คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 คาชิมะโทโมะ 2
บนต้นไม้ต้นหนึ่ง
โทโมะได้เดินมาเจอต้นไม้ต้นหนึ่งก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่ใหญ่ที่สุดของต้นไม้ต้นนั้น ก่อนที่เขาจะมองขึ้นบนฟ้าที่ตอนนี้มีดวงดาวนับล้านละลานตาอยู่เต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน
"ดวงดาวในคืนนี้ ดูแปลกไปหน่อยนึงนะเนี่ย" โทโมะนั้นได้กล่าวขึ้นพร้อมกับนั่งอยู่บนต้นไม้โดยที่เขาก็ได้จ้องมอง Lab ที่ถูกกางวงเวทย์ขนาดยักษ์บังตาเอาไว้โดยที่เขานั้นก็มองเห็นได้อย่างทะลุปุโป่ง
"เฮ้อ นี่เราก็อยู่มาในโลกนี้มา 10,000 ปีแล้วสินะ" เขาได้พูดขึ้นก่อนจะหยิบจี้สร้อยคอ ที่เขาเก็บเอาไว้ในโค๊ทของเขาออกมาดูซึ่งในนั้นมีรูปของเขากับผู้หญิงอีก 2 คนซึ่ง1ในนั้นมีผมยาวสีเงินสลวย ใส่ชุดที่มีสีม่วงไล่เฉดไปน้ำเงิน ส่วนอีกคนนั้นเป็นผู้หญิงผมยาวสีม่วงไล่เฉดไปทางสีฟ้า สวมชุดเดรสสีขาวอยู่ด้วย ซึ่งพอเขาเห็นเขาก็ได้ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะหยิบ Core อันนึงออกมาซึ่งทำให้เขาคิดถึงเรื่อเมื่อ 50,000 ปีก่อน
.
…
…..
บน The Paradiseได้มีการแข่งขันระหว่างเทพเกิดขึ้นเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีของเทพแต่ละอฃค์แต่จะมีอยู่คู่นึงที่ดุเดือดมากที่สุดนั้นก็คือเทพพี่น้อง แสง และ เงา ซึ่งการต่อสู้ได้จบลงโดยที่เทพเงาเป็นฝ่ายชนะ
"จงแข็งแกร่งขึ้นซะ แล้วครั้งหน้าก็จงมาเอาชนะชั้นให้ได้" เทพเงาหรือ Tenoha Takeru ได้พูดกับน้องชายของเขาอย่าง Tenoha Satoru ผู้เป็นเทพแสง หรือน้องชายของเขานั่นเอง ซึ่งคำพูดนั้นได้ทำร้ายจิตใจของ ซาโตรุ เป็นอย่างมากซึ่ง ทาเครุ เองก็เข้าใจเพราะตัวของพวกเขานั้นสูญเสียพ่อและแม่ หรือเทพเงาและเทพไฟคนก่อนไป ซึ่งมันทำให้จิตใจของเด็กทั้ง2นั้นได้รับบาดแผลมาตั้งแต่เด็กแต่ทั้งคู่ก็ได้รับการเลี้ยงดูจากเทพแห่งดวงจันทร์ Aties อย่างอย่างใกล้ชิดและมีผู้ฝึกสอนการใช้อาวุธอย่างเขาเป็นผู้ฝึกสอนให้
