คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : งานเลี้ยง
3.งานเลี้ยง
ติ๊ด...ติ๊ด...เสียงโทรศัพท์มือถือของพัทรียาดังขึ้นขณะที่เธอกำลังจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า
ชื่อดังของกรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องออกมาซื้อของไปตุนเก็บไว้เพื่อให้ใช้ได้ทั้งเดือน ส่วนกับข้าวนั้น
เธอจะไปซื้อที่ตลาดเองทุกเช้าหลังจากที่เธอไปออกกำลังกายที่สวนสาธารณะของหมู่บ้าน เพราะเธอชอบ
ทานอาหารสดมากกว่า ซึ่งการมาซื้อของแต่ละครั้งเธอจะใช้เวลาประมาณครึ่งวันจึงจะได้ของครบตามที่ต้องการ
เธอกดรับเมื่อมองเบอร์ที่โชว์บอกให้รู้ว่าเป็นใคร
" ว่าไงแนนนี่ " เธอกรอกเสียงคุ้นเคยใส่โทรศัพท์
" บัว! เย็นนี้ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนเราหน่อยสิ " ฟังน้ำเสียงของเพื่อนรักดูออดอ้อนแกมบังคับอยู่กลาย ๆ
จนน่าหมั่นไส้ " งานอะไรยะ? ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยชวนชั้นสักที งั๋ยวันนี้ถึงชวน ชักสงกะสัยซะแล้วสิ"
" ฮี่ ๆ อย่าถามมากน่า ช่วยไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยดิ ขอร้องล่ะ แล้วจะพาไปเที่ยวเป็นการตอบแทนนะ"
แนนนี่รู้ว่าคำว่าเที่ยวมันมีอิทธิพลต่อเพื่อนรักของเธอมาก ๆ และมักจะใช้ได้ผลบ่อย ๆ
" เฮ้ย! ถึงกับมีสินจ้างรางวัลกันเชียวหรือจ๊ะ แสดงว่าจะต้องมีอะไรเป็นพิเศษแน่ ๆ ใช่ม้า..."
เพราะปกติพัทรียานั้น ไม่ชอบออกงานเลย ไม่ชอบพบปะผู้คน โดยเฉพาะมนุษย์ผู้ชายที่จะทำให้เธอละทิ้งความโสด
" เออ...น่ะ เดี๋ยวมาก็รู้เองแหล่ะ งานนี้เที่ยวฟรีนะแก" เฮ่ย! ไอ้เราก็มีจุดอ่อนอีตรงนี้แหล่ะ คำว่าเที่ยวฟรีเนี่ยฮ่ะ ๆ สนมาก ๆ เอาวะนานทีปีหนออกงานบ้างก็ดีเหมือนกัน แถมยังได้เที่ยวฟรีอีกตังหาก ฮิ ๆ ไม่เอาก็รู้สึกว่าตัวเองโง่ยังไงไม่รู้ โฮะ ๆ แต่เล่นตัวอีกหน่อยดีกว่า เพราะรู้แน่ ๆ ว่า ยัยเพื่อนรักต้องอ้อนต่อ ชัวว์!
" อืม... ชั้นไม่อยากไปเลยอ่ะแก มีงานค้างอีกตั้งเยอะ เจ้านายเร่งมาแล้วด้วย " ตั๋วเที่ยวภูเก็ต 2 คืน 3 วัน เลยนะแก " เห็นไม๊ เสร็จเราตามคาด เป๊ะ ๆ นี่ถ้าไปซื้อหวยคงถูกรางวัลที่หนึ่งแหง ๆ แต่บังเอิญ ไอ้เราก็ไม่เคยซื้อซะด้วย
" เออ ๆ ก็ได้อย่าลืมสัญญาที่พูดไว้ล่ะ " แหม...แกนี่ไม่ค่อยงกอีกตามเคย แต่งตัวสวย ๆ ด้วยล่ะ ไปแวะเอาชุดที่ร้านชั้นเลยนะ แล้วหกโมงเจอกันที่หน้าโรงแรงแรม...นะจ๊ะ..."แนนนี่พูดเสร็จก็ปิดการติดต่อทันที
หลังจากที่พัทรียาออกจากห้างสรรพสินค้า เธอก็ตรงไปยังร้านเสื้อผ้าของแนนนี่ทันที เลือกได้ชุดที่ถูกใจ พร้อมกระเป๋ารองเท้าเข้าชุดกันเรียบร้อยก็ตรงดิ่งกลับคอนโดทันที เพราะกว่าเธอจะทำการแต่งตัวเสร็จก็เกือบเวลานัดพอดี
" นาย! งานเลี้ยงเย็นนี้เริ่ม 1 ทุ่มนะครับ" รามิลเงยหน้าจากแฟ้มงานตรงหน้าแล้วเอ่ย
