คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3 เพื่อนลึกลับ&ของสำคัญ
“ขอโทษนะครับ ผมขอนั่งเล่นกีตาร์ตรงนี้ได้มั้ย”ผมเรียกเขา แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมาเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากแล้วก็สวยด้วยในเวลาเดียวกัน ผมยาวสีดำสนิท กับดวงตาคมสีเดียวกันสวยมาก ผิวพรรณก็ขาวนวล สูงอีกต่างหาก ช่างเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟ็คอะไรอย่างงี้เนี่ย
“อื้อ”เขาพยักหน้าตอบแล้วยิ้มให้ผม แล้วผมก็ไปนั่งข้างๆเขา จากนั้นผมก็หยิบกีตาร์ขึ้นมาเตรียมเล่น
“นี่นายฉันมีอะไรจะถามหน่อย”เขาพูดขึ้น
“หือ?”
“กีตาร์คืออะไร” พรืด คำถามนี้ทำเอาผมลื่นพรืด ถามมาได้ยังไงว่ากีตาร์คืออะไร มันไม่รู้จักหรอวะ
“นายไม่รู้จักหรอ”
“ไม่รู้จักหรอก มันเอาไว้ทำอะไร แล้วมันมีไว้ทำอะไรอ่ะ”
“กีตาร์ก็คือไอนี่ไง”ผมพูดแล้วชี้ที่กีตาร์ของผม
“มันเอาไว้เล่นเพื่อให้เกิดเสียงเพลง”
“หรอ นายลองเล่นให้ฉันฟังบ้างสิ ร้องด้วย”
“ทำไมฉันต้องเล่นให้นายฟังด้วยล่ะ”
“ถึงนายจะไม่เล่นให้ฉันฟังแต่ยังไงฉันก็ได้ยินอยู่ดี”นั่นดิ จากนั้นผมก็เล่นกีตาร์เพลงโปรดที่ผมกับพวกเพื่อนเล่นกันบ่อยๆ มันเพลินดีนะผมว่ามันเป็นเพลงที่น่ารักดี ผมก็เลยชอบแล้วพวกนั้นก็ชอบตาม
“นี่หรอคือเพลงกีตาร์”เขาถามขึ้น
“มันมีหลายเพลงที่เล่นกับกีตาร์ได้น่ะ”ผมตอบ
“งั้นก็เล่นให้ฟังอีกสิ เล่นให้ฟังให้หมดเลย”จากนั้นผมก็เล่นไปเรื่อยๆเขาที่อ่านหนังสืออยู่ข้างๆก็โยกหัวเล็กน้อยตามจังหวะเพลง พอผมดูเวลาอีกทีปรากฏว่าอีกประมาณสิบนาทีกว่าๆก็จะเที่ยงแล้ว ผมต้องกลับห้องแล้วสิเดี๋ยวพีทคงจะมาตาม
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ”ผมพูดแล้วก็เก็บกีตาร์
“ไปไหนหรอ”เขาถาม
“ไปห้องน่ะ นัดกับเพื่อนไว้”
“ห้องไหนหรอ”
“ห้องฉันน่ะหรอ”
“อื้อ”
“ชั้นห้า ห้องแปด”
“หอนี้หรอ”
“อื้อใช่”จากนั้นเขาก็เงียบไปมองผมเก็บกีตาร์แล้วผมก็นึกขึ้นได้
“ว่าแต่ นายชื่ออะไรหรอ”ผมถามขึ้น
“ฉันหรอ ฟิลิปส์มั้ง มีคนบอกฉันมาแบบนั้น”อะไรกันหมอนี่มันปัญญาอ่อนรึเปล่าวะ จำชื่อตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่กีตาร์และ
“นายไม่รู้ชื่อตัวเองรึไง”
“ไม่แน่ใจ”โอ้ย ปวดหัวว่ะคุยกับไอนี่
“ฉันชื่อเฌอลัน ยินดีที่ได้เจอ”
“ถ้านายชื่อเฌอลันทำไมมีคนเรียกนายว่าเซียด้วยล่ะ”เอ๊ะ หมอนี่รู้ได้ยังไงเนี่ย ช่างเหอะ คงได้ยินล่ะมั้ง
“ชื่อเก่าของฉันคือรัสเซียน่ะ”
“แล้วรัสเซียคืออะไรหรอ”ห้ะ มันไม่รู้จักประเทศรัสเซียหรอวะ
“รัสเซียเป็นประเทศนึงบนโลก”ผมตอบ
“โลกมนุษย์หรอ”
“อือใช่”
“งั้นนายมาจากโลกมนุษย์หรอ”โอ้ย นี่จะถามอะไรนักหนาวะ
“อือใช่ ฉันไปแล้วนะ คุยกับนายแค่นี้กินเวลาไปตั้งนานแน่ะ”ผมบ่นแล้วยกกีตาร์หนี
“ไปกินข้าวหรอ”ดู มันยังจะถามอีก
“อื้อใช่ นายก็ไปกินได้แล้วมั้ง เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะพอดี”ผมพูดแล้วเดินจากไป หารู้ไหมว่าหลังจากที่เด็กชายเดินจากไปเด็กหนุ่มคนนั้นกลับยกยิ้มมุมปากบางๆ
“หึ ไร้เดียงสาจริงๆ”เขาว่าเสียงเบาแล้วก็หายไปกับสายลม
และในที่สุดผมก็ขึ้นมาถึงห้อง พอเปิดประตูเข้ามาก็พบกับไอพีทนอนอืดอยู่ที่เตียง
“เฮ้ยไอพีท นายเข้ามาได้ไงเนี่ย”ผมทักด้วยความอารมณ์เสียแล้วหมอนั่นก็ลุกขึ้นมาจากเตียงเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ก็ปีนหน้าต่างเข้ามา นายไม่ได้ล็อกนี่”พีทตอบ
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อกี้นี้เอง นายไปไหนมาเนี่ย”
“ไปเดินเล่นที่สวนข้างล่างมา”
“ไปไมวะ”
“เอ้า ก็ไม่ชอบอยู่ในห้องนี่ มันอุดอู้”
“เออๆ ปะ ไปกินข้าวกันเหอะ หิวจะแย่และ”จากนั้นผมกับพีทก็ลากสังขารลงมาหาข้าวกินกัน ไม่รู้ว่าวินกับอาริยะสวีตกันไปถึงไหนแล้วไม่ยอมมาให้เห็นหน้าค่าตาเลย แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ ไม่อยากไปขัดความหวาน และผมก็กลับมาถึงห้องอีกครั้ง และไอพีทก็ขอตัวไปนอนเหมือนเดิม มันบอกว่าเก็บแรงไว้สำหรับรับน้องเย็นนี้ เขาว่ารับน้องอ่ะโหด พวกหน้าตาดีๆระวังไว้เดี๋ยวพี่เขาจะเรียกบ่อย โอ้ย แค่คิดก็สยองแล้ว แต่ว่า..ช่างมันเหอะ ตอนนี้ไปจัดระเบียงดีกว่า อุตส่าห์ซื้อต้นไม่น่ารักๆมาตั้งเยอะแยะเพื่อระเบียงสุดสวยของห้องผม ฮ่าๆๆ แถมแค่ต้นไม้ยังไม่พอ ยังได้น้องแมวสุดน่ารักสีดำครับผม ผมชอบแมวที่สุดเลยโดยเฉพาะแมวสีดำ น่ารักสุดๆ
ก๊อกๆๆ เอ๊ะใครมาเคาะประตูเรียกตอนที่ผมกำลังจัดต้นไม้เนี่ย พอผมเปิดประตูมาก็พบกับ...
