คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ ๑
บทที่ ๑
ถ้าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นภาพทำนองนี้ในห้องของบุตรชาย อโณทัยคงจะกรีดร้องลั่นบ้าน แต่นี่หล่อนทำใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปแล้ว ปฏิกิริยาที่แปลกเปลี่ยนจึงมีแค่คิ้วขมวดมุ่น และน้ำเสียงสูงปรี๊ดเขย่าประสาทราวกับนาฬิกาปลุกชั้นดีเท่านั้น...
“ ตาเขตต์ ! ”
ทันทีที่เสียงมารดาสิ้นสุดลง ชายหนุ่มผู้มีผ้าห่มคลุมกายอยู่แค่เอวจึงปรือตาขึ้นด้วยความง่วงงุน พลางเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงแหบแห้ง “ มีอะไรเหรอครับ คุณแม่ ”
อโณทัยปรายตามองจีสติงตัวจ้อยที่ขมวดเป็นปมกองอยู่กับพื้น แล้วทำท่าขยะแขยง กอดอกยืนจังก้าอยู่กลางห้อง พลางจ้องภาพอุจาดตาบนเตียงเขม็ง
เวลานี้เขตต์ตะวันบุตรชายของหล่อนกำลังเสยผมลวกๆ ขณะที่หญิงสาวผิวขาวจัด ผมซอยสั้นซึ่งบนใบหน้ายังมีเครื่องสำอางพอกหนาเตอะนั้นพยายามดึงผ้าห่มขึ้นมาปกปิดเนินอกที่แผ่สล้างกระจะตาอยู่เมื่อครู่อย่างเก้ๆกังๆ
“ เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวเสเพลแบบนี้สักทีฮึ ! ตาเขตต์ อายุก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งคนแล้ว นี่อะไร...อาไร้ ” ประโยคท้ายภรรยาท่านรัฐมนตรีสุรพงษ์ถามเสียงสูงลิ่ว พลางชี้ไปยังบราตัวจิ๋วที่วางพาดอยู่บนหัวเตียง “ สกปรกโสโครก ”
ทำเอาสะใภ้ชั่วคราวของหล่อนก้มหน้าหลบสายตาเขียวปั๊ดที่มองมาด้วยความอับอาย
“ คุณแม่ครับ ” บุตรชายขยับตัวขึ้นพิงหัวเตียง ยิ้มขำ แล้วยักไหล่หนาเบาๆ “ คุณแม่มีอะไร ก็บอกมาเลยตรง ๆ ดีกว่าครับ ”
ปกติ อโณทัยจะต้องมีธุระเร่งด่วนเท่านั้น จึงยอมเหยียบย่างเข้ามาในห้องนอนหนุ่มโสดยามเช้า เพราะหญิงกลางคนเข็ดขยาด เนื่องจากเคยเห็นภาพไม่ดีไม่งามทำนองนี้อยู่เนือง ๆ
มารดาสะบัดหน้าพรืด ตอบเสียงขุ่น “ ลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าวันนี้จะต้องขับรถพาแม่ไปที่รีสอร์ตของเราน่ะ ”
“ อ่อ ” เขตต์ตะวันพยักหน้า “ จำได้สิครับ งั้นคุณแม่ไปรอข้างนอกก่อนดีกว่า ผมจะได้อาบน้ำแต่งตัวเสียที ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์พลางกระเซ้า “ หรือจะให้ผมลงจากเตียงไปตอนนี้เลย คุณแม่คงไม่ถือสาลูกชายตัวเองกระมังครับ ”
“ ไม่ล่ะย่ะ ” อโณทัยโบกไม้โบกมือให้วุ่น