" อืม... ขอบใจ" เขาตอบอย่างเนือย ๆเพราะเขาเบื่องานเลี้ยงแบบนี้เสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องไปเนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขาโดยตรง
เวลา 06.55 นาฬิกา พัทรียา เลี้ยวรถคู่ใจเข้าโรงแรมที่นัดหมาย และเลือกจอดที่สะดวก ปลอดภัย เธอล็อครถ พร้อมกับหยิบกระเป๋า แล้วเปิดประตู ค่อย ๆ ลงจากรถอย่างระมัดระวัง เนื่องจากกลัวชุดสุดสวยของเพื่อนรักจะชำรุด แล้วมันจะปรับค่าชุดกับเธอโดยการยกเลิกตั๋วท่องเที่ยวซะก่อนน่ะสิ อิ ๆ พอก้าวลงจากรถและยืนเต็มความสูงของตัวเองแล้วก็สูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อเรียกความมั่นใจพร้อมกับยืดอกขึ้น ไหล่ตรง หน้าเชิด แล้วเริ่มก้าวเดินเข้าตัวโรงแรมอย่างมั่นคง ดูกระฉับกระเฉง ที่จริง ตอนที่เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยนั้น เธอเคยเป็นนางแบบเดินแฟชั่น และนางเอกละคร มาบ้าง เพราะฉะนั้นในการปฏิบัติตัวในงานเลี้ยงจึงไม่เป็นหนักใจสำหรับเธอ
เวลาเดียวกันรถลีมูซีนสีดำสนิทคันยาวก็แล่นเข้ามาจอดบริเวณโรงแรม แล้วบอดี้การ์ดก็วิ่งมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นนายส่วนมาธาและฮารีนั้นออกจากรถมาก่อนแล้ว และหันไปเห็นหญิงสาวที่เขาทั้งสองคอยติดตามเฝ้ามองพฤติกรรมวันนี้มาทั้งวันกำลังเดินเข้าโรงแรม มาธารีบเข้าไปกระซิบผู้เป็นนาย
" นายครับ นั่นคุณพัทรียาครับ " รามิลมองตามสายตาของมาธาไปยังหญิงสาวที่กำลังเดินตรงเข้าประตูโรงแรมเขาถึงกับตะลึงมองนิ่งอยู่ครู่หนึ่งอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
" แกแน่ใจนะว่าใช่เธอ" รามิลถามมาธาเพื่อความแน่ใจ
" โธ่! นายครับก็ผมเห็นเธอออกมาจากรถของเธอนี่ครับ" มาธารับรอง
"อืม..." รามิลมองหญิงสาวอย่างพิจารณา วันนี้เธอแตกต่างจากวันที่เขาเจอเธอในครั้งแรกโดยสิ้นเชิงเธออยู่ในชุดเดรสสีแดงกำมะหยี่ มีกระเป๋า และรองเท้าเข้าชุดกัน ข้าวของทุกอย่างดูแล้วล้วนมีราคา เน้นเรือนร่างสูงสมส่วนสวยสะดุดตา เธอเดินด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เธอเกล้าผมยาวขึ้นสูงเผยให้เห็นต้นคอระหง เธอไม่ใส่สร้อยคอแต่ ใส่ตุ้มหูระย้าแลดูอ่อนหวาน นี่แค่มองเห็นเพียงด้านหลังของเธอเท่านั้น ยังน่าดูขนาดนี้ แล้วด้านหน้าจะสวยขนาดไหน ให้นึกสงสัยว่าเธอมีนัดกับใครที่นี่ หรือเข้าร่วมงานเลี้ยงในห้องไหนกัน ส่วนมาธา ฮารี และ อาราซัค ก็ตื่นตะลึงในความงามของหญิงสาวด้วยเช่นกัน และอดทึ่งหญิงสาวไม่ได้ พวกเขาเริ่มที่จะเห็นด้วยกับการที่เจ้านายของพวกเขาให้ความสนใจกับหญิงสาวคนนี้ซะแล้ว
ฝ่ายพัทรียาเดินเข้างานด้วยอาการที่ไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่ แล้วสายตาก็สอดส่ายมองหายัยเพื่อนรักแนนนี่