“ฟิลิปส์”ผมเรียกชื่อเขาอึ้งๆ
“นี่นาย เอ่อ นาย ว่างอยู่รึเปล่า”เขาพูดแล้วไล่มองสภาพผมที่ผมถูกมัดรวบแบบลวกๆ(ผมก็สั้นยังจะมัดได้อีกเนอะ) หน้าที่น่าจะดูโทรมแบบสุดๆเพราะยังไม่ได้ล้าง ชุดที่เป็นชุดนักเรียนไม่มีเน็กไทด์ปลดกระดุมบนเม็ดนึงและคลุมด้วยผ้ากันเปื้อนสีฟ้าน่ารัก ในมือถือกระบองเพชรกระถางน้อยอยู่เต็มมือสองข้าง
“ก็พอว่างนะ นายมีอะไรรึเปล่า”
“ฉันว่าจะมาชวนกินขนมน่ะ”
“อ้อๆงั้นเชิญเลย เดี๋ยวนั่งที่โต๊ะตรงนั้นนะเดี๋ยวฉันไปทำธุระแป้บ ถ้าจะใช้จานก็เดินไปหยิบในครัวได้เลยนะ”จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาสำรวจเล็กน้อยหรือเปล่าไม่รู้แต่ผมรู้แค่ว่าตัวเองต้องจัดสวนก่อน
ฟิลิปส์ ทอค
ผมมารออยู่หน้าห้องสักพัก ในมือถือเค้กกล่องใหญ่เนื่องจากไปสืบมาว่าเด็กนี่ชอบขนม ภารกิจหลักที่ผมรับมอบมาจากนายใหญ่ก็คือทำให้หมอนี่ร้องไห้แล้วไม่ยิ้มอีกเลยและวันนี้ผมก็เตรียมแผนมาอย่างดีก็คือใส่ยาปลุกเซ็กส์ลงในเค้กและก็กุเรื่องต่างๆนาๆขึ้น ไม่นานเด็กนั่นก็เปิดประตูออกมา บอกตรงๆนะผมว่าหมอนั่นดูใสมากๆตัวก็เล็กอย่างกับเด็กประถมแน่ะ ไม่รู้ว่ามันเกิดในช่วงรัฐบาลโกงนมรึเปล่าถึงได้ตัวเล็กขนาดนี้ ผมนั่งมองหมอนั่นจัดต้นไม้ที่ระเบียงห้องอยู่กับลูกแมวตัวเล็กสีดำของเขา มันดูเหมือนผู้หญิงเลยอ่ะ ยิ่งชอบต้นไม้ด้วยยิ่งดูเหมือนเข้าไปใหญ่เลย โอ้ย นี่ผมมาที่นี่เพื่อสืบเรื่องของหมอนั่นนะเนี่ย จะมามัวแต่มองแล้วเพ้อเจ้อได้ยังไงกัน ผมมองไปรอบๆห้องแล้วเดินสำรวจก็รับรู้ได้ว่าหมอนี่น่าจะชอบสีเขียวแล้วก็ชอบอะไรเด็กๆน่ารักๆ ผมเดินไปดูรูปที่อยู่ที่ชั้นวาง มันเป็นรูปของเด็กผู้ชายสี่คนที่อายุเท่าๆกันน่าจะประมาณหกขวบได้แล้วมั้ง ยืนกอดคอถ่ายรูปกัน แล้วก็เป็นรูปสี่คนนี้มาเรื่อยๆเหมือนเรียงการเจริญเติบโต จากหกขวบมาเป็นป.สี่ เป็นม.หนึ่ง ม.สี่แล้วก็เป็นปัจจุบัน แล้วก็มีรูปของหมอนั่นกับคุณไววัลย์สองรูป แล้วก็เป็นรูปที่ถ่ายรวมทั้งชั้นเรียนที่คิดว่าน่าจะเป็นปัจจุบันอยู่ แล้วก็เป็นอัลบั้มรูปถ่ายต่อมา จากการคาดคะเนผมคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่รักเพื่อนน่าดูแล้วก็ดูเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่นด้วย คนดีจริงๆแฮะ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องครัวสำรวจนู่นนี่แล้วก็หยิบจานมาสองใบกับช้อน มาแบ่งเค้กเตรียมไว้ให้ พอหันไปมองก็เห็นหมอนั่นยังรดน้ำต้นไม้อยู่เลย คงใกล้เสร็จแล้วมั้ง พอหันไปมองตู้ที่อยู่ข้างๆชั้นวางรูปก็เป็นชั้นหนังสือที่รูปแบบน่ารักแต่เก็บได้เยอะ ในนั้นมีหนังสืออยู่เยอะมากพอผมเดินไปดูพบว่ามันมีหนังสือเรียนอยู่ศูนย์เล่มครับ เพราะดูว่าในตู้นั้นจะมีแต่หนังสือไร้สาระ ที่ได้แก่ นวนิยายรักวัยรุ่นชายหญิง การ์ตูนรักชายชาย หมอนี่อ่านอะไรแบบนี้ด้วยแฮะ นวนิยายสยองขวัญ แค่นั้นที่แยกประเภทออกมาได้ ดูเหมือนว่าตู้นี้ก็ใกล้ๆจะเต็มอยู่แล้ว แล้วพอหันไปมองตู้หนังสืออีกตู้ซึ่งมีแต่หนังสือเรียนมีความรู้ตู้เล็กๆเหลือที่ว่างอีกเยอะอ่ะ มันสามารถบอกได้ว่าหมอนี่เป็นบุคคลที่ไร้ซึ่งแก่นสารของความมีสาระจริงๆ
“อ่านได้นะ ฉันเก็บไว้เผื่ออ่านแต่คงไม่ได้อ่านหรอกมั้ง นายยืมไปอ่านก็ได้”เสียงของหมอนั่นดังขึ้น พอผมหันไปก็เห็นหมอนั่นเดินเข้ามา เสร็จแล้วหรอเนี่ย
“ดูนายสนใจนะ เห็นตอนนั้นนายยังอ่านหนังสือเลย นายน่าจะเรียนเก่งนะเนี่ย”หมอนั่นพูดแล้วยิ้มให้ผมแต่ที่ตลกคือตาหมอนั่นเหลือนิดเดียว เป็นตายิ้มไปเลย น่าขำชะมัด(และก็น่ารักด้วยในเวลาเดียวกันใช่มะ)
“ไม่ดีกว่า ฉันก็มีเยอะแล้วล่ะ”ผมบอกแล้วไปนั่งข้างๆหมอนั่น แล้วมองรอให้หมอนั่นกินก่อน
“นี่นายไม่กินหรอ ฉันรอนายกินนะเนี่ย”หมอนั่นเงยหน้าขึ้นมาบอกผม
“นี่ฉันก็รอนายกินเหมือนกัน”
“อ้าว แล้วใครจะกินก่อนล่ะ”เขาพูดขำๆ นายอย่าทำแบบนั้นได้มั้ยเนี่ย รู้สึกแย่ชะมัดหลอกเด็กไร้เดียงสาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเนี่ย
“ฉันว่านายกินก่อนดีกว่านะ ฉันเป็นคนทำให้นายกินอยากรู้ว่านายกินแล้วรสชาติมันจะเป็นยังไง”ผมอ้างเหตุผล
“อะๆงั้นก็ได้ กินละนะ”หมอนั่นพูดก่อนจะตักเค้กเตรียมจะเอาเข้าปาก ทำไมถึงรู้สึกแย่ขนาดนี้นะ ปกติทำอย่างงี้บ่อยๆไม่เห็นเป็นอะไรเลย ทำไมทำกับหมอนี่ต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ด้วยนะ และไม่รู้ตอนไหนแต่พอมารู้อีกทีมือของผมก็ไปจับมือหมอนั่นไว้ไม่ให้เอาเค้กเข้าปากจนได้
“มีอะไรหรอ”หมอนั่นถามอย่างงงๆ
“ฉันว่าเค้กมันอาจจะเสียก็ได้นะ ฉันซื้อมานานแล้วพึ่งนึกได้เมื่อกี้ เดี๋ยวนายกินเข้าไปแล้วจะท้องเสีย”ผมหาข้ออ้าง
“อ้าว แต่นายบอกว่าทำเองไม่ใช่หรอ”
“ก็ใช่แต่ฉันคิดว่าฉันใส่ส่วนผสมอย่างนึงเยอะไปน่ะ ฉันว่าเดี๋ยวนายจะท้องเสียไง”
“อ้าว หรอๆงั้นไม่กินก็ได้”แล้วเขาก็วางช้อนลงทำให้ผมสบายใจขึ้น โล่งจริงๆหมอนี่ไม่กินซะแล้ว
“เดี๋ยวฉันเอาจานไปเก็บก่อนนะเดี๋ยวเค้กนี่ฉันเอาไปทิ้งที่ห้องฉันดีกว่า”จากนั้นผมก็เอาจานเข้าไปเก็บ แต่หารู้ไม่ว่าเด็กชายคนนี้มีนืสัยยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ การได้ลองเองคือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด และเมื่อผมออกมาจากครัวก็เห็นหมอนั่นนั่งตัวสั่นอยู่
“นี่นายเป็นอะไรไปหรอ”ผมถามแต่เขากลับไม่ตอบและผมก็สังเกตเห็นเค้กที่วางอยู่ข้างๆ มันถูกกัดไปครึ่งชิ้น หรือว่าหมอนี่จะ...