“ แล้วแม่นี่ล่ะ ” ดวงหน้างดงามสมวัยชายตาไปมองหญิงสาววัยต้นยี่สิบหมิ่น ๆ ขณะเจ้าหล่อนทำตัวลีบ หันไปมองชายหนุ่มอย่างหาพวก เขาจึงยิ้มน้อยๆ “ นี่คุณกัญครับ เธอไปร่วมงานเดินแบบกับผมมาเมื่อคืนนี้ ” เขาไขสือ แสร้งทำไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของมารดา
กัญจนพรกระมิดกระเมี้ยนยกมือขึ้นไหว้ไปพลางหนีบผ้าห่มไปพลางอย่างน่าขำ ทว่าไม่ขำเลยในสายตาของแม่ผู้มีลูกทำตัวเหลวไหลอย่างอโณทัย “ ฉันไม่ได้อยากรู้ชื่อเสียงเรียงนามหรอกนะ เอาเป็นว่าฉันจะให้เวลาเธอ 30 นาที เดี๋ยวจะให้นายสำรวยขับรถไปส่งบ้านเหมือนรายคนอื่นๆที่ผ่านมา ” แล้วหันไปสั่งบุตรชายเสียงเฉียบขาด “ ส่วนแก แม่ให้เวลา 1 ชั่วโมง เพื่ออาบน้ำอาบท่า ทานข้าวก่อนเดินทาง ”
เขตต์ตะวันชะโงกหน้าไปหอมแก้มหญิงสาวข้างกายฟอดใหญ่ แล้วยานคางตอบมารดาด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า “ คร้าบ...คุณแม่ ”
เท่านั้น อโณทัยจึงหันหลังกลับ เดินออกนอกประตูไปด้วยความโกรธกรุ่นที่อยู่ในหัว
...ทำอย่างไร หล่อนจึงจะหยุดความเจ้าชู้ของพ่อตัวดีได้สักที...
หลังจากมองท้ายรถประจำครอบครัวที่แล่นออกไปจากตึกใหญ่แล้ว หญิงกลางคนร่างสูงซึ่งยืนกอดอกอยู่ก็หันมามองสามีพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วส่ายหน้า “ ฉันไม่รู้ว่าจะทนดูภาพแบบนี้ไปได้อีกสักกี่น้ำนะคะคุณ ”
รัฐมนตรีสุรพงษ์ยิ้มกริ่มก่อนจะเดินเข้ามาโอบไหล่ภรรยาพลางปลอบ “ ใจเย็นๆเถอะคุณ ลูกเราเป็นผู้ชายย่อมต้องเจ้าชู้บ้างเป็นธรรมดา แล้วพอเวลาเจอคนที่ใช่ก็จะหยุดเองแหละ ”
“ ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ แต่ผู้หญิงคนเดียวที่ตาเขตต์พามารู้จักแล้วดูดี กิริยามารยาทเรียบร้อยก็มีแค่หนูรุ้งคนเดียว หลังๆเจอทีไรก็เห็นผ้าผ่อนไม่นุ่งทุกที ฉันล่ะกลัวลูกจะติดโรคจากคนพวกนี้จริงๆ”
บิดาเขตต์ตะวันหัวเราะ เมื่อนึกได้ว่าภรรยามักจะบ่นเรื่องที่บุตรชายพาสาวๆเข้ามานอน “ กก ” อยู่ในห้องเสมอ ยามที่เมามายกลับมาตอนกลางคืน “ ลูกเราคงระมัดระวังอยู่หรอก ผู้ชายเจ้าชู้น่ะคุณ เขาต้องรู้ว่าควรทำยังไง ”
อโณทัยค้อนขวับ “ สี่เท้ายังรู้พลาดเลย ” ก่อนจะหันมาบ่นต่อ “ เรื่องงานก็เหมือนกัน ตาเขตต์เอาแต่เดินแบบ ถ่ายละครอะไรไปตามเรื่อง ธุรกิจของครอบครัวไม่เคยแตะ ฉันกลุ้มใจจริงๆ ”
“ มานั่งนี่เถอะ ” รัฐมนตรีวัยกลางคนบอกพลางประคองภรรยาให้มานั่งลงบนโซฟาในห้องโถงใหญ่ “ ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เราทำให้ลูกเรียนจบมาได้นี่ก็บุญเท่าไหร่แล้ว จำได้ไหมว่า ตอนเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ เจ้าเขตต์มันเกเรเกตุงขนาดไหน ”
