คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ♥ EPISODE6
ซึงโฮเดินตามหลังเหล่าแบลคกี้เดินลงจากรถไปข้าตัวอาคารด้วยท่าทางร่าเริงสดใส แม้แต่ไอ้เจ้าสองพี่น้องที่นอนหลับคอพับคออ่อนกันมาในรถก็เดินคุยไปหัวเราะไปเสียงดังลั่นกันกระหนุงกระหนิงหยั่งกะเด็กมัธยม ไม่ได้มีร่องรอยของชายโสด(โฉด) ขี้เมาแฮงโอเวอร์เมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย.. ถึงเจ้าตัวจะพร้อมเพรียงกันหาแว่นดำมาใส่ปกปิดรอยคล้ำใต้ตาที่โผล่ขึ้นมาแข่งกับของเขา ไม่ได้ต่างอะไรมากกับเจ้าชาวนาบังที่สัญชาตญาณเก่าๆยังโผล่ออกมาให้เห็น สายตานั้นสอดส่ายสำรวจไปทั่วทุกมุมของห้องโถงอาคารขนาดใหญ่ ต่างกับไอ้ขี้เก๊กบยองฮีที่เดินเริ่ดหน้าเชิดราวกับเห็นของพวกนี้เป็นเรื่องปกติ.. หรือมันจะเห็นของพวกนี้ปกติจริงๆเสียก็ไม่รู้ เพราะถ้าจะว่ากันตามจริง มันเป็นรุ่นพี่พวกเขาอีกสี่คนในวงการ
“โอฮาโยโกะไซมัสส~~”
ผู้จัดการร่างใหญ่โค้งทักทายเป็นภาษาญี่ปุ่น ก่อนจะทำตาโตแล้วเริ่มคุยจ้อกับตัวแทนบริษัทที่เดินมาต้อนรับ ตอนแรกซึงโฮยังตกใจว่าทำไมพี่หมีของพวกเขาเป็นผู้จัดการมือโปรขนาดพูดภาษาญี่ปุ่นได้เยอะขนาดนี้ แต่เมื่อสาวเท้าเข้าไปใกล้ก็พอจะจับใจความได้เป็นภาษาเกาหลีที่เรียบรื่นเหมือนเจ้าของภาษาตัวจริงมาพูด..
เจ้าของภาษางั้นหรอ..
แล้วพอเงยหน้ามองให้ชัด ๆ...
ไม่ผิด ไม่ผิดแน่ ชายหนุ่มคนเมื่อวานที่เห็นพฤติกรรมอันน่าอับอายของเขากำลังยืนยิ้มหวานจนดวงตาเรียวใต้กรอบแว่นนั้นเล็กเหลือเป็นขีดมาให้อย่างอารมณ์ดี.. เช่นเคย..
เวรแล้วไหมล่ะ!!!
“สวัสดีครับคุณยางซึงโฮ”
ไม่ทันที่เขาจะหายอึ้ง พ่อหนุ่มเกาหลีคนนั้นก็หันมาทักทายเขาพร้อมชื่อเสียงเรียงนามและสายตาที่แอบล้อเลียนบ่งบอกว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่ ใบหน้านั้นไม่มีท่าที่แปลกใจ สงสัยเลยแม้แต่น้อย.. หรือความรู้สึกทั้งหมดทั้งปวงนั่นจะมาตกอยู่ที่เขากับเพื่อนร่วมวงทั้งสี่ รวมทั้งคิมฮยองซอบที่ยืนงงเป็นหมีตาแตก..
“อ้าว...รู้จักกันด้วยหรอเนี่ย” ไม่รอให้เขาถาม เมนวอยซ์แทรกขึ้นมากลางวงด้วยหน้าตายๆของมัน.. ชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้าที่เขายังไม่รู้จักชื่อแต่รู้จักชื่อเขาเป็นอย่างดีหันหน้าไปมองต้นเสียง ก่อนจะตอบนิ่มๆ..
“พวกคุณเป็นนักร้องดัง..ผมก็ต้องรู้จักสิครับ” ใบหน้านั้นยังเจือด้วยรอยยิ้ม เหมือนจะไม่ได้รู้ตัวเสียเท่าไหร่ว่าคำตอบของตัวเองมันแอบกวน..ทีน
“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้ถามคุณ เอ็มแบลคดังอยู่ครับผมรู้ แต่ผมถามซึงโฮต่างหาก ว่ารู้จักคุณด้วยหรอ” แต่ก็ต้องชะงักไปน้อย เมื่อเจอคำตอบที่กวนกว่า โดนไม่ได้รู้จักกาลเทศะและสำเหนียกตัวเองแม้แต่น้อยว่ามาคุยธุรกิจ.. ถ้าเป็นนิยายน้ำเน่า หมอนี่อาจจะเป็นประธานบริษัทปลอมตัวลงมาก็เป็นได้ เสียดายที่ไม่ใช่ เมื่อชายหนุ่มหัวเราะ ก่อนจะอธิบายข้อสงสัยของจองบยองฮีให้กระจ่าง โดยไม่มีท่าทีโกรธเคืองกับความห่ามของพ่อหนวดงามให้เห็น
“อันนี้ต้องไปถามคุณซึงโฮเองดีกว่านะครับ เชื่อว่าคงไม่อยากเล่าเท่าไหร่...หายเจ็บเท้าแล้วหรือยังล่ะครับเนี่ย?” ร่างสูงโปร่งผินหน้าหันมามองเขาก่อนจะยิ้มให้อีกที.. ถ้าเป็นในการ์ตูนซึงโฮคงมีเม็ดเหงื่อใหญ่เท่าลูกแพร์ไหลลงมาจากหน้าผากไปแล้ว..
