คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : มนุษย์อ่อนแอ
ตอนที่ 4 : มนุษย์อ่อนแอ
"ข้ากำลังรอเจ้าอยู่"
พรึบ!
สิ้นเสียงภายในมุมมืดของห้องปรากฎร่างจิ้งจอกตัวอ้วนกลมตัวเดิมที่เขาเคยเจอ เป็นนางที่บุกเข้ามาเงียบเชียบไร้เงา หากเป็นศัตรูแม่ทัพเช่นเขาอาจจะสิ้นชีพไปแล้ว
"เจ้ามนุษย์อ่อนแอ"
ซือเซียนเซียนมองบุรุษหน้าตายที่กำลังเดินไปรินชาใส่จอกและส่งมอบให้นางในร่างจิ้งจอก ชายผู้นี้ไม่รู้หรือว่านางอยู่ในร่างสัตว์ร้าย
"หึ!"
ฉับพลันเจ้าจิ้งจอกก็กลายร่างเป็นหญิงสาวและรับจอกน้ำชามาถือไว้ ถึงนางจะเป็นปีศาจแต่เรื่องมารยาทมนุษย์นางก็พอรู้อยู่บ้าง หากไม่ทำตามอาจจะโดนตำหนิได้
"นับเป็นโชคชะตาที่เราได้พบเจอกัน"
"ผู้ใดอยากเจอเจ้า"
มนุษย์ผู้นี้กล่าวออกมาได้ไม่ละอาย เหอะ! หน้าหนาเกินไปแล้ว
"ไม่ใช่เจ้าหรือที่เข้ามาพบข้าในเรือนนี้"
"ข้ามาสังหารเจ้า"
"อ้อ!!"
ผู้จะถูกสังหารเพียงพยักหน้ารับหนึ่งคราและหันไปสนใจกับกาน้ำชา ไม่เพียงแต่จะปรายตามาสนใจมือสังหาร
"นี่เจ้า!!"
"มนุษย์เราหากคิดจะสังหาร ไม่เสียเวลาพูดคุย"
"เช่นนั้นหรือ"
ซือเซียนเซียนจำได้ว่าในอดีตก่อนนั้นการต่อสู้กระทำกับแบบเปิดเผย ต้องมีการท้าประลองให้ถูกต้องตามกฎสวรรค์
"แย่แล้วๆ ข้าหลับนานเกินไป"
เหตุใดสิ่งที่เคยกระทำผู้คนกลับไม่ทำเหมือนคราอดีต
"ปีศาจจิ้งจอกหายสาบสูญไปจากพวกเรานานมากแล้ว"
"พวกมนุษย์ไม่เคยเห็น ใช่ว่าพวกเราจะไม่มีอยู่จริง" หายสาบสูญแสนปีอะไรกัน นางเพียงแค่หลับไปหมื่นปี
"ก็อาจจริง" ฉินไค่เฉิงพยักหน้ารับก่อนจะจิบชาในแก้วและปรายตาหันกลับมามองนาง
"เจ้าในตอนนี้หากเปิดเผยให้มนุษย์รู้ว่าเป็นปีศาจ อาจจะกลายเป็นจิ้งจอกย่าง"
"พวกเจ้ามีวิชาชั้นต่ำ"
วิชาปราบปีศาจนั้นแม้ไม่เคยเจอนางก็เดาได้ว่าจะต้องร้ายกาจมากแน่นอน เพราะนับตั้งแต่ตื่นมานางไม่อาจะสัมผัสได้ถึงพลังของเหล้าพี่น้อง บางทีอาจจะสูญสิ้นไปหมดแล้วเพราะวิชาชั้นต่ำ
"ผู้ที่ร่ำเรียนย่อมมีวิชา" ฉินไค่เฉิงไม่ปิดบัง แถมยังลุกขึ้นและก้าวมาหยุดตรงหน้านาง
"มนุษย์มิได้อ่อนแออีกต่อไป"
พรึบ!
