[เขามาเลย ข้าจะสั่งสอนเจ้าเอง แกรนฟิช][ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าต่างหากที่จะเป็นฝ่ายสั่งสอน ย้ากก]
แป้กก ป๊อก เสียงของดาบไม้กระทบกัน การต่อสู้ของพวกเราได้เริ่มขึ้นแล้ว
นี้เป็นการละเล่นที่ข้าและแกรนฟิชชอบมากที่สุด การฟันดาบ มันเป็นสิ่งที่หาได้ยากจากในหมู่บ้านเลอีเนล ของพวกเราเผ่าเอล์ม เพราะพวกเรานั้นใช้เวทมนตร์ในการต่อสู้ซะส่วนใหญ่
เด็กในหมู่บ้านนี้จึงมีแค่ข้ากับแกรนฟิชที่เล่นด้วยกัน เพราะความชอบที่ไม่เหมือนกัน จึงไม่ค่อยถูกกับพวกเด็กคนอื่นๆ
ข้ากับแกรนฟิชฝันเอาไว้ว่าสักวันต้องเป็นนักดาบที่เก่งกาจให้ได้
[นี่ สักวันหนึ่งข้าจะต้องเป็นแบบท่านโกเบลให้ได้เลย ข้าจะทำให้ทุกคนยอมรับว่าเพลงดาบนั้นสามารถใช้ต่อกรกับเวทย์มนตร์ได้] แกรนฟิชบอกกับข้าถึงความฝันของเขาที่จะก้าวไปบนวิธีแห่งการใช้ศิลปะการต่อสู้เป็นหลักแทนการใช้เวทมนตร์
[นายจะมากับฉันรึเปล่าล่ะ ถ้าพวกเราร่วมมือกันจะต้องเป็นคู่หูที่เยี่ยมแน่ๆ] แกรนฟิชชักชวนให้ข้าร่วมเดินทางไปบนวิถีดาบกับเขา
สำหรับข้าแล้วแกรนฟิชเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ไม่ใช่สิเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้าและจะเป็นตลอดไป พวกเราได้สาบานร่วมกันว่าจะต้องไปอยู่บนจุดยอดของเหล่านักดาบให้ได้
[ไปไหนมา ไปเล่นกับเจ้าเด็กเหลือขอนั้นอีกแล้วใช่มั้ย ถ้าว่างมากนักทำไมไม่มาช่วยแม่แยกเนื้อผ้า มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอกนะ] เป็นประโยคแรกที่แม่ของข้าบ่นออกมา ไม่รู้ทำไมถึงไม่เข้าใจความต้องการของข้าสักที
[วิถีแห่งดาบไม่ใช่เรื่องไร้สาระนะ ข้าน่ะจะต้องเป็นยอดนักดาบเหมือนท่านโกเบลให้ได้เลย] ทำไมทุกคนถึงได้ดูถูกวิถีแห่งดาบกัน
[โดนเป่าหูมาอีกละสิ โกเบลนะเป็นแค่คนทรยศเท่านั้นแหละ]
[ไม่ใช่นะ เขาน่ะเป็นวีรบุรุษ] ไม่ยอมให้ใครมาว่าท่านโกเบลเด็ดขาด
[วีรบุรุษที่หันดาบเข้าหาราชวงค์น่ะ เขาเรียกว่าคนทรยศ] ทำไมกันล่ะ ทั้งที่เพราะเขาเป็นผู้นำในการป้องกันเมืองแท้ๆ ทำไมถึงถูกเรียกว่าคนทรยศ ทั้งๆที่ช่วยชีวิตของประชาชนไว้มากมาย ทำไมต้องมองเพียงแค่จุดเล็กๆด้วย
[สักวันผมจะต้องเป็นอย่างท่านโกเบลให้ได้] ต่อให้ใครจะพูดอะไรก็ช่าง ข้าจะต้องเป็นเหมือนท่านโกเบลให้ได้ ใช่มั้ยแกรนฟิช พวกเราจะก้าวไปด้วยกัน