“นี่นายกินเค้กเข้าไปหรอ”ผมถามเสียงดังพร้อมเขย่าตัวเขาอย่างแรง
“ฉัน..ฉัน”หมอนั่นเงยหน้าขึ้นมาด้วยดวงตาสั่นเทา คงทรมานแน่ๆดันใส่อย่างแรงด้วยสิ
“โถ่เอ้ย”ผมสบถ
“เดี๋ยวฉันช่วยนายเอง กินไปนิดหน่อยคงไม่มากหรอก”แล้วผมก็ดึงหมอนั่นเข้ามาจูบและแน่นอนเขาจูบตอบด้วยความเร่าร้อนรุนแรงแบบสุดๆ ผมจะต้องช่วยเขาให้ได้ ผมเริ่มปลดกระดุมเสื้อแล้วก็เริ่มลูบไล้ตามหน้าอกและแถวๆท้อง ผมว่าหมอนี่คงไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนแน่ๆก็เลยต้องเบามือที่สุด และครั้งนี้ผมจะไม่แตะต้องส่วนนั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม และผมก็เริ่มปล่อยให้ปากบางเป็นอิสระแล้วไล่ลงมาที่ลำคอเรื่อยๆ เมื่อไหร่ยาจะหมดฤทธิ์ซะทีวะ โถ่เอ้ยถ้าเป็นแบบนี้ก็เสร็จกันพอดีน่ะสิ ผมตัดสินใจจูบอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง เพราะอีกไม่นานยาจะหมดฤทธิ์เพื่อเป็นการจบที่ปลอดภัยที่สุดผมจึงตัดสินใจจูบแทน และก็เป็นอย่างที่คาดไว้หมอนี่เริ่มหยุดจูบผมช้าๆแล้วก็สลบลง ดีที่ผมรับไว้ทันก็เลยไม่ตกจากเก้าอี้ แล้วผมก็อุ้มหมอนั่นไปนอนที่เตียง เรือนผมสีคาราเมลยาวนุ่มสลวย ผิวขาวอมชมพูสวยงาม ริมฝีปากบางสีชมพูเป็นธรรมชาติเข้ากับรูปหน้า แก้มเนียลใสที่ตอนนี้แดงแปร๊ดเพราะฤทธิ์ยา ร่างเล็กน่าเอ็นดูไม่ต่างจากตุ๊กตา นี่ผมเกือบจะทำให้ร่างใสไร้เดียงสานี่แปดเปื้อนซะแล้วหรอเนี่ย ผมตัดสินใจติดกระดุมเสื้อแล้วก็แต่งตัวให้หมอนั่นเหมือนเดิม พยายามสำรวจว่าตัวเองสร้างร่องรอยอะไรไว้รึเปล่า และผมก็สังเกตเห็นสร้อยสีอะเมทิสที่อยู่ที่คอของหมอนั่น สร้อยสวยแฮะ ดูมันคุ้นๆจังปรากฏว่ามันคือสร้อยที่ผมเห็นในทุกรูปที่ถ่ายกับเพื่อนของเขาสี่คน มันคงจะเป็นการแสดงความเป็นเพื่อนงั้นสินะ เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจแบบนี้ถ้าเกิดว่าหายไปหมอนี่จะเศร้ามั้ยเนี่ย นั่นสินะ คงจะเสียใจหน้าดูเลยแล้วก็คงจะไม่มีหน้าไปเจอเพื่อนหรอกมั้ง หึหึหึ
และแล้วก็ถึงเวลาเย็น
“เฮ้ย ไอเซียไปกินข้าวกัน”พีทมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องของรัสเซียแต่ไม่มีเสียงตอบรับ
“รัสเซียๆ เฮ้ย ไม่เปิดประตูฉันจะปีนหน้าต่างเข้าไปนะเว้ย”ไม่พูดพร่ำอะไรมาก พีทเดินกลับเข้ามาในห้องตัวเอง เปิดหน้าต่างดูพบว่าหน้าต่างห้องของรัสเซียไม่ได้ล็อกตามเคย ก็เลยปีนไปที่ระเบียงห้องของรัสเซีย เปิดหน้าต่างแล้วเดินเข้าไปอย่างง่ายดาย พอเข้ามาก็เจอกับรัสเซียหลับเป็นตายอยู่บนเตียง เย็นขนาดนี้มันยังนอนอยู่อีกหรอวะเนี่ย
“เฮ้ยเซีย ตื่นได้แล้วโว้ย จะกินมั้ยเนี่ยข้าวเย็นเนี่ยฮะ”พีทตะโกนใส่หูรัสเซียอย่างดัง แล้วรัสเซียก็ค่อยๆงัวเงียตื่นขึ้น
“อ้าวพีท นี่ที่ไหนเนี่ย”ผมตื่นขึ้นบิดขี้เกียจไปมาแล้วค่อยๆเพ่งให้ชัดๆ
“ก็ห้องนายนั่นแหละตื่นรึยังเนี่ย”
“อ๋อ เออเนอะแล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ไง แล้วนี่กี่โมงแล้วเนี่ย”
“เย็นแล้ว จะกินมั้ยข้าวอ่ะ เย็นนี้มีรับน้องนะเว้ย เดี๋ยวพี่เขาก็ว่าเอาหรอก”
“เออว่ะ”แล้วผมก็ค่อยๆลงมาจากเตียงแต่รู้สึกมันมึนตึ้บๆยังไงก็ไม่รู้มันก็เลยทำให้ผมเซแต่ดีนะที่พีทเดินมาประคองไว้ทันไม่งั้นหัวฟาดพื้นตายสมองเสื่อมอีกแน่ๆ
“ไหวปะเนี่ย”พีทถาม
“พอไหวๆ”
“แน่ใจนะ ดูนายไม่ค่อยดีเลยเดี๋ยวฉันบอกพวกพี่เขาก็ได้ว่านายไม่สบายมารับน้องไม่ได้ พี่เขาคงเข้าใจแหละ”
“ไม่ได้นะ ยังไงมันก็เป็นประเพณี ฉันเข้าใจรุ่นพี่นะ อุตส่าห์เป็นรุ่นน้องมาตั้งนานจะได้รับน้องทั้งทีแล้วน้องมาไม่ครบมันรู้สึกแย่แค่ไหน นายก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรอ เดี๋ยวฉันจะไป”จากนั้นผมก็พยายามพยุงตัวไปแต่ก็เซอีก
