ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวางเฟยของข้าเป็นเพียงภรรยาผู้อ่อนแอ

    ลำดับตอนที่ #1 : เนิ่นนานนับหมื่นปี

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 64


    ตอนนที่ 1 : เนิ่นนานนับหมื่นปี

     

    สายลมหนาวในฤดูเหมันต์พัดผ่านเข้ามาในทุ่งหญ้าอันแสนกว้างไกลที่ซึ่งหญิงสาวนางหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าของนางงดงามและเย้ายวนราวกับนางฟ้านางสวรรค์ ช่างน่าสงสัยนักที่คนงามเช่นนางกลับปรากฎตัวในที่รกร้างอันห่างไกลด้วยวัยราวกับเพิ่งผ่านพ้นพิธีปักปิ่นมาเพียงไม่กี่หนาว

    "ท่านเทพสวรรค์ พวกท่านจะใจร้ายกับโฉมงามเช่นข้าเกินไปหน่อยกระมัง"

    คนงามกล่าวตำหนิพร้อมเงยหน้ามองท้องนภา นางผู้หลับใหลไปกว่าหมื่นปีตื่นขึ้นมาในตอนเช้าช่วงย่างเข้าหน้าหนาว สิ่งแรกที่นางทำคือเดินทางมาต่อว่าผู้ที่ทำให้นางโดนลงโทษ 

    ตรงหน้านางคือ 'หุบเขาหมื่นราตรี' ซึ่งเป็นประตูสู่แดนสวรรค์และนรก นางใช้เวลาเพียงชั่วยามเดินทางมายังที่แห่งนี้ ที่ซึ่งเขาผู้นั้นประจำการอยู่ เขาเป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของนางแต่ทว่าเขากลับตายไปเสียแล้ว

    "เจ้าหวังเหล่ยโง่เง่า"

    ซือเซียนเซียนไม่อดไม่กล่าวว่าเทพผู้คุมประตูสวรรค์ผู้นั้น เขาจากไปเหลือไว้เพียงป้ายวิญญาณและหลุมศพเช่นมนุษย์ธรรมดาและข้างๆ ก็มีศพภรรยามนุษย์ของเขา

    "แม่นางซือเซียนเซียน ท่านเองก็หักห้ามใจเสียเถิด"

    เทพคุมประตูคนใหม่ที่มาทำหน้าที่ประจำการแทนหวังเหล่ยกล่าวกับนางพร้อมสีหน้าลำบากใจ เรื่องราวความรักของปีศาจเช่นนางและเทพสวรรค์หวังเหล่ยโด่งดังเท่ากับตำนานรักของเฒ่าจันทรา

    "ตัดใจอันใดกัน"

    "ท่านซือเซียนเซียน" 

    เทพหนุ่มมีสีหน้าหนักใจก่อนจะนึกย้อนไปถึงเรื่องราวทั้งหมด ไม่มีปีศาจและเทพตนใดไม่ทราบว่า ราวๆ หนึ่งหมื่นปีก่อนมีปีศาจจิ้งจอกตนหนึ่งคอยติดตามเทพสวรรค์หวังเหล่ยดั่งเงา นางคือจิ้งจอกสาวนามว่า 'ซือเซียนเซียน' บุตรธิดาคนเดียวของเทพอสูรและปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง บุตรสาวของปีศาจที่ทรงอำนาจแม้แต่เจ้าแห่งปีศาจยังต้องเกรงใจนางอยู่หลายส่วน หากยางเป็นสีดำท่านหวังเหล่ยย่อมเป็นสีขาว ถึงแม้ชาติกำเนิดและนิสัยจะแตกต่างแต่ทั้งสองคล้ายกับเป็นสหายผู้รู้ใจ ที่ไหนมีนางที่นั่นย่อมมีเขา