" เฮ้! บัวทางนี้" แนนนี่โบกมือหยอย ๆ เรียกพร้อมกับรอยยิ้มที่ยินดีและสมหวังมาแต่ไกล บัวเดินไปในทิศทางที่แนนนี่อยู่ทันที
"ทานอะไรมารึยัง? " แนนนี่ถามเพื่อนรัก แล้วยิ้มระรื่น
"เข้าใจถามนะยะ จะเอาเวลาไหนมารับประทานมิทราบ กว่าชั้นจะแต่งตัวเสร็จก็ถึงเวลานัดพอดี ก็รีบแจ้นมานี่แหล่ะย่ะ อ้อ...แล้วก็อย่าลืมสัญญาล่ะ ไม่งั้นล่ะก็...เจี๋ยน" บัวพูดพลางยกมือขวาขึ้นทำเป็นรูปมีดเหมือนตอนเป่ายิ้งฉุบแล้วทำการลากจากด้านซ้ายมาด้านขวา แนนนี่เห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของเพื่อนแล้วอดหัวเราะไม่ได้
"ย่ะ! ไม่ลืมหรอกยัยงก"
"นี่บอกความจำเป็นของแกมาด่วน"
"เออ...ฟังให้ดีนะ "แนนนี่พูดพลางทำท่าเอียงอาย
" คือวันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับนักธุรกิจน้ำมันในภาคพื้นเอเชีย แล้วชั้นก็ไปปิ๊งผู้ชายคนหนึ่ง ชื่อ รามิล หล่อมาก ๆ เก่ง ฉลาด และที่สำคัญรวยล้นฟ้าเลยหล่ะ" บัวมองเพื่อนด้วยสายตาล้อเลียน
"เอาจริงรึเปล่าคนเนี้ย "
“จริงสิยะ เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้เค้ายังไม่มา ป่ะไหนว่าหิวไงหล่ะ ไปหาอะไรทานไป๊ เดี๋ยวจะเป็นลมไปซะก่อนที่จะได้รู้จักคนสำคัญของชั้น" แนนนี่แสดงท่าทางเคอะเขิน ส่วนบัวมองแม่เพื่อนรักอย่างหมั่นไส้
" ย่ะ! ไปนะ" พัทรียาก็เดินไปบริเวณที่บริการอาหารและเครื่องดื่ม ลานตาไปหมด เธอเลือกชิมอาหารอย่างเพลิดเพลินในรสชาดและสีสัน ประกอบกับความหิวเป็นทุนเดิม ทำให้เธอลืมแนนนี่ไปเสียสนิท ผู้เข้ามาร่วมงานต่างทะยอยเข้างานมาเริ่มหนาตามากขึ้น แต่พัทรียาก็ไม่ได้สนใจ ยังคงเดินเลือกอาหารไปเรื่อย ๆ ถึงแม้จะมีชายหนุ่มชาวต่างชาติหลายคนให้ความสนใจเธอ และขอพูดคุยด้วย เธอก็ทำเป็นไม่เข้าใจภาษาซะงั้น เพื่อตัดความสัมพันธ์ตั้งแต่ต้นซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำอยู่เป็นประจำ ที่จริงเธอสามารถพูดได้หลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน ญี่ปุ่น และกำลังเรียนภาษาอารบิกเพิ่มอีกหนึ่งภาษาเพราะงานเธอจะต้องได้ติดต่อกับลูกค้าชาวต่างชาติอยู่เสมอ และเธอก็คุยผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กับชาติอื่นอยู่เป็นประจำ เพื่อพัฒนาตัวเอง ประกอบกับที่เธอเป็นคนที่ใฝ่รู้ และเสาะแสวงหาความรู้ให้ตัวเองอยู่เสมอ แต่เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองนั้นตกอยู่ในเป้าสายตาของรามิลอยู่นานแล้ว ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่ในบริเวณงาน ถ้าสายตาเขาว่างเมื่อไหร่เขาก็จะมองมาที่เธออยู่ร่ำไป ทั้ง ๆ ที่ข้างกายเขานั้นมีสตรีสาวสวย เซ็กซี่ น่ารักคนหนึ่งนามว่าแนนนี่ซึ่งเธอนั้นก็ขยันสรรหาถ้อยคำมาสนทนากับเขาเสียเหลือเกิน และแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าเธอสนใจเขาเป็นพิเศษ แต่เขากลับรู้สึกเฉย ๆ และยอมสนทนาด้วยตามมารยาทที่พึงมี