“ ตอนนี้ฉันก็พยายามพาลูกไปเรียนรู้งานที่รีสอร์ตค่ะ แต่ยังไม่พูดเต็มปากเพราะกลัวแกจะไม่ยอม ”
นักการเมืองใหญ่พยักหน้า พลางบุ้ยใบ้ไปยังประตูด้านซ้ายมือ เมื่อมีเสียงคนเดินมา “ มาแล้วโน่นไง พ่อตัวดี ”
เขตต์ตะวันยิ้มเผล่ “ คุยอะไรกันอยู่ครับ คุณพ่อ คุณแม่ ”
“ ก็บ่นกันว่าเมื่อไหร่แกจะมีหลานให้อุ้มน่ะสิไอ้เสือ ” บิดาบอกพลางมองตามร่างสูงที่นั่งลงข้างๆมารดาด้วยท่าทางไม่ยินดียินร้ายแล้วส่ายศีรษะเบาๆ “ ท่าทางจะหมดหวังแล้วล่ะคุณ”
“ แหม อย่าดูถูกผมนะครับคุณพ่อ จะเอากี่คนก็บอกมาเลยดีกว่า ”
ทว่ามารดากลับหน้าตึง ตวัดสายตามามองเขาเขม็ง “ แต่ฉันกลัวว่าแกจะติดโรคตายก่อนที่จะมีหลานให้ฉันได้น่ะสิตาเขตต์ ”
ชายหนุ่มเอนศีรษะได้รูปซบลงบนไหล่ผู้พูดอย่างประจบ พลางตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ โธ่ คุณแม่ก็คิดมาก ผมไม่ประมาทขนาดนั้นหรอกครับ ”
อโณทัยชายตามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแล้วจึงบ่นอุบ “ ฉันมันคนมีเวรมีกรรม เลี้ยงลูกก็ไม่ได้ดั่งใจ ”
รัฐมนตรีสุรพงษ์นิ่ง ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วจึงหันไปเผชิญหน้ากับภรรยาก่อนจะลุกขึ้น “ ผมต้องไปก่อนนะคุณ มีประชุมสิบโมง พอถึงรีสอร์ตแล้วโทร.บอกผมด้วยนะ ตกลงคุณไม่เปลี่ยนใจไปขึ้นเครื่อง หรือ ให้นายสำรวยขับรถไปแทนแน่รึ ” เขาถามย้ำ
ภรรยาส่ายหน้า “ ไม่ล่ะค่ะ ยังไงฉันก็จะลากเจ้าเสือร้ายของคุณไปด้วยให้ได้ ไม่งั้นก็จะอ้างว่าแม่มีคนขับรถให้แล้วเหมือนคราวก่อนๆอีก ”
“ งั้นผมไปล่ะ ขับรถดีๆล่ะไอ้เสือ ” บิดาบอกพลางลุกขึ้น
“ แน่นอนครับคุณพ่อ ” ชายหนุ่มบอกพลางยกมือไหว้ ก่อนจะหันไปถามมารดา “ เราไปกันได้หรือยังครับคุณแม่ ”
ลำแสงสุดท้ายยามอาทิตย์อัสดงฉาบทาสีทองลงบนเกลียวคลื่นวาววาม แม้ทะเลไม่มีวันหลับใหล ทว่าในเวลานี้กลับนิ่งสงบมีเพียงระลอกคลื่นแผ่วเบาซัดขึ้นมาบนฝั่ง ราวกับกำลังรอฟังถ้อยคำบอกรักระหว่างชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมเข้มและสาวน้อยผมยาวสยายร่างสมส่วนซึ่งอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน
“ผมรักพลอยนะครับ ” เขาเปิดปากบอกพร้อมกับส่งสายตาหวานฉ่ำ สองมือยังเกาะกุมมือน้อยแนบสนิท
หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ แก้มแดงเรื่อ เอ่ยตอบเบาๆ “ พลอยก็รักติณห์ค่ะ ”
