ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แหล่งรวมเรื่องหวีดๆของเหล่าลูกลิง (super junior)

    ลำดับตอนที่ #77 : นแกรอบ เส้นทางสายที่7 Sungmin

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 147
      0
      19 พ.ค. 51



    ในชีวิตวัยเด็กของซองมิน เขามักจะใช้เวลาอยู่กับที่บ้านและแม่ เนื่องจากเขาเป็นลูกชายคนโต จึงมักถูกเรียกไปเป็นลูกมือในการทำอาหารเสมอๆ เพราะแม่ของเขาเป็นแม่ค้า และขายอาหารในตอนนั้น

          ตอนเด็กๆ ซองมินค่อนข้างเป็นคนเงียบ มักจะอยู่เงียบๆคนเดียว ราวกับในห้องเรียนนั้นไม่มีเขาอยู่ หนำซ้ำก็ยังขี้อายและไม่กล้าแสดงออกอีก แต่เมื่อเข้าชั้น ม.1 ขณะที่เขานั่งดูรายการบันเทิงอยู่นั้น ความฝันที่จะเป็นดาราก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของซองมิน หลังจากนั้น เขาจึงพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากที่ทำตัวเหมือนเป็นอากาศ ก็เริ่มที่จะทำตัวสดใส ร่าเริง เพื่อให้เข้ากับคนอื่นๆได้ แม้ในช่วงแรกมันจะยังรู้สึกขัดๆกับนิสัยที่เคยเป็นมาอยู่บ้าง แต่เขาก็ได้พยายามที่จะทำมันอย่างเต็มที่ แม้จะดีกว่าเดิมแค่เพียงเล็กน้อยก็เถอะ

          เมื่ออยู่ชั้น ม.2 เขาเริ่มหัดเต้นเบรคแดนส์และหัดร้อง
    เพลงอย่างเอาจริงเอาจัง จนกระทั่งในช่วงวันหยุดฤดูหนาวของชั้น ม.3 ซองมินก็ได้เตรียมตัวอย่างจริงจังเพื่อออดิชั่นในครั้งแรก แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อในทีมเต้นที่เขาร่วมวงอยู่ด้วยนั้นมีคนถอนตัว และทีมต้องขึ้นโชว์ในวันเดียวกับที่เขาต้องไปออดิชั่น ซองมินจึงชั่งใจอยู่นานสองนาน และตัดสินใจที่จะไปร่วมเต้นให้กับทีมในที่สุด

          และในวันนั้นเอง เขาก็ได้รับนามบัตรจากแมวมองของ SM Entertainment มาอย่างไม่คาดคิด ในงานที่เขาไปร่วมแสดงกับเพื่อนนั่นเอง และหลังจากนั้น เขาก็ได้เข้าร่วมออดิชั่นกับทางค่าย จนได้มาเป็นศิลปินฝึกหัด และแม้ว่าเขาจะเคยร่วมทีมเต้นกับเพื่อนๆ แต่พอมาเจอฮยอกแจ และได้เห็นเขาเต้นในครั้งแรก มันก็ทำให้ซองมินถึงกับอึ้ง ... เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว การเต้นที่เขาเคยมั่นใจ มันกลายเป็น "ไม่ได้เรื่อง" ไปในทันที ดังนั้น ซองมินจึงพยายามที่จะเต้นให้เก่งอย่างฮยอกแจให้ได้

          แต่สิ่งที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขาก็มาเยือน เพราะบุคลิกที่ชอบก้มหน้าก้มตา เก็บตัว แถมยังมีบุคลิกที่ค่อนข้างแย่ จึงถูกเรียกไปตักเตือนหลายต่อหลายครั้ง ในกรณีที่เขาไม่สามารถเข้ากับเพื่อนๆได้ และก็ยังปรับตัวไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองเพื่อที่จะเป็นนักร้อง ซองมินมักถูกเรียกให้ออกไปร้อง
    เพลงต่อหน้าบรรดารุ่นอยู่อยู่หลายๆต่อหลายครั้ง เพื่อที่จะให้เขาได้ฝึกความกล้า และเริ่มที่จะชินกับการอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย

          เขาจึงมักที่จะบอกตัวเองอยู่เสมอ ว่า "เรื่องที่ทำไม่ได้ ก็ต้องทำจนกว่ามันจะทำได้"

          ในทุกๆวัน ซองมินมักจะเลิกซ้อมราวห้าทุ่ม และกลับบ้านทางเดียวกันกับฮยอกแจ จุนซู และจองซู หลายต่อหลายครั้งที่เขาเหนื่อยจนเผลอหลับไปบนรถเมล์ และนั่งเลยป้ายอยู่บ่อยๆ ทำให้ต้องนั่งรถเมล์สายเดิมซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น

