ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    = Pata-pata-pata-pon's Room =

    ลำดับตอนที่ #4 : Audition 04 : ปัณฑ์ชนิต ชินภัทร

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 52


    (( หญิงสาวเพื่อนสนิทของนายปรินท์ ))



    ข้อมูลผู้สมัคร

    ชื่อ :
    ปอร์ช จ้า

    อายุ : 16

    นามแฝง : อิปอร์ช


    ข้อมูลตัวละคร

    ชื่ออิมเมจ :
     คิม ซองฮี

    อิมเมจ :













    ชื่อ : ปัณฑ์ชนิต ชินภัทร (แปลว่า ก่อให้เกิดปัญญา ค่ะ ^ ^)

    สัญชาติ : ไทย

    ศาสนา : คริสต์

    อายุ : 21

    รูปร่างลักษณะ : หญิงสาวร่างสูง หน้าตาสะสวย  จุดเด่นอยู่ที่นัยน์ตาคมกริบที่หันไปจิกใคร คนนั้นก็ต้องสยบ  ใบหน้ารูปไข่ มีลักยิ้มที่แก้มทั้งสองข้าง  ผมดัดเป็นลอนแล้วทำไฮไลท์  ชอบแต่งตัวแมนๆ (เสื้อผู้หญิงที่ออกแนวเท่มากกว่าหวาน) กระโปรงนี้แทบไม่ค่อยได้ใส่  ท่าทางหาเรื่องไม่เบา  คนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกมักเข้าใจผิดว่าเธอเป็นพวกสาวหล่อ  ความจริงมันไม่ใช่เลยซักนิด  ภายนอกดูนิ่งๆ เหมือนจะซีเรียสตลอดเวลา  แต่ถ้ารู้จักกันจริงๆ แล้ว ทุกคนก็ต้องเปลี่ยนความคิดไปได้เลย

    นิสัย : ทอมเหรอ?  ทำไมทุกคนต้องตัดสินเธอแบบนั้นด้วยนะ  เพราะการที่เธอชอบใส่กางเกงยีนส์มากกว่ากระโปรงน่ะเหรอ?  หรือว่าเพราะเพื่อนสนิทของเธอส่วนใหญ่เป็นผู้ชายกัน?  ปัณฑ์ชนิต ชินภัทร เรียกชื่อเล่นคือ น้ำหวาน...  หญิงสาวที่ 'ปรินท์' ชายหนุ่มเพื่อนสนิทมักพูดบ่อยๆ ว่า "เธอนี่ไม่เห็นจะหวานเหมือนชื่อเลยแฮะ"  รวมทั้ง 'คิมหันต์' ที่ซึ่งเป็นเสือผู้หญิงตัวพ่อก็ด้วย "ผู้หญิงอย่างเธอ ฉันเคี้ยวไม่ลงเลยจริงๆ 555"  เธอได้แต่ทำเสียงฟึดฟัดไม่พอใจกับคอมเม็นท์ที่เพื่อนให้มา  ไม่ใช่เสียหน่อย  เธอน่ะออกจะชอบแต่งตัว และเครื่องประดับกระจุ๊กกระจิ๊กตามสไตล์ผู้หญิงๆ  ที่สำคัญ... เธอมองผู้ชายนะ!!  น้ำหวานความจริงแล้วเป็นคนเฮฮาปาร์ตี้  อาจเข้าขั้นบ้าบอคอแตกเลยซะด้วยซ้ำ  รักความสนุกเป็นชีวิตจิตใจ  ถ้าให้เลือกระหว่างสวนสนุกกับบ้านล่ะก็... เธอสามารถตอบได้โดยไม่ต้องลังเลเลยว่า 'สวนสนุก!'  กับเพื่อนฝูงน่ะเธอจะเป็นคนที่ร่าเริง  ยิ้มเก่ง  แถมยังพูดเก่งอีกต่างหาก  แต่คนที่เจอะกับเธอครั้งแรกมักจะรู้สึกประหม่า  ก็ภายนอกแล้ว น้ำหวานจะคล้ายกับพวกนิ่งๆ เงียบๆ  นั่นเพราะเธอยังไม่ชินกับคนๆ นั้นต่างหากล่ะ  จึงไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดี (ได้แต่นั่งเงียบ)  ถึงแม้จะเหมือนเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีอยู่ตลอดเวลาจนเพื่อนๆ แอบอิจฉา  ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อย  ละเอียดละออ  ได้แต่เก็บความคิดนั่นไว้กับตัวเองคนเดียว  เก็บอารมณ์ความรู้สึกเก่งและเนียบเนียนมาก  ถึงแม้ริมฝีปากจะฉีกยิ้ม  แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าในใจรู้สึกเช่นไร  แถมยังเป็นพวกที่กล้าแสดงออกนะ  แต่ปัญหาคือแสดงออกมาไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่  สำหรับใครที่เข้าใจเธอผิดก็อาจผิดไปไกลเลย  กระนั่นก็หยิ่งในศักดิ์ศรี  ใครริอาจมาดูถูกเธอและเพื่อนของเธอ  คนนั้นไม่ได้ตายดีแน่  มีเหตุผล  เวลาโกรธค่อนข้างน่ากลัว

    สิ่งที่ชอบ : สวนสนุก , การผจญภัย , การได้อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง , เขียนไดอารี่ , ของกิน

    สิ่งที่เกลียด : คำดูถูก , คำโกหก , คนโกหก , คนที่ไม่จริงใจ , การทรยศหักหลัง

    ประวัติครอบครัว : ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของลูกชายของพ่อเจ้าแห่งสหภาพเอเชีย  เด็กสาวที่ชื่อ 'น้ำหวาน' คงจะมีฐานะทางบ้านธรรมดาเห็นจะเป็นไปไม่ได้  เธอน่ะคือลูกสาวคนเดียวของหุ้นส่วนหลักของบ่อนการพนันหลากหลายแห่งในเอเชีย  ซึ่งพ่อของเธอเองก็เป็นเพื่อนสนิทกับพ่อของอธิปัตย์และปรินท์มาตั้งแต่สมัยมหาฯ ลัย  ทำให้ครอบครัวชินภัทรและครอบครัวของปรินท์มีความใกล้ชิดกันเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกัน  ไม่ต้องสงสัยเลยที่ลูกสาวและลูกชายคนเล็กจากทั้งสองครอบครัวนี้ (ซึ่งมีอายุเท่ากัน) จะเห็นหน้ากันมาตั้งแต่เด็กยันโตขึ้นเป็นหนุ่มสาว  ส่วนคุณแม่ของน้ำหวาน  เธอถูกฆาตรกรรมและเสียไปตั้งแต่น้ำหวานอายุได้เพียง 15 เท่านั้น  ตำรวจลงความเห็นว่าสาเหตุเนื่องจากความขัดแย้งทางธุรกิจของพ่อ  ความจริงมือปืนหมายหัวตัวน้ำหวานเองซะด้วยซ้ำ  แต่แม่ของเธอเข้ามาบังวิถีกระสุนไว้  จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถจับมือปืนได้  และภาพเหตุการณ์นั้นยังคงติดตาน้ำหวานมาจนถึงปัจจุบัน



    เกี่ยวกับบท

    1. คุณกับปรินท์และคิมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก  แน่นอนว่าต้องสนิทกันมากๆ  ช่วยเล่าถึงความสัมพันธ์ของพวกคุณให้ฟังหน่อย (ความสัมพันธ์ กิจกรรมที่ชอบทำร่วมกัน  เหตุการณ์ที่ทำให้คุณประทับใจในเพื่อนทั้งสอง)  ใช้ตัวละครเป็นตัวเล่าเรื่องค่ะ

    สีส้ม = เรื่องเล่าในไดอารี่

    สีเทา = เรื่องเล่า ณ ปัจจุบัน

    สีน้ำเงิน = เรื่องเล่าในความทรงจำ



    ตอนนี้ฉันอยู่ในห้องเก็บของ  สายตาสอดส่องไปตามกล่องลังน้อยใหญ่จำนวนมหาศาลที่สุ่มรวมกันอย่างระเกะระกะ  มือทั้งสองค้นหาของสำคัญที่เคยหายไปนานแสนนาน  และในที่สุด... ฉันก็เจอมัน!