เมื่อชายหนุ่มรั้งร่างบางเข้ามาแนบชิด และก้มลงจุมพิตเบาๆที่หน้าผากกลมมน หล่อนก็ยิ่งก้มหน้างุดกับอกกว้างสะเทิ้นอาย
ความมืดเริ่มโอบกอดท้องทะเล มองเห็นเพียงเงารางๆที่ตระกองกอดกันแนบแน่น แล้วเงาวูบวาบของร่างระหงร่างหนึ่งก็ก้าวออกมาจากมุมมืด พุ่งตรงเข้าไปกระชากคนทั้งคู่ออกจากกัน
“ นังพลอย นังน้องทรยศ แม้แต่คู่หมั้นของชั้นแกก็ยังไม่เว้น เลว ! ” เสียงผรุสวาทดังก้อง ขณะที่มือเรียวยื่นออกไปชี้หน้าจนสุดแขน
“ ปล่อยเราไปเถอะค่ะพี่พิมพ์ เรารักกันจริง ๆ ” ผู้เป็นน้องอ้อนวอนสุ้มเสียงสั่น
เพียะ !
เสียงฝ่ามือปะทะหน้านวลเต็มแรง จนอีกฝ่ายซวดเซล้มลงกับพื้นทรายฉ่ำน้ำทะเล ขณะที่เจ้าของฝ่ามืออำมหิตยืนยิ้มด้วยความสะใจ
“ เลิกรังแกพลอยได้แล้วพิมพ์ ยังไงๆผมก็รักคุณไม่ได้ ” ชายหนุ่มตอกกลับด้วยเสียงอันดัง พลางโผเข้าไปประคองร่างคนรักให้ลุกขึ้น แล้วโอบกอดเธอไว้ด้วยความหวงแหน
“ คัท ! ” เสียงจากโทรโข่งดังกึกก้อง ยุติสถานการณ์ทั้งมวล
นางเอกดังจึงผละจากอ้อมกอดของพระเอกหนุ่ม แล้วเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่อยู่ห่างออกไป
“ ตีบทแตกเลยค่ะน้องตำลึง ผู้กำกับงี้ชมเปาะเชียว ” สาวประเภทสองผู้มีใบหน้าสวยหวานเดินลิ่วเข้ามาหาพลางเอ่ยชม อนันตญามีวัสนา หรือ เฌอแตมญาติห่าง ๆ เป็นผู้จัดการส่วนตัวมาตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่วงการบันเทิงใหม่ ๆ ต่อมาดาราสาวโด่งดังเป็นพลุแตกจากงานละครเรื่องหนึ่ง วัสนาก็ยิ่งเอาใจใส่ดูแลญาติผู้น้องประดุจไข่ในหิน
“ ขอบคุณค่ะพี่เฌอแตม แต่ตอนนี้พาตำลึงไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเถอะค่ะ เหนื่อยจะแย่แล้ว ” หญิงสาวบอกเสียงเนือย
“ พี่เฌอแตมเตรียมน้ำอุ่นไว้รอน้องตำลึงแล้วล่ะค่ะ ” ผู้จัดการส่วนตัวบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วก้าวนำไปก่อน
อนันตญาพยักหน้า ก่อนจะก้าวตามไป แต่ครู่ใหญ่กลับมีเสียงที่ทำให้เท้าเรียวต้องชะงัก
“ คุณตำลึงครับ รอผมด้วย ” เสียงนุ่มทุ้มดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ ระบายลมหายใจออกมาอย่างรำคาญ
“ คืนนี้ หลังเสร็จจากงานเลี้ยงวันเกิดของพี่วสุแล้วเราไปหาอะไรทานกันต่อนะครับ ” มหิธรเดินอ้อมร่างบางเมื่อเห็นว่าหล่อนไม่ยอมหันหลังกลับไปหา
“ ไม่ดีกว่าค่ะคุณไม้เอก ตำลึงไม่อยากเป็นข่าว ” หล่อนยิ้มน้อยๆที่มุมปากแล้วจึงเดินจากไปก่อน ปล่อยให้พระเอกหนุ่มยืนเคว้งเพียงลำพัง
