาก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ยังไงไม่รู้ โฮะ ๆ แต่เล่นตัวอีกหน่อยดีกว่า เพราะรู้แน่ ๆ ว่า ยัยเพื่อนรักต้องอ้อนต่อ ชัวว์!

     " อืม... ชั้นไม่อยากไปเลยอ่ะแก มีงานค้างอีกตั้งเยอะ เจ้านายเร่งมาแล้วด้วย " ตั๋วเที่ยวภูเก็ต 2 คืน 3 วัน เลยนะแก " เห็นไม๊ เสร็จเราตามคาด เป๊ะ ๆ นี่ถ้าไปซื้อหวยคงถูกรางวัลที่หนึ่งแหง ๆ แต่บังเอิญ ไอ้เราก็ไม่เคยซื้อซะด้วย

     " เออ ๆ ก็ได้อย่าลืมสัญญาที่พูดไว้ล่ะ " แหม...แกนี่ไม่ค่อยงกอีกตามเคย แต่งตัวสวย ๆ ด้วยล่ะ ไปแวะเอาชุดที่ร้านชั้นเลยนะ แล้วหกโมงเจอกันที่หน้าโรงแรงแรม...นะจ๊ะ..."แนนนี่พูดเสร็จก็ปิดการติดต่อทันที

                    หลังจากที่พัทรียาออกจากห้างสรรพสินค้า เธอก็ตรงไปยังร้านเสื้อผ้าของแนนนี่ทันที เลือกได้ชุดที่ถูกใจ พร้อมกระเป๋ารองเท้าเข้าชุดกันเรียบร้อยก็ตรงดิ่งกลับคอนโดทันที เพราะกว่าเธอจะทำการแต่งตัวเสร็จก็เกือบเวลานัดพอดี     

    " นาย! งานเลี้ยงเย็นนี้เริ่ม 1 ทุ่มนะครับ" รามิลเงยหน้าจากแฟ้มงานตรงหน้าแล้วเอ่ย

     " อืม... ขอบใจ" เขาตอบอย่างเนือย ๆเพราะเขาเบื่องานเลี้ยงแบบนี้เสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องไปเนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขาโดยตรง

                    เวลา 06.55 นาฬิกา พัทรียา เลี้ยวรถคู่ใจเข้าโรงแรมที่นัดหมาย และเลือกจอดที่สะดวก ปลอดภัย เธอล็อครถ พร้อมกับหยิบกระเป๋า แล้วเปิดประตู ค่อย ๆ ลงจากรถอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกลัวชุดสุดสวยของเพื่อนรักจะชำรุด แล้วมันจะปรับค่าชุดกับเธอโดยการยกเลิกตั๋วท่องเที่ยวซะก่อนน่ะสิ อิ ๆ พอก้าวลงจากรถและยืนเต็มความสูงของตัวเองแล้วก็สูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจพร้อมกับยืดอกขึ้น ไหล่ตรง หน้าเชิด แล้วเริ่มก้าวเดินเข้าตัวโรงแรมอย่างมั่นคง ดูกระฉับกระเฉง ที่จริง ตอนที่เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนั้น เธอเคยเป็นนางแบบเดินแฟชั่น และนางเอกละคร มาบ้าง เพราะฉะนั้นในการปฏิบัติตัวในงานเลี้ยงจึงไม่เป็นหนักใจสำหรับเธอ

                    เวลาเดียวกันรถลีมูซีนสีดำสนิทคันยาวก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณโรงแรม แล้วบอดี้การ์ดก็วิ่งมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นนายส่วนมาธาและฮารีนั้นออกจากรถมาก่อนแล้ว และหันไปเห็นหญิงสาวที่เขาทั้งสองคอยติดตามเฝ้ามองพฤติกรรมวันนี้มาทั้งวันกำลังเดินเข้าโรงแรม มาธารีบเข้าไปกระซิบผู้เป็นนาย

                    " นายครับ นั่นคุณพัทรียาครับ " รามิลมองตามสายตาของมาธาไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินตรงเข้าประตูโรงแรมเขาถึงกับตะลึงมองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

