ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หวางเฟยของข้าเป็นเพียงภรรยาผู้อ่อนแอ

    ลำดับตอนที่ #2 : ท่านแม่ทัพและนางจิ้งจอก

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 64


    ตอนที่ 2 : ท่านแม่ทัพและนางจิ้งจอก

    สวรรค์โกรธแค้นนางมากหรืออย่างไร?

    ซือเซียนเซียนมองสะท้อนเงาตนเองในลำธาร นางยังคงงดงามเฉกเช่นวันวาน แต่ใยนางจึงต้องอยู่เพียงลำพัง

    "โฉมงามเช่นข้าจะอยู่ผู้เดียวได้อย่างไร"

    คนงามเอ่ยกับตนก่อนจะถอนหายใจและยอมรับชะตากรรม ปีศาจมากพลังเช่นนางไม่อาจตาย นางไม่มีแม้กระทั่งเลือด นางไม่มีมีวันตาย นับจากวันที่ตื่นมาพบว่าสหายได้ตายจากไป นางก็อาศัยอยู่บริเวณปากทางเข้าหุบเขาหมื่นราตรี 

    ใช่ว่านางจะปักหลักรักมั่นไม่ยอมจากไป นางเพียงแค่ไม่รู้จะไปที่ใด!

    "ช่างน่าเบื่อ"

    ดวงตาปีศาจผู้ซึ่งขึ้นชื่อว่าเจ้าเล่ห์มากเป็นอันดับหนึ่งกลิ้งกลอกไปมา ก่อนนางจะรับรู้ว่ามีผู้บุกรุกมายังอาณาเขตของนาง ผู้บุกรุกมีถึงสองกลุ่มใหญ่

    ร่างบางแปลงกายกลับเป็นสัตว์เก้าหางและเอนตัวนอนด้วยความเกียจคร้าน ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความลึกลับคงไม่มีคนตกใจหากว่าพบเห็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหางนอนอยู่ริมลำธาร

    ภายในป่าลึกอีกฝั่งหลังจากที่ติดตามศัตรูล่าช้าถึงสามวันแต่แม่ทัพหนุ่มกลับตามเจอพวกมันจนได้ 'ฉินไค่เฉิง' จัดการเด็ดหัวศัตรูที่หมายจะเข้ามายึดดินแดนและเข่นฆ่าชาวบ้าน สิ่งที่แม่ทัพอย่างเขารังเกียจคือการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์

    "นายของพวกเจ้ามันหนีไปที่ใด"

    น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมน่าเกรงขามทำให้ทหารฝ่ายศัตรูหวาดกลัวถึงขั้นร้องขอชีวิต ชายผู้นี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เพียงแค่เอ่ยประโยคคำถามใยรู้สึกราวกับมีมีดเล่มใหญ่พาดอยู่บนลำคอ

    "ท่านแม่ทัพถาม"

    เสียงรองแม่ทัพโม่กล่าวดังกึกก้องไม่แพ้กัน แต่ทว่าหารฝั่งนั้นกลับนิ่งเฉยราวกับพร้อมสละชีพ

    "สมกับเป็นทหาร"

    ฉินไค่เฉิงรบทัพจับศึกตั้งแต่อายุเพียงสิบหนาว บัดนี้สามสิบสองหนาวผ่านร้อยพันสมรภูมิและพบเจอศัตรูมามากมาย เขาย่อมมีวิธีทรมานพวกไม่รักตัวกลัวตาย ไม่มีวันที่พวกมันจะได้ตายสมใจ หากไม่ยอมพููดก็ต้องอยู่ไม่พ้นตายไปตราบเท่าชีวิตจะทนไหว

    "พาพวกมันกลับไปที่ค่าย"

    เสียงแกร่งเอ่ยสั่งก่อนจะแยกกำลังพลเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกนำนักโทษกลับไปสอบสวน ส่วนอีกกลุ่มสำรวจและเสาะหาร่องรอยของพวกที่หลบหนีต่อไป ถึงแม้พวกกบฏมันจะหนีไป แต่อีกไม่นานก็คงหาทางกลับมาให้เขาตามเจอ 