"คนอย่างพี่ก็พูดได้น่ะสิ ได้สังกัดอยู่ที่ The Sentinel น่ะ ผมน่ะอ่อนแอกว่าพี่เป็นไหนๆ" ซาโตรุ ได้พูดขึ้นก่อนที่จะวิ่งออกจากสนามไปซึ่ง โทโมะ ก็ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกไปก็ได้เดินสวนกับชายในชุดคลุมสีขาวคนนึงซึ่งพูดกับเขาว่า "นายไม่จะไม่เสียงใจทีหลังแน่ ผู้มาจากโลกอื่น" ทำเอา โทโมะ ถึงกับหันกลับไปมองแต่เมื่อเขาหันกลับไปนั้นก็ไม่พบกับชายชุดขาวทำให้้ขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี จึงรีบออกตามหา ซาโตรุ แต่ก็หาไม่เจอจนเขาได้ไปรายงานเรื่องนี้กับ Lunar และ Aties ฟังแต่ทาง Aties เองก็ได้บอกให้ตัวของเขานั้นคอยจับตาดูพี่ชายของเขาหรือ Apolius หรือเทพแห่งดวงอาทิตย์เอาไว้เนื่องจากตัวของ Apolius นั้นทำตัวแปลกๆซึ่ง โทโมะ ก็ได้รับฟังคำสั่งมาแต่พอเขาออกมาก็เจอกับ ซาโตรุ ซึ่งกำลังคุยอยู่กับชายชุดขาวก่อนที่เขานั้นจะหายไปทั้งคู่ "เวทย์เคลื่อนย้ายแบบเมื่อกี้นี้ เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ"
วันถัดมาใน The Paradise ซึ่ง วาตารุ ที่ได้รับหน้าที่เป็น Punisher อยู่ที่ชั้นที่เกือบจะสูงที่สุดของ The Paradise ได้นั่งคุยอยู่กับ โทโมะ ซึ่งนั่งกันอยู่ตรงใจกลางห้องนั้นก่อนที่จะมีชายในชุดคลุมสีขาวเดินเข้ามาซึ่งทำเอาทั้งคู่ตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้นซึ่งก็คือ ซาโตรุ แต่ที่ต่างออกไปคือสัมผัสของ โทโมะ รับรู้ได้ถึงพลังงานปีศาจจำนวนมากออกมาจากตัวของ ซาโตรุ ซึ่งซาโตรุก็ได้ดึงผ้าออกที่ตรงบริเวณคอของเขา จนทำให้ทาเครุ ตกใจเมื่อเขาสังเกตไปเห็นสัญลักษ์ที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุดนั้นก็คือสัญลักษ์ของ The Swallow ที่อยู่บริเวณใต้คอของ ซาโตรุ
"ซาโตรุ นี่นาย" ทาเครุได้พูดออกไปก่อนที่ทาง ซาโตรุ นั้นจะหยิบดาบของแม่เขาหรือ ดาบเพลิง Eternal ออกมาซึ่งทำให้ ทาเครุ นั้นก็ต้องจำใจหยิบเคียวหรืออาวุธที่เขาถนัดที่สุดออกมาแต่แทนที่เขาจะหยิบ Soul Harvester ออกมาแต่ครั้งนี้เขาได้หยิบอาวุธของพ่อขึ้นมาแทนซึ่งมันคือ เคียวแห่งเงาอนันต์ Shadow Infinite เตรียมสู้ซึ่งเมื่อเริ่มการต่อสู้นั้น
ทาง ซาโตรุได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากกว่าครั้งไหนๆที่ ทาเครุ จะจินตนาการได้ซึ่งมันเกิดขึ้นเพัยวเสี้ยววิแต่ทาง โทโมะ นั้นที่มีสัมผัสไวมากๆจนเห็นการเคลื่อนไหวนั้นก่อนจะเอา ดาบความมืด Kurayami มารับการโจมตีเอาไว้จนทั้งคู่ปลิวกระเด็นขึ้นมาบนชั้นบนสุดของ The Paradise จนทำให้ หญิงสาวผมยาวคนนึงที่มีผมสีม่วงและเด็กสาวผมสีน้ำเงิน รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจนออกมาดูซึ่งก็พบกับการต่อสู้แบบ หนึ่งต่อหนึ่ง ที่ดูยังไงซะ ทาเครุ ก็แพ้แน่ๆเพราะทางของ โทโมะ นั้นที่รับการโจมตีนั้นได้สลบลงไปแล้วจากแรงของการปะทะดาบ จนดาบนั้นร้าวจนเกือบแตก