“ฉันว่านายไม่ไหวหรอก พักอยู่นี่เหอะ”พีทบอกอย่างเป็นห่วง
“นายพาฉันไปห้องนายหน่อย”
“หือ?ไปไม”ถึงพีทจะถามไปอย่างงั้นสุดท้ายมันก็พาผมไปอยู่ดี พอผมเดินเข้ามาปุ๊บผมก็ค่อยๆเดินไปลื้อที่ตู้ข้างเตียงทันที
“เฮ้ย หาไรน่ะ ให้ฉันหยิบให้ก็ได้”พีทบอกแต่ผมก็ยังลื้อต่อไปจนเจอของที่ต้องการ นั่นก็คือ..เหล้า
“เฮ้ย นายจะเอามันออกมาทำไมเนี่ย”พีทพูดแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาผมทันที
“จะกินไง”ผมตอบ
“เฮ้ย นายเนี่ยนะ”
“อือ”
“กินไม่ได้นะเว้ย จะไปรับน้องไม่ใช่รึไง”
“ก็เพราะจะไปรับน้องไงถึงต้องกินไม่งั้นฉันไม่มีแรงแน่ๆ”แล้วผมก็กระดกเหล้าขึ้นทันทีแต่พีทก็จับมือผมไว้ไม่ให้กิน
“นายแน่ใจหรอว่าจะโด้ฟเหล้าอ่ะ”พีทถาม
“เออดิวะ”
“นิดเดียวนะเว้ย”จากนั้นผมก็กระดกเหล้าเข้าปากโดยมีพีทคอยกะปริมาณให้พอเหมาะเพราะผมและพีทเป็นเพื่อนกันมานานก็รู้กันอยู่ว่าใครคออ่อนคอแข็งแค่ไหน อย่างผมก็เรียกได้ว่าคอแข็งพอสมควร ไม่ใช่ว่ากินบ่อยมากมายแต่ไปพบเจอของแบบนี้มาเยอะเพราะพี่ผมเป็นนักธุรกิจก็จะมีคนเชิญไปงานนู้นงานนี้บ่อยๆและผมก็ต้องไปด้วยก็เลยต้องมีกินบ้างตามมารยาทก็เลยค่อนข้างคอแข็งพอควรเลยทีเดียว หลังจากที่ผมโด้ฟเหล้าเรียบร้อยแล้วผมและพีทก็ไปรับน้องทันทีซึ่งเราไปทันนัดเวลาพอดี ไปถึงที่ปุ๊บยังไม่ทันหาอาริยะกับวินเลยเสียงสวรรค์ก็กังวานซะแล้ว
“น้อง แถวตอนเรียงสิบทั้งหมดจัดแถว”
“เฮ้”เนื่องจากเด็กเก่ามันเยอะก็เลยเสียงดังแล้วมันก็เป็นกฎระเบียบเดิมของที่นี่ที่พวกเด็กใหม่อย่างเรายังไม่รู้ก็เลยมีส่วนน้อยที่ไม่ได้ร้องออกไป ทุกคนก็เรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
“นั่งได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”แล้วทุกคนก็นั่งลงฟังรุ่นพี่พร่ามเรื่องกฎระเบียบและประเพณีวัฒนธรรมเดิมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาโดย1ในนั้นคือการอัญเชิญภูตรับใช้โดยให้ทำทีละคน พอถึงตาพีทพีทอัญเชิญได้อะไรรู้มั้ยมันได้สิงโตครับ อย่างเท่ห์เลยอิจฉาสุดๆผมนึกว่าหน้าอย่างมันน่าจะได้แค่ปลากระโห้1ตัวนั่นก็บุญแล้วนะน่ะ
“น้องคะอัญเชิญได้แล้วค่ะ”
“อาครับๆ”ผมพยักหน้าแล้วทีนี้กูจะอัญเชิญยังไงวะเนี่ยใช้ก็ยังไม่เป็นสักอย่าง โอ้ย ทำไงดีวะ
“ทำไมไม่อัญเชิญซะทีล่ะคะ”พี่ผู้หญิงถาม
“คือว่า..ทำยังไงหรอครับ”ผมลองถามด้วยความใจกล้า
“น้องใช้ไม่เป็นหรอเนี่ย”
“ไม่เป็นครับ”
“เอ่อ น้องก็แค่ตั้งสมาธิแล้วก็คิดถึงภาพภูตอัญเชิญที่อยากได้แค่นั้นแหละ”เออ แล้วเราจะเอายังไงดีล่ะ อือไม่รู้สิยังไม่เห็นอยากได้เลยเอาแค่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ก็พอแล้วล่ะ
ตู้ม พอสิ้นความคิดเท่านั้นแหละก็มีระเบิดเกิดขึ้นพอควันจางลงก็ปรากฏตัวผู้ชายร่างสูงคนนึงผิวสีแทนเซ็กซี่ ดวงตาคมเฉี่ยว หุ่นดีมากกกกกเรียกว่าเป็นนายแบบได้เลยทีเดียว ผมทรงรากไทรสีดำออกม่วงๆ ดั้งโด่งริมฝีปากสีแดงน่าจูบรับกับรูปหน้าเรียวดูดี ดวงตาสีเหล้าหันมาสบตาผม
“เอ่อ คนเนี้ยหรอครับภูตรับใช้ของผม”ผมหันไปถามพี่ผู้หญิงที่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆผม
“อาใช่จ้ะ”เธอพยักหน้าแต่ก็ยังตาค้างอยู่กับผู้ชายคนนั้น แล้วเขาก็เดินมาหาผมแล้วคุณเธอข้างๆผมก็หน้าแดงระเรื่อ เอิ่มพี่เขินมันหรอครับพี่ใจเย็นสิครับ แล้วเขาก็เดินผ่านพี่ผู้หญิงคนนั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“นายคือเจ้านายของฉันงั้นหรอ”เสียงเข้มถามขึ้น
“อะ อื้อ”ผมพยักหน้าลง
“หรอ เตี้ยชะมัดเลยแฮะ”เฮ้ย มันว่าผมอ่ะ ผมเป็นเจ้านายมันนะเนี่ย
“อ้าวเฮ้ยแก ฉันเป็นเจ้านายของนายนะมาว่าฉันแบบนี้ได้ไง”ผมโวยวาย
