ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ♥ EPISODE4
Title :: It’s Only Love
Author :: pastel
Couple ::87line, still undecided!
Rate :: PG (average-คำหยาบเล็กน้อยถึงปานกลาง)
Ep4
ลม หนาวต้นเดือนพฤศจิกายนของกรุงโตเกียวราวกับจะทักทายเขาด้วยการพัดเอาความ เย็นเข้ามาเฉียดผิวแก้ม..ชายหนุ่มกระชับเสื้อโค้ตสีดำสนิทที่ใส่อยู่เข้ามา อีกนิด ก่อนจะก้าวท้าวยาวๆเดินไปตามถนนที่ตัดผ่านหน้าโรงแรมที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อ ครู่มีรถยนต์น้อยคัน เนื่องด้วยชาวกรุงส่วนใหญ่เลือกใช้บริการรถไฟฟ้าแทน
ยาง ซึงโฮเดินทอดน่องไปตามทางช้าๆ กับบรรยากาศแสนจะน่าผ่อนคลาย .. ท้องฟ้าสีขาวโพลนราวกับจะส่งสัญญาณว่าพื้นดินข้างล่างก็จะกลายเป็นสีเดียว กันเมื่อหิมะแรกโปรยปรายลงมาในอีกไม่ช้าไม่นาน ตึกรามบ้านช่องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสมคำล่ำลือ และที่สำคัญ ผู้คนที่เดินสวนกันไปมาที่นี่ไม่มีท่าทีว่าจะรู้จักเขาสักคน.........มันคง เป็นวันที่ดีสำหรับเขามากๆถ้าไม่มีเรื่องอื่นๆมารบกวนใจ
ชายหนุ่ม หยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งอย่างลังเลใจด้วยไม่รู้จะว่ามุ่งหน้าไปที่ไหนดี ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นสวนสาธารณะเล็กๆอยู่ห่างออกไปไม่มาก มองเห็นได้ชัดเจนจากทางเข้าโรงแรมโดยเยื้องออกไปทางซ้าย...เขายิ้มอย่าง ดีใจ..
...ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเวลาว่างๆ ยางซึงโฮชอบไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะอยู่แล้ว คราวนี้จะได้มาลองสวนสาธารณะญี่ปุ่นดูบ้าง..
เดิน หน้าต่อพลางถอนหายใจราวกับจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปก่อนจะควักโทรศัพท์คู่ กายและคู่ใจที่เปิดโรมมิ่งเอาไว้เรียบร้อยขึ้นมากดๆอย่างคล่องแคล่วสมกับ เป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยี
---ถึงญี่ปุ่น เช็คอินเรียบร้อยแล้วครับ---
นิ้ว ที่กำลังจะกดส่งข้อความไปให้แม่ และพี่จีฮุนชะงักไปครู่ เขาตัดสินใจส่งข้อความไปให้ท่านประธาน แล้วพิมพ์ข้อความต่อไปอีกหน่อย.....
---แม่ทำอะไรอยู่?---
ไม่ทันจะครบเดินพ้นช่วงมุมตึก มือถือเขาก็ดังขึ้นมาเนื่องด้วยมีเมสเสจที่เรียกเก็บเงินปลายทาง(?)เข้ามา
---เป็นอะไรหรือเปล่าซึงโฮ อยู่ๆมาถามว่าแม่ทำอะไร กลุ้มใจเรื่องอะไรหรอ---
รู้ดีสมกับคนเป็นแม่จริงๆ...
---เปล่า...ผมแค่เบื่อๆ—
....
---เรื่องเพื่อนหรือเปล่า?---
ถ้าไม่แม่เขาเดาแม่นเหลือเชื่อก็คงมีตาทิพย์...ให้ตายสิ คุณนายบ้านนี้...
---แม่รู้ได้ไงเนี่ย....
ไม่สิ ถ้าเขียนไปอย่างนั้นแสดงว่ายอมรับกลายๆ ...