“ส่วนผม ชองจางอู เป็นล่ามให้พวกคุณที่นี่แหละครับ ยินดีที่ได้รู้จักและฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” คุณล่ามโค้งให้อย่างสุภาพ.. ถึงแม้ดูมุมไหน พวกเขาก็เด็กกว่าแน่ๆนั่นแหละ..
ยางลีดเดอร์ได้แต่แอบถอดถอนหายใจอย่างเงียบๆ .. รู้ตัวดีว่าร่างสูงตรงหน้าในชุดสูทเรียบร้อยคงรู้จักว่าเขาเป็นใครตั้งแต่ตอนนั้นแล้วสินะ..
แต่กระนั้นหัวหน้าก็ยังเป็นหัวหน้าที่ดี ส่งสายตาให้สัญญาณลิงๆอีกสี่ตัวก่อนทุกคนจะโค้งทักทายให้อย่างพร้อมเพรียง..
“งั้นถ้าพร้อมกันแล้วเชิญทุกคนทางนี้เลยครับ ทุกคนรออยู่ในห้องประชุมแล้ว” คุณล่ามผายมือไปทางลิฟต์ที่อีกฝั่งของห้อง ก่อนจะเดินทอดน่องนำไปช้าๆ คล้อยหลังไปได้นิดเดียว เจ้าอีจุนผู้ซึ่งไม่เคยรู้ข่าวสารบ้านเมืองแต่มีคติว่าเรื่องชาวบ้านคืองานของมันและรู้ลึกรู้จริงยิ่งกว่าข่าวสามมิติก็ปราดเข้ามาประชิดตัว
“ยังไงยังไงยังไงยังไง”
ซึงโฮปรายมองแค่หายตา ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ยังไงอะไร?” เท้าก้าวยาวๆหวังจะสลัดน้องเห็บนามอีจุนให้หลุดไปไกลๆ
“ก็พี่ชายสุดเท่คนนั้นอะๆ ผมไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าพี่จะซุ่ม”
“ซุ่มบ้าอะไร ถ้าแกไม่มีเมียเป็นชอนดุงอยู่แล้วฉันจะนึกว่าแกสนใจเขาแล้วนะเนี่ย ถามเป็นเด็กผู้หญิงสาวๆไปได้ไอ้บ้านี่” ลีดเดอร์ร่ายรวดเดียวจบอย่างพยายามจะไม่รำคาญ...เท่าไหร่ ทำเอาคนถามหงายเงิบร้องโวยวายตามประสา แต่ยังไม่วายเล่น
“พี่อะ! บ้าที่สุดเลย ใครเมียผมล่ะ มีแต่สามีคนเดียวเท่านั้นแหละ” อีจุนว่าท่าทางน่ารักน่าถีบ หันไปกระพือขนตาให้เจ้าเด็กโย่งที่มองอย่างงงๆเนื่องจากรับมุกกันไม่ทัน
“ถ้าไม่ติดว่าใช้หน้าตาทำมาหากินนี่ฉันตบแกคว่ำไปแล้วนะชางซอน” ซึงโฮว่า แค่เริ่มตีหน้าเครียด เจ้าเด็กบ๊องนี่ก็กลัวหัวหดซะแล้ว..คนเป็นพี่หัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะหันกลับมาพบว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว..
“มีอะไรอีกล่ะเอ็ง?”
หน้าหนวดๆนั้นยื่นเข้ามาเต็มที่หวังจะได้ยินทุกคำพูดที่หลุดจากปากหดกลับไปแทบไม่ทัน
“เปล๊า”
ซึงโฮส่ายหน้า
“เอาเหอะ”
เขาปลงแล้วล่ะ มันไม่มีอะไรจริงๆ เรื่องมันเล็กเสียยิ่งกว่าเล็ก แค่ตอนแรกเขาทำหน้าอึ้งไปไม่ได้หมายความว่ามีความหลังล้ำลึกดึกดำบรรพ์อะไรกันทั้งนั้น แค่ตรูตกใจที่เจอคนที่มาทักตรูข้างถนนนี่มันผิดมากเลยใช่ไหม??
คุณล่ามอะไรนั่นก็ออกจะมองอย่างขำขัน..(หรือสมเพช) ในท่าทีตื่นเต้นโอเวอร์ของเหล่าเอ็มแบลคด้วยซ้ำ.. นี่มัน...ออกจะขายหน้าเสียด้วยซ้ำ เข้าใจกันบ้างไหมวะ!
ประตูลิฟท์ปิดลงช้าๆ หลังจากคนสุดท้ายก้าวเข้ามา ยางซึงโฮยืนอยู่ในตู้แคบๆนั้นนิ่งนานพลางคิดว่าพ้นจากที่นี่ไปต้องไปทำบุญ ปล่อยนก แขวนป้าย ซื้อเครื่องราง อาบน้ำมนต์สักที่ๆ เพราะรู้สึกว่าตั้งแต่ปีนี้มา...ไม่สิ ตั้งแต่มาญี่ปุ่นนี่ มันมีแต่เรื่องให้ชวนปวดหัวอะไรเยอะแยะ
.
.
.
.
.
tbc
ยิ่งเขียนไปเรื่อยๆยิ่งรู้สึกว่าเขียนเหมือนมันเป็นไดอารี่ของลีดเดอร์ ๕๕
จะกลับมาอัพใหม่แล้วค่ะ มันจะสั้นๆ แต่จะอัพบ่อยๆละกันเนาะ ก็มันเป็นไดอารี่ลีดนิ เขียนตามอารมณ์ ๕๕
ความคิดเห็น