    ฉันเดินกอดสมุดไดอารี่เล่มบางที่เพิ่งจะค้นเจอขึ้นไปยังห้องนอน  ล็อกประตู

    สมุดเล่มนั้นเก่าและโทรมมาก  ถูกทิ้งจนฝุ่นจับเป็นชั้นหนา  และเมื่อฉันใช้ผ้าเช็ดที่หน้าปก  สิ่งที่ปรากฏชัดคือป้ายชื่อเล็กๆ เขียนว่า 'สมุดไดอารี่เล่มแรกของปัณฑ์ชนิต ชินภัทร' ด้วยลายมือหยึกๆ หยักๆ ตัวโตๆ

    ฉันมองมันด้วยความคิดถึงอย่างสุดซึ้ง  กี่ปีแล้วนะ ที่ทำมันหายไป  ตอนนั้นฉันร้องไห้จนบ่อน้ำตาแห้ง  โชคดีที่เพื่อนสนิททั้งสองคน ปรินท์และคิมหันต์เข้ามาช่วยกันปลอบ

    ไม่รอช้า  ฉันพลิกปกเปิดไปสู่หน้าแรก  ลายมือเดียวกันกับบนป้ายชื่อเขียนเล่าเรื่องราว  ฉันก้มลงอ่าน...

    08.11.19XX
    ถึง คุณไดอารี่

    สวัสดีค่ะ คุณไดอารี่  วันนี้เป็นวันดีของฉัน  เพราะเป็นวันเกิดของฉันเอง  คุณไดอารี่ไม่คิดจะแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ฉันหน่อยเหรอคะ  คุณพ่อบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ฉันอยู่กับคุณพ่อครบ 9 ปีพอดี  ฉันรู้สึกว่ามันออกจะนานแสนนาน

    เมื่อวานนี้ปรินท์และคิมสัญญาว่าจะเซอร์ไพส์ฉัน  และฉันยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร  จนกระทั่งทั้งสองคนยื่นกล่องของขวัญอันใหญ่ให้  ฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะ  ก็เลยเริ่มแกะมัน  แต่เมื่อฉันเปิดฝากล่องออกมาก็พบว่า...

    ตอนนั้น... อา ใช่เลย  ฉันจำได้แล้ว  มันคือวันเกิดที่ฉันได้รับของขวัญสุดพิเศษจากเพื่อนทั้งคู่  ถึงแม้ว่าในตอนแรก ฉันจะค่อนข้างโกรธที่เห็นของที่อยู่ข้างใน

    ฉันยังจำได้ที่ตะโกนใส่หน้าพวกเขา...

    "นี่มันอะไรน่ะ?" ฉันโวยวาย

    "ก็ของขวัญของเธอไง" คิมหันต์ตอบ

    ฉันล้วงมือเข้าไปในกล่อง  หยิบกระดาษสีปึกหนึ่งขึ้นมา  "นี่อ่ะนะ ของขวัญ?"

    "ใช่ๆ" ปรินท์พูดอย่างกระตือรือร้นเต็มที่ "ยังมีอีกนะ"  เขาดึงกล่องไปจากมือของฉัน  ชูของในกล่องขึ้นมา "มีกรรไกร ไม้บรรทัด คัทเตอร์ กาว แล้วก็... อืม...... ของตกแต่งทั้งหลายทั้งแหล่" พูดจบก็หันมาส่งยิ้มหวานให้

    รู้มั๊ยคุณไดอารี่  ตอนนั้นฉันรู้สึกผิดหวังกับพวกเขามากเลย  ฉันคงจะร้องไห้ออกมา  ถ้าปรินท์ไม่พูดขึ้นมาอีกครั้ง

    "ฉันกับคิมสัญญากันว่าจะทำสมุดไดอารี่ให้เธอเป็นของขวัญน่ะ"