---ทำไมแม่ว่างั้นล่ะ?---
..
---ก็ถ้าเป็นเรื่องอื่นแกก็ไปปรึกษาเพื่อนแล้วน่ะสิ!---
จริงของแม่.. ข้อความที่ทำให้เขาอยากขำและกุมขมับไปในเวลาเดียวกัน
ใบ หน้าที่เมื่อครู่หมองเหมือนมีเมฆดำลอยอยู่บนหัวยิ้มออกมาน้อยๆอยู่คนเดียว มือก็จิ้มมือถือจึกๆโดยไม่ได้ดูทางข้างหน้าอย่างที่ควรจะเป็น...เพราะถ้าดู คงจะรู้ว่ามีหัวดับเพลิงสีแดงจ้าตั้งอยู่อย่างถ้าไม่เรียกเด่นก็ไม่รุ้ว่า ต้องเรียกอะไรอีก..แล้วก่อนที่หัวหน้าวงเอ็มแบลคจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรและ ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างที่เขาทำมาตลอด...
“เชรี่ยย…!” สบถออกมาเป็นภาษาเกาหลีแบบเอาให้แน่ใจว่าสุภาพต่อหูคนญี่ปุ่นที่เดินผ่านไป ผ่านมาพลางกระโดดเหย็งๆด้วยความเจ็บปวดหัวแม่เท้าที่ถลาเข้าไปจูบน้องหัวดับ เพลิงเมื่อกี้แบบเต็ม ๆ..
ให้ตายเถอะ.. เท้ามาเหยียบบนหมู่เกาะสวรรค์บ้านเกิดของเทคโนโลยีต่างๆได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึง คราวซวยเจ็บตัวไปแล้วสองรอบถ้วน หรือเขาจะต้องสาปก็ไม่รู้แฮะ!!
เหลือบ สายแลขวาให้แน่ใจว่าไม่มีแมวที่ไหนมาเห็นเรื่องที่เขาทำเสล่อเอาไว้ ..ก่อนจะแอบถอนหายใจอย่างโล่งเมื่อพี่น้องแดนปลาดิบที่เดินผ่านไปผ่านมา อย่างรวดเร็วเป็นปกติ..สมกับที่พี่จีฮุนบอกเอาไว้ว่าคนญี่ปุ่นไม่สนใจเรื่อง ชาวบ้าน..จะมีก็แต่..
“หึๆ..” เสียงทุ้มดังมาจากที่ใกล้ๆกำลังหัวเราะ.. ซึ่งถ้าหูเขาฟังไม่ผิด ไอ้ใกล้ๆที่ว่านั่นน่าจะอยู่แค่ข้างหลังเขานี่เอง..
“คนเกาหลีหรอครับ?” ประโยคคำถามสั้นๆถูกส่งมาให้พร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร..แฝงความเอ็นดู..แน่นอนว่าในภาษาเกาหลี..
ชาย หนุ่มตรงหน้าดูท่าทางจะแก่กว่าเขาไม่เกินสามปี ซึ่งอีกฝ่ายก็น่าจะคิดแบบเขา ดูจากแล้วเหมือนพี่ชายกำลังมองน้องอย่างเอ็นดูไม่มีผิด แต่ไม่น่าใช่แบบคู่เขากับซึงฮุน.. รายนั้นถูกพี่ชายอย่างเขาเลี้ยงมาด้วยลำแข้ง....ใบหน้าที่กำลังยิ้มจนตาที่ ล้อมด้วยกรอบแว่นหยีเล็กเป็นรูปสระอิแบบที่น่าจะทำเป็นประจำนั้นดูออกว่า เป็นคนอัธยาศัยดี....มาก.....ดูๆไปก็ไม่เข้ากับริมฝีปากบางเฉียบที่เสริมให้ เครื่องหน้านั้นดูเข้มงวดขึ้นมาหน่อย..ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตทับด้วย เสื้อนอก ดูเผินๆแล้วก็ไม่ต่างกับพนักงานบริษัทที่เดินไปเดินมาแถวนี้... แต่โดยรวมแล้วเขาเป็นคนดูดีใช้ได้..