" รามิลคะ มาทางนี้หน่อยสิคะ" แนนนี่พูดพลางถือโอกาสคล้องแขนเขาพาเดินไปหาพัทรียา เขาไม่ว่าอะไรเพราะเป็นทิศทางที่เขาอยากจะไปอยู่แล้ว
" บัว! บัว! " แนนนี่เรียกพัทรียา พร้อมเอามือสะกิดแขนของพัทรียาให้หันกลับมาหา
" รามิลคะ นี่พัทรียาหรือบัวเพื่อนของแนนนี่ค่ะ"
" บัวนี่คุณรามิลนักธุรกิจจากประเทศซาอาร์จ่ะ" พัทรียาเงยหน้าขึ้นมองสบตากับรามิลแล้วยื่นมือมาจับมือของรามิลตามมารยาทสากล
"สวัสดีค่ะ" รามิลก็ตะลึงอีกครั้ง เขาจ้องหน้าของพัทรียานานนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่า พอเธอแต่งหน้าแล้วจะสวยขนาดนี้ ใบหน้ารูปไข่ จมูกโด่งเชิดรั้นแหลมเล็ก ดวงตายาวรี ขนตายาวงอน คิ้วโค้งสวยได้รูป ริมฝีปากอวบอิ่ม และเธอเป็นคนยิ้มสวย โดยรวมแล้ว จัดได้ว่าเธอเป็นคนที่สวยสง่าและตรึงตาตรึงใจเขาเป็นอย่างมาก ส่วนพัทรียานั้นมองรามิล แล้วยิ้มให้เขาตามมารยาทและกล่าวทักทายเขาโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง และก็จำเขาไม่ได้ว่าเขาคือคนที่ชนเธอวันนั้น และแอบค่อนขอดเขาอยู่ในใจ อึ๋ย! เนี่ยนะพ่อเทพบุตรสุดหล่อของยัยแนนนี่ รูปร่าง บุคลิกก็ดีอยู่หรอก และดูเค้าหน้าก็คงจะหล่อเหลาเอาการเหมือนกัน ถ้าไม่มีไอ้หนวดเครายาวเฟิ้มนั่น ดูรกรุงรัง ไม่น่าพิสวาทแม้แต่นิดเดียว แหว่ะ! ชอบของหล่อนไปคนเดียวเถอะ ไม่ต้องมาชวนฉันเห็นด้วยก็แล้วกัน
"สวัสดีครับ คุณพัทรียา" รามิลพูดพร้อม ๆ กับส่งยิ้มให้เธออย่างจริงใจ แนนนี่เห็นรามิลมองบัวอย่างชื่นชมและไม่วางตาก็เกิดอาการไม่พอใจอยู่ลึก ๆจึงหาวิธีแยกเขามาจากพัทรียาเสียเพื่อตัดปัญหา
"รามิลคะ ปกติบัวเค้าเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงพูดจากกับใครหรอกค่ะ แล้วก็ไม่สนใจผู้ชายด้วยค่ะ แนนนี่ว่าเราไปหาคุณพ่อกันเถอะค่ะ" แนนนี่พูดพลางพาเขาแยกออกมาจากพัทรียา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่อยากจะไปเลยแต่ก็ต้องรักษามารยาทยอมเดินตามไปแต่โดยดี ส่วนพัทรียาก็หันหลังกลับไปตักอาหารต่อ เพราะยังไม่อิ่ม
หลังจากที่พัทรียาทานอาหารจนอิ่มแล้ว เธอก็เดินเลี่ยงออกจากบริเวณณงานเลยไปที่ระเบียง ยืนรับลม แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างรู้สึกปลอดโปร่ง หามุมที่มีต้นไม้บังเพื่อต้องการความเป็นส่วนตัว เธอมองดูวิวของกรุงเทพฯยามราตรีอย่างเพลิดเพลิน และไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในมุมนี้คนเดียวซะแล้ว รามิลพาตัวเองหลบออกมาจากงานเลี้ยงที่น่าเบื่อนั้นอย่างยากเย็น เพราะกว่าจะหาจังหวะออกจากการติดตามแจของแนนนี่ ตอนที่เธอขอตัวเข้าห้องน้ำเขาจึงไม่รอเวลาที่จะหลบออกจากงานทันทีและมองหาที่ ๆ สามารถบังสายตาผู้คนได้ เขาจึงเลือกที่จะมามุมนี้ แต่พอก้าวเข้ามาปรากฎว่า มุมนี้มีเจ้าของซะแล้วเขาคิดจะหันหลังเพื่อไปหามุมอื่น แต่พอเพ่งมองผู้ที่มาครอบครองมุมนี้อยู่ก่อนนั้นเป็นพัทรียานั่นเอง เขาจึงเปลี่ยนใจที่จะไปหามุมอื่น และรู้สึกยินดีอยู่ลึก ๆเขาจึงใช้โอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์กับเธอ