    ฉันที่กำลังงงอยู่ได้แต่มองเพื่อนทั้งสองคนนั่งลงกับพื้น  รื้อวัสดุอุปกรณ์ในกล่องนั้นออกมาวางไว้กับพื้น  พวกเขาเริ่มวางแผน

    "เราจะเอาหน้าปกสีอะไรดีอ่ะคิม?" ปรินท์ถาม

    "ต้องสีชมพูดิ  ผู้หญิงเขาชอบสีชมพูกัน" คิมตอบด้วยความมั่นใจสุดกู่

    แต่ปรินท์กลับลังเลที่จะตัดกระดาษสีสีชมพูตามคำของเพื่อน "ฉันจำได้ว่าน้ำหวานเคยบอกฉันว่าชอบสีฟ้าไม่ใช่เหรอ?"

    "แล้วนายจะถามฉันทำไมเนี่ย!? -_-*"

    "อ้าว? ก็ฉันไม่แน่ใจนี่ -*-"

    "ฉันว่าสีชมพูนั่นแหละ"

    "แล้วถ้าเกิดน้ำหวานไม่ชอบล่ะ?"

    คราวนี้คิมหันต์ไม่คิดจะเถียงต่อ  เขาหันมาถามฉัน "เธอชอบสีฟ้าหรือสีชมพู?"

    แต่คำถามนั่นทำให้ฉันอารมณ์ขึ้นหน่อยๆ  ก็สีชมพูกับฟ้านี่ไม่เคยอยู่ในสารบบความคิดของฉันเลยน่ะสิ! "ฉันชอบสีเขียวต่างหาก -*-"

    พวกเขาวาดรูปลงบนกระดาษร่าง  ในความคิดของฉัน  มันออกจะ... น่าเกลียด T^T  เป็นการเอากระดาษสีมาตัดเป็นรูปทรงต่างๆ แล้วก็แปะบนพื้นกระดาษสีเขียว  ไม่ได้มีความสวยงามเอาซะเลย

    ฉันเริ่มทนไม่ไหว  จึงลงไปนั่งกับเขาทั้งคู่  แนะนำว่าทำไมไม่ลองออกแบบแบบอื่นบ้าง

    นั้นสินะ  ความจริงฉันน่ะไม่กล้าเท่าไหร่ที่จะบอกพวกเขาว่ามันไม่โดน  ฉันจึงได้แต่แนะไปโน่นไปนี่  ในตอนนั้นฉันแอบสังเกตเห็นว่าพวกเขาออกจะเสียกำลังใจไปนิดหน่อย 
    คงเดาได้ละมั้งว่าฉันไม่ชอบแบบที่พวกเขาร่างไว้  นึกถึงแล้วก็ขำนะ  สมกับเป็นเพื่อนของฉันจริงๆ

    แล้วปรินท์ก็มีไอเดียขึ้นมา  เขาบอกให้ฉันเอาอัลบัมรูปถ่ายเก่าๆ มา  เพราะเขาจะใช้มันในการตกแต่ง!

    "ฮ่าฮ่าฮ่า!  ปรินท์! นายในรูปนี่ทำหน้าอย่างฮา" คิมหันต์ที่เปิดอัลบัมรูปเก่าของพวกเราสามคนหัวเราะจนน้ำตาเล็ด

    "ทำงานสิคิม! อย่าอู้  -/////-" ถึงแม้จะพูดเหมือนไม่ใส่ใจกับคำพูดของคิม  แต่หน้าของปรินท์กลับฉีดสีแดงระเรื่อ

    "อ๊ะ!? ภาพนี้ตอนไปปีนต้นไม้กันนี่" ฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ คิมหันต์ชี้ไปที่รูปของเราสามคน  นั่งอยู่บนกิ่งไม้ท่อนใหญ่  ส่งยิ้มมาที่กล้อง

    ทีนี่ปรินท์ได้โอกาสเอาคืน "อ้อออ" เขาลากเสียง พลางส่งยิ้มแก่นๆ ไปทางคิมหันต์  "ที่นายหงายหลังตกต้นไม้น่ะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!  หัวเราะทีหลังต้องดังกว่าอยู่แล้ว"


    "นี่ๆๆๆ" คิมหันต์ร้อง "หยุดไปทำงานเลยไป!"