.....และที่สำคัญ..ท่าทางจะไม่รู้จักวงเอ็มแบลคเลยแม้แต่นิดเดียว..แววตาจริงใจบอกอย่างนั้น..
“ใช่ แล้วครับ..สวัสดีครับ” พอเก็บรายละเอียดของคนตรงหน้าใส่สมองพร้อมประมวลผลเสร็จสรพพราวกับเป็น โปรเซสเซอร์อัจฉริยะของโน้ตบุ๊คเครื่องโปรดในครอบครองแล้ว ซึงโฮก็โค้งทักทายน้อยๆอย่างมีมารยาทสมกับเป็นคุณชายยางโชแปง..
“เมื่อกี้ ไม่เป็นไรนะ?” อีกฝ่ายถามอย่างมีน้ำใจ พลางส่งสายตาไปทางรองเท้ากีฬาแบรนด์ดังที่เพิ่งสัมผัสเหล็กหนักๆไปเมื่อกี้ ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกฮะ ผมคงซุ่มซ่ามเอง” ซึงโฮยิ้มแหยๆกลับ
“ไม่ เป็นอะไรก็ดีแล้ว..งั้นผมขอตัวก่อนนะ ไม่งั้นต้องได้ไปทำงานสายแน่” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดติดตลก..ก่อนจะยิ้มแล้วผงกหัวให้เป็นเชิงลา..ซึงโฮก็ได้ แต่ทำอย่างเดียวกัน แล้วมองตามร่างสูงที่เดินจากไปแบบงงๆ กับชีวิตเล็กน้อย....เมื่อกี้เขาเพิ่งเจอคนเกาหลีในญี่ปุ่น.. แถมยังเป็นตอนที่เขากำลังดูสภาพย่ำแย่อีกต่างหาก..
โชคดียิ่งกว่าอะไรที่เขาคนนั้นไม่รู้จักเอ็มแบลคล่ะนะ!
เท้า ที่เจ็บเมื่อกี้อยู่ก็ค่อยยังชั่วลงแล้ว..แต่ตอนกลับโรงแรมอาจจะต้องไปดูอีก ทีว่ามันมีห้อเลือดอะไรตรงไหนหรือเปล่า หวังว่าคงไม่มีอะไรไปกระทบกระเทือนตอนเต้นซะละนะ..
ที่แน่ๆยางซึงโฮ ให้สัญญากับตัวเองไปแล้วว่าวันหน้าวันหลังเขาจะไม่เสล่อเดินไปจิ้มมือถือไป อย่างที่ทำเมื่อกี้อีกแล้ว.. ถ้ามีครั้งหน้าอาจจะมีอับอายกว่านี้พันเท่าก็เป็นได้ใครจะไปรู้?
ก้าว ยาวๆอีกไม่กี่ก้าวก็มาถึงที่หมาย...สวนสาธารณะขนาดเล็กที่ดูเงียบสงบไร้ผู้ คนดูแห้งแล้วด้วยใบไม้เพิ่งจะผลัดใบ รอวันจะผลิบานขึ้นมาใหม่.. ซึงโฮค่อยๆนั่งลงบนม้านั่งที่ทำจากเหล็กแถวนั้น..สัมผัสเย็นเฉียบแล่นขึ้นมา อย่างที่คาดเอาไว้.. มือเรียวหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งจะพาเขาซวยเมื่อกี๊กะว่าจะส่งเมสเสจที่กำลัง เขียนหาแม่อยู่เมื่อครู่ให้จบ หากแต่เสียงริงโทนเรียบง่ายดังขึ้นพร้อมๆกับที่หน้าแสดงรูปใครบางคน คนที่เขาเพิ่งเดินหนีมาเมื่อกี๊นั้นแหละ..