"ขอโทษครับ!" พัทรียาสะดุ้งเล็กน้อยและพอตั้งสติได้ก็ค่อย ๆ กันมาหาเสียงนั้น
" ค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ" พัทรียาเอ่ยออกมาอย่างผู้ที่มีมนุษย์สัมพันธ์อย่างน้อยเธอก็ควรจะช่วยเพื่อนของเธอเทคแคร์เขาบ้าง แต่พอมองหน้าของเจ้าของเสียงนั้นเธอก็จำได้พ่อสุภาพบุรุษสุดหล่อของเพื่อนรักนั่นเอง
"อ้าว...คุณนั่นเอง"
"ครับ จะเป็นการรบกวนไหม๊ ถ้าผมจะขออยู่ตรงนี้กับคุณอีกคน" พัทรียายิ้มระคนขบขันกับวาจาที่เขาพูด
" ไม่หรอกค่ะ ที่นี่เป็นสถานที่ของโรงแรมแขกทุกคนมีสิทธิจะใช้บริการได้ค่ะ" เขายิ้มตาเป็นประกายอย่างดีใจที่เธอยอมสนทนาด้วยดี
" เอ...แล้วแนนนี่ไปไหนล่ะคะ" พัทรียาพูดพร้อมกับสายตามองหายัยเพื่อนรักไปด้วย เพราะไม่อยากให้เพื่อเกิดความไม่พอใจ
"คุณแนนนี่ขอตัวไปรับแขกน่ะครับ"เขาพูดปดออกไป
" ผมก็เลยเลี่ยงออกมา ปกติผมก็ไม่ชอบมางานเลี้ยงสักเท่าไหร่ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง" พัทรียายิ้ม และรู้สึกดีใจที่มีคนที่มีความคิดเหมือนเธอ คิดพลางหัวเราะออกมา กิริยาของเธอเป็นที่ประทับใจเขาเป็นอย่างมาก
" จะว่าอะไรไหม๊ ถ้าดิฉันจะบอกว่า ดิฉันก็รู้สึกเหมือนคุณ ถึงได้หลบมุมมาอยู่ตรงนี้ไงคะ" เธอพูดพลางมองหน้าเขาเหมือนเจอของถูกใจแล้วพูดต่อ
" คือดิฉันถูกยัยแนนนี่ขอร้องแกมบังคับมาน่ะค่ะ และเราก็มีข้อแลกเปลี่ยนกัน และเป็นสิ่งที่ดิฉันพอใจจึงยอมมา และอีกอย่างก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลายเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ ด้วยค่ะ" เธอพูดพลางยิ้มให้เขาอย่างมีไมตรี เธอเป็นคนที่ยิ้มสวย และทำให้เขามีความประทับเธอมากขึ้น พัทรียาก้มดูนาฬิกา แล้วเงยหน้าขึ้นบอกเขา
"ได้เวลากลับแล้วค่ะ ดิฉันต้องขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" เธอพูดพลางก้มหัวให้เล็กน้อยเพื่อเป็นการกล่าวลา
"ครับ สวัสดี หวังว่าเราคงได้พบกันอีกนะครับ" พัทรียาได้แต่ยิ้มรับ แต่ในใจคิดว่าไม่น่าจะเจอกันได้อีก และเธอก็ก้าวเดินผ่านหน้าเขาไป เขาได้กลิ่นกายหอมอ่อน ๆจากตัวเธอ แล้วสูดดมกลิ่นกายนั้นอย่างถือวิสาสะ โดยที่เจ้าของกลิ่นกายหอมนั้นไม่รู้ตัว รามิลมองตามหลังพัทรียาไปด้วยสายตาชื่นชมในความสวยงาม สะดุดตา สะดุดใจ เขามากมาย ซึ่งไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกแบบนี้เธอผู้ซึ่งเวลาเจอกันทำให้เขารู้สึกแปลกใจ ทึ่ง และประทับใจ เป็นเหมือนหนังสือที่เขาหยิบขึ้นมาอ่านแล้วไม่อาจวางลงได้อยากอ่านต่อไปเรื่อย ๆ จนจบ
ความคิดเห็น