“เตี้ยแล้วยังติ้งต๊องอีก”แน่ะยังไม่หยุดครับ
“เอ่อน้องครับพี่ว่ารีบทำพันธะสัญญาให้เสร็จๆดีกว่านะ”พี่ผู้ชายคนนึงพูดขึ้น
“แล้วพันธะสัญญานี่มันทำยังไงหรอครับ”ผมถามขึ้น
“เดี๋ยวฉันจัดการให้ก็แล้วกัน”ผู้ชายตรงหน้าผมพูดขึ้นแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม
“มองตาฉันดีๆนะ”
“มองทำไม”ผมถามอย่างงงๆแต่ก็มองอยู่ดีแล้วเขาก็ถอยหน้าออกไป
“เสร็จแล้ว”เขาบอก
“แค่เนี้ยหรอ”ผมถาม
“ใช่ แค่นี้แหละ”แล้วผมกับเขาก็เดินออกมายืนอยู่ข้างสนาม พวกผู้หญิงก็หันมามองแล้วหันไปซุบซิบกันก็เข้าใจอ่ะนะว่ามันหล่อแต่เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ
“แล้วนายชื่ออะไร”ผมถามขึ้น
“หือ ฉันน่ะหรอ ไม่มีชื่อหรอก”เขาตอบ
“ทำไมไม่มีชื่อล่ะ”
“เขาก็ให้เจ้านายตั้งให้กันทั้งนั้นแหละ”เขาตอบ
“งั้นฉันก็ต้องตั้งให้นายหรอ”
“ก็เออน่ะสิ”
“แล้วนายชื่ออะไรดีอ่ะ”ผมนั่งคิด แล้วจู่ๆก็นึกถึงหิมะขึ้นมาได้
“นายชื่อเฟิร์สแล้วกันนะ”ผมหันไปบอก
“ชื่อโหลชะมัด”
“ตั้งให้แล้วอย่ามาบ่นได้ปะ”
“แล้วเฟิร์สเกี่ยวไรกับหิมะ”
“นายรู้ได้ไงว่าฉันนึกถึงหิมะอยู่”
“ก็หน้านายมันฟ้อง”
“หน้าฉันบอกขนาดนั้นเลยหรอ”
“เวลาทำสัญญาแล้วฉันสามารถรู้ได้ว่านายคิดอะไรแต่นายไม่รู้หรอกว่าฉันคิดอะไร ฉะนั้นจะพูดอะไรก็พูดตรงๆอย่าให้ฉันต้องอ่านใจนาย”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นล่ะไม่ยุติธรรมเลย”
“มันเป็นของสมนาคุณที่เกิดมาต้องรับใช้ก็เลยได้ของตอบแทนบ้างไง”อันนี้คือแถอ่ะนะความจริงก็ไม่รู้หรอก
“ไม่เห็นยุติธรรมเลยแย่จริงๆ”
“แล้วสรุปเฟิร์สเกี่ยวไรกับหิมะ”
“ก็เฟิร์สสโนว์ไง ตอนแรกฉันว่าจะให้นายชื่อเฟิร์สสโนว์แต่กลัวนายไม่ชอบก็เลยเอาเฟิร์สเฉยๆ”
“ทำไมไม่ให้ฉันชื่อเทาล่ะ”
“นายอยากชื่อเทาหรอ”
“ก็แรกจริงๆนายคิดว่าฉันหน้าเหมือนคนชื่อเทาไม่ใช่รึไง”
“นั่นก็ใช่นะ”
“งั้นก็ให้ฉันชื่อเทาสิเท่ห์กว่าเฟิร์สตั้งเยอะ”
“นายเอาไงก็เชิญเลยเทาก็เทาไม่ว่ากัน”แล้วผมกับเทาก็เดินมาด้วยกันคือผู้หญิงทุกคนที่เดินผ่านเหลียวหลังมองเทากันตรึมเลย เอาจริงปะไมมันต้องหล่อด้วยวะบดบังรัศมีผมหมดเลย - -และผมก็กลับมาที่ห้อง แล้วจู่ๆไอเทาก็เกิดอารมณ์อะไรไม่รู้พิศวาทผมขึ้นมารึไง เทาเดินมาหาผมที่นั่งดูหนังอยู่ที่เตียงแล้วก็พับโน้ตบุ๊คลง อ้าวเฮ้ย คนกำลังดูหนังมันๆเลยแล้วเทาก็ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มมาให้ผม เอิ่ม นี่มันเป็นอะไรของมันวะเนี่ยกินยาไม่ได้เขย่าขวดรึเปล่าวะ
“อะไรของนายเนี่ย”ผมถามขึ้นอย่างสงสัยและมันก็ยังคงมองผมด้วยสายตาแบบนั้นต่อไปแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม
“นายรู้มั้ย”เทาพูดขึ้น
“อะไร”
“การทำสัญญาน่ะมันไม่ได้จบแค่นั้นหรอกนะ”
“อ้าวยังไม่เสร็จอีกหรอ”
“ยัง มันต้องมีอะไรที่มากกว่านั้น”แล้วเทาก็เขี่ยโน้ตบุ๊คออกไปจากระยะทางแล้วค่อยคืบคลานเข้ามาหาผม แล้วผมก็เขยิบหนี โอ้ยสยองไอนี่มันบ้าป่าววะ
“แล้วมันอะไรอีกล่ะ”ผมถามเสียงสั่น แล้วเทาก็มากระซิบข้างหูผมเบาๆ
“มันต้องเป็นของกันและกันก่อนสิ”แล้วเทาก็เลียหูผมเล่นซะผมสยิวไปทั้งตัวเลยแล้วเขาก็ประกบปากจูบผมปากหนาควานหาของหวานจากปากบางอย่างไม่ลดละ มือก็ไม่อยู่เฉยข้างนึงสอดเข้าไปในเสื้อแล้วลูบไล้ผิวสีน้ำนมเนียลส่วนอีกข้างก็ค่อยปลดกระดุมเสื้อนักเรียนแล้วค่อยไล่มือลงมา ทำให้รัสเซียรับรู้ได้ว่าตัวเองลืมอะไรไปอย่างนึง ว่าแล้วผมก็ผลักเทาที่กำลังเคลิบเคลิ้มออกไปแล้วรับลุกขึ้นจากเตียง
“นั่นนายจะไปไหนน่ะ”เทาถามขึ้นด้วยความอารมณ์เสียเนื่องจากผมขัดอารมณ์เขา
“ไปหาของ ขอบใจนะที่นายทำให้ฉันรู้ว่าของหาย”ใช่ครับ สร้อยของผมหายไปสร้อยที่เป็นของที่ซื้อพร้อมเพื่อนของผมหายไป ผมรีบวิ่งออกมาจากห้องทันทีแล้วก็มาหยุดกึกอยู่ที่สวน
“แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ”ผมถามตัวเองแล้วก็นึกย้อนตั้งแต่แรกว่าเราไปเจอใครมาบ้าง ใช่ฟิลิปส์ไงแล้วมันอยู่ไหนวะเนี่ยผมเดินกลับไปถามเคาท์เตอร์
“พี่ครับห้องของคนที่ชื่อฟิลิปส์ห้องไหนหรอครับ”
“แป้บนึงนะ อ๋อได้แล้วห้อง7ชั้น3จ้ะ”เธอตอบ
“ขอบคุณครับ”แล้วผมก็วิ่งจากไป
“แล้วน้องเขาจะไม่ติดกระดุมเสื้อรึไงล่ะนั่น”เธอ พึมพำเบาๆ
และผมก็มาถึงห้องมันซะที
ก๊อกๆๆ
“ฟิลิปส์ๆนี่ฉันเองนะรัสเซีย”ผมพูดแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับพอเปิดประตูไปก็พบว่าไม่มีใครอยู่ อ้าวแล้วฟิลิปส์ไปไหนล่ะห้องก็ไม่ได้ล็อก
“นี่นายเข้ามาได้ยังไงนายเป็นใคร”เสียงของหวานของผู้หญิงทำให้ผมหันไปหา พบว่าคนคนนั้นก็ผู้หญิงแหละครับ ตัวเล็กๆผิวขาวๆดูบอบบางๆเหมือนคุณหนูผมยาวเป็นลอนสีบลอนด์เป็นลอนกับตากลมโตสีชมพูทำให้เธอดูเป็นสาวหวานแหววสุดๆ
“ผมมาหาฟิลิปส์ ฟิลิปส์อยู่ปะครับ”ผมถามขึ้น
“คุณฟิลิส์หรอ”สาวน้อยเสียงพูดเสียงสั่นแล้วมองคนตัวสูงกว่านิดหน่อยที่ทำตาโตอยู่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันดูน่ารักมากสามารถละลายหัวใจของใครหลายคนได้เลยทีเดียว ถึงว่าทำไมคุณฟิลิปส์ถึงพูดถึงอยู่บ่อยๆ
“อือใช่ ฟิลิปส์อยู่ไหมครับ”เด็กชายถามซ้ำ
“อยู่เข้าห้องน้ำอยู่ แค่นี้รอไม่ได้รึไง”ร่างสูงของชายผู้หล่อเหลาเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วตรงมาหาเด็กชายผมสีคาราเมล
“นายหลุดมาได้ยังไงเนี่ยฉันนึกว่าป่านนี้จะเสร็จไอหมอนั่นไปแล้วซะอีก”ฟิลิปส์ทัก
“เสร็จใครเสร็จอะไร”เด็กชายถามอย่างงงๆ
“อ้าวก็ไอภูตรับใช้ของนายไง ฉันเคยคุยกับหมอนั่นด้วยมันหื่นจะตาย มันเคยบอกว่ามันเจอเจ้านายเมื่อไหร่จะจับปล้ำเลยก็เลยนึกว่านายเสร็จมันไปแล้ว แล้วนี่หลุดมาได้ยังไงเนี่ยแล้วไม่คิดจะติดกระดุมเสื้อหน่อยรึไง”ฟิลิปส์ทักแล้วมองผิวขาวเนียลของด็กชายทำให้เด็กชายต้องรีบติดกระดุมเสื้อทันที
“นี่แสดงว่าพึ่งหลุดมาได้ใช่มั้ยเนี่ย”ฟิลิปส์ยังพูดต่อ
“เออใช่ก็เกือบโดนแล้วเหมือนกัน เอ้ย ไม่ใช่ฉันไม่ได้จะมาพูดเรื่องนั้นฉันจะมาถามนายว่านายเห็นสร้อยของฉันมั้ย”ห้ะ หมอนี่สร้อยหายมันพึ่งรู้สึกตัวรึไงวะ
“สร้อยสีน้ำเงินม่วงน่ะหรอ”
“อือใช่นายเห็นมันบ้างมั้ย”เขาถามแล้วทำตาโตในตามีแววตาสงสัยปนเศร้า โอ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นได้มั้ยเห็นแล้วมันใจอ่อนว่ะ
“เห็นสิ”ผมตอบ จริงๆผมสงสารหมอนี่มากก็เลยฝากไอหมอนั่นไปคืนแต่ไม่นึกว่าหมอนี่จะรู้สึกตัวช้าขนาดนี้ไม่น่าสงสารเลยเรา
“อยู่ไหนล่ะ”เด็กชายถามอย่างมีหวัง
“ตอนนี้อยู่กับภูตของนายแล้ว”ผมตอบ
“อ้าวแล้วไปอยู่นั่นได้ไง”
“ฉันเห็นมันร่วงอยู่ก็เลยเก็บไปคืน”
“มันร่วงอยู่ที่ไหนหรอ”
“ก็แถวๆนี้แหละเอาเป็นว่านายรู้แล้วว่ามันอยู่ไหนนายก็ไปเอามันคืนได้แล้วไป”
“อาๆขอบใจนายมากนะ ถ้าไม่ได้นายฉันแย่แน่”
“สร้อยหายมันเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยรึไง”
“มันไม่ใช่สร้อยธรรมดานะ”
“ทำไมล่ะ มันมีอะไรหรอ”
“มันมีความทรงจำของฉันอยู่ในนั้น ฉันเจอมันที่ภูเขาพร้อมๆกับเพื่อนแล้วเราก็แบ่งเป็น 4 ส่วนแล้วเก็บไว้คนละส่วน แล้วเราก็เก็บมันไว้เรื่อยๆจนถึงตอนนี้มันก็ยังอยู่กับเราเสมอ ถ้าเกิดว่ามันหายไปความทรงจำทั้งหมดที่ผ่านมาก็ต้องหายไปด้วยน่ะสิ”
“มันจะหายได้ยังไงในเมื่อนายไม่ได้ความจำเสื่อมซะหน่อย”
“ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน แต่มันสำคัญสำหรับฉันเพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับคำว่าเพื่อน”