“ หยิ่งเหลือเกินนะแม่นางเอกหมายเลขหนึ่ง ”ชายหนุ่มเอ่ยกับตนเองด้วยเสียงลอดไรฟัน “ ก็ให้มันรู้ไป ว่าจะหยิ่งไปได้สักกี่น้ำ ” เขามาดหมายก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังกลุ่มคนที่กำลังเตรียมเก็บข้าวของกันอยู่ และหนึ่งในนั้นญาดาวดีดาวร้ายคนสวยกำลังมองมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
“ ไปคุยอะไรกันมาคะ ” หล่อนถามอย่างไม่แคร์สายตาเจ้าหน้าที่ประจำกองถ่ายที่มองมาอย่างสนใจ
มหิธรยักไหล่ก่อนตอบ “ ก็แค่ไปถามว่าพรุ่งนี้จะต่อบทกันกี่โมงเท่านั้นเอง ”
“ แน่ใจนะคะว่าแค่นั้น ” หญิงสาวถามพลางจ้อง
พระเอกหนุ่มต่อตา เขาไม่ยี่หระความรู้สึกของญาดาวดีเท่าใดนัก ในระยะหลัง ๆ สายตาของเขามองว่า หล่อนเป็นหญิงสาวประเภทสวยแต่โง่ ที่ยอมมีความสัมพันธ์กับเขาง่ายดาย หลังจากนั้นก็ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนน่าระอา ทำให้ยิ่งนานวันความรู้สึกดีๆที่เคยมีต่อกันก็ยิ่งถดถอยลง
“ คุณจะซักเอาอะไรล่ะญาญ่า ผมบอกไปคุณก็ไม่เชื่อ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญคุณคิดเอาเองเถอะ ไม่ต้องมาถามผมอีก ” เขากระแทกเสียงก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
ญาดาวดียืนอึ้งอยู่นานจึงวิ่งตามชายหนุ่มพลางร้องเรียก “ไม้เอกคะ รอญาญ่าด้วย ”
แสงไฟในห้องชั้นบนสุดของโรงแรมเป็นสีส้มสลัว เพราะเจ้าของจงใจที่จะไม่เปิดโคมแก้วเจียระไนดวงใหญ่กลางห้อง ทั้งห้องจึงสว่างจ้าอยู่เพียงจุดเดียวคือลำแสงที่ส่องลอดออกมาจากห้องน้ำซึ่งมีเสียงจากฝักบัวดังอยู่เป็นระยะๆ
ครู่ใหญ่สายน้ำจึงเงียบเสียงลงและมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นมาแทนที่ ห้องอันสลัวรางสว่างวาบเป็นทางยาว พร้อมกับประตูห้องน้ำเปิดกว้าง
ร่างอันงดงามโดดเด่นอยู่ในกระจกบานใหญ่ อนันตญาจ้องตอบดวงตาที่มองมาอย่างพึงพอใจ หล่อนเห็นหญิงสาวใบหน้าชวนพิศในกรอบผมสีดำเหยียดตรงหยักปลายน้อยๆอย่างเก๋ไก๋ ต่ำลงมาเป็นชุดราตรีสั้นสีดำเหลือบเงินละเลื่อมเผยไหล่นวลเนียนและอกอิ่มชวนมอง หญิงสาวยิ้มให้ตนเองแล้วจึงหยิบกระเป๋าสีเงินใบเล็กๆเข้าชุดกับรองเท้าสีเดียวกันมาถือไว้
“ ก๊อกๆ ”
เสียงเคาะประตูทำให้ร่างที่เพิ่งนั่งลงบนเก้าอี้กลมหน้าโต๊ะเครื่องแป้งต้องหยัดกายลุกขึ้นเดินไปที่ประตู พลางแนบหน้าส่องลอดประตูแมวออกไป ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดล็อกลูกบิดเพื่อให้อีกฝ่ายก้าวเข้ามาในห้อง