ซึงโฮถอนหายใจเฮือกสมกับฉายาคุณปู่ยางก่อนจะกดปุ่มรับ
“ว่า?”
“นายไปอยู่ไหนเนี่ย รีบๆกลับมาได้แล้ว” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงตอบรับ ปลายสายก็พ่นออกมาอย่างรวดเร็วไม่ได้มีเกรงใจ.. หัวหน้าวงทำ
หน้าบู้ใส่โทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงลงไปเนือยๆ
“ฉันเพิ่งออกมาไม่ถึงชั่วโมง ก็ไหนว่าวันนี้ไม่มีอะไรทำไม่ใช่หรอ อยากทำอะไรก็ทำไปดิ”
“ก็ พี่ฮยองซอบอะดิ พอรู้ว่านายออกไปข้างนอกคนเดียวก็โวยวายใหญ่เลย กลัวนายจะโดนใครลากไปนะสิ” จองบยองฮีพูดเชิงเย้าแหย่เต็มที่หากแต่อีกคนกลับรู้สึกหงุดหงิดแบบแปลกๆ
“ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรเลย ฉันรู้น่าว่าอะไรควรอะไรไม่ควรทำ ใครจะเหมือนนายอะ ตะลอนๆไปทั่วไอ้ย่านเที่ยวกลางคืนเนี่ย เหอะ”
เสียง หัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับคำประชดประชันของเขาฟังดูน่าหมั่นไส้กว่าเดิมในเวลา นี้..ซึงโฮตั้งท่าจะกดตัดสายแต่ราวกับอีกคนจะรู้ รีบชิงพูดขึ้นมาก่อน
“แล้วนายอยู่ที่ไหนอะ”
“เดินออกมาหน้าโรงแรมแล้วจะเห็น”
ชั่ว อึดใจเดียวเขาก็เห็นร่างสูงที่ตัวก้าวออกจากประตูโรงแรมมายืนมองซ้ายมอง ขวา...ก่อนจะหันมาเจอเขา..ใช้เวลาน้อยกว่าที่คิด....เจ้าตัวโบกมือพลางยิ้ม กวนให้เหมือนทุกครั้ง
หยั่งกับมันมีเรดาร์ติดตามตัวเขาอย่างไงอย่าง งั้น..ซึงโฮไม่แปลกใจเท่าไหร่..เพราะเวลามีงานนอกสถานที่ ก็เป็นนิสัยเขาที่ชอบออกมาเดินเล่นคนเดียวบ่อยๆ แล้วก็มีเจ้านี่ตามมาเจอเสียทุกครั้งไป..มันรู้หมดทุกอย่างว่าที่แบบไหนที่ เขาชอบไป และไปทำอะไรต่างๆนาๆ มันน่ะแสนรู้ยิ่งกว่าสุนัขตำรวจเสียอีก...
ดวงตากลมโตวูบไหวเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้..
....ยางซึงโฮกับจองบยองฮีสนิทกันมากจริงๆนั่นแหละ..
และ เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความรู้สึกแปลกๆที่เกิดกับเขาในระยะหลังๆนี่คือ อะไร.. แต่เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มาทำลายความสัมพันธ์ที่มีกันมาอย่างยาวนาน...
เขาควรจะเก็บมันไปก่อน..ตัดมันไปก่อน..
หวังแค่ว่ามันจะให้ความร่วมมือ ไม่มากวนป้วนเปี้ยนให้วุ่นวายใจอย่างที่มักจะทำอยู่ตอนนี้!..
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ..แค่มองรอยยิ้มอันแสนคุ้นเคยนั่นเขาก็รู้สึกยอมแพ้เสียแล้ว..
TBC
Author :: pastel
Couple ::87line, still undecided!