     " แกแน่ใจนะว่าใช่เธอ" รามิลถามมาธาเพื่อความแน่ใจ

    " โธ่! นายครับก็ผมเห็นเธอออกมาจากรถของเธอนี่ครับ" มาธารับรอง

     "อืม..." รามิลมองหญิงสาวอย่างพิจารณา วันนี้เธอแตกต่างจากวันที่เขาเจอเธอในครั้งแรกโดยสิ้นเชิงเธออยู่ในชุดเดรสสีแดงกำมะหยี่ มีกระเป๋า และรองเท้าเข้าชุดกัน ข้าวของทุกอย่างดูแล้วล้วนมีราคา เน้นเรือนร่างสูงสมส่วนสวยสะดุดตา เธอเดินด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เธอเกล้าผมยาวขึ้นสูงเผยให้เห็นต้นคอระหง เธอไม่ใส่สร้อยคอแต่ ใส่ตุ้มหูระย้าแลดูอ่อนหวาน นี่แค่มองเห็นเพียงด้านหลังของเธอเท่านั้น ยังน่าดูขนาดนี้ แล้วด้านหน้าจะสวยขนาดไหน ให้นึกสงสัยว่าเธอมีนัดกับใครที่นี่ หรือเข้าร่วมงานเลี้ยงในห้องไหนกัน ส่วนมาธา ฮารี และ อาราซัค ก็ตื่นตะลึงในความงามของหญิงสาวด้วยเช่นกัน และอดทึ่งหญิงสาวไม่ได้ พวกเขาเริ่มที่จะเห็นด้วยกับการที่เจ้านายของพวกเขาให้ความสนใจกับหญิงสาวคนนี้ซะแล้ว

                    ฝ่ายพัทรียาเดินเข้างานด้วยอาการที่ไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่ แล้วสายตาก็สอดส่ายมองหายัยเพื่อนรักแนนนี่

                    " เฮ้! บัวทางนี้" แนนนี่โบกมือหยอย ๆ เรียกพร้อมกับรอยยิ้มที่ยินดีและสมหวังมาแต่ไกล บัวเดินไปในทิศทางที่แนนนี่อยู่ทันที

    "ทานอะไรมารึยัง? " แนนนี่ถามเพื่อนรัก แล้วยิ้มระรื่น

     "เข้าใจถามนะยะ จะเอาเวลาไหนมารับประทานมิทราบ กว่าชั้นจะแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลานัดพอดี ก็รีบแจ้นมานี่แหล่ะย่ะ อ้อ...แล้วก็อย่าลืมสัญญาล่ะ ไม่งั้นล่ะก็...เจี๋ยน" บัวพูดพลางยกมือขวาขึ้นทำเป็นรูปมีดเหมือนตอนเป่ายิ้งฉุบแล้วทำการลากจากด้านซ้ายมาด้านขวา แนนนี่เห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของเพื่อนแล้วอดหัวเราะไม่ได้

     "ย่ะ! ไม่ลืมหรอกยัยงก"

     "นี่บอกความจำเป็นของแกมาด่วน"

    "เออ...ฟังให้ดีนะ "แนนนี่พูดพลางทำท่าเอียงอาย

    " คือวันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับนักธุรกิจน้ำมันในภาคพื้นเอเชีย แล้วชั้นก็ไปปิ๊งผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ รามิล หล่อมาก ๆ  เก่ง ฉลาด และที่สำคัญรวยล้นฟ้าเลยหล่ะ" บัวมองเพื่อนด้วยสายตาล้อเลียน

    "เอาจริงรึเปล่าคนเนี้ย "

    จริงสิยะ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้เค้ายังไม่มา ป่ะไหนว่าหิวไงหล่ะ ไปหาอะไรทานไป๊ เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อนที่จะได้รู้จักคนสำคัญของชั้น" แนนนี่แสดงท่าทางเคอะเขิน ส่วนบัวมองแม่เพื่อนรักอย่างหมั่นไส้

    " ย่ะ! ไปนะ" พัทรียาก็เดินไปบริเวณที่บริการอาหารและเครื่องดื่ม ลานตาไปหมด เธอเลือกชิมอาหารอย่างเพลิดเพลินในรสชาดและสีสัน ประกอบกับความหิวเป็นทุนเดิม ทำให้เธอลืมแนนนี่ไปเสียสนิท       ผู้เข้ามาร่วมงานต่างทะยอยเข้างานมาเริ่มหนาตามากขึ้น แต่พัทรียาก็ไม่ได้สนใจ ยังคงเดินเลือกอาหารไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะมีชายหนุ่มชาวต่างชาติหลายคนให้ความสนใจเธอ และขอพูดคุยด้วย เธอก็ทำเป็นไม่เข้าใจภาษาซะงั้น เพื่อตัดความสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำอยู่เป็นประจำ ที่จริงเธอสามารถพูดได้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น และกำลังเรียนภาษาอารบิกเพิ่มอีกหนึ่งภาษาเพราะงานเธอจะต้องได้ติดต่อกับลูกค้าชาวต่างชาติอยู่เสมอ และเธอก็คุยผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับชาติอื่นอยู่เป็นประจำ เพื่อพัฒนาตัวเอง ประกอบกับที่เธอเป็นคนที่ใฝ่รู้ และเสาะแสวงหาความรู้ให้ตัวเองอยู่เสมอ แต่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นตกอยู่ในเป้าสายตาของรามิลอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ในบริเวณงาน ถ้าสายตาเขาว่างเมื่อไหร่เขาก็จะมองมาที่เธออยู่ร่ำไป ทั้ง ๆ ที่ข้างกายเขานั้นมีสตรีสาวสวย เซ็กซี่ น่ารักคนหนึ่งนามว่าแนนนี่ซึ่งเธอนั้นก็ขยันสรรหาถ้อยคำมาสนทนากับเขาเสียเหลือเกิน และแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเธอสนใจเขาเป็นพิเศษ แต่เขากลับรู้สึกเฉย ๆ และยอมสนทนาด้วยตามมารยาทที่พึงมี