“ อุ๊ย! ทำไมอยู่มืดๆแบบนี้ล่ะคะคุณน้อง”เสียงวัสนาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ ตำลึงเพิ่งอาบน้ำเสร็จค่ะ ”
“ มาๆนั่งลงหน้ากระจกนี่ค่ะ เดี๋ยวพี่จะแต่งหน้าให้คนจ้องน้องตำลึงจังงังจนลืมชื่อตัวเองไปเลย” สาวประเภทสองจีบปากจีบคอพูดพลางจูงมืออีกฝ่ายไปนั่งตามที่บอก
อนันตญาหัวเราะคิกคักทำให้รอยบุ๋มสองข้างแก้มเด่นชัด วัสนามักจะทำให้หล่อนผ่อนคลายเสมอกับความอารมณ์ดีที่มีให้เห็นอยู่เป็นนิตย์ หญิงสาวจึงไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวอย่างที่หลายๆคนแนะนำ
“ หลับตาสิคะ ” ผู้จัดการคนสวยบอกสั้นๆแล้วย่อตัวลงให้พอดีกับใบหน้าของนางเอกสาว พร้อมกับที่หล่อนปิดเปลือกตาลงแล้วนั่งตัวตรงอย่างใจเย็น รู้สึกตัวดีว่าอีกฝ่ายกำลังง่วนอยู่กับใบหน้าของตนอย่างขะมักเขม้น เนิ่นนานเสียงปิดตลับเครื่องสำอางราคาแพงจึงดังขึ้น
“ ลืมตาได้แล้วค่ะเจ้าหญิง ” วัสนาบอกอย่างร่าเริง
ดวงตาคู่สวยเปิดออกอย่างช้าๆ ร่องรอยพึงพอใจปรากฏขึ้นบนเรียวปาก เมื่อเห็นใบหน้าสวยเฉียบของตนในกระจก
“ ฝีมือการแต่งหน้าของพี่เฌอแตมนี่ไม่เคยตกเลยนะคะ” หล่อนชม
ผู้ถูกชมแสร้งยิ้มเอียงอาย “ แหม น้องตำลึงก็ชมพี่อยู่ได้ทุกวัน ”
หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ แล้วจึงทำท่าคล้ายเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ “ พรุ่งนี้อย่าลืมปลุกตำลึงแต่เช้านะคะ ”
ผู้รับคำสั่งเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ในขณะที่ผู้สั่งหลุบตาต่ำสีหน้าสลด เมื่อใจอาวรณ์ถึงผู้ชราที่จากไปแล้ว หากคุณตายังอยู่มารดาของหล่อนก็คงไม่มีโอกาสได้แต่งงานใหม่ และหญิงสาวคงจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวดังที่เป็นอยู่ในวันนี้ วันที่แม้จะเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่กลับอ้างว้าง ราวกับอยู่คนเดียวบนโลก
“ พรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของคุณตาน่ะค่ะ ”
“ อ๋อ ได้สิคะ ” วัสนารับคำแล้วจึงโอบเอวคอดกิ่วอย่างปลอบประโลม เพราะรู้ดีว่านางเอกสาวผูกพันกับคุณตาผู้ล่วงลับมากเพียงใด
“ ทำใจให้สบายค่ะน้องตำลึง อย่าลืมว่าเราเป็นนางเอกแถวหน้าจะต้องสวยสง่าไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ”
อนันตญาพยักหน้า ก่อนที่ไฟในห้องจะดับพรึบลงแล้วมีเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังขึ้นมาแทนที่
...คืนนี้เป็นอีกคืนหนึ่งที่ต้องสวมบทบาทนางเอกท่ามกลางผู้คนมากมาย...
ความคิดเห็น