Rate :: PG (average-คำหยาบเล็กน้อยถึงปานกลาง)
Ep4
ลม หนาวต้นเดือนพฤศจิกายนของกรุงโตเกียวราวกับจะทักทายเขาด้วยการพัดเอาความ เย็นเข้ามาเฉียดผิวแก้ม..ชายหนุ่มกระชับเสื้อโค้ตสีดำสนิทที่ใส่อยู่เข้ามา อีกนิด ก่อนจะก้าวท้าวยาวๆเดินไปตามถนนที่ตัดผ่านหน้าโรงแรมที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อ ครู่มีรถยนต์น้อยคัน เนื่องด้วยชาวกรุงส่วนใหญ่เลือกใช้บริการรถไฟฟ้าแทน
ยาง ซึงโฮเดินทอดน่องไปตามทางช้าๆ กับบรรยากาศแสนจะน่าผ่อนคลาย .. ท้องฟ้าสีขาวโพลนราวกับจะส่งสัญญาณว่าพื้นดินข้างล่างก็จะกลายเป็นสีเดียว กันเมื่อหิมะแรกโปรยปรายลงมาในอีกไม่ช้าไม่นาน ตึกรามบ้านช่องดูเป็นระเบียบเรียบร้อยสมคำล่ำลือ และที่สำคัญ ผู้คนที่เดินสวนกันไปมาที่นี่ไม่มีท่าทีว่าจะรู้จักเขาสักคน.........มันคง เป็นวันที่ดีสำหรับเขามากๆถ้าไม่มีเรื่องอื่นๆมารบกวนใจ
ชายหนุ่ม หยุดยืนอยู่ครู่หนึ่งอย่างลังเลใจด้วยไม่รู้จะว่ามุ่งหน้าไปที่ไหนดี ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นสวนสาธารณะเล็กๆอยู่ห่างออกไปไม่มาก มองเห็นได้ชัดเจนจากทางเข้าโรงแรมโดยเยื้องออกไปทางซ้าย...เขายิ้มอย่าง ดีใจ..
...ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเวลาว่างๆ ยางซึงโฮชอบไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะอยู่แล้ว คราวนี้จะได้มาลองสวนสาธารณะญี่ปุ่นดูบ้าง..
เดิน หน้าต่อพลางถอนหายใจราวกับจะสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปก่อนจะควักโทรศัพท์คู่ กายและคู่ใจที่เปิดโรมมิ่งเอาไว้เรียบร้อยขึ้นมากดๆอย่างคล่องแคล่วสมกับ เป็นเจ้าพ่อเทคโนโลยี
---ถึงญี่ปุ่น เช็คอินเรียบร้อยแล้วครับ---
นิ้ว ที่กำลังจะกดส่งข้อความไปให้แม่ และพี่จีฮุนชะงักไปครู่ เขาตัดสินใจส่งข้อความไปให้ท่านประธาน แล้วพิมพ์ข้อความต่อไปอีกหน่อย.....
---แม่ทำอะไรอยู่?---
ไม่ทันจะครบเดินพ้นช่วงมุมตึก มือถือเขาก็ดังขึ้นมาเนื่องด้วยมีเมสเสจที่เรียกเก็บเงินปลายทาง(?)เข้ามา
---เป็นอะไรหรือเปล่าซึงโฮ อยู่ๆมาถามว่าแม่ทำอะไร กลุ้มใจเรื่องอะไรหรอ---
รู้ดีสมกับคนเป็นแม่จริงๆ...
---เปล่า...ผมแค่เบื่อๆ—
....
---เรื่องเพื่อนหรือเปล่า?---
ถ้าไม่แม่เขาเดาแม่นเหลือเชื่อก็คงมีตาทิพย์...ให้ตายสิ คุณนายบ้านนี้...
---แม่รู้ได้ไงเนี่ย....
ไม่สิ ถ้าเขียนไปอย่างนั้นแสดงว่ายอมรับกลายๆ ...