          ระยะเวลาการฝึกอันยาวนานนั้นค่อยๆผ่านไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่น้องชายอย่างจุนซูถามว่า "เราฝึกกันหนักแบบนี้ แล้วเราจะได้เดบิวต์เร็วๆใช่มั๊ยฮะ" ... เขาไม่รู้จะตอบเช่นไร นอกจากพยักหน้าแล้วยิ้มให้ เพราะว่าตัวของเขาเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าเขาจะได้เดบิวต์หรือเปล่า หรือว่าจะเป็นการฝึกฝนอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ

          แต่แล้วก็เหมือนมีแสงไฟริบหรี่ให้เห็นอยู่ที่ปลายทางที่มืดมิด เมื่อพวกเขาได้ถูกจับมารวมกลุ่มกัน โดยประกอบด้วยสมาชิกสามคนคือ ซองมิน จุนซู และฮยอกแจ โดยจะเป็นกลุ่มแนว R&B ที่ใช้ชื่อว่า "Danaeb" แต่แล้วก็ถูกยกเลิกไปในที่สุด เมื่อจุนซูมีปัญหาด้านเสียง ที่มันแตกมากเสียจนไม่สามารถร้อง
    เพลงได้ไปในช่วงหนึ่ง

          ซองมินจึงกลับมาใช้ชีวิตเป็นเด็กฝึกหัดที่ไร้สังกัด ไร้กลุ่มอีกครั้งหนึ่ง จนกระทั่งเวลาผ่านไป จนเขาอยู่ในชั้น ปี 2 ของไฮสคูล อาจจะเพราะการซ้อมที่หนักมาก ทำให้ซองมินที่เคยตั้งใจเรียนนั้นไม่มีเวลาที่จะทบทวนตำราเรียนเหมือนเก่า เกรดของเขาจึงร่วงลงแทบทุกวิชา สร้างความกังวลให้กับพ่อและแม่เป็นอย่างมาก ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็กังวลกับเรื่องเรียนต่ออยู่ไม่น้อยเช่นกัน

          เมื่อขึ้นชั้น ปี 3 ปัญหาเรื่องการเข้าเรียนต่อในระดับชั้นมหาวิทยาลัยของซองมินก็เข้ามารุมเร้าจนชีวิตเขานั้นขาดความสุข เกิดเป็นสงครามประสาทกับทั้งพ่อและแม่ จากที่เคยเป็นเด็กพูดน้อย เก็บตัว และพยายามที่จะทำตัวร่าเริงเพื่อเปลี่ยนบุคลิกมาแล้วรอบหนึ่ง ทำให้ซองมินเริ่มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะเก็บกดและเคร่งเครียดอีกครั้ง เพราะปัญหาและความกดดันที่เกิดขึ้น

          และเมื่อกำหนดที่จะได้เดบิวต์นั้นเลื่นออกไป ความคิดที่มีก็ยิ่งสะสมมากขึ้น จนสุดท้าย เขาก็หมดความอดทนกับปัญหารอบตัวที่รุมเร้า โดยทิ้งทุกอย่าง และไม่ยอมไปซ้อมอยู่หลายสัปดาห์

          สิ่งที่ซองมินกลัวก็คือ การทำให้พ่อและแม่ผิดหวัง แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ ความผิดหวังในตัวเอง ด้วยความที่เป็นลูกคนโต เขาจึงเปรียบเป็นความหวังของพ่อและแม่ ที่ต้องแบกรับภาระว่าที่หัวหน้าครอบครัวเอาไว้ หนำซ้ำยังต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆอีกด้วย และเมื่อเขาได้คิดทบทวนกับสิ่งที่ผ่านๆมา มันทำให้เขานึกถึงคำพูดที่ว่า "คนที่ผ่านความยากลำบากมามาก จึงจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ" ... เขาจึงหยุดที่จะหนีปัญหา และกลับมาฝึกซ้อมอย่างหนักอีกครั้งหนึ่ง

          การเรียนของซองมินที่เคยแย่ ก็เริ่มดีขึ้น และในที่สุดเขาก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ สร้างความภาคภูมิใจให้กับพ่อและแม่มากมาย และดูเหมือนทั้งคู่จะดีใจมากกว่าตัวเขาหลายเท่านัก ภาพที่พ่อกับแม่ดีใจจนโทรบอกเพื่อนๆในเรื่องที่เขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ยังคงติดตรึงในใจของเขาจนถึงทุกวันนี้ จากนั้น ซองมินจึงขยันและตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ไม่ได้สนใจแค่เพียงการซ้อมอย่างที่ผ่านๆมา เขาเข้าเรียนทุกคาบวิชาไม่เคยขาด และเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการสอบ จนได้รับรางวัลด้านการเรียนเมื่อผลการสอบเทอมแรกออกมา