    "ฉันอยากไปขี่จักรยานเหมือนตอนนี้จังเลย" ฉันเห็นภาพที่เราขี่จักรยานขึ้นเนินกันอย่างคิดถึง

    "นี่เธอยังไม่เข็ดที่จักรยานล้มเหรอ??" คิมหันต์ถาม

    "ใช่ ตอนนั้นเธอร้องไห้งอแงจนฉันหนวกหูจะตาย" ปรินท์บ่นยิ้มๆ

    "ขอโทษนะที่ตอนนั้นฉันปั่นจักรยาน 2 ล้อไม่แข็งน่ะ!!"

    พวกเราอู้งานกันพอสมควรเลยล่ะ  เพราะนั่งเปิดอัลบัมรูปไปก็ทบทวนถึงความทรงจำเก่าๆ กับกิจกรรมที่พวกเราเคยทำร่วมกันอย่างสนุกสนาน  เราหัวเราะเฮฮา  ฉันรู้สึกมีความสุขมากเลยที่ได้อยู่กับพวกเขาทั้งสองคน

    ผ่านไปเกือบชั่วโมง  พวกเราก็เพิ่งจะนึกได้ว่างานยังคาค้าง  ก็เลยลงมือทำต่อ

    ปรินท์อาสาเอารูปมาตัด  ส่วนคิมหันต์ก็นั่งออกแบบหน้าปกไดอารี่ต่อไป  แต่แล้วก็เกิดเรื่องขึ้น

    ฉันนั่งมองปรินท์ตัดรูปอย่างใจจดใจจ่อ  เขาดูตั้งใจกับมันมากเลยล่ะ  และในขณะที่เขากำลังตัดรูปของตัวเขาเองอยู่นั้น  คิมหันต์ก็...

    "ปรินท์! นายว่าแบบนี้โอเคมั๊ย??" ใช้ศอกสะกิดแขนปรินท์อย่างแรง  จนเขาเผลอตัดรูปส่วนหัวของเขาหลุดออกจากตัว!!!

    ปรินท์อึ้งไปพักหนึ่ง "คิมหันต์!!!" เขาร้อง  "เห็นมั๊ยว่ารูปฉันหัวขาดแล้วอ่ะ!!!"

    แต่คิมหันต์เหมือนจะไม่สำนึก  กลับแกล้งปรินท์ต่อ "ก็ตัดใหม่ดิ  ไม่เห็นต้องโวยวายเลย"

    "นายรู้มั๊ยว่าจะตัดทีมันก็ยากนะ  เสียดายรูปอีกต่างหาก!"

    ฉันรู้สึกได้เลยว่าปรินท์น่ะโกรธคิมหันต์จริงๆ  ชักไม่ดีแล้วสิ  คุณไดอารี่ค่ะ ถ้าเป็นคุณ... คุณจะทำอย่างไงกันนะ?  บางครั้งปรินท์ก็น่ากลัวมากเหลือเกิน  โดยเฉพาะเวลาที่เขาทำหน้าบึ้งตีงแบบนี้  ฉันไม่ชอบเลยจริงๆ

    ทั้งคู่ไม่คุยกันหลังจากนั้น  ต่างคนต่างทำงานของตนเองไปคนเดียว  แต่ในที่สุด.. สมุดไดอารี่เล่มเล็กก็เสร็จสมบูรณ์

    "Happy Birthday แด่น้ำหวาน"

    "ขอให้มีความสุขมากๆ นะ"

    ทั้งสองคนยื่มสมุดที่ทำเสร็จมาให้  ฉันน่าจะดีใจ  แต่...