    ทั้งคู่คบหากันอยู่หลายปีจนต่อมาเมื่อท่านหวังเหล่ยได้ลงมาประจำการที่หุบเขาหมื่นราตรี ท่านได้พบเจอหญิงสาวชาวบ้านซึ่งเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งและโดนเฒ่าจันทราผูกด้ายแดง ท่านหวังเหล่ยตกหลุมรักหญิงสาวผู้นั้นจนอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับนาง ท่านหวังเหล่ยถึงกลับผนึกตบะพลังออกมาเป็นลูกแก้วและคิดจะมอบให้หญิงสาวชาวบ้านเพื่อให้นางมีอายุยืนยาวจนปีศาจซือเซียนเซียนผู้ติดตามโกรธแค้นจนถึงขึ้นแตกหักกับท่านหวังเหล่ย นางพยายามจะเข่นฆ่าคนรักของท่านหวังเหล่ย จนสุดท้ายต้องถูกท่านหวังเหล่ยและบิดาของนางซึ่งเป็นปีศาจชั้นสูงจองเอาไว้

    ไม่คิดว่าหลังจากผ่านไปหมื่นปีคนแรกที่นางนึกถึงยังเป็นท่านหวังเหล่ย ความรักของางช่างมั่นคงน่าเลื่อมใส

    "ท่านหวังเหล่ยจากไปเกือบห้าร้อยปีแล้วนะขอรับ"

    "เหล่ามิตรสหายที่ท่านรู้จักล้วนจากไปสิ้นแล้วเช่นกัน"

    เวลาหมื่นปีนับว่านานแต่ก็ไม่นานนัก ผู้คนรอบข้างอาจจะยังมีชีวิตหากไม่มีเหตุสงครามเทพปีศาจเมื่อพันปีก่อน ศึกครานั้นพรากชีวิตเทพปีศาจทั้งดีเลวไปกว่าครึ่งก่อนจะจบสิ้น

    สวรรค์นรกล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวกันนับจากนั้น

    "ไม่ยุติธรรม"

    ซือเซียนเซียนกล่าวคำนี้อยู่ในใจมาราวหมื่นปี ตำนานความรักเทพปีศาจอันใดล้วนแล้วแต่โกหก ปีศาจจิ้งจอกผู้งดงามอย่างนางหรือจะหลงรักเทพโง่งมผู้นั้น ช่างน่าขันนัก

    ใบหน้างามแสดงท่าทางไม่พอใจยามเมื่อนึกถึงเรื่องราวความจริงของบทลงโทษ นางไม่ได้จะเข่นฆ่าใครเพื่อความรัก นางเพียงแค่เข้าไปในห้องของหวังเหล่ยสหายเพียงหนึ่งเดียวของนางตอนที่เขาสกัดพลังใส่ลูกแก้วสำเร็จ นางเพิ่งตื่นนอนและเห็นเพียงลูกกวาดหลากสีจึงหยิบกินไม่ถามไถ่

    ใครจะรู้ว่านั่นคือตบะพลังของหวังเหล่ยที่ตั้งใจมอบให้คนรัก เป็นนางเองที่หิวจนลืมไต่ถามไป เรื่องราวใหญ่โตถึงเทพทั้งหลายหวาดกลัวว่านางจะมีพลังมากเกินไป พวกนั้นร่วมมือกันลงโทษโดยการจองจำนางเอาไว้ทั้งที่ไร้ซึ่งความผิด

    “ข้าถูกลงโทษเพราะหิวเข้าใจหรือไม่”

    “…..”

    "สวรรค์! ข้าหาได้รักบุรุษโง่งมผู้นั้น"

    "ขอรับ"

    คู่สนทนาคล้ายกับว่าไม่เข้าใจสิ่งที่นางเอื้อนเอ่ย

    "ทุกอย่างข้าผิดเอง"

    นางผิดเองที่ปล่อยให้ทุกคนเข้าใจผิดมากนาน ซือเซียนเซียนหลับตาก่อนนางจะชูมือข้างขวาขึ้นฟ้าและทันใดนั้นท้องฟ้าที่สว่างสดใสกลับมืดครึ้มและเกิดสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมายังป้ายวิญญาณของหวังเหล่ย

    เปรี้ยง!