"ชั้นคงต้องใช้มันจริงๆสินะ Burning Holox!!! " ทาเครุ หลังจากเปิดใช้งานโหมดนั้นก็ได้เคลื่อนที่เท่ากับ ซาโตรุ จนเกิดเป็นการดวลกันที่ทำเอาใจกลางของ The Paradise เกิดรอยร้าวแต่ทางของหญิงสาวผมสีม่วงก็ได้ใช้พลังจิตในการประคองอาคารทั้งหมดเอาไว้ ซึ่งทาง ซาโตรุ ได้ทำการใช้ Melting Axel แต่ทว่าแทนที่ ทาเครุจะป้องกันแต่กลับรับการโจมตีนั้นโดยตรง ในจังหวะนั้น โทโมะ ก็ได้สติขึ้นมาแต่ทว่ามันก็สายเกินไปซะแล้ว เนื่องจาก Burning Holox คือ Mode ที่ผู้ร่ายจะทำการระเบิดความสามารถของ Core มาจนถึงขีดจำกัดของร่างกาย จนร่างกายจะเกิดอาการแตกร้าวได้
หลังจากการโจมตีของ ซาโตรุ ได้จบลง แรงสั่นสะเทือนก็ได้หยุดลงเขาก็ได้ทำการพุ่งไปทางเด็กสาวผมสีน้ำเงินที่กำลังรักษาเทพที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ จนเธอคนนั้นได้หลับตาลง แต่ทว่าความรู้สึกของเธอในขณะนั้นเธอรู้สึกถึงพลังที่ไม่รู้จัก จนพอลืมตามาก็เจอกับ ซาโตรุ ที่ถูกโซ่จำนวนมากพันตัวเขาเอาไว้ก่อนจะถูกโซ่นั้นดึงตัวกลับไปกระแทกลงพื้น ซึ่งคนที่ใช้พลังนั้นคือเด็กผู้ชายในชุดคลุมที่ค้ลายกับของโทโมะแต่มีสีส้ม และที่มือของเด็กคนนั้นมีโซ่ที่ออกมาจากมือมัด ซาโตรุเอาไว้อยู่ ก่อนที่เขาจะพุ่งมาแล้วต่อยไปที่หน้าอกของ ซาโตรุ จนกระเด็นออกไปไกล
ซาโตรุได้พยายามลุกขึ้นมา ก่อนที่จะพุ่งไปก็ถูกชายในชุดคลุมสีดำเข้ามาหยุดเอาไว้ก่อนจะถูกพาตัวออกไป ซึ่งในตอนนั้น โทโมะก็จำได้ว่าเขาเคยเห็นชายชุดดำคนนั้นที่ไหน เพราะเขาจำได้ว่านั่นคือเวทย์ประเภทเดียวกันกับที่เจอเมื่อตอนกลางคืน ก่อนที่โทโมะจะวิ่งไปหาทาเครุ เพื่อทำการฟื้นตัวของ Core แต่ทว่าตอนนี้ไม่ทันเสียแล้ว ร่างของทาเครุได้ค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ
"ผมคงมาได้แค่นี้แหละครับ อาจารย์"
"ทำไมนายถึงเลือกใช้วิชานั่นล่ะ"
"หึหึ ก็นั่นสินะครับ เพราะผมอยากปกป้องคนสำคัญของผมยังไงล่ะครับ ลาก่อนนะครับ อาจารย์......."
ร่างของทาเครุได้สลายไปจนเหลือเพียง Core ที่กำลังค่อยๆร่วงหล่นลงสู่พื้นของโลกใบนี้แต่ทว่าโทโมะ ก็ได้ยื่นมือเข้าไปรับ Core นั่นมาส่วนนึงก่อนที่หมดลงไป
……
…
.
