ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :: SECRET :: [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #2 : Secret N°1: Strangers

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 54


    Secret N°1: Strangers

    สายฝนโปรยปรายกระทบบานกระจกใสเป็นจังหวะไม่ขาดสาย แม้จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวกะทัดรัดที่พนักโครงเหล็กเย็นยะเยียบด้วยเครื่องปรับอากาศ แต่เพียงมอง เขาก็พอจะจินตนาการได้ถึงกลิ่นไอดินที่ลอยอยู่ในความชื้นของบรรยากาศของนครแห่งนางฟ้าอันยิ่งใหญ่.. ลอสแอนเจลิส

    ร่างสูง...ที่คาดคะเนด้วยสายตาแล้วไม่มีทางต่ำกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตร...หรือหนึ่งร้อยเก้าสิบด้วยซ้ำในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่ง กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้มเก่าซอ กับรองเท้าบูทหนังคาวบอยที่มองดูแล้วคงผ่านการใช้งานมาหนักไม่แพ้กันกำลังยกมือหนากร้านอย่างคนทำงานหนักประคองแก้วกระดาษที่ยังอุ่นจัดด้วยเอสเปรสโซ่เข้มข้นขึ้นมาแตะริมฝีปากอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีท่าทีรีบเร่งเหมือนคนอื่นๆ ที่ดูยุ่งวุ่นวายกับการโทรศัพท์หรือเหลือบมองนาฬิกาสลับกับสบถคำสาปแช่งให้กับฝนหลงฤดูนอกหน้าต่างยิ่งทำให้เขาดูผิดที่ผิดทางค่อนข้างมาก..มากอย่างที่ว่าไปสะดุดตาใครหลายๆคนเข้า ตั้งแต่มาถึงที่นี่..เขาเริ่มชินเสียแล้วกับการถูกแอบมอง..ผู้คนแถวนี้อาจจะแปลกใจว่าทำไมเขาถึงไม่ไปเดินร่อนแถวฮอลลีวู้ด บูเลอวาร์ดปนๆกับกัปตันแจ๊ค สแปร์โรว์ตัวปลอมหรือพวกหน้าเหมือนทอม ครูซแล้วหาเงินเอากับนักท่องเที่ยวที่อาจจะมาขอถ่ายรูป หรือถูกยัดเยียดแบบที่ทำกันอยู่ทุกวัน แต่กลับมานั่งจิบกาแฟสงบเสงี่ยมอยู่แถวอีสต์ไซด์..หากคนพวกนี้ก็เพียงมอง แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเขาอีก..

    ชายหนุ่มคงจะจมอยู่กับภวังค์อันเรื่อยเปื่อยของตัวเองไปอีกครู่ใหญ่ ถ้าหากเก้าอี้ตรงข้ามไม่ได้ถูกเลื่อนออก พร้อมๆกับร่างที่แทรกลงมานั่งอย่างวิสาสะโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยถามทำให้เขาแปลกใจเล็กน้อย จนเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง.. ก็ประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีฮาเซลที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว คนตรงหน้าเป็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างเพรียว บนใบหน้านั้นประดับด้วยรอยยิ้มอย่างเยาะๆ...ไม่สิ ..หยอกเย้า แต่ก็ไม่เชิงเป็นมิตร.. แต่ก็ไม่ถึงกับเย็นชาไร้อารมณ์อย่างพวกพนักงานออฟฟิศที่เขาคาดว่าอีกฝ่ายจะเป็น..ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองสำรวจเขาจากหัวจรดเท้าอย่างที่หลายๆคนก็ทำ แต่จะไม่เหมือนกันก็ตรงทีอีกฝ่ายไม่ได้ละสายตาไปเมื่อเขาเงยขึ้นมาสบตา แถมยังจ้องกลับอย่างเปิดเผย..ริมฝีปากแสยะยิ้มให้เขาอีกมองอยู่ ..อย่างแปลกใจกว่าเดิม

    “คันทรี่? อื้มม เท่ดีนะเนี่ย มาทำอะไรที่แอลเอล่ะเนี่ยคาวบอย?”  คำชมที่แสนจะจริงใจและตรงไปตรงมาจากปากอีกฝ่ายทำเอาเขาแทบจะขำก๊ากออกมาดังๆถ้าไม่เกรงใจอีกหลายคนที่นั่งหน้าบูดกันอยู่ในร้าน.. และไม่วายหลุดเสียงหัวเราะต่ำๆให้ฝ่ายตรงข้ามได้ยินเพียงเล็กน้อย รอยยิ้มที่มุมปากนั้นหายไปแล้ว แต่ดวงตาของอีกคนที่เขามองแล้วรู้สึกไม่ต่างกับมองตาเจ้าม้าพยศแอชลีย์ที่ป่านนี้คงทำที่บ้านเขาที่โอคลาโฮมาปวดหัวอย่างร่าเริงตั้งแต่เขาบินมาอยู่นี่นั้นวิบวับแปลกๆ ..

    “มางานแต่งงานเพื่อนน่ะ แต่คงโชคไม่ดีเท่าไหร่ที่บินมาพร้อมฝนซะนี่สิ” ร่างสูงพูดเปรยๆแต้มรอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี กับข้อความที่จงใจจะสื่อถึงสภาพอากาศที่ทำเอาคนหัวเสียไปตาม ๆกัน

    “นายคงไม่ค่อยชอบเมืองใหญ่เท่าไหร่สินะ...อย่างนี้แหละ อยู่แบบสบายๆคงไม่ได้ทำอะไรกันพอดี มันเป็นเมืองใหญ่เหมือนที่อื่นๆแหละ มันต้องดิ้นรนให้มากๆ ไม่งั้นก็เชิญนอนข้างถนน”

    “ฟังดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่..”