---ทำไมแม่ว่างั้นล่ะ?---
..
---ก็ถ้าเป็นเรื่องอื่นแกก็ไปปรึกษาเพื่อนแล้วน่ะสิ!---
จริงของแม่.. ข้อความที่ทำให้เขาอยากขำและกุมขมับไปในเวลาเดียวกัน
ใบ หน้าที่เมื่อครู่หมองเหมือนมีเมฆดำลอยอยู่บนหัวยิ้มออกมาน้อยๆอยู่คนเดียว มือก็จิ้มมือถือจึกๆโดยไม่ได้ดูทางข้างหน้าอย่างที่ควรจะเป็น...เพราะถ้าดู คงจะรู้ว่ามีหัวดับเพลิงสีแดงจ้าตั้งอยู่อย่างถ้าไม่เรียกเด่นก็ไม่รุ้ว่า ต้องเรียกอะไรอีก..แล้วก่อนที่หัวหน้าวงเอ็มแบลคจะรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรและ ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างที่เขาทำมาตลอด...
“เชรี่ยย…!” สบถออกมาเป็นภาษาเกาหลีแบบเอาให้แน่ใจว่าสุภาพต่อหูคนญี่ปุ่นที่เดินผ่านไป ผ่านมาพลางกระโดดเหย็งๆด้วยความเจ็บปวดหัวแม่เท้าที่ถลาเข้าไปจูบน้องหัวดับ เพลิงเมื่อกี้แบบเต็ม ๆ..
ให้ตายเถอะ.. เท้ามาเหยียบบนหมู่เกาะสวรรค์บ้านเกิดของเทคโนโลยีต่างๆได้ไม่เท่าไหร่ก็ถึง คราวซวยเจ็บตัวไปแล้วสองรอบถ้วน หรือเขาจะต้องสาปก็ไม่รู้แฮะ!!
เหลือบ สายแลขวาให้แน่ใจว่าไม่มีแมวที่ไหนมาเห็นเรื่องที่เขาทำเสล่อเอาไว้ ..ก่อนจะแอบถอนหายใจอย่างโล่งเมื่อพี่น้องแดนปลาดิบที่เดินผ่านไปผ่านมา อย่างรวดเร็วเป็นปกติ..สมกับที่พี่จีฮุนบอกเอาไว้ว่าคนญี่ปุ่นไม่สนใจเรื่อง ชาวบ้าน..จะมีก็แต่..
“หึๆ..” เสียงทุ้มดังมาจากที่ใกล้ๆกำลังหัวเราะ.. ซึ่งถ้าหูเขาฟังไม่ผิด ไอ้ใกล้ๆที่ว่านั่นน่าจะอยู่แค่ข้างหลังเขานี่เอง..
“คนเกาหลีหรอครับ?” ประโยคคำถามสั้นๆถูกส่งมาให้พร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร..แฝงความเอ็นดู..แน่นอนว่าในภาษาเกาหลี..
ชาย หนุ่มตรงหน้าดูท่าทางจะแก่กว่าเขาไม่เกินสามปี ซึ่งอีกฝ่ายก็น่าจะคิดแบบเขา ดูจากแล้วเหมือนพี่ชายกำลังมองน้องอย่างเอ็นดูไม่มีผิด แต่ไม่น่าใช่แบบคู่เขากับซึงฮุน.. รายนั้นถูกพี่ชายอย่างเขาเลี้ยงมาด้วยลำแข้ง....ใบหน้าที่กำลังยิ้มจนตาที่ ล้อมด้วยกรอบแว่นหยีเล็กเป็นรูปสระอิแบบที่น่าจะทำเป็นประจำนั้นดูออกว่า เป็นคนอัธยาศัยดี....มาก.....ดูๆไปก็ไม่เข้ากับริมฝีปากบางเฉียบที่เสริมให้ เครื่องหน้านั้นดูเข้มงวดขึ้นมาหน่อย..ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตทับด้วย เสื้อนอก ดูเผินๆแล้วก็ไม่ต่างกับพนักงานบริษัทที่เดินไปเดินมาแถวนี้... แต่โดยรวมแล้วเขาเป็นคนดูดีใช้ได้..