ใช่แล้วสักวัน ข้าจะต้องเป็นยอดฝีมืออย่างท่านโกเบลให้ได้ ไม่ยอมจบอยู่ที่นี่เด็ดขาด
[ว้ากกก] ข้าพยายามดันตัวให้ลุกขึ้นมา ไม่ยอมจบอยู่ที่นี่หรอก ใครจะยอมกัน ข้ายังไม่ได้แก้แค้นเลยด้วยซ้ำ มองดูข้าสิข้าน่ะยังไม่จบหรอก
[ยังลุกขึ้นได้อีกแหะ]
[มันยังไม่จบหรอกเจ้าหนุ่ม ข้าจะมาจบที่นี่ไม่ได้] จะมาจบทั้งๆที่ยังไม่ได้สร้างชื่อน่ะไม่ยอมหรอก
[มองดูข้าสิ แกรนฟิช จงมองดูข้าศิลปะการต่อสู้ที่ร่วมกันคิดขึ้นมา ข้าจะทำให้ต้องจารึกเอาไว้ มันจะไม่จบอยู่แค่นี้ ข้าจะต้องประกาศออกไปอีก] ข้าลุกขึ้นหยิบขวานคู่กายขึ้นมา แม้ว่าแขนขาจะถูกหัก หรือต่อให้เสียมันไป ก็ไม่ยอมจบแบบนี้ ช่วงเวลาที่ข้าใช้ฝึกซ้อมมา มันต้องไม่จบอยู่แค่นี้
[ก็รู้อยู่หรอกว่ามีจิตวิญญาณนักสู้ แต่ว่าสภาพร่างกายแบบนั้นเอาชนะใครไม่ได้หรอกนะ] เจ้าหนุ่มนั้นพูดตอบกลับมาถึงสภาพของข้าในตอนนี้ แขนซ้ายกับขาขวาหัก และแผลถูกชกที่ท้อง หัวถูกทุบเลือดไหลเข้าตา ด้วยบาดแผลขนาดนี้อย่าว่าแต่สู้เลย แค่ลุกขึ้นได้ก็เยี่ยมแล้ว
[ไม่ต้องสนใจ ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่คิดจะจบอยู่ที่นี่หรอก] ต่อหน้าเจ้านั้นข้าจะต้องแสดงให้มันเห็นให้ได้
[ในสภาพแบบนี้ไม่รู้จะทำไงเลย จะฆ่าก็เกินไปหน่อยมั้ง]
[เข้ามาเลย ข้าจะจัดการเจ้าให้ได้] ข้ารวบรวมแรงเท่าที่มี ก้าวไปข้างหน้า
[.......] ตุบ ร่างล้มลงตาพร้ามัวและข้าก็หมดสติไป
###########
[ไม่นึกเลยว่าจะสามารถต่อกรกับข้าได้นานขนาดนี้] ชาส์วเอ่ยชมวอเบอรี่ที่สามารถต่อสู้ภายในอาณาเขตเงาของเขาได้นานกว่าเหยื่อบางรายของเขา
[ฉันไม่ได้เข้าไปแฝงตัวเล่นๆหรอกน ข้อมูลม่าการโจมตีส่วนใหญ่น่ะฉันรู้หมดแล้ว] วอเบอรี่คุยข่มเอาไว้ว่าฝ่ายตนนั้นเหนือกว่าด้วยข้อมูล
คงจะต้องรีบหาทางทำลายอาณาเขตนี้ซะแล้ว
[แต่ว่าคงจะไม่รู้ถึงวิธีการทำลายอาณาเขตนี้สินะ] ชาส์วที่มองออกว่าเรื่องข้อมูลเป็นเพียงแค่การล้อหลอกของวอเบอรี่เท่านั้น
ก้อนเงาดำเริ่มรวมตัวกันก่อนที่จะพุ่งเข้าหาดาริลที่บาดเจ็บจากการเข้าช่วยพวกรอล่าก่อนหน้านี้
ฟิ้ว ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ วอเบอรี่รีบกระโดดเข้ามาฟันสกัดการโจมตีเอาไว้ทันที