    “นั่นแหละ แต่คนก็ยังอยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่กันเยอะแยะ. .ที่มาเพราะได้งานที่นี่น่ะพอเข้าใจ แต่ประเภทอื่นนี่ฉันก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”

    ฟังแล้วชายหนุ่มก็อดคิดถึงเจ้าของงานที่เขากำลังจะไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ไม่ได้.. หนึ่งในสารพัดเหตุผลอาจจะเป็นเพราะผู้หญิงก็ได้ล่ะมั้ง..

    ส่วนคนแปลกหน้า ยังพูดไม่หยุดด้วยทำเสียงโมโนโทน กับหน้าตายๆนั้น...

    ...ซึ่งเขาก็เห็นว่ามันน่ารักดี?

    “ฉันเองเกิดที่เมืองนี้ยังไม่อยากจะอยู่เท่าไหร่เลย เลือกได้อยากไปอยู่บ้านนอกไกลๆมากกว่า”

    “ก็มาสิ ที่ฟาร์มฉันคิดค่าเช่าไม่แพงหรอก” ร่างสูงเอ่ย..สาบานได้ว่าเมื่อกี้เขาแค่คิดอยู่ในใจ..แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะได้ยินเนี่ยน่ะสิ

    คนที่เพิ่งจะถอดแจ็คเก็ตหนังสีดำที่พราวหยาดน้ำพาดพนักพิงเหลือเพียงเสื้อยืดยิ้มกว้างรับคำกล่าวนั่นอย่างชอบใจ ก่อนจะยื่นมือให้อีกฝ่าย..ที่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นจำนวนรอยสักที่พันพาดแขนขาวๆเป็นลวดลายที่ดูซับซ้อน.. ดอกไม้.. ตัวเลข..ลายเส้น และอีกสารพัด

    “อะไรกัน.. ไม่เคยเห็นรอยสักหรือไง?” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะนั้นทำเอาคนตัวใหญ่รีบถอนสายตากลับมาโฟกัสที่หน้าของอีกคนแทบจะไม่ทันอย่างรู้ตัวว่าเสียมารยาทก่อนจะยื่นมือไปจับอีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆไปเสียหมด

    “อดัม เลวีน Welcome to LA” เจ้าของชื่อจับมือเขาเขย่าแรงๆแล้วยิ้มให้อีกที

    “เบลค เชลตัน”

    “อ่าฮะ..แล้วนี่นายมาจากไหน” ส่งเสียงเป็นเชิงรับรู้พลางยกแก้วของตัวเองเข้ามาจิบบ้าง ก่อนจะยิงคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย

    “ทิสโฮมิงโก โอคลาโฮมา”

    “ใช้ได้แฮะ.. เกิดมาไม่เคยได้ยิน” อดัมว่าทีเล่นทีจริง “แล้วนี่จะกลับเมื่อไหร่ล่ะ”

    “อาทิตย์หน้า”

    ทั้งๆที่ถูกถามเอา ถามเอาเสียอย่างนี้ แต่ก็แปลกดีเหมือนกัน..ที่คนตรงหน้าไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวอย่างที่ควรจะเป็น อาจะเป็นเพราะความเฉยเมยเย่อหยิ่งในน้ำเสียงและท่าทางของอีกคนที่ทำให้เขารู้สึก..สบายใจ.. ไม่สิ.. เหมือนจะเป็นความรู้สึกอยากเอาชนะมากกว่า.. เขาอยากจะยืดเยื้อบทสนทนานี้ไปอีกนานๆ แล้วบางที.. เขาอาจจะได้เรียนรู้เรื่องของอีกคนเพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้

    “อืออ วันแต่งงานเพื่อนนายคงอีกสองสามวันสินะ.. คืนนี้ทำอะไรหรือเปล่า ไปดูวงฉันเล่นที่ลา ซิต้าไหมล่ะ?”

    เบลครู้สึกพึงพอใจแปลกๆ ที่อีกฝ่ายดูจะให้ความสนิทสนมกับเขามากเกินกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันครึ่งชั่วโมง..แต่ คงไม่ใช่หรอก พวกที่มาหาคนไปฟังดนตรีก็เป็นอย่างนี้กันหมด...หรือไม่ใช่?

    จะยังไงก็ตาม.. พอบัตรผ่านถูกนิ้วมือเรียวยาวยื่นส่งมาให้ เขาก็คว้ามันอย่างไม่ลังเล..คิดถึงสัมผัสของมือคู่นั้นที่เขาเพิ่งได้จับ.. ยิ่งไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายเป็นนักดนตรี  มือหนาหยิบบัตรแข็งๆนั้นมาพลิกดูผ่านๆ

    “แล้ววงนายเล่นเพลงแนวไหน?” น้ำเสียงทุ้มต่ำติดสำเนียงทางใต้เอ่ยถาม

    “สำหรับพวกเราดนตรีก็คือดนตรีน่ะ ไม่รู้เหมือนกันแฮะว่าแนวไหน แต่ที่แน่ๆ......ไม่ใช่คันทรี่” อดัมว่าแล้วหลิ่วตาให้เขาอย่างล้อเลียน เรียกเสียงหัวเราะทุ้มของเขาได้อีกระลอก

    คนตรงหน้ายิ้ม กระดกกาแฟในแก้วจนหมดถ้วย ก่อนจะลุกขึ้น

    “แล้วคืนนี้เจอกัน” ยกนิ้วขึ้นมากระดิกให้เล็กน้อยเป็นเชิงอำลา ก่อนจะผละจากไป.

    ดวงตาสีฟ้าสดมองตามร่างนั้น..

    น่าสนุกไม่เลวเลยจริงๆ..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×