ตอนนี้โทโมะได้ยืดขาออกไปบนกิ่งไม้ใหญ่ก่อนที่จะหยิบรูปนั้นขึ้นมาดู และหลิกไปที่ด้านหลัง เป็นก้อนหินใสสีเทาที่มีสภาพแตกยับ
"ลูน่า…" โทโมะ ได้เอ่ยขึ้นก่อนที่เขาจะเก็บ Core ชิ้นนั้นลงไปในเสื้ออีกครังนึงโดยที่เขาก็ได้สังเกตุเห็นว่ามีร่างเงาสีดำจ้องมองเขาอยู่ที่ด้านล่าง แสงของดวงจันทร์ได้ส่องจนพอจะเห็นว่าชุดที่ชายคนนั้นใส่นั้นเป็นสีเขียว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
อีก 4 ปีต่อมา
ฟุบูกิในตอนนี้นั้นโตขึ้นอย่างมาก หูของจิ้งจอกของเธอนั้นเป็นสีขาวแต่ก็มีลายพาดสีดำ พาดอยู่เป็นช่วงๆข้างละ 3 เส้น เธอได้เดินอยู่ในหมู่บ้านกับยูโตะเพื่อหาซื้อของกิน ทุกคนในหมู่บ้านนั้นเป็นมิตรกับเธออย่างมาก เหล่าเด็กๆเองก็ค่อนข้างชอบฟุบูกิ เพราะเธอเป็นคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ทำให้เธอเข้ากับคนได้ง่ายโดยที่หลังจากเธอเล่นกับพวกเด็กเสร้๗เธอก็ได้เดินไปกับยูโตะต่อ
"นี่ ฟุบูกิ วันพรุ่งนี้เธอจะอายุครบ 17 แล้วสินะ อยากได้อะไรไหม"
"เอ๋ อืมมม เอาเป็นอะไรก็ได้เหมือนทุกๆปีแหละ"
"งั้นหรอ"
"งั้นวันนี้เราไปเยี่ยมคุณ ฮิวงะ กันดีไหม"
"ก็ได้นะ มีเรื่องบางอย่างจะถามอยู่พอดีเลย"
"งั้นระหว่างขาไป เราแวะไปเยี่ยมหลุมศพคุณย่ากันก่อนไหม"
"อื้ม ได้สิ"
ระหว่างทางที่กำลังไป้ยี่ยมหลุมศพของคุณย่า มิโตะ ก็ได้มีชายสองคนคนตามดูอยู่โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้ตัวจนทั้งคู่ได้เดินมาสักพักนึงก่อนที่จะเข้าเขตป่าของ Foxia แต่แล้ว ฟุบูกิ ก็ได้เดินไปเหยียบกับอะไรบางอย่าง
"อันตราย !!" ยูโตะ ได้กระโดดพลักเธอออกไปจนเขานั้นถูกฟันเข้าที่กลางลำตัว ก่อนที่โจรครั้งที่แล้วจะปรากฏตัวออกมา พวกมันคือพวกที่โดนโทโมะตัดแขนขวาทิ้งไป จนตอนนี้พวกมันก็มีแค่แขนซ้ายเพียงเท่านั้น
"ความแค้นน่ะ จะแก้แค้นวันไหนมันก็ไม่สายหรอกนะ"
"ครั้งที่แล้วพวกแกอาจจะโชคดี แต่ครั้งนี้น่ะ ไม่มีใครมาช่วยแกหรอก"
"จะว่าไปแล้วเธอเองก็โตแล้วสินะ ไปทำอะไรสนุกๆกันหน่อยไหม"
"หยุดนะ ปล่อยน้องสาวชั้นไปนะ" ในขณะที่โจรกำลังจับ ฟุบูกิ ที่กำลังจะหนีก็ได้ถูกพวกมันจับกดลงกับพื้น แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้มีชายคนนึงเดินเข้ามาโดยที่เขานั้นใส่เสื้อโค๊ทสีเขียว ดวงตาสีดำ ผมของเขานั้นมีสีขาว ซึ่งมีดาบด้วย ซึ่งเขาคนนั้นดูไร้อารมณ์และความรู้สึก