    พวกมันย่อมไม่มีทางรามือจากสงคราม

    "ข้างหน้ามีลำธารขอรับ พวกมันอาจจะไปทางนั้น"

    เสียงนายทหารคนหนึ่งรายงาน รองแม่ทัพโม่เทียนหวาง ไม่รอช้าทหารกลุ่มที่สองรีบรุดหน้าไปยังลำธารดังกล่าวแต่ไม่พบแม้เพียงเงา

    "แยกย้ายสำรวจ"

    ผู้ที่เป็นนายเอ่ยสั่งก่อนจะกวาดสายตามองรอบตัว ที่แห่งนี้ถือว่าอยู่ในป่าลึก ตัวเขาไม่ได้ยินเสียงนกร้องหรือสัตว์อื่นใด มันเงียบสงบคล้ายกับไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือไม่คงมีสัตว์นักล่าที่น่าเกรงกลัวอาศัยอยู่ เมื่อแน่ใจแล้วฉินไค่เฉิงจึงกระชับดาบในมือให้แน่นขึ้นก่อนจะค่อยๆ ก้าวเดินด้วยความระแวดระวัง

    "นั่นมัน"

    "ชู่ววว~"

    นัยน์ตาคมตวัดมองทหารชั้นผู้น้อยที่บังอาจส่งเสียงปลุกสัตว์นักล่า ตัวเขาเติบโตในสนามรบย่อมคุ้นเคยกับสัตว์ป่าแต่ทว่าจิ้งจอกตรงหน้าไม่ใช้จิ้งจอกธรรมดา

    "ปีศาจหรือขอรับนายท่าน"

    ทหารชั้นผู้น้อยกระชับดาบในมือและก้าวตามท่านแม่ทัพด้วยใจเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว

    "มันตัวใหญ่มาก"

    ใช่! ฉินไค่เฉิงเองก็คิดเช่นนั้น เขาไม่เคยเจอสัตว์ที่ตัวใหญ่เช่นนี้มาก่อน

    "นายท่านระ..."

    ตุบ!

    ร่างผู้ติดตามของเขาล้มตึงลงไปทันที ส่งผลให้สัตว์ตัวใหญ่ลืมตาตื่นและขยับมามองด้วยแววตาดุร้าย จิ้งจอกตัวนั้นคำรามลั่นก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาใกล้แม่ทัพหนุ่ม

    "ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า"

    เสียงแกร่งเอ่ยออกไป ไม่หวังให้มันเข้าใจเพียงแค่ต้องการบอกเท่านั้น

    "แต่เจ้าก็หันคมดาบใส่ข้า"

    จากเสียงคำรามกลายเป็นเสียงอ่อนหวานและพูดคุยภาษาเดียวกันไปเสียได้

    "เจ้าพูดได้"

    "ใช่! ข้าในตอนนี้พูดได้และกำลังพูดกับเจ้า" นางจิ้งจอกเอ่ยก่อนจะแปลงกายกลับเป็นร่างหญิงงามล่มเมือง นัยน์ตาบุรุษอาจจะพร่าเลือนยามเมื่อได้ยลโฉมนาง

    "กลัวหรือไม่"

    ซือเซียนเซียนฉีกยิ้มและกรีดกรายเข้าไปหามนุษย์ผู้ที่ไม่มีแววตกใจเมื่อเห็นเรื่องลี้ลับ

    ช่างน่าสนใจ!

    ปีศาจสาวส่งยิ้มหวานให้บุรุษผู้องอาจตรงหน้า เสน่ห์ของนางชวนเคลิบเคลิ้มและไม่กี่อึดใจนางก็จะจัดการปลิดชีพเขา

    ฉินไค่เฉิงมองนางปีศาจที่แอบร่ายมนต์หวังจะปลิดชีพเขาในช่วงจิบชา ก่อนเข้ามาในที่แห่งนี้เขาได้ทราบมาว่ามีปีศาจจิ้งจอกผู้อาภัพรักอาศัยอยู่ ย่อมเป็นนางไม่ผิดตัวแน่!