    "เป็นอะไรอ่ะน้ำหวาน?" ปรินท์ถาม

    "ฉัน... ไม่อยากได้มันแล้วล่ะ"

    "อ้าว?  ทำไมอ่ะ?  มันไม่สวยเหรอ?" คิมหันต์เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ

    "เปล่านะ" ฉันรีบพูด "มันสวยมาก  แต่... มันทำให้พวกนายทะเลาะกันนี่"

    "ไม่ใช่นะ" ปรินท์แย้ง "เราไม่ได้ทะเลาะกันซักหน่อย  เรากำลังเรียนรู้กันมากขึ้นต่างหาก"

    "ถูกของปรินท์" คิมหันต์สนับสนุน "เธอเคยพูดเองไม่ใช่เหรอ  ว่าการทะเลาะกันน่ะ ทำให้เรารู้จักคนนั้นมากยิ่งขึ้น"

    "สรุปว่าเราไม่ได้ทะเลาะกันนะ" ทั้งคู่ส่งยิ้มหวาน

    ฉันรับสมุดไดอารี่เล่มนั้นมากอดไว้แน่นแนบอก


    "ขอบคุณนะ..."

    สมุดเล่มนั้นเป็นเล่มเดียวกันที่อยู่ในมือของฉันตอนนี้  ฉันใช้มันสำหรับเขียนถึงวันสุดพิเศษที่สุดสำหรับฉันเอง..  และวันนั้นคงเป็นวันที่ฉันจะจดจำไปตลอดชีวิตเลย

    วันนี้ก็เป็นวันเกิดของคุณไดอารี่เหมือนกันนี่สินะคะ  งั้นก็.... Happy Birthday ค่ะ



    ปัณฑ์ชนิต ชินภัทร (น้ำหวาน)





    กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ในที่สุดก็จบแล้ว  ไม่แน่ใจว่าพี่ฝนจะรู้เรื่องหรือเปล่านะ?  ถ้าไม่รู้เรื่องบอกปอร์ชด่วยค๊า  ปอร์ชจะได้เอาไปแก้ใหม่ > <




    2. คุณรู้ว่าปรินท์ชอบผู้หญิงแบบเรียบร้อยน่ารัก  แต่คุณห่างไกลจากคำนั้นมาก  วันหนึ่งคุณตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เขามองคุณเป็นผู้หญิงบ้าง??  แต่ผลปรากฏว่า เขาหัวเราะเยาะคุณ  แถมยังบอกให้คุณกลับไปทำตัวเหมือนเดิมซะอีก  คุณรู้สึกยังไงน้า? เล่าเหตุการณ์ให้ฟังหน่อยคะ

    ".....!" O[]o  <-- ปรินท์

    "......."  -//////-  <-- น้ำหวาน

    "...........!!" O[]o*  <-- ปรินท์

    "..................." -*-  <-- น้ำหวาน

    ".......................!!!!!" O_o  <-- ปรินท์

    น้ำหวานเริ่มเซ็งกับอีโมชั่นที่อ้าปากค้างนิ่งเป็นเวลาเกือบนาทีของเพื่อนชาย  เธอตบเข้าที่บ่าของเขาพลางร้องออกมาดังๆ "นี่จะนิ่งอีกนานมั๊ยคะ คุณอธิป!"

    "น้ำหวาน!" ปรินท์ก็ร้องเสียงดังไม่แพ้กัน  เขาขมวดคิ้วแน่นเป็นปม "เธอไปทำอะไรมาเนี่ย!???"  เขาดูจะอึ้งกับมาดใหญ่ของเธอไม่น้อย

    บัดนี้ หญิงสาวเพื่อนสนิทของเขาอยู่ในชุดแขนตุ๊กตาสีขาว  มัดโบว์เส้นยาวที่คอ  ส่วนท่อนล่างที่เคยเป็นยีนส์ขายาวกลายเป็นกระโปรงจีบสั้นเลยเข่าขึ้นไป  โชว์ท่อนขาเรียวสวยที่หุ้มด้วยถุงน่องสีดำ  รองเท้าส้นเตี้ยลายจุดขาวดำ  แถมทรงผมยังเปลี่ยนไปยืดตรงมัดเป็นหางม้าสูง  จากมาดสาวหล่อกลายเป็นผู้หญิงเต็มตัว

    "ท.. ทำไมเหรอ  ไม่โอเคหรือไง?" น้ำหวานเริ่มพูดตะกุกตะกัก  หน้าแดงโดยไร้สาเหตุ  จู่ๆ เธอก็รู้สึกกลัวคำตอบของปรินท์ขึ้นมาซะอย่างงั้น

    แต่คำตอบกลับได้เป็น...