นางลงมือหมายจะสั่งสอนเด็กน้อยผู้หยิ่งยโส มือซ้ายพุ่งไปหมายจะกระแทกร่างใหญ่ให้กระดูกแหลกสลายแต่ช้ากว่าอีกฝ่ายที่ช่วงชิงโอกาสรวบแขนนางเอาไว้ก่อน
"เจ้าเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ได้เร็วนัก"
คำชมไม่คล้ายยินดี ใยนางรู้สึกราวกับถูกเด็กผู้นี้ตำหนิอยู่
"วิชาปีศาจเรียกผู้ปราบปีศาจได้ไวกว่าสิ่งใด"
ขวับ!
นัยน์ตาของนางจิ้งจอกหันไปมองสบดวงตาคม
"เจ้าหมายความว่า..."
"มันทำให้ข้านึกอยากจะปราบปีศาจขึ้นมา"
"เหอะ! คิดจะจัดการข้ายังเร็วไปหมื่นปี"
นางหาใช่ปีศาจปลายแถว ซือเซียนเซียนไม่เพียงขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็หลุดออกจากการเกาะกุมง่ายดาย ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวนางยังกระแทกฝ่ามือส่งพลังกระแทกใส่ร่างแกร่งจนเขาซวนเซล่าถอยไป
"มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ ถึงเจ้าอย่างไรก็ยังคงอ่อนแอ"
ปีศาจสาวปรายตามองชายหนุ่มที่กุมท้องตัวเองเอาไว้ นางไม่ได้สนใจและผลุบหายไปในความมืดเช่นคราวที่เข้ามา การที่นางไปโดยไม่หันกลับมาทำให้นางไม่อาจเห็นว่าชายที่ทำท่าบาดเจ็บเมื่อสักครู่กลับมายืนตัวตรงไร้ร่องรอยความเจ็บปวด
ฉินไค่เฉิงรั้งนำทัพอยู่ที่ชายแดนเป็นเวลานานกว่าสองปีแต่นับตั้งแต่ปีศาจตนนั้นจากไป เขาก็ไม่ได้เจอนางอีกไม่ว่าจะเข้าไปในป่าลึกสักเพียงใดก็ไร้เงา ปีศาจอวดดีเช่นนางไม่ใช่ถูกผู้อื่นจับย่างไปแล้วกระมัง!
"นายท่านขอรับ รอบๆ ค่ายไม่มีสัตว์ดุร้ายขอรับ"
นายกองผู้รับหน้าที่ลาดตระเวรกลับมารายงานเช่นเดิม เขาให้ทหารคอยดูแลเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่กลับมาใช้ชีวิตหลังสงคราม มีชาวบ้านบางกลุ่มเข้าไปในป่าเพื่อเสาะหาสมุนไพรและอาหาร
"ถอดป้ายออกได้"
เขาหมายถึงป้ายประกาศห้ามที่เคยติดเอาไว้เมื่อสองปีก่อน
"ขอรับ"
นายกองรับคำก่อนจะถ่ายทอดคำสั่งยกเลิกป้ายเพื่ออนุญาติให้ชาวบ้านเข้าไปในป่า หลังจากที่ลาดตระเวรกันมาหลายเดือนไม่พบสัตว์ดุร้าย อีกไม่ถึงสามวันท่านแม่ทัพจะต้องถึงกำหนดกลับเมืองหลวงนี่ถือเป็นคำสั่งสุดท้ายของท่านแม่ทัพที่ค่ายนี้
คืนสุดท้ายที่ค่ายก่อนออกเดินทางกลับได้เกิดลมพายุขนาดใหญ่พัดทำข้าวของเสียหาย เหล่าทหารในกองทัพต่างตื่นตระหนกเพราะไม่มีใครทราบว่าจะเกิดพายุในฤดูหนาว
"แปลกจริงๆ"
ทุกอย่างดูแปลกประหลาดเมื่อพายุนั้นพัดมาและทำลายข้าวของแต่ทว่าบรรยากาศรอบข้างกลับเงียบสงบ
"สำรวจความเสียหาย"
"ขอรับ"