          และในที่สุด วันที่พวกเขารอคอยก็มาถึง หลังจากที่ได้เห็นภาพของเพื่อนร่วมฝึกหัดมาด้วยกัน และน้องชายที่สนิทด้วย อย่างจุนซู ได้เดบิวต์ในนาม TVXQ ไปก่อนหน้าแล้ว ...เมื่อเขาได้ข่าวการเดบิวต์ของตัวเอง ว่าได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์กลุ่มใหม่ของ SM ก็ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก จนต้องถามคังอินซ้ำหลายๆรอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป

          แต่ก่อนที่จะได้เดบิวต์ เขาจำเป็นจะต้องลดน้ำหนักที่ค่อนข้างมากเกินความจำเป็นออกถึง 10 กิโล ดังนั้น ในแต่ละวัน เขาจึงควบคุมอาหารของตัวเอง โดยทานแต่เดนจังชีเก (แกงเต้าหู้) ...และไดเอทอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะมันคือด่านสุดท้าย ก่อนที่จะถึงจุดหมายที่เขารอคอยมานานแสนนาน

          ในหนึ่งวัน เขาจะออกวิ่ง 1 ชั่วโมง อาหารทั้งสามมื้อนั้นเป็นเดนจังชีเกกับข้าวครึ่งถ้วย ... รสชาติมันช่างจืดชืด และยังคงติดลิ้น ยากที่จะลืม

          และในที่สุด วันที่เขารอคอยมานานแสนนานก็มาถึง ซองมินจึงพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะยืนอยู่บนเวทีได้โดยที่ไม่ประหม่า จากเด็กหนุ่มที่เคยทำตัวเหมือนท่อนไม้ ที่ไร้ตัวตน เขาพยายามเป็นอย่างมากที่จะแสดงออก และทำให้ผู้คนหันมาสนใจเขา ... พยายามอยู่อย่างนั้น ในช่วงแรก มันอาจจะฝืนอยู่บ้าง ที่ต้องมาทำตัวโอเว่อร์แอ็คติ้ง ทั้งๆที่นิสัยจริงๆของเขามันไม่ใช่ ... แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกสนุกกับมัน และมันก็ติดเป็นนิสัยของเขาไปเสียแล้ว ที่เมื่อเจอแฟนคลับผู้หญิง เขาจะต้องทำตัวน่ารักโดยอัตโนมัติ

          ซองมินกลายเป็นคนที่มีสองบุคลิกในตัวเอง และบางที เขาเองก็ยังนึกสับสนกับตัวเองอยู่ ว่าทุกวันนี้ นิสัยที่แท้จริงของเขานั้นคืออะไร แต่ด้วยภาพลักษณ์ที่ออกมานั้นดูเป็นเด็กที่น่ารักในสายตาแฟนๆ เขาจึงรู้สึกว่า เขาควรจะน่ารักเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...และเกิดความรู้สึกว่า "ไม่อยากโต ไม่อยากแก่" ...เมื่อก่อน ซองมินค่อนข้างจะเคร่งเรื่องอาวุโสอยู่มาก รุ่นน้องทุกคนจะต้องเรียกเขาว่าพี่ ...แต่ปัจจุบันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแค่เพียงซีวอนหลุดปากพูดว่า "พี่ซองมิน" เขาก็จะหันไปจ้องตาแทบถลนโดยทันที ... เขายังอยากเป็นเด็กน้อยน่ารักในสายตาแฟนๆ

          แต่สำหรับแฟนคลับสาวๆ ที่อายุมากกว่าเขา เขาจะตามใจพวกเธอมาก หากใครที่อายุมากกว่า แต่ถ้ามันจะมีความสุขหากเธอได้เรียกเขาว่า Oppa ...ซองมินก็ยินยอมที่จะเป็นให้กับเธอ

          และในเวลาว่าง หากอยู่ที่อพาร์ตเม้น หน้าที่ประจำของเขาก็มักจะเป็น พ่อครัวประจำบ้าน เนื่องจากในหอพักนั้น (คนละหอกับฮันคยอง) มีเพียงเขาที่ทำอาหารได้อร่อยที่สุด จึงมักจะเป็นคนคอยทำอาหารให้คนอื่นๆรับประทาน และในหลายๆครั้ง ก็มักจะหาเมนูใหม่ๆมาลองทำ ซึ่งโดยส่วนมากก็คงจะหนีไม่พ้น อาหารจำพวก ฟักทอง ... และเหยื่อประจำที่จะโดนเป็นหนูทดลองก็คือ ชินดง