“มันสำคัญขนาดนั้นเลยรึไง เพื่อนน่ะ”
“เพื่อนทุกคนสำคัญสำหรับฉันเสมอน่ะแหละ นายก็ด้วยนะ”
“หือ?ฉันด้วยหรอ”
“เราอยู่ชั้นเดียวกันแล้ว ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกัน นายก็เป็นเพื่อนฉัน เราเป็นเพื่อนกันตลอดไปนะ”ผมมองเด็กน้อยที่ยืนยิ้มแจ่มใสให้ผม
“ฉันไปก่อนนะ แล้วเจอกัน”ผมโบกมือลาฟิลิปส์แล้ววิ่งไปลงไปหาเทา
“มันไปไหนของมันวะเนี่ย มันจะมาแถวๆที่สูงแบบนี้มั้ยเนี่ย”ผมบ่นพึมพำแล้วหันไปมองวิวทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงามก่อนจะหันไปสะดุดตากับบางอย่าง นั่นมันสร้อยของฉันนี่ ทำไมไปเกี่ยวกับกิ่งไม้แบนั้นล่ะ ไม่เป็นไรไหนๆก็เจอแล้วก็เก็บมันมาเลยแล้วกัน
เอาล่ะ ฮึ่ย พยายามเข้า ผมพยายามเอื้อมมือไปเพื่อคว้ากิ่งไม้ที่อยู่ห่างจากหน้าผาประมาณเมตรนึง
“โอ้ย แขนก็ดันสั้นอีก”ผมบ่นพึมพำก่อนจะพยายามคว้าต่อไป จนเอื้อมไปถึง
“ได้แล้ว!!”ผมตะโกนออกมาอย่างดีใจแต่ความดีใจนั้นก็แทบดับสลายเมื่อดินที่เหยียบอยู่นั้นถล่มลง
“อ้ากกกกกก”ผมร้องขึ้นด้วยความตกใจแล้วปิดตา ผมคิดว่าตัวเองจะตกลงไปแล้วแต่มันกลับไม่ใช้แบบนั้นเลย มีใครไม่รู้มาคว้าตัวผมไว้ทัน พอหันไปคนคนนั้นก็คืออาริยะ!! และเพื่อนคนอื่นที่ยืนอยู่รายล้อม
“อาริยะ”ผมเรียกชื่ออาริยะเบาๆด้วยความตกใจ เขามาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย ไม่มีรับน้องรึไง อาริยะค่อยๆดึงผมขึ้นมาได้สำเร็จ
“นี่นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย ถ้าตกลงไปตายขึ้นมาจริงๆจะทำยังไงกันฮะ!!”พีทตวาด
“ก็สร้อยมัน..”ผมเงียบไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“พี่เซีย ผมรู้นะว่าสร้อยนี่มันสำคัญกับพี่มากเพราะเราไปเจอมันมาด้วยกันแต่ว่าถ้าพี่หายไปแล้วสร้อยนี้ยังอยู่ผมก็ไม่ยอมหรอกนะ”อาริยะ
“สิ่งของมันไม่สำคัญหรอกครับ มันสำคัญอยู่ที่ใจ”วินพูดแล้วชี้ที่หน้าอกซ้ายก่อนจะยิ้มหน้าทะเล้น ซึ่งมันขำมากๆทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ เข้าใจมั้ยไอเตี้ย”พีทพูดแล้วโยกหัวผมไปมา
“รู้แล้วน่า”ผมพูดแล้วยิ้มรับ ขอบคุณนะทุกคน ทุกคนคือเพื่อนที่ดีที่สุด พวกเราจะเป็นเอนกันตลอดไป ไม่ว่าเวลาจะผ่านนานไปแค่ไหนความเป็นเพื่อนของพวกเราก็จะยังคงเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย
ผมยืนมองกลุ่มวัยรุ่น4คนที่ล้อมวงหัวเราะ หยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่เจิดจ้าและเปล่งประกายกว่ารอยยิ้มใดๆ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความจริงใจที่มีให้ นั่นน่ะหรอรอยยิ้มที่เพื่อนเขายิ้มให้กัน มันสดใสแบบนี้นี่เองสินะ นี่ถ้าผมทำให้รอยยิ้มนั้นหายไปจากใบหน้าใสๆของเด็กน้อยคนนั้นมันจะเป็นยังไงเนี่ย สีสันสดใสบนโลกคงลดลงไปเยอะน่าดูเลยเชียว
“นายยังจะทำมันต่อมั้ย”เสียงคุ้นหูของสหายคนสนิทดังขึ้นจากข้างหลัง
“ฉันจะทำต่อ”ผมตอบโดยไม่ลังเล
“นายยังจะทำอีกหรอเนี่ย”เสียงของบุคคลข้างๆดูฟังเหมือนเยาะเย้ย
“นายก็รู้นี่ว่าฉันเป็นยังไง ถ้าล้มเลิกไปเพราะเหตุผลไร้สาระเหมือนนายก็ไม่ใช่ฉันน่ะสิ”
“หึ ก็แล้วแต่นายเถอะ”
โอ้ย กว่าจะแต่งตอนนี้เสร็จนานมากๆโดยเฉพาะฉากกินเค้กนั่นยากสุดๆเลยอ่ะ จริงๆไรต์ก็เคยอ่านมาเยอะแล้วนะแต่พอลองแต่งเองแล้วไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลยอ่ะT^T อ้อ แล้วก็ตรงชื่อของไอสัตว์อสูรนั่นน่ะ ไรต์เอามาจากชื่อของสมาชิกวงexo ตอนนี้ไรต์คลั่งวงนั้นมากๆ^ ^ ใครมีเรื่องเกี่ยวกับวงเกาหลีอะไรก็มาแชร์กันได้นะตอนนี้ไรต์ยังรู้จักไม่กี่วงเผื่อมาแชร์กันไรต์จะได้บ้าไปด้วยชอบไปด้วยกันไรงี้ คริๆ ยังไงก็ช่วยเมนต์ด้วยนะคะ ขอบคุณคร้า
ความคิดเห็น