.....และที่สำคัญ..ท่าทางจะไม่รู้จักวงเอ็มแบลคเลยแม้แต่นิดเดียว..แววตาจริงใจบอกอย่างนั้น..
“ใช่ แล้วครับ..สวัสดีครับ” พอเก็บรายละเอียดของคนตรงหน้าใส่สมองพร้อมประมวลผลเสร็จสรพพราวกับเป็น โปรเซสเซอร์อัจฉริยะของโน้ตบุ๊คเครื่องโปรดในครอบครองแล้ว ซึงโฮก็โค้งทักทายน้อยๆอย่างมีมารยาทสมกับเป็นคุณชายยางโชแปง..
“เมื่อกี้ ไม่เป็นไรนะ?” อีกฝ่ายถามอย่างมีน้ำใจ พลางส่งสายตาไปทางรองเท้ากีฬาแบรนด์ดังที่เพิ่งสัมผัสเหล็กหนักๆไปเมื่อกี้ ด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรมากหรอกฮะ ผมคงซุ่มซ่ามเอง” ซึงโฮยิ้มแหยๆกลับ
“ไม่ เป็นอะไรก็ดีแล้ว..งั้นผมขอตัวก่อนนะ ไม่งั้นต้องได้ไปทำงานสายแน่” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดติดตลก..ก่อนจะยิ้มแล้วผงกหัวให้เป็นเชิงลา..ซึงโฮก็ได้ แต่ทำอย่างเดียวกัน แล้วมองตามร่างสูงที่เดินจากไปแบบงงๆ กับชีวิตเล็กน้อย....เมื่อกี้เขาเพิ่งเจอคนเกาหลีในญี่ปุ่น.. แถมยังเป็นตอนที่เขากำลังดูสภาพย่ำแย่อีกต่างหาก..
โชคดียิ่งกว่าอะไรที่เขาคนนั้นไม่รู้จักเอ็มแบลคล่ะนะ!
เท้า ที่เจ็บเมื่อกี้อยู่ก็ค่อยยังชั่วลงแล้ว..แต่ตอนกลับโรงแรมอาจจะต้องไปดูอีก ทีว่ามันมีห้อเลือดอะไรตรงไหนหรือเปล่า หวังว่าคงไม่มีอะไรไปกระทบกระเทือนตอนเต้นซะละนะ..
ที่แน่ๆยางซึงโฮ ให้สัญญากับตัวเองไปแล้วว่าวันหน้าวันหลังเขาจะไม่เสล่อเดินไปจิ้มมือถือไป อย่างที่ทำเมื่อกี้อีกแล้ว.. ถ้ามีครั้งหน้าอาจจะมีอับอายกว่านี้พันเท่าก็เป็นได้ใครจะไปรู้?
ก้าว ยาวๆอีกไม่กี่ก้าวก็มาถึงที่หมาย...สวนสาธารณะขนาดเล็กที่ดูเงียบสงบไร้ผู้ คนดูแห้งแล้วด้วยใบไม้เพิ่งจะผลัดใบ รอวันจะผลิบานขึ้นมาใหม่.. ซึงโฮค่อยๆนั่งลงบนม้านั่งที่ทำจากเหล็กแถวนั้น..สัมผัสเย็นเฉียบแล่นขึ้นมา อย่างที่คาดเอาไว้.. มือเรียวหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งจะพาเขาซวยเมื่อกี๊กะว่าจะส่งเมสเสจที่กำลัง เขียนหาแม่อยู่เมื่อครู่ให้จบ หากแต่เสียงริงโทนเรียบง่ายดังขึ้นพร้อมๆกับที่หน้าแสดงรูปใครบางคน คนที่เขาเพิ่งเดินหนีมาเมื่อกี๊นั้นแหละ..