    "รบกวนแม่นางแล้ว"

    มือใหญ่ที่จับดาบไว้มั่นคลายความระแวงก่อนจะเก็บดาบนั่นและยืนมองปีศาจด้วยใบหน้าเรียบเฉย ซือเซียนเซียนหรี่ตามองบุรุษตรงหน้าด้วยฉงน นอกจากชายผู้นี้จะไม่กลัวนางแล้วมนต์ปีศาจยังใช้ไม่ได้ผลด้วยหรือนี่

    "เจ้าเป็นใคร"

    "ข้าชินอ๋อง อนุชาของฮ่องเต้แคว้นหนิงหยาง"

    ฉินไค่เฉิงไม่กล่าวปดแม้ครึ่งคำ ชื่อเสียงของเขาโด่งดังมากแต่คงไม่มาถึงในป่าลึกให้ปีศาจเช่นนางรับรู้ ความเก่งกาจ โหดเหี้ยม ไร้ปราณีของเขานับเป็นสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าปีศาจ

    "ข้ามีนามว่า ฉินไค่เฉิง"

    "ออกไปจากป่าของข้า"

    นอกจากจะไม่สนใจคนงามยังเอ่ยปากไล่อย่างไม่ใยดี

    "ข้ามาตามหาคนผู้หนึ่งไม่ทราบว่าแม่นางรู้หรือไม่ว่าเขาหนีไปทางไหน ว่ากันว่าปีศาจหยั่งรู้ฟ้าดินเพียงมนุษย์บาดเจ็บคนหนึ่ง ท่านคงรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน" ฉินไค่เฉิงเอ่ยถามแต่คนงามไม่ตอบ ร่างมนุษย์เปลี่ยนกลับไปเป็นจิ้งจอกตัวอ้วนดังเดิม

    "หึ!"

    มุมปากของแม่ทัพผู้เกรียงไกรคล้ายกับยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เจ้าจิ้งจอกขนสีขาวฟูและยกมือขึ้นมาลูบขนมัน

    "เจ้า!!!"

    เสียงนางเอ่ยก่อนจะขบกัดมือใหญ่ที่บังอาจแตะต้องนาง ซือเซียนเซียนนางมั่นใจว่ากัดมือชายคนนั้นจนจมเขี้ยวกระดูกคงแหลกเหลวใช้การไม่ได้ แต่ไฉนเขากลับแย้มยิ้มไร้ความเจ็บปวด ฟันนางแหลมคมยิ่งกว่าสิ่งใดใยเขาจึงไม่บาดเจ็บ

    "มีแรงเพียงนี้เองหรือ"

    เจ้ามนุษย์ผู้นั้นเอ่ยถามนาง

    "เจ้าตัวอวบอ้วนถึงเพียงนี้เพราะเอาแต่นอนเป็นแน่ ตัวใหญ่โตแต่ใยเรี่ยวแรงถึงได้น้อยนิด" ถ้อยคำนั่นคล้ายกับกำลังตำหนินางที่เป็นถึงปีศาจเก้าหางในตำนานรักหมื่นปี

    "เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำ"

    เสียงจิ้งจอกสาวคำรามลั่นพร้อมกับกระโจนเข้าใส่ร่างองอาจนางกดทับเขาและหวังจะขบกัดให้สิ้นชีพ

    "ตัวเจ้าหนักเอาเรื่อง"

    บุรุษผู้นั้นกล่าวกับนางก่อนที่เท้าขวาจะตะปบลงบนอกแกร่งและกระชากจนอาภรณ์เขาฉีกขาด แต่ไม่ว่าจะทำเช่นไรชายผู้นั้นกลับไม่มีแม้เพียงบาดแผล

    "เหนื่อยหรือไม่"

    มนุษย์ผู้นี้เป็นตัวอันใด ซือเซียนเซียนไม่เข้าใจส่าเหตุมดเขาจึงไม่กลัว กลับยังเล่นลิ้นกลับกลอกใส่นาง หรือเวลาหนึ่งหมื่นปีที่นางหลับผู้คนเลิกหวาดกลัวปีศาจแล้ว

     

     

     

    .........

    *** ปีศาจถึงกับงงเลยฮะ พระเอกมาพร้อมสกิลเทพทรูลูกรักนักเขียน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×