"เห้ พวกแกน่ะ รังแกคนไร้ทางสู้ เก่งจังเลยนะ" ชายคนนั้นก็คือ ยูจิ นั้นเอง ซึ่งพอโจรเห็นเขาก็ได้นึกถึงครั้งที่แล้วจนเอ่ยออกมาว่า "แกอีกแล้วเหรอ" ซึ่งทำให้ ยูจิ นั้นสงสัยว่าเขาเคยเจอกันด้วยหรือจนเขาได้จับไปที่หน้าอกของเขาก่อนจะใช้ Dark Electric Wind ซึ่งมันคือสายฟ้าสีเขียวที่โอบล้อมไปดัวยสายลมสีดำก่อนจะเอามือจับหน้าอกพร้อมกับพูดว่า "อ่า ลุยกันเถอะ คู่หู" หลังพูดจบนั้นผมของเขาก็ได้มีหูจิ้งจอกสีเทาโผล่ออกมา
"การทดลองตลอด 400 ปีที่ผ่านมาหวังว่ามันจะไม่มีอะไรผิดพลาดนะฮิวงะ" เขาพูดขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปสู้กับพวกโจรเหล่านั้นก่อนที่โจรพวกนั้นจะตั้งตัวทันก็โดนสันดาบกระแทกไปจังๆจนปลิวไปกระแทกกับต้นไม้ก่อนที่โจรอีกคนนึงนั้นจะยิงหน้าไม้มาแต่เขาก็หลบได้หมดจากจุดบอดของระยยะสายตา ทำให้โตรคนนั้นวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทันการ ถูก Yuuchi เตะเข้าไปอัดลงกับพื้นจนพื้นหิมะนั้นกระจายออกจนเห็นพื้นดินที่ถูกหิมะถมจนสูงถึง 2 เมตร ก่อนที่เขานั้นจะนำร่างทั้ง2นั้นไปส่งที่ป้อมหน้าหมู่บ้านแต่ก่อนไปเขาก็ถามกับเด็กๆ
"จะว่าไปแล้ว พวกเธอมาทำอะไรในป่านี้ล่ะ"
"ค-คือว่า" ยูโตะ กำลังจะพูดแต่ ฟุบูกิ ขัดไว้ก่อนพร้อมกับพูดขึ้นมา
"เดี๋ยวสิ คุณน่ะรู้จักกับคุณ ฮิวงะ ได้ยังไง แล้วก็เรื่องที่วันนั้นชั้นเห็นคุณมาช่วยพวกเรามันยังไงกันแน่" ฟุบูกิ ได้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ก่อนที่ ยูจิ จะถอนหายใจด้วยใบหน้าที่นิ่งมากๆ ก่อนที่จู่ๆสติของทั้งสองคนจะดับวูบไป “เฮ้อ ช่วยหลับไปสักพักเถอะนะทั้ง2คน”
ยูจิได้แบกทั้งร่างของยูโตะและฟุบูกิไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในป่าลึก เมื่อเขากระโดดเข้าไปนั้นด้านในก็เป็นห้องแล็บใต้ดินที่ทางเข้านั้นค่อนข้างเล็ก ทำให้เขาต้องลงค่อยๆลงไป
ในห้องสีขาวแห่งหนึ่ง
ฟุบุกินั้นได้นอนสลบอยู่บนเตียง รอบๆห้องนั้นเป็นห้องที่ดูสะอาดตา จักแต่งอย่างสวยงามทั้งต้นไม้เล็กๆในห้องทำให้ห้องสีขาวนั้นดูมีสีสันมากขึ้น และเธอก็ได้ลืมตาตื่นรู้สึกตัวขึ้นมา
"ที่นี่มัน"
"ฟื้นแล้วหรอ ฟุบูกิi"
"คุณ ฮิวงะ หรอคะ ว่าแต่ที่นี่มัน ที่ไหนน่ะ" ฟุบูกิ สงสัยเพราะไม่เคยเห็นสถานที่นี้มาก่อน จนฮิวงะ นั้นเกิดอาการลนจนเรียงคำพูดไม่ถูก
"อืมมม จะว่ายังไงดีล่ะ คือมันแบบว่า......" ก่อนที่ ฮิวงะ จะพูดต่อ ยูจิ ที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องพร้อมกับแก้วกาแฟก็ได้เปิดประตูเข้ามาก่อนพูดออกมาว่า