          นิสัยของซองมินนั้น ค่อนข้างจะขี้จุกจิก และขี้บ่น เนื่องจากเขาคลุกคลีอยู่กับแม่มาก จึงติดนิสัยของผู้หญิงมา ...และนิสัยพวกนี้นี่เอง ที่สามารถทำให้จอมโหดของวงอย่างคังอินนั้นขยาดได้ เพราะคังอินสามารถต่อกลอนได้กับทุกคน เว้นแค่เพียงซองมิน ที่เขาจะพยายามหลีกหนีให้ไกลที่สุด

          มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่จงอุน (เยซอง) กับรยออุค นั้นหยอกกันเล่น โดยวิ่งไล่กันไปบนที่นอนของสมาชิกทุกคน แต่ความซวยก็บังเกิดขึ้น เมื่อเตียงนั้นดันหักลง และเป็นเตียงของซองมินพอดี ... คำแรกที่คังอินพูดก็คือ "หักที่เตียงใครไม่หัก ..พวกนายสองคนอยู่รับกรรมไปก็แล้วกัน ชั้นเผ่นก่อนล่ะ" ... และก็เป็นไปตามคาด ทั้งรยออุคและเยซองถูกบ่นกันเสียจนหูชา และอีกคนที่เคยเจอมากับตัวก็คือชินดง ที่เผลอไปแกล้งซองมินเข้า และเขาก็ไม่พอใจ จึงกลายเป็นว่า วันนั้นทั้งวันที่ชินดงโดนซองมินบ่น และต่อให้เขาเดินหนี ซองมินก็ยังคงเดินตามเพื่อที่จะบ่น ทำเอาเจ้าหมูน้อยถึงกับประสาทกินเลยทีเดียว

          และด้วยความที่เขาชอบสีชมพูมาก เมื่อมีแฟนคลับนำของมาให้ สมาชิกทุกคนก็มักจะนำของมากองรวมกัน เพื่อที่จะแยกว่าของใครเป็นของใคร แต่ถ้าหากมีของชิ้นใดที่สีชมพู ซองมินจะรีบคว้ามาหอบเอาไว้ในทันที โดยไม่สนว่าจะเป็นของชนิดไหน หรือว่าเป็นของใคร และเพื่อนๆในวงก็รู้ดี ว่าสีชมพูนั้นจะต้องยกให้กับซองมินเพียงผู้เดียว

          ซองมินค่อนข้างจะขี้น้อยใจ และหวั่นไหวง่ายกับเรื่องราวที่เกี่ยวกับแฟนคลับ เขาจึงมักจะถูกเพื่อนๆแกล้งล้ออยู่เสมอ ว่า "ระวังแฟนๆไม่รัก" ... และมันจะกระทบต่อสภาพจิตใจของเขาได้อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าหากโดนอำหรือโดนล้อเรื่องนี้หนักๆเข้า น้ำตาก็พาลจะไหลเอาง่ายๆ

          เมื่อมีเวลาว่างจากงาน ซองมินจะรีบกลับบ้านทุกครั้ง เพราะบ้านของเขานั้นอยู่ห่างจากที่พักไม่มาก และสามารถไปกลับได้ในเวลาอันสั้น นอกจากนี้ สิ่งที่เขาชื่นชอบมาก นอกจากการทำอาหารและศิลปะการต่อสู้แบบจีน ก็คือ การถ่ายรูป โดยจะมีกล้องส่วนตัวที่มักจะพกไปไหนมาไหนด้วยตลอด และคอยเก็บภาพประทับใจจากที่ต่างๆเอาไว้ รวมถึงภาพแฟนคลับในแต่ละที่ที่เขาไปด้วย

          แม้ว่าเมื่อก่อน กระต่ายน้อย จะเป็นเช่นไร ... แต่สิ่งที่เขาพยายามก็ได้ประสบความสำเร็จแล้ว การพยายามปรับเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาก็พยายามจนสำเร็จ หลายๆคนอาจจะเคยเห็นซองมินในเวลาที่เคร่งขรึม ไร้รอยยิ้ม และเหม่อลอย .. นั่นคืออีกหนึ่งตัวตนที่แท้จริง เป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กของเขา แต่ในเวลาที่เขายิ้ม เขาร่าเริง และทำตัวน่ารักๆ เขาก็ไม่ได้เสแสร้งเช่นกัน

          ในเมื่อเขาพยายามจะน่ารัก เพื่อให้พวกเราได้รัก ... ดังนั้น ก็ควรรักเขาให้มากๆ ... กระต่ายน้อยสีชมพู




    เขียนโดย

    Dra-cool @ SJ : Flying Together Club

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×