    " รามิลคะ มาทางนี้หน่อยสิคะ" แนนนี่พูดพลางถือโอกาสคล้องแขนเขาพาเดินไปหาพัทรียา เขาไม่ว่าอะไรเพราะเป็นทิศทางที่เขาอยากจะไปอยู่แล้ว

    " บัว! บัว! " แนนนี่เรียกพัทรียา พร้อมเอามือสะกิดแขนของพัทรียาให้หันกลับมาหา

    " รามิลคะ นี่พัทรียาหรือบัวเพื่อนของแนนนี่ค่ะ"

    " บัวนี่คุณรามิลนักธุรกิจจากประเทศซาอาร์จ่ะ" พัทรียาเงยหน้าขึ้นมองสบตากับรามิลแล้วยื่นมือมาจับมือของรามิลตามมารยาทสากล

     "สวัสดีค่ะ" รามิลก็ตะลึงอีกครั้ง เขาจ้องหน้าของพัทรียานานนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่า พอเธอแต่งหน้าแล้วจะสวยขนาดนี้ ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งเชิดรั้นแหลมเล็ก ดวงตายาวรี ขนตายาวงอน คิ้วโค้งสวยได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่ม และเธอเป็นคนยิ้มสวย โดยรวมแล้ว จัดได้ว่าเธอเป็นคนที่สวยสง่าและตรึงตาตรึงใจเขาเป็นอย่างมาก ส่วนพัทรียานั้นมองรามิล แล้วยิ้มให้เขาตามมารยาทและกล่าวทักทายเขาโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง และก็จำเขาไม่ได้ว่าเขาคือคนที่ชนเธอวันนั้น และแอบค่อนขอดเขาอยู่ในใจ  อึ๋ย! เนี่ยนะพ่อเทพบุตรสุดหล่อของยัยแนนนี่ รูปร่าง บุคลิกก็ดีอยู่หรอก และดูเค้าหน้าก็คงจะหล่อเหลาเอาการเหมือนกัน ถ้าไม่มีไอ้หนวดเครายาวเฟิ้มนั่น ดูรกรุงรัง ไม่น่าพิสวาทแม้แต่นิดเดียว แหว่ะ! ชอบของหล่อนไปคนเดียวเถอะ ไม่ต้องมาชวนฉันเห็นด้วยก็แล้วกัน

    "สวัสดีครับ คุณพัทรียา" รามิลพูดพร้อม ๆ กับส่งยิ้มให้เธออย่างจริงใจ แนนนี่เห็นรามิลมองบัวอย่างชื่นชมและไม่วางตาก็เกิดอาการไม่พอใจอยู่ลึก ๆจึงหาวิธีแยกเขามาจากพัทรียาเสียเพื่อตัดปัญหา

     "รามิลคะ ปกติบัวเค้าเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงพูดจากกับใครหรอกค่ะ แล้วก็ไม่สนใจผู้ชายด้วยค่ะ แนนนี่ว่าเราไปหาคุณพ่อกันเถอะค่ะ" แนนนี่พูดพลางพาเขาแยกออกมาจากพัทรียา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่อยากจะไปเลยแต่ก็ต้องรักษามารยาทยอมเดินตามไปแต่โดยดี ส่วนพัทรียาก็หันหลังกลับไปตักอาหารต่อ เพราะยังไม่อิ่ม