ท่าเมื่อกี้เป็นท่าที่จะยิงเงาเข้าใส่ศัตรูแล้วใช้เงานั้นเข้าควบคุมร่างกายอีกฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์ เป็นท่าทีใช้ทำหลายการต่อสู้แบบหมู่ ทำให้เกิดช่องว่าง แล้วใช้ร่างของศัตรูโจมตีกันเอง เป็นท่าที่น่ากลัวมาก
[อย่าโดนเงานั้นเชียวล่ะ ให้ใช้พลังเวทย์ในการทำลาย] วอเบอรี่รีบบอกวิธีรับมือให้กับดาริลทันที
[รู้จักเวทย์นี้ด้วยรึเนี่ย น่าตกใจจริงๆนะ]
สถานการณ์ในตอนนี้เรียกได้เลยว่าย่ำแย่มาก ในสภาพที่มีคนที่สามารถต่อสู้ได้เพียงคนเดียวและมีคนที่บาดเจ็บอยู่ในบริเวณต่อสู้ด้วยยิ่งทำให้เสียเปรียบยิ่งขึ้นไปอีก แค่คนเดียวยังไม่พอยังมีอีกสอง แต่จะปล่อยไปแบบนี้ก็ไม่ได้ ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง
วอเบอรี่พยายามคิดหาวิธีทางรอดแต่ดูเหมือนชาส์วจะไม่ยอมรอแล้ว
[ข้าคงไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าแล้ว คงต้องรีบจบการต่อสู้โดยเร็ว ถึงแม้จะเล่นยิงเวทฯกันไปมาคงไม่ช่วยให้จบโดยง่ายแน่] ชาส์วที่ไม่อยากรออีกต่อไปได้เตรียมตัวที่จะเข้าปิดฉาก
กลุ่มเงารวมตัวกันออกมาจากกำแพงเงาที่มืดมิด ปรากฏเป็นร่างของชาส์วออกมาพร้อมกับดาบเล่มยาวในมือขวา
เป็นดาบยาวที่มีคมดาบด้านเดียวแต่สะท้อนเงาแวววาวเป็นอย่างมาก รูปทรงที่แปลกประหลาด รูปร่างดูแล้วคล้ายกับมีดที่ยื่นยาวออกมาตั้งตรงเหมือนกับเส้นขอบฟ้าแต่หนาและดูดุดัน แต่ยังให้ความรู้สึกที่พริ้วไหวรวดเร็ว ลายดาบงดงามเล็กไอพลังเวทย์ที่ออกมายิ่งทำให้ดูน่าเกรงกลัวเข้าไปอีก เหมือนกับจะสามารถเฉือดเฉือนได้ทุกสิ่ง
ดาบนั้นมันอะไรกันไม่เคยเห็นมาก่อน มีคมเพียงด้านเดียวแสดงว่าเน้นไปที่การโจมตีเพียงครั้งเดียว และยังมีช่วงดาบที่ยาวนั้นอีกแบบนี้ยังกับจะสามารถหักได้โดยง่ายแต่ว่าความรู้สึกเหมือนกับจะตรงกันข้าม
[จงยินดีซะเถอะที่ข้าต้องใช้ดาบเล่มนี้ปลิวชีวิตเจ้า] ชาส์วตั้งท่ากำดาบไว้ด้านหน้าของตน แผ่นหลังตั้งตรงแล้วเดินหน้าเข้าหาวอเบอรี่
วอเบอรี่กำลังสนใจที่เห็นว่าชาส์วนั้นสามารถใช้อาวุธได้และดาบของเขา ก็ต้องตกใจไปกับแรงกดดันที่ปล่อยออมมาจากชาส์ว
อะไรกัน ท่าเดินนั้น เป็นท่าเดินตรงเข้าหาธรรมดาแท้ๆแต่กลับมีแรงกดดันมากมายขนาดนี้ไม่ธรรมดาถ้าประมาทล่ะก็ คงไม่รอ..