"ให้ฉันอธิบายเองเถอะ ฮิวงะ" เขาได้เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟ 2 แก้ว ก่อนฮิวงะจะนึกได้ว่าเธอขอให้ยูจิ ชงสูตรลับให้
"โอ้ กาแฟนั่นหรอ แต้งกิ้ว" ฮิวงะ รู้สึกดีใจเพราะไม่ได้ดื่มกาแฟมาจะ 2วันแล้วเพราะมัวแต่ยุ่งกับงานวิจัย
"ที่นี่คือ Dark of Defend น่ะ เป็นห้องวิจัยที่มีเทคโนโลยีสูงพอๆกับเมือง Fonten ล่ะนะ ส่วนฉันชื่อ ยูจิ น่ะ อ่อ แต่พวกเราไม่ค่อยถูกกับราชาของ Fonten องค์ปัจจุบันสักเท่าไหร่น่ะ เลยย้ายที่นี่จากบนพื้นดินลงมายังส่วนในของภูเขา Foxia น่ะ" ยูจิได้พูดพร้อมกับซดกาแฟ เข้าปาก
"ห้องวิจัยหรอคะ แล้ววิจัยอะไรล่ะ" ฟุบูกิ ได้เกิดอาการระแวงขึ้นเพราะเธอก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วยเนื่องจากเธอไม่คุ้นขินกับสถานที่ ยูจิที่เห็นอาการของฟุบูกิก็พอจะเข้าใจได้ จึงได้ให้คำตอบไป
"ใจเย็นก่อน พวกเราไม่ได้ทดลองอะไรกับคนหรอกนะ สิ่งที่พวกเราวิจัยน่ะ คือพวกอาวุธน่ะ อย่างเช่นดาบเล่มนั้นที่วางอยู่ตรงนั้นน่ะ" ยูจิ พูดพร้อมชี้ไปทางผนังห้องทดลองที่มีอาวุธแขวนอยู่ชิ้นเดียว
"เจ้านั้นมีชื่อว่า Sword Of Emotion เป็นดาบของฉันเองน่ะ ส่วนถ้าจะถามว่าทำไมมีชิ้นเดียว อันนี้คงต้องขอเลี่ยงคำตอบล่ะนะ" ยูจิได้พูดอธิบายให้ฟุบุกิฟัง ในขณะนั้นก็ได้มีร่างนึงใส่แว่นเดินเข้ามา ซึ่งก็คือคากามิที่โตขึ้นอย่างมาก
"นี่ อาจารย์ครับ ตอนนี้อาการของ ยุโตะคุง หนักกว่าที่ผมคาดไว้นิดนึงนะครับเนี่ย ไหนว่าแผลนิดเดียวไงล่ะครับ" Kagami ได้เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับยื่นผลตรวจให้ยูจิดู
“นายเป็นใครน่ะ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่ ยูโตะ” ฟุบุกิได้ถามเนื่องจากเธอเป็นห่วงยูโตะก่อนที่ชายคนตรงหน้าของเธอจะดันแว่นขึ้นมา
"Yuki Fubuki อายุ 17 ปี เกิด วันที่ 2 เดือนที่ 11 กลุ่มดาวไม่ทราบแน่ชัด เป็นเด็กกำพร้าที่คุณ Yuki Mito รับมาเลี้ยง และพรุ่งนี้เองก็เป็นวันเกิดเธอพอดีสินะ แต่คุณน่ะไม่จำเป็นต้องรู้จักผมหรอกในอนาคตเดี๋ยวยังไงก็ต้องได้เจอกันอยู่แล้วล่ะนะ เอาเป็นว่าไว้ถึงตอนนั้นผมจะค่อยมาแนะนำตัวละกันนะ ส่วนอาการของ ยูโตะ ที่ว่าหนักน่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก แต่ อาจารย์ดันบอกว่ามีแผลถลอกนิดหน่อยน่ะแต่จริงๆแล้วมันคือแผลโดนฟันที่ไม่ใหญ่มากน่ะ" คากามิ พูดพร้อมกับชูภาพแผลของ ยูโตะ บริเวณแขนซึ่งได้รับมาตอนที่กระโดดเข้าไปพลัก ฟุบูกิ
"อาจารย์ครับ จะว่าไปผมเจออะไรดีๆมาด้วย เรื่องคนปริศนาที่มีพลังเหมือนอาจารย์น่ะ เลยเอาอะไรมาให้ดู" คากามิ ได้ส่งภาพให้กับยูจิ โดยที่อีกฝ่ายก็ทำสีหน้าที่ดู จะอึ้งมากๆ
"นี่มัน เป็นไปได้ยังไง"
"ใช่ไหมล่ะครับพลังนั่นกับของอาจารย์น่ะ ความใกล้เคียง 100%น่ะ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วล่ะครับ"
"ถ้างั้น ยูกิ ฟุบูกิ ไว้เจอกันใหม่นะ" คากามิ พูดพร้อมกับเดินออกไป
"เอาล่ะ วันนี้อยู่ที่นี่สักคืนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปส่งที่-"
ยูจิ พูดยังไม่ทันจบ ฟุบุกิก็ได้ใช้ Sword of Emotion ฟันมาทาง ยูจิ แต่เขานั้นก็ได้ใช้แขนรับดาบนั้นแทนที่เขาจะหลบหรือเบี่ยงตัวออกเหมือนที่สู้กับพวกโจร
"เปล่าประโยชน์น่า ถ้าไม่เคยฝึกใช้มาก่อน สู้กับฉันไปก็ไม่มีความหมายอะไรหรอกนะ"
"ทำไมคุณถึงไม่หลบล่ะ ตอนคุณสู้น่ะ คุณปฏิกิริยาไวมาก แต่ทำไมครั้งนี้คุณถึงไม่หลบล่ะ"
“เพราะอะไรน่ะหรอ นั้นสินะ” ยูจิได้เอ่ยออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จู่ๆฟุบูกิจะสลบลงไปอีกครั้ง
"เอาเป็นว่าคืนนี้นอนที่นี่ไปก่อนละกันนะ" ยูจิพูดออกพร้อมกับเดินอุ้มร่างของฟุบูกิไปไว้บนเตียง ก่อนที่จะเดินออกมา
เช้าวันถัดมา
ยูจิได้เดินเข้ามาในห้องของ ฟุบูกิพร้อมกับถาดที่มีทั้งขนมปังอบ,โกโก้ และ ไข่ทอด พร้อมน้ำดื่ม ก่อนเขาจะวางเอาไว้ที่โต๊ะซึ่ง ฟุบูกิ ก็ได้ตื่นขึ้นมาพอดี
"อรุณสวัสดิ์นะ ส่วนนี่ อาหารเช้านะ ส่วนถ้าห่วง ยูโตะ ล่ะก็ หมอนั้นอยู่ที่ห้องพยาพาลน่ะ เดินออกไปทางซ้าย ลงไปชั้นล่างห้องจะอยู่ข้างบันไดนะ"
ยูจิ พูดพร้อมกับเดินออกไปในขณะที่ ฟุบูกิ เพิ่งจะตื่นขึ้นมาซึ่งเธอก็เห็น ฮิวงะ นอนอยู่ที่ข้างๆเตียงของเธอพร้อมกับผู้หญิงคนนึง ก่อนจะเริ่มุามกับตัวเองว่า
"จะว่าไปแล้วนี่กี่โมงกันนะ"
"9โมงน่ะ" ฮิวงะได้พูดขึ้นมาจนฟุบูกิรู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อยที่จริงๆแล้วฮิวงะนั้นไม่ได้หลับอยู่
"คุณ ฮิวงะตื่นอยู่หรอกหรอคะ"
“ใช่แล้วล่ะนะ ไหนดูซิเด็กน้อยที่มีพลังงานเหลือล้นขนาดนั้นตอนนี้ไปไหนล่ะ ทำไมกลายเป็นยัยขี้เซาล่ะเนี่ย ฮ่ะฮะ”
ฮิวงะ พูดเพื่อแซว ฟุบูกิi ในลุคนี้พร้อมหัวเราะเบาๆทำเอา ฟุบูกิ เขินมากๆ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ จนเธอถึงกับรู้สึกผิดขึ้นมา
"แย่แล้ว วันนี้เราต้องไปตักน้ำให้คุณ เก็นจิ นี่นา"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้ฉันไปทำแทนแล้วน่ะ แล้วก็ลากับคุณ เก็นจิ ไว้2-3 วันน่ะว่าเธอกับยูโตะ จะไม่ได้ไปตักน้ำให้"
"งั้นหรอคะ"
จบบทที่ 3
ความคิดเห็น