                    หลังจากที่พัทรียาทานอาหารจนอิ่มแล้ว เธอก็เดินเลี่ยงออกจากบริเวณณงานเลยไปที่ระเบียง ยืนรับลม แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างรู้สึกปลอดโปร่ง หามุมที่มีต้นไม้บังเพื่อต้องการความเป็นส่วนตัว เธอมองดูวิวของกรุงเทพฯยามราตรีอย่างเพลิดเพลิน และไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในมุมนี้คนเดียวซะแล้ว รามิลพาตัวเองหลบออกมาจากงานเลี้ยงที่น่าเบื่อนั้นอย่างยากเย็น เพราะกว่าจะหาจังหวะออกจากการติดตามแจของแนนนี่ ตอนที่เธอขอตัวเข้าห้องน้ำเขาจึงไม่รอเวลาที่จะหลบออกจากงานทันทีและมองหาที่ ๆ สามารถบังสายตาผู้คนได้ เขาจึงเลือกที่จะมามุมนี้ แต่พอก้าวเข้ามาปรากฎว่า มุมนี้มีเจ้าของซะแล้วเขาคิดจะหันหลังเพื่อไปหามุมอื่น แต่พอเพ่งมองผู้ที่มาครอบครองมุมนี้อยู่ก่อนนั้นเป็นพัทรียานั่นเอง เขาจึงเปลี่ยนใจที่จะไปหามุมอื่น และรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆเขาจึงใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์กับเธอ

     "ขอโทษครับ!" พัทรียาสะดุ้งเล็กน้อยและพอตั้งสติได้ก็ค่อย ๆ กันมาหาเสียงนั้น

     " ค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ" พัทรียาเอ่ยออกมาอย่างผู้ที่มีมนุษย์สัมพันธ์อย่างน้อยเธอก็ควรจะช่วยเพื่อนของเธอเทคแคร์เขาบ้าง แต่พอมองหน้าของเจ้าของเสียงนั้นเธอก็จำได้พ่อสุภาพบุรุษสุดหล่อของเพื่อนรักนั่นเอง

    "อ้าว...คุณนั่นเอง"

     "ครับ จะเป็นการรบกวนไหม๊ ถ้าผมจะขออยู่ตรงนี้กับคุณอีกคน" พัทรียายิ้มระคนขบขันกับวาจาที่เขาพูด

     " ไม่หรอกค่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ของโรงแรมแขกทุกคนมีสิทธิจะใช้บริการได้ค่ะ" เขายิ้มตาเป็นประกายอย่างดีใจที่เธอยอมสนทนาด้วยดี

    " เอ...แล้วแนนนี่ไปไหนล่ะคะ" พัทรียาพูดพร้อมกับสายตามองหายัยเพื่อนรักไปด้วย เพราะไม่อยากให้เพื่อเกิดความไม่พอใจ

    "คุณแนนนี่ขอตัวไปรับแขกน่ะครับ"เขาพูดปดออกไป

    " ผมก็เลยเลี่ยงออกมา ปกติผมก็ไม่ชอบมางานเลี้ยงสักเท่าไหร่ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง" พัทรียายิ้ม และรู้สึกดีใจที่มีคนที่มีความคิดเหมือนเธอ คิดพลางหัวเราะออกมา กิริยาของเธอเป็นที่ประทับใจเขาเป็นอย่างมาก

     " จะว่าอะไรไหม๊ ถ้าดิฉันจะบอกว่า ดิฉันก็รู้สึกเหมือนคุณ ถึงได้หลบมุมมาอยู่ตรงนี้ไงคะ" เธอพูดพลางมองหน้าเขาเหมือนเจอของถูกใจแล้วพูดต่อ

    " คือดิฉันถูกยัยแนนนี่ขอร้องแกมบังคับมาน่ะค่ะ และเราก็มีข้อแลกเปลี่ยนกัน และเป็นสิ่งที่ดิฉันพอใจจึงยอมมา และอีกอย่างก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลายเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ ด้วยค่ะ" เธอพูดพลางยิ้มให้เขาอย่างมีไมตรี เธอเป็นคนที่ยิ้มสวย และทำให้เขามีความประทับเธอมากขึ้น                 พัทรียาก้มดูนาฬิกา แล้วเงยหน้าขึ้นบอกเขา

    "ได้เวลากลับแล้วค่ะ ดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" เธอพูดพลางก้มหัวให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการกล่าวลา

    "ครับ สวัสดี หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะครับ" พัทรียาได้แต่ยิ้มรับ แต่ในใจคิดว่าไม่น่าจะเจอกันได้อีก และเธอก็ก้าวเดินผ่านหน้าเขาไป เขาได้กลิ่นกายหอมอ่อน ๆจากตัวเธอ แล้วสูดดมกลิ่นกายนั้นอย่างถือวิสาสะ โดยที่เจ้าของกลิ่นกายหอมนั้นไม่รู้ตัว     รามิลมองตามหลังพัทรียาไปด้วยสายตาชื่นชมในความสวยงาม สะดุดตา สะดุดใจ เขามากมาย ซึ่งไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแบบนี้เธอผู้ซึ่งเวลาเจอกันทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ทึ่ง และประทับใจ เป็นเหมือนหนังสือที่เขาหยิบขึ้นมาอ่านแล้วไม่อาจวางลงได้อยากอ่านต่อไปเรื่อย ๆ จนจบ

                   

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×