ชิ้ง ฉึบ ฟุบบ ยังไม่ทันตั้งตัวปลาบดาบก็ฟันเข้าหาตัวซะแล้ว ทำเอาวอเบอรี่เกือบจะหลบไม่ทัน
เร็ว! ไม่สิเมื่อกี้แค่ประมาทไปเท่านั้นเอง มัวแต่สนใจไปกับแรงกดดันที่ปล่อยออกมาจนไม่ทันสังเกตว่าตำแหน่งเข้ามาใกล้แล้ว ถ้าตั้งสมาธิให้ดีล่ะก็
มาแล้วเข้ามาอีกแล้วคราวนี้ล่ะ ต้องมองให้ดีๆ
ตึก ตึก ตึก เข้ามาสิถ้าสวนกลับได้ล่ะก็
ตึก ตึก ชิ้ง ฟึบ ฉัวะ ครืดด
คมดาบรอบสองคราวนี้สามารถที่จะเรียกเลือดของวอเบอรี่ได้สำเร็จ
เป็นไปได้ไง เมื่อกี้จู่ๆระยะห่างก็ย่นเข้ามาอยู่ในระยะฟัน ยังโชคดีที่เมื่อกี้ถอยหลบออกมาได้ทันไม่อย่างนั้นคงตัดสินไปแล้ว
รอยถูกฟันลากยาวตั้งแต่ข้างตาขวาลงไปที่แก้ม แม้จะไม่ได้ลึกมากแต่ก็ส่งผลต่อการมองเห็นค่อนข้างมาก
ท่าเดินนั้นต้องมีอะไรแน่
[สงสัยสินะ ท่าเดินนี้เรียกว่าท่าเดินจู่โจม เป็นท่าที่ใช้จัดการกับศัตรูแบบเผชิญหน้าได้อย่าดีเลยล่ะ] ชาส์วอธิบายถึงท่าการเดินของตนให้วอเบอรี่รับรู้
[และท่านี้ยังไร้จุดบอด] เป็นการตอกย้ำให้กับวอเบอรี่อย่างมาก
ชาส์วใช้ท่าเดินจู่โจมอีกครั้ง เขาปล่อยแรงกดดันออกมาด้วยพร้อมกับเดินตรงเข้าหาวอเบอรี่
แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้อยู่เฉยรอให้ท่าจู่โจมเข้าหาตัว
[ก็จริงที่ยากต่อการรับมือแต่ว่า ถ้าเป้าหมายเคลื่อนที่อยู่จะเป็นยังไงนะ] พูดจบก็พุ่งตัวออกด้านข้างทันที จากนั้นก็พุ่งเข้าจู่โจมชาส์วจากทางด้านข้าง ก่อนที่จะหยุดเท้าและกระโดดถอยหนีออกไป
เกือบไปแล้วนี้แม้แต่ด้านข้างก็เข้าไม่ถึงรึเนี่ย ช่วงที่เธอเข้าไปหมายจะใช้กรงเล็บฟาดฟันก็ต้องตกใจถีบเท้าออกมาจากการเปลี่ยนด้านที่รวดเร็วของชาส์ว
[แบบนี้มันเก่งเกินไปแล้ว] ฝีมือขนาดนี้ไม่ใช่แค่เป็นแล้วนี้มันชำนาญเลย ทั้งความสามารถด้านเวทมนตร์ที่เทียบเท่านักเวทย์ระดับ6 และยังมีทักษะการใช้อาวุธขั้นสูงอีก แบบนี้แถบไม่มีโอกาสชนะเลย
[วิเคราะห์ได้ดี แต่ยังไม่ดีพอ การที่ตัดสินใจผิดพลาดอาจนำมาสู่ความตายได้] ชาส์วที่เห็นว่า
วอเบอรี่เลือกที่จะพุ่งเข้าหาแทนการรอก็อดชมไม่ได้ แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายท่านี้ลงได้
โจมตีด้านข้างก็ไม่ได้ ด้านหน้าก็ไม่ไหว แบบนี้คงเหลือแค่การโจมตีระยะไกลแล้ว แต่ว่าการใช้เวทมนตร์ผู้ใช้จะมีช่วงเวลาหนึ่งที่ร่างกายหยุดนิ่งถึงจะเพียงชั่วครู่แต่ก็เป็นการยืนเป็นเป้านิ่งให้กับอีกฝ่าย ยิ่งถ้าเจอกับพวกสายความเร็วแล้วยิ่งเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงของผู้ใช้เวทฯเลยที่เดียว