    ป้ายวิญญาณที่ทำจากหินชนิดเดียวกับประตูสวรรค์ระเบิดจนกลายเป็นผุยผง

    "เช่นนี้แล้วยังคิดว่าข้ารักเขาอยู่หรือไม่"

    "แม่นางซือเซียนเซียน โปรดละเว้นคนตายด้วยขอรับ"

    เทพผู้เฝ้าประตูถึงกับล้มพับเขาอ่อน เขาเพิ่งมาเฝ้าประตูแทนเทพประจำเพียงสองวันเท่านั้น ถ้าเรื่องป้ายวิญญาณเสียหายรู้ถึงหูเทพบนสวรรค์เขาต้องโดนโทษร้ายแรงแน่ๆ เขาไม่น่ารับอาสามาเลย เป็นเพียงผู้ช่วยเทพจันทราก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือไร

     

     

    แคว้นหนิงหยาง,

    เสียงทหารย่ำเท้ากรูเข้าห้ำหั่นกับฝ่ายศัตรูดังกึกก้องพร้อมกับเสียงกลองซึ่งเป็นสัญญาณศึก แคว้นหนิงหยางนำศึกโดย ‘ชินอ๋อง’ พาเหล่าทหารกล้าจากค่ายวิหคเวหาเข้าบดขยี้ข้าศึก ทัพแคว้นหนิงหยางกำลังไล่ต้อนศัตรูที่กำลังเสียขวัญจากแผนการรบอันโหดเหี้ยมไร้ปราณี ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดีแต่จู่ๆ ท้องฟ้ากลับมืดมน

    ครืน~

    ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีดำก่อนจะมีสายอัศนีฟาดลงมากลางสนามรบอย่างรวดเร็ว

    ตูมมมม!

    เศษดินปลิวกระจายพร้อมกับร่างนายทหารหนึ่งนายที่ปลิวตกจากหลังอาชาคู่ใจ

    "ท่านแม่ทัพ!"

    หน่วยวิหคเวหาเห็นร่างท่านแม่ทัพปลิวไปกระแทกต้นไม้ใหญ่จนหักโค่งเป็นสองท่อนกับตา นั่นนับว่าเป็นคราวซวยโดยแท้ ใครจะทราบว่าวันนี้เกิดเรื่องวิปริตเช่นนี้

    "ถอย รีบพาท่านแม่ทัพกลับค่าย"

    เสียงรองแม่ทัพตะโกนกู่ก้องแข่งกับเสียงท้องฟ้าที่ยังคำรามลั่น ชายร่างกำยำหลายคนรีบเข้ามาพยุงร่างแม่ทัพผู้เกรียงไกร แม่ทัพไร้พ่ายแห่งแคว้นหนิงหยางที่บาดเจ็บสาหัสเพราะโดนสายฟ้าฟาดช่างเป็นเรื่องแปลกกระหลาดพิกล

    หลังจากถอยทัพกลับค่ายและปล่อยให้ศัตรูหลุดมือไป ท่านแม่ทัพที่หลับไปตื่นขึ้นมาในอีกสามวันถัดจากนั้น สิ่งแรกที่ท่านแม่ทัพกระทำคือกลับไปยังซากต้นไม้ที่หักโค่นและสั่งให้ทหารกล้านำมันไปทำฟืน

    "เผาให้สิ้น!!!"

    "ขอรับท่านแม่ทัพ"

    ในกองทัพยามนี้รู้สึกว่าอารมณ์ของท่านแม่ทัพน่ากลัวกว่าสายฟ้าที่ฟาดลงมาคราวนั้น

    "พวกมันหนีไปที่ใด"

    "คนของเรารายงานว่าพวกมันหนีไปทางหุบเขาหมื่นราตรีขอรับ"

    "ดี พวกเราจะบดขยี้มันหน้าประตูนรกสวรรค์"

    เสียงผู้กรำศึกมาตั้งแต่จำความเอ่ยคำมั่นก่อนจะจัดไพร่พลติดตามพวกศัตรูไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทีทชาวพื้นเมืองหวาดกลัว ว่ากันว่าที่แห่งนี้ทีปีศาจหญิงสาวผู้อาภัพรักอาศัยอยู่

     

     

     

     

    …………

    *** ฝากปีศาจน้อยผู้โดนรังแกจากสวรรค์ไว้ในอ้อมกอดทุกคนด้วยนะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×