ซึงโฮถอนหายใจเฮือกสมกับฉายาคุณปู่ยางก่อนจะกดปุ่มรับ
“ว่า?”
“นายไปอยู่ไหนเนี่ย รีบๆกลับมาได้แล้ว” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงตอบรับ ปลายสายก็พ่นออกมาอย่างรวดเร็วไม่ได้มีเกรงใจ.. หัวหน้าวงทำ
หน้าบู้ใส่โทรศัพท์ก่อนจะกรอกเสียงลงไปเนือยๆ
“ฉันเพิ่งออกมาไม่ถึงชั่วโมง ก็ไหนว่าวันนี้ไม่มีอะไรทำไม่ใช่หรอ อยากทำอะไรก็ทำไปดิ”
“ก็ พี่ฮยองซอบอะดิ พอรู้ว่านายออกไปข้างนอกคนเดียวก็โวยวายใหญ่เลย กลัวนายจะโดนใครลากไปนะสิ” จองบยองฮีพูดเชิงเย้าแหย่เต็มที่หากแต่อีกคนกลับรู้สึกหงุดหงิดแบบแปลกๆ
“ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรเลย ฉันรู้น่าว่าอะไรควรอะไรไม่ควรทำ ใครจะเหมือนนายอะ ตะลอนๆไปทั่วไอ้ย่านเที่ยวกลางคืนเนี่ย เหอะ”
เสียง หัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับคำประชดประชันของเขาฟังดูน่าหมั่นไส้กว่าเดิมในเวลา นี้..ซึงโฮตั้งท่าจะกดตัดสายแต่ราวกับอีกคนจะรู้ รีบชิงพูดขึ้นมาก่อน
“แล้วนายอยู่ที่ไหนอะ”
“เดินออกมาหน้าโรงแรมแล้วจะเห็น”
ชั่ว อึดใจเดียวเขาก็เห็นร่างสูงที่ตัวก้าวออกจากประตูโรงแรมมายืนมองซ้ายมอง ขวา...ก่อนจะหันมาเจอเขา..ใช้เวลาน้อยกว่าที่คิด....เจ้าตัวโบกมือพลางยิ้ม กวนให้เหมือนทุกครั้ง
หยั่งกับมันมีเรดาร์ติดตามตัวเขาอย่างไงอย่าง งั้น..ซึงโฮไม่แปลกใจเท่าไหร่..เพราะเวลามีงานนอกสถานที่ ก็เป็นนิสัยเขาที่ชอบออกมาเดินเล่นคนเดียวบ่อยๆ แล้วก็มีเจ้านี่ตามมาเจอเสียทุกครั้งไป..มันรู้หมดทุกอย่างว่าที่แบบไหนที่ เขาชอบไป และไปทำอะไรต่างๆนาๆ มันน่ะแสนรู้ยิ่งกว่าสุนัขตำรวจเสียอีก...
ดวงตากลมโตวูบไหวเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้..
....ยางซึงโฮกับจองบยองฮีสนิทกันมากจริงๆนั่นแหละ..
และ เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าความรู้สึกแปลกๆที่เกิดกับเขาในระยะหลังๆนี่คือ อะไร.. แต่เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มาทำลายความสัมพันธ์ที่มีกันมาอย่างยาวนาน...
เขาควรจะเก็บมันไปก่อน..ตัดมันไปก่อน..
หวังแค่ว่ามันจะให้ความร่วมมือ ไม่มากวนป้วนเปี้ยนให้วุ่นวายใจอย่างที่มักจะทำอยู่ตอนนี้!..
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ..แค่มองรอยยิ้มอันแสนคุ้นเคยนั่นเขาก็รู้สึกยอมแพ้เสียแล้ว..
TBC
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น