ทหารทุกนายรับคำสั่งพร้อมกับแยกย้ายไป ตัวท่านแม่ทัพเองก็เดินสำรวจค่ายโดยมีรองแม่ทัพติดตามไม่ห่าง แม้จะออกรบพบเจอสงครามและฆ่าฟันมานับไม่ถ้วนแต่ทว่าบรรยากาศคืนนี้ช่างน่าขนลุก
"เจ้าไม่ต้องตามมา"
คำสั่งของท่านแม่ทัพสร้างความแปลกใจให้กับลูกน้องเป็นอย่างมาก
"ท่านจะออกไปนอกค่ายหรือขอรับ"
รองแม่ทัพโม่ถึงกลับลอบกลืนน้ำลายหลังจากที่สายตาคมของท่านแม่ทัพตวัดกลับมามอง น่ากลัวว่าบรรยากาศคืนนี้ก็สายตาของท่านแม่ทัพนี่แหละ เขาไม่น่าเอ่ยปากถามออกไป
รอบแม่ทัพโม่ลอบกลืนน้ำลายและถอยออกไปปล่อยให้ท่านแม่ทัพกระโดดหายไปในความมืด นับตั้งแต่พวกเราชนะสงครามเมื่องสองปีก่อน ท่านแม่ทัพก็มักจะชอบออกไปข้างนอกแบบไร้ผู้ติดตาม ไม่มีใครรู้ว่าท่านออกไปที่ใดไปพบใคร
ฉินไค่เฉิงกระโจนขึ้นไปบนกำแพงค่ายและกวาดตามองความเสียหาย เขาเป็นเพียงคนเดียวที่สัมผัสได้ถึงเจ้าของพลังนี้ เดิมทีคิดว่านางถูกกำจัดไปแล้ว พายุนั่นมิใช่เรื่องธรรมชาติเขารับรู้ได้ถึงแรงปะทะของสองขุมพลังที่ยิ่งใหญ่และมันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ฉินไค่เฉิงรีบไปยังจุดที่คาดว่าน่าจะเกิดเหตุ ภาพที่เห็นคือต้นไม้ที่ราบเป็นหน้ากลอง
น่าจะเป็นนางไม่ผิดแน่!
นัยน์ตาคมมองฝ่าความมืดไปรอบๆ ก่อนจะเห็นรอยเลือดบนหิมะสีขาวเป็นทางยาว เขาเดินตามรอยนั้นไปจนกระทั่งพบหมาป่าตัวอ้วนหายใจรวยรินอยู่ตรงลำธาร ไม่ได้เจอกันนานนางยังคงอวบอ้วนเช่นเดิม
"เจ้าบาดเจ็บ"
น้ำเสียงของผู้ที่เอ่ยออกมาทำให้หูของเจ้าจิ้งจอกกระดิก แต่ทว่ามันบาดเจ็บเกินกว่าจะมีแรงหันไปมองว่าเป็นผู้ใด เดิมทีปีศาจแช่งนางไม่มีแม้กระทั่งเลือดเขาเลยไม่แน่ใจว่าสีแดงฉานตรงหน้านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร
"ไปอวดเก่งกับใครเข้าล่ะ"
ฉินไค่เฉิงเดินมาหยุดตรงหน้านางก่อนจะมองสำรวจขนสีขาวที่บัดนี้กลายเป็นสีแดงแต่แผลกลับค่อยๆ ผสานกันอย่างน่าอัศจรรย์
"เจ้าน่ะ ยังจำข้าได้หรือไม่"
ทุกอย่างเงียบเชียบมีเพียงเสียงหายใจหนักๆ ของนางและเจ้าของร่างก็หลับตาลง
"เฮ่อออออ~"
เห็นทีเขาคงต้องช่วยในฐานะชายหนุ่มผู้แสนดีแล้วกระมัง ฉินไค่เฉิงกระตุกยิ้มก่อนจะร่ายมนต์บางบทส่งผลให้ร่างจิ้งจอกตัวอ้วนร้องเสียงแหบด้วยความเจ็บปวดไปพักใหญ่กว่าทุกอย่างจะสงบและเหลือไว้เพียงร่างหญิงสาวผู้หนึ่ง
"รอเจ้ามาสองปี นับว่าไม่เสียเวลา"
.........
*** น้องจิ้งจอกเหมือนมาจากอดีต ทุกอย่างเปลี่ยนไปน้องตั้งรับไม่ทัน น้องยังมึนอยู่
ความคิดเห็น