    "5555555555555555555555!!!" ปรินท์ที่อึ้งๆ อยู่เมื่อครู่ปล่อยก๊ากออกมาอย่างช่วยไม่ได้  เขากุมท้องตัวเอง  น้ำตาแทบเล็ด

    ส่วนน้ำหวาน.. บัดนี้ หน้าแดงยิ่งกว่าลูกตำลึงด้วยความเขินอาย

    เป็นเวลานานกว่าที่ปรินท์จะหยุดหัวเราะได้  เขาตบไหล่น้ำหวานแล้วส่งยิ้มที่มักมีให้เธออยู่เสมอ "ฉันไม่รู้ว่าเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมาหรอกนะ  แต่ว่า...

    ...ฉันชอบเธอคนเดิมมากกว่า"

    น้ำหวานรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมากะทันหัน  เธอก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกนี่เหมือนกัน  มันปนๆ กับระหว่างดีใด ซึ้งใจ และงุนงง  เป็นความรู้สึกดีๆ ที่เธอคิดว่าคงมีให้เพื่อนสนิทคนนี้คนเดียวเท่านั้น

    เพราะอย่างนี้ฉันถึงชอบนายล่ะนะ... เธอคิดแล้วแอบยิ้มกับตัวเอง





    3. ตอนจบที่คุณอยากให้เป็น

    ตอนแรกกะจะให้จบอีกแบบ  เป็นแบบแฮปปี้แอนดิ้งน่ะค่ะ  แต่พอนั่งฟังเพลง 'สายไป' เรื่อยๆ ก็เริ่มเปลี่ยนแนว 55555  (ชอบเพลงนี้จริงๆ นะ > O <)

    ก็คือว่าน้ำหวานแอบชอบปรินท์มาตั้งนานแล้ว  เพียงแต่เธอเองก็ไม่กล้าสารภาพออกไปตรงๆ  ได้แต่คอยเทคแคร์ ดูแลเอาใจใส่เขาไปตามภาษาเพื่อนสนิท (ที่แอบชอบเธออยู่ ประมาณนั้น 5555)  เธอตั้งใจจะสื่อคำบอกรักของเธอออกมาด้วยการกระทำ  เพราะคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำลงไปจะพิสูจน์ความรักของเธอได้จริงยิ่งว่าคำพูด  แต่ด้วยความที่เป็นคนแสดงออกไม่ค่อยเก่ง  ปรินท์จึงยังไม่รู้เสียทีว่าเธอแอบมีใจให้  ท่าทีของเขาจึงยังคงเส้นคงวา เป็นเพื่อนกันอย่างนั้นไปเรื่อยๆ  จึงน้ำหวานคิดว่าเขาคงไม่ได้ชอบเธออย่างที่ธอชอบเขาแน่  โดยที่ความจริงแล้ว ปรินท์เองก็ชอบน้ำหวานมากเหมือนกัน  ยิ่งนานไป ปรินท์ก็ยิ่งชอบน้ำหวานมากขึ้น  แต่น้ำหวานกลับเริ่มหมดรัก  เพราะคิดว่าปรินท์ไม่ได้มีใจให้เธอแน่จนความรักของเธอลดระดับลงกลายเป็นแค่เพื่อนสนิท  และแล้ววันนั้น ปรินท์ก็สารภาพรักกับเธอโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว  แต่ด้วยความที่เธอไม่เหลือความรักให้เขาอีกต่อไปจึงได้แต่ปฏิเสธ... ทั้งน้ำตา

    ออกแนวเศร้าเหมือนกับอารมณ์เพลง 'สายไป' ตอนท่อนฮุกน่ะค่ะ ^ ^








    ในที่สุด ปอร์ชก็ปั่นใบออเสร็จแล้ว ^ ^  ถือเป็นใบสมัครที่ปอร์ชใช้เวลานานเป็นพิเศษเลยนะเนี่ย!  ก็อยากเป็นนางเอกเรื่องนี้จริงๆ 555555


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×