[คงต้องรีบปิดฉากแล้ว ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ พวกองครักษ์ดาบเงินคงจะมาถึงซะก่อนที่จะจัดการทำอะไรๆให้เรียบร้อย] กล่าวจบชาส์วก็เปลี่ยนท่าเป็นการย่อเข้าขาขวานำหน้าขาซ้ายอยู่หลัง ดาบแนบข้างลำตัว แลัวก้มตัวลงไป
[เอาล่ะมาปิดฉากเลยดีกว่า]
[พื้นปฐพีจงตอบรับข้า ในนามแห่งข้า ดาริล ทาเลส ทวยเทพโปรดปกป้องข้า ช่วยเหลือข้าจากความมืด พื้นปฐพีจงขานรับ สลายเขตแดน] เวทฯสลายเขตแดนถูกเรียกใช้งานโดยดาริล เขาค่อยๆเก็บพลังเวทย์ที่ละนิดและรอโอกาสเพื่อใช้มัน
วอเบอรี่นั้นรับรู้อยู่แล้วจึงตั้งใจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อดึงดูดความสนใจจากชาส์ว ตอนแรกคิดที่จะระดมยิงบอลน้ำไปรอบทิศเพื่อสร้างความชื้น ให้ชาส์วสนใจตัวเธอ แต่ไม่นึกว่าชาส์วนั้นจะออกมาปรากฏให้เห็นเองแบบนี้
อาณาเขตเงาค่อยๆพังทลายลงมา แสงส่องสว่างทำลายความมืดมิดหายไป
[อย่างนี้เอง ใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้ข้าสนใจเล็งเป้าเดียวสินะ] ไม่นึกเลยการที่เขาเผยตัวเพื่อจัดการเรื่องให้จบ จะเป็นการเปิดหนทางให้อีกฝ่ายร่ายเวทฯทำลายเขตแดนของเขา ความผิดพลาดนี้เขาจะต้องจำไปตลอดเพื่อไม่ให้พลาดแบบนี้อีกครั้ง
[แต่ว่าสถานการณ์ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ดี] ชาส์วตั้งท่าอีกครั้งคราวนี้ไม่มีเหตุการณ์ที่จะมาหยุดเข้าอีกแล้ว เขาพุ่งตัวเข้าหาวอเบอรี่อย่างรวดเร็วแล้วฟาดดาบเข้าหาทันทีเมื่อได้ระยะ
วอเบอรี่รีบยกกรงเล็บทั้งสองข้างขึ้นสะกัดการโจมตีที่รวดเร็วของชาส์วทันที
เคร้ง ครืดด ร่างของวอเบอรี่ถอยไปจากจุดปะทะก่อนที่มือทั้งสองข้างจะตกลง เป็นผลจากแรงกระแทก
อึก นี้มันอะไรกัน อาการชางั้นเหรอ
[ท่าเมื่อครู่ไม่ใช่ท่าสังหารเป็นเพียงท่าหยุดเท่านั้น ศัตรูจะชาจากการรับแรงกระแทกทำให้เกิดอาการชาขึ้นมา จากนั้นค่อยต่อด้วยท่าสังหาร] ชาส์วเดินมาหยุดที่เบื้องหน้าวอเบอรี่
บ้าจริง จะให้จบแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด จะปล่อยให้ภารกิจล้มเหลวไม่ได้ ถ้างั้นคงต้องใช้สิ่งนั้น
วอเบอรี่ใช้ปากปลดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นอัญมณีสีฟ้าใส